ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [​IMG]

    ปู่ฤาษีพรหมเมศ

    [​IMG]

    พระราหู ที่วัดพิกุลเงิน อ.บางใหญ่ จ.บางบัวทอง
    วันนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ตามคติจีน และวันนี้เป็นวันเกิดพระราหูด้วยค่ะ วันนี้มีพิธีสวดสะเดาะเคราะห์ที่วัดพิกุลเงิน รอบแรก 15:30 รอบที่สอง 18:00 วันนี้ทางสายธาตุอาจจะไปทันรอบที่สองค่ะ

    ที่เอารูปพระฤาษีพรหมเมศมาแสดงเพราะว่ามีรูปปั้นพระฤาษีอยู่ที่วัดพิกุลเงินด้วยค่ะ มีผู้รู้ท่านหนึ่งบอกทางสายธาตุมาว่า ฤาษีที่อยู่ที่เชิงเขาทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ก็คือท่านพระฤาษีพรหมเมศ หรือพระฤาษีเก้าหน้า หรือพระฤาษีพรหมโลก ท่านมีหลายปางแต่เป็นองค์เดียวกัน ท่านดูแลที่สำคัญในพระพุทธศาสนา อาทิเช่น รอยพระพุทธบาท

    (โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ)​
     
  2. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518

    โชคดี ที่ไทยมี คนดีศรีอยุธยา อย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า
    และพระเจ้าตากสินมหาราช....เราจึงปลุกฟื้นคืนกลับมาเร็ว.

    และก็โชคร้ายที่ไทย มีกษัตริย์อย่างพระเจ้าเอกทัศน์....

    ไม่น่าเชื่อว่าลูกไม้จะหล่นไกลต้น กระเด็นกระดอนไปไกล.
    ต้นราชวงศ์ คือ สมเด็จพระเอกาทศรถ ผู้ร่วมกอบกู้แผ่นดิน และ
    สุดท้ายแห่งราชวงศ์ แถมด้วยการล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา คือ
    ขุนหลวงขี้เรื้อนคนนี้

    ถ้า.......ประวัติศาสตร์จะหมุนเวียนซ้ำรอย....

    ปัจจุบันนี้..เราไม่มีคนดีศรีอยุธยา...เพราะเราไม่ใช่ศรีอยุธยา

    ?????????????????????????????????????
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เทิดไท้ พระสุพรรณกัลยา

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=B3DZqYLDGhA&feature=youtube_gdata"]YouTube - เทิดไท้ พระสุพรรณกัลยา[/ame]



    พี่จ๋า อย่าโกรธท่านเลย น้องว่า ณ สภาวะนั้นมันอาจมีเหตุและปัจจัยก็ได้​
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สำหรับเรื่องพระเจ้าตากสินมหาราช หนูฟังมาอีกสายหนึ่งคือฟังจากหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี

    ท่านบอกสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเป็นพระโอรสของสมเด็จพระเจ้าบรมโกศกับพระสนมคนจีน แต่ไม่ได้เปิดเผย หลวงพ่อท่านสอนว่า ผู้ที่ไม่มีเชื้อสายกษัตริย์จะเป็นกษัตริย์มิได้หรอก เพราะว่าบุญญาบารมีไม่ถึงค่ะ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ก็ไม่สิ้นคนดี หนูคิดและเชื่อว่ามีค่ะ

    ต้นน้ำเดียวกันย่อมแตกเป็นสายน้ำย่อยหลายสาย แต่มิอาจหมายได้ว่าสายน้ำย่อยจะฉ่ำเย็นใสสะอาดดั่งเช่นต้นน้ำได้ทุกสาย ย่อมเป็นไปแล้วแต่สภาพดินฟ้าอากาศที่สายน้ำย่อยนั้นๆจะไหลผ่านไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
  5. of_bd

    of_bd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    สายน้ำย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เมื่ออดีตย้อนกลับคืนไม่ได้ ก็ศึกษาไว้เป็นบทเรียน ครับ
     
  6. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518

    โอม..! (ท่อง..ไว้ก่อนเพื่อตั้งหลักทำใจ)

    ร้านนี้ชื่อร้าน..Tibet..เจ้าของเป็นหนุ่มเนปาลมาได้ภรรยาสาวไทย
    มีร้านอยู่หลายแห่ง ที่มาบุญครอง สีลมคอมแพลกซ์ และเซ็นทรัลเวิร์ล
    ชั้นที่เท่าไหร่ไม่เคยจำได้ซักที เวลาไปต้องไปตั้งหลักที่ร้านเบเกอรี่
    Bread Talk)ซึ่งจะอยู่เยื้องกับร้านTibet.

    {ขอกระซิบบอกดัง ๆ นะคะว่า ร้านนี้พวกเบเกอรี่ ทำตอนนั้นและขาย
    เลยที่พี่ว่า อร้อย อร่อย S คือเค๊กเนยสด (ไม่มีหน้า)เลยทานอยู่อย่าง
    เีดียว และส่งไปถวายหลวงพ่อไพบูลย์ กับครูบาและชาววัด
    ที่วัดอนาลโยฯพะเยาบ้าง เจ้าคุณอาจารย์ที่วัดโสมฯบ้าง พระราชครูวามเทพมุนี
    ที่โบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้าบ้าง เพราะความอร่อยนี่แหละเลยอยากให้ผู้ทรงศีล
    ทั้งหลายได้..ฉัน และ...ทาน บ้าง สงสารท่านต้องฉันแต่ที่คนจัดถวาย

    (ความจริงไปประจบพวกท่าน กลัวหลุดจากตำแหน่ง ศิษย์เอกก้นกุฎิ
    หัวเราะแบบสากล 555 ) }

    พี่อยากให้คุณทางสายธาตุลองชิมบ้างเห็นชอบไปวัด เผื่อจะซื้อไปถวาย
    ครูบาอาจารย์) ....แต่ที่เดิมไม่ต้องไปแล้วนะ เขาอบไปทั้งตึกแล้ว
    ถ้าหาร้าน Bread Talk ก็ไปที่ สยามพารากอน ชั้นใต้ดิน

    ส่วนร้าน Tibet ที่จำได้มี 2 แห่ง มาบุญครองกับสีลมฯ หลังเขาฌาปนกิจ
    ห้างไปแล้ว เลยไม่ขวนขวายไป กลัวกระเป๋าฉีก หมดตัว แล้วฝาบ้านไม่มี
    ที่เหลือให้ติดแล้ว

    ที่นี้มาดู สินค้าในร้าน Tibet นี้ จะขายของเกี่ยวกับวัชรยาน และ ฮินดู
    พวกกำยาน ลูกปัดหินสี กงล้อระฆังมนตรา ฯลฯสวย ๆ ทั้งนั้น ไปที
    หาทางกลับไม่ถูก กิเลสฟุ้ง ชอบไปหมด นั่นก็อยากได้ นี่ก็อยากได้ใหม่ๆ
    ไปที แทบหมดตัว กลับบ้านยังนั่งรวมเงินดู ..เฮ้อ..บ้าได้งัย ฮึ!

    หลัง ๆไป ต้องใจแข็งมาก ๆ เพราะชอบดู เข้าไปในร้านแล้วมันสบายใจ
    เขาจะเปิดเพลงสวดภาษาธิเบตทั้งของพระแม่กวนอิม ของพวกวัชรยาน
    ตันตระ ไพเราะมาก เย็นๆสบายใจ เดินวนอยู่นั่นแล้ว เพลินจริงๆนะ แอร์ก็
    เย็น แต่ ..ก็ไม่เคยรอดกลับมาตัวเปล่าซักที ยุคเขาบ้าหินสีกัน ก็ใจง่าย
    ตามไปบ้ากับเขา
    (ตรงนี้ไง..ที่เคยบอกคุณเมโย ว่า..ท่านผู้กำกับบทถึงไม่ค่อย
    ชอบให้เราฟุ้งไปตามกระแส )
    แต่สวยจริง ๆ สมควรที่สุดแล้วที่ใจง่าย

    ภาพ thangka ,ภาพMandala ,ภาพพระบฏ กงล้อมนตรา,เครื่องมือ
    ในการสวดมนต์ทำสมาธิ(เรียกว่าอะไรไม่รู้ เพราะหลวมตัวไปแล้ว เป็นขัน
    เงิน ลงอักขระอักษรธิเบต มีไม้คล้าย ๆ ใช้บดยาไทย แล้วเขาก็ทำให้ดู
    โดยเอาไม้แตะเบาๆที่ขอบขัน แล้ววนไป เสียงจะค่อย ๆ ดังขึ้นๆ ก้อง
    สะท้านใส เพราะมาก ก็ลองทำตามดู คงเป็นเพราะพี่ไม่ใช่เด็กเส้น
    สายวัชรยาน มันเลยดัง น่าเกลี๊ยด น่าเกลียดเหมือนขันแตก ความที่จะต้องเอา
    ชนะ เขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ แหม.. พระเจ้าไม่เข้าข้างนิสัยที่ไม่ดี
    ลองเท่าใดก็งั้น ๆ เผลอๆ ไล่ลูกค้าเขาเปล่า ๆ แต่ก็ซื้อมา ขันสวย ชิ้นนี้
    พันกว่าๆ ๆ ๆ จำไม่ได้ กลับมาเข้าห้องพระตามปกติ เอาล่ะคราวนี้จะลอง
    ทำสมาธิแบบ วัชรยาน..ดูทีซิ พยายามอยู่หลายคืน ไม่มีอะไรดีขึ้น ช่างคง
    ที่คงวา ดีแท้หนอ แถม เมื่อยมือต่างหาก สมาธิ ภาวนาแบบเดิมเลยพลอย
    กระเจิง ไปด้วย

    ปัจจุบันก็อัญเชิญใส่ตู้โชว์เป็นของประดับห้องรับแขกไป ถามว่าเสียดายมั๊ย
    ไม่เลย ..เพราะ มันสวย ดูขลัง และ เก็บไว้หลอกใครที่มาบ้าน..
    ก็พวกเพื่อนฝูงชอบถามนัก....ประเภท..ขันนี้ท่านได้แต่ไรมา..
    อ๋อ.. ลามะ ธิเบตท่านนำมาฝากให้...ทำชอบสิ่งใดนา..วานบอก
    อ๋อ..แค่จ่ายเงินให้ไว้ ก็ได้ของมา...
    หึ หึ...จริงๆไม่ได้ถามเป็นโคลงแบบนี้หรอก..แต่ประมาณนั้น ก็บอกไปว่า
    คนไหนมีบุญ แตะเบาๆ ก็ดังแล้ว เพื่อนฝูงก็ปลุกปล้ำหลายคน แต่ ยากจริง ๆ
    ได้คนไม่มีบุญกับเราเพิ่มหลายคน แต่ คนที่ทำแล้วดังเหมือนร้านสาธิต ก็มี
    พี่คงไร้วาสนากับธิเบต

    ของที่สวยแบบ..ดูดี..มีราคา..หน้าตา..ไฮโซ้ ไฮโซ..(แต่ราคาซื้อไม่แพงนัก)
    อีกอย่าง เป็น พระโพธิสัตว์ ลอยองค์ เล็กๆ รูปหน้าตาก็เหมือน ภาพThangka
    ของคุณทางสายธาตุ ที่ใช้ในกระทู้นี้นั่นแหละ สวยมาก (อีกแล้ว) ฝีมือเขา
    ดีมาก ทองที่ใช้เพ้นท์หน้าเป็นสีทำจากทองเปลวจริง แนะนำให้น้องไปเอามาซะ
    .. คราวหลังจะได้ไม่ต้องใช้ภาพแบบปัจจุบัน เอาของจริงโพสลงเลย เท่ น่าดู
    555...55 (หัวเราะแบบสากลอีกครั้ง ?)

    สรุปเอาเป็นว่า เขามีสินค้าตามแบบวัชรยาน ตันตระ ขาย สวยๆๆๆๆๆ ของแท้
    จากธิเบต (เขาบอกนะไม่ได้รู้เอง) เพราะเจ้าของเป็นเนปาลี เขาจะบินไป
    เอง

    พวกภาพ Thangka ,Mandala ทั้งหลายที่ใส่กรอบแล้วขนาดเล็กบ้าง
    ใหญ่บ้าง และ ใหญ่มหึมาบ้าง แต่ละภาพราคาต่าง ๆกัน ตั้งแต่ต่ำสุดถึง
    หลายหมื่น ไอ้ที่ต่ำสุดก็หลักพันUP..แต่ถ้ายังไม่ใส่กรอบเป็นเนื้อผ้า เนื้อ
    กระดาษ ฝีมือวาดภาพเกรดพอใกล้เคียง (ไม่เป็นไรหรอก ถ้าเราจะถอยรุ่น
    นี้ออกจากร้านมา จ้างให้..หาคนดูเป็นจริง ๆ ไม่ค่อยมี ยังงัย ยังงัย ก็มา
    จากธิเบตจริง ไม่ได้โม้นี่นา..

    ถ้าสนใจจะไป อย่าไปที่เดิมล่ะน้อง..เขาเผาหมดแล้ว ให้ไปที่สีลม
    คอมแพล็กซ์ หรือ มาบุญครอง ..

    ขอปิดกระทู้..ซื้อของ..ก่อนดีกว่านะคะ
    เกรงใจเจ้าของกระทู้ท่าน ...ชักพากันออกไปไกลกรอบที่ท่านกำหนดไว้
    (ที่สำคัญ เดี๋ยวโดนเก็บค่าโฆษณา ไม่ใช่ร้านเราด้วยสิ เพราะตัวพี่เองก็ยัง
    เอาเงินไปให้เขาบ่อย ๆ catt3 )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  7. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518


    ไม่ได้โกรธหรอกน้อง จะโกรธไปทำไม โกรธใคร แค้นใครในเมื่อ
    ทุกคนในเหตุการณ์นั้นล้วนล้มหายตายจากไปหมดสิ้นแล้ว แล้วเรา
    จะยังหมกมุ่นครุ่นแค้นไปไย อะไรๆ ก็ หมุนเวียนไปหมดแล้ว ..
    เหมือนที่คนไทยอาจโกรธพม่าที่เผากรุงฯ เช่นกัน พม่าคนที่เผา
    อยู่ไหน คนสั่งอยู่ไหน เราจะตามไปโกรธที่ไหน โกรธพม่าปัจจุบัน
    เขาก็ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ด้วย แต่ถ้าจะไม่ชอบพม่าในยุคนี้ นั่นก็เพราะ
    ตัวพวกเขาในปัจจุบันเอง ไม่เกี่ยวกับพม่าพวกโน้นนน.

    และจริงอย่างที่น้องว่า คือ มันมีเหตุและปัจจัย ที่กำหนดขีดทางไว้
    ให้เดินแล้ว ว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่ที่กล่าวไว้คือนึกดูแล้วมันหดหู่ใจ
    และรู้สึกแปลก ๆ เท่านั้น สมมุติว่าพระเอกาฯท่านฟื้นคืนพระชนม์ชีพ
    มาเห็นท่านก็ต้องทรงนึกไม่ถึงว่ากรุงศรีจะล่มตรงนี้
     
  8. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518

    อาจเป็นได้มั้งคะ....เพราะทุกชีวิตย่อมเวียนว่ายตายเกิดอยู่ด้วยกันมาทั้งนั้น
    และล้วนแต่ถูกผูกมัดให้วนเวียนกันอยู่ จากความรัก (รักที่นี้ หมายถึงรักในทุกสถานะ ไม่ใช่หนุ่มสาวอย่างเดียว)มักจะพัวพัน ด้วยสายใยจากกิเลสที่รัดเราไว้
    ให้วกมาหามาเกี่ยวข้องไม่จบสิ้น จะจบต่อเมื่อเข้าสู่พระนิพพาน

    พี่เคยฟังครูบาอาจารย์สายพระป่า สายหลวงปู่มั่น ท่านเล่าให้ศิษย์ฟัง
    ว่า หลวงปู่มั่น กับ หลวงปู่เทศน์เคยเล่าให้พระลูกศิษย์ฟังว่า เมื่อท่านมาพบกันครั้งแรก โดยเฉพาะหลวงปู่เทศน์ ท่านจะรู้สึกคุ้นเคยกันผูกพันกันมาก และมีความดีอกดีใจ จนเกิดกังขาว่าเพราะเหตุใด เมื่อยามเข้ากรรมฐาน ทั้งสององค์ก็ต่างไปกำหนดจิตย้อนดู จึงทราบว่า สมัยพุทธกาล ต่างเคยเป็นเสนาบดีและเป็นเพื่อนรักกันอยู่ในกรุงกบิลพัสตร์มาทั้งคู่

    พอรุ่งขึ้นท่านมาพบกัน ต่างองค์ก็ต่างขำและยังทักเปรยเล่นถึงอดีตที่ผ่านมา
    แล้วก็เกิดปลงสังเวชในชาติภพว่าเวีนว่ายตายเกิดพัวพันกันแค่นี้เอง ล้วนเป็นสิ่งสมมุติอุปโหลก ชาตินี้เป็นนั่น ชาติก่อนเป็นโน่น ยิ่งทำให้ท่านเกิดความเพียรหนักขึ้น บารมีธรรมแก่กล้าขึ้น เพื่อให้หลุดพ้นจากชาติภพ

    แต่ นั่นเป็นพระอริยะบุคคล ท่าสร้างสมบารมีมาแสนนาน ท่านก็รู้เร็วปลงเร็ว
    ไม่ติดยึด

    แต่แค่พวกเรา หรือ สูงไปเป็นเทพพรหม หรือผู้อยู่ในโลกทิพย์ชั้นไหน ๆ ก็ยังมีสิทธิ์กลับมาเวียนว่ายในโลกใหม่ หรือ เลยลงไปต่กว่ามนุษย์ เพราะยังไม่หมดกิเลส แต่อาจเบาบางกว่ามนุษย์ ยังมีอารมณ์รัก ห่วงใย ท่านกล่าวว่า ชั้นอนาคามี ก็ยังเหลือกิเลสบางตัว คือยังติดอีโก้ แต่ตัวอื่นอาจหมดหรือเบาลง

    จึงน่าจะเป็นไปได้ตามที่น้องได้ยินมา แต่ภูมิธรรมระดับเราคงมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ก็ต้องอาศัยบารมีของผู้มีบารมีสูงกว่านำทางหรือบอกใบ้ให้รู้
    และคอยดูแล


    ครูบาอาจารย์หลายท่านเมื่อยังไม่สำเร็จ ท่านก็เคยบอกเล่าว่าเวลาติดขัด ก็จะมีครูบาอาจารย์ของท่าน ส่งจืตมาบอก มาสอน มาเตือน

    เช่นกันเจ้าคุณอาจารย์ของพี่ (พระสาสนโสภณ)วัดโสมนัสฯเคยเล่าให้ลูกศิษย์ที่ไปรับการอบรมกรรมฐานชั้นต้น และขึ้นไปถึงวิปัสสนาชั้นสูง ซึ่งจะไปทุกปี ที่วัดอนาลโยทิพยาราม ครั้งละ 10 วัน

    ท่านจะบอกว่าคนที่ไปให้ปล่อยวาง ละทิ้งเรื่องราว ปัญหา ภาระ หน้าที่การงานไว้ข้างหลังให้หมด ที่นั่นไม่มี โทรทัศน์ วิทยุ มือถือท่านก็ให้ปิด ใช้กรณีจำเป็น ท่านใช้คำว่า ซ้อมตาย... เพราะไอ้ภาระทั้งปวง ความผูกพันห่วงใย รักใคร่ ที่มีอยู่ในวันหนึ่งก็ต้องสิ้นสุด ไม่มีใครหนีพ้นศิษย์บางคน ห่วงแมว ห่วงแฟน ห่วงงาน ฯลฯ มาก็ต้องโทรกลับกังวลว่าเราไม่อยู่ทางนั้นจะเป็นอย่างไร ท่านจึงให้คิดว่า 10 วันนี้เราตายจากมา เขาจะอยู่กันอย่างไร อยู่ได้ไหม สักวันสิ่งนี้ต้องเกิด เมื่อเกิดแล้วจะทำอย่างไรกับภาระทางโลกพวกนั้น

    ในการบรรยายธรรมตอนหนึ่ง ท่านเล่าแบบที่พี่บอกข้างต้น และบอกว่า บางคน อาจมีเพื่อนเป็นเทพเป็นพรหม จากที่เคยเวียนว่ายตายเกิดมา แต่สิ่งที่จะทำให้แยกจากกัน คือบุญกุศลที่ทำสร้างสมมา ถ้าเราทำน้อยกว่า เพื่อนทำมากกว่าผลบุญก็ส่งให้เขาไปอยู่ในภพภูมิที่ดี บางชาติบางภพอาจเป็นเทพเป็นพรหมบางคนก็เป็นพญานาค เหมือนเพื่อนเรียนมาด้วยกัน ทำไมคนนั้นถึงเป็นอธิบดีเป็นใหญ่เป็นโต ทำไมเราจึงด้อยกว่าเขา อยู่ที่ผลการกระทำ

    จำไม่ได้ว่าท่านยกพระไตรปิฏกหรือไม่ ปกติท่านจะพูดอะไร จากพระไตรปิฏกทั้งนั้น ท่านว่า เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ที่บางคนอาจเคยมีเพื่อนที่ตอนนี้เป็นเทพ และความเกี่ยวพันที่มีต่อกัน เมื่อยู่ในภพภูมิที่สูงกว่า เราอยู่ต่ำกว่า เขาก็มีความห่วงใย คอยตามดู ถ้ามีโอกาสฃี้นำทางที่ดีได้แบบไหนก็ทำ ตรงนี้ที่คนมักกล่าวว่า คนนั้นคนนี้มีเทพ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลปกป้อง

    แต่..ที่น้องว่ามา ถ้าใจพี่อยากจะขอใช้ว่า สายบุญกุศลที่เคยทำ เคยเกื้อกูล
    เคยอุปถัมภ์กันมาไม่ว่าจะในสถานะอะไรก็ตาม เอาอย่างนี้..พี่จะเล่าอะไร
    ให้ฟัง (แต่บอกก่อนว่าใช้วิจารณญาณในการคิดแล้วกันค่ะ)...
     
  9. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ครั้งหนึ่งพี่เคยฝันว่าไปที่วัดไหนสักแห่ง เดินเที่ยวไปรอบๆ จนมาถึงกุฏิเล็ก ๆ เตี้ย ๆ ก็เห็นพระมีอายุมากรูปหนึ่งนั่งอยู่หน้ากุฏิ พี่ก็เข้าไปกราบ ท่านก็ยิ้มใจดี และสายตาคุ้นเคย ขณะนั้นตัวรู้ที่ผุดขึ้นมาในฝัน คือ "หลวงปู่ทิม"

    แล้วก็ตื่น จำหน้าตา ได้ชัดเจนมาก รอบ ๆ วัดก็พอจำได้ ก็นึกงง เอ หลวงปู่ทิม ไหน ไม่เคยพบเคยรู้จักเลย

    ไปถามน้องชาย ว่าเคยได้ยินชื่อหลวงปู่ทิมมั๊ย เขาก็บอก ทิมไหนล่ะมีอยู่ 2 ทิม องค์หนึ่ง วัดระหารไร่ ระยอง อีกองค์วัดพระขาว อยุธยา พี่ก็บอกไม่รู้แต่เห็นหน้าจำได้ เขาก็ชวนวันหลังลองไปดูที่ระยองก่อน

    ความที่ไม่ใส่ใจเท่าไหร่ตอนนั้น ใจก็อยากไปดูว่ามันยังงัยกัน แต่ความขี้เกียจจะเดินทาง ก็มาก ผลัดไปเรื่อย และก็ลืมไป จนเกือบ5-6เดือน วันหนึ่งก็หยิบไทยรัฐมาดูพาดหัว เห็นมีรูปพระอยู่มุม มองดูก็ จำได้รีบไปบอกน้องว่า นี่ไง ๆ พระองค์นี้ ที่เคยฝันเห็น น้องเขาบอกว่า นี่หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ระยอง แต่น่าเสียดายมาก ข่าวลงว่า ท่านมรณะภาพ ละสังขาร

    เราก็เสียดายว่าไม่ได้ไปเจอตัวเป็น ๆ หลายปีหลัง ๆ ก็มีฝันเห็นพระสงฆ์แบบนี้อีก ชัดเจน อย่างน้อยต่างกรรมต่างวาระกัน รวมแล้ว 3 องค์ ใน 3 องค์ มีที่รู้จักชื่อเสียง บารมีท่านขั้นพระอริยะที่เขากล่าวว่าท่านบรรลุแล้ว 1 องค์ แต่ท่านมรณภาพไปก่อนเราเกิดอีก

    นอกนั้นไม่เคยรู้จัก หรือได้ยินมาก่อน และก็มาต่างกรรมกัน มีอยู่อีกองค์หนึ่ง ในฝันเราตื่นขึ้นในกระท่อมเล็ก ๆ มุงจากฝาขัดแตะไม้ไผ่ พื้นเป็นดินทุบเรียบ มีหม้อดินต้มยากำลังเดือด

    แล้วเห็นพระยืนอยู่มีเด็กรุ่น ๆผู้ชายนั่งอยู่แทบเท้าท่าน รูปร่างท่านสูงใหญ่

    ท่านบอก " เอ้า กินยา ต่อชีวิตให้แล้ว กลับไปได้ เดี๋ยวให้เขา(ลูกศิษย์)พาไปส่ง "
    ก็เดินออกมานอกกระท่อมเป็นทางดินแคบ ๆ ปลูกสมุนไพรล้อมหมด แล้วก็ตื่น พบว่าเรามานอนปลายเตียงได้อย่างไรไม่รู้ แถมอาเจียนมากมาย และแฟนพี่กำลังเขย่าเรียก ก็งง แต่จำได้ว่าหลับ ๆ อยู่ ใจมันสั่นมาก วิบวิบ เหมือนจะหลุด จะขาด จนรู้สึกตัวตื่น กลัวมาก ว่าจะตายมั๊ย ก็รีบภาวนา พุทโธ ๆ นานทีเดียวก่อนจะไม่รู้สึกตัว มาอีกทีก็ในกระท่อม และอีกทีก็ตอนเขาปลุกเพราะอาเจียนมาก เขาบอกเรียกตั้งนานไม่รู้สึกตัวเลย

    ก็เล่าให้น้องฟังอีก ทีนี้ไม่รู้จะว่าอะไร เพราะชื่อก็ไม่รู้ ก็จบไป รุ่งขึ้นเขาชวนไปกราบพระ บอกมีพระป่าสายหลวงปู่มั่นมาพักที่วัดมงกุฏ ก็ตามไป พอเดินขึ้นกุฏิเห็นท่านนั่งอยู่บนยกพื้น กราบแล้วเงยหน้าดู ตกใจมาก เพราะท่านคือพระที่บอกเอายาให้กิน ต่อชีวิตให้แล้ว ก็แอบสะกิดน้อง บอก พระองค์นี้ที่เอายาให้กิน น้องเขาก็พยักหน้า ไม่พูดอะไรกลัวท่านจะว่า

    ท่านก็มองมาหน้าตาเฉย แล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง ไสมาให้ตรงหน้าพี่ เราก็รับมาเิปิดดู
    เป็นหนังสือประวัติท่าน เลยรู้ว่า ท่านคือ หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ วัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ก็แค่นั้น เพราะยังไม่สนใจเรื่องวัดวาเท่าไหร่

    ตอนหลังไปวัดพระศรีมหาธาตุ เจอพระรูปหนึ่ง คุยกันถึงรู้ว่าท่านอยู่วัดหลวงพ่อทูล บอกท่าน ทูล ขิปปปัญโญ ใช่ไหม ท่านก็แปลกใจว่ารู้จักหรือ บอกว่าเปล่า แล้วเล่าให้ทันฟัง ท่านก็ตื่นเต้น บอกให้ขึ้นไปที่วัดสิ แล้วก็เหมือนเดิมลืม ๆ ไป หลายปีต่อมา ไปเรื่องงานที่อุดร เห็นป้ายเขาขึ้นว่า ทำบุญกี่รอบๆที่หลวงพ่อทูลมรณะภาพ เลยถามรายละเอียดเพื่อนที่นั่น จึงรู้ว่าไปอีกองค์แล้ว

    จนเริ่มมาปฏิบัติธรรม ก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดที่ฝันเห็นพระที่ไม่รู้จักแต่มีตัวตนให้เจ้าคุณอาจารย์พระสาสนฯ กับหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโย ที่พะเยาฟัง ทำไมเราไปฝันได้อย่างไร ทั้งที่ไม่เคยรู้จัก

    ทั้ ง 2 ท่านบอก แสดงว่าเราเคยเกี่ยวข้องกี่ยวพันกับท่านมาไม่ภพใดภพหนึ่ง ก็ถามว่า แล้วแต่ก่อนไม่เห็นเคยฝันแบบนี้เลย พระอาจารย์ท่านบอกว่า........................

    ".แต่ก่อนโน้น เรายังไม่ได้เดินเข้ามาในสายทางของท่าน ท่านก็ไม่มายุ่งเกี่ยวอะไร แต่ตอนนี้ เราเข้ามาปฏิบัติธรรม เท่ากับเดินเข้าสู่ถนนสายเดียวกับท่านแล้ว ท่านจึงสื่อมา ถามต่อว่า ทำไม ..พระอาจารย์บอก..เพราะเคยเกี่ยวข้องกันมา อาจเป็นพ่อลูก หรือศิษย์อาจารย์กันมา ท่านก็ยินดีที่เราเข้ามาเดินในสายทางนี้ ท่านจึงจะมานำทางให้ ถ้าเราไม่เข้ามาทางธรรมเลยเท่ากับอยู่คนละทางกับท่าน เลยนมัสการถามต่อว่า แล้วเราต้องทำอะไร

    ท่านบอกไม่ต้องทำหรอก นอกจากเวลาจะปฏิบัติมีอะไรติดขัดก็ให้น้อมจิตนึกถึงทั้ง 3 องค์ขอบารมีท่านโปรดช่วยนำทางเราให้ก้าวหน้า และถูกทางตามรอยท่านที่เดินไปก่อนแล้ว

    ทีนี้เวลาพี่นั่งกรรมฐาน บางครั้งก็ลงเร็ว บางทีก็ไม่เข้าเลย จนชักจะท้อ ทำไมทำไม่ได้แบบก่อน ๆ นึกถึงคำบอกพระอาจารย์ได้ ก็ยกมือไหว้กำหนดจิตไปกราบนมัสการทั้ง 3 องค์ขอบารมีธรรมช่วยนำทางในการปฏิบัติของเราให้เจริญก้าวหน้า ยิ่งขึ้น อย่าให้ไขว้เขวออกไปในทางที่ผิดจากคำสอนของพระศาสดา

    จะอุปาทานหรือไม่ ไม่รู้ค่ะ พออธิษฐานเสร็จก็เริ่มต้นกำหนดจิตใหม่ กำหนดนึกถึงหน้าทั้ง 3ท่านแล้วค่อย ๆ กำหนดจิตภาวนา ก็ OK.จิตสงบเข้าถึงความละเอียดอ่อนเร็วขึ้น ดิ่งลึกง่าย แล้วนั่งได้นานกว่าที่ตั้งใจไว้

    ที่พี่เล่ามาเสียยาวมิิิิิิิใช่เพื่อโอ้อวด อะไร แต่เพื่อจะยกตัวอย่างจากสิ่งที่พบเจอ และมีครูบาอาจารย์ระดับพระสุปฏิปัณโณ ชั้นราช..และพระสาสนโสภณ ที่กรุณาไขข้อข้องใจให้เรา

    พี่จึงเชื่อเรื่อง บุญกรรมที่เคยร่วมทำและเกี่ยวข้องกันมาในอดีตชาติ ว่ามีจริง
    เพียงแต่รอจังหวะเวลา โอกาส เท่านั้นว่า เมื่อใดใครจึงจะสามารถมาเกื้อกูลกันได้


    โดยนิสัยส่วนตัวพี่เป็นคนเชื่อคนยาก ศรัทธาคนยาก ใครจะบอกเยี่ยมยอดแค่ไหน ก็รับฟัง ไม่ขัดไม่ดูแคลน แต่เชื่อหรือไม่ อีกเรื่อง จนกว่าจะยอมรับด้วยตัวเอง จึงมักเจออะไรพิลึกพิลั่นบ่อย ล้วนแล้วแต่ประหลาดผิดมนุษยมนาเขาแบบจัง ๆ พูดไม่ออก กว่าจะยอมรับและเชื่อว่า ในโลกนี้มีอะไรอีกมากมายที่เรายังเรียนรู้ไม่หมด และคาดไม่ถึง โลกไม่ได้มีเท่าที่เราเห็น สัมผัส จับต้องได้ แต่มีอะไรอีกเยอะที่เราจับต้องได้แค่ นามธรรม เพราะไม่มีรูปธรรมให้สัมผัส

    ไม่รู้ตอบถูกประเด็นหรือเปล่า ลำพังถ้าครูบาอาจารย์ไม่กรุณาชี้แนะ เราก็หาคำตอบให้ไม่ได้ว่าอะไร ทำไม พี่ว่าคุณทางสายธาตุ...มีโอกาสดีดี ได้ไปตามวัดที่มีอะไรมากกว่าคำว่า วัด และพบครูบาอาจารย์ที่ไม่เบา คงรู้คำตอบอยู่แล้ว เรื่องที่กล่าวกันว่า สายใคร สายใคร คือ ใครเคยเกี่ยวข้องกับใครมานั่นเอง

    แม้บางคนจะไม่มีโอกาสรู้ด้วยตัวเอง แต่ผู้ที่อยู่อีกมิติท่านรู้ ท่านก็คอยชี้นำดูแลเราเอง ขอแต่ให้เราบำเพ็ญแต่สิ่งที่ดีงามไว้เป็นการปูทางให้ท่านเหล่านั้นเข้ามาหาได้ง่าย แต่ถ้าตรงกันข้าม ด้วยภูมิธรรมที่ต่างกันจะปิดกั้นทางเขื่อมโดยปริยาย

    โปรดใช้วิจารณญาณประกอบการอ่านนะคะ
    อย่าเชื่อและฟังในสิ่งที่คนอื่นบอก จนกว่าเราจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง
     
  10. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518


    มนุษย์เราเปลี่ยนแค่ร่างกาย เหมือนสวมเสื้อผ้า เดี๋ยวชุดนั้น ชุดนี้
    แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลย คือ จิต มีแต่ยิ่งนานเข้า มากภพมากชาติเข้า
    ก็ยิ่งจดจำ บันทึกเก็บไว้มากขึ้น

    มีครูบาอาจารย์ของพี่ พรอาจารย์บุญกู้ฯ ตอนนี้วัดพระศรีฯนิมนต์
    ให้มาเป็นองค์อบรมกรรมฐานพระนวกะและพระธรรมทูต และประจำ
    อยู่วัดพระศรีมหาธาตุ ท่านเป็นพระป่า สายหลวงปู่มั่น ท่านบอก
    เมื่อพี่นมัสการถามท่านครั้งหนึ่งว่า

    "ถ้าคนที่เคยมีบารมีธรรมจากการปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนามามาก
    ในชาติก่อน เมื่อตายลงไป แล้วมาเกิดใหม่ บารมีเหล่านั้นที่กล่าวกันว่า
    จะติดตัวผู้ปฏิบัติไปทุกชาติภพ จะมากระตุ้นให้จำแล้วเดินต่อไปได้เลย
    หรือต้องมีการรื้อฟื้นเริ่มต้นใหม่."

    ท่านบอกว่า"เมื่อเขาโตพ้นวัยทารกมา จริตนิสัยของเขา หรือความ
    สนใจของเขา จะแสดงออกมาถึงสิ่งที่เขาเคยมี เคยทำ มากกว่าความ
    สนใจของคนปกติ เช่น จะสนใจเรื่องวัดวา เรื่องธรรมะ การสวดมนต์
    ไหว้พระโดยไม่มีใครต้องไปจ้ำจี้จำไช ทั้งที่ยังเป็นเด็ก หรือบางคน
    แค่ผู้ใหญ่ หรือมีสิ่งใดที่พบเห็นก็จะเป็นตัวเร้าให้เขาสนใจ และเมื่อถึง
    เวลา ที่โตเต็มที่ เพียงปฏิบัติไม่นาน บารมีเก่าก็จะหลั่งไหลเข้ามา
    เติมเต็มให้เขาก้าวต่อไป

    ดังนั้น..ผู้กำกับบท เคยเปรยว่า กี่ชาติกี่ภพก็เหมือนเดิม เคยเป็นมา
    แบบไหนก็แบบนั้น (ที่กล่าวนี้ รู้สึกกล่าวด้วยความระอา..ว่าเราก็รั้น
    ก็หัวแข็ง ขี้เกียจ ชอบสนุก ชอบสบาย ชอบโต้แย้ง ทำอะไรก็
    จะต้องทำให้ได้ ไม่เปลี่ยน ก็ ไม่รู้รวมนิสัยเสีย ๆอะไรไว้อีกบ้าง
    ที่ท่านว่ามา อย่าว่าแต่รุ่นเลย เด็ก ๆ พี่น้องผู้ชายเขาทำอะไร พี่ก็
    ต้องทำให้เหมือนเขา ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ต้องทำได้

    เอวัง.....
     
  11. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518


    จะกี่ปี กี่ภพ ที่ผันผ่าน
    ไม่มีวัน..ลืมร้างทาง ร่วมสรร
    ถึงตายจาก..พรากกัน..แค่ ชีวัน
    จิตสำนึกใต้นั้น..มั่นมิคลาย

    ไม่มีวัน..ลืมรอย..ย่าง..พระบาท..
    ด้วยทุกยาตรา..ไท้..ใหญ่ยิ่งหลาย
    ยังจดจำ...เสียงม้าศึก ..กึกก้องไกล
    เสียง..คมหอก ทวนไซร้ พระ..กรายกร

    งามสง่าดุจ อิศวร ทรงรำร่าย
    เสทือนไกลท้องสมุทร ..ถึงสิงขร
    พระย่ำกราย...ไพรี..นี้ม้วยมรณ์

    เดชขจร ลือหล้า...ราชาไฟ..

    ฤาจักลืม..พระเมตตา..ฝ่าพระบาท
    ทรงห่วงใย..แม้คราคลาด..ลับเนตรหาย
    จะกี่ชาติ กี่ภพ..จบวางวาย
    จักให้ถอนลืม..ไท้...กระไรเลย


    แสนปวดร้าว..คราวจาก...พระฤาสาย
    มิได้กราบ..วรกาย ..บาท..เฉลย
    ว่าข้าน้อย... จักเทิดไท้..ไว้ดั่งเคย
    กี่ชาติภพมิลบเลยแม้สักครา..


    พระเอย.....ยังหอมกลิ่น..สุคันธาขจรจบ
    ตามรอยบาท...พระจอมภพ..คุ้นนาสา
    มอบถวาย..บุญกุศล..บำเพ็ญมา
    แทบพระบาท.
    .เจ้าฟ้า...ขุนหอคำไตย
     
  12. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Y3wzWi5i8zo]YouTube - มาร์ชสมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/ame]
    มาร์ชสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    สาธุ ขออนุโมทนา

    ซาบซึ้งสุดที่จะพรรณา

    มิกล้าที่จะกล่าวขานคำใดได้
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วันนี้อ่านเรื่องของพี่แล้วหนูนั่งน้ำตาไหล จิตไม่ได้เศร้าแต่น้ำตามันไหลเรื่อยๆอยู่ตอนนี้

    หนูคุ้นเคยกับพระทิเบตด้วยจิตลึกๆค่ะพี่ บางคนเห็นพระทิเบตแต่งตัวเต็มยศแล้วจะรู้สึกว่าน่ากลัว หนูก็เคยกลัวเพราะสมัยดูหนังจีน เช่นเรื่องมังกรหยก ดาบวงพระจันทร์ หนังฮ่องกงมักจะให้พระทิเบตเล่นเป็นตัวร้าย เป็นนักฆ่า ทำให้คนไทยหลายคนติดภาพโหดร้ายในตัวพระทิเบต ซึ่งจริงๆไม่ใช่

    พระทิเบตใจดีมากในความรู้สึกหนู เมตตากรุณาแบบที่พระแม่กวนอิมทรงสอน หนูเองเคยสัมผัสเห็นพระทิเบตองค์หนึ่งอยู่ในภูมิประเทศที่แห้งแล้วกันดาร กำลังเดินขึ้นเขาสูงใหญ่ตระหง่าน คล้ายๆเทือกเขาหิมาลัย ท่านช่วยเด็กทารกแบเบาะเพศหญิงอายุเดือนเศษๆคนหนึ่ง ที่ถูกทอดทิ้งไว้บนโขดหินในป่าเพราะพ่อและแม่ของทารกนั้นอดอยากยากแค้นไม่มีปัญญาเลี้ยงเด็กคนนี้ พระทิเบตองค์นี้อุ้มเด็กคนนี้ เอาผ้าพันเด็กไว้กับตัวท่านด้านหลัง แบบชาวเขาพันลูกไว้ด้านหลัง แล้วพาเด็กน้อยคนนี้ไปเลี้ยงที่สำนักแม่ชีบนเขา วัดพระ กับวันแม่ชีจะอยู่กันคนละวัด แต่อยู่ใกล้กันบนเขา ข้อวัตรปฎิบัติของพระและแม่ชีทิเบตเคร่งครัดมากๆ ภาพนี้นึกถึงทีไรน้ำตาไหลทุกที (หนูเป็นคนไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องไห้ของหนูคือน้ำตาไหลเท่านั้น) หนูซาบซึ้งในความเมตตาของพระท่าน หนูถึงชอบฟังเพลงบูชา คุรุริมโปเช เพราะทำให้ระลึกถึงพระทิเบตองค์นั้น คุรุ แปลว่า ครู ริมโปเช แปลว่าอะไรไม่ทราบค่ะ


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-jMLxaZR92g"]YouTube - ???? ???????[/ame]​

    ทำนองเพลงนี้ทำให้เห็นภาพพระทิเบตท่าน เข้มแข็ง บึกบึน แต่มีเมตตาสูง​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010
  15. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    หนทางยังมีอยู่หลายสาย หากแต่ใครจะเลือกทางใด

    ...ถนนหลายสายทอดทาบอยู่กับพื้น แต่ละสายล้วนมีจุดหมายเฉพาะ บางสายเราอาจจะดั้นด้นเดินถึง โดยไม่ต้องอาศัยคนชี้บอก แต่บางสายต้องอาศัยคนชี้บอก มิฉะนั้นจะพลัดหลงออกนอกทาง โดยเฉพาะทางนำเข้าสู่ความพ้นทุกข์ที่ท่านเรียกว่า “เอกายนมรรค” คือ “ทางสายเอก” นั้น ต้องอาศัยการชี้บอกจากท่านผู้เคยเดินถึงเท่านั้น เบื้องแรกความสำคัญอยู่ที่คนชี้บอก แต่ต่อมาความสำคัญอยู่ที่ตัวเรา หากตัดสินใจเดินจริงๆ จะต้องศรัทธา เชื่อมั่น บากบั่น พากเพียร และที่สำคัญอย่ามัวลังเลสงสัย เพราะมันคือแมลงร้ายที่เกาะกัดกินใบอ่อนศรัทธา ครั้นใบอ่อนศรัทธาถูกแมลงร้ายรุมแทะทำลายก็เสื่อมคลายกลายเป็นความท้อถอย ทางที่เคยทอดตรงจะคดเคี้ยวทันใด ทางที่เคยสว่างไสวก็มืดมนทันที ต้นธารแม่น้ำคงคาอยู่ที่ปากถ้ำของเทือกเขาหิมาลัย ไหลทะลักลงมาระยะทางแสนยาวไกลกว่าจะถึงมหาสมุทร แต่เมื่อรี่ไหลอยู่เรื่อยๆ ไม่หยุด ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย เช่นเดียวกัน ...(โพธิธาร:สายธารแห่งความรู้แจ้ง เว็บบล็อกโดย พระมหาอุเทน www.bodhifara.net)



    บนหนทางยาวไกลแห่งชีวิต
    ล้วนลิขิต..ทางเดินไซร้..หลายสาขา
    แล้วจักรู้ทางไป...ที่ใดนา..
    บุญ..นำพาบอกทางธรรม..กรรมทางมาร

    พระพุทธองค์ทรงเริ่มชี้..ทางสว่าง
    ด้วยมรรคแปดเห็นกระจ่างทางสวรรค์
    ชิโนรสผู้สืบทอด ประทีป..ธรรม์
    ประคองผ่านพ้นเหวกว้าง..หนทางไกล

    อันมนุษย์ส่ำสัตว์ในแหล่งหล้า
    ล้วน บุญ กรรม ส่งมาให้อาศัย
    จะเลือกเดินซ้าย ขวา..ได้อย่างไร
    ถ้าผลกรรมกำหนดไว้..ไปตามกรรม

    บางคนทำกรรมดีมีอิทธิฤทธิ์
    ส่งจริตนำไปใครเล่าหาม
    บางคนทำบุญฤทธิ์พินิจตาม
    ก็พบความสงบเย็นเช่นศาสดา

    แต่จะเดินสายใด...ให้เดินเถิด
    จะอ้อมเขา ลำธารเพลิดสุขหรรษา
    เสียเวลาเพราะเดินอ้อมแยกมรรคา
    เมื่อหมดความสนุกพา..เข้าทางตรง

    ถ้ากระทำกรรมดีรังษีเกิด
    จะพบกันปลายทางเลิศ..ไม่เดินหลง
    สรรพสิ่งล้วนมีจุดหมายประหนึ่งธง
    นั่นคือการดำรง..สู่นิพพาน

    ดังนั้นจะเดินทางสายใดมุ่งไปเถิด
    อย่าเตลิดวกลงไป นรกสถาน
    บ้างดวงจิตสถิตอยู่ทิพย์พิมาน
    บางจิตผ่านโลกุตตระ.คละกันไป
     
  16. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    หนทางยังมีอยู่หลายสาย หากแต่ใครจะเลือกทางใด

    ...ถนนหลายสายทอดทาบอยู่กับพื้น แต่ละสายล้วนมีจุดหมายเฉพาะ บางสายเราอาจจะดั้นด้นเดินถึง โดยไม่ต้องอาศัยคนชี้บอก แต่บางสายต้องอาศัยคนชี้บอก มิฉะนั้นจะพลัดหลงออกนอกทาง โดยเฉพาะทางนำเข้าสู่ความพ้นทุกข์ที่ท่านเรียกว่า “เอกายนมรรค” คือ “ทางสายเอก” นั้น ต้องอาศัยการชี้บอกจากท่านผู้เคยเดินถึงเท่านั้น เบื้องแรกความสำคัญอยู่ที่คนชี้บอก แต่ต่อมาความสำคัญอยู่ที่ตัวเรา หากตัดสินใจเดินจริงๆ จะต้องศรัทธา เชื่อมั่น บากบั่น พากเพียร และที่สำคัญอย่ามัวลังเลสงสัย เพราะมันคือแมลงร้ายที่เกาะกัดกินใบอ่อนศรัทธา ครั้นใบอ่อนศรัทธาถูกแมลงร้ายรุมแทะทำลายก็เสื่อมคลายกลายเป็นความท้อถอย ทางที่เคยทอดตรงจะคดเคี้ยวทันใด ทางที่เคยสว่างไสวก็มืดมนทันที ต้นธารแม่น้ำคงคาอยู่ที่ปากถ้ำของเทือกเขาหิมาลัย ไหลทะลักลงมาระยะทางแสนยาวไกลกว่าจะถึงมหาสมุทร แต่เมื่อรี่ไหลอยู่เรื่อยๆ ไม่หยุด ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย เช่นเดียวกัน ...(โพธิธาร:สายธารแห่งความรู้แจ้ง เว็บบล็อกโดย พระมหาอุเทน www.bodhifara.net)



    บนหนทางยาวไกลแห่งชีวิต
    ล้วนลิขิต..ทางเดินไซร้..หลายสาขา
    แล้วจักรู้ทางไป...ที่ใดนา..
    บุญ..นำพาบอกทางธรรม..กรรมทางมาร

    พระพุทธองค์ทรงเริ่มชี้..ทางสว่าง
    ด้วยมรรคแปดเห็นกระจ่างทางสวรรค์
    ชิโนรสผู้สืบทอด ประทีป..ธรรม์
    ประคองผ่านพ้นเหวกว้าง..หนทางไกล

    อันมนุษย์ส่ำสัตว์ในแหล่งหล้า
    ล้วน บุญ กรรม ส่งมาให้อาศัย
    จะเลือกเดินซ้าย ขวา..ได้อย่างไร
    ถ้าผลกรรมกำหนดไว้..ไปตามกรรม

    บางคนทำกรรมดีมีอิทธิฤทธิ์
    ส่งจริตนำไปใครเล่าหาม
    บางคนทำบุญฤทธิ์พินิจตาม
    ก็พบความสงบเย็นเช่นศาสดา

    แต่จะเดินสายใด...ให้เดินเถิด
    จะอ้อมเขา ลำธารเพลิดสุขหรรษา
    เสียเวลาเพราะเดินอ้อมแยกมรรคา
    เมื่อหมดความสนุกพา..เข้าทางตรง

    ถ้ากระทำกรรมดีรังษีเกิด
    จะพบกันปลายทางเลิศ..ไม่เดินหลง
    สรรพสิ่งล้วนมีจุดหมายประหนึ่งธง
    นั่นคือการดำรง..สู่นิพพาน

    ดังนั้นจะเดินทางสายใดมุ่งไปเถิด
    อย่าเตลิดวกลงไป นรกสถาน
    บ้างดวงจิตสถิตอยู่ทิพย์พิมาน
    บางจิตผ่านโลกุตตระ.คละกันไป
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +6,434

    ซาบซึ้งมากค่ะ อ่านแล้วน้ำตาไหลค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่ดอกไม้ที่ประพันธ์ให้พวกเราอ่านกัน
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ดอกไม้เมืองบน [​IMG]
    จะกี่ปี กี่ภพ ที่ผันผ่าน
    ไม่มีวัน..ลืมร้างทาง ร่วมสรร
    ถึงตายจาก..พรากกัน..แค่ ชีวัน
    จิตสำนึกใต้นั้น..มั่นมิคลาย
    ........



    อนุโมทนา สาธุ
    ถึงตายจาก..พรากกัน..แค่ ชีวัน
    จิตสำนึกใต้นั้น..มั่นมิคลาย

     
  20. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518

    มิอยากคิด..อยากกล่าว..อยากลิขิต
    ด้วยดวงจิต..อ่อนล้า....คราคิดหวน
    ความเจ็บแสบ แนบแน่น แม้นคมทวน
    ที่กรายล้วน กระทบกาย..จน...วายปราน


    เพลานั้น..........

    จะทอดเนตรเหลียวหา พะว้าสุด
    หากเผลอหยุด ..คมศัตรู ..สู่สังขาร
    แสนเหว่ว้า..ครามิพบ...สบ..ทรงธรรพ์
    อนิจา.....อะไรกัน.....เป็นเยี่ยงนี้

    พระเอย...ฤาเป็นกรรม... คำแช่งสาป
    ทวย..ไพร่พล..จึงราบคาบ..กลายเป็นผี
    สิ้นแล้วยศ ..หมดแล้วศักดิ์ ...ที่เคยมี
    ขอยอมตาย..ทอดชีวี..ตามพระไป


    จึ่งตั้งจิต..อธิษฐาน..ผ่าน.. คมดาบ
    อีกทั้งรอย..โลหิตอาบ..ทวน.. สั่นไหว
    มาดแม้นว่า....กระหม่อมฉัน... เกิดภพใด
    ขออย่าไกล...แผ่นดินธรรม... นามพระองค์

    แม้พระผัน...ไปลับ...มิกลับแล้ว
    ยังจงรัก..ทูลกระหม่อมแก้ว..มิเลือนหลง
    หวัง..สักวัน.. บารมี..พระที่คง
    ประทานลง..ฟื้น...แผ่นดิน..ให้ ..ถิ่นไต...


    สิ้นสัจจาภาระที่ตามติด
    ฟ้า..เรืองรองเบื้องทิศพายัพ..ไสว
    ทูลเชิญองค์..ย่างยาตรา..สู่แคว้นไต
    ดั่งหทัย..พระจอมขวัญ..ทรงมั่นเยือน...

    ร้อยลิขิต...ด้วยน้ำตา...มาครานี้
    เพื่อยืนยันถ้อยวจี...ที่เดิม..เหมือน
    กราบแทบบาท..นเรศเจ้า..ต่างเงาเตือน
    ม้นดาวเดือนจะเคลื่อนคล้อยคอย..พระ..มา..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...