นั่งสมาธิแล้วจิตคิดนู่นคิดนี่ไม่หยุด ขอคำแนะนำครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ngernthong, 29 กันยายน 2010.

  1. btme

    btme เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +319
    เป็นเหมือนกันเลยครับ บางครั้งมันฟุ้งซ่านแบบไม่กลับ คือรู้ตัวว่าคิดอยูตลอด แต่ดึงกลับมาที่คำภาวนาไม่ได้ ผมก็เลยใช้วิธีตามดูว่าจิตมันคิดอะไรแทน ครู่เดียวจิตมันเลยเลิกคิดฟุ้งซ่านเลย
     
  2. perter

    perter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +187
    วิธีแก้อารมณ์ฟุ้ง...ก่อนนั่งสมาธิ (พี่คณานัน)

    การแก้อาการจิตฟุ้งก่อนเริ่มต้นทำสมาธิภาวนา อะไรก็แล้วแต่ให้ปฎิบัติขั้นตอนนี้ก่อน เพื่อให้อารมณ์ฟุ้งสงบลง และเป็นทางที่เข้าถึงสมาธิได้เร็วขึ้น

    1.หายใจเข้ายาว ให้สุด - ให้ท้องพอง **ย้ำ...ลมเข้าต้องท้องพองนะคับ**
    2.กลั้นหรือกักลมใจไว้ บริกรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไปเรื่อยๆขณะที่กักลมไว้
    3.เมื่อรู้สึกว่าทนไม่ได้แล้วให้ปล่อยลมออกทางจมูกยาว
    ทำไปเรื่อยๆประมาณ 10-15 รอบ แล้วสังเกตุดูอารมณ์ใจ ความรู้สึก การฟุ้งจะเบาบางลงมาก รู้สึกได้ถึงความสุกเล็กน้อย จากนั้นก็ภาวนาได้เลยตามแต่ถนัด

    วิธีอีกอันนึง อันนี้ได้มาตอนบวชคับ เป็นการฝึกลมหายใจเช่นกันคล้ายกับวิธีแรก
    แต่จะเป็นการหายใจแบบสั้นๆ เน้นสั้นๆ เป็นการบังคับเอาลมหายใจเข้าและออก
    มีวิธีง่ายดังนี้

    1.ให้หายใจเข้าสั้น และหายใจออกทันที เร็วๆด้วย
    สักษณะก็จะเป็น เข้า-ออก เข้า-ออก....ๆๆๆๆๆ
    นับไป 50 รอบ

    ให้ใช้ร่วมกับวิธีที่ 1 คือหายใจวิธีที่ 1 15 รอบ ต่อด้วยวิธีที่ 2 50 รอบ
    เป็น 1 เซต แล้วลองสังเกตุอารมณ์ฟุ้งของใจได้เลย มันจะสุข สงบลงไปเยอะมาก
    และจะทำให้ถึงสมาธิได้ง่ายขึ้นคับ...เป็นประสบการณ์....ขอบคุณคับ
     
  3. สงกะสัย

    สงกะสัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +126
    ต้องถามตัวเองก่อน เข้าสมาธิไปทำอะไร เขาไปคิดอะไร พระพุทธเจ้าเข้าสมาธิเพื่อให้จิตสงบเหมาะแก่การหยิบยกความเป็นจริงของธรรมชาติขึ้นมาพิจารณา หาเหตุแห่งทุกข์สุข เกิดดับ ขึ้นมาพิจารณาจนจิตเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติที่เรามิอาจหลีกหนี หาวิธีจะอยู่กับมันอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์กับตัวเรา เมื่อจิตสิ้นสงสัยก็จะได้ปัญญา นำออกมายึดถือปฏิบัติในชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข แต่ถ้าจะเข้าไปเพื่อการอื่นนอกจากนี้แล้ว อย่าเข้าไปให้เมื่อยหลัง ประเภทเข้าไปหาเลข หาคาถาอาคม หาเทวดา หูทิพย์ ตาวิเศษ นอนดีกว่า
    แต่หากมองเห็นทุกข์ มีความสงกะสัยใคร่รู้ อยากรู้จักทุกข์เพื่อหาทางทุเลาให้เบาบาง ก็เอาพระธรรมเรื่องทุกข์มาอ่านจดจำไว้ แล้วเข้าสมาธิตามวิธีของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ มีหลายวิธี แต่ส่วนใหญ่จะให้นั่งหรือเดิน จะได้มีสติรับรู้ความปวดขาเมื่อยหลัง เพื่อเอาสิ่งนั้นหยิบยกขึ้นมาพิจารณาว่านี่แหละคือทุกข์ ความไม่สบายตัว มีตัวตนรู้ได้ว่าทุกข์ดับ สุขก็มา เกิดดับจริงดังพระธรรมของบรมครู พอจิตเข้าที่ดีละเอียดดี สติแข็งแกร่ง ก็หยิบยกพระธรรมข้อที่สงสัยมาพิจารณา เมื่อจิตเข้าใจไปตามพระธรรมนั้น ก็จะเกิดปัญญา ไม่ใช่เข้าไปสะกดจิตตัวเองเหมือนกบจำศีล การทำเช่นนั้นมันไม่ต่างอะไรจากการนั่งหลับ ไม่เจ็บไม่ปวดไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ปวดขาเมื่อยหลัง ง่วงนอนจะตาย แต่ทนเพื่อความเทห์ เก่งก็เราก็ทำได้ อดทนได้ ฝืนได้ บางคนร้อนแรง นั่งลงหลับตา ใช้กำลังความคิดอย่างเครียดเอาเป็นเอาตาย ข่มความรู้สึกข่มตา กัดฟันจนกรามโปนเป็นเส้น ทำท่าเหมือนจะเหาะลอยขึ้นจากเบาะนั่ง นานๆเข้ากลายเป็นโรคปวดหัวเรื้อรัง หรือผีเข้าเจ้าทรงเตลิดเข้าป่าเป็นบ้าเดินอยู่ตามข้างถนน ใต้สะพานพุทธ ทุกข์หนักกว่าเก่า พ่อแม่ญาติพี่น้องก็พลอยทุกข์ตามไปด้วย ไม่ได้อะไรขอรับ..
     
  4. twojit

    twojit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2010
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +239
    เป็นเหมือนกันกับเจ้าของกระทู้ครับ ครั้งแรกที่กำหนดฐานรู้ ง่ายดี แต่หลังๆ ทำงานมากเกินไป มีเรื่องเปิดต้องคิดมากเกินไป มันฟุ้งไปหมด จบต้นชนปลายไม่ถูกเลยตอนนี้ ขอบคุณที่อ่านมาเจอคำตอบดีๆ มากมาย ขอบุญกุศลจึงเกิดแด่ท่านทั้งหลาย
     
  5. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    วิธีของผม เอาไปทดลองดู.....

    สวดมนต์ครับ บทไหนก็ได้ แล้วให้มีสติอยู่กับคำที่สวด นึก คิดตามไปเรื่อย ๆ เมื่อเอาตัวคิดมาทำการสวดมนต์ มันก็ไม่สามารถไปฟุ้งซ่านได้อีกแล้ว เราก็กำหนดสติตามรู้ไปกับการสวดมนต์ ให้มันรู้เรื่องตามคำที่สวดก็แล้วกัน ไม่ใช่สวดไปเรื่อย ใจก็คิดไปไหนก็ไม่รู้

    ต้องตามรู้การสวดมนต์ทุกคำที่สวดได้ยิ่งดี พูดอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกันว่า สวดให้ขึ้นใจ เหมือนสวดจะให้จำได้ ว่างั้นเถอะ ไม่ใช่สวดแบบนกแก้ว นกขุนทอง เจื้อยแจ้วไป จับความไมได้ ...... รู้ตามที่สวดไปทุกคำ ทีนี้ดูซิว่า มันจะเอาอะไรไปคิด เพราะมันต้องสวดท่องอยู่ ไม่มีเวลาคิดไปอื่นอีกแล้ว.
     
  6. jaiberkban

    jaiberkban สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +18




    อนุโมทนาครับ :cool:
     
  7. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    ตามมันไปเลยครับตามแบบมีสตินั้นคือดูว่ามันคิดอะไรเหมือนเราดูลิงปืนต้นไม้จิตคือลิงเราคือเรามองมันเมื่อเห็นมันเราก็รู้ว่าเราไม่ไช่ลิงแต่อย่ากดดันตัวเองนะครับผ่อนคลายสบายๆวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้เอาใหม่การภาวณาไม่ไช่หวังไห้แต่สงบอย่างเดียวการภาวณาคือเพื่อให้รู้สติไม่หลงต่อสิ่งที่มากระทบไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอกรึภายในใจไม่หวั่นไหวต่อกิเลศตัณหามีสติทุกเมื่อนั้นหละคือจุดหมายของการภาวณาอย่ากดดันตัวเองนะครับไม่งั้นจะทำให้ตัวเองท้อสะเปล่าๆ
     
  8. ngernthong

    ngernthong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณทุกท่านครับ
    ผมนั่งเพื่อต้องการที่จะรู้ และต้องการความสงบของใจครับ ให้เย็นลง สงบลง

    ตอนนี้ความฟุ้งได้จางหายไปแล้วครับ ถึงจะยังไม่หมดซะทีเดียว แต่น้อยลงมากแล้วเพียงแค่แรกๆ ที่นั่งแป๊บเดียวแล้วก็เริ่มสงบลงครับ จะพยายามปฏิบัติต่อไปครับ

    ขอบคุณทุกความเห็นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...