แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    เรื่องลูกอม....รำลึกถึงวันเก่าๆ พี่เล่นที่บ้านค่ะ เครื่องก็ช้าวิ่งไม่ทันเขา....แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้สิค่ะ บุญพาวาสนาส่ง อนิสงส์เคยทำบุญมาค่ะ
    หากท่านใดติดตามนะคะ...และได้ร่วมเล่นเกมครั้งนั้น พี่ไม่ได้วิ่ง พี่.......
    เข้าวินถึง 2 ครั้งค่ะ คุณลูกน้ำเค็มควบม้ายังไม่เข้าวิน.....
    ส่วนน้าต๋อยเบเบ้....ไม่เข้าเลย...อิอิ....(ขออภัยค่ะพูดความจริง).........
    แต่เมื่อวานไปช่วยเหลือน้ำท่วม ....ก็โชคดีเช่นกันนะคะ

    http://palungjit.org/threads/แนะนำพระดี-เมตตา-พารวย-ชีวิตก้าวหน้า.239528/page-915 ถ้าย้อนไปดูนะคะ เป็นภาพที่พี่ประทับใจค่ะ เป็นภาพเด็ก...ทำให้ได้ลูกอม....
    อีกอย่างพี่หนุ่มจุดธูปด้วย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ตุลาคม 2010
  2. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    ผมก็ใช้วิธีนี้แหละครับ
    นึกถึงรูปพระท่านบ่อยๆและนึกถึงรูปบุคคลที่ปลุกเสกเท่าที่จะจำได้
    ย่อเข้าไปในองค์พระทุกครั้งก่อนที่ผมจะแขวนพระออกจากบ้าน
    ไม่ใช่แค่พระมงคลมหาลาภ แต่ทุกองค์ในคอผมก็ทำอย่างนี้หมดครับ
     
  3. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,787
    แบบลูกนี้ จะหาได้ที่ไหนนะ น่าจะหายากครับ
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    มีพระผงมงคลมหาลาภแท้ๆ บดผสมลงไปในพระผงรุ่น มงคลชีวิตด้วยครับ จำนวน 2 องค์ และยังได้รับ ผงโสฬสมหาพรหม แท้ๆดั้งเดิมจากพิธีของวัดสารนาถ อีกสองช้อน จากคนเก่าแก่ ที่มอบให้สมาชิกมาร่วมกุศลด้วยครับ
     
  5. เทวาลัย

    เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    ขอบพระคุณพี่หนุ่มที่บอกลายแทงครับ

    ใครหนอ คือบุคคล 3 ท่านที่พี่หนุ่มกล่าวถึง

    อักษรย่อ....V......B.....S......

    กรุณาเปิด แถลงข่าว ด่วนเลยครับ ตอนนี้นักข่าวมานั่งรอแล้ว อิ อิ

    __________________
     
  6. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    สงสัยต้องให้คุณ15ค่ำกับคุณโต้ง
    พาไปเที่ยวแถววัดสารนาถหน่อยซะแล้ว....หุหุ
     
  7. เทวาลัย

    เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    แต่ถ้าไม่มีวาสนาได้ครอบครององค์จริง

    ก็คงต้องรอ พระรุ่นมงคลชีวิต นี่แหละครับ

    แค่ไปผสมในพระที่จะทำ ก็คงเป็นมงคลต่อชีวิตแล้ว

    ______________
     
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    <table align="center" border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="830"><tbody> <tr> <td align="middle" valign="top"><table border="0" cellpadding="5" cellspacing="5" width="100%"> <tbody> <tr> <td align="middle" bgcolor="#000000" valign="center" height="197">


    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr> <td class="tx_4" align="left" valign="top"> [ชื่อพระ] พระท่าดอกแก้ว สุดยอดความหายาก ตำนานโสฬสมหาพรหม
    </td></tr> <tr style="font-family: Times New Roman; font-size: 12pt;"> <td class="tx_4" align="left" valign="top">[รายละเอียด] หลวงปู่ศรีทัต หรือ ยาคูศรีทัต ท่านเป็นที่เคารพของมหาชน 2 ฝั่งโขง ไม่ว่าท่านจะสร้างสิ่งใด ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งจะร่วมแรงร่วมใจถวายแด่หลวงปู่ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านจะไปมาระหว่างวัดท่าดอกแก้ว และ ภูเขาควายในฝั่งลาว หลวงปู่ศรีทัตท่านมีศิษย์ที่ท่านถ่ายทอดสรรพวิชาการทั้งหลายจนสิ้นอยู่ 2 รูป ได้แก่ 1. หลวงปู่สนธ์ ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน หลวงปู่สนธ์เป็นเจ้าอาวาส วัดท่าดอกแก้ว จวบจนปี 2510 จึงมรณภาพ 2. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือ ท่านเจ้าคุณปู่ ที่เป็นที่สักการะอย่างสูง ท่านเจ้าคุณปู่ที่นั่งอยู่ในดวงใจของชาวนครพนม ท่านเป็นมหาเถระที่ชาวนครพนมและ จังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพอย่างสูง ท่านมีสมณศักดิ์ที่ พระเทพสิทธาจารย์ ท่านเจ้าคุณปู่เป็นเสาหลักแห่งพระศาสนา เป็นผู้วางรากฐานแห่ง พระธรรมยุติ ให้บังเกิดขึ้นที่นครพนม ท่านมรณภาพในปี 2516 สำหรับ หลวงปู่สนธ์นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในเรื่องของความขลัง อาจจะเนื่องจากท่านอยู่ไกลถึงนครพนม แต่ในครั้งเมื่อมีการปลุกเสกพระประมาณปี 249กว่า หลวงปู่สนธ์ท่านมาร่วมปลุกเสก พระที่วัดเทพฯ ท่านขึ้นมาแบบพระบ้านนอกไม่มีใครรู้จักนัก ครั้นพิธีปลุกเสกผ่านพ้นไป วันเดินทางกลับนครพนม ได้มีปรากฏการณ์พิเศษคือ มีพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้เดินทางติดตามหลวงปู่สนธ์ไปวัดท่าดอกแก้วหลายสิบองค์ คุณอาคม ( บุตรชายของอาจารย์ประถม อาจสาคร ) เล่าว่า ( นิตยสาร ศักดิ์สิทธิ์) อาจารย์ประถม ได้นำพระเครื่องของหลวงปู่สนธ์ไปให้หลวงปู่เฮี้ยง(เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของอาจารย์ประถม) ดู ปรากฏว่า ท่านดูไม่ออก กว่าจะดูรู้เรื่องว่า หลวงปู่สนธ์ทำพระอย่างไร ปลุกเสกอย่างไร วิธีไหน ก็เสียเวลาหลายวัน ต้องกำหนดจิตเข้าในองค์พระอยู่นานจึงรู้เรื่อง พอรู้แล้วก็เอ่ยปากยกย่องหลวงปู่สนธ์เป็นอย่างยิ่ง เสร็จแล้วก็ฝากพระของท่านไปให้หลวงปู่สนธ์ดูบ้าง เมื่ออาจารย์ประถมนำพระไปถวายให้หลวงปู่สนธ์ ท่านก็บอกทันทีว่าพระองค์นี้ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ปลุกเสกด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ คาถาบทนั้น คาถาบทนี้ หลวงปู่เฮี้ยงถึงกับร้องทำนองว่า เขารู้เราหมด แต่กว่าเราจะรู้เขาได้นั้นผิดกันเยอะ จากคำบอกเล่าของ หลวงปู่สนธ์ ได้เล่าให้อาจารย์ประถม ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปปฏิบัติราชการตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ปี 2493 ฟังว่า อาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศรีทัต เป็นพระเถระที่ทรงคุณยิ่งใหญ่ มีจริยวัตรที่งดงามนักหนา เคร่งครัดในธรรมวินัยยิ่งยวดมีตบะแก่กล้า นอกจากท่านจะเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและคันธุระแล้ว ท่านยังอุดมไปด้วยวิชาการต่างๆมากมาย และในช่วงที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรอยู่นั้น ได้ถูกเรียกใช้เป็นประจำ ก็เลยอยู่ดูแลหลวงปู่ศรีทัตมากกว่าคนอื่น และตอนที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัตได้เขียนยันต์ให้ผืนหนึ่งและบอกกับหลวงปู่ว่า “เณรเอายันต์ผืนนี้ไว้นั่งแทนเรือ ข้ามโขงไปหาปู่ที่เขา” อาจารย์ประถมได้ถามว่า แล้วหลวงปู่เคยใช้ไหม หลวงปู่สนธ์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะแล้ว เงียบไป อาจารย์ประถมรุกเร้าเท่าใดก็ไม่เป็นผล ขอดูก็ไม่ให้ดู แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ประถมคอยดูจังหวะที่ได้เข้าไปในห้องของหลวงปู่สนธ์ และได้เห็นผ้ายันต์ผืนหนึ่งใหญ่มากวางอยู่บนพานบูชา หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ อาจารย์ประถมได้ทีถาม หลวงปู่ก็รับว่า ใช่ อาจารย์ประถมก็ถามต่อว่าได้ใช้หรือไม่ หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า ใช้ 4 ครั้งแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย และ ห้ามไม่ให้อาจารย์ประถมบอกต่อ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร อาจารย์ประถมได้เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งหลวงปู่สนธ์มรณภาพ จึงได้เล่าให้ลูกหลานฟัง และไม่หลังหลวงปู่สนธ์มรณภาพ ก็ไม่ทราบว่าใครได้ไป เพราะอาจารย์ประถมได้ย้ายออกมาก่อน หลวงปู่สนธ์ได้เล่าว่า หลวงปู่ศรีทัตท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษา “รู้” มาก อีกทั้งเจนจบครบสูตรในอักขระมหายันต์ทั้งหลาย หลวงปู่ศรีทัตท่านเคยบอกว่า วิชาลงผงวิเศษที่ยากนักหนาที่ท่านสำเร็จมามี 3 สูตร ได้แก่ 1. ผงโสฬสมหาพรหม 2. ผงนวโลกุตตระ 3. ผงโภชฌงค์บริพัตร อาจารย์ ประถมได้เคยเรียนถามหลวงปู่สนธ์ว่า ท่านลงได้ครบทั้ง 3 สูตรหรือไม่ท่านไม่ตอบ แต่ยิ้มๆ และ เงียบไปตามเดิม หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ในปีหนึ่งหลวงปู่ศรีทัต หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านเตรียมตัวธุดงค์ไปภูเขาควาย คราวนี้ท่านเตรียมสิ่งของไปมากมายเป็นพิเศษและได้สั่งพระเณรว่า พรรษาหน้าให้เตรียมการไว้ ท่านกลับมาท่านจะได้สร้างพระธาตุเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เตรียมบอกญาติโยมด้วย การที่ท่านเตรียมของมากมายนี้ ท่านประสงค์จะสร้างผงวิเศษเอาไว้ผสมสร้างพระเพื่อแจกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญ กับท่าน หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ผงวิเศษที่หลวงปู่ศรีทัตจะไปสร้างในครั้งนี้ก็คือ ผงโสฬสมหาพรหม การลงผงโสฬสมหาพรหมนั้น ต้องลงอักขระด้วยตัวธรรมเป็นกลยันต์ โดยถอดตัว ต้นจนถึงตัวสุดท้าย ผูกสลับเป็นกลยันต์ 16 มุม ในแต่ละมุมแบ่งออกเป็น 16 ชั้น ในแต่ละชั้นลงอักขระ 16 ช่อง อักขระแต่ละตัวแต่ละช่อง ต้องลบถมเรียกสูตร 16 คาบ ผูกอธิษฐานเสกยันต์โสฬสมหาพรหมครบแล้วทั้ง 16 สูตรถือเป็น 1 ครั้ง และลงในระบบเดียวกันนี้ 16 ครั้งแล้วรวมที่ลบมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์บน-ล่าง ตามตำราบังคับ เสร็จแล้วให้เอาผงวิเศษลูบลงในกระดานลงผง หากบังเกิดอักขระขอมธรรมของยันต์โสฬสมหาพรหมบนกระดานลงผงโดยไม่ได้เขียน โดยใช้เพียงผงวิเศษลูบให้สำเร็จเป็นยันต์ ถือว่าสำเร็จ หากลูบแล้วไม่ปรากฏยันต์ในกระดานลงผง จะต้องเริ่มต้นลงใหม่ตั้งแต่ต้น ! ผู้ที่ลงผงวิเศษได้ครบสูตรโสฬสมหาพรหมได้สำเร็จ จะดลบันดาลให้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล 22 ชั้นพรหม ภะคะวะพรหม จนถึง พรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์ลงและขึ้นมาอนุโมทนาอำนวยพร ผงวิเศษนี้มีอานุภาพอันทรง ความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ผู้ที่บูชาผงวิเศษนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ลาภสักการะ วาสนาบารมี บริบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ปัญญา บารมีสมบัติปรารถนาสิ่งใด จักสำเร็จดังปรารถนา ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวง ปู่ศรีทัตสร้างขึ้นนี้ ท่านได้นำไปสร้างพระแจกที่วัดท่าดอกแก้ว ท่านสร้างไว้ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเหลือท่านเก็บใส่บาตร ตกทอดมาถึงหลวงปู่สนธ์ ท่านก็เก็บไว้เฉยๆไม่ได้ใช้อะไร ต่อมาท่านได้สร้างผงนวโลกุตระ ขึ้น ท่านจึงได้สร้างพระปิดตาแจกชาวบ้าน และได้นำผงทั้ง 2 ชนิดมาใส่รวมกัน อาจารย์ประถมเป็นศิษย์หลวงปู่เฮี้ ยง และมีความชำนาญในการสร้างพระ เพราะได้ช่วยหลวงปู่เฮี้ยงสร้างพระตั้งแต่ยุคแรกๆของวัดป่า ( พศ.2484 ) และเมื่ออาจารย์ประถมมาถึงท่าอุเทน ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่สนธ์ ชาวบ้านนับถือมาก และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ประถมนับถือ คือ มีพลทหารนายหนึ่ง อาจารย์ประถมได้ขอตัวมาช่วยงานของสหกรณ์ ได้มีเรื่องกับชาวบ้านและโดนยิงเข้าไป 3 ชุด กระเด็นตกน้ำ แต่ไม่ตาย เพราไม่มีระคายผิวหนัง เสื้อผ้าขาดกระจุย ทั้งตัวมีตะกรุดดอกเดียว คือ ตะกรุดเก้าแปเก้าย้อ ของหลวงปู่สนธ์ ด้วยเหตุนี้อาจารย์ประถมจึงไปเสาะหาท่านถึงวัดและศึกษาวิชาการจากท่าน และเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีความ ชำนาญในการสร้างพระ ท่านจึงคิดจะสร้างพระถวายหลวงปู่สนธ์ในราวปลายปี 2493 จึงเข้าเรียนหลวงปู่สนธ์และท่านก็อนุญาต และหลวงปู่สนธ์ก็ได้มอบผงวิเศษที่มีอยู่ในบาตรใหญ่นั้นให้อาจารย์ประถมนำไป สร้างพระ อาจารย์ประถมเล่าไว้ว่า ในเวลาที่รับผงวิเศษนั้นมือสั่นไปหมดเพราะทราบดีว่าผงวิเศษในบาตรนั้นวิเศษ เพียงใด อาจารย์ประถมจึงได้สร้างพระท่าดอกแก้วถวายหลวงปู่สนธ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษที่เหลือในราวครึ่งบาตรกว่าถวายคืนแด่หลวงปู่สนธ์ ท่านกลับบอกว่าให้เก็บไว้สร้างพระต่อไปในอนาคต (แสดงว่าท่านรู้ด้วยญาณสมาบัติของท่านว่าคุณประถมจะต้องนำผงวิเศษไปสร้างพระ ให้หลวงปู่ทิมฯ ) หลังจากนั้นเมื่ออาจารย์ประถมทำงานที่ท่าอุเทนครบวาระ ได้ถูกย้ายไปทำงานที่อ.ธาตุพนม และก่อนที่จะไปประจำการ อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษนี้เดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น โดยไปขอบารมีท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุสโส) นานถึง 6 เดือน และได้นำไปขอบารมีจากพระอริยสงฆ์อีกหลายรูปได้แก่ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธจาโร หลวงพ่อสมาธิ หลวงปู่หัว วัดบ้านคำครึ่ง และ พระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครพนม หลวงปู่จันทร์ วัด ศรีเทพ ตอนที่นำผงไปขอบารมีหลวงปู่จันทร์นั้น หลวงปู่จันทร์เห็นแล้วก็จำได้ ถึงกับออกปากว่าไปเอาผงนี้มาจากไหน และหลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์ก็ได้ขอแบ่งผงไว้ 1 ชั้นปิ่นโต ผงนี้ได้นำมาสร้างพระเครื่องรุ่นปี พศ.2500 คือพระพิมพ์สมเด็จและพระนางพญา และตอนที่นำไปถวายหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเมื่อเห็นแล้วถึงกับก้มลงกราบทันที พระอาจารย์วังก็เช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ประถมยังได้นำผงวิเศษนี้ไปเก็บไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ในพระอุโบสถ และได้ขอบารมีจากท่านเจ้าคุณนรฯด้วย ( อาจารย์ประถมบวชกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นับเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่านเจ้าคุณนรฯ รวบรวมโดยคุณเอก ขอนแก่น (amuletsinthai.com) อ้างอิง 1. หนังสือ หลวงปู่ทิม เทพเจ้าเมืองระยอง ของ สมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง 2. หนังสือหลวงปู่ทิม ของนิตยสารสนามพระ 3. นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ คอลัมภ์ การเดินทางของผงโสฬสมหาพรหม ผู้เขียนอ้างถึงคำกล่าวของคุณอาคม อาจสาคร (บุตรชายบุญธรรม ของอจ.ประถม อาจสาคร) พระท่าดอกแก้ว วัดท่าดอกแก้วเหนือ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พ.ศ.2493 สร้างน้อยมาก


    พระดี พระขลัง แบบเดียวกับพระผงมลคลมหาลาภวัดสารนาถ แต่ราคาแพงกว่า เกือบสิบเท่า
    ขอขอบคุณเจ้าของพระ และเนื้อเรื่องด้วยครับ
    </td></tr></tbody></table>
     
  9. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    ผมว่าสมชื่อมงคลชีวิตแน่ๆครับ
    เพราะผมว่าหลวงปู่กวยท่านต้องมาช่วยปลุกเสกให้ด้วยแน่ครับ
     
  10. นำทาง

    นำทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,181
    ค่าพลัง:
    +7,867
    .................
    ขอบคุณครับที่พยายามหาสิ่งดีๆเป็นมงคล ผสมลงไปอย่างมากมาย เพื่อให้เกิดมงคลชีวิตกับผู้ที่บูชาอย่างแท้จริง...ผมนับวันรอที่จะนิมนต์มาขึ้นคออยู่นะครับพี่หนุ่ม ไม่ทราบว่าพระแหวกม่าน เหรียญ และดวงแก้วสิวลี มีพระคาถาที่ใช้ในการอาราธนาด้วยไหมครับหรือรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่อยบอกวิธีการอาราธนาก็ได้นะครับ
     
  11. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    ได้ทราบข่าวว่าอาจารย์ประถม อาจสาคร ตอนนี้ท่านบวชเป็นพระไปนานแล้วไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใดครับ ที่เคยลงในเน็ตกันว่าท่านบวชและหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอกไม่มีผู้ใดพบเห็น ใครพอทราบข้อมูลบ้าง
     
  12. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดีครับน้าต๋อย ช่วงก่อนนี้น้าต๋อยคงยุ่ง เรื่องงาน
    พอวันนี้เห็นน้าต๋อยออนอยู่ แสดงว่าคงจัดการเรื่องงานต่าง ๆ...
    เรียบร้อยแล้ว ก็ดีใจรู้สึกว่า ... จะได้ยิ้มกับมุขของน้าต๋อยอีกครั้ง
    น้าต๋อยปล่อยให้ผมเหงา ตั้งนาน 5555
     
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    หลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้ว



    ประวัติของพระครูสันธานพนมเขต ( สนธิ์ สุรชโย )
    ผู้สร้างตำนานโสฬสมหาพรหม

    ท่านพระครูสันธานพนมเขต นามเดิมชื่อสนธิ์ คงเหลา เกิดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2422 ที่บ้านท่าดอกแก้วเหนือ ต. ท่าจำปา อ. ท่าอุเทน จ. นครพนม เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายแสงและนางทุม คงเหลา โดยมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 6 คนคือ: -

    1. นายผา คงเหลา
    2. นายสนธิ์ คงเหลา ( ท่านพระครูสันธานพนมเขต )
    3. นายแสน คงเหลา
    4. นางน้อย คงเหลา
    5. นางพุฒ คงเหลา
    6. นายกา คงเหลา
    ในปฐมวัย ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยดีจากบิดามารดา จนกระทั่งอายุได้ 14 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดท่าดอกแก้วใต้ ( วัดโสดาประดิษฐ์ในปัจจุบัน ) โดยมีพระอาจารย์นนท์ เป็นพระอุปัชฌายะ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2436 เมื่อบรรพชาแล้วก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนอักษรธรรม ( ไทยน้อย ) ลาว ขอมและสวดมนต์สูตรต่าง ๆ อยู่ในสำนักของท่านอาจารย์นนท์ จนมีวิชาความรู้ตามสมควรแก่ภาวะการศึกษาอยู่ในสมัยนั้น ตลอดเวลาที่สามเณรสนธิ์ ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสำนักนี้ สามเณรสนธิ์ก็เป็นที่รักใคร่และไว้วางใจของท่านอาจารย์เป็นอันมาก พอสามเณรสนธิ์อายุครบ 20 ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดท่าดอกแก้วใต้ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2442 โดยมีพระอาจารย์ภูมี เป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์นนท์เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ครั้นอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย มีความรู้พอสมควร เท่าที่จะสามารถจะศึกษาได้ในสมัยนั้นโดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านอาจารย์สีทัต ศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ที่วัดป่าอรัญญคามวาสี ( วัดพระธาตุท่าอุเทนปัจจุบัน ) ศึกษาอยู่ได้ 1 พรรษา จนนับได้ว่าเป็นศิษย์ผู้มีความรู้ความสามารถองค์หนึ่งของพระอาจารย์ หลังจากนั้นก็อำลาพระอาจารย์ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดห้วยออน แขวงเมือง บ่อสะแทน ประเทศลาว อยู่กับพระอาจารย์โสดา ซึ่งเป็นลุงของท่านเป็นเวลา 3 ปี แล้วจึงได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดท่าดอกแก้ว ซึ่งเป็นสำนักเดิมของท่าน โดยการอาราธนาของอุบาสกอุบาสิกาบ้านท่าดอกแก้ว ต่อมาเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วถึงแก่มรณภาพลง ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าดอกแก้วตั้งแต่ พ.ศ. 2452 ในระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่นี้ ก็พยายามปฏิบัติศาสนกิจในหน้าที่ด้วยดี โดยมีตำแหน่งหน้าที่และสมณศักดิ์ที่ได้รับดังนี้ คือ

    พ.ศ. 2473 ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็น เจ้าคณะตำบลท่าจำปา
    พ.ศ. 2479 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌายะ ประจำเขตตำบลท่าจำปา
    พ.ศ. 2480 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการสอบธรรมและตรวจธรรมสนามหลวงมาโดยตลอด
    พ.ศ. 2493 ได้รับพระราชทาน เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามว่า “ พระครูสันธานพนมเขต”


    การก่อสร้าง
    ได้เป็นผู้ช่วยเหลือท่านอาจารย์สีทัต ก่อสร้างพระธาตุ ท่าอุเทน
    ได้ชักชวนญาติโยมจัดสร้างกุฏิตึก 2 ชั้น ที่วัดท่าดอกแก้ว
    ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลัง โดยความร่วมมือของทายกทายิกา ชาวบ้านท่าดอกแก้วและหมู่บ้านใกล้เคียง
    ได้ชักชวนญาติโยมสร้างกุฏิไม้ขึ้นอีก 3 หลัง ที่วัดท่าดอกแก้ว
    ระหว่าง พ.ศ. 2494 ได้สร้างพระอุโบสถขึ้น 1 หลัง ที่วัดท่าดอกแก้ว
    แล้วเสร็จพร้องทั้งการฉลองใน พ.ศ. 2498

    พระครูสันธานพนมเขต ปรกติเป็นผู้ร่าเริงอยู่เสมอ มีเมตตาจิตอยู่เป็นประจำ ฉะนั้น จึงทำให้ประชาชนทั้งหลายเคารพนับถือท่านมากทั้งใกล้และไกล ตั้งอยู่ในฐานะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของศิษยานุศิษย์ทุกคน จนพากันเรียกท่านว่า “หลวงพ่อ ” อย่างสนิทปากสนิทใจทุกคำไป เมื่ออายุเข้าวัยชราโรคภัยไข้เจ็บเข้าเบียดเบียนสังขารร่างกายของท่าน บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างก็ได้พยายามเอาใจใส่ดูแล ถวายการรักษาพยาบาลเรื่อยมา

    ครั้นถึงวันที่ 8 กันยายน 2510 ท่านหลวงพ่อพระครูสันธานพนมเขตก็ได้ล้มป่วยลง บรรดาศิษย์ทั้งหลายจึงพร้อมใจกันนำท่านไปรักษายังโรงพยาบาลเมืองนครพนม คณะนายแพทย์และพยาบาล ก็ได้ถวายการรักษาด้วยดี จนอาการดีขึ้น ก็นำท่านไปพักผ่อนที่วัด ในระยะ 2 เดือน หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว อาการป่วยของท่านก็มีแต่ทรงกับทรุด จนล่วงมาถึงวันที่ 12 - 13 ธันวาคม 2510 อาการป่วยของหลวงปู่สนธิ์ก็ยิ่งเพิ่มหนักขึ้นเป็นทวีคูณ และแล้วครั้นถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2510 เวลา 15.30 น. หลวงปู่พระครูสันธานพนมเขต ก็ได้แก่ถึงมรณภาพลง ณ วัดท่าดอกแก้ว ด้วยอาการสงบ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมากนับอายุโดยปีได้ 88 ปี โดยพรรษาได้ 74 พรรษาหากนับตั้งแต่เณร

    เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลังรูปหนึ่งของ จ.นครพนม


    หลวงปู่สนธิ์ มีความเชี่ยวชาญด้านปริยัติธรรมและวิปัสสนากัมมัฏฐาน มีชื่อเสียงในด้านขับไล่ภูตผีปีศาจและคุณไสย โดยเฉพาะผ้ายันต์ลงคาถา

    เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ได้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบ 108 พระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศ​
    สุดยอดแห่งความหายาก พระท่าดอกแก้ว ตำนานแห่งผงโสฬสมหาพรหม
    หลวงปู่ศรีทัต หรือ ยาคูศรีทัต ท่านเป็นที่เคารพของมหาชน 2 ฝั่งโขง ไม่ว่าท่านจะสร้างสิ่งใด ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งจะร่วมแรงร่วมใจถวายแด่หลวงปู่ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งท่านจะไปมาระหว่างวัดท่าดอกแก้ว และ ภูเขาควายในฝั่งลาว หลวงปู่ศรีทัตท่านมีศิษย์ที่ท่านถ่ายทอดสรรพวิชาการทั้งหลาย ได้แก่ 1. หลวงปู่สนธ์ ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน หลวงปู่สนธ์เป็นเจ้าอาวาส วัดท่าดอกแก้ว จวบจนปี 2510 จึงมรณภาพ 2. หลวงปู่จันทร์ เขมิโย หรือ ท่านเจ้าคุณปู่ ที่เป็นที่สักการะอย่างสูง ท่านเจ้าคุณปู่ที่นั่งอยู่ในดวงใจของชาวนครพนม ท่านเป็นมหาเถระที่ชาวนครพนมและ จังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพอย่างสูง ท่านมีสมณศักดิ์ที่ พระเทพสิทธาจารย์ ท่านเจ้าคุณปู่เป็นเสาหลักแห่งพระศาสนา เป็นผู้วางรากฐานแห่ง พระธรรมยุติ ให้บังเกิดขึ้นที่นครพนม ท่านมรณภาพในปี 2516 สำหรับ หลวงปู่สนธ์นั้น ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักในเรื่องของความขลัง อาจจะเนื่องจากท่านอยู่ไกลถึงนครพนม แต่ในครั้งเมื่อมีการปลุกเสกพระประมาณปี 249กว่า หลวงปู่สนธ์ท่านมาร่วมปลุกเสก พระที่วัดเทพฯ ท่านขึ้นมาแบบพระบ้านนอกไม่มีใครรู้จักนัก ครั้นพิธีปลุกเสกผ่านพ้นไป วันเดินทางกลับนครพนม ได้มีปรากฏการณ์พิเศษคือ มีพระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกพระในครั้งนั้น ได้เดินทางติดตามหลวงปู่สนธ์ไปวัดท่าดอกแก้วหลายสิบองค์ คุณอาคม ( บุตรชายของอาจารย์ประถม อาจสาคร ) เล่าว่า ( นิตยสาร ศักดิ์สิทธิ์) อาจารย์ประถม ได้นำพระเครื่องของหลวงปู่สนธ์ไปให้หลวงปู่เฮี้ยง(เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี ซึ่งเป็นอาจารย์องค์หนึ่งของอาจารย์ประถม) ดู ปรากฏว่า ท่านดูไม่ออก กว่าจะดูรู้เรื่องว่า หลวงปู่สนธ์ทำพระอย่างไร ปลุกเสกอย่างไร วิธีไหน ก็เสียเวลาหลายวัน ต้องกำหนดจิตเข้าในองค์พระอยู่นานจึงรู้เรื่อง พอรู้แล้วก็เอ่ยปากยกย่องหลวงปู่สนธ์เป็นอย่างยิ่ง เสร็จแล้วก็ฝากพระของท่านไปให้หลวงปู่สนธ์ดูบ้าง เมื่ออาจารย์ประถมนำพระไปถวายให้หลวงปู่สนธ์ ท่านก็บอกทันทีว่าพระองค์นี้ดีอย่างนั้น ดีอย่างโน้น ปลุกเสกด้วยวิธีนั้น วิธีนี้ คาถาบทนั้น คาถาบทนี้ หลวงปู่เฮี้ยงถึงกับร้องทำนองว่า เขารู้เราหมด แต่กว่าเราจะรู้เขาได้นั้นผิดกันเยอะ จากคำบอกเล่าของ หลวงปู่สนธ์ ได้เล่าให้อาจารย์ประถม ซึ่งขณะนั้นได้เดินทางไปปฏิบัติราชการตำแหน่งหัวหน้าสหกรณ์อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ปี 2493 ฟังว่า อาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่ศรีทัต เป็นพระเถระที่ทรงคุณยิ่งใหญ่ มีจริยวัตรที่งดงามนักหนา เคร่งครัดในธรรมวินัยยิ่งยวดมีตบะแก่กล้า นอกจากท่านจะเชี่ยวชาญทางวิปัสสนาธุระและคันธุระแล้ว ท่านยังอุดมไปด้วยวิชาการต่างๆมากมาย และในช่วงที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรอยู่นั้น ได้ถูกเรียกใช้เป็นประจำ ก็เลยอยู่ดูแลหลวงปู่ศรีทัตมากกว่าคนอื่น และตอนที่หลวงปู่สนธ์เป็นเณรนั้น หลวงปู่ศรีทัตได้เขียนยันต์ให้ผืนหนึ่งและบอกกับหลวงปู่ว่า “เณรเอายันต์ผืนนี้ไว้นั่งแทนเรือ ข้ามโขงไปหาปู่ที่เขา” อาจารย์ประถมได้ถามว่า แล้วหลวงปู่เคยใช้ไหม หลวงปู่สนธ์ไม่ตอบ ได้แต่นั่งหัวเราะแล้ว เงียบไป อาจารย์ประถมรุกเร้าเท่าใดก็ไม่เป็นผล ขอดูก็ไม่ให้ดู แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์ประถมคอยดูจังหวะที่ได้เข้าไปในห้องของหลวงปู่สนธ์ และได้เห็นผ้ายันต์ผืนหนึ่งใหญ่มากวางอยู่บนพานบูชา หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระ อาจารย์ประถมได้ทีถาม หลวงปู่ก็รับว่า ใช่ อาจารย์ประถมก็ถามต่อว่าได้ใช้หรือไม่ หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า ใช้ 4 ครั้งแล้วไม่ได้ใช้อีกเลย และ ห้ามไม่ให้อาจารย์ประถมบอกต่อ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร อาจารย์ประถมได้เก็บเป็นความลับ จนกระทั่งหลวงปู่สนธ์มรณภาพ จึงได้เล่าให้ลูกหลานฟัง และไม่หลังหลวงปู่สนธ์มรณภาพ ก็ไม่ทราบว่าใครได้ไป เพราะอาจารย์ประถมได้ย้ายออกมาก่อน หลวงปู่สนธ์ได้เล่าว่า หลวงปู่ศรีทัตท่านมีความเชี่ยวชาญในภาษา “รู้” มาก อีกทั้งเจนจบครบสูตรในอักขระมหายันต์ทั้งหลาย หลวงปู่ศรีทัตท่านเคยบอกว่า วิชาลงผงวิเศษที่ยากนักหนาที่ท่านสำเร็จมามี 3 สูตร ได้แก่ 1. ผงโสฬสมหาพรหม 2. ผงนวโลกุตตระ 3. ผงโภชฌงค์บริพัตร อาจารย์ ประถมได้เคยเรียนถามหลวงปู่สนธ์ว่า ท่านลงได้ครบทั้ง 3 สูตรหรือไม่ท่านไม่ตอบ แต่ยิ้มๆ และ เงียบไปตามเดิม หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ในปีหนึ่งหลวงปู่ศรีทัต หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านเตรียมตัวธุดงค์ไปภูเขาควาย คราวนี้ท่านเตรียมสิ่งของไปมากมายเป็นพิเศษและได้สั่งพระเณรว่า พรรษาหน้าให้เตรียมการไว้ ท่านกลับมาท่านจะได้สร้างพระธาตุเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เตรียมบอกญาติโยมด้วย การที่ท่านเตรียมของมากมายนี้ ท่านประสงค์จะสร้างผงวิเศษเอาไว้ผสมสร้างพระเพื่อแจกญาติโยมที่มาร่วมทำบุญ กับท่าน หลวงปู่สนธ์ท่านเล่าว่า ผงวิเศษที่หลวงปู่ศรีทัตจะไปสร้างในครั้งนี้ก็คือ ผงโสฬสมหาพรหม การลงผงโสฬสมหาพรหมนั้น ต้องลงอักขระด้วยตัวธรรมเป็นกลยันต์ โดยถอดตัว ต้นจนถึงตัวสุดท้าย ผูกสลับเป็นกลยันต์ 16 มุม ในแต่ละมุมแบ่งออกเป็น 16 ชั้น ในแต่ละชั้นลงอักขระ 16 ช่อง อักขระแต่ละตัวแต่ละช่อง ต้องลบถมเรียกสูตร 16 คาบ ผูกอธิษฐานเสกยันต์โสฬสมหาพรหมครบแล้วทั้ง 16 สูตรถือเป็น 1 ครั้ง และลงในระบบเดียวกันนี้ 16 ครั้งแล้วรวมที่ลบมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตามฤกษ์บน-ล่าง ตามตำราบังคับ เสร็จแล้วให้เอาผงวิเศษลูบลงในกระดานลงผง หากบังเกิดอักขระขอมธรรมของยันต์โสฬสมหาพรหมบนกระดานลงผงโดยไม่ได้เขียน โดยใช้เพียงผงวิเศษลูบให้สำเร็จเป็นยันต์ ถือว่าสำเร็จ หากลูบแล้วไม่ปรากฏยันต์ในกระดานลงผง จะต้องเริ่มต้นลงใหม่ตั้งแต่ต้น ! ผู้ที่ลงผงวิเศษได้ครบสูตรโสฬสมหาพรหมได้สำเร็จ จะดลบันดาลให้เทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน 14 บาดาล 22 ชั้นพรหม ภะคะวะพรหม จนถึง พรหมสุทธาวาส ทุกพระองค์ลงและขึ้นมาอนุโมทนาอำนวยพร ผงวิเศษนี้มีอานุภาพอันทรง ความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ผู้ที่บูชาผงวิเศษนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วย ลาภสักการะ วาสนาบารมี บริบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ปัญญา บารมีสมบัติปรารถนาสิ่งใด จักสำเร็จดังปรารถนา ผงโสฬสมหาพรหมที่หลวง ปู่ศรีทัตสร้างขึ้นนี้ ท่านได้นำไปสร้างพระแจกที่วัดท่าดอกแก้ว ท่านสร้างไว้ไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเหลือท่านเก็บใส่บาตร ตกทอดมาถึงหลวงปู่สนธ์ ท่านก็เก็บไว้เฉยๆไม่ได้ใช้อะไร ต่อมาท่านได้สร้างผงนวโลกุตระ ขึ้น ท่านจึงได้สร้างพระปิดตาแจกชาวบ้าน และได้นำผงทั้ง 2 ชนิดมาใส่รวมกัน อาจารย์ประถมเป็นศิษย์หลวงปู่เฮี้ ยง และมีความชำนาญในการสร้างพระ เพราะได้ช่วยหลวงปู่เฮี้ยงสร้างพระตั้งแต่ยุคแรกๆของวัดป่า ( พศ.2484 ) และเมื่ออาจารย์ประถมมาถึงท่าอุเทน ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่สนธ์ ชาวบ้านนับถือมาก และสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาจารย์ประถมนับถือ คือ มีพลทหารนายหนึ่ง อาจารย์ประถมได้ขอตัวมาช่วยงานของสหกรณ์ ได้มีเรื่องกับชาวบ้านและโดนยิงเข้าไป 3 ชุด กระเด็นตกน้ำ แต่ไม่ตาย เพราไม่มีระคายผิวหนัง เสื้อผ้าขาดกระจุย ทั้งตัวมีตะกรุดดอกเดียว คือ ตะกรุดเก้าแปเก้าย้อ ของหลวงปู่สนธ์ ด้วยเหตุนี้อาจารย์ประถมจึงไปเสาะหาท่านถึงวัดและศึกษาวิชาการจากท่าน และเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีความ ชำนาญในการสร้างพระ ท่านจึงคิดจะสร้างพระถวายหลวงปู่สนธ์ในราวปลายปี 2493 จึงเข้าเรียนหลวงปู่สนธ์และท่านก็อนุญาต และหลวงปู่สนธ์ก็ได้มอบผงวิเศษที่มีอยู่ในบาตรใหญ่นั้นให้อาจารย์ประถมนำไป สร้างพระ อาจารย์ประถมเล่าไว้ว่า ในเวลาที่รับผงวิเศษนั้นมือสั่นไปหมดเพราะทราบดีว่าผงวิเศษในบาตรนั้นวิเศษ เพียงใด อาจารย์ประถมจึงได้สร้างพระท่าดอกแก้วถวายหลวงปู่สนธ์ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษที่เหลือในราวครึ่งบาตรกว่าถวายคืนแด่หลวงปู่สนธ์ ท่านกลับบอกว่าให้เก็บไว้สร้างพระต่อไปในอนาคต (แสดงว่าท่านรู้ด้วยญาณสมาบัติของท่านว่าคุณประถมจะต้องนำผงวิเศษไปสร้างพระ ให้หลวงปู่ทิมฯ ) หลังจากนั้นเมื่ออาจารย์ประถมทำงานที่ท่าอุเทนครบวาระ ได้ถูกย้ายไปทำงานที่อ.ธาตุพนม และก่อนที่จะไปประจำการ อาจารย์ประถมได้นำผงวิเศษนี้เดินทางไปที่จังหวัดขอนแก่น โดยไปขอบารมีท่านเจ้าคุณพระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุสโส) นานถึง 6 เดือน และได้นำไปขอบารมีจากพระอริยสงฆ์อีกหลายรูปได้แก่ พระอาจารย์วัง ฐิติสาโณ แห่งภูลังกา หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่สิม พุทธจาโร หลวงพ่อสมาธิ หลวงปู่หัว วัดบ้านคำครึ่ง และ พระวิปัสสนาจารย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนครพนม หลวงปู่จันทร์ วัด ศรีเทพ ตอนที่นำผงไปขอบารมีหลวงปู่จันทร์นั้น หลวงปู่จันทร์เห็นแล้วก็จำได้ ถึงกับออกปากว่าไปเอาผงนี้มาจากไหน และหลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์ก็ได้ขอแบ่งผงไว้ 1 ชั้นปิ่นโต ผงนี้ได้นำมาสร้างพระเครื่องรุ่นปี พศ.2500 คือพระพิมพ์สมเด็จและพระนางพญา และตอนที่นำไปถวายหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเมื่อเห็นแล้วถึงกับก้มลงกราบทันที พระอาจารย์วังก็เช่นกัน นอกจากนี้ อาจารย์ประถมยังได้นำผงวิเศษนี้ไปเก็บไว้ที่วัดเทพศิรินทร์ ในพระอุโบสถ และได้ขอบารมีจากท่านเจ้าคุณนรฯด้วย ( อาจารย์ประถมบวชกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ นับเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่านเจ้าคุณนรฯ รวบรวมโดยคุณเอก ขอนแก่น (amuletsinthai.com) อ้างอิง 1. หนังสือ หลวงปู่ทิม เทพเจ้าเมืองระยอง ของ สมาคม ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง 2. หนังสือหลวงปู่ทิม ของนิตยสารสนามพระ 3. นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ คอลัมภ์ การเดินทางของผงโสฬสมหาพรหม ผู้เขียนอ้างถึงคำกล่าวของคุณอาคม อาจสาคร (บุตรชายบุญธรรม ของอจ.ประถม อาจสาคร) พระท่าดอกแก้ว วัดท่าดอกแก้วเหนือ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พ.ศ.2493 สร้างน้อยมาก มาพร้อมเลี่ยมนากกันน้ำจับขอบพร้อมใช้
    คำบอกเล่าถึงเรื่องอิทธิฤทธิ์ของหลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือ
    โดย ท่านพระครูธรรมสารวิลาส เจ้าอาวาสวัดศรีชมชื่น บ้านคำพอก ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
    ปัจจุบันอายุ 72 ปี พรรษา52 ท่านเป็นพระลูกศิษย์องค์หนึ่งที่ได้ศึกษาวิชาอาคม ข้อวัตรปฏิบัติ ในครั้งหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ได้กรุณาเล่าให้ฟังมีดังต่อไปนี้
    ควรใช้วิจารณญาณในเรื่องเหล่านี้
    - กิจวัตรของหลวงปู่สนธิ์ ท่านเป็นพระที่เคร่งใน ศีลวัตร ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ และมีครรลองหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท่านคือท่านจะนั่งสมาธิทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00 น. – 16.00 น. ทุกวันเป็นปรกติ และเมื่อครบเวลากำหนดท่านจะตีฆ้อง 3 ที และเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ และผู้สนใจเรียนศาสตร์วิชา อาคมเข้ามาเรียนกับท่านโดยไม่เว้นแต่ละวัน นอกเสียจากป่วยไข้ ไม่สบาย หรือไม่อยู่
    - วิชาอาคม ท่านมีเยอะ หลวงปู่สนธิ์ ท่านได้กล่าวกับไว้ว่าวิชาอาคมท่านมีเยอะใครที่จะเรียนตามท่านแล้วจบ ต้องเรียนกับท่านอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งคนที่เรียนจากท่านเยอะสุดคือลุงจารย์จอม บ้านปากทวย ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็เรียนจากท่านได้แค่ครึ่งเดียวเอง
    - รักษาคนผีเข้า เจ้าทรง ไสยศาสตร์ มนต์ดำ มีคนเป็นจำนวนมากที่มารักษากับหลวงปู่สนธิ์ในสมัยนั้น
    สำหรับผู้ที่มารักษา ท่านเสกเป่า โดยคาถาวิชา ที่หัว ที่ขมับ คนที่ผีเข้า ก็จะดิ้นชัก ดิ้นงอ และสลบไป
    ไม่นานก็จะลุกขึ้นได้เอง อัตโนมัติ หายเป็นปรกติ ยังความอัศจรรย์ผู้พบเห็นและญาติๆของผู้ที่มารักษายิ่งนัก
    - ทหารหลั่งไหลมาวัดท่าดอกแก้วเหนือ เมื่อประมาณ พ.ศ.2484 ในครั้งนั้นได้เกิดภาวะสงครามอินโดจีน ที่เวียดนามยังผลให้ทหารอาสาที่เป็นคนไทยเป็นจำนวนมากออกเสาะแสวงครูอาจารย์ หลวงปู่หลวงตา ที่มีของดีไว้ป้องกันตัว ให้แคล้วคลาด หลวงปู่สนธิ์ก็เป็นพระองค์หนึ่งที่มีชื่อเสียง พุทธิคุณ แคล้วคลาด คงกระพัน และมหานิยม ในแถบนี้ ซึ่งท่านก็ได้ให้ความอนุเคราะห์ทหาร หาญ เหล่านั้นด้วยการ สักยันต์หมวกเหล็ก โดยโกนผมและสักยันต์บนศีรษะ เมื่อสักแล้วจะเป็นลักษณะคล้ายวงกลม ครอบอยู่บนศีรษะ คนที่สักให้ตอนนั้นคือ จารย์จำปา ท่าเข อดีตผู้ใหญ่บ้านท่าดอกแก้วซึงเสียชีวิต นานแล้ว และหลวงปู่สนธิ์ท่านจะปลุกเสก สวดคาถาวิชาอาคม เป่าหัว และพรมน้ำมนต์ให้ หากใครกลัวที่จะสักท่านก็เขียนยันต์หมวกเหล็กใส่ใบลาน 2-3แผ่น แล้วนำไปประกอบกันบนหมวกทหารที่จะออกรบ หลังจากภาวะสงครามยุติ ปรากฏว่าผู้ที่มารับของดีจากท่านไม่มีใครเสียชีวิตในสงครามนี้เลยแม้แต่คนเดียว ต่างก็กลับมากราบหลวงปู่สนธิ์วัดมาบอกเล่าให้ฟัง แม้ลูกปืนจะถูกยิ่งจากข้าศึกออกมาเป็นเหมือนสายฝน ก็ไม่ถูกทหารที่มีของดีจากท่านนี้แต่คนเดียว แต่ที่ที่ไม่มีของดีกับล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่หน้าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    - ตะกรุดโทน เก้าแป้ เก้าหย้อ ที่เลื่องชื่อ เป็นตะกรุดที่ท่านหลวงปู่สนธิ์สร้างขึ้น ทำจากตะกั่ว ลงอักขระ และอธิฐานจิต เป็นตะกรุดที่ดั่งมากในสมัยนั้นที่นอกจากลงยันต์แล้วในเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน เพราะมีทหาร และคนไม่น้อยที่มีประสบการณ์ ในเรื่องปืนยิ่งไม่ออก และยิ่งไม่เข้า สำหรับผู้มีตะกรุดนี้
    ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ครอบครองตะกรุดนี้คือห้ามหักกิ่งไม้ ใบไม้ มารองนั่ง นอน โดยเด็ดขาด
    - ปราบพยศไทข่า ประเทศลาว ในครั้งหนึ่งท่านได้ไปธุดงค์ในฝั่งประเทศลาว ได้พบชนเผ่าไทข่า ซึ่งเต็มไปด้วย มนต์ดำ ไสยศาสตร์ ว่าน หรือพวกเล่นของ ซึ่งในครั้งนั้นท่านได้ปักกดใกล้หมู่บ้าน ได้มีคนที่เก่งวิชาในหมู่บ้าน เมื่อเห็นท่านก็จะลงของกับท่าน โดยเขาว่าเขาคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า ในขณะนั้นเขาได้แสดงโชว์หลวงปู่สนธิ์ก่อน ท่านได้ดูแล้ว ขีดเส้นบนพื้นดิน แล้วให้คนนั้นเดินเลยเส้นที่ขีดเข้ามามาแสดงใหม่ ปรากฏว่าฟันเข้าจนเลือดไหลเป็นจำนวนมาก และท่านก็ได้เมตตา ใช้คาถาคัดห้ามเลือดให้หยุดในทันที ทำให้คนนี้ก้มกราบ และขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน
    - ไทข่ามาแสดงฤทธิ์ที่วัดท่าดอกแก้วเหนือ หลังจากการธุดงค์ในครั้งนั้น ยังผลชื่อเสียงท่านเป็นที่รู้จัก เกียรติคุณท่านในหมู่บ้านที่เป็นไทข่าและหมู่บ้านใกล้เคียง ทำให้พวกที่เก่งวิชา อาคมในแถบนี้ต้องการเอาคืน ต้องการพิสูจน์ใครแน่จริง จึงมีการตามมาที่วัด โดยหลวงปู่สนธิ์ท่านก็ให้ไปพักที่กุฏิ รับรอง แขก
    ในเวลาค่ำคืน การแสดงฤทธิ์ก็เกิดขึ้น ไทข่าที่มาพักก็ นำเบ็ด ออกมาตกที่หน้าต่างที่พัก ซึ่งอยู่ในวัดบนพื้นดิน และเขาก็ได้ปลาติดเบ็ดเป็นพวกปลาดุก ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เมื่อหลวงปู่สนธิ์รู้แล้ว ท่านจึงกำหนดจิตให้ปลานั้นกลายเป็นงูตัวใหญ่ ติดเบ็ดขึ้นมา จึงทำให้ไทข่าผู้นั้นตกใจ ร้องตะโกนลั่นวัด กลัวงู และหนีกลับกลางคืนเลย และเมื่อรุ่งเช้าชาวบ้านไปวัดก็มาบ่นว่าปลาที่หามาได้นำมาขัง ไว้ในแอ่ง ในโอ่ง หาย หลวงปู่สนธิ์ก็ยิ้มให้และนิ่ง สงบ โดยไม่ได้บอกชาวบ้าน นอกจากเล่าแก่ลูกศิษย์ฟัง
    - ฝรั่ง มาวัดท่าดอกแก้วเหนือ ฝรั่งคนนี้เป็นหัวหน้าคุมงานทำถนน สาย นครพนม – มุกดาหาร สายริมโขง ในครั้งนั้นการตัดถนนและทำถนน ได้ทำการบุกเบิก ถนนโดยเครื่องจักรกลหนัก ไม่ว่ารถแทรกเตอร์ เครื่องมือต่างๆ รวมถึง การใช้ระเบิดเป็นเครื่องทุ่นแรง และเมื่อมาถึงภูเขาชื่อภูมโน การบุกเบิกที่นี้ก็ดำเนินหน้าต่อไป แม้ชาวบ้านที่นี้บอกว่าที่นี้เป็นที่เข็ดขลัง เป็นที่ชาวบ้านไม่ค่อยจะไปยุ่งเกี่ยว เพราะกลัว โดยเชื่อว่าเจ้าที่แรง ฝรั่งก็บอกบ้านว่าไม่กลัวผี กลัวอะไรหรอกเพราะมีระเบิด ระเบิดตูม ผี อะไรก็กระจายแล้ว เมื่อในยามค่ำคืน สิ่งที่ชาวบ้านเตือนไว้ สิ่งที่ไม่คาดคิดที่ ฝรั่งและคนงานได้สัมผัสในตอนนั้นคือ รถ ทั้งหมดเคลื่อนที่ได้เอง และบีบแตรเองกันหมด ยังความตื่นตระหนกต่อฝรั่ง และคนงาน ในรุ่งเช้าก็มีแต่คนกลัวไม่กล้าดำเนินงานต่อไป ฝรั่งจึงมาถามชาวบ้านในแถบนั้นจะทำอย่างไรดี และบอกว่าแย่แน่ ทำงานต่อไม่ได้แน่ ไม่เสร็จทันสัญญาแน่ ชาวบ้านในแถบนั้นก็รู้ ชื่อเสียงหลวงปู่สนธิ์ วัดท่าดอกแก้วเหนือจึงแนะนำฝรั่งนั้นให้มาหาท่าน และเมื่อถึงที่วัดก็มากราบ ขอร้องให้ท่านช่วย ท่านจะให้ตะกรุดยันต์ แล้วนำไปแขวนที่รถทุกคันที่ทำงาน และการทำงานทำถนนก็สำเร็จล่วง ปรากฏเป็นถนนสายนครพนม –มุกดาหาร สายริมโขงในถึงปัจจุบันนี้
    - คลายทิฐิหลวงปู่แก้ว หลวงปู่แก้วเป็นสหธรรมิก ที่มักจะไปธุดงค์ ไปไหนพร้อมๆกับหลวงปู่สนธิ์ ในครั้งหนึ่ง ในระหว่างทาง การเดินทางนี้หลวงปู่สนธิ์ได้เดินนำหน้า และหลวงปู่แก้วเดินตาม ด้วยความไม่ระวังหลวงแก้วได้เดินสะดุด รากไม้ ให้หัวขม้ำเล็กน้อย ด้วยความที่ท่านเป็นองค์หนึ่งที่มีคาถาอาคมในเรื่องคงกระพันชาตรี ท่านจึงไม่พอใจ รากไม้นั้นที่มาขวางทาง ท่านจึงกลับมาเตะรากไม้นี้ กะให้หน่ำใจ อีกที เมื่อหลวงปู่สนธิ์รู้ ทำไมถึงถือตัวขนาดนี้ ไม่แล้วๆไป ท่านจึงขีดเส้นบนพื้นในทางเดินไว้ สักพักหลวงปู่แก้วเดินมาก็สะดุดเส้นที่ขีดไว้ จนเลือดไหล และต้องให้หลวงปู่สนธิ์ คัด ห้ามเลือด เป่าคาถาห้ามเลือดให้ เลือดจึงหยุด และท่านก็ได้เตือนเรื่องการใช้คาถาฤทธิ์แก่หลวงปู่แก้ว

     
  14. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    เรื่องนี้คงไม่จริงครับ เพราะมีน้องผมอยู่คนหนึ่งที่สนิทกัน ยังแวะเวียนไปหาท่านบ่อย ๆที่บ้าน ที่ชลบุรีครับ ผมก็คิดว่าจะไปหาท่านสักวันเหมือนกัน
     
  15. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,787
    มาจากอนาคต

    หลายสิบปีที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายถึงเรื่องมนุษย์จากอนาคต ปรากฏกายขึ้นในโลกปัจจุบันหรือช่วง เวลาที่เป็นอดีตกาลของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอห์น ไตเตอร์ นายทหารจากโลกอนาคตเดินทางย้อนเวลาตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM รุ่นแรก แอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน ผู้ใช้ความรู้ทางประวัติศาสตร์สร้างผลกำไรมหาศาลจากตลาดหุ้นและการลงทุน หรืออีลอย โคล เดินทางมายับยั้งการทดลองการสร้างหลุมดำจำลองที่นำไปสู่หายนะของโลกในอนาคต

    เรื่อง เล่าของคนเหล่านั้นเป็นที่กังขาของคนส่วนใหญ่เพราะขาดวัตถุหลักฐาน ยืนยัน จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติในภาพ ถ่ายอายุ 70 ปีของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา เป็นภาพคนแต่งกายทันสมัยถือกล้องถ่ายภาพขนิดพกพายืนอยู่ท่ามกลุ่มคนและภาพ นี้ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าเป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบ แต่งแต่อย่างใด
    [​IMG]

    คอมพิวเตอร์ กู้โลก

    จอห์น ไตเตอร์ (John Titor) ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในห้องพูดคุยสาธารณะแห่งหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2000 โดยครั้งแรกเขาได้ลงทะเบียนชื่อว่า “Timetravel_0” และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “John Titor” ในภายหลัง

    แน่ นอนว่าชื่อ John Titor เป็นนามแฝง John เป็นชื่อสามัญเหมือนกับชื่อ สมชาย ของคนไทย ส่วน Titor เป็นคำย่อของคำว่า Time Travelor โดยเล่นคำสะกดพยางค์สุดท้าย Travelor ด้วย or แทนที่จะเป็น Traveler สะกดด้วย er

    [​IMG]

    เขา ออกตัวว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากอนาคตเมื่อปี 2036 ด้วยเครื่องย้อนกาลเวลาที่ผลิตขึ้นในปี 2034 โดยบริษัท GE (General Electronic) เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง จอห์นได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องย้อนกาลเวลา (Time Machine) และคู่มือการใช้งานเครื่องให้ทุกคนได้เห็น

    [​IMG]

    แน่ นอนว่าผู้คนที่เข้าร่วม วงสนทนาไม่เชื่อน้ำมนต์ของนายจอห์น ไตเตอร์ หลายคนพยายามยิงคำถามต่างๆนานาเพื่อจับผิดเขา แต่ดูเหมือนจอห์นจะสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ทั้งหมด แถมยังสอนมวยกลับมายังคนลองภูมิอีกด้วย

    หลายๆคำถามที่จอห์น ไตเตอร์ ยิงกลับมายังผู้ร่วมสนทนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เมื่อไปค้นคว้าดูในภายหลังพบว่ามันล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ชั้น สูงทั้งสิ้น อีกทั้งคำเตือนเรื่องจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสมองฝ่อ (Mad Cow Disease) ได้เกิดขึ้นจริงในปี 2001 ทำให้หลายคนชักจะลังเล

    ร่ำรวยด้วยความรู้ประวัติ ศาสตร์

    เดือน มกราคม 2003 หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์ (Weekly World News) ตีพิมพ์ข่าวเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน (Andrew Carlssin) วัย 44 ปี ในข้อหานำข้อมูลลับภายในไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์

    [​IMG]

    สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Security and Exchange Commission) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายแอนดรูว์ โดยสงสัยว่าเขานำข้อมูลลับของบริษัทมหาชนต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ไปแสวงหาผล ประโยชน์ให้กับตนเอง เพราะแอนดรูว์สร้างความร่ำรวยในเวลาเพียงชั่วพริบตาด้วยการลงทุนเพียง 800 ดอลลาร์ซื้อหุ้นต่างๆแล้วขายออกไป นำเงินที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวใหม่แล้วทำชอร์ตเซลขายออกไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเงินทุนเริ่มต้น 800 ดอลลาร์เพิ่มพูนขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น


    แอ นดรูว์รับสารภาพโดย ให้การว่าเขามีข้อมูลว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นในช่วงเวลานั้น เพราะเขามาจากโลกอนาคตในปี 2556 เขาเพียงศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ นำความรู้ที่ได้ติดตัวเดินทางย้อนอดีตมาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช้อนซื้อ หุ้น

    เดิมทีนั้นเขาตั้งใจจะลงทุนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต หากแต่ความโลภทำให้เขาหักห้ามใจไม่อยู่ เทเงินที่หามาได้ในช่วงแรกๆลงทุนซื้อหุ้นที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีราคา สูงขึ้น จนกระทั่งไปสะดุดตาเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.


    หายตัวอย่างลึกลับ

    แอ นดรูว์หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ตำรวจควบ คุมตัวขึ้นศาลพร้อมกับข่าวคราวการจับกุมตัวเขา ไม่มีสื่อใดๆเสนอข่าวนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ FBI เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนปฏิเสธตรงกันว่าไม่เคยได้ยินชื่อแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน มาก่อน

    [​IMG]


    ปี 2006 แอนดรูว์โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์อีกครั้ง เขาไม่ยอมเปิดเผยว่าสามารถเล็ดลอดจากการควบคุมตัวมาได้อย่างไร โดยบอกแต่เพียงว่าตอนนี้เขาทำงานบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่งใน แคนาดา

    เช่นเคย เขาใช้ข้อมูลที่เป็นประวัติศาสตร์ในยุคสมัยเขาล่วงรู้ว่า “ทรายน้ำมัน” (Tar Sands) เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่จะมาทดแทนบ่อน้ำมันตามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะทรายน้ำมันอัลเบอร์ตา (Alberta Tar Sands) ของประเทศแคนาดาเพียงแห่งเดียว สามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 3 แสนล้านบาร์เรล

    [​IMG]


    การ รีดน้ำมันออกมาจากทรายนั้นไม่ง่ายเหมือนกับการขุดเจาะน้ำมันทั่วๆไป เขาต้องสร้างเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า “คาร์ลส์ซินนิซิตี้” (Carlssinicity) เพื่อใช้ในการแยกน้ำมันดิบออกจากทราย โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ต่อ 1 บาร์เรลเท่านั้น

    เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงหนังสือ พิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์เท่านั้นที่ลงเรื่องราวของแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน และหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทลงข่าวโคมลอย เพื่อความบันเทิง (Entertainment Tabloid) อย่างไรก็ตาม มันเป็นความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่ต่อมาในปี 2008 สำนักงานพลังงานหลายแห่งทั่วโลกยอมรับว่าสามารถแยกน้ำมันดิบออกจากทราย น้ำมันได้จริง ซึ่งมันจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคต และ ทรายน้ำมันอัลเบอร์ตาเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

    [​IMG]

    หยุดยั้งโครงการหลุมดำ

    เมื่อ ไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยรักษาความปลอดภัยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปสามารถจับ กุมตัวอีลอย โคล (Eloi Cole) ระหว่างพยายามก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hardon Collider) ของห้องทดลองเซิร์น (European Organization for Nuclear Research; CERN) ซึ่งกำลังทำการทดลองสร้างหลุมดำจำลอง (Black Hole)


    อี ลอยให้การว่าเขาลอบเข้ามาในห้องทดลองเพื่อหาแหล่งพลังงานให้กับเครื่องเดิน ทางข้ามเวลาของเขา และเตือนว่าการทดลองสร้างหลุมดำจำลองนี้นำไปสู่การสร้างแหล่งพลังงานที่มี อย่างไม่จำกัดในอนาคตอันเป็นการนำไปสู่หายนะของโลกในที่สุด

    อีลอยยัง บอกอีกด้วยว่าเขาเองเป็นคนที่ก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องหยุดการเดินเครื่องชั่วคราว

    เหตุการณ์ ในครั้งนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่าต้นเหตุคือเศษขนมปังชิ้นเล็กๆหลุด เข้าไป เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ โดยเข้าใจว่ามีนกคาบเศษขนมปังบินผ่านเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้วทำเศษขนม ปังหล่นลงมา

    ระหว่างที่อีลอยถูกควบคุมตัวในห้องขังเพื่อรอการส่งตัว ไป ยังสถานบำบัดโรคทางจิต เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับบนสถานีตำรวจกลางกรุงเจนีวานั่นเอง

    [​IMG]


    หลักฐานชิ้นสำคัญ

    เดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ได้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตผ่านทางภาพถ่าย โดยหนึ่งในภาพถ่ายนั้นเป็นภาพกลุ่มคนมุงดูเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 1941

    [​IMG]

    ท่าม กลางฝูงชนในภาพ มีชายคนหนึ่งแต่งกายผิดแผกแตกต่างไปจากผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเขามีทรงผมล้ำสมัย สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อยืดสวมเสื้อแจ๊กเกตทับ อันเป็นแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 70 ปีก่อน แต่ที่สำคัญกว่าการแต่งกายคือชายคนนี้ถือกล้องถ่ายรูปพกพาที่ยังไม่ผลิตออก จำหน่ายในสมัยนั้น
    ภาพ ถ่ายใบนี้เป็นภาพถ่ายโบราณของพิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ไม่ใช่ภาพถ่ายทั่วๆไปที่คนมือบอนจะนำตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิคได้พิสูจน์แล้วว่าภาพนี้เป็นภาพ ถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่ง มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่ามีคนจากอนาคตเดินทาง ย้อนเวลามาสู่อดีตจริง

    ภาพ ถ่ายภาพนี้จึงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ใน สังคมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายคนพยายามสืบค้นว่าบุคคลแปลกปลอมในภาพถ่ายเป็นใคร มาจากไหน ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องการเดินทางย้อนเวลาก็พยายามหาข้อมูลมาหัก ล้าง ซึ่งผลการดีเบตระหว่างคน 2 ฝ่ายนี้จะเป็นอย่างไรเราก็ต้องคอยติดตามข่าวกันต่อไป
     
  16. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่าง ถ้าอยู่ใกล้ๆก็น่าไปหาครับ ผมเคยคิดจะไปหาลุงแมง หนึ่งในตำนานของผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม เพราะได้ข่าวว่าแกมาทำไร่้ส้มอยู่แถวตำบลพงเสลี่ยง อำเภอศรีสัชนาลัย แต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว เพราะมีพอแล้วครับ
     
  17. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขุนแผนงามมากๆครับสหายเชน ...(^_^)


    เช้านี้คึกคักดีจังครับ...คงเป็นเพราะเจ้าของบ้านของเราแวะเข้ามาแต่เช้า...อนิสงค์นี้จึงได้เห็นคุณนวลเลยเข้ามาในช่วงเช้า...แถมด้วยน้าต๋อยที่นานๆจะเข้ามาสักครั้ง อิอิ ....(^_^)..


    เช่นเดียวกันครับ เวลาก่อนสวมพระเครื่องก็จะระลึกถึงหน้าพระเกจิท่านนั้นๆเสมอ ๆ..(^_^)
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    เตือนด้วยรักกันเล็กๆน้อยๆ (เอาของเก่ามาลงไว้อีกครั้ง)

    ผิวไม่ขาวซีดเซียว พระผ่านการอบตัวของอากาศและการเสื่อมสลายของผงในพระย่อมทำไห้สีเปลียนไป อมเหลืองและน้ำตาล
    สีผิวไม่เรียบทั้งองค์ สีของพระจะต้องไม่เป็นโทนเดียวทั้งองค์ เพราะกาลเวลาและการผสมผงที่ไม่มีทางผสมได้เสมอกัน100%
    กลิ่นต้องไม่มี โดยเด็ดขาด เพราะอายุพระมากกว่า50 ปีแล้ว
    คราบต้องแห้งสนิท ไม่อมความชื้นโดยเด็ดขาด
    เนื้อแกร่ง เช่นเดียวกับหินปูนหรือปูนผง ที่แข็งตัวได้ที่แล้ว ส่วนที่สัมผัสจะเป็นมันลื่นๆ
    พิมพ์คมชัดลึก โดยเฉพะยันต์หลัง เพราะใช้แม่พิมพ์ยันต์กดด้านหลัง จะคมมากส่วนใหญ่ไม่ตื้น
    ผงที่พระต้องไม่ติดมือ เพราะผ่านการหลุดร่อนมานานแล้วของผงที่ผิวพระ
    ขอบพระต้องหดตัว ตามหลักสังเกตุของของธรณีวิยา การเกิดดินและหินเมื่อเวลาผ่านไป
    ผิวพระมีรอยย่น ตามการหดตัวของวัตถุเมื่ออากาศ-สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง และหดไม่เท่ากันทุกพื้นผิว

    หลังจะไม่เรียบมากเป็นกระดาน เพราะรีบทำไม่ได้กดอย่างปราณีตและไม่ได้ปาดหลัง
    น้ำหนักตึงมือ เพราะไม่ใช่ผงหรือดิน แต่ส่วนใหญ่เป็นปูนผง
    ดังเหมือนหินปูนเมื่อวางบนกระจก เพราะมีส่วนผสมของปูนมากกว่าผง
    มีรอยเหนอะบนผิวพระ จากการยกพระที่กดคว่ำหน้าออกจากแม่พิมพ์
    พระกดคว่ำหน้าลงครับ ดูครีบของการตัดมีทุกองค์ ตัดจากหน้าไปหลัง
    ตำแหน่งยันต์หลัง จะไม่ใช่ตำแหน่งเดียวกันทุกองค์ แทบไม่ตรงกันเลยสักองค์
    ขอบพระ จะไม่เท่ากันทุกองค์ เพราะเป็นแม่พิมพ์ที่ไม่มีตัวบังคับขอบแม่พิมพ์
    ความคมขององค์พระและยันต์ จะไม่สม่ำเสมอเท่ากันทุกองค์ เพราะเป็นพระกดมือ จึงมีน้ำหนักกดไม่เท่ากันแม้แต่องค์เดียว
    โซนของสีผิว จะไม่เท่ากันทั้งองค์ในพระบรรจุกรุ เพราะเป็นธรรมชาติของการวางทับและซ้อนกันในกรุ

     
  19. chainerror

    chainerror เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,783
    ค่าพลัง:
    +7,902
    ไปทานข้าวแล้วนะครับทุกๆท่าน
    ว่าจะไปทานข้าวหมูทอดเมืองทอง ของเค้าดีจริงๆ
     
  20. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    นั่นสิครับท่านประธานโต้ง....บรรยากาศแตกต่างกับช่วงเงียบเหงาของเมื่อวานมั๊กๆ...(^_^)
     

แชร์หน้านี้

Loading...