แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. Dhanainan

    Dhanainan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,174
    เงียบจัง ไม่เห็นมีพี่ๆมาออกอาวุธบ้างเลย เฝ้าต่อละกัน รอเชียร์เชลซีที่รัก
    พี่เชครับ ตารางที่โพสต์ไว้นี่ ไฟนอลหรือยังครับ
    ของผมมีลูกอมรุ่น 4 กับพระชุดนำฤกษ์ครับ
    แต่ๆๆๆยังไม่ได้ชำระเงินนะครับรอสิ้นเดือน ขอบคุณครับ
     
  2. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
     
  3. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ก็ออกอาวุธเองเลยสิครับ
    เดี๋ยวพี่ๆ น้องๆ เขาจะตามมาเอง
    อย่าเอาแบบล่อเป้านะครับ เดี๋ยวเป้าจะพรุนซะก่อน

    แต่ไม่แน่ครับ...พี่ๆ อาจจะโดนออกอาวุธกันอยู่ก็เป็นได้
     
  4. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    เป็นตารางเพื่อเตรียมการจัดส่งครับ ตามหลักแล้วมันต้องมีโปรแกรมการขาย เพื่อหักยอดจอง และเคลียร์ค่าว่าได้รับสินค้าแล้ว แต่คิดว่าคงจะเขียนต่อในส่วนนั้น ให้กรรมการ เช็คยอดจองกันเอง แล้วปรับเปลี่ยนที่ยอดส่งครับ เด็กข้างบ้านผมที่เขียนให้ว่าไม่ไหวแล้ว หากหลังวันที่ 15 ไปอาจไม่ว่างมาดูและติดตามให้ตลอดครับ
     
  5. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
     
  6. นาย สมพล

    นาย สมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2007
    โพสต์:
    866
    ค่าพลัง:
    +905
    หาชื่อผมเองในตารางไม่เจอเลยครับ ที่จองลูกอมรุ่นสี่ไว้ 5 ลูก

     
  7. ก้องครับ

    ก้องครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,447
    ค่าพลัง:
    +10,647
     
  8. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    วันนี้ไปงานกฐิน ลป.กวย ที่วัดมา และได้มอบ ปัจจัย ที่ได้จากการประมูลให้กับทางวัดเรียบร้อย และได้รับใบอนุโมทนามาด้วย จะลงให้ชม พรุ่งนี้นะครับ (พึ่งตื่น 555)

    มีข่าวดีสำหรับพระ ลป.กวย รุ่น "มงคลชีวิต 54" ได้คุยกับท่านพระครู ท่านได้ถามว่าพระเสร็จยัง ผมก็บอกว่าเสร็จแล้ว ท่านก็บอกว่าให้เอามาเข้าพิธีใหญ่ ที่วัดด้วย ผมถามท่านว่าจะสะดวกทางวัดหรอครับ และของวัดก็เยอะนะครับ ท่านพระครู บอกว่าได้ ฉันกับท่านเจ้าอาวาส อนุญาติ เพราะ คุณหนึ่ง สร้างเพื่อเผยแพร่กิตติคุณ ลป. และสร้างเพื่อการกุศล ไม่ได้สร้างเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋า ทางวัดอนุญาติ

    ข่าวดีที่ 2 หลวงพ่อเพี้ยน จะเษกเดี่ยวให้ในโบสถ์ วัดโฆสิตาราม เพราะตั้งแต่แรก ทางคณะกรรมการ จะเอาไปให้ท่านเษกที่วัด แต่ ท่านพระครู บอกว่า ลพ.เพี้ยน จะมาเษกเดี่ยว ให้ที่วัดก่อน ท่าน เลยให้เอาพระ รุ่น "มงคลชีวิต 54" ไปเข้าพิธีได้เลย

    พระ ลป.กวย รุ่น "มงคลชีวิต 54" จะได้การพิธี เษกเดี่ยว จาก ลพ.เพี้ยน ในโบสถ์ วัดโฆสิตาราม และพิธีใหญ่ ในโบสถ์ ที่วัด ใน วันที่ 21 พ.ย. นี้ เท่ากับว่า จะได้ เษก ในโบสถ์ วัดโฆสิตาราม อีกรอบ ซึ่งเป็นพิธีสุดท้าย ที่ตั้งใจไว้แต่แรก พระชุดนี้ เษก ในโบสถ์ 2 รอบ เลยครับ

    ท่านพระครูท่านเมตตา มากๆเลยครับ ท่านว่า พระเพื่อการกุศล และ เป็นพระ ลป.กวย ด้วย ท่านสนับสนุน
     
  9. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    อนุโมทนาด้วยครับพี่หนึ่ง อีกเรื่อง อย่าลืมแจ้งยอดกฐินทั้งหมดของทางวัดให้สมาชิกทราบนะครับ เพราะใกล้วันที่ 16 เต็มทีแล้วครับ ขอยอดทั้งหมด กับยอดหักค่าใช้จ่ายแล้ว อิอิ ไม่รู้จะทันรึป่าวนะ :cool:
     
  10. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    สงสัยว่าต้องแบ่งมาให้ผม 1 ลูกแล้วครับพี่ เพราะผมยังไม่มีรุ่น 2 นั่นแหละถึงพิมพ์ตกไปครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2010
  11. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    ครับ ก็อยากให้มีวันนั้นที่ดีเหมือนวันนี้... (อมโป อีกครั้ง)

    งึ :( เสียใจ เสียใจเป็นทิ๊สุ๊ด ;k01
    พยายามทำใจครับ จะได้อยู่แล้ว พอมาเห็นเรื่องเทพพรหม พ้นเลยทีนี้

    ผมอยากให้พี่หนุ่มฟังเพลงนี้ครับ ในท่อนฮุก มันบอกความรู้สึกของผมตอนนี้ครับ อิอิ
    ขอบคุณพี่หนุ่มน่ะครับสำหรับสิ่งดี ๆ ที่สร้างอยู่น่ะตอนนี้

    <object width="480" height="385">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/JtRs9vVVm1Y?fs=1&hl=en_US" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>
     
  12. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327

    จะโทรถามให้ ครับ :cool:
     
  13. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    [FONT=&quot]ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Aimee2500 [/FONT][FONT=&quot]<!--[if gte vml 1]><v:shapetype id="_x0000_t75" coordsize="21600,21600" o:spt="75" o:preferrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"> <v:stroke joinstyle="miter"/> <v:formulas> <v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"/> <v:f eqn="sum @0 1 0"/> <v:f eqn="sum 0 0 @1"/> <v:f eqn="prod @2 1 2"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @0 0 1"/> <v:f eqn="prod @6 1 2"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"/> <v:f eqn="sum @8 21600 0"/> <v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"/> <v:f eqn="sum @10 21600 0"/> </v:formulas> <v:path o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"/> <o:lock v:ext="edit" aspectratio="t"/> </v:shapetype><v:shape id="obrázek_x0020_1" o:spid="_x0000_i1025" type="#_x0000_t75" alt="อ่านข้อความ" href="http://palungjit.org/.127/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B5-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2-%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-239528-post4037230.html#post4037230" style='width:9pt;height:9pt;visibility:visible;mso-wrap-style:square' o:button="t"> <v:imagedata src="file:///C:\Users\ADMINI~1\AppData\Local\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="อ่านข้อความ"/> </v:shape><![endif]--><!--[if !vml]-->[/FONT]
    [FONT=&quot]ขอแนะนำหนังสือชื่อ "มนต์พิธี" สำหรับพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชน รวบรวมโดย พระครูสมุห์เอี่ยม สิริวณฺโณ
    หรือจะส่งไปที่นี่ก็ได้ะค่ะ

    [/FONT][FONT=&quot]แจกฟรีหนังสือสวดมนต์(มนต์พิธี)สำหรับพระภิกษุสามเณรและพุทธศาสนิกชนทั่วไปพร้อมคำแปลค่ะหนังสือหนา๓๒๗หน้าลงชื่อและที่อยู่ไว้ได้เลยค่ะ ([/FONT][FONT=&quot]ท่านละ[/FONT][FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]เล่มนะคะ[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]

    สำหรับท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บพลังจิตหากต้องการขอรับหนังสือติดต่อได้ที่ E-mail : panchewa@live.com นะคะ
    อนุโมทนาสาธุค่ะ
    บุญรักษาค่ะ[/FONT]

    ต้องขอโทษด้วยค่ะ ไม่ได้เป็นคนแจกค่ะ คนแจกคือผู้ใช้ User นี้ koongKTM ค่ะ หรือจะ email ไปที่ [FONT=&quot]panchewa@live.com [/FONT]ก็ได้ค่ะ
    แจกฟรีค่ะ
    แต่ได้ forwards mail ไปให้คุณกุ้งแล้วค่ะ เพราะตัวเองก็อยู่ต่างประเทศค่ะ
    อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  14. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327

    ส่งที่อยู่มาครับ เดี๋ยวผมเอาของที่วัด ลป.กวย ที่ผมมี ส่งไปให้ครับ
     
  15. ศิษย์หลวงปู่กวย009

    ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,867
    ค่าพลัง:
    +17,327
    ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ แล้วจะส่งใบอนุโมทนาไปให้นะครับ คุณเก็บไว้ให้ดีใส่กรอบยิ่งดีครับ แล้วจุดธูป บอกกล่าว ลป. ท่าน ครับ แล้ว สิ่งดีๆ จะตามา ครับ

    ถึงแม้ใบอนุโมทนาไม่ทันท่าน แต่ ความศักดิ์ของ ลป. อยู่คงนานตลอดไป
     
  16. PITINATTH73

    PITINATTH73 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    2,991
    ค่าพลัง:
    +9,624
    ผมขอตัวพักผ่อนก่อนครับ ญาติธรรมทุกๆท่าน
     
  17. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่าน

    ธรรมะจากต้นไม้
    หลวงพ่อชา สุภัทโท

    [​IMG]


    สัตว์ป่า เช่น นกเขา นกเค้า จักจั่น เรไร ส่งเสียง
    ทีไรก็รู้ เพราะมันบอกลักษณะของมันอยู่
    คนเราปากกับใจไม่ตรงกัน ไว้ใจยาก ให้ระวัง

    เมื่อเขานินทาเรา ต้องหยุดนิ่ง พิจารณาดูว่า เขาว่า
    อะไรกัน ถ้าไม่เป็นจริงก็แล้วไป ก็หมดเรื่องกันเท่านั้นเอง

    ถ้าเราชนะตัวเอง ก็จะชนะทั้งตนเองและผู้อื่นชนะทั้งอารมณ์
    ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น รส ทั้งโผฐฐัพพะเป็นอันว่าชนะทั้งหมด

    คนไม่รู้ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้ คนรู้แล้ว
    ไม่ทำตาม พระพุทธองค์ไม่สอน

    พระพุทธองค์ท่านว่า สอนตัวอย่างไร สอนคนอื่นอย่างนั้น
    ตัวทำอย่างไร จึงให้คนอื่นทำอย่างนั้น
    สาวกของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ เพราะเห็นความไม่เที่ยง
    อย่าทำสิ่งใดในที่ลับ เพราะกิจในที่ลับมักมีความชั่ว

    กาย วาจาของเราก็เช่นกัน ถ้ามีผู้รักษา มันก็งาม
    ความชั่วช้าลามกสกปรกเกิดขึ้นมาไม่ได้

    ความดีความชั่วทั้งหลายมันล้วนแต่เกิดในหน้าที่การงาน
    ทั้งหลายของเรานั่นเอง ดีก็เกิดที่ทำดีนั้นเอง ชั่วก็เกิดที่ทำชั่วนั่นเอง ฉะนั้นอย่าไปอิจฉาพยาบาทกัน ข้อสำคัญ ให้ทำใจให้เกิด “ตัวพอ” ขึ้นมาธรรมะคือความพอดีพระพุทธองค์สอนให้ฟังอย่างนี้ ให้ความดีเข้าไปฝังในใจ
    แล้วความทุกข์มันก็ถอนออกไป ห่างออกไป

    คนดี ดีอยู่ที่ไหน? คนดีอยู่ที่เรา ถ้าเราดี
    จะอยู่ตรงไหนกับใคร ก็ดีทั้งนั้น

    ผู้ที่จะเข้าถึงธรรมะ เบื้องต้นจะต้องทำตนให้เป็น
    คนมีความซื่อสัตย์สุจริตอยู่เป็นประจำ จะรู้ธรรม จะเห็นธรรม อยู่ที่ปฏิบัติ
    มีความอาย มีความกลัวเท่านี้เองก็เป็นธรรมะแล้ว

    ที่เราไม่เห็นธรรม ก็เพราะตัณหา คนจะบรรลุธรรมะ จะได้เห็นธรรมะ
    ต้องรู้จักว่าธรรมะอยู่ตรงไหนเสียก่อน

    เมื่อเราปฏิบัติธรรมไม่ว่าอารมณ์ใดจะเกิดขึ้น
    ก็ช่างมันให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ

    การกราบ ช่วยแก้ความถือตัวของเราได้อย่างดี

    อย่าไปมองข้างนอก ถ้าไปยึดข้างนอก
    มันจะลืมตัว มันจะไม่เห็นตัว

    อยากจะเห็นสิ่งทั้งหลาย ให้เห็นตัวเอง
    เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเรียนรู้ที่จะสำรวจ
    และสอบถามตัวเอง ท่านให้แก้ไขตัวเราเองไม่ใช่ไปแก้อย่างอื่น
    การพิจารณาตัดสินผู้อื่น จะเพิ่มความหยิ่งทะนงตน จงเฝ้าดูตน
    เห็นงู แล้วหนีงู งูพิษก็ไม่ตามเรา

    ตัววิชชา นี่แหละมันคลอดออกจากตัว อวิชชาตัวรู้
    คลอดจากความไม่รู้ ตัวสะอาด คลอดจากตัวสกปรก มันเป็นอย่างนี้

    พยายามต่อสู้เอาชนะอวิชชาให้ได้
    ด้วยการบังคับตัวเองเสมอ นี่เรียกว่า “ศีล”

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า กิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา
    พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ตามกิเลสให้ขัดมัน

    การปฏิบัติที่แท้จริง จะต้องมีศีลบริสุทธิ์

    อาการบังคับตัวเองให้กำหนดลมหายใจ ข้อนั้นเป็น “ศีล”
    การกำหนดลมหายใจและติดต่อกันไปจนจิตสงบ
    ข้อนี้เรียกว่า “สมาธิ”การพิจารณากำหนดรู้ลมหายใจว่า
    ไม่เที่ยง ทนได้ยาก ข้อนี้เรียกว่า “ปัญญา”

    เมื่อเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงรู้ทันและเอาชนะมัน โดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย พิจารณาว่า อันนี้ก็เป็นของ “ไม่เที่ยง” “ไม่แน่นอน”
    พิจารณาทุกขณะที่มันเกิดขึ้น นานๆ ไปเราก็เห็นของไม่เที่ยงในอารมณ์ทั้งหลายเหล่านี้
    ความยึดมั่นในความเศร้าหมองนั้นก็จะน้อยลงๆ

    กิเลส ย่อมตกเป็นเครื่องมือของผู้มีปัญญา
    กิเลส อาจทำคนธรรมดาให้เป็นพระพุทธเจ้า
    กิเลส ย่อมเป็นนายผู้ทารุณของคนโง่
    กิเลส ย่อมทำคนโง่ให้เป็นสัตว์เดรัจฉานเราทำตามกิเลสมาแล้ว กี่ปี?
    ทำไมเราไม่ปลดปล่อย ราคะ โทสะ โมหะ ของเรา

    พระพุทธเจ้าทั้งหลายบำเพ็ญทางจิต
    ความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอยู่ที่รู้จิต

    ใจจะสงบได้ ก็ด้วยความเห็นที่ถูก

    อะไรจะทำให้เราเสียหายไปไม่ได้ นอกจากจิตที่คิดผิดของเรา

    จิตที่ฝึกดีแล้ว นำความสุขมาให้

    การฝึกจิตให้ดี ย่อมสำเร็จประโยชน์

    จิตที่อบรมดีแล้ว มันจะอบรมของมันเอง

    การเฝ้าดูจิต นี่แหละคือ การปฏิบัติของเรา
    ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัวและความสงบสันติ

    จิตของคนตามธรรมชาตินั้น ไม่มีความดีใจ เสียใจ
    ที่มีความดีใจ เสียใจนั้น ไม่ใช่จิต

    ธรรมชาติของจิตย่อมปล่อยวางทุกสิ่งเองอยู่แล้ว
    โดยตัวของมันเองและไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด
    จงมองให้เห็น
    “ความรู้” ทุกชนิด เป็นเพียงสุสานของความคิด

    อารมณ์นี้ ธรรมะนี้ มันเกิดที่จิต อารมณ์นี้แหละ เป็นครูสอนเรา
    ไม่หลงอารมณ์เพราะรู้อารมณ์
    ดูจิตก็เห็นอารมณ์ เมื่อรู้จักผิด รู้จักถูกแล้ว ก็พยายามละมัน

    การทำความเข้าใจให้รู้ชัดว่าทุกสิ่ง
    มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
    ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นอะไรเลย นี่คือ ความรู้ตามความเป็นจริง

    ธรรมดาจิตของเรา มันมีทั้งเวลาขยันและขี้เกียจ
    แต่เมื่อทำความเพียรด้วยสัจจะ เราต้องทำไปเรื่อย

    ท่านให้ปล่อยทั้งชอบและไม่ชอบ อย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน
    แต่ให้รู้ มีสติอยู่ สงบอยู่ เท่านั้นแหละ

    การปฏิบัติคือการฝืนใจตนเอง
    การตามใจตนเอง ไม่ใช่แนวทางของพระพุทธเจ้า
    ถ้าปฏิบัติตามความคิดเห็นของเราเอง เราจะไม่มีวันรู้แจ้งว่า
    อันใดผิด อันใดถูก ไม่มีวันรู้ใจตัวเอง และไม่มีวันรู้จักตนเอง

    การปฏิบัติจริงๆ ต้องปฏิบัติเมื่อประสบกับอารมณ์

    การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียด ผู้ที่กริยานุ่มนวล
    สำรวม ปฏิบัติไม่เปลี่ยนแปลง สม่ำเสมออยู่เรื่อยๆ
    นั่นแหละจึงจะรู้จัก มันเกิดอะไรก็ช่างมันเถิด
    ขอแต่ให้มั่นคงแน่วแน่เอาไว้ อย่าชวนเซหวั่นไหวกุญแจ 4 ดอก
    รู้ เฉพาะหน้า เห็น ตามเป็นจริง เป็น ตามนั้น อยู่ อย่างสม่ำเสมอ

    การละบาปนี้สำคัญกว่าการทำบุญ

    ไม่ละบาป ไม่ละความชั่วแล้ว จิตไม่ผ่องใสหรอก

    ถ้าทำบาปแลกบุญ ก็ขาดทุนเรื่อยไป
    ทำดีได้ชั่ว ไม่มีหรอก ทำชั่วได้ดี ก็ไม่มี

    สิ่งที่แน่นอนไม่มี

    บางคนก็มาวัดทุกวัน วันพระก็มานั่งหลับตาภาวนา
    พอกลับไปบ้านก็ทิ้งเลย ทะเลาะกับลูกกับผัว กับใครต่อใคร
    เขาเข้าใจว่า เวลานั้นเขาออกจากภาวนาแล้ว

    คนไม่รู้จัก นึกว่าการเดินงกรม
    การฟังธรรม การนั่งสมาธิเท่านั้น
    เป็นการปฏิบัติ ก็จริงอยู่ แต่มันเป็นเปลือกของมัน

    ถ้าเราไม่ติดในความรัก ความชัง
    ความสุข ความทุกข์เท่านั้น
    ก็เรียกว่า เราเดินตามกระแสธรรมสมณะแล้ว


    มีสติคุ้มครองอยู่เสมอ นี่แหละคือสมาธิ
    การทำสมาธิภาวนา คือการมีสติรอบคอบ
    และการมีจิตเป็นปกติตามธรรมชาติ
    ในการกระทำทุกอิริยาบถ

    พระวินัยและศีลธรรมเป็นบันไดอันแข็งแกร่ง
    นำไปสู่สมาธิอันยิ่ง และปัญญาอันยิ่ง

    การมีสติและการสำรวมระวังในกฎระเบียบต่างๆ
    ให้คุณประโยชน์อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบง่าย
    ไม่จำเป็นต้องพะวงว่า จะต้องทำตนอย่างไร
    ดังนั้นจึงพ้นจากการครุ่นคิด เพราะมีสติดำรงอยู่อย่างสงบระงับ

    เรื่องเวทนานี้ เราจะหนีพ้นไปไหนไม่ได้ เราต้องรู้ทัน เวทนา ก็สักว่า เวทนา
    สุข ก็สักว่า สุข ทุกข์ ก็สักว่า ทุกข์ มันเป็นของสักว่าเท่านั้นแหละ
    แล้วจะไปยึดมั่นถือมั่นมันทำไม อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เขาว่าถูก
    อย่าไปเชื่อในสิ่งที่เขาว่าผิด

    เชื่อมากมันก็เป็นภัย ไม่เชื่อมันก็เป็นภัย

    เมื่อเราช่วยเขานั่นแหละ คือช่วยตัวเราเอง
    เมื่อเราดูถูกเขานั่นแหละ คือเราดูถูกตัวเอง
    เมื่อเราเมตตาเขานั่นแหละ คือเมตตาตัวเอง

    เมื่อบวชเข้ามาแล้ว
    ก็ทำตัวเป็นพระภิกษุใหม่อยู่เสมอ

    ขณะแห่งการปฏิบัติ คือขณะแห่งการตรัสรู้

    กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คือ นักปฏิบัติ
    กินมาก นอนมาก พูดมาก คือ คนโง่

    จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติภาวนานั้น
    ท่านทรงสอนให้ปล่อยวาง
    คำที่ว่าอายนี้เราเห็นว่าอายต่อบาป
    อายต่อความผิดเท่านั้น

    อย่าไปตัดสินคนอื่น คนเรามีหลายแบบต่างๆกัน
    อย่าคอยแต่มั่นหมายที่จะเปลี่ยนแปลงใครๆ ไปหมดทุกคน

    ถ้าคนธรรมดา “เห็น” เขาจะกลายเป็นมุนี
    ถ้า มุนี “เห็น” เขาจะกายเป็นคนธรรมดา

    ดูท่อนไม้นี้ซิ สั้นหรือยาว? สมมุติว่า คุณอยากได้ไม้ที่ยาวกว่านี้
    ไม้ท่อนนี้มันก็สั้น แต่ถ้าคุณอยากได้ไม้สั้นกว่านี้ ไม้ท่อนนี้ก็ยาว

    จงหาความดี จากคนที่เลว จงหาความเลว จากคนที่ดี

    คนที่ไม่รู้จักสุข ไม่รู้จักทุกข์นั้น
    ก็จะเห็นความสุขกับทุกข์นั้นมันคนละระดับ
    คนละราคากัน ถ้าผู้รู้ทั้งหลายรู้แล้ว
    ท่านจะเห็นว่า สุขกับทุกข์มันมีราคาเท่ากัน
    เมื่อถึงคราวป่วยไข้ เข้าโรงพยาบาล
    เราก็ต้องว่าหาย ก็เอาตายก็เอา
    เอาหายอย่างเดียวทุกข์แน่

    คงหลงโลก คือ หลงอารมณ์
    คนหลงอารมณ์ คือ หลงโลก

    มรรคผลไม่พ้นสมัย
    คนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธว่าในพื้นดินไม่มีน้ำ
    แล้วไม่ยอมขุดบ่อ

    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า
    “อานนท์ปฏิบัติให้มาก ทำให้มาก แล้วจะสิ้นสงสัย”

    ปฏิบัติไปเรื่อย มีสติคุ้มครองอยู่เสมอ
    นี้คือ สมาธิ สมาธิ คือ ปัญญา

    ท่านทั้งหลายอย่าทิ้งหลักการประพฤติปฏิบัติ
    การพูดน้อย นอนน้อย กินน้อย การสงบระงับ
    ไม่คลุกคลีหมู่คณะ การเดินจงกรมเป็นประจำ
    การนั่งสมาธิเป็นประจำ

    พระวินัย และศีลธรรม เป็นบันไดอันแข็งแกร่ง
    นำไปสู่สมาธิยิ่ง และปัญญายิ่ง

    ธุดงควัตรทั้งหลายล้วนเป็นเครื่องช่วยเราให้
    ทำลายกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
    เป็นวิธีการที่ทำให้การปฏิบัติของเราเป็นไปอย่างเรียบง่าย

    ภิกษุทั้งหลาย วันคืนล่วงไป...ล่วงไป บัดนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ ธรรมะข้อนี้น่ะเธอเข้าใจดีหรือยัง พวกคุณทำกิจอันสูงสุด ตามที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น เสร็จแล้วหรือยัง

    ขันติ...ความอดทน
    อดทนมันเป็นแม่บทของธรรมทั้งหลายทั้งปวง
    ทุกคนจะต้องอยู่ในความอดทนทั้งนั้น
    อดทน ต้องอดทน อดทนให้ความดี
    การฝึกจิตไม่เหมือนฝึกสัตว์ จิตนี่เป็นของฝึกยากแท้ๆ
    แต่อย่าไปท้อถอยง่ายๆ ถ้ามันคิดไปทั่วทิศก็กลั้นใจมันไว้
    พอใจมันจะขาด มันก็คิดอะไรไม่ออก
    มันก็วิ่งกลับมาเอง ให้ทำไปเถอะ

    อุปธิวิเวก กิเลสสงบ อุปธิสงัด ระงับกิเลส คือความเศร้าหมอง
    คือ ราคะ โทสะ โมหะวุ่นวายต่างๆ ที่เรียกว่ากิเลส

    ขอให้จำไว้ว่า ถึงจะขี้เกียจ
    ก็ให้พยายามปฏิบัติไป ขยันก็ให้ปฏิบัติไป
    ทุกเวลาและทุกหนทุกแห่ง นี่เรียกว่า การพัฒนาจิต

    ภาวนา คือ การพัฒนาให้เห็นที่มันถูกต้อง
    เห็นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นที่พอดี แล้วมาแต่งใจเจ้าของ

    การตั้งใจของผู้ประพฤติปฏิบัตินี้
    ให้เอาชนะตัวเอง ไม่ต้องเอาชนะคนอื่น
    ให้สอนตัวเอง ไม่ต้องพยายามสอนคนอื่นให้มากที่สุด
    จะต้องให้สติมีพร้อมอยู่เสมอ ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น
    เพราะมันมีโอกาสที่จะบรรลุธรรมะอยู่ทุกเวลา
    อยู่ทุกสถานที่ เมื่อเราตั้งใจอยู่ พิจารณาอยู่

    สิ่งที่รักษาสมาธิได้ คือสติ สตินี้เป็นธรรม
    เป็นสภาวะธรรมอันหนึ่ง ซึ่งให้ธรรมอันอื่นๆ ทั้งหลาย
    เกิดขึ้นโดยพร้อมเพียง สตินี้ก็คือ ชีวิต
    ถ้าขาดสติเมื่อใด ก็เหมือนตาย

    การปฏิบัตินี้คือ การมาสร้างความรู้อันหนึ่ง
    ให้มีกำลังมากกว่าความรู้ที่มีอยู่แล้ว
    คือ ทำปัญญาให้เกิดขึ้นที่จิต ทำญาณให้เกิดขึ้นที่จิต
    จนมีความสามารถที่จะหยั่งรู้กิริยาจิต
    ภาษาจิต รู้อุบายของกิเลสทั้งหลายทั้งปวง
    ที่เกิดขึ้นมาในจิตนั้น

    เมื่อเราเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองจงรู้ทันและเอาชนะมัน
    โดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย พิจารณาว่า
    อันนี้ก็เป็นของ “ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน”
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า กิเลสทั้งหลายเป็นครูของเรา
    พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ตามกิเลส ให้ขัดมัน

    สัมมาสมาธิที่ถูกต้องนั้น ถึงแม้จะมีความสงบไปถึงแค่ไหน
    ก็มีความรู้ตลอดกาล ตลอดเวลา มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์บริบูรณ์ รู้ตลอดกาล นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ

    ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา
    ผู้นั้นก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา

    มนุษยศาสตร์ทั้งหลาย มันยิ่งเห็นชัดเจน
    ว่ามีแต่ศาสตร์ที่ไม่คมทั้งนั้นไม่สามารถจะตัดทุกข์ได้ มีแต่ก่อให้เกิดทุกข์
    ศาสตร์ทั้งหลายเหล่านั้น
    เราเห็นว่า ถ้าไม่มาขึ้นต่อพระพุทธศาสตร์แล้ว
    มันจะไปไม่รอดทั้งนั้น

    สูทั้งหลายจงมองดูโลกอันตระการดุจราชรถ
    ที่คนเขลาย่อมหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่

    ธรรมะคืออะไร คือ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมะ
    ความรัก ความเกลียดก็เป็นธรรมะ ความสุข ความทุกข์
    ก็เป็นธรรมะ ความชอบความไม่ชอบก็เป็นธรรมะ
    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยแค่ไหนก็เป็นธรรมะ

    จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติภาวนานั้น
    ท่านทรงสอนให้ ปล่อยวาง

    อย่าแบกถืออะไรให้มันหนัก ทิ้งมันเสีย
    ความดีก็ทิ้ง ความถูกต้องก็ทิ้ง

    ธรรมมีอันเดียว เท่านี้ไม่มีมาก
    คือจิตของเราที่เห็นชัดแล้ว มันก็วาง ปล่อย หมดแค่นั้น

    ตัวศาสนา คือ ความสงบระงับ
    อันเกิดจากความรู้เท่าในความเป็นจริง
    ในธรรมชาติของความเป็นจริงที่เกิดอยู่ เป็นอยู่
    ให้รู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา ให้มีสติอยู่
    ให้เห็นความเกิดดับของกายและใจ
    แต่อย่าให้มันมาทำใจให้วุ่นวาย ให้ปล่อยวางมันไป
    ความรักเกิดขึ้นก็ปล่อยวางมันไป
    มันมาจากไหนก็ให้กลับไปที่นั่น

    ความโลภเกิดขึ้น
    ก็ปล่อยมันไป ตามมันไป
    ตามดูว่ามันอยู่ที่ไหนแล้วตามไปส่งมันให้ถึงที่
    อย่าเก็บมันไว้สักอย่าง

    อานาปานสติภาวนา คือ
    สติจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าและหายใจออก

    เพราะทุกข์อันนี้จะหายไปได้นั้น
    พระพุทธองค์สอนว่าให้รู้เท่าทันมัน
    จึงจะดับทุกข์ได้

    ความดีใจ ความเสียใจ มันเกิดจากพ่อแม่เดียวกัน
    คือตัณหา ความลุ่มหลงนั้นเอง

    จิตก็เป็นผู้รับรู้อารมณ์ อารมณ์ก็เป็นอารมณ์
    จิตนี้ก็เรียกว่าจิต
    ผู้รู้ทั้งจิตทั้งอารมณ์นั้นมันเหนือกว่าจิต
    เหนือกว่าอารมณ์ไปอีก มันเป็นของมันอย่างนั้น
    แล้วมันก็มีสิ่งที่ซับซ้อนอยู่เสมอ ท่านเรียกว่า “สติ”

    จิตนี้ไม่มีอะไร ไม่เกิดกับใคร ไม่ตายกับใคร จิตเป็นเสรี
    รุ่งโรจน์โชติการ ไม่มีเรื่องราวต่างๆ
    เข้าไปอยู่ในที่นั้น
    ที่จะมีเรื่องราวก็เพราะมันหลงสังขารนี่เอง
    หลงอัตตานี่เอง

    ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา
    พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เห็นเป็นสักแต่ว่า ท่านสอนว่า ธรรมทั้งหลายมันเกิดเพราะเหตุ เมื่อมันจะดับ ก็เพราะเหตุมันดับไปก่อน


    ธรรมภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
    ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    ถ้าเรามีปัญญาแล้ว มองดูที่ไหน
    มันก็จะเห็นเป็นธรรมะทั้งนั้น

    ภาวนาก็เหมือนกับไม้ท่อนเดียว วิปัสสนาอยู่ปลายท่อนทางนี้
    สมถะอยู่ปลายท่อนทางนั้น
    ถ้ายกไม้ท่อนนี้ขึ้น ปลายทั้งสองก็จะยกขึ้นด้วย

    ขัยยะ วัยยัง คือความสิ้นไปเสื่อมไปของสังขาร
    เสื่อมไปดังก้อนน้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำ.. เราเกิดมา
    ก็เกิดเอาความเจ็บ ความแก่ ความตายมาพร้อมกัน

    ในเวลานี้เราเรียนอยู่กลางธรรมะ
    จะเดินไปข้างหน้าก็ถูกธรรมะ
    จะถอยไปข้างหลังก็ถูกธรรมะ
    ธรรมะทั้งนั้น ถ้าเรามีสติอยู่
    อยู่ในโลกนี้ก็เหมือนอยู่ในกรงเท่านั้นแหละ
    ไม่พ้นไปจากกรง
    กรงอะไรเล่า กรงคือความแก่ กรงคือความเจ็บ
    กรงคือความตาย

    เรื่องของศาสนานี้
    ก็คือเรื่องให้ปล่อยตัวออกจากกรงนั่นเอง

    ศีลห้าประการนี้เป็นคุณสมบัติของมนุษย์ที่แท้

    พระพุทธเจ้าท่านจึงตรัสว่า มนุษย์จะเกิดมา
    เป็นมนุษย์มันยาก เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว จะได้เป็น
    มนุษย์ที่สมบูรณ์นี่ก็ยาก มันยากจริงๆ

    ถ้าหากเรามีศีล มีธรรมจริงๆ
    ทั้งกายทั้งจิตของเราแล้ว เราจะอยู่ที่ไหนมันก็สบาย
    มันมีความสงบ มันมีความระงับ
    ทุกข์ประจำสังขารนี้ ยืนก็เป็นทุกข์ นั่งก็เป็นทุกข์ นอนก็เป็นทุกข์
    อย่างนี้เป็นทุกข์ธรรมดา ทุกข์ประจำสังขาร
    พระพุทธเจ้าท่านก็มีเวทนาอย่างนี้ ทุกข์ที่ไม่ธรรมดานั้น คือทุกข์ที่เรียกว่า
    อุปาทาน เข้าไปยึดมั่นถือมั่นไว้ อย่าไปหมายมั่นมันเลย
    ทุกข์เกิดขึ้นมาเราก็บอกไปเลยว่าอันนี้มันก็ไม่แน่ มันแน่อยู่ตรงไหนเล่า
    มันแต่อยู่ตรงที่ไม่แน่ มันเป็นอยู่อย่างนั้นเอง

    เตสํ วูปสโม สุโข
    ความสงบของสังขารนั้นเป็นสุข
    สงบอะไรล่ะ ก็คือ ถอนอุปาทานออกมาว่า
    เห็นธรรมชาติตามความเป็นจริงของมันอย่าเป็นอะไรเลย
    การเป็นอะไรก็มีแต่ความทุกข์เท่านั้นแหละ

    เราไม่มีความจำเป็นต้องเป็นอะไรสักอย่าง

    เดินไปก็เป็นทุกข์ ถอยกลับก็เป็นทุกข์
    หยุดอยู่ก็เป็นทุกข์
    ถอยกลับก็ไม่ถอย หยุดอยู่ก็ไม่หยุด
    มีอะไรเหลือไหม “ดับ”
    รูปมันดับ นามมันดับ นี้เรียกว่าดับทุกข์
    เมื่อเราเกิดมาแล้ว โยม ก็คือเราตายแล้วนั่นแหละ
    [​IMG]ความแก่กับความตาย มันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ

    ไม่มีโคน ปลายก็ไม่มี มีปลายก็ต้องมีโคน
    มีแต่ปลาย โคนไม่มีก็ไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น

    เมื่อร่างกายมันทรุดโทรมไปตามวัย โยมก็ยอมรับมัน
    ให้มันหลุดไป เฉพาะร่างกายเท่านั้น
    เรื่องจิตใจนั้นเป็นคนละอย่างกัน ก็ทำจิตให้มีกำลัง
    ให้มีพลังเพราะเราเข้าไปเห็นธรรมว่า
    สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็เป็นอย่างนั้น มันต้องเป็นอย่างนั้น

    อันนี้แหละ ทั้งก้อนที่เรานั่งอยู่นี่ ที่เรานอนอยู่นี้
    ที่มันกำลังทรุดโทรมอยู่นี้ นี่แหละมันคือ สัจธรรม

    พระพุทธเจ้าสอนว่า
    ไม่มีอะไรยิ่งไปกว่าการที่เราเข้าใจว่า
    อันนี้ไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นของสมมุติ
    อันนั้นไม่ใช่ของของเรา
    แต่เป็นของสมมุติ

    เราอยู่ด้วยความอนิจจัง อยู่ด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างนี้
    รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้แล้วก็ปล่อย เรียกว่าการปฏิบัติธรรม
    ธรรมภายในก็ดี ภายนอกก็ดี
    ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    เป็นของไม่แน่นอน มีความเกิดเป็นเบื้องต้น มีความแก่
    เป็นท่ามกลาง มีความตายเป็นที่สุด เหมือนกันหมด

    ความเป็นจริงไม่มีอะไร ดินก็ดี น้ำก็ดี
    ลมก็ดี ไฟก็ดี ที่ประกอบกัน เรียกว่ามนุษย์นี้ เป็นไปด้วย
    อนิจจัง ทุกข์ อนัตตา คือ เป็นของไม่แน่นอน เป็นของไม่ยั่งยืน เป็นของหมุนเวียน
    เปลี่ยนแปลงไป อยู่อย่างนี้ ที่จริงไม่มีใครทั้งสิ้น มันเป็นสมมติ
    มีดิน มีน้ำ มีลม มีไฟ เท่านั้นแหละ มันเป็นสมบัติของโลก เราอยู่นี่ก็ชั่วคราว เมื่อเราไป ก็เป็นสมบัติของโลก ใครมีอะไรได้อะไร ก็เอาไปไม่ได้ อยู่โลกนี้แหละ.
     
  18. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,431
    ค่าพลัง:
    +20,656
    สวัสดีพี่หนุม
    สวัสดีคุณหนึ่ง ผมพาครอบครัวไปไหว้ ลป.กวย เมื่อวันเสาร์ ได้กราบหลวงปูกวย เนื่องจากวันอาทิตย์ไม่ว่างครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  19. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    อรุณสวัสดิ์ครับพี่เบญจา และทุกท่าน ที่นี่้เช้าแล้ว ว.2 ว.8 อากาศรอบกายไม่หนาว แต่ในใจละก็หนาวเจี้ยกเลยพี่ ถ้าอยากให้น้องหายหนาว ก็อย่างที่บอกว่าหาครูสอนภาษาให้น้องที จะได้หายหนาวเจี้ยกซะทีนะครับพี่สาว
     
  20. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน โชคดีดีมีสุขจงมีแด่ทุกท่านตลอดทั้งวันนี้นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...