ถามเรื่อง สมาธิ+กรรม , อนาคต+นิพพาน

1. ผมเคยอ่านเจอมาว่า เราอาจจะมีกรรมต่างๆที่เราเคยทำมาก่อนหน้านี้ แล้วมันจะส่งผลให้เราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กรรมเหล่านี้จะมีอย่างไหนบ้างไหมครับ ที่จะทำให้เราไม่สามารถจะทำสมาธิได้ แบบว่าคอยรบกวนจิตใจเรา หรือว่าไม่เกี่ยวกัน ขึ้นอยู่กับจิตใจของเราว่าจะเอาดีได้แค่ไหน

2. บางทีที่เคยอ่านเจอมา ที่พระท่านจะรู้อนาคต นั่นหมายความว่า ยังไงมันก็ต้องเกิดอย่างนั้นแน่นอนใช่ไหมครับ อย่างเช่น คนนี้คนนั้นจะได้ไปนิพพานในชาตินั้นบ้าง ในชาติโน้นบ้าง ซึ่งแปลว่ายังไงชาตินี้ก็ไม่ได้ไปนิพพานแน่ ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่า อนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่ที่ใจของเราว่าจะเอาดีได้แค่ไหน

ผมอาจจะถามงงๆนิดนึง
(ตอนนี้ผมฝึกกสิณอยู่ครับ เริ่มจากไฟ,สีขาว ปัจจุบัน แสงสว่าง เพราะหาง่าย)

 

คุณรู้ไหมว่าผลกรรมนั้นแสดงออกทางด้านไหน หมายถึงบปกและบุญส่งผลทางไหนน่ะครับ การที่เรามาเป็นมนุษย์นั้น เราเปรียบเสมือนอยู่บนทางสายกลางครับ ส่วนที่พระท่านว่าคนนั้นจะสำเร็จมรรคผลในชาตินั้นชาตินี้ ท่านบอกถึงผู้ที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้วครับ หากเราเป็นมนุษย์ก็สามารถสำเร็จได้หากเราถึงที่สุดแห่งความทุกข์อ่ะครับ หรือความถึงพร้อม คนทุกคนเกิดมาด้วยจิตที่บริสุทธิ์ครับและสิ่งที่ทำให้ไม่เหมือนกันคือสำนึกครับ มนุษย์เราติดสำนึกหรือจะเรียกอวิชชาก็ได้แล้วแต่จะถนัด ยกตัวอย่างสิ่งที่คนงมงาย หลงเชื่อมาตั้งแต่คนเฒ่าคนแก่บอกเล่ากันมา เราก็เชื่อโดยที่ไม่รู้ แต่เราก็เชื่อ นี่ล่ะครับสำนึกหรืออวิชชา

 

ยังงงอยู่ครับ ไม่ค่อยเข้าใจ (ผมค่อนข้างหัวช้า)

 

สวัสดีครับเจ้าของกระทู้เพื่อนสหายธรรม

ที่คุณบอกมามันเป็นไปได้ทั้งหมดนั้นแหละครับ...ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ..คุณต้องไม่ลืมกฏไตรลักษณ์ครับนั่นเป็นกฏใหญ่...
ถ้าคุณเข้าใจเองผมว่าดีกว่าครับ ผมจะยกตัวอย่างแล้วกันครับ

1.คุณอยู่กลางทุ่งนาโลง ฝนกำลังจะตกและคุณเลือบไปเห็นกระท่อมอยู่ไม่ไกลมากคุณรู้อยู่ว่าถ้าฝนตกก็ต้องเปียกเป็นธรรมดา คุณจะวิ่งไปหลบฝนไหม หรือจะยอมเปียกก็ได้

2.เหตุการณ์เหมือนกันแต่ว่าไม่มีที่ให้คุณหลบฝนเลย แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ คุณจะทำอย่างไร

( ข้อแรกผมเลือกวิ่งไปหลบ ถึงจะวิ่งช้าเปียกบ้างก็ยังดี)
( ข้อสองผมไม่ทำอะไรเลยแค่ตั้งใจเดินกลับบ้านอย่างระมัดระวังเพราะฝนตกทางมันลื่น)

ลองคิดดูให้ดีครับ คำตอบทั้ง 2 คำถามของคุณอาจอยู่ในนี้ก็เป็นได้ครับ
ขอให้เจริญธรรมครับ...สาธุ

 

ขอบคุณมากเลยครับ ที่ให้คำแนะนำดีๆ
ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะปฏิบัติต่อไป
เพราะผมรู้สึกท้อแท้ในการปฏิบัติ ถึงได้ถามคำถามเหล่านี้
เหมือนกับว่า ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
แต่ในใจลึกๆของผม ก็คิดว่า ทุกอย่างน่าจะเกิดขึ้นได้จากใจของเรา
ผมดีใจที่มีสื่อดีๆอย่างเวปพลังจิตนี้ ให้สมาชิกได้ปรึกษาปัญหากันได้ เพราะคำถามเหล่านี้ ถ้าเอาไปคุยกับคนที่ไม่ค่อยมีใจทางด้านนี้ เขาก็จะหาว่าเราไม่ค่อยเต็ม
ขอบคุณมากครับ

 

Re:ผมท้อแท้ฯ

อย่าเพิ่งท้อสิครับ เริ่มต้นก้ท้อแล้ว ยังถือว่าจิตไม่มุ่งมั่นในทางนี้เท่าไรนะ
เรื่องของกฎแห่งกรรมจัดเปนเรื่องสลับซ้อนเข้าใจยากอยู่เหมือนกัน แต่ถึง
อย่างนั้นก้ให้ถือขอบเขตของชาติปัจจุบันเป็นหลัก จะไม่ทิ้งปัจจุบัน จะทำให้
ดีและเต็มที่ที่สุดในชาตินี้ ชาติก่อนจะเปนไรทำไรดีหรือชั่วแค่ไหนคงไม่ไปไล่
ตามให้เหนื่อยใจ จะดีกว่าครับ คนที่ปฏิบัติสมาธิให้ดีนั้น จะไม่ทิ้งศรัทธาและ
ความตั้งใจที่มีในพุทธศาสนา ความศรัทธาคือความเชื่อเชื่อในสิ่งที่ดีเท่านั้น
ส่วนความตั้งใจทำให้เกิดคุณธรรมข้อต่างๆตามมา เช่น "พละ5"

ที่คุณเลือกเพ่งกสิณก็ดีแล้ว ถือเป็น1 ในอนุสติ 10 อย่าง แต่ผมเลือกอานาปานสติ เพราะเห็นว่าทำได้ง่ายและสะดวกกว่า ขอให้ทำต่อไปเถอะสมาธิ
เป็นเรื่องความขยัน ความสม่ำเสมอ คนที่ทำเป็นประจำเท่านั้นถึงจะเห็นเหตุและ
ผลของปฏิบัติได้ชัดเจน อย่าท้อง่ายๆด้วย เพราะการท้อเป็นนิวรณ์อย่างหนึ่งทำให้รบกวนการเข้าถึงความสงบ:boo:

หัวใจการปฏิบัติมีอย่างหนึ่งควรรู้ก้คือ สิ่งที่ผ่านไปแล้วเอาคืนมาไม่ได้อย่าไปสนใจมัน ส่วนสิ่งที่ยังไม่ถึงอย่าไปคาดหวังอะไรกับมันมากเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่งั้นจะทำไรแล้วผิดพลาด ที่เหลืออยู่คือปัจจุบันที่ภาวนาอยู่นี้หรือรู้ตัวขณะนี้ขอตั้งใจทำให้ดีที่สุด แม้เพียงวินาทีเดียวในปัจจุบันก้ถือว่ามีค่ามากแล้ว

 

พระที่ท่านเห็นอนาคตได้ท่านเห็นจริง แต่อนาคตมันเปลี่ยนแปลงได้
ท่านจะเห็นอนาคต ณ ขณะปัจจุบัน พอถึงเวลาจริงอาจจะเปลี่ยนแปลง
ได้ ถ้าเหตุและปัจจัยเปลี่ยนแปลง เรื่องการบรรลุธรรมนั้นพระพุทธองค์
กล่าวเกี่ยวกับการเพียรเจริญสติปัฏฐาน ว่าอย่างช้าที่สุดไม่เกิน 7 ปีจะ
ขจัดทุกข์ให้สิ้นไปได้ ไม่ใช่ว่าเราถูกกำหนดให้ไม่บรรลุรรมหรอกครับ
ถ้าเรามีความเพียรปฏิบัติก็บรรลุธรรมได้ ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรมไม่
ก้าวหน้าก็เป็นเพราะกรรมได้เหมือนกัน อย่างหลวงพ่อจรัญท่านว่ามี
กรรมกับพ่อแม่นี่จะป็นตัวถ่วงการเจริญกรรมฐาน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่
ได้เกิดจากกรรมอย่างเดียวหรอกครับ พระพุทธองค์ท่านแสดงไว้ว่า
เกิดจาก กรรม จิต อุตุ พืช ธรรม มันเกิดได้จากหลายปัจจัย