มาดูสมเด็จกัน

พระที่ผมเขียนแง่พุทธคุณอย่างเดียวนะครับ ไม่เกี่ยวกับด้านอื่นแต่อย่างใด เห็นช่วงนี้ราคาพระกรุพระแก้วเริ่มตกลงมาก เพราะอะไรคงทราบกันแล้ว แต่ยิ่งตกเท่าไหร่ผมแนะนำให้เก็บนะครับ จะได้ราคาถูก ชาวบ้านจะได้ของดีครับ เพราะทดสอบแล้วแรงจริงโดยเฉพาะ ที่เป็นรูปปู่เทพโลกอุดร นั่นสุดยอดเรื่องพลัง จริงๆ ขนาดกรรมการวัดดังมากๆขอบูชาจากผมต่อครับ หรือใครที่มีไม่อยากเก็บไว้ก็ส่งไปทำบุญเป็นมวลสารสร้างพระให้วัดต่างๆได้ครับ ได้บุญเพิ่ม แต่ของเก๊ ไว้หลอกเยอะมากๆ ที่ฝังโน่นนี่นะ จริงแค่ 0.1%ครับ ผมไปเช่ามาและทดสอบด้วยตัวเองหลายๆแบบ ในแง่พุทธคุณอย่างเดียวนะครับ

 

ต่อนะครับ
รบกวนด้วยครับ

 

ขอบคุณมากครับ องค์นี้ผมแช่น้ำไว้3-4วัน แล้วเอาแปรงสีฟันขัดครับ

 

ส่วนองค์นี้นั้นผมดูแล้วมีลุ้นดีเหมือนกันครับ....พิมพ์ไม่นิยม (ถ้าเทียบพิมพ์นิยมก็ผิดพิมพ์เต็มๆ ครับ)
เนื้อแท้ผิวเนื้อเหลืองส่วนผิวเนื้อขาวๆ ที่ฉาบผิวดูเหมือนผงผุดมากครับ...(ไม่น่าจะใช่แป้งโรยพิมพ์ครับ)

สิ่งที่ทำให้หมดลุ้นก็คือ...
ถ้าเป็นพระเก่าขนาด 250 กว่าปี (โดยประมาณ) มีหรือที่จะไม่ผ่านมือคนใช้มาแล้วผงที่ฉาบติดผิวอายุพระเก่าขนาดนี้ควรจะโดนสัมผัสมามากหรือน้อยดีหละครับ ?

ต่อให้เก่าหิ้งก็เหอะยังงัยก็ต้องเหลืองมอแบบหนังสือเก่าครับ...
ผิวเนื้อถ้าทำให้หนึกนุ่มกว่านี้คิดว่ามีลุ้นแน่ๆ และก็น่าจะเพิ่มมวลสารให้จัดกว่านี้รับรองครับว่าสวยเลย....

สรุป เล่ามาตั้งนานเป็นอันว่าองค์นี้มีลุ้นพิมพ์นิดๆ นอกนั้นหมดลุ้นครับ อิอิ[/QUOTE]


ครับ พระองค์นี้ก็เช่นกันครับ ผมแช่น้ำไว้3-4วัน แล้วเอาแปรงสีฟันขัดครับ

 

อาจารย์ วาซาบิ ครับองค์นี้ชัวร์มั๊ยครับ คือผมมีแบบนี้เด๊ะๆ อยู่องค์หนึงครับ ได้จากลพบุรี โอกาสหน้าจะเอารูปพระของผมมาโพสท์ให้พิจารณาครับ ที่ต้องบังอาจถามอาจารย์ซ้ำก็เพื่อความแน่ใจครับ เพราะผิวพระ พิมพ์ ลักษณะเหมือนกันจริงๆ ถ้าชัวร์ผมจะสั่งทำตลับให้พ่อผมขึ้นคอในโอกาสวันเกิดของผมครับ

 

ขอบคุณมากครับท่านอาจารย์xlmen

 

พระของคุณ PSOM องค์นี้คราบกรุจับได้แน่นดีครับ...
ผิวเนื้อเป็นปูนเปลือกหอยเผาละเอียดหนึกนุ่มใส...มวลสารน้อยตามสูตรบางขุนพรหมเลยครับ....

คราบกรุเป็นคราบฟองเต้าหู้ที่เกิดจากน้ำมันตั่งอิ๋วผสมกับหินปูนติดเป็นคราบฝังแน่นมาก...
ต่อให้ใช้แปรงขัดผมว่าไม่น่าจะหลุดนะครับ....

สรุป คืนนี้ชักจะง่วงครับ...เอาเป็นว่าผิวเนื้อด้านหน้าดูดีครับ...กรอบกระจกไม่มีให้เห็นคงต้องเดาว่าเป็นสมเด็จ 2 คลอง....

แต่ก็อย่างว่าแหละครับถ้าเป็นสองคลองจริงมวลสารก็ต้องเยอะแบบวัดระฆัง...แต่องค์นี้มวลสารไม่เยอะเท่าที่ควร....

ผมเดาว่าอาจจะเป็นสมเด็จบางขุนพรหมที่ตัดขอบเองโดยไม่ได้ใช้กรอบบังคับแม่พิมพ์ก็อาจจะเป็นได้ครับ....
เดี๋ยวรอคุณวาซาบิมาช่วยดูอีกแรงดีกว่าครับเผื่อผมตาลายเบลอๆ หนะครับ หุหุ

 

พระสมเด็จเส้นด้าย มีทั้งหมด 7 พิมพ์ ในส่วนตัวเห็นไม่ครบครับ องค์นี้เรียก "พิมพ์พระสมเด็จเส้นด้ายแขนบ่วง" ขอบจะเห็นเด่นชัด ดูคล้ายการปลิ้น เส้นซุ้มผ่าหวายจะเรียวบางเล็กกว่า พิมพ์เส้นด้ายใหญ่ พระพักตร์เป็นผลมะตูมเพียงครึ่งผล พระกรมีการหักมุมเล็กน้อยในลักษณะแขนบ่วง จึงเรียก "พิมพ์แขนบ่วง"

 

จริงๆในพระแปลกๆเช่นฝังก้างปลา แจวเรือ ใครไปบูชามาแล้วอย่าทิ้งขว้าง มองในแง่ธรรมะก็เก็บไว้เตือนสติก็ดีเหมือนกันครับ ฝังก้างปลา เตือนว่าคนและสัตว์ ตายไปก็เหลือแค่กระดูก เหมือนๆกัน ฉะนั้นตอนมีชีวิตอยู่ต้องทำความดี ตายไปยังเหลือความดีติดทั้งภพนี้และภพหน้าครับ ส่วนแจวเรือ พระท่านนำทางให้เราแจวข้ามฝั่งสีทันดร เวียน ว่าย ตายเกิด อยู่ที่เราจะแจวตามที่ท่านนำหรือไม่ครับ ส่วนพิมพ์แปลกๆอื่นๆมองดีๆมีธรรมแฝงครับ เก็บไว้เตือนสติทั้งทางโลกและทางธรรมครับ

 

ผมตอบช้าหน่อยนะครับคุณหนมต้ม....แหะๆ

พระสมเด็จองค์นี้ของคุณหนมต้ม จัดเป็นพิมพ์ไม่นิยมที่สวยมากครับเพราะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว...
มิได้เจตนาเลียนแบบฝีมือการแกะของหลวงวิจารแต่อย่างใด...

ลักษณะพิมพ์เศียรโตเหมือนผลมะตูมใหญ่แต่ไม่ถึงกลับเป็นเศียรบาตร....
ร่องแขนแหลม อกกระบอกเฉียงนิดๆ เส้นขากับเส้นอาสนะหนาใหญ่ ศิลปะแบบนี้ต้องเป็นช่างสิบหมู่แกะพิมพ์สถานเดียวเลยครับ...

ลักษณะเนื้อเป็นปูนเปลือกหอย ผสมน้ำอ้อยเคี่ยว ส่วนมวลสารนั้นพบเห็นได้น้อยมากมีผงดำอยู่เล็กน้อย...
ถ้าพิจารณาความเก่าของปูนเปลือกหอยแล้วเรียกได้ว่าปูนตายแห้งเกือบแตกแล้วครับ...ผิวเนื้อภายในทำปฏิกริยากับน้ำและเหงื่อเกิดผงผุดปูดออกมาบริเวณข้างเศียรด้านขวาขององค์พระถือเป็นปฏิกริยาธรรมชาติที่มิได้แต่งแต่อย่างใดครับ....

ที่ด้านหลังองค์พระมีร่องรอยการล้างมาทำให้น้ำอ้อยเคี่ยวเสียความงดงามไปส่งผลให้ผิวเกิดการเป็นด่างดวง....
ผมขอแนะนำว่าอย่าล้างอีกครับเสียดายผิวครับ...

สิ่งที่หายไปที่น่าจะเห็นบ้างก็คือ ผงพุทธคุณในเนื้อพระครับ....
ถ้าในองค์นี้เห็นผงพุทธคุณชัดกว่านี้จะช่วยเพิ่มน้ำหนักได้ดีกว่านี้มากครับ....

สรุป องค์นี้น่าจะเป็นพระสมเด็จพิมพ์ทรงเจดีย์ วัดระฆัง....ช่างสิบหมู่แกะพิมพ์ถวาย
(ถ้าไม่ใช่สมเด็จยายขำก็นับว่าคุณหนมต้มโชคดีมากครับ)

 

พระสมเด็จองค์นี้ของคุณหนมต้ม...พิมพ์นี้ผมเคยเห็นมีปราฎอยู่ในพิมพ์ของวัดระฆังครับ...
แต่เมื่อดูจากผิวแล้วคิดว่าน่าจะเป็นพระกรุบางขุนพรหมนะครับ...

ลักษณะพิมพ์เศียรโย้ อกโย้ ไหล่ยก แขนทอดเหมือนตัว U แบบนี้เป็นศิลปะแนวหลวงสิทธิ์ครับ...
เนื้อเป็นปูนเปลือกหอย + ผงดำ + ผงพุทธคุณ (เห็นประปราย) ผิวปูนเปลือกหอย
องค์นี้เนื้อปูนจะออกอมเขียวอ่อนๆ (ปูนปอร์ตแลนด์ผสมปูนเปลือกหอย)
และมีน้ำมันตั่งอิ๋วผุดขึ้นเกิดเป็นคราบฟองเต้าหู้ผสมกับขี้กรุสวยดีจริงๆ ครับ...

ด้านล่างบริวเณฐานกระดานด้านขวาขององค์พระมีเม็ดกรวดในกรุติดกับเนื้อ...
ถ้าผมเดาไม่ผิดคิดว่าองค์นี้น่าจะล้างน้ำมาแล้วนะครับ....เนื่องจากคราบกรุติดแน่นมากเม็ดกรวดเม็ดนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญว่าพระองค์นี้ผ่านการลงกรุมาจริงแน่ๆ ครับ....

ทีนี้มาพิจารณาขอบพระกันครับ...จะพบว่ามีการใช้กรอบบังคับแม่พิมพ์ที่ชำรุดแล้วเนื่องจากรอบกระจกเกิดการโย้ส่งผลให้ขอบพระเกิดการโย้บิดเบี้ยว....

ส่วนผิวเนื้อที่ด้านหลังนั้นบริเวณขอบด้านข้างมีร่องรอยเนื้อหลุดที่เกิดจากการยกพระขึ้นทำให้เนื้อที่ขอบพระบางส่วนติดกับผิวพื้น....
ส่วนรอยขรุขระที่ด้านหลังที่เห็นนั้นผมเดาว่าน่าจะเป็น...???

รอยพื้นหิน ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่พื้นหินรอบพระอุโบสถหรือไม่...??
เพราะถ้าใช่ก็ถือว่าผิวด้านหลังสื่อถึงอดีตได้ดีน่าประทับใจดีเหมือนกันครับ หุหุหุ

 

อาจาร์ยครับ องค์นี้เป็นพระวัดเกศไหม หรือวัดไหนครับ

 

องค์นี้ผมไม่ทราบว่าออกวัดไหนเหมือนกันครับ....
จะบอกว่าเป็นลป.นาคก็ไม่น่าจะใช่เพราะเนื้อดูจะร่วนซุยเหมือนเนื้อขี้ธูปมากเลยครับ...เอาเป็นว่าผมขอผ่านละกันครับ


พระพิมพ์ฐานแซมของคุณชัย องค์นี้ใช้แลกเกอร์ (หรือจะเป็นอะไรดีหนอ ?)
ทาแล้วปิดทองได้แปลกมากครับ....ผลของการทาแลกเกอร์ทำให้ผิวเนื้อเกิดการหดตัวได้สวยเชียวครับ....

ทีนี้ก็เกิดคำถามว่าแลกเกอร์กับทองที่แปะนี้แปะสมัยใดกันแน่....
ถ้าแปะในยุคของสมเด็จจริงทองก็น่าจะเก่ากว่านี้นะครับ....

สรุป องค์นี้ผมขอเดาว่าเป็นพระยุคนี้เพราะทองใหม่มากครับ....การใช้แลกเกอร์เพื่อให้เกิดการแตกลายงาถือเป็นกลวิธีที่ก้าวหน้ามากครับ หุหุ

 

เอ...ผมเองก็ดูพระสมเด็จวังหน้าไม่ค่อยถนัดซะด้วยสิครับ...ถ้ารูปชัดกว่านี้ยังพอจะเดาอายุเนื้อของพระได้...เอาเป็นว่าผมขอผ่านนะครับ....

 

พระของคุณ shane9 เป็นพระบ้านยกเซทเลยครับ....ผมเองก็ดูไม่ถนัดซะด้วยครับ....เอาเป็นว่าผมขอผ่านนะครับ

 

ขอบพระคุณครับ ท่านXlmen ผมอ่านไปก็ดีใจไป ว่ามีสมเด็จเหมือนกัน ใครจะรู้ว่า
อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของผมในการ สะสมพระสมเด็จในอนาคตก็เป็นได้
(ตอนนี้ผมสะสม จตุคาม ยุค30อยู่) อย่างไรเสียผมขอขอบคุณอีกครั้งในการสละเวลา
ในครั้งนี้ด้วยครับ

 

ภาพโดยรวมมองยากมากครับ ความคมชัดไม่ได้เลยครับ แต่จะดูพอที่จะดูได้ก็แล้วกันครับ



องค์นี้เป็นพิมพ์หูปะบ่า พิมพ์ไม่ถูกต้องครับ เท่าที่ดูปีกพิมพ์จะกว้างเกินจริงครับ




องค์นี้พิมพ์ 6 ชั้นอกตัน ผิดพิมพ์มากครับ แบบเดียวกับองค์แรกครับ



เนื้อยังไม่ปห้งครับองค์นี้



เนื้อนี้เคยเห็น บางองค์แปลกมี 2 หน้า ข้างในมีกริ่ง ผมเคยซื้อมาดูเล่นหลักร้อย ผมว่าเป็นพระเกจิสร้าง ไม่ทราบที่ครับ หรือไม่ก็เก๊ แต่ทำพิมพ์แปลกๆออกมาครับ

 

คราบนี้เป็นคราบที่สร้างขึ้นครับ ไม่ใช่ธรรมชาติของมวลสาร ไขตั้งอิ้วอย่างนี้ทำไม่ยากครับ ต้องใช้เวลาสัก 3 เดือน ก็ทำได้ครับ องค์นี้ไม่ผ่านในสายตาผมครับ

 

พิมพ์ก้างปลา หูบายศรี ผมว่าน่าจะเริ่มสมัยของหลวงปู่ภู วัดอินทร์มากกว่านะครับ เพราะท่านมีพิมพ์ก้างปลา ส่วนของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตฯ ท่านน่าจะเป็นพิมพ์ทางเจดีย์เล็กบางพิมพ์ อาจพบในพิมพ์ฐานคู่เล็ก ส่วนตระกูลพระสมเด็จที่สร้างพิมพ์ก้างปลา ก็ต้องหลวงปู่โต๊ะ พระท่านสร้างราวปี 2468


ฉนั้นพิมพ์ก้างปลา ที่มีก้างปลาอยู่ด้านหลังนั้น อาจจะสร้างพ้องชื่อ กับพิมพ์ก้างปลาก็เป็นได้ แต่โดยความเป็นจริง ไม่มีใครนำซากสิ่งมีชีวิตมาประดับไว้อย่างแน่นอน เพราะจะเป็นมลทิน เป็นการปรามาสพระพุทธเจ้าเสียเปล่าๆ



ส่วนของพระสมเด็จพิมพ์วัดเกศไชโย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตฯ ท่านสร้างเพื่อเป็นการอุทิศให้กับโยมมารดาของท่าน พิมพ์เป็นปางพระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญทุกขกิริยาบท

ที่มาพระสมเด็จหลวงปู่ภู : เบิ้ม บางแค & กิ๊บ วัดไทร : สมเด็จสามชั้น พิมพ์ก้างปลา หลวงปู่ภู วัดอินทร์

 

ขอบพระคุณมากครับ เอาไว้ผมล้างแล้วจะมาโพสใหม่ครับ ให้ท่านอาจารย์เห็นชัดๆ
เรียนท่านอาจารย์ทั้งสอง ผมขอต่อองค์นี้นะครับ ส่องดูแล้วเนื้อนุ่มมากครับ พอจะเป็นสมเด็จสองคลองไหวไหมครับ