ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434

    คุณไก่เหลืองคิดว่าพี่เป็นใครหรือคะ แล้วเคยไปทำอะไรที่ไม่ดีมาจนทำให้คุณไก่เหลืองฯโกรธหรือเปล่าคะ
     
  2. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    เยี่ยมครับ สมเป็นเจ้าแม่ข้อมูล Queen of logical reasoning จริงๆ นี่เห็นผมใช้ชื่อไก่เหลืองฯก็เลยคาดการณ์ว่าผมเชื่อว่าตัวเองเป็นไก่ตัวสำคัญตัวนั้นมาเกิดสินะครับ

    อืมเก่งมั่กๆ ถูกตายละครับ


    เอาเถอะครับ พล่ามจนกว่าจะสบายใจละกัน
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คุณไก่ ใจเย็นๆ กระทู้นี้อยู่หน้าหลักห้องวิทยาศาสตร์จริงๆ คุณไก่ ใจเย็นๆ
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    คุณไก่ พี่ไม่มีญานวิเศษอะไร พี่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าคุณไก่เป็นใครมาเกิด คุณไก่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าค่ะ เอาเป็นเรื่องงานบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่เขาจะเชิญไปประดิษฐานที่แห่งหนึ่งที่เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ตั้งทัพ อยู่บนดอยสุเทพค่ะ
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    "สันกู่" โบราณสถานบนยอดดอยสุเทพ

    [​IMG]

    "สันกู่" ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เมื่อ ปีพ.ศ.2526 หน่วยศิลปากรที่ 4 เชียงใหม่ ได้ขุดแต่งบูรณะซากโบราณสถานสันกู่ การทำงานในครั้งนั้น เป็นไปตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงทราบฝ่าละอองพระบาทว่า โบราณสถานแห่งนี้ถูกขุดทำลายเป็นเวลานานแล้ว สมควรให้กรมศิลปากรสำรวจและบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี

    สภาพก่อนการขุดแต่ง เป็นเนินโบราณสถานที่มีต้นไม้หนาแน่น เมื่อขุดลอกดินที่ทับถมออก พบซากเจดีย์และฐานวิหาร ได้ขุดลอกหลุมที่เกิดจากการลักลอบขุดที่ตรงฐานเจดีย์ในระดับความลึก 5.30 เมตร พบโบราณวัตถุในกรุที่สำคัญ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูป ศิลปะแบบหริภุญไชย พระพิมพ์ดินเผา ศิลปะแบบหริภุญไชย เศษเครื่องปั้นดินเผาเป็นชิ้นส่วนกระปุกขนาดเล็ก เป็นของจีน สมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ.1911-2187) และการขุดแต่งส่วนอื่น พบเศษเครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งเตาสันกำแพง สันนิษฐาน โบราณสถานสันกู่มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-22


    [​IMG]

    [​IMG]

    "สันกู่" ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ (จริง ๆ) ที่ไม่ใช่สถานที่ตั้งของวัดพระธาตุดอยสุเทพวรมหาวิหารที่มหาชนรู้จักกันดี หากแต่เลยมาจากจุดชมวิวดอยปุยที่เห็นหมู่บ้านแม้วดอยปุยมาอีกราว 5 - 6 กิโลเมตร ทางโค้ง สูงชัน ถนนแคบ รถสวนกันลำบาก

    "สันกู่" ตั้งอยู่ทางด้านขวามือก่อนถึงทางขึ้น "ยอดดอยปุย" 1 - 2 กิโลเมตร มีถนนดินเข้าไป เฉพาะรถเครื่อง รถจักรยาน ส่วนรถใหญ่ควรจอดไว้บริเวณปากทางแล้วเดินเข้าไปไม่ถึง 500 เมตร ไม่ค่อย มีใครทราบว่า "สันกู่" ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ จากระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,601 เมตร (ซึ่งยอดดอยปุยมีสูงจากระดับน้ำทะเล 1,658 เมตร)

    สันนิษฐานว่า คำว่า "สัน" หมายถึง สันเขา, ยอดเขา และคำว่า "กู่" เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึง เจดีย์ ดังนั้น "สันกู่" คือ สันเขาที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์


    [​IMG]

    [​IMG]

    "... เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ หน่วยศิลปากรที่ ๔ เชียงใหม่ ได้ขุดแต่งบูรณะซากโบราณสันกู่ ในการทำงานครั้งนั้น เป็นไปตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงทราบฝ่าละอองพระบาทว่า โบราณสถานแห่งนี้ถูกขุดทำลายเป็นเวลานานแล้ว สมควรให้กรมศิลปากรสำรวจและบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี

    สภาพ ก่อนการขุดแต่ง เป็นเนินโบราณสถานที่ต้นไม้หนาแน่น เมื่อขุดลอกดินที่ทับถมออก พบซากเจดีย์และฐานวิหาร ได้ขุดลอกหลุมที่เกิดจากการลักลอบขุดที่ตรงกลางฐานเจดีย์ในระดับความลึก ๕.๓๐ เมตร พบโบราณวัตถุในกรุที่สำคัญ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปศิลปะแบบหริภุญไชย พระพิมพ์ดินเผาศิลปะแบบหริภุญไชย เศษเครื่องปั้นดินเผาเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กของจีนสมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ.๑๙๑๑ - ๒๑๘๗) และการขุดแต่ส่วนอื่นพบเศษเครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งเตาสันกำแพง

    สันนิษฐาน โบราณสถานสันกู่มีอายุระหว่าง พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๒ ..." หมายเหตุ ... ถอดความจากป้ายโบราณสถานสันกู่ทุกประการ


    ซึ่งตอนนี้ได้ข่าวมาว่ามีผู้มีความศรัทธาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกำลังจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เพื่อไปประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้ค่ะ
     
  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เป็นไปตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงทราบฝ่าละอองพระบาทว่า โบราณสถานแห่งนี้ถูกขุดทำลายเป็นเวลานานแล้ว สมควรให้กรมศิลปากรสำรวจและบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี




    ขออนุโมทนากับข่าวนี้ครับ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สันนิษฐาน โบราณสถานสันกู่มีอายุระหว่าง พุทธศตวรรษที่ ๑๙ - ๒๒ ..." หมายเหตุ ... ถอดความจากป้ายโบราณสถานสันกู่ทุกประการ


    ซึ่งตอนนี้ได้ข่าวมาว่ามีผู้มีความศรัทธาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกำลังจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เพื่อไปประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้ค่ะ


    มีท่านใดพอจะทราบรายละเอียดในเรื่องนี้บ้างครับ
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    มีเรื่องๆหนึ่งที่น่าสนใจควรแก่การสงสัยค้นคว้าไม่น้อย เรื่องนั้นก็คือได้เคยมีประเทศมอญ หรือมอญเคยเป็นประเทศหรือไม่ ถ้าเป็นได้สิ้นสภาพหรือถูกยึดครองไปตั้งแต่เมื่อใด

    วันนี้ได้มีโอกาสพบปะและสนทนากับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านมีเชื้อสายมอญ ก็ได้ตั้งคำถามข้างต้นกับท่านพร้อมกับสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 ประเด็นฝากให้ท่านได้ช่วยศึกษาค้นคว้าเพื่อจะได้เป็นหลักฐานสำคัญสำหรับผู้สนใจจะได้นำไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมในภายภาคหน้า
    -สมเด็จพระนเรศวร และอีกทั้งสองพระองค์ทรงให้ความสนิทสนมและไว้วางพระราชหฤทัยต่อชาวมอญมาก
    -ชนชาวมอญมีความเคารพนับถือพระสีวลี พระพุทธสาวกองค์นี้เป็นพิเศษนั้นมีความเชื่อถือและประวัติความเป็นมาอย่างไร (ในวงสนทนามีผู้กล่าวเสริมว่าเหรียญของหลวงพ่ออุตตะมะ ด้านหนึ่งของเหรียญจะเป็นรูปพระสีวลี บ่งบอกว่าคงมีนัยสำคัญ )
    -ฯลฯ

    ปล.ความจริงแล้ว เนื้อหาสาระตั้งแต่ย่อหน้าที่สองลงมาทั้งหมด ได้มีท่านผู้มีเกียรติฝากคำถามนี้ไว้กับผม ระบุให้ช่วยถามกับคุณทางสายธาตุให้ด้วย พอดีผมก็ค่อนข้างยุ่งแล้วก็เห็นว่าคุณทางสายธาตุกำลังทำหน้าที่ดูแลคุณแม่อยู่ ยังไม่อยากรบกวนเพิ่มภาระให้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2011
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เช้านี้ ทางสายธาตุทำอาหารสำหรับให้ทางสายยางให้คุณแม่และฟีดอาหารให้คุณแม่เป็นที่เรียบร้อย ทำซาลาเปา อยากให้มันฟูมากๆ วันนี้จะทดลองให้มันขึ้นฟูโดยจะใช้เวลารอซาลาเปาขึ้นฟูสัก 2 ชม. ปกติรอแค่ชั่วโมงเดียวมันก็ฟูแล้ว แต่ด้วยนิสัยนักเรียนวิทย์ก็สงสัยว่าถ้าทิ้งไว้ 2 ชม. หรือ 3 ชม. หรือ 4 ชม. จะให้ผลแตกต่างกันอย่างไร รอชมผลการขึ้นฟูของซาลาเปาอยู่ค่ะ

    เรื่องวัดสันกู่ต้องรอน้องโมเยอัฟเดทข้อมูลให้ชาวกระทู้รับทราบกันนะคะน้องโมเย

    พี่จงรักภักดีถามถึงเรื่องมอญ ก็นึกไปถึงพระอาจารย์สุทัศน์ วัดทองบ่อ พระท่านเคยเอาหนังสือประวัติศาสตร์ชาติมอญให้อ่าน มีประวัติเกี่ยวกับทายาทเชื้อสายมอญในเมืองไทยอยู่ในเล่มทั้งหมด พระท่านไม่กล้าให้ยืมเพราะกลัวหาย แต่จะอ่านให้ไปที่วัดทองบ่อให้เสมอท่านยินดีต้อนรับ

    เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คิดถึงทางสายธาตุ ทำให้ระลึกนึกถึงพระอาจารย์สุทัศน์ขึ้นมา จะไปกราบท่านแล้วจะลองเอาหนังสือของท่านทำสำเนาไว้ พระอาจารย์สุทัศน์มีประวัติชาวมอญอย่างลึกเลยหล่ะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ค้นหาเรื่องวัดทองบ่อ เจอข้อความเก่าเป็นบทสนทนาระหว่างน้องโมเยกับพี่หมอกฯ อ่านใหม่แล้วรู้สึกว่าดีเหมือนกัน


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.346743/[/MUSIC]​
     
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข้อความSMSจากพระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ

    เมงเชงตยุตนันทบุเรงสิ้นราชบุตร ดุจดังคนบ้าประหารราชนิกูลเชื้อวงศ์คนไทยทั้งสิ้น
    พระเทพกษัตริย์ พระสุพรรณกัลยาพร้อมบุตรในครรภ์ ตลอดชายาบุตรบริวารพระราเมศวรจนสิ้น
    อันพระราเมศวรออกตามเสด็จศึกเมืองเชียงใหม่กับเมงเอกะเระบาเยงนองสิ้นชนม์ในขบวนเดินทัพ
    เจ้ากรรมนายเวรตัวจริงของคนไทยคือ ..... ข้อความหายไป

    ข้อความช่วงท้ายหายๆ เดี๋ยวรอพระอาจารย์ว่างสักหน่อย
    จะโทรไปกราบเรียนถามว่าเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงของคนไทยคือใครค่ะ
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อันพระราเมศวรออกตามเสด็จศึกเมืองเชียงใหม่กับเมงเอกะเระบาเยงนองสิ้นชนม์ในขบวนเดินทัพ
    เจ้ากรรมนายเวรตัวจริงของคนไทยคือ บาเยงนองกะยอดินนรธา นั่นเอง

    คำอธิบายเพิ่มเติมเรื่องนี้ การที่กษัตริย์จะขึ้นเป็นพระจักรพรรดิราชต้องแสดงแสนยานุภาพให้แผ่ไพศาลโดยการเข้าไปครอบครองดินแดนเพื่อนบ้าน กวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สิน ทำให้เกิดความเจ็บแค้น ทุกข์ ทรมานในชาติที่ถูกรุกรานเป็นอันมาก บาเยงนองจึงถือได้ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรสำคัญของไทยเรานั่นเอง นี่เป็นคำอธิบายจากพระมหาฯ

    ส่วนพระราเมศวรทรงสิ้นชนม์ชีพตั้งแต่คราวตามเสด็จพระเจ้าบุเรงนองไปตีเมืองเชียงใหม่แล้ว พระชายาและพระสนมของพระองค์นั้นตกเป็นชายาและสนมของบุเรงนองทั้งสิ้น เพราะราชนิกูลเหล่านี้ตามเสด็จพระราเมศวรไปเป็นตัวประกันที่หงสาตั้งแต่คราวศึกสงครามช้างเผือก พ.ศ. ๒๑๐๖
     
  14. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    คุณจงรักภักดี คะ

    มีข่าวฝากมาแจ้ง (ไม่แน่ใจว่าเคยแจ้งไปหรือยัง)เรื่องพระอาจารย์เปลี่ยน
    ที่เคยมาพำนักวัดพระศรีฯหลักสี่เวลาลงมากรุงเทพฯ

    ช่วงนี้ สุขภาพพระอาจารย์ท่านไม่ค่อยดี เลยไม่ค่อยมาพักที่นี่แล้ว
    (เวลามาทีลูกศิษย์มากราบกันมาก ทำให้ท่านจะไม่ค่อยได้พัก)
    อีกอย่างไม่ค่อยได้ลงมา เกี่ยวกับสุขภาพ ท่านอายุมากแล้วด้วยค่ะ

    ถ้าดีขึ้นและมาพำนักที่วัดนี้อีก ได้ข่าวจะรีบแจ้งนะคะ ไม่ลืมแน่ ๆ ค่ะ
     
  15. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ขอบคุณมากนะครับ คุณดอกไม้เมืองบน

    ถือโอกาสเรียนถามบางเรื่องคุณดอกไม้เมืองบนอาจเคยได้ทราบหรือเคยได้ยิน

    สืบเนื่องจากเมื่อ 7/8 ธ.ค. ปีกลายที่ผมได้มาอยู่ที่วัดและได้มีโอกาสพบท่านที่

    วัดอรัญญวิเวก ในจังหวะหนึ่งผมได้ขอด้ายสายสิญจ์เพื่อไปมอบให้ผู้ป่วยท่าน

    หนึ่งที่ รพ.(ระบุชื่อรพ.และอาการของผู้ป่วย) เจตนาเพื่อต้องการขอบารมีจาก

    ท่าน พอดีท่านไม่มีสิ่งที่ต้องการ แต่ท่านได้พูดเปรยๆในทำนองว่าเดี๋ยวนี้เขาส่ง

    จิตไปเยี่ยมกันแล้ว เราไหวไม่ทันก็ได้แต่นิ่ง แต่ในใจนึกและหวังว่าท่านคงจะ

    แผ่เมตตาไปให้กับคนป่วยในคืนนั้นก็ได้ และมาได้ทราบภายหลังว่าในวันรุ่งขึ้น

    ผู้ป่วยก็มีอาการดีขึ้นและปลอดภัย เลยถือโอกาสสอบถามเผื่อว่าจะเคยได้ยิน

    เรื่องทำนองนี้จากท่าน ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2011
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ตึกอัษฏางค์ ตึกเดียวกันเลยไปเยี่ยมคุณแม่ทุกวันๆที่ตึกนี้ ขอให้ได้เลือดกรุ๊ป o ทันกับความต้องการด้วยเทอญ

    วันนี้ขอเอาสูตรยามาบอกกันไว้เป็นทาน เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาต้องเข้าไปศิริราชเรียนทำอาหารสำหรับผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง

    โดยตอนเช้าไปรับแม่ออกจากห้องผ่าตัดส่งไปนอนพักผ่อนที่บ้านแล้วจึงกลับมาศิริราช ก่อนจะไปตึกโภชนาการได้เจอแม่ลูกคู่หนึ่ง นั่งอยู่ที่ลานพระบรมราชชนก

    แม่ลูกทั้งสองนี้มาจากจังหวัดนครปฐม คนแม่อายุอานามคงเป็นพี่ทางสายธาตุไม่กี่ปี เธอเล่าให้ฟังว่า ลูกชายคนโตเป็นธาลัสซีเมีย เม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง เป็นมาตั้งแต่เกิด อาการของคนไข้ธาลัสซีเมียจะมีผลข้างเคียงคือจะเกิดตะกอนในถุงน้ำดีและในไต ถ้าเป็นตะกอนมากๆเข้าก็จะเป็นนิ่วและจะปวดเหมือนคนปัสสวะไม่ออก

    ลูกชายคุณแม่คนนี้เขาฝันว่า มีคนแก่ผมขาวมาบอกยาสลายนิ่วในถุงน้ำดีให้ พอรุ่งเช้าน้องคนนี้ก็เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เลยลองทำแล้วให้ลูกกิน ปรากฏว่าหายสนิท ไปเอ็กซเรย์แล้วก้อนนิ่วหายไปเลยหลังจากกิน เอาฟิลม์เอ็กซเรย์ของสัปดาห์ก่อนมาเทียบ ก้อนนิ่วหายไปเหมือนคนไม่เคยเป็นนิ่วเลย คุณแม่คนนี้จึงบอกสูตรยาให้เป็นทานแก่คนทั่วไป ทางสายธาตุจึงขออนุญาตเธอเพื่อนำมาเผยแพร่ซึ่งเธอก็อนุญาต

    สูตรยาสลายนิ่วในถุงน้ำดี จากนิมิตของเด็กชายวัย 15 ปีผู้ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียตั้งแต่เกิด ดังนี้ค่ะ

    เอามะกรูดสด 7 ลูก ผ่าครึ่งทุกลูก
    คว่ำด้านที่ผ่าในหม้อทั้งหมด
    รินน้ำพอให้ท่วมมะกรูด
    กลั้นใจหยิบเกลือใส่เข้าไปในหม้อ 1 หยิบ
    เคี่ยวจนน้ำเหลือครึ่งแก้ว

    พออุ่นแล้วให้คนป่วยดื่มให้มากที่สุดเท่าที่จะฝืนดื่มได้ หากมีเหลือให้คนป่วยทิ้งน้ำมะกรูดที่เหลือนั้นไปด้านหลังของตนโดยไม่ต้องหันไปมอง แล้วให้พูดว่า หายแล้ว

    ทางสายธาตุยังได้ขอสูตรยารักษาโรคไต สำหรับผู้ที่มีอาการไตทำงานผิดปกติมาด้วย เป็นยาที่พระธุดงค์องค์หนึ่งบอกไว้เพราะสงสารเด็กชายคนนี้ ตอนนี้ทางสายธาตุได้ให้ซองเปล่าติดสแตมป์จ่าหน้าซองถึงตนเองไว้กับคุณแม่คนนี้ไว้ เธอจะส่งตำรับยานี้มาให้

    ยาสำหรับโรคไตนี้จะต้องใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวายเฉียบพลัน ที่ไม่ใช่เรื้อรังจากการเป็นเบาหวาน

    กรณีของคุณแม่ทางสายธาตุคงจะใช้สูตรยาโรคไตนี้ไม่ได้ เพราะคุณแม่เป็นอาการไตฝ่อตามอายุขัยของสังขารร่างกาย

    ยาอีกสูตรหนึ่งเป็นของเจ๊รุ้ง รักษามะเร็ง เจ๊รุ้งนิมิตเอง ทำเอง กินเอง หายเอง อาศัยสวดมนต์เยอะๆๆๆเข้าช่วยด้วย ไม่รู้เจ๊รุ้งจะให้เผยแพร่ไหม คิดว่าน่าจะอนุญาตนะคะเพราะตอนไปเยี่ยมแม่ชีเจี๊ยบที่วัดวรเชษฐ์ แม่ชีเจี๊ยบเป็นมะเร็งเต้านม เจ๊รุ้งยังบอกสูตรยาให้แม่ชีเจี๊ยบเลย อย่างไรก็ตามคงจะต้องไปขออนุญาตก่อนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  17. Tanunchapat

    Tanunchapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +3,191
    คุนนายยัยสายฯ ขอก๊อปสูตรยาไว้นะ เผื่ออาจจะมีประโยชน์ในภายภาคหน้า (เจ๊เป็นพาหะ thalassemia) :'(
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เรียกกระสือยายสายก็ได้ ไม่ต้องคุณนายยัยสายฯก็ได้ คุณนายเจ๊

    เจ๊เป็นพาหะของพระthalassemia แบบนางสงกรานต์ปีนี้ขี่อะไร เช่นนางสงกรานต์ปีนี้ขี่วัว นางสงกรานต์เป็นพระThalassemiaแล้วคุณนายเจ๊เป็นวัว

    ที่พูดไปนั้นพูดเล่นนะจ๊ะคุณนายเจ๊ ถึงเจ๊จะเป็นพาหะแต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ไม่ได้เป็นโรคนี้ใช่ไหมคุณนาย
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นึกเรื่องเกี่ยวกับมอญได้เรื่องหนึ่ง

    แถววัดตาลเอน อยุธยาเป็นชุมชนมอญแห่งหนึ่ง อพยพเข้ามาตั้งแต่สมัยพระมหาธรรมราชา(ถ้าจำผิดก็ต้องขออภัย) มอญอพยพเข้ามาไทยหลายระลอก อยู่กระจายไปหลายพื้นที่ในราชอาณาจักรสยาม หลายๆแหล่งก็แทบจะไม่มีวัฒนธรรมชาวมอญหลงเหลืออยู่ ดังนั้น ที่วัดทองบ่อ อ.บางปะอิน หลวงพ่อสุทัศน์จึงร่วมมือกับ อบต.และจังหวัดอยุธยา ทำให้วัดทองบ่อ เป็นวัดมอญศึกษา คือนำวัฒนธรรมชาวมอญมาใช้ในศาสนพิธีในวัดทั้งหมด และหลวงพ่อสุทัศน์ท่านก็เป็นชาวมอญ สืบขึ้นไปได้ว่าบรรพบุรุษอพยพมาเมืองไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มอญอพยพ

    ทุกวันนี้ ชนชาติมอญ ไม่มีอาณาเขตประเทศปกครองตนเอง เนื่องจากตกอยู่ในภาวะสงคราม และการแย่งชิงราชสมบัติกันเอง และการรุกรานของพม่า ชาวมอญอยู่อย่างแสนสาหัส ถูกกดขี่รีดไถ การเกณฑ์แรงงานก่อสร้าง ทำไร่นาหาเสบียงเพื่อการสงคราม และเกณฑ์เข้ากองทัพ โดยเฉพาะสงครามในปี พ.ศ. 2300 เป็นสงครามครั้งสุดท้าย ที่คนมอญพ่ายแพ้แก่พม่าอย่างราบคาบ ชาวมอญส่วนหนึ่งจึงอพยพโยกย้ายเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนในเมืองไทยหลายต่อหลายครั้ง เท่าที่มีการจดบันทึกเอาไว้รวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง

    ครั้งที่ 1 เมื่อ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ตีหงสาวดีแตกใน พ.ศ. 2082 ชาวมอญจำนวนมากหนีเข้ามากรุงศรีอยุธยา พระเจ้าแผ่นดินโปรดฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่แถบตัวเมืองกรุงศรีอยุธยาชั้นนอก พระยาเกียรติพระยารามและครัวเรือน ให้ตั้งบ้านเรือนอยู่แถบตัวเมืองชั้นใน ใกล้พระอารามวัดขุนแสน และเมื่อถึง พ.ศ. 2084 ราชวงศ์ตองอูตีเมืองเมาะตะมะแตก มีการฆ่าฟันชาวมอญลงขนาดใหญ่ ก็เข้าใจว่ามีมอญหนีเข้ามาสู่กรุงศรีอยุธยาอีก ถือเป็นระลอกแรกของมอญอพยพ

    ครั้งที่ 2 เมื่อพระนเรศวรเสด็จไปพม่าเมื่อคราวพระเจ้าบุเรงนองสิ้นพระชนม์ แล้วประกาศเอกราช ทรงชักชวนมอญที่เข้าสวามิภักดิ์ ให้อพยพเข้ามาพร้อมกัน ราว พ.ศ. 2127 ในการอพยพครั้งนี้ไม่ปรากฏว่าพระเจ้าแผ่นดินโปรดฯ ให้ตั้งบ้านเรือนที่ใด แต่คาดว่าคงเป็นย่านเดียวกับการอพยพคราวแรก ... อยู่ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา คิดว่าที่ชุมชนมอญแถววัดตาลเอนนั้นคงเข้ามาในระยะที่สองนี้ ...

    ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อหงสาวดีถูกยะไข่ทำลายใน พ.ศ. 2138 ครั้งนี้ก็มีการอพยพใหญ่ของ มอญ มาทางตะวันออกเข้าสู่ดินแดนของกรุงศรีอยุธยาอีก ... ครั้งที่ 3 ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ...

    ครั้งที่ 4 หลังจากที่ราชวงศ์ตองอูย้ายราชธานีไปอยู่ที่อังวะ หลังจากหงสาวดีถูกทำลายแล้ว พวกมอญ ตั้งอำนาจขึ้นใหม่ในดินแดนของตน ต่อมา ถึงรัชกาลพระเจ้านอกเปกหลุน พม่าจึงยกทัพมาปราบพวกมอญอีกใน พ.ศ. 2156 ทำให้เกิดการอพยพของมอญเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาอีก หลักฐานบางแห่งกล่าวว่า มอญ กลุ่มนี้ได้รับอนุญาตให้ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามแนวชายแดนไทย ... สมัยพระเจ้าทรงธรรม...

    ครั้งที่ 5 ใน พ.ศ. 2204 หรือ 2205 พวกมอญในเมืองเมาะตะมะก่อการกบฎขึ้นอีก แต่ถูกพม่าปราบลงได้ จึงต้องอพยพหนีเข้ากรุงศรีอยุธยาอีกระลอกหนึ่ง ผ่านทางด่านเจดีย์สามองค์ เข้าใจว่ากลุ่มนี้สัมพันธ์กับกลุ่มมอญที่ตั้งอยู่ชายแดน ... สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ...

    ครั้งที่ 6 หลังจากที่มอญสามารถตั้งอาณาจักรของตนขึ้นได้ใหม่ในปลายราชวงศ์ตองอู แล้วยกกำลังไปตีกรุงอังวะแตก อลองพญารวบรวมกำลังพม่าแล้วลุกขึ้นต่อสู้จนในที่สุดก็ตั้งราชวงศ์อลองพญาได้ และใน พ.ศ. 2300 ก็สามารถตีหงสาวดีได้อีก นโยบายของราชวงศ์นี้คือ กลืน มอญ ให้เป็นพม่าโดยวิธีรุนแรง จึงมีชาวมอญอพยพหนีมาสู่เมืองไทยอีกหลาย ระลอก รวมทั้งกลุ่มที่หนีขึ้นเหนือไปสู่ล้านนา และเรียกกันว่าพวก “เม็ง” ในปัจจุบันนี้.... สมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ...

    ครั้งที่ 7 ใน พ.ศ. 2316 ตรงกับแผ่นดินกรุงธนบุรี มอญก่อกบฎในย่างกุ้ง พม่าปราบปรามอย่างทารุณแล้วเผาย่างกุ้งจนราบเรียบ ทำให้มอญอพยพเข้าไทยอีก พระเจ้าตากสินทรงโปรดฯ ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ปากเกร็ด ซึ่งทำให้เกิดกลุ่มมอญเก่า (พระยารามัญวงศ์) และมอญใหม่ (พระยาเจ่ง) คนที่นับตัวเองเป็น มอญ ในปัจจุบันล้วนอพยพเข้ามาจากระลอกนี้ หรือหลังจากนี้ทั้งนั้น ส่วน มอญ ที่อพยพก่อนหน้านี้กลืนหายเป็นไทยไปหมด แม้แต่กลุ่มที่อยู่ตามชายแดนแถบเมืองกาญจนบุรี

    ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2336 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ยึดเมืองทวายได้ แต่รักษาไว้ไม่ได้ ต้องถอยกลับเข้าไทย ก็นำเอาพวกมอญโดยเฉพาะที่เป็นพวกหัวหน้าเข้ามาอีก

    ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2357 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เมื่อ มอญ ไม่พอใจที่ถูกพม่าเกณฑ์แรงงานก่อสร้างพระเจดีย์ ก่อกบฎที่เมืองเมาะตะมะ ถูกพม่าปราบ ต้องหนีเข้าไทยเป็นระลอกใหญ่มาก ราว 40,000 คนเศษ เจ้าฟ้ามงกุฎ (ต่อมาคือรัชกาลที่ 4) เสด็จเป็นแม่กองพร้อมด้วยกรมหลวงพิทักษ์มนตรี ออกไปรับถึงชายแดน พวกนี้มาตั้งรกรากที่สามโคก (ปทุมธานี) ปากเกร็ด และพระประแดง มอญที่อพยพเข้ามาครั้งนี้เรียกกันว่ามอญใหม่<SUP id=cite_ref-6 class=reference>[7]</SUP>
    <SUP></SUP>
    <SUP>เรื่องพระยาเกียรติพระยาราม ไม่ทราบว่าเขาระบุไว้ว่าเข้ามาตั้งแต่พ.ศ.2082 สมัยพระไชยราชาธิราช ซึ่งอ่านจากวิกิพีเดีย เรื่องนี้พระอาจารย์สุทัศน์น่าจะทราบในรายละเอียดค่ะ หรือเขาเขียนผิดควรจะระบุไว้เป็นสมัยพระมหาธรรมราชามากกว่านะคะ อันนี้คงต้องเรียนถามพระอาจารย์สุทัศน์จึงจะแน่ชัด</SUP>
    <SUP></SUP>
    <SUP></SUP>
     

แชร์หน้านี้

Loading...