ช่วยแนะนำวิธีกำจัดจิตมารหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย cfour1234, 11 เมษายน 2011.

  1. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ทุกอย่างต้องใช้เวลา ต้องฝึกต้องหัดทั้งนั้น จะให้มันสำเร็จในทันทีทันใด ย่อมเป็นไปไม่ได้

    มารคือความพอใจหรือความไม่พอใจนั่นเอง มารคือความคาดหวัง เราเห็นมารตัวนี้ไหม

    มารคือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เราเห็นมารตัวนี้ไหม

    มารพวกนี้แหละที่ทำให้จิตของเราไม่สงบ ถ้าจะกำจัดมาร ให้กำจัดมารพวกนี้ออกไปให้ได้บ่อย ๆ

    ละ ตัด ดัด ฝืน เอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความอยาก เอาชนะความเคยชิน ไม่ใช่เฉพาะเวลานั่งสมาธิเท่านั้น ทุกเวลาที่ระลึกได้ และต้องเอาให้ได้ทุกเรื่องเลยทีเดียว...

    คนจริงจึงทำได้จริง คนไม่จริงก็จะเกรงใจกิเลสตัวเองเรื่อยไป เมื่อไหร่มารมันจะหมด เมื่อไหร่จะชนะมารได้จริง
     
  2. 90

    90 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +67
    จิตมารพอรับไหวยังมีเหตุมีผล แต่นังมารนี่ซิ โอยเหนื่อย พูดยังไงก็ไม่ฟัง
     
  3. cfour1234

    cfour1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +93
    ตอนแรกคือ นางฟ้า อยู่ๆก็กายเป็นนังมาร แล้วก็จากไป แต่ก็ไปไม่หมด ยังคงเหลือ จิตมารไว้ให้เรากำราบอีก
     
  4. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    คุณนราสภา ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อยเลยนะครับ

    ไม่แนะนำเค้ามั่งหรือครับ
     
  5. sarawutchoo

    sarawutchoo สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +6
    ผมก็เป็นครับแต่ใช้วิธีนี้แล้วได้ผลสำหรับตัวเองนะครับเผื่อจะมีประโยชน์กับคุณบ้าง
    เมื่อจิตเริ่มฟุ้งออกไปนอกกายหลังจากกำหนดรู้ว่าฟุ้งแล้วตั้งจิตใหม่ว่า
    ณ บัดนี้ไม่มีเราไม่มีตัวของเราความฟุ้งจิตมารเกิดจริงแต่ไม่มีเราให้จิตมารกระทบ
    ปล่อยให้จิตมารเกิดไปไม่มีใครมาสนองตั้งจิตไว้ว่า กายนี้ไม่ไช่เรา จิตนี้แค่ช่องว่างของลม
    เมื่อหายใจเข้าก็ต้องปล่อยออกหาอะไรมาเป็นตัวเป็นจิตไม่มี
    สุขก่อนจิตมารมาก็แค่ช่องลมทุกข์ตอนจิตมารเกิดก็ช่องเดียวกัน
    หาอะไรไม่มีเลยทั้งสุขทั้งทุกข์ ดูไปเรื่อยๆเบาๆ
    จนรู้สึกได้เองว่าอ๋อนี่มันธรรมดา นี่มันธรรมดา จิตมันไม่ไช่ของใคร
    มันอยากเกิดก็เกิด มันอยากเป็นมารมันก็เป็น
    มันเป็นเทพเป็นมารสลับกันไปแบบนี้เอง
    เบื่อหนอ ไร้สาระหนอ จิตนี้ ไม่ทนหนอ พอไม่ทนก็วุ่นวายใจ สุดท้ายมันก็หายไปเอง
    แต่ก็จะมาใหม่ต่อๆกัน ผมก็เฝ้าดูอยู่แบบนี้ดูไปเรื่อยๆ
    แต่ก็ระวังตัวไม่ให้ชอบไม่ให้เกลียดและก็ไม่ให้สับสนไปกับการเฟ้าดูนั่นเอง
    ลองดูนะครับ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะครับ
     
  6. lg786ls

    lg786ls สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +9
    ให้ดูที่ความต้องการในการฝึกครับว่าจะฝึกในด้านไหน
    ถ้าจะดูเวทนาต้องทนครับจะกว่าจะเห็นที่สุดของเวทนา
    ส่วนผมจะเข้าไปรู้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงๆเลยจากความเจ็บ
    แล้วเข้าไปรู้สึกถึงตำแหน่งที่เกิดเวทนา ถ้าไล่ไปเรื่อยๆ
    จะเห็นว่าเวทนานั้นมีตำแหน่งที่ไม่แน่นอน ไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่ง
    และจะไล่ไปจนถึงจุดที่ว่าสิ่งที่เป็นเวทนานั้น ไม่มีที่อยู่แน่นอน
    ขนาดที่ว่า ไม่ใส่ใจไปดูจุดที่เกิดเวทนาแต่ความรู้สึกกังวลก็ยังปรากฏอยู่
    เมื่อถึงจุดนั้น จะเห็นความต่อเนื่องของสิ่งที่สงบอยู่เป็นเบื้องหลัง
    นั่นคือสติครับ ขณะที่ความเจ็บปวดเกิดขึ้นสติจะลดลงตามเวทนา
    แต่เมื่อมีการพิจรณาอย่างต่อเนื่องสติจะเกิดขึ้นตามลำดับ จนกระทั่ง
    เห็นความสงบท่ามกลางเวทนา ถ้าจะให้เรียงลำดับขณะที่เริ่มนั่ง
    จะเห็นแต่เวทนา ต่อจากนั้นจะเริ่มเห็นเวทนากับความสงบ สลับกัน
    ต่อจากนั้นจะเห็นความสงบ ท่ามกลางเวทนาครับ เมื่อถึงจุดนี้
    จะมีอย่างอื่นตามมาอีกซึ่งผู้ฝึกแต่ละท่านจะเจอไม่เหมือนกัน ต้องหมั่นสังเกตุ
    และนำขึ้นมาพิจรณาบ่อยๆครับ ขอให้เจอทางไวๆครับ
     
  7. cfour1234

    cfour1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +93
    อาการนอกธรรมเป็นแบบนี้นะครับ ลืมก็ไม่ได้ จำก็ไม่ได้ ไม่สนใจก็ไม่ได้ ทิ้งไปก็ไม่ได้
    ถ้าผมลืมมันไปผมก็เป็นทุกข์ แต่ถ้าผมจำมันไว้ ผมก็เป็นทุกข์อีก ถ้าผมไม่สนใจมัน มันก็เหมือนตอกย้ำความทุกข์อีก ถ้าทิ้งมันไปมันก็ทุกข์อีก กลืนไม่ได้คายไม่ออก
     
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถามภิกษุเสมอๆ ว่า

    "สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง"

    ภิกษุจะตรวจสำรวจใคร่ครวญลงไปตามกำลัง ก็พบว่า มันไม่เที่ยงโดยธรรมชาติ
    ความสำคัญว่า จำได้ ที่แปลว่า สัญญาเที่ยง จึงเป็นเพียงทิฏฐิที่ลวงตา

    เมื่อพิจารณาแบบนั้นแหละ ก็ตอบพระพุทธองค์ว่า สัญญาไม่เที่ยงพระเจ้าข้าฯ ตามแต่
    จะเห็นชัด หรือว่า สมาทานพุทธวัจนะไว้ใส่ใจใคร่ครวญเพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง

    พระพุทธองค์ก็จะทราบว่า บางคนจะเล็งเห็นว่า โอ้หนอเราก็ระลึกได้ถึงชาติภพ โคตร
    และนามในกาลก่อนๆได้เป็นอันมาก พระพุทธองค์ก็จะถามต่อผู้ดำริไปเช่นนั้น ว่า

    "สังขารเที่ยงหรือไม่เที่ยง"

    ภิกษุจะตรวจสำรวจใคร่ครวญลงไปตามกำลัง ก็พบว่า มันไม่เที่ยงโดยธรรมชาติ
    ความสำคัญว่า ปรากฏอยู่ก่อนหน้า ที่แปลว่า สังขารเที่ยง จึงเป็นเพียงทิฏฐิที่ลวง
    ตาเพราะแท้จริงแล้ว สังขารมันก่อขึ้นมา ผอกพูลขึ้นมา ที่ยังไม่มีก็ยังไม่มี ที่มีแล้ว
    ก็รอวันหมดวิบากในการส่งผล ทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดจากการกระทำกรรม เกิดจาก
    ความปักใจยินดี ยินร้าย อย่างเช่นพระพุทธองค์ นั่งยินดีปรีดากับการจับปลาของชาว
    ประมงอยู่ห่างๆ ก็ทำให้สังขารต้องมีอาการปวดหัวตลอดจนสิ้นพระชนมายุ แต่ถ้าสิ้น
    กรรม สิ้นกิเลส สิ้นตัณหา สิ้นมานะถือตัวถือตน สังขารธรรมเหล่านั้นก็ให้ผลวิบาก
    อะไรไม่ได้อีกเลย

    เมื่อพิจารณาแบบนั้นแหละ ก็ตอบพระพุทธองค์ว่า สังขารไม่เที่ยงพระเจ้าข้าฯ ตามแต่
    จะเห็นชัด หรือว่า สมาทานพุทธวัจนะไว้ใส่ใจใคร่ครวญเพื่อให้เห็นตามความเป็นจริง

    คนเราไม่ได้ทุกข์เพราะตัวขันธ์ แต่เพราะอุปทานขันธ์บางชนิด มันลวงตาเราอยู่ เรายัง
    เผลอยึดตามทิฏฐิที่ก่อตัวจากอุปทานขันธ์เหล่านั้น ทำให้เรามองไม่เห็นทางออก เพราะ
    เรายังยินดีกับการ"ทำ" ยินดีกับการกระทำ"กรรม" ทำให้ "ขันติธรรม" ไม่สามารถ
    หยั่งลงเบื้องหน้าได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2011
  9. cfour1234

    cfour1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +93
    ท่าน เอกวีร์ ท่านชอบฟังเพลงไหม
    ท่าน เอกวีร์ ท่านชอบดูหนังไหม
    ท่าน เอกวีร์ ท่านยังเล่นคอมฯไหม
    ท่าน เอกวีร์ ท่าน คือ ท่าน ใช่ไหม ท่านเอกวีร์
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณ ปุน ถามยังกับว่า

    ถ้าเข้าถึงอะไรบางอย่าง มันจะมีบางอย่างระเบิดตูม หายวับไปเลย

    อย่าไปปฏิเสธ มันมากสิ ผลักตรงๆไม่ได้หรอก ถ้าไม่ติดฝั่งซ้าย
    ก็ไปติดฝั่งขวา ก็เหมือนกับที่ กลืนก็ไม่เขา คายก็ไม่ออก

    การสำรอกออก มันต้องกินเข้าไปก่อน จริงไหม

    การสำรอกแบบไม่กินเลย มันสำรอกแบบปวดแสบปวดร้อน มันก็ไม่ใช่

    การสำรอกเพราะกินเข้าไปจนล้น มันก็ไม่ใช่

    กินอิ่มพอดีกับการดำรงชีวิต อันนี้ ท่านว่าเป็นมรรค

    เลี้ยงชีพชอบ มันก็เป็นมรรค อ่านหนังสือหนังหาไว้บ้าง
    เพีองพอกับการดำรงค์ชีวิตตามวาสนา ไม่ใช่เพื่อการฝุ้งเฝ้อเห่อเหิม
    มันก็เป็น มรรค เนาะ

    ทำอย่างไรจึงรู้ว่าพอดี ท่านว่า ให้พิจารณา คุณ และ โทษ ไว้เนืองๆ

    กินก็ได้ คายก็ออก เพราะเป็นเรื่องของการ คลายเมาเพราะทราบในเหตุในผล
     
  11. cfour1234

    cfour1234 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +93
    ผมก็ถามไปงั้นและ ไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ก็ได้ โดนเทศเลยเรา
    แต่ผมก็ได้คำตอบว่า ตอนนี้ท่าน เอกวีร์ ก็ยัง เป็นท่าน เอกวีร์
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    [​IMG] <---- รูปมันฟ้องอยู่แล้ว นิ
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    หลายท่านก็แนะนำมาแล้วด้วยบทความที่เป็นประโยชน์ จะเอาวิธีของผมไปใช้ก็ได้นะครับ อีกวิธีหนึ่ง คือให้สวดมนต์ก่อนทำสมาธิครับ ถ้าไม่รู้ว่าจะสวดบทไหนก้ให้ไปซื้อหนังสือสวดมนต์ตามร้านขายหนังสือ มาไว้ประจำหัวนอน หมั่นสวดมนต์ ไม่เฉพาะเวลาจะทำสมาธิ สวดบ่อยๆยิ่งดี ทำให้จิตสงบ ทำให้จิตเป็นสมาธิ เกิดสิริมงคล เทวดาคุ้มครอง ไม่ไหลตาย เงินทองไหลมาเทมา มีความสบายกายสบายใจ เป็นการปรับความเห็นให้ถูกให้ตรง ตามคำแปลของบทสวดมนต์ และเป็นการศึกษาพระพุทธศาสนาหรือทบทวนไปในตัว ถ้าเกิดจิตมารก็หมั่นสวดมนต์นะครับ แล้วเวลาทำสมาธิก็ลองดูนะครับว่าเราทำถูกต้องตามหลักวิชชาแล้วหรือยัง ลองปรึกษาในเว็บนี้ดูนะครับ..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...