ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ในช่วงวันเวลาที่ขาดหายไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.54 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ สิริรวม 2 สัปดาห์กว่า เพื่อนๆแต่ละท่านคงได้มีโอกาสเก็บเกี่ยวข้อมูลดีๆได้ไม่น้อย และบางท่าน(คงเกือบทุกท่าน) ก็ได้แวะเวียนเข้ามาในเว็บกันวันละหลายครั้ง ใครมีเรื่องอะไรที่ดีที่งามสมควรจะเล่าสู่กันฟัง หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมก็เชิญนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยกันขอบคุณและเป็นกำลังใจให้คุณ WebSnow ด้วยนะครับ
     
  2. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พฤษภาคม-กำลังจะสิ้น ความรู้สึกด้วย "จิตสำนึกไทย" บอกกับตัวเองว่า กาลเวลาก้าวเข้าสู่ "ครึ่งปีหลัง" แล้ว ปีนี้ปี ๒๕๕๔ เป็นปีที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ของเราทุกคน ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ คือ ๘๔ พรรษา เป็นครั้งแรกในหลายๆ รอบศตวรรษไทยที่ได้มี "พระเจ้าแผ่นดิน" ทรงเจริญพระชนมพรรษายั่งยืนนานเป็นที่ปลาบปลื้มเช่นนี้
    ผมว่าคนไทย-ประเทศไทยเรานี้ มีบุญยิ่งนัก
    ก็จงพร้อมใจกัน "รักษาบุญ" ทั้งของตนเอง และของประเทศ ให้ยั่งยืนนานไปยิ่งๆ เถิด
    ยิ่งเมื่อวันอังคารที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตรงกับแรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ พวกเราชาวไทยได้เห็น "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เสด็จฯ โดยประทับบนรถเข็นไฟฟ้าจากชั้น ๑๖ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ลงมาที่ท่าน้ำศาลาศิริราช เพื่อทอดพระเนตรระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา
    พสกนิกรที่เฝ้าแหน และที่เฝ้าดูจากภาพข่าวทางโทรทัศน์ เห็นพระพักตร์แจ่มใส อาการประชวรด้วยโรคาพยาธิไม่ปรากฏ ต่างก็ปีติยินดี
    บ้างยกมือไหว้ทางหน้าจอ บ้างก็ขอพรพระ-ขอพรเจ้าอภิบาลรักษา บ้างก็ร้องบอกต่อๆ กันด้วยลิงโลดว่า...ในหลวงหายประชวรแล้ว...ในหลวงหายประชวรแล้ว มาดูซี..มาดูซี คือร้องบอกให้มาดูทางโทรทัศน์
    ชาวบ้านนั้น ด้าน "คำพูดแทนใจ" อาจไม่สนิทในภาษา
    แต่ด้าน "จิตรักและภักดี" บริสุทธิ์นี้ สนิทแนบแน่นนิรันดร์ในพระองค์
    ครับ...ท่านใดที่ตั้งใจจะไปลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช แต่ยังไม่ได้ไป อยากบอกว่า "รีบไปเถอะครับ บัดนี้พระอาการประชวรก็หายวัน-หายคืน พระพลานามัยแข็งแรงขึ้น ถ้าท่านที่ตั้งใจ ยังไม่รีบไป ผมเกรงว่าจะไม่มีโอกาสได้เข้าถวายพระพรใกล้ชิดที่ศิริราชแล้ว"
    เพราะ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" อาจเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาล ไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานในอีกไม่ช้า-ไม่นานนี้ก็ได้
    ปีนี้ ประเทศไทยเรามีงานเฉลิมฉลองเป็นการเฉลิมพระเกียรติยิ่งใหญ่ เรียกว่ายิ่งใหญ่ในรอบศตวรรษ คืองาน "พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔"........
    ...............
    กราบแทบเบื้องพระบาททูลเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระ ผู้ทรงถึงพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม อิทธิบาท ๔ และจรณะ ๑๕ ซึ่งยังปวงประชา และประเทศชาติให้ดำรงอยู่ตราบถึง ณ กาลนี้ และกาลหน้า
    ดิถีมหามงคล "พระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวา" นี้ ขอองค์พระผู้เป็นฉัตรไชยของชาติ จงเจริญพระชนม์ ด้วยพระพลานามัยพ้นจากโรคาพาธ หมู่มารแพ้พ่าย ขอพระบารมีธรรมแห่งองค์ขัตติยราช ปัดป้อง-คุ้มภัย อภิบาลชาติ-ประชาชนไทย สู่ความยิ่งใหญ่ ไพบูลย์ นิรันดร์
    คนดี ก็อยู่ได้ คนไม่ดี ก็อยู่ได้ เพราะเป็นคนไทยร่วมชาติเดียวกัน ด้วยเลือดกรุ๊ปเดียวกัน ดื่มนมจากอกแม่พระธรณีไทยองค์เดียวกัน เป็นทายาทมรดกแผ่นดินผืนนี้ด้วยกัน และมี "ในหลวงองค์เดียวกัน" ซักวัน...กาลเวลาก็จะเรียกสติสมานใจ ลืมบาดหมาง รักคืนต่อกัน
    ครับ...อะไรที่เรียกว่าใหญ่ ไม่มีอะไรใหญ่เกินจิต!
    และพลังอะไร ทั้งที่ไอน์สไตน์ค้นพบ และยังค้นไม่พบ ไม่เร็ว-ไม่ทรงพลังเท่า "พลังจิต"!!
    นั่นคือ "จิตที่ตั้งดีแล้ว" ใหญ่ที่สุด........
    .................
    ดังนั้น จิตที่ฝึกดีแล้ว.....
    คือจิตที่ตั้งมั่นเป็น "จิตบริสุทธิ์" ดีแล้วของมวลมหาประชาชนไทยเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายนี่แหละ แผ่เป็นพลังพระพร น้อมถวายขอให้ "ในหลวง" ของเราทรงพ้นจากโรคาภัย ขอให้ทรงมีพระพลามัยแข็งแรง
    พระองค์จะต้องทรงแข็งแรง สามารถปฏิบัติพระราชภารกิจเป็นหลักชัยและหลักใจของประเทศชาติประชาชนได้ดังเดิมในเร็ววันนี้แน่นอน.....

    แหล่งที่มา :

    จิตที่ฝึกดีแล้ว...ช่วยชาติได้! | ไทยโพสต์
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เพื่อนสมาชิกและท่านผู้อ่านกระทู้นี้ทกท่าน ในช่วงเวลาที่เว็บพลังจิตล่มตั้งแต่เมื่อ 21 พ.ค.เป็นต้นมานั้น ผมได้อ่านพบบทความที่น่าสนใจบทความหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดได้เคยมีการเผยแพร่กันครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แต่เมื่อได้มาอ่านพบอีกครั้งหนึ่งผมก็ยังมีความเห็นว่ายังมีความทันสมัยอยู่ จึงขอนำมาฝากกันด้วยความระลึกถึงครับ แต่ต้องขออภัยที่จะไม่คัดลอกมาให้ เพียงแต่ท่านคลิกเข้าไปที่ลิ๊งค์นี้ครับ
    เงาสะท้อนไทย "จดหมายถึงนาย" | ไทยโพสต์

    ขอให้อ่านแบบ "ส่องกระจก" ถ้าเราสวยแล้ว-ก็แล้วไป แต่ถ้าเงาสะท้อนให้เห็นจุดที่ควรตกแต่ง-แก้ไข เราจะได้ประโยชน์เพื่อการแก้ไข
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ยายยิ้ม ผู้ที่นักปฏิบัติต้องขอคารวะ
    ยายยิ้ม�หญิงร่างเล็ก หลังงุ้ม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสมชื่อ�
    >�อาศัยในบ้านไม้ที่เกือบเสร็จท่ามกลางป่าเขา
    >�จ.พิษณุโลก อยู่ลำพังอย่างเดียวดาย ห่างไกลผู้คนและเงียบสงัด
    >�
    >�เมื่อ�20�ปี ก่อน ยายมีบ้านอยู่ที่อำเภอพรหมพิราม พร้อมลูกหลาน�
    >�ตอนนั้นลูกชายคนเล็กตั้งใจจะมาบุกเบิกทำมาหากินบริเวณที่อยู่ปัจจุบัน�
    >�แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้ง ความไกล ไข้ป่า และความลำบาก�
    >�ส่งผลให้ลูกชายของยายเลือกที่จะไปขับรถแท๊กซี่ใน กทม.
    >�
    >�และไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ และการไม่อยากเป็นภาระลูกหลานหรืออื่นๆ
    >�ยายยิ้มจึงตัดสินครั้งสำคัญ อาศัยอยู่ที่บ้านในป่าผืนนั้น เป็นต้นมา
    >�
    >�ลูกหลานขอร้องให้ยายกลับมาอยู่บ้านแต่ยายไม่กลับ�
    >�ลูกหลานจึงได้แต่มาเยี่ยมยายเป็นระยะรวมถึงการนำเสื้อผ้าผ้าห่ม�
    >�ข้าวสารอาหารแห้งมาให้ยาย ลูกชายคนที่ยังอยู่ในอำเภอพรหมพิรามบอกว่า
    > "แม่เขาจะบอกว่าไม่ต้องเอามาให้มากนะ ในชีวิตเขา แม่เขาไม่เคยอยากได้อะไรเลย�
    >�เคยถามเขาก็บอกว่า เขาพอแล้ว สมัยยังเด็กบ้านเราจนกันมาก�
    >�พ่อก็ตายตอนที่เรายังเล็ก ๆ แต่แม่คนเดียวก็หา
    >�เลี้ยงลูกได้ มานึกดูแกต้องทำงานหนักมาก แม่ถึงเน้นสอนให้เข้มแข็ง�
    >�หนักเอาเบาสู้ไม่เลือกงาน"�
    >�ตลอดระยะเวลา�20�ปีที่ผ่านมาท่ามกลางขุนเขา ยายไม่มีนาฬิกา�
    >�แต่ทุกเวลาล้วนมีคุณค่า การมีชีวิตอยู่ของยายหมดไปกับการปลูกต้นไม้�
    >�ทำฝายเล็ก ๆ ที่ยายได้อาศัยในยามหน้าแล้งและยังเป็นสายธาร
    >�หล่อเลี้ยงบรรดาสัตว์ และต้นไม้บนผืนแผ่นดินนี้�
    >�และตั้งใจถวายในหลวงและพระราชินี ยายรักในหลวงและพระราชินีมาก�
    >�กิจวัตรประจำวัน ตื่นแต่เช้า จุดธูปไหว้พระ เก็บมุ้ง กระย่องกระแย่งมาจุดฟืนหุง
    >�ข้าว
    >�ตักข้าวสุกแรกเก็บไว้ ตักข้าวกินกับน้ำพริก หรือ ปลาแห้งที่เก็บไว้�
    >�ลงมากวาดลานบ้าน ซักผ้า หาบน้ำที่ลำห้วย ออกไปหาฟืนหาไม้ มาเก็บไว้
    >�
    >�ก่อนจะคดข้าวใส่กล่อง น้ำพริก ใส่ย่าม สวมที่ขาดวิ่น ใช้พร้าแทนไม้เท้าเวลาเดิน
    >�
    >�ข้ามห้วย ข้ามหนอง เข้าไปในป่าลึก ผ่านฝายเล็กๆ หรือคันนาที่ยายทำไว้�11�ฝาย�
    >�เป็นคันดินที่ยายใช้�"จอบกับใจ"�ค่อยๆขุดขึ้นมา กลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆกักเก็บน้ำ
    >�
    >�พอให้สัตว์เล็กได้มาอาศัย ต้นไม้ชุ่ม ชื่น ระหว่างนั้นก็เอาข้าวมาโปรยให้สัตว์
    >�ในแอ่งดินกันทำคันดินนี้เสร็จ ก็เข้าไปลึกเรื่อยๆ ที่ละฝาย ทีละฝาย
    >�เวลาแต่ละวันผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ เหนื่อยก็พัก แล้วก็เดิน กลับบ้าน�
    >�ชีวิตยาย เป็นไปอย่างเรียบง่าย
    >�
    >�ทุก ๆ วันพระ ยายจะเดินลงมาจากเขา ด้วยระยะทางเกือบ�8�กิโล�
    >�บวกกับวัยชราของยาย จึงทำให้ยายใช้เวลาใน การเดินทางกว่า�3�ชั่วโมง�
    >�แต่ก็ไม่ได้ทำให้ศรัทธาของยายเสื่อมถอยลง ลำพังคนหนุ่มสาว�
    >�จะให้เดินขึ้นลงเขา สัก�7-8�กิโลเมตร ยังเ ล่นเอาเหงื่อตก�
    >�แต่สำหรับยายยิ้มถือเป็นกิจวัตรสม่ำเสมอทุกวันโกน วันพระเพราะไม่ว่าฝนจะตก�
    >�ฟ้าจะร้อง ยายก็ต้องไปถึงวัดไม่เคยขาด�
    >�
    >�ระยะทางไกลที่เต็มไปด้วยหล่มโคลน ถนนเป็นร่อง ขรุขระ�ยายยิ้ม�
    >�จะออกเดินเท้าจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด เหนื่อยก็พัก ถึงวัดกี่โมงไม่รู้�
    >�รู้แต่เมื่อถึงวัดก็เปลี่ยนชุดชาว สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำความสะอาดวัด�
    >�ทำบุญ เมื่อกลับจากวัด แกก็จะมานับวันหลังจากนั้นไปถึงวันโกนวันพระอีกที�
    >�ก่อนที่เดินกลับบ้านในป่า ยายเลือกใช้ชีวิตเพียงลำพัง�
    >�และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอย่างมีความสุขอีกครั้ง
    >�
    >�เราขาดในสิ่งที่ยายยิ้มมี นั่นคือ ความพอเพียง ความศรัทธา ความไม่โลภ��
    >�เรามีในสิ่งที่ยายขาด นั่นคือ ความทุกข์
    >�
    >�พิธีกร : ข้าวสารอาหารแห้งเอามาจากไหน
    >�ยายยิ้ม�: ลูกหลานเข้าเอามาให้ เขาเอามาให้ก็ต้องกิน�
    > � � � � � �เขาจะได้บุญและก็ต้องกินอย่างประหยัดๆ ไม่ฟุ่มเฟือย
    >�
    >�พิธีกร : ฝนตกเปียกไหม
    >�ยายยิ้ม�: ก็หลบๆ เอา ไม่ลำบาก อย่าคิดว่ามันลำบาก
    >�
    >�พิธีกร : เสื้อผ้า ขาดแล้วยังใส่อยู่
    >�ยายยิ้ม�: ลูกหลานเขาเอามาให้ ใส่ไว้เขาจะได้บุญ
    >�
    >�พิธีกร : ลูกหลานอยากให้ไปอยู่ด้วยกัน
    >�ยายยิ้ม�: ไม่ใช่ว่าจะไม่พึ่ง แต่ให้หมดค่าก่อนค่อยพึ่ง ป่วยไม่สบายไม่มีแรง
    >�ค่อยพึ่งเขา
    >�
    >�พิธีกร : ทำฝายไปให้ใคร
    >�ยายยิ้ม�: ให้ในหลวงพระราชินี ท่านเป็นถึงเจ้าแผ่นดินยังทำงาน เราก็ต้องทำให้
    >�ท่านบ้าง.. ส่วนสิ่งที่ทำในหลวงไม่เห็นผีสางเทวดาก็เห็น
    >�
    >�พิธีกร : ได้ประโยชน์อะไรจากฝาย
    >�ยายยิ้ม�: ในหลวงบอกมีฝายมีน้ำ มีป่า มีปลาเล็กเป็นอาหารนกอีกทีรวมถึงได้ใช้ยาม
    >�หน้าแล้ง
    >�
    >�พิธีกร : กลัวล้มไหมเวลาเดินไปไหน
    >�ยายยิ้ม�: กลัวแต่ก็ต้องทำ ทำแล้วมีความสุข
    >�
    >�พิธีกร : เหนื่อยไหมที่ทำมา
    >�ยายยิ้ม�: เหนื่อย แต่ทำแล้วมีความสุข�
    >�
    >�พิธีกร : เดินไปวัดลำบาก เหนื่อยไหม
    >�ยายยิ้ม�: เหนื่อยก็พัก แล้วเดินต่อ ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ เห็นพระ
    >�ก็หายเหนื่อย
    >�
    >�พิธีกร : สรุปว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ
    >�ยายยิ้ม�: คนอื่นว่าลำบากแต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นสวรรค์มันก็ไม่ลำบาก
    >�
    >�พิธีกร : ยายมาทำบุญทุกวันพระไหม
    >�ชาวบ้าน : ยายมาประจำแหละ ยายแกชอบทำบุญ ได้เบี้ยเดือน�500�แกยังทำบุญหมดเลย
    >�
    >�พระ (กางมุ้งให้ยายนอนในศาลาวัด) : ไม่บาปหรอกยาย ช่วยๆกัน ดูแลกัน
    >�ยาย (นั่งยิ้มด้วยความจำนน)
    >�ยาย เอาเงินที่เก็บๆ รวมถึงเงินที่ชาวบ้านให้ไว้มาทำบุญ
    >�ยาย อวยพรให้และภาวนาให้คนที่ทำบุญด้วย
    >�
    >�พิธีกร : ยายรู้จักเขาเหรอ
    >�ยายยิ้ม�: (ยิ้ม) ไม่รู้จักหรอก เห็นบอกว่าจะบวชก็เลยทำบุญ�
    > � � � � � �ให้ยายทำบุญนะ (สงสัยคงจะเป็นเงินที่ทางรายการให้)
    >�พิธีกร : ทำเถอะยาย ไม่ว่าอะไรหรอก
    >�
    >�พิธีกร : ยายมีของแค่นี้เหรอ (หยิบกระเป๋าใบเล็กที่บรรจุเสื้อผ้า หยูกยาที่จำ
    >�เป็น บัตรประชาชน)
    >�ยายยิ้ม�: แค่นี้แหละเตรียมไว้ เวลาเจ็บป่วยขึ้นมา เอาไปใบเดียว คนอื่นจะได้ไม่
    >�ลำบากหา
    >�
    >�พิธีกร : จะไม่เป็นการแช่งตัวเองหรือ
    >�ยายยิ้ม�: ยิ่งเจ็บ ยิ่งต้องพึ่งตัวเอง ยิ่งต้องเตรียมตัว
    >�
    >�พิธีกร : เวลายายไปตัดไม้ไผ่ ทำฝายไม่เกินกำลังเหรอ เอาแรงมาจากไหน
    >�ยายยิ้ม�: หัวเราะเบาๆแล้วตอบว่า มันเกินกำลังอยู่แล้วล่ะ แต่ต้องมีความพยายาม
    >�ยายบอกวันนี้หมดแรง นอนพัก พรุ่งนี้แรงก็มาใหม่
    >�
    >�พิธีกร : ยายยังขาดอะไรอีกในชีวิต
    >�ยายยิ้ม�:�ยายยิ้มสมกับชื่อ แล้วตอบอย่างภาคภูมิใจว่า�"�ขาดความทุกข์�"�​

     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เรื่องราวของยายยิ้มเรียกน้ำตาของคนที่ได้อ่านมามากแล้ว ทำไมหรือ? เพราะสิ่งที่เราแสวงหาทั้งหมดมันกลับทำให้เราเป็นทุกข์ บ้างก็เห็นแจ้งว่ามันทุกข์จริงๆ บ้างก็เป็นทุกข์อยู่แต่ไม่รู้ บ้างก็ว่าฉันก็สุขดีกับเงินทองที่หามาได้ �คนเมื่อเสพยานั้นจะแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้เช่นกันสังเกตุดูเถิด คนติดยาประเภทไหนหรือที่เขาอยากจะเลิกยาแล้วประเภทไหนที่ไม่คิดแม้จะเลิก ตกลงคนไหนโชคดีกว่ากัน ระหว่างคนทุกข์กับคนหลง???
    เราอ่านเรื่องยายยิ้มหลายคนเผลอพูดคำว่า อิจฉายายยิ้มจัง! แน่นะ ชีวิตนี้ถ้าเหลือเท่าที่ยายยิ้มมีจะยังสุขแบบยายยิ้มได้ไหมล่ะ ทำไมไม่ได้ล่ะ เห็นรึยังว่าวัตถุนิยมทั้งหมดยายยิ้มวางลงแล้ว คนจนแบบไม่มีอะไรแบบยายยิ้มมีเยอะนะ แต่จิตใจของยายยิ้มไม่จนแล้ว จิตใจของยายเป็นมหาเศรษฐีแล้ว ยายยิ้มเต็มแล้ว ใจไม่มีหลุมที่จะต้องเติมอะไรลงไปอีก คนจนทั่วไปลองมีคนเอาอะไรต่ออะไรไปให้จิตใจก็จะเริ่มหลงลำพอง เมื่อรวยชึ้นมาก็จะกลายเป็นหลงวัตถุนิยมต่อไปเหมือนคนโลกๆ แต่ยายยิ้มได้แสดงให้เห็นในทุกการกระทำและทุกคำพูด
    อ่านทุกคำหาความเห็นแก่ตัวไม่มี(เพราะไม่มีตัวแล้ว) ทุกคำแสดงถึงความหมดตัวตน มีเงินก็ให้คนอื่น ทำบุญจนหมด เสื้อผ้าใส่จนขาดไม่เปลี่ยนเพราะอะไร เพราะใส่ให้คนให้เขาได้บุญ ในกระเป๋าใบเล็กๆมีบัตรประชาชนกับของเล็กน้อยพกไว้ทำไม เพราะถ้าตายคนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อนต้องไปหา ใครจะเอาอะไรไปให้ยายบอกอย่าเอามาเลยยายพอแล้ว เหนื่อยไหม..เหนื่อยแต่ถ้าไม่คิดว่าเหนื่อยมันก็ไม่เหนื่อย คนที่พูดอย่างนี้ไม่ได้คิดแล้วมารู้ รู้แล้วละนะ แต่ว่างไปแล้วพูดให้คนเข้าใจและทำได้เฉยๆ คนที่ถึงธรรมอย่างเป็นเนื้อแท้ไม่ต้องอธิบาย มีแต่ความสุข ไม่แปลกใจที่ยายบอกว่า ขาดอย่างเดียวคือความทุกข์
    ปฏิบัติไปแล้ววันหนึ่ง ความมีกับความไม่มีจะไม่ต่างกันในการให้ความสุขแก่คนผู้นั้น เพราะฉะนั้นจะมีไปทำไมในเมื่อไม่มีไม่เป็นภาระแล้วมันสุขไม่ต่างกันแม้สัก 0.0000001 วันนี้ท่านทั้งหลายมีของข้างนอกก็ให้มีไว้ใช้ก็แล้วกันแต่ใจอย่าไปยึดไปหวงแหนดูแลกันไปให้ดีเสมือนพระดูแลบาตร ของทุกอย่างไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของ แล้วบ้านที่ซื้อแล้วมีโฉนดล่ะ แล้วรถที่ผ่อนเสร็จแล้วล่ะ (ต้องผ่อนหมดแล้วด้วยนะ ดังนั้นที่ยังผ่อนอยู่อย่าหลงผิดนะ) จิปาถะที่ซื้อมาเป็นของเราล่ะไม่ใช่หรือ?

    เขาให้ยืมไว้ใช้ ใช้แล้วต้องดูแล แต่เราทำผิดเงื่อนไขคือ คิดแต่จะปล้นมาเป็นของเราทั้งๆที่เอาไปไม่ได้ ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ เศรษฐีที่เหนื่อยทั้งชีวิตมีปราสาทหลังใหญ่ๆเพียงแค่การทรงอยู่ได้ของชีวิตต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรือ ต้องทำบาปทำอกุศลอย่างเลยหรือ ถามตนเองว่ายิ่งมียิ่งอยากมีอีก หรือยิ่งมียิ่งไม่อยากตายไหม เพราะหลงสุขที่ไม่มีอยู่จริงจึงทำทุกอย่างเพื่อให้สุขมันจีรังโดยไม่เห็นว่าสรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นแล้วดับไปเป็นธรรมดา เวรกรรมตามไปแน่ แต่ทรัพย์สิน แม้แต่คนรักสักคนไม่มีทางชาติต่อไปคนที่เรารักอาจเป็นอะไรก็ได้ แล้วเราก็เช่นกัน หมาแมวนกปลาฯลฯ ที่เลี้ยงอยู่วันนี้คิดว่าเมื่อก่อนเขาเป็นอะไรหรือแล้ววันหนึ่งถ้าเรายังหลงอยู่ก็จะมีคนรักหรือคนที่เราเคยดูแลอยู่วันนี้มาเลี้ยงดูเราก็ได้
    เป็นให้ได้ครึ่งหนึ่งของยายยิ้มนะ คือมีทรัพย์สินอยู่อย่างนี้แล้วสุขสักครึ่งหนึ่งของยายยิ้ม อยากได้เท่ายายยิ้มต้องหมดอยาก แล้วไม่ว่าจะมีหรือไม่มี(ทรัพย์สินภายนอก) ก็มีความสุขเท่ากันเพราะใจนั้นสงบเย็นไปแล้ว
    ข้อคิด : จิตที่สุขสงบเย็นนั้น มาจาก ปราศจากกามสุขทางวัตถุมากระตุ้นให้อยาก(ตัณหา=สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์) หมดความยึดถือในขันธ์๕ เพราะตัวขันธ์เองทั้งหมดล้วนเกิดดับเป็นทุกข์ สิ่งเป็นทุกข์ไม่มีตัวตนเกิดตามเหตุเกิดหมดไปเมื่อหมดเหตุ เมื่อปล่อยวางขันธ์จึงหมดเหตุเกิดนั่นเป็นนิพพาน ตอนเห็นอนัตตานั้นกำลังเห็นความจริงแล้ว การเห็นอนัตตาจึงคล่อมกันระหว่างโลกและธรรมแท้ เมื่อปฏิบัติจนหมดเหตุในการสร้างตัวตนก็สงบเย็นในที่สุด
    ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ ทางไปนิพพานนั้นเงียบ เงียบได้เพราะเห็น เห็นแล้วคลายความยึดถือ คลายความยึดถือจึงดับ เมื่อดับก็ว่าง เมื่อว่างก็สงบเย็น เมื่อสงบเย็นก็ไม่ยึดถือ เมื่อไม่ยึดถือก็สลัดคืน

    แหล่งที่มา ยินดีต้อนรับเข้าสู่ เว็บไซด์สวนยินดีธรรม
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    งานบุญงานกุศลแด่ผู้สนใจศรัทธาและเคารพเทิดทูนพระพี่นางสุพรรณกัลยาครับ

    พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณ หลายๆท่านคงจำกันได้ ท่านได้บอกบุญผ่านมาทางคุณโมเย ว่ากำลังจะหล่อพระรูปพระพี่นางสุพรรณกัลยา หากท่านผู้ใดสนใจหรือได้มีความตั้งใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าต้องการจะนำไปประดิษฐาน ณ ที่ใดที่หนึ่งตามที่ได้เคยตั้งใจไว้ บัดนี้ก็เป็นโอกาสที่เหมาะสมแล้วนะครับ กระทู้นี้ยินดีรับเป็นสื่อกลางให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    Little MONK in Chaina

    ดูน่าชื่นชมและประทับใจกับอิริยาบทที่น่ารักของเณรน้อยนะครับ


    แหล่งที่มา :Little MONK in China
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.6 KB
      เปิดดู:
      56
    • image003.jpg
      image003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.6 KB
      เปิดดู:
      60
    • image004.jpg
      image004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      55
    • image005.jpg
      image005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96.3 KB
      เปิดดู:
      68
    • image006.jpg
      image006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.7 KB
      เปิดดู:
      62
    • image007.jpg
      image007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.1 KB
      เปิดดู:
      46
    • image008.jpg
      image008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.7 KB
      เปิดดู:
      79
    • image010.jpg
      image010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43 KB
      เปิดดู:
      56
    • image013.jpg
      image013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.6 KB
      เปิดดู:
      57
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    บ่อยครั้งที่กระทู้นี้ได้คัดลอกบทความที่มีคุณค่าจากเว็บสวนยินดีธรรม (www.suanyindee.net) วันนี้ต้องขออนุญาตเสนอความเป็นมา
    และรายละเอียดของสวนยินดีธรรม เผื่อจะเป็นทางเลือกสำหรับท่านที่
    สนใจไฝ่ธรรม ครับ

    "ตั้งใจที่จะทำสวนยินดีธรรมให้เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เกิดประโยชน์กับชาวโลก"

    นี่คือปณิธานของคุณแม่ยินดี ผู้ก่อตั้งสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ รายละเอียด
    ขอเชิญติดตามจากรายงานของนสพ.คมชัดลึก "เยือนถิ่นเรือนธรรม-สวนยินดีธรรม ศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อประโยชน์ชาวโลก" ต่อไปเลยครับ

    ���͹�������͹���� - �ǹ�Թ�ո��� �ٹ�컯ԺѵԸ�������ͻ���ª������š ���Ѵ�֡ : ��������ͧ : ���Ƿ�����


    ขอขอบคุณ นสพ.คมชัดลึก
     
  9. Florence125

    Florence125 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +6

    ขออนุโมทนาค่ะ.... ตั้งใจอยู่พอดีเลย ขอบคุณคุณจงรักภักดีและน้องโมเยมากนะคะที่ส่งข่าวดีมาให้ ขอถามนิดนะคะ...องค์ท่านมีขนาดเท่าใด และต้องใช้เวลาสร้างประมาณกี่วันคะ (ตั้งใจจะประดิษฐานในวันที่ 25 มกราคม 2555) ค่ะ
     
  10. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เสียงจากดอยไตแลง........

    หนึ่งเดือนเศษภายหลังการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 20 ปีของพม่าเมื่อวันที่ 7 พ.ย. และการปล่อยตัว นางอองซาน ซูจี ผู้นำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า เมื่อวันที่ 13 เดือนเดียวกัน ถึงวันนี้ดูจะยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ทั้งเรื่องการก่อรูปรัฐบาลใหม่ และสันติภาพในดินแดนถูกสาปแห่งนี้

    เสียงที่ดังกว่าเสียงสันติภาพ คือเสียงปืนจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-พม่า ระหว่างทหารกองทัพรัฐบาลกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย หรือที่เรียกว่า "กลุ่มชาติพันธุ์" คือ กะเหรี่ยงพุทธ ดีเคบีเอ

    จึงน่าติดตามไม่น้อยว่าสถานการณ์ในพม่า...ประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับไทยมากกว่า 2,200 กิโลเมตร จะเป็นอย่างไรต่อไป

    ได้มีโอกาสเดินทางไปยังฐานที่มั่นของกองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ หรือ เอสเอสเอ (Shan State Army : SSA) บนดอยไตแลง ทางตอนใต้ของรัฐฉาน พรมแดนพม่า-ไทยด้าน จ.แม่ฮ่องสอน และได้สัมภาษณ์พิเศษ พลโทเจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน และผู้นำสูงสุดของเอสเอสเอ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา

    เสียงจากดอยไตแลงประเมินแนวโน้มสถานการณ์ในพม่านับจากนี้ว่า มีอยู่ 2 แนวทางเท่านั้น คือเปิดเจรจากับกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มเพื่อสร้างสันติภาพ หรือมิเช่นนั้นก็เปิดฉากสู้รบระลอกใหม่ เพราะข้อเรียกร้องของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างน้อย 5 กลุ่มรวมทั้งไทยใหญ่ที่จับมือเป็นพันธมิตรกันก็คือ ต้องการเอกราช และปกครองตนเอง!
    O สถานการณ์การเมืองในพม่าล่าสุดขณะนี้เป็นอย่างไร?

    เลือกตั้งมาครบ 1 เดือนแล้ว ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ต้องดูต่อไปว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แนวโน้มผมเห็นว่ามี 2 ทาง คือ 1.ใช้ทหารแก้ปัญหากับกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งผมคิดว่าถ้าพม่าเลือกใช้แนวทางนี้จะยิ่งวุ่นวายไปใหญ่ กับ 2.ใช้แนวทางทางการเมือง ซึ่งเคยมีสัญญากันไว้ว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้วจะคุยกัน ก็ต้องดูว่าพม่าจะทำตามสัญญาหรือไม่ จะเปิดให้มีการพูดคุยกับทุกกลุ่มหรือเปล่า

    O ทำไมช่วงหลังเลือกตั้งจึงมีการสู้รบกันระหว่างกลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ (ดีเคบีเอ) กับกองทัพรัฐบาลพม่า ทั้งๆ ที่ดีเคบีเอเป็นกลุ่มหยุดยิง?

    เขามีปัญหากันมานานแล้ว ที่ยิงกันก็มีสาเหตุอยู่ 2-3 ประการ ได้แก่ หลังเลือกตั้งประชาชนเริ่มกดดันดีเคบีเอ กับเรื่องผลประโยชน์

    สำหรับผม การยิงกันของ 2 กลุ่มนี้เป็นสัญญาณว่ากลุ่มชาติพันธุ์ถูกกระทำโดยทหารพม่ามานาน ขนาดดีเคบีเอยอมหยุดยิง และร่วมมือกับพม่า แต่พม่าก็ยังไม่ซื่อสัตย์กับดีเคบีเอ ที่ผ่านมากลุ่มหยุดยิงบางกลุ่มเคยขอให้พม่าแก้ไขเนื้อหาบางมาตราในรัฐธรรมนูญปี ค.ศ.2008 แต่พม่าก็ไม่ยอม

    ฉะนั้นสัญญาณนี้ก็คือ ถ้าพม่าต้องการให้กลุ่มชาติพันธุ์ทำตามเงื่อนไขของพม่าแต่เพียงฝ่ายเดียว ก็คงไม่มีใครยอม เพราะกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มล้วนมีอุดมการณ์และเป้าหมายของปกครองตนเอง

    ต้องไม่ลืมว่าที่พูดกันว่า "ทหารรัฐบาลพม่า" นั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่ เป็นแค่ทหารของชาวพม่าเอง เป็นทหารของชนเผ่าพม่า หมายถึงกองทัพหนึ่ง เหมือนกองทัพของไทยใหญ่ (เอสเอสเอ) หรือกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ไม่ใช่ทหารของรัฐบาล เพราะเราไม่ยอมรับว่าเขาเป็นกองทัพสหภาพ พม่าเอาชื่อสภาพไปหลอกลวงชาวโลก

    O ความหวังของไทยใหญ่ที่ไม่ร่วมเป็นกลุ่มหยุดยิงคืออะไร?

    เรายังยึดมั่นในประชาชนของเรา อยากอยู่อย่างอิสระในประเทศของตัวเอง หลังเลือกตั้งจะเห็นได้ว่าปัญหาในประเทศนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม การสู้รบยังคงเกิดขึ้น และจะมีมากขึ้นถ้าพม่าไม่เจรจา ซึ่งการเจรจานั้น กลุ่มชาติพันธุ์พร้อมอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับพม่าเท่านั้น

    O กองทัพกู้ชาติไทยใหญ่ หรือเอสเอสเอ มีความเข้มแข็งขนาดไหน พอจะสู้กับกองทัพพม่าได้หรือไม่?

    ความเข้มแข็งอยู่ที่ประชาชน เราอยู่ได้เพราะประชาชน นโยบายของสภาต่อสู้เพื่อรัฐฉานมี 6 ข้อ และเรายังเดินหน้าต่อไป คือ 1.ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ชาวไทยใหญ่ทุกเผ่าในรัฐฉานจะพูดคุยทำความเข้าใจกัน และสามัคคีกัน 2.ไทยใหญ่ขอปกครองตนเอง เอกราชและสหภาพต้องกลับมาอยู่ที่ประชาชนอีกครั้ง

    3.เราต้องการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไป เพราะประเทศไทยใหญ่เป็นประชาธิปไตยมาตลอด เพียงแต่ไม่มีโอกาสพัฒนาเนื่องจากถูกพม่ารุกราน 4.หลังได้เอกราชจากอังกฤษ ประชาชนของเรายังลำบาก เพราะพม่ากดขี่ข่มเหงมา 63 ปี ถ้าได้ปกครองตนเอง เรามีนโยบายพัฒนาถนน ไฟฟ้า การศึกษา และการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนของเราอยู่ดีมีสุข

    5.การค้ายาเสพติดไม่ใช่สมบัติของประชาชนไทยใหญ่ เราไม่เคยพึ่งพายาเสพติด แต่พม่าเอาเรื่องนี้ไปหลอกชาวโลก ขณะที่กลุ่มชาติพันธุ์ไม่มีโอกาสได้พูดให้ชาวโลกเข้าใจ เพราะฉะนั้นเราต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อให้ชาวโลกได้รู้ และร่วมมือกันทุกกลุ่มเพื่อปราบปรามยาเสพติด และ 6.พยายามทำให้ทุกชาติพันธุ์สามัคคีกัน เพื่อความสงบร่มเย็น
    [​IMG]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O แนวโน้มของการสู้รบระลอกใหม่ มีโอกาสขนาดไหน?[/FONT]​

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]รัฐฉานสู้รบมาตลอด อย่างน้อยๆ ก็ 10 ปีมานี้ เราไม่ใช่กลุ่มหยุดยิง เรารบมากกว่าดีเคบีเอที่เพิ่งเปิดฉากปะทะกับพม่าหลังเลือกตั้งเสียอีก เพราะเรารบทุกวัน เนื่องจากพม่ากดขี่ประชาชนของเรา ฉะนั้นสถานการณ์จะแรงขึ้นหรือเบาลงขึ้นอยู่กับพม่าเท่านั้น ถ้าพม่าจะเปิดเจรจา เราก็พร้อม ถ้าพม่าเอาทหารมากดดัน เราก็พร้อมเช่นกัน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณการเจรจา มีแต่สัญญาณจะรู้รบกันมากกว่า[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O แต่พม่าก็จัดการเลือกตั้งแล้ว แนวโน้มไม่ดีขึ้นเลยหรือ?[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เขาก้าวไปเป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าล่ะ ต้องดูที่รัฐธรรมนูญ ถ้าได้ดูก็จะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2008 ไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นสังคมนิยม เปิดให้ทหารมีอำนาจมากๆ ต่อไป ส่วนการเลือกตั้งเป็นเพียงข้ออ้างตบตาชาวโลก[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O การปล่อยตัวอองซาน ซูจี มีผลอย่างไรกับสถานการณ์ในพม่า? [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ไม่มีผล เพราะเป็นแค่เกมที่พม่าเล่น ผมเชื่อว่าซูจีทำอะไรไม่ได้มากแม้จะได้อิสรภาพ เพราะพม่าจับตาตลอด ถ้าไปทำอะไรให้อำนาจของทหารพม่าหวั่นไหว ระวังจะถูกลอบฆ่าเหมือน นายพลอองซาน (บิดาของซูจี) ซึ่งเคยมีประวัติศาสตร์มาแล้ว[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จุดยืนของกลุ่มชาติพันธุ์คือต่อสู้เพื่อเอกราช จะมีหรือไม่มีซูจีเราก็ต้องต่อสู้ ชาวพม่าเองมีความหวังกับซูจีเยอะ เพราะอยากให้ซูจีเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงพม่าไปสู่ประชาธิปไตย แต่ปัญหาคือนางจะทำได้หรือไม่[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O คิดอย่างไรกับท่าทีของซูจีที่ดูอ่อนลงไปหลังจากได้รับการปล่อยตัว?[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ไม่ว่าจะซูจีหรือใครที่ออกมาก็ต้องพูดเหมือนกันทั้งนั้น...ปรองดอง เจรจา...แต่ต้องดูการปฏิบัติจริงว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งมีข้อสังเกตอยู่ 2 ประการ คือ 1.ตานฉ่วย (ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลทหารพม่า) ได้เจอกับซูจีก่อนหน้านี้ ทั้งคู่คุยอะไรกัน 2.เมื่อพม่าตั้งรัฐบาลแล้วซูจีจะเข้าร่วมหรือเปล่า ถ้าเข้าร่วมกับทหารพม่า นางจะตอบชาวโลกอย่างไร เพราะซูจีคัดค้านรัฐบาลทหารพม่าและเผด็จการมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ซูจีก็เป็นพม่า เป็นชนชาติเดียวกันกับเขา (ผู้นำทหารพม่า)[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่ซูจีจะไปร่วมในคณะรัฐบาลใหม่ของพม่า?[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เป็นไปได้หรือไม่อยู่ที่เขา ไม่ใช่เรา จุดยืนของกลุ่มชาติพันธุ์ไม่เปลี่ยนแปลง คืออิสระในการปกครองตนเอง แต่ผมเชื่อว่าถ้าซูจียังอยู่ คนพม่าก็ยังมีความหวังเยอะ และถ้าซูจีมีอำนาจขึ้นมา เราก็คิดว่าคุยกับซูจีง่ายกว่าทหารพม่าเยอะ ฉะนั้นถ้าพม่ายอมทำตามเงื่อนไขของซูจี นางก็คงเข้าร่วม[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O กลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะไทยใหญ่ ได้คุยกับซูจีบ้างหรือยัง? [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]จะคุยได้อย่างไร พม่าจับตาตลอดเวลา ถ้าคุยก็คงส่งคนมาจับทันที[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O สรุปว่าตอนนี้กองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ยอมหยุดยิง และเป็นพันธมิตรกับไทยใหญ่มีทั้งหมดกี่กลุ่ม?[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เรามีด้วยกัน 5 กลถุ่ม คือ คะยา (คาเรนนี) กะเหรี่ยง ชิน ยะไข่ (อะระกัน) และไทยใหญ่ เราร่วมกันมานาน 5-6 ปีแล้ว แบ่งปันข่าวสารกัน ฝึกรบรวมกัน ขณะนี้เรากำลังดูท่าทีของพม่า ถ้าจะเปิดเจรจา เราก็จะเข้าร่วมทั้ง 5 กลุ่ม เพราะหลังเลือกตั้งเราก็คุยกันตลอด โทรศัพท์คุยกัน แต่ทุกกลุ่มยังไม่ได้รับการประสานติดต่อจากพม่า[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]O อาเซียนจะมีบทบาทในการสร้างสันติภาพในพม่าได้หรือไม่ [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ผมคิดว่าอาเซียนคงไม่มีบทบาทอะไร เพราะเป็นแค่การตั้งกลุ่มคุยกันเรื่องการค้าเฉยๆ[/FONT]
    [​IMG]
    O มีข่าวพม่าเตรียมปล่อยตัว พลโทขิ่น ยุ้นต์ ซึ่งเคยมีบทบาทในการเจรจากับกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มให้ยอมวางอาวุธ เพื่อเดินหน้าสร้างสันติภาพ เป็นความจริงหรือไม่?

    ผมคิดว่าคงไม่ปล่อย และที่ผ่านมาการหยุดยิงของหลายๆ กลุ่มก็ไม่ได้มาจากขิ่นยุ้นต์

    O หากพม่าเปิดการเจรจาขึ้นมาจริงๆ จะคุยอะไรกันบ้าง?

    เราก็ต้องคุยที่ต้นตอของปัญหาว่าอยู่ตรงไหน ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดมาจากการที่พม่าไม่ปฏิบัติตามสัญญาปางโหลง (สัญญาปางโหลง หรือปางหลวง เมื่อปี ค.ศ.1947 คือการตกลงกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และพม่าว่าจะร่วมมือกันต่อต้านอังกฤษ และเมื่อได้รับเอกราชครบ 10 ปี แต่ละกลุ่มสามารถแยกตัวเป็นเอกราชได้)

    ฉะนั้นไม่ใช่มาคุยกันปลายเหตุ ต้องย้อนกลับไปที่ต้นเหตุ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากพม่าหักหลังไม่ทำตามสัญญาปางโหลง จึงต้องเอาเนื้อหาในสัญญาเป็นตัวตั้ง ถ้าไม่มีปางโหลง ก็ไม่มีสหภาพในวันนี้ ตั้งแต่ดินแดนนี้ได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ.1948 ทหารพม่าขึ้นมาปกครองตลอด ชนชาติอื่นๆ ไม่มีโอกาสพัฒนาและปกครองตัวเองเลย

    O การยืนยันเรื่องเอกราชและการปกครองตนเองเท่านั้น ถือเป็นเงื่อนไขที่แข็งกร้าว ในขณะที่พม่ายอมอ่อนด้วยการจัดให้มีการเลือกตั้ง จะทำให้ประชาคมโลกหันมากดดันกลุ่มชาติพันธุ์แทนหรือไม่?

    ประชาคมโลกต้องมีเหตุผล ความวุ่นวายที่เมืองเมียวดี (การปะทะกันระหว่างดีเคบีเอกับทหารพม่าช่วงหลังเลือกตั้ง) เกิดจากอะไร ถ้าไม่มีเหตุ ก็ไม่มีผล เหตุคือการเลือกตั้งไม่เป็นประชาธิปแไตย เป็นการเลือกตั้งที่ล้มเหลว เพราะจริงๆ แล้วไม่เคยมีประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นประชาธิปไตย มีตัวแทนของทหารเข้าไปนั่งในทุกสภา

    จริงๆ ท่าทีของประชาคมโลกมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่เห็นแก่ประชาชนในดินแดนนี้จริงๆ กับอีกกลุ่มหนึ่งคือเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง อยากได้ทรัพยากรในพม่า โดยไม่สนใจว่าประชาชนในประเทศจะเป็นอย่างไร พม่ามองเห็นความต้องการตรงจุดนี้ (ทรัพยากร) จึงจัดให้มีการเลือกตั้ง เพราะชาติตะวันตกชอบให้มีการเลือกตั้ง พอเลือกตั้งแล้วอย่างอื่นไม่สน เมื่อมีรัฐบาล ก็จะได้เป็นข้ออ้างเข้ามาลงทุนได้ง่าย นักการเมืองในโลกปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ

    O มองบทบาทของไทยที่มีต่อปัญหาพม่าอย่างไร?

    ผมพูดแทนไทยไม่ได้ ไทยรู้ดีอยู่แล้ว นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคนเก่ง จะแสดงท่าทีอย่างไรเขาคงรู้ แต่อาจจะไม่ได้ประกาศออกมาเป็นคำพูด การจะทำอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ปัญหาของเราตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 เป็นเพราะคนที่ปกครองไม่มีความสามารถ พม่าปกครองมาตลอดทั้งๆ ที่สหภาพเกิดจากไทยใหญ่ ฉะนั้นน่าจะให้ไทยใหญ่ได้ปกครองบ้าง มาบอกว่าเราเป็นชนกลุ่มน้อย จริงๆ แล้วไม่ใช่ ขอให้ลองดู ผมคิดว่าต่ำสุด 15 ปี ไม่เกิน 20 ปี ผมจะทำให้ประเทศนี้เจริญทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ในขณะที่พม่าปกครองมา 63 ปีไม่มีความเจริญ

     
  11. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ไทยใหญ่ : คนไทยที่ไม่ใช่ไทย<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>


    สุรพงษ์ กองจันทึก<O:p></O:p>​

    ชาวไทยใหญ่ หรือ ฉาน หรือ ฌาน เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในเขตพม่า ตอนใต้จีน และภาคเหนือของประเทศไทย<O:p></O:p>
    บางท่านว่าคำว่า ฉาน คือที่มาของคำว่า สยาม<O:p></O:p>
    ในพม่ามีรัฐใหญ่ของชาวไทยใหญ่ ชื่อ ฉานเสตท <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:pLACE w:st="on"><ST1:pLACENAME w:st="on">SHAN</ST1:pLACENAME> <ST1:pLACETYPE w:st="on">STATE</ST1:pLACETYPE></ST1:pLACE><O:p></O:p>
    ในปีพ.ศ. 2491รัฐบาลพม่าได้ผนวกดินแดนรัฐฉานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพพม่าตามข้อตกลงของสนธิสัญญาปางโหลง ซึ่งลงนามโดย อู อองซาน ร่วมกับผู้แทนชนกลุ่มน้อยรัฐฉานเพื่อการหลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษโดยมีเงื่อนไขที่ว่า รัฐบาลพม่าจะยอมให้ชนกลุ่มน้อยปกครองตนเองและเป็นเอกราช เพื่อพ้นระยะเวลาสิบปี <O:p></O:p>
    ต่อมาเมื่อถึง พ.ศ. 2500 ซึ่งครบกำหนดสิบปีของสัญญารัฐบาลพม่ากลับเพิกเฉย ชนกลุ่มน้อยจึงถือว่ารัฐบาลพม่าผิดคำมั่นสัญญา จึงเป็นมูลเหตุให้ชนกลุ่มน้อยต่างๆ ดำเนินการต่อต้านรัฐบาลพม่าอย่างเปิดเผย โดยมีพื้นที่แต่ละชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นฐานที่มั่นทางการพม่าทำการปราบปรามเกิดเป็นการสู้รบและสงครามที่ยืดเยื้อ <O:p></O:p>
    ปัญหาเกี่ยวกับการต่อต้านรัฐบาลพม่าของชนกลุ่มน้อยจึงเรื้อรังสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้และก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงตลอดแนวชายแดนไทย-พม่าโดยอาณาเขตของรัฐฉานนั้นติดกับแนวชายแดนไทยตั้งแต่บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาจนถึงจังหวัดเชียงใหม่ในอำเภอเวียงแหง อำเภอฝางและอำเภอเชียงดาวและสิ้นสุดที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย<O:p></O:p>
    ด้วยความไม่สงบในพม่า การปกครองที่ไม่เรียบร้อย และการสู้รบ ทำให้ชาวไทยใหญ่จำนวนไม่น้อยอพยพเข้ามาสู่ประเทศไทย <O:p></O:p>
    ชาวไทยใหญ่เหล่านี้เป็นผู้ลี้ภัย ที่หวังพึ่งพระบรมโพธิสมภาร<O:p></O:p>
    กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ(UNHCR)ได้ร่วมกันจัดทำทะเบียนและการช่วยเหลือด้านอื่นๆตามความจำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงการทำงาน(Working Arrangement) 7 ประการ ระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับUNHCR โดยลงนาม เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2541..........

    <O:p>ไทยใหญ่ : คนไทยที่ไม่ใช่ไทย | คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้��</O:p>
     
  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ความจริงเรื่องเขตแดน "เขมร-ไทย"
    Posted by ปกรณ์

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เตือนปัญหาหลักเขตที่ 73 ระวังเสีย "เกาะกูด"[/FONT]
    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]กรณี 7 คนไทยถูกทหารเขมรจับกุมบริเวณพรมแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และถูกส่งตัวขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยทุจริตนั้น แม้ด้านหนึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์การเมืองระหว่างไทยกับกัมพูชา และบรรยากาศการเมืองภายในประเทศไทยร้อนระอุขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงก็ตาม [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ทว่าอีกด้านหนึ่งกรณีนี้ก็ก่อคุณูปการไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะการทำให้คนไทยได้ตื่นตัวกับปัญหา "เส้นเขตแดน" รอบประเทศ ซึ่งเป็นเสมือนขยะที่ซุกไว้ใต้พรมมาเนิ่นนาน [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เสียงตำหนิวิจารณ์ถึงความหย่อนยานของหน่วยงานที่รับผิดชอบดังกระหึ่ม ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนเอง หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติงานอยู่ตามจุดที่เป็นปัญหาต่างๆ และไม่ใช่แค่ชายแดนด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เท่านั้น แต่เรียกว่ามีปัญหาแทบทุกด้าน ตั้งแต่ฐานกู่เต็งนาโย่ง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยันบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กันเลยทีเดียว [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]แน่นอนว่าทุกปัญหาย่อมมีที่มาและเหตุปัจจัย "กรุงเทพธุรกิจ" จับเข่าคุยกับ พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และประธานคลังสมองวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (คลังสมอง วปอ.) เพื่อขุดค้นต้นตอของปัญหา และสำรวจทางออกเล็กๆ ที่ยังพอมี[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]พล.อ.จรัล ไล่เรียงปัญหาตามลำดับความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้ [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]1.ประเทศไทยกับกัมพูชามีพรมแดนติดต่อกันระยะทาง 798 กิโลเมตร และปักปันหลักเขตร่วมกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2452 มีหลักเขตแดนทั้งหมด 73 หลัก หลักแรกอยู่ที่ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ หลักที่ 73 อยู่ที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]2.หลักเขตแดนทั้งหมดดำเนินการโดยประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาอยู่ในสมัยนั้น ทำให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะภูมิปัญญาไทยเมื่อร้อยปีที่แล้วยังไม่มีองค์ความรู้เรื่องการทำแผนที่และปักหลักเขต ซึ่งที่กล่าวเช่นนี้ไม่ได้โทษหรือกล่าวหาบรรพบุรุษ แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้น และไม่ว่าใคร ถ้าอยู่ในสมัยนั้นก็คงทำได้ดีที่สุดเท่านี้ [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"ยกตัวอย่างหลักเขตที่ 72 กับ 73 ในท้องที่ จ.ตราด ซึ่งลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหลายยอด ฝรั่งเศสชี้แนวเขตตรงยอดเขาที่ไม่ใช่ยอดสูงที่สุด และอยู่ลึกเข้ามาทางฝั่งไทย เราก็เอาตามนั้น จะว่าเราโง่ก็ไม่ใช่ แต่เพราะเราไม่รู้ ต่อมาเมื่อเรามีองค์ความรู้ และไปสำรวจในภายหลังก็ได้แต่งงว่าทำไมเขตแดนเป็นสันปันน้ำของภูเขาลูกที่เตี้ยกว่า และอยู่ลึกเข้ามาทางฝั่งไทย" [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]3.ในยุคล่าอาณานิคม เจ้าอาณานิคมของประเทศรอบบ้านไทยต่างพากันกดดันไทยเพื่อฮุบดินแดนและทรัพยากร ทำให้มีความพยายามเอาเปรียบเรื่องเขตแดน สังเกตว่าแนวชายแดนไทย-เขมร ฝรั่งเศสให้ยึดสันปันน้ำและร่องน้ำลึก แต่ทางฝั่งไทย-ลาวกลับให้ยึดขอบตลิ่งของแม่น้ำโขง คือขอบตลิ่งฝั่งไทยเป็นเส้นเขตแดน ไม่ได้ยึดร่องน้ำลึก [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]4.หลักเขตที่ปักกันสมัยก่อน แต่ละหลักห่างกันหลายกิโลเมตร และเป็นเสาไม้ ความไม่แน่นอนจึงเกิดขึ้น[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]5.ในยุคที่มีภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ และมีการสู้รบกันในกัมพูชา เขมรแดงแตกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายเฮงสัมรินกับฮุนเซน ฝ่ายพลพต และฝ่ายเขียว สัมพันธ์ เขมรเฮงสัมรินมีกองทหารเวียดนามสนับสนุน ได้รุกตีเข้ามา ทำให้เขมรแดงอีก 2 กลุ่มร่นถอยมาตามแนวชายแดนไทย และมีการย้ายหลักเขตเข้าไปทางฝั่งกัมพูชา เพื่อให้ประชาชนที่สนับสนุนฝ่ายตนเองเข้าไปอาศัยอยู่ จะได้ปลอดภัย เพราะเท่ากับเข้าไปอยู่ในเขตไทย แต่จริงๆ เป็นเขตเขมร [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ต่อมาไทยไปร้องเรียนองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาว่าถูกรุกเข้ามาประชิดชายแดน ยูเอ็นจึงส่งกำลังเข้ามาดูแลผู้อพยพ ตอนนั้นเส้นเขตแดนไม่รู้อยู่ตรงไหนแน่นอน และเขมรแดงกลุ่มอื่นๆ ก็อยากได้รับความช่วยเหลือด้วย จึงยอมให้มีการตั้งแคมป์ช่วยเหลือผู้อพยพตามแนวพรมแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]6.หลังจากแก้ปัญหาเขมรอพยพได้ นักธุรกิจและนายทุนเล็งเห็นผลประโยชน์ว่าแนวชายแดนไทย-กัมพูชามีป่าไม้เยอะ จึงลักลอบย้ายหลักเขตบางหลักให้ลึกเข้ามาในเขตไทย เพื่อให้ป่าไม้ตรงนั้นกลายเป็นป่าของเขมร จะได้ตัดไม้สะดวก เมื่อป่าหมดก็ไม่ได้ย้ายหลักเขตกลับ [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"จากประวัติศาสตร์หลายๆ ช่วงจะเห็นได้ว่าหลักเขตถูกเคลื่อนย้ายไปมา ไม่มีความแน่นอน กองกำลังของแต่ละฝ่ายที่ดูแลชายแดนจึงต้องตกลงกันว่าจะใช้จุดไหนเป็นเส้นแบ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเส้นแบ่งที่ว่านี้ระดับกองกำลังที่ดูแลพื้นที่ต่างยอมรับซึ่งกันและกัน อย่างเช่นบริเวณชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ ตชด.ไทยกับทหารเขมรก็ยอมรับข้อตกลงซึ่งกันและกัน แต่พอเกิดปัญหา 7 คนไทยขึ้นมา มันกลายเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งพูดกันด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศ จึงคุยกันไม่รู้เรื่อง" พล.อ.จรัล สรุป [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เมื่อถามถึงกรณี 7 คนไทย อดีตเลขาธิการ สมช. กล่าวว่า นาย............ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ เคยเข้าไปตรงจุดที่เกิดปัญหาแล้วถึง 2 ครั้ง และถูกจับทั้ง 2 ครั้ง แต่ ตชด.ไทยไปช่วยออกมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2553 ก็เข้าไปอีกเป็นครั้งที่ 3 แล้วก็ถูกจับ[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"ผมไม่ทราบว่าเข้าไป 2 ครั้งถูกจับทั้ง 2 ครั้ง แล้วทำไมถึงไม่เข็ด ยังเข้าไปครั้งที่ 3 อีก แล้วก็ไม่ยอมบอก ตชด.ก่อน ถ้าบอก ตชด.และมี ตชด.ไปด้วย ทหารเขมรก็จะเกรงใจ ฉะนั้นวัตถุประสงค์ของการเข้าไปผมไม่รู้ แต่รู้สึกประหลาดมากว่ามีเจตนาอะไรกันแน่ พอเกิดเรื่องแล้วก็มาร้องแรกแหกกระเฌอให้ระดับรัฐบาลยืนยันให้ได้ว่าเป็นเขตไทย ซึ่งจริงๆ แล้วใครก็พูดไม่ได้ ผมก็ชี้ไม่ได้ว่าเส้นเขตแดนอยู่ตรงไหน ต้องให้ฝ่ายเทคนิคอย่างกรมแผนที่ทหารเป็นผู้ชี้" [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"สิ่งที่เป็นความผิดพลาดของไทยก็คือ ผู้รู้เยอะ แต่รู้จริงๆ แค่นิดเดียว ทว่าพูดเยอะมาก คุณ...... (นาย...................... รมว.ต่างประเทศ) บอกวันแรกๆ ว่า 7 คนไทยล้ำแดนเข้าไป 500 เมตร ต่อมา รมว.กลาโหม (พล.อ............) ก็พูดว่าจุดที่จับ 7 คนไทยเป็นดินแดนเขมร ผมถามว่ารู้ได้อย่างไร เส้นเขตแดนอยู่ตรงไหนคุณรู้หรือ ถ้าฉลาดต้องตอบว่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคต้องพิสูจน์ แต่พอพูดอย่างนี้เขาเรียกว่ารู้น้อยแต่มากรู้ ผมยังชื่นชมนายกฯอภิสิทธิ์ที่บอกให้ทุกฝ่ายหยุด แล้วให้กระทรวงการต่างประเทศพูดเพียงหน่วยเดียว" [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]กระนั้นก็ตาม ในฐานะที่ทำงานด้านความมั่นคงมาตลอดชีวิตราชการ พล.อ.จรัล ยืนยันว่า คำพูดของ รมว.ต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีคนอื่นๆ ในรัฐบาล แม้จะมีน้ำหนัก แต่ไม่ใช่การพิสูจน์ทราบเส้นเขตแดน ฉะนั้นจะมีผลเฉพาะเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเท่านั้น ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนเส้นเขตแดน[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]เมื่อถามถึงทางออกของเรื่องนี้ พล.อ.จรัล บอกว่า มีเพียงอย่างเดียวคือระดับรัฐบาลต้องเปิดการพูดคุยเจรจากันให้ได้ จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคไปดำเนินการต่อ ซึ่งก็คือคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนร่วม หรือ เจบีซี ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระดับต่างๆ ขึ้นมาจนถึงระดับท้องถิ่นที่มีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาร่วมอยู่ด้วย ฉะนั้นรัฐบาลคงต้องค่อยๆ หาทางเพื่อให้เกิดกระบวนการเหล่านั้น และเดินหน้าต่อไป[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]คำถามที่ถามกันมากก็คือ เหตุใด สมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา จึงมีท่าทีแข็งกร้าวกับไทยมากขนาดนี้ พล.อ.จรัล วิเคราะห์ว่า เป็นเรื่องการเมืองภายในของกัมพูชาเอง เนื่องจากสมเด็จฮุนเซนถูกกล่าวหาเรื่องการให้สัมปทานระยะยาวในที่ดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนหลายร้อยตารางกิโลเมตรกับประเทศเวียดนาม เนื่องจากมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่สมัยเขมรยังแบ่งเป็นฝักฝ่าย ซึ่งกรณีนี้ทำให้สมเด็จฮุนเซนถูกโจมตีจากฝ่ายตรงกันข้ามทางการเมืองมาตลอด จึงต้องแก้เกมด้วยการหันมาเล่นงานไทย[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าวิเคราะห์ก็คือ สมัย ................................เป็นนายกรัฐมนตรี มีการไปตกลงอะไรลึกๆ กับฮุนเซนไว้หรือไม่ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นอีกขั้วหนึ่ง ผู้นำกัมพูชาถึงไม่พอใจ โดยเฉพาะพื้นที่ไหล่ทวีปที่ประกาศทับซ้อนกันอยู่" [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]อดีตเลขาธิการ สมช. ยังให้ข้อมูลว่า ปัญหาเส้นเขตแดนยังมีเรื่องน่ากังวลมีอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะหลักเขตที่ 73 บริเวณที่เรียกว่าแหลมสารพัดพิษ ที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด (ตรงข้ามจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา) มีนายทุนเข้าไปไถภูเขาบริเวณนั้นเพื่อทำที่จอดรถสำหรับคนที่จะข้ามไปเล่นการพนันในฝั่งเขมร ทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลง แนวสันเขาที่เป็นสันปันน้ำก็เปลี่ยนไปด้วย ตรงนี้จะโยงไปถึงเกาะกูด ซึ่งไทยอาจเสียเปรียบได้ในอนาคต เนื่องจากเกาะกูดอ้างอิงจากเส้นเขตแดนจากหลักเขตนี้ รวมถึงไหล่ทวีปที่ทับซ้อนกันด้วย [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"ความย่อหย่อนของเราคือ.......เพิกเฉย ..........ก็ไม่ทำอะไรเลย" พล.อ.จรัล กล่าว [/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ในฐานะอดีตเลขาธิการ สมช. เขาแนะว่า การจะแก้ปัญหาเรื่องเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยต้องมองบริบทการเมืองโลกด้วย ซึ่งมีความเคลื่อนไหวหลายอย่างที่ไทยต้องสังเกตและถ่วงดุลให้ดี[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]"ในโลกนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์ พูดตรงๆ กัมพูชานั้นใครๆ ก็อยากเข้าไปลงทุน เพราะมีทรัพยากรมาก อเมริกาก็ด้วย จีนก็เช่นกัน ขณะที่สหรัฐกับจีนกำลังขัดแย้งกันอยู่ ไทยจึงต้องสร้างดุลยภาพของตัวเองให้ดี แต่ที่น่าเป็นห่วงคือพลังอำนาจของไทยถูกลิดรอนจากปัญหาขัดแย้งภายใน ถ้ารวมพลังกันสามัคคีก็จะสู้ได้ เหมือนยุคจอมพล ป.ที่เคยเอาชนะฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีนมาแล้ว" พล.อ.จรัล กล่าว[/FONT]

    [FONT=arial,helvetica,sans-serif]ถึงที่สุดก็หลีกไม่พ้นปัญหาที่เป็นดั่งสนิมเกิดแต่เนื้อในตน![/FONT]


    แหล่งที่มา: ��.�.���� �����dzԪ�� ������ԧ����ͧࢵᴹ "����-���"
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เป็นคำถามที่ยังขาดข้อมูลอยู่เช่นเดียวกันครับ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วขอให้ติดต่อกับท่านพระมหาฤทธิชัย โดยตรงเลยนะครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
    เบอร์โทร.จะแจ้งให้ทราบทาง PM. ครับ
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เป็นปัจฉิมโอวาท "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักขอเตือนพวกท่านให้รู้ว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลก มีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็นประโยชน์แก่ตน และคนอื่น ให้สำเร็จบริบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

    ขอร่วมแสดงความอาลัยกับคุณทางสายธาตุ ด้วยนะครับ
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขอบคุณค่ะ เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลศิริราชและเพิ่งจะเข้าอินเตอร์เนตวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบสักสามอาทิตย์ได้

    แปลกนะคะ คุณแม่ดิฉันมีอาการดีขึ้นมาก ไม่มีไข้สูง ไม่มีแผล ไม่ติดเชื้อในกระแสโลหิตแล้ว หายดีจากอาการทุกอย่างจนเตรียมตัวจะกลับบ้านในวันสองวันนี้แล้ว คุณแม่ท่านก็หลับไปเฉยๆพร้อมหน้ายิ้มๆ เมื่อตอนบ่ายโมงกว่าๆของวันนี้เอง พรุ่งนี้จะไปรับศพเพื่อไปทำพิธี จากนั้นก็จะไปฝังข้างๆคุณพ่อที่สุสาน แม่กับพ่อไปดีแล้วทั้งคู่ค่ะ กราบส่งคุณแม่ไปสวรรค์ค่ะ ท่านไปยิ้มๆลูกๆก็ค่อยหายกังวล ท่านไม่เจ็บปวดทรมานก่อนเดินทาง

    พรุ่งนี้จะนำศพคุณแม่ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วันอาทิตย์ก็จะชุ๊กซัว (ไปฝังที่สุสาน) คงไม่ได้เข้าเวปไซด์อีกนานค่ะ

    ขอบคุณน้ำใจปรารถนาดีของพี่จงรักภักดี น้องโมเย คุณFlorence ด้วยค่ะ ช่วงนี้ยุ่งจริงๆ คงไม่ค่อยเข้าอินเตอร์เนตอีกนานเลยค่ะ หลังจากงานศพแล้วก็คงจะมุ่งเรื่องงานการค้าให้อยู่ตัว แล้วพบกันอีกครั้งเมื่อพร้อมค่ะ

    ป.ล. อ่านเจอกระทู้บอกว่าเวปล่ม 2 อาทิตย์

    สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเวปล่มด้วยหรือคะ อย่างนี้แสดงว่าพวกเราหายไปจากเวปพร้อมๆกันหมด
    แล้วก็เพิ่งจะเข้าเวปได้ในวันสองวันนี้เองหรือคะ โอ้โฮ เวปล่มนานจริงๆ


    <SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110527/r20110506/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110527/r20110506/show_ads_impl.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2011
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,897
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทางสายธาตุขอกราบน้อมส่งแม่สู่แดนสุขาวดีค่ะ ขอแม่เป็นสุขร่มเย็นตลอดกาลจ๊ะ


    極樂歌
    บทเพลงแห่งสุขาวดี

    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=31295[/MUSIC]​

    讓我為 眾生唱一首極樂歌
    หร่างหว่อเว่ย จงเซงชางอีโซ่วจีเล่อเกอ
    (ข้าพเจ้าจะขับร้องบทเพลงหนึ่งแห่งสุขาวดี เพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย)


    讓我為 眾生唱這首極樂歌
    หร่างหว่อเว่ย จงเซงชางเจ้อโซ่วจีเล่อเกอ​
    (ข้าพเจ้าจะขับร้องบทเพลงแห่งสุขาวดีนี้ เพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย)

    阿彌陀佛 阿彌陀佛 您永遠在我心間

    อามีทอฝอ อามีทอฝอ หนินหยงเยียนไจ้หว่อซินเจียน​
    (อมิตาภะพุทธะ อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงสถิตอยู่กลางใจข้าพเจ้านิจนิรันดร์)


    阿彌陀佛 阿彌陀佛 讓我歡喜每一天
    อามีทอฝอ อามีทอฝอ หร่างหว่อฮวานซีเม่ยอีเทียน​
    (อมิตาภะพุทธะ อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงยังให้ข้าพเจ้าเป็นสุขทุกคืนวัน)

    讓我們一起來唱一首極樂歌
    หร่างหว่อเมินอีฉีไลชางอีโซ่วจีเล่อเกอ
    (หมู่ข้าพเจ้าขอขับร้องบทเพลงหนึ่งแห่งสุขาวดีร่วมกัน)


    讓我們一起來唱這首極樂歌
    หร่างหว่อเมินอีฉีไลชางเจ้อโซ่วจีเล่อเกอ​
    (หมู่ข้าพเจ้าขอขับร้องบทเพลงแห่งสุขาวดีนี้ร่วมกัน)


    阿彌陀佛 阿彌陀佛 您永遠在我心間
    อามีทอฝอ อามีทอฝอ หนินหย่งเยียนไจ้หว่อซินเจียน​
    (อมิตาภะพุทธะ อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงสถิตอยู่กลางใจข้าพเจ้านิจนิรันดร์)


    阿彌陀佛 阿彌陀佛 伴我度過每一天
    อามีทอฝอ อามีทอฝอ ปันหวอตูกว้อเม่ยอีเทียน​
    (อมิตาภะพุทธะ อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงเคียงคู่ดูแลข้าพเจ้าให้ปลอดภัยทุกคืนวัน)


    讓眾生 一起無悠無憂唱這首極樂歌​
    หร่างจงเซิง อีฉีอู่โยวอู่อิวชางเจ้อโซ่วจีเล่อเกอ
    (เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ร่วมกันขับขานบทเพลงแห่งสุขาวดีนี้ด้วยความไร้ทุกข์ไร้โศก)


    讓眾生 一起同唱這世間最快樂的歌​
    หร่างจงเซิง อีฉีทงชางเจ้อซือเจียนจุ้ยไคว่เล่อเตอเกอ
    (เพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ร่วมกันขับร้องบทเพลงที่มีความสุขที่สุดของโลกแห่งนี้)


    阿彌陀佛 您永遠在我的心間 讓我總是歡喜每一天​
    อามีทอฝอ หนินหยงเยียนไจ้หว่อเตอซินเจียน หร่างหว่อจงซือฮว่านซีเม่ยอีเทียน
    (อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงสถิตอยู่กลางใจข้าพเจ้านิจนิรันดร์ ทรงยังให้ข้าพเจ้าเป็นสุขทุกคืนวัน)


    阿彌陀佛 您永遠在我心間 伴我唱著這首歌​
    อามีทอฝอ หนินหยงเยียนไจ้หว่อซินเจียน ปั่นหว่อชางเจอะเจ้อโซ่วเกอ
    (*ย้อน)
    (อมิตาภะพุทธะ พระองค์ทรงสถิตอยู่กลางใจข้าพเจ้านิจนิรันดร์ ทรงอยู่เคียงคู่ข้าพเจ้าในการขับร้องบทเพลงนี้)*


    阿彌陀佛 阿彌陀佛 我會歡喜每一天​
    อามีทอฝอ อามีทอฝอ หว่อฮุยฮว่านซีเม่ยอีเทียน...
    (อมิตาภะพุทธะ อมิตาภะพุทธะ ข้าพเจ้าจะเป็นสุขได้ทุกคืนวัน)<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
    โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
    นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
    สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    "ข้าพเจ้าจะ 'ละทิ้ง' อย่างไรได้"

    ๙ มิถุนายน ของทุกปี เป็นก้าวแห่งศุภนิมิตไทยสู่รัชกาลที่ ๙ ตราบวันนั้น ถึงวันนี้ ก็ ๖๕ ปีพอดี ที่มวลพสกนิกรเย็นศิระด้วยพระบริบาลมาตลอด และพระ-พระองค์นั้น คือ พระผู้ซึ่ง "ครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
    วันนี้-วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ นับเป็นวันครบรอบการเสด็จขึ้นครองราชย์ของ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เมื่อ ๖๕ ปีที่ผ่านมา และปีนี้เป็นปี "เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔"
    ดังนั้น เป็นกาลมงคลอันควรยิ่งที่เราจะย้อนรำลึกถึงสิ่งดี-สิ่งประเสริฐ ทั้งกับชาติและตัวเรา พอดีผมฟังข่าววิทยุเมื่อเช้าวาน แว่วๆ ว่าจะมีการนำเพลงเทิดพระเกียรติ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" มาเปิดพร้อมกันตามสถานีวิทยุต่างๆ เป็นวันแรก ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน เป็นต้นไป

    เพลง "ธงนำชีวิต"

    คำร้อง : สีฟ้า
    ทำนอง : อภิไชย เย็นพูนสุข

    (เนื้อเพลง)

    มีที่ไหนในโลกโชคดีเท่าบ้านของเรา มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรานี้
    มีที่ไหนที่มี ศูนย์รวมความรักอย่างเรา ที่คอยบรรเทา ทุกครั้งที่เราเดือดร้อน
    ท่านเป็นเทวดา อยู่บนฟ้าท่านคงสบาย แต่ท่านเป็นเทวดาที่อยู่บนดิน
    ท่านคือธงนำชีวิต ท่านคือหลักชัยให้เราก้าวตาม สิ่งที่ท่านทำ ส่งผลเพื่อคนมากมาย
    ท่านคือพลัง คือแสงตะวันส่องฟ้าให้มีวันใหม่ สิ่งที่ท่านได้สร้างไว้ เพื่อให้เราสุขสบาย
    เมื่อพายุกระหน่ำ เหตุร้ายนั้นซ้ำเติมเรา ความทุกข์ร้อนบรรเทาถ้าท่านได้ยิน
    วันที่ฟ้าคำราม วันที่น้ำท่วมแผ่นดิน เราต้องได้ยิน ว่าท่านนั้นคอยช่วยเหลือ
    แค่เพียง แค่เพียงขอให้เราใส่ใจทุกๆ อย่างท่านทำ มากมายแค่ไหน
    สิ่งที่ท่านสอนสั่งไว้ ขอให้พวกเราทำตาม
    เราก็รู้ท่านเหนื่อยแค่ไหน เพื่อให้พวกเรา .. สุขสบาย


    เมื่อฟังแล้ว ผมก็อยากทบทวน "สิ่งหลัง" ที่ไม่มีวันลบหายจากใจคนไทย แต่อาจเลือนกันไปบ้างบางครั้ง-บางคราว ก็เพราะอย่างนี้แหละ ผมจึงต้องทบทวนไงล่ะ
    ๖๕ ปีที่ทรงครองราชย์ แต่แท้จริงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองพระราชภาระเพื่อทวยราษฎร์มากกว่า เพราะเป็น ๖๕ ปีที่พระองค์ทรงเหนื่อย ทรงตรากตรำ เสด็จพระราชดำเนินลุยน้ำ-ลุยป่า-ลุยเขา เพื่อให้พสกนิกรได้อยู่ดี-กินดี สมตามพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า....
    เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม
    ๖๕ ปีในการครองราชย์ ถึง ณ วันนี้ ด้วยทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๘๔ พรรษา ผมอยากจะบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความผูกพันกับประชาชนชาวไทย ซึ่งอาจกล่าวตามศัพท์สามัญได้ว่า "มีสัญญาทางใจ" ต่อกัน ระหว่าง "พระมหากษัตริย์" กับ "ราษฎร" นับแต่วันแรกจนถึงวันนี้
    และพระองค์ทรงยึดมั่น ปฏิบัติตามสัญญานั้น เคร่งครัด ครบถ้วน ไม่มีอันใดขาดตกบกพร่อง
    ท่านจำได้ใช่ไหมครับ เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ตามประกาศ ๙ มิ.ย.๘๙ แล้ว ได้เสด็จฯ กลับไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ และเสด็จนิวัตประเทศอีกครั้ง พร้อมมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นทางการเมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ในกาลนั้น ทรงประกาศพระปฐมบรมราชโองการว่า
    "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
    นี่...นับเป็น ๑ แห่งพระราชปณิธาน หรือพูดด้วยศัพท์สามัญว่า "คำมั่นสัญญา" จากพระองค์ที่ทรงมีต่อราษฎรของพระองค์
    ย้อนกลับไปหลังวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เล็กน้อย คือหลังจากทรงขึ้นสืบราชสันตติวงศ์แล้ว ห่างไปอีกประมาณ ๒ เดือน คือวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙ พระองค์เสด็จฯ โดยประทับรถยนต์พระที่นั่งไปทรงนมัสการลาพระแก้วมรกต เพื่อจะทรงกลับไปศึกษาต่อ ตลอดรายทางมีประชาชนจำนวนมากเฝ้าแหน เมื่อถึงวัดเบญจมบพิตรฯ มีประชาชนคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
    "อย่าละทิ้งประชาชน"!
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ "บันทึกประจำวัน" ถึงประชาชนที่มีความผูกพันกับพระองค์ครั้งนั้นไว้ว่า
    "อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ 'ทิ้ง' ข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะ 'ละทิ้ง' อย่างไรได้"
    ครับ...นี่เป็นอีก ๑ คำมั่นสัญญาอันมีต่อกัน ระหว่างพระมหากษัตริย์กับพสกนิกร ซึ่งเราจะสัมผัสรู้ด้วยใจกระจ่างว่า นี่คือความผูกพันด้านจิตวิญญาณประหนึ่ง "พ่อกับลูก" ซึ่งไม่มีอันใดจะมาทำให้คลอนคลายกลายเป็นอื่นได้
    จากที่ผูกพันใกล้ชิดทางจิตใจ แต่ที่ดูเหมือนห่างไกล นั่นก็เพียงภาวะแห่งหน้าที่ "พระมหากษัตริย์เจ้า" และสถานภาพแห่ง "ราษฎรสามัญชน" ตามกติกาสังคมเท่านั้น เป็นเส้นแบ่งบางๆ ทางกายภาพ
    ดังนั้น จึงเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลย หากผมจะพูดว่า ถ้าประชาชนมีทุกข์ แล้วในหลวงของเราจะทรงมีสุขเพียงลำพังได้อย่างไร?
    ๖๕ ปี ยามพระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรง ความแข็งแรงแห่งพระองค์นั้น ถูกแปลงเป็นแรงงานให้ประชาชนของพระองค์ผ่านโครงการ ผ่านงานดิน งานน้ำ งานป่า งานไร่ งานนา เรียกว่า "ในหลวงของราษฎร์" โดยแท้ ตราบเมื่อพระวรกายอ่อนล้า และทรงถูกโรคาพาธเบียดเบียน ไม่ทรงจนพระปัญญา แต่ทรงจนด้วยสภาพพระพลานามัย
    ๓-๔ ปีมานี้ พ่อของเราก็ไม่ได้ละทิ้งประชาชน หากแต่...
    พ่อของเราป่วยไข้ เพราะกายสังขารของพ่อนี้ ทรงกรำงานเพื่อให้ลูกคือพสกเป็นสุข โดยลูกๆ ก็คงรู้ว่า ใจพ่อทุกข์ ทุกข์-เพราะงานเพื่อสุขของลูกมีหลายอย่างที่ยังไม่เสร็จ
    พ่อ-คือพระองค์ ทรงเป็น "ธงนำชีวิต" แท้จริงตลอดมายาวนาน พระองค์ไม่เคยละทิ้งประชาชนเป็นที่ประจักษ์แล้ว และในส่วนของประชาชนนั้น ผมเชื่อ-ด้วยศรัทธาในความเป็นประชาชนคนไทย ใครเล่าจะ "ทิ้ง" พระผู้เป็นพ่อของตนเองได้
    ปีนี้ จะได้เห็น "พ่อของเรา" เสด็จพระราชดำเนิน โรคาพาธห่างหาย มวลพสกทั้งหลาย เตรียมกาย-เตรียมใจให้พร้อมไว้ เพื่อเปล่งวาจาถวายพระพรชัย "ทรงพระเจริญ" ให้พร้อมกัน.

    ขอขอบคุณ : "ข้าพเจ้าจะ 'ละทิ้ง' อย่างไรได้" | ไทยโพสต์
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    YouTube - ‪เพลง "ธงนำชีวิต"‬‏


    "ธงนำชีวิต"

    คำร้อง : สีฟ้า
    ทำนอง : อภิไชย เย็นพูนสุข

    (เนื้อเพลง)

    มีที่ไหนในโลกโชคดีเท่าบ้านของเรา มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรานี้
    มีที่ไหนที่มี ศูนย์รวมความรักอย่างเรา ที่คอยบรรเทา ทุกครั้งที่เราเดือดร้อน
    ท่านเป็นเทวดา อยู่บนฟ้าท่านคงสบาย แต่ท่านเป็นเทวดาที่อยู่บนดิน
    ท่านคือธงนำชีวิต ท่านคือหลักชัยให้เราก้าวตาม สิ่งที่ท่านทำ ส่งผลเพื่อคนมากมาย
    ท่านคือพลัง คือแสงตะวันส่องฟ้าให้มีวันใหม่ สิ่งที่ท่านได้สร้างไว้ เพื่อให้เราสุขสบาย
    เมื่อพายุกระหน่ำ เหตุร้ายนั้นซ้ำเติมเรา ความทุกข์ร้อนบรรเทาถ้าท่านได้ยิน
    วันที่ฟ้าคำราม วันที่น้ำท่วมแผ่นดิน เราต้องได้ยิน ว่าท่านนั้นคอยช่วยเหลือ
    แค่เพียง แค่เพียงขอให้เราใส่ใจทุกๆ อย่างท่านทำ มากมายแค่ไหน
    สิ่งที่ท่านสอนสั่งไว้ ขอให้พวกเราทำตาม
    เราก็รู้ท่านเหนื่อยแค่ไหน เพื่อให้พวกเรา .. สุขสบาย
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    นับเป็นเรื่องที่ถือว่าสอดคล้องกันจริงๆ ก็ในจังหวะที่นำเรื่อง "ข้าพเจ้าจะ 'ละทิ้ง' อย่างไรได้" เนื่องในวันครบรอบการเสด็จขึ้นครองราชย์ของ
    "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัว" และเพลง ธงนำชีวิต มาโพสท์ในกระทู้ ก็
    ได้รับ e-mail จากท่าน พล.ต.พิจิตร ขจรกล่ำ เจ้าของบทขับเสภา เรื่อง
    สมเด็จพระนเรศ ที่กำลังใกล้จะโด่งดัง ส่งบทกลอนเกี่ยวกับเรื่องของสูงมาให้
    "กระบี่พระราชทาน" ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญกับเรื่องที่โพสท์อยู่อย่างสอดคล้องต้องกัน สมควรที่จะได้นำมาเผยแพร่ให้ปรากฎต่อสาธารณชน
    ครับ

    กระบี่พระราชทาน

    อันกระบี่<WBR>ทรงพระราชทาน ใช้ประหั<WBR>ตประหารผู้รานกล้า
    ใช้ปกป้องขอบขันธสีมา <WBR>พร้อมพิทักษ์รักษาประชาชน
    จะดำรงคุ<WBR>ณงามและความดี เพื่อศักดิ์ศรีชาวไทยสุดไกลพ้น
    เพื่อเกียรติศักดิ์<WBR>ทหารไทยในสากล เพื่อไพร่พลกษั<WBR>ตราองค์ราชันย์
    จะน้อมนำคำสอนทุ<WBR>กตอนไป สู่ชาวไทยทุกผู้ให้รู้นั<WBR>่น
    ความพอเพียงจะต้องอยู่คู่<WBR>ตะวัน จะสานฝันทุกทิวาและราตรี
    หากวันใดลืมคำมั่<WBR>นและสัญญา จงเข่นฆ่าหาญหักสิ้<WBR>นศักดิ์ศรี
    จงถอดยศเร็ววันในทันที <WBR>กระบี่นี้ทิ่มตนจนถึงตาย


    พลตรีพิจิตร ขจรกล่ำ : ร้อยกรอง
    ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
     

แชร์หน้านี้

Loading...