เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

กราบ กราบ กราบ สาธุ...
เป็บบุญตา บุญใจ ครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรีครับ

สวัสดีครับพี่พี ได้รับทราบเรื่องราวหลวงปู่บุญศรีเป็นที่น่ายินดียิ่งครับ

เป็นกำลังใจให้และติดตามอ่านเรื่องราวหลวงปู่ต่อไปครับ

 

กราบๆๆ หลวงปู่บุญศรี กราบหลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ สวัสดีครับทุกท่าน

ติดตามเสมอๆครับ ชอบการแทรกเกร็ดและจริยาวัตรของครูบาอาจารย์มากเลยครับ

 

แหะๆ

ที่จริงยังมีพระที่เกี่ยวข้องกับ ท่านจอมคนนี้ อีก สอง สาม พิมพ์ ทั้งมวลสาร และ ท่านที่ปลุกเสก ถ้าท่านทราบแล้วจะอึ้ง ผมจะยังไม่เปิดเผยตอนนี้ เอาไว้ ให้แก่มากๆก่อน อีกสักสิบปีขึ้นไปน่ะ...แหะๆ

 

กราบ ๆ ๆ หลวงปู่จง หลวงปู่ปาน หลวงปู่สังข์ หลวงปู่บุญศรี

มาติดตามอ่านข้อมูลครับ

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง หลวงปู่อั๊บ

ตามมาอ่านตอนดึกค่ะ......

 

พระชุด แพโบถส์น้ำ

ที่จริงจะว่าด้านเครื่องรางของขลังแล้ว พระชุดนี้ตามลำดับ ไม่น่าจะเป็นชุกแรกที่เขียน ยังมีพระเนื้อดินที่หลวงปู่สร้างเอง จารหลังด้วย ผมถามว่าหลวงปู่สร้างทำไม แบบว่าถามเนื่องในโอกาศอะไร ท่านว่าสร้างเล่นสนุกๆ ยังมีพระเนื้อดิน เจ็ดท่า พระเนื้อดิน เจ็ดป่าช้า ( แหะๆ มีน่ะครับ จะเปิดเผยล่ะ ) พระล็อกเก็ต เหรียญรุ่นแรก รุ่นต่อมา ยังีพวกตระกรุด ผ้ายันต์ อีกหลายชุด ยังมีเหรียญพระนิพพาน เหรียญเต่า หลายเนื้อ พระชุดแพโบถส์น่ะมาสร้างทีหลังๆ

แต่แปลกใจว่า คนถามหากันเรื่องพระกริ่ง อาจจะเพราะทำเยอะก็ไม่น่าใช่ แค่หลักพันกว่าๆสำหรับพระกริ่ง สามพันกว่า สำหรับพระชัย หลัก สองร้อยกว่าสำหรับพระบูชา เก้านิ้ว ก็แค่นั้น คนไปเหมาพระกริ่งมาเรียบจากสำนักแม่ชีประทุม

เอาว่าถ้าผมเล่าต้องลัดคิว ข้ามเรื่องอื่นมาเยอะ แต่สไตล์ผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เอาว่า เขียนโน่นที เขียนนี่ที...ก็แล้วกันแหะๆ

และจะว่าไปแล้ว พระชุดนี้ ตอนแรก ผมจะหล่อแค่พระประธาน ตอนแรกก่ะจะเอาไว้ในโบถส์น้ำ เพราะตอนนั้น การสร้างแพ ดำเนินไปเยอะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ลูกศิษย์หลวงปู่คนมีกระตังค์หลายคน มาดักหลวงปู่ขอสร้างพระประธานกันหลายท่าน ผมคนทำแพแท้ๆ ถ้าปล่อยเขาสร้างพระประธานตัดไปกินก่อน ก็เสียท่า เลยต้องรีบหาพระประธาน และวิธีที่คิดออก แบบดีที่สุดคือ หล่อ เอง และเอามาหล่อที่วัดให้หลวงปู่เททอง ผมขอสร้างพระประธานเองซึ่งแน่นอนหลวงปู่ท่านก็ โอเค ใครมาถามท่านก็บอกว่ามีเจ้าภาพแล้ว ผมก็เริ่มสะสมแผ่นทองแดงเอามาให้หลวงปู่ลงยันต์ พร้อมกับหาช่างมาเท ผู้ที่ให้คำแนะนำได้ ก็แน่นอนคือ ท่านอาจารย์อนันต์ที่มาช่วยสร้างแพ เพราะมีประสบการณ์การสร้างพระเล็กพระใหญ่มาเพียบ

ผมขอลัดขั้นตอนในการเลือกพระประธานนิดหนึ่ง เพราะมีปัญหาด้านเทคนิค ไม่อาจจะพูดเปิดเผยได้ถนัด เอาว่ามาสรุปเป็นองค์ดังในถาพ บอกแค่ว่า แค่หุ่นองค์นี้ ช่างปั้นเป็นปีๆ และประหยัดเงินที่ได้สร้างองค์นี้ เพราะมีหุ่น มีเบ้า มีพิมพ์ ที่จริงหลวงปู่ท่านอยากได้ พระพุทธชินราช หลวงปู่ท่านนับถือพระพุทธชินราชมากน่ะครับ แต่พอไปบอกอาจารย์อนันต์ อาจารย์อนันต์ ท่านหงายหลังไปหน่อย สาเหตุเพราะในบรรดาพระบูชา พระพุทธชินราช หล่อยากที่สุด ทำให้สวย ทำให้เหมือนยากมาก คุยกันไปคุยกันมา เอาว่าถกกันหลายรอบ ทั้งถกกับช่างด้วย กลับไปปรึกษาหลวงปู่อีกหลายครั้ง ก็สรุปเป็นองค์นี้

ตอนแรกจะทำแค่นั้นจริงๆครับ ผมเองมีความเห็นว่า จะเทพระกริ่งด้วยสัก ช่อสองช่อตามพระ บูชาสักองค์สององค์ เอาแค่ไว้บูชา ที่ทำแค่นั้นเพราะเงินไม่มี จะเอาไปสร้างแพ แต่พอถามพวก ถามไป ถามมา คนโน้นก็จะเอาพระบูชา คนนี้ก็จะเอาพระกริ่ง จนกระทั่งงอกออกไปเป็นๆพันๆองค์ เงินก็มีไม่มาก ตกลงให้จองก่อน ออกเงินมาครึ่ง เอาไปจ่ายช่างก่อน คนจองเพียบได้เงินไปมัดจำช่างสบายๆ พอเทเสร็จ ปลุกเสกเสร็จบนแพ เอาออกบูชา วันเดียวล้างหนี้ช่างได้หมด เป็นรุ่น ปลดหนี้ ที่แท้จริง รุ่นหนึ่งครับ ใครบูชาน่าได้อานิสงค์แห่งความปลดหนี้ ไม่มีหนี้ เป็นอิสสระในการใช้ทรัพย์สิน และ ไม่มีหนี้สิน ผมเองถ้าตายก็ตายสดวก ไม่มีหนี้สินให้คนข้างหลังครับ

บอกใบ้ได้อีกที ว่าพระประธานชุดนี้เท สี่องค์ มาเทที่วัดหนึ่งองค์ อีกองค์เป็นสมบัติประจำตัวของผู้มีบุญที่เป็นกำลังใหญ่ในการมาสร้างวัด อีกสององค์ ไปเป็นพระประธานประจำสถานที่สำคัญมากสองแห่ง ผมมีวาสนาน้อย ตอนนั้น เงินไม่มี เอาไปสร้างแพหมดไม่งั้นเอาสักองค์เอาไว้ตั้งประจำตระกูล แต่แห้ว...แหะๆ



พระเนตรของพระทั้งสี่องค์ ติดด้วยนิล นิลก้อนนี้เป็นของผมเอง คุณแม่ให้มาอีกที เป็นของเก่า เลยเอาไปทำพระเนตรพระซ่ะเลย เพราะก้อนใหญ่ ถ้าทำพระเนตรพระองค์ใหญ่ ต้องมีสองก้อน แต่มีแค่ก้อนเดียวเลยเก็บไว้ พอได้โอกาศเลยให้ท่านอาจารย์อนันต์ไป ท่านอาจารย์เลยตัดแบ่งใส่ พระประธานทั้งสี่ และติดพระบูชาให้ผมองค์หนึ่ง ส่วนพระบูชาอีกองค์หนึ่งพอขอให้ทำพิเศษ พระเนตรเป็นไพลิน เอาให้ผู้มีบุญอีกคนไปเป็น สตรีเพศ ส่วนที่เหลือ อาจารย์ให้ช่าง เจียรมาให้ผม เป็นรูปปีกนกจำนวนเจ็ดเม็ด ปีกนกภาษาช่าง ผมเห็นก็งง ว่าทำไมเรียกปีกนก ตามรูป ผมเอาไปถวายให้หลวงปู่เสกให้ ให้ท่านอธิษฐาน ( อันนี้อุบไว้ไม่บอกใคร ว่าขอท่านเรื่องอะไร) ต่อมาพอๆมีเงิน ผมเลยเอาไปทำล้อมเพชรใส่สร้อยคอไว้ ( มาทำตอนหลังตอนพอมีเงิน จะเอาไว้ให้ลูกสาว...แหะๆ ) ถ้าอานิสงค์จากการทำพระเนตรพระพุทธรูปมีจริงแล้วในด้านรูปธรรมตามความเชื่อของผม ขอให้ดวงตา ของคุณแม่ และ ของผมเห็นธรรมอันประเสริฐอันขจัดกิเลสให้สิ้นไปในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ



ส่วนพระบูชา เก้า นิ้ว ก็ประวัติยาว พระบูชาสวยงามมาก เป็นพิมพ์เดียวกับงาน ๖๐ ปีของธรรมศาสตร์ ช่างก็ช่างเดียวกัน หุ่นเทียนต้นแบบก็องค์เดียวกัน อาจจะจะต่างกันที่ไม่มีโค้ด เพราะคนล่ะ พิธี หุ่นนี้ตั้งอยู่ในห้องของผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง จนท่านอาจารย์อนันต์ ไปขอยืมมาให้ถอดพิมพ์ จำนวนที่หล่อพระบูชานี้ต้องหล่อสองครั้ง เพราะไม่พอกับความต้องการ มีคนต้องการมาก บางคนไม่มีลาภ อได้บูชาไปก็ถูกหวย โทรมาถามผมว่า พระที่เสกเปนใคร พระบูชาแบบนี้ยังมีหรือปล่าว จะเล่าให้ฟังต่อไป ที่จริงหล่อจำนวนเท่าไหร่ก็คงหมด เพราะขนาด พระบูชาที่เหลือ ผมตุนไว้ในอนาคต ที่บ้านผมพวกสิงค์โปร์ยังตามไปเอา ผมบอกว่าพอแล้วจะเก็บไว้ให้ลูกหลานเมืองไทยบ้าง เขาก็จะเอา แล้วมีบุญคุณช่วยกันมา เลยต้องแบ่งให้ไปเรื่อยๆ จนผมบอกว่าที่เหลือ ให้ไม่ได้แล้ว จะเอาไว้ให้ลูกหลาน มาขออีกมีเรื่อง...แหะๆ



หุ่นเทียนนี้ปั้นตอนปั้นงานธรรมศาสตร์น่าจะตอนหกสิบปีธรรมศาสตร์ ตอนปั้น แก้มข้างหนึ่ง ดูไม่เท่ากับอีกข้าง ช่างเลยปาดทิ้งปั้นใหม่ พอปั้นไป อีกข้างดูก็ไม่เท่ากับอีกข้าง ต้องปาดข้างเก่าทิ้ง แล้วปั้นใหม่อีก ตกลงแค่แก้มช่างท่าน ปั้นอยู่หก เดือน...แหะๆ งานศิสป์ จริงๆครับ ใครได้ มาครอบครองนอกจาก พลังพุทธคุณ ยังได้จิตวิญญาณของ คนที่เป็นช่างไทย เป็นศิลปินที่ไม่สนเรื่องเงินทอง และ การหากิน ผมจะเล่าต่อไปมีรูปท่านซ่ะด้วย โชคดีที่ได้ช่างชุดนี้ และพระชุดนี้มา



ส่วนรูปสุดท้ายนี้ เป็นโรงงานช่างน่ะครับ มีเบอร์ด้วยใครจะใช้บริการ หรือ เช็คข้อมูลก็ทำได้เลยน่ะครับ เป็นช่างที่มี นิสัย วิชา อัธยาศัยดี ทีมหนึ่งทีเดียว ผมยังคิดถึงอยู่

 

กราบหลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ...ครับ
เข้ามารายงานตัวกะดึกๆ พร้อมทั้งติดตามเรื่องราวของหลวงปู่บุญศรี อย่างตั้งใจครับ....

 

กราบหลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรี
สวัสดีครับพี่พี และทุกท่าน

นานๆเข้ามาที ตอนนี้ขออึ้งก่อนครับ มาพูดให้อยากแล้วจากไป..บอกให้รอสิบปีขึ้นไป แหะ แหะ

 

ขยายความต่ออีกหน่อยเพราะเรื่องเล่ามันเยอะ องค์นี้เป็นองค์ที่แต่งแล้ว นำไปประดิษฐานที่ที่บูชาแห่งหนึ่ง พระองค์นี้น่ะครับ ถ้าท่านชอบศิลปะบนองค์พระพุทธรูป จะเห็นว่าพระองค์นี้ สวยงามมาก ยังกับเทวดาปั้นมาทีเดียว และโปรดสังเกตุ เอวของท่านน่ะครับ จะเหมือนเอวผู้หญิงครับ คือ โค้งเว้าเข้ามาแล้วโค้งออก เป็นเอวนางจริงๆครับ จะต่างจากพระอง์อื่นๆทุกองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระองค์ใด เก่าแบบไหน ที่เห็นมาจะเป็นเอวตรง คือ ไม่เว้าเข้าแล้วโค้งออก แต่จะเว้ามาจากท่อนบ่า แล้วตรง มีลำตัว ถือโค้งออกตรงเอว ปั้นเหมือนคนจริงๆ ลองสังเกตุดูซิครับ ศิลปแบบนี้ ช่างปั้นเป็นหนึ่งจริงๆ และจินตนาการสูงมากครับ เป็นช่างเทวดาครับ

แขนจะอวบแบบเชียงแสน หรือ พระพุทธชินราช แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ส่วนหน้าตาไม่ต้องบอกเลย ดูไม่เบื่อ จิ้มลิ้มพริ้มเพรา ยังกับนางงามทีเดียว แสดงถึง เสน่ห์และเมตตา แววตามีชีวิต สงบและนิ่งแบบทรงญาณ มีความสุข ผู้ที่ได้พระองค์นี้จะมีความสุขครับ ตามบารมีขององค์สมเด็จพระศาสดา ที่ถ่ายทอดผ่านมือทั้งสองข้างของช่างที่เคารพในพระรัตนตรัยมา

ช่างปัจจุบัน ผมไม่อยากพูดน่ะครับ เรื่องจิตวิญญาณ แต่ช่างบางคนผมไม่แน่ใจในความนับถือพระรัตนตรัย ไม่แน่ใจในจิตวิญญาณ เอาแค่จะสวดมนต์จะสวดทุกวันหรือไม่ หรือจะเมาทุกวัน อันนี้ขาดความมั่นใจในตัวช่าง และเมื่อจิตสื่อไม่ถึง แล้วมือจะถ่ายทอด จิต วิญญาณ ผลงานนั้นออกมาได้เหมือนได้อย่างไร โปรดคิดดูน่ะครับ พระพุทธที่ปั้นขายกันหลังๆ จะเหมือนกับตุ้กตา จะเหมือนๆกันไปหมด โทษน่ะครับ ให้ฟรีๆ ยังไม่อยากได้เลยครับ




ส่วนองค์นี้เป็นองค์ที่หล่อที่วัด ที่เททองโดยหลวงปู่พระครูบุญศรี แล้วเอาไปแต่ง ที่โรงงานช่าง ผมตามไปดูเลยถ่ายรูปไว้ ตามนิสัยนักข่าวอีกาคาบข่าวไปรายงานหลวงปู่...แหะๆ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรงครับ

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
ติดตามครับ

 

พิมพ์ไปหน้ากว่า เน็ตหลุด หน้ามืดเลยแหะๆ

 

กำลังพิมพ์ใหม่ เดี๋ยวกลับบ้าน เอาลงให้ชมครับ ...แหะๆ

 

สู้..สู้..ครับพี่ ขอเป็นกำลังใจให้กับการทำงานที่ใหม่ด้วยนะครับ

 

พระพุทธชินราช<O</O
<O</O
ในบรรดา พระพุทธรูปองค์สำคัญๆ ในประเทศไทย เช่น พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อ วัด พนัญเชิง หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดเขาตะเครา และยังมีอีกหลายหลวงพ่อ ฯลฯ
ถ้าจะนับด้านความสวยงามก่อนแรก ผมแน่ใจว่า หลวงพ่อพระพุทธชินราช มาอันดับหนึ่งแน่นอน ทางด้านความสวยงามของพระพักตร์ สรีระ และสถาปัตยกรรมของพระวิหารแบบวิหารเก้าห้อง ที่วางขนาด และความสูงของหลวงพ่อได้ขนาดและตำแหน่ง การวางตัวของแสง ที่ลอดช่องประตู ช่องบานเกล็ดอากาศเข้ามา ตำแหน่งที่แสงมาตก เหมาะเจาะกลมกลืนกันอย่างกับ ช่างเทวดามาสร้าง ด้วยศิลปะชั้นสูง หลังๆยิ่งมาติด สปอตไลท์ เนนอง๕หลวงพ่อด้วย ยิ่งสวยงามมากขึ้น เมื่อเปิดประตูเข้ามา หรือ เดินเข้าไป พอเงยหน้า หรือ แค่แหงะหน้าเข้ามา จะเห็นหลวงพ่อท่าน ยิ้มนิดๆ แบบพุทธยิ้ม ต้อนรับ คนมองจะเหมือนถูกมนต์สะกด ด้วยพุทธานุภาพ และ รังสีของขององค์หลวงพ่อ
ผมเคยอ่านเรื่องเล่าของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ องค์อาจารย์ของท่าน เจ้าคุณนรฯ ท่านขึ้นไปประชุมที่หัวเมือง เนื่องจากท่านไม่เคยไปกราบหลวงพ่อพระพุทธชินราชมาก่อน จึงตั้งว่าจะไปกราบให้ได้ พองานประชุมเสร็จท่านก็ตรงไปที่วัดใหญ่ แต่เผอิญ เลยเวลาแล้ว ( จำได้ ว่า ห้าโมงเย็นเขาปิดประตูวิหาร ) ท่านเลยไปขอร้องคนที่ดูแลขอเข้าไปกราบสักหน่อย คนที่ดูแลคงเห็นว่าเป็นพระผู้ใหญ่ ท่าทางน่าเลื่อมใส จึงเต็มใจไปเปิดให้ดู
<O</O
<O</O
พอเปิดประตู องค์สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านแรกเห็นหลวงพ่อพระพุทธชินราช ท่านถึงกับตกตลึงด้วย พุทธานุภาพความสวยงามขององค์หลวงพ่อ ว่าพระพุทธรูปอะไรจะสวยปานนั้น ท่านเข้าไปกราบและจ้องชมอยู่นาน จนสมควรแก่เวลาจึงกลับ และมาเล่าให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟัง
ตอนผมทำงานบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่งอยู่ แปดปีกว่า ขึ้นไป พิษณุโลกบ่อยครั้ง และจะต้องหาโอกาสไปกราบหลวงพ่อ ก่อน เขาปิดประตูให้ได้ ถ้าว่างมากก็หามุมที่เงียบด้านขวามือหน้าหลวงพ่อ นั่งหลังพิงเสาแล้ว สวดมนต์ทำสมาธิ ทำได้แบบเพลิดเพลินทุกครั้ง เพราะสถานที่ต่อหน้าองค์หลวงพ่อทำให้มีกำลังใจเบิกบาน และเมื่อมีปัญหา ต้องการคำแนะนำ ก็อธิษฐานหยิบเซียมซีเอา ไม่ได้เขย่า แต่ทำจิตให้มั่นและว่าคาถาเอา คาถาจบบท ก็หยิบขึ้นมาอันหนึ่ง ได้เบอร์ก็ไปเอาเซียมซี ก็ได้คำแนะนำดีๆทุกครั้งที่เที่ยงตรง ใช้ได้ผล จัดว่าหลวงพ่อท่านมีบารมีสูงมาก โปรดคนเป็นร้อยเป็นพันได้ทุกวัน เทพเทวดาที่สถิตอยู่ในวิหารนี้ คงมีเพียบ
และหลวงพ่อสวยงามขนาดนั้น อยู่มาตั้งหก เกือบ เจ็ดร้อยกว่าปีขึ้นไป ผ่านอะไรมาก็เยอะ เราเสียเมืองให้พม่าไปสองครั้ง พม่ามันยังไม่ยกไปเลย แปลกมากครับ องค์เดิม ผมอ่านว่ายังไม่มีเรือนแก้ว เขาว่าเรือนแก้วพึ่งมาสร้างใส่ในยุด รัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งเหมาะเจาะกันอย่างกับ เทวดามาทำ
ตอนหลวงปู่ท่านเปรยๆเรื่องพระพุทธชินราช ผมเลยไปหาท่านอาจารย์อนันต์ ท่านอาจารย์บอกปั้นให้สวยยาก ยิ่งย่อส่วนลงมาแล้ว ยิ่งสวยยาก แล้วพาผมไปหาช่างที่โรงงานแก้วมโนรมย์ ที่ปั้นหุ่นพระประธานองค์ปัจจุบัน และ ปั้น รูปบูชาเก้านิ้ว คนเดียวกับที่ปั้น แก้มพระบูชาอยู่ หกเดือน ได้แค่แก้ม และปั้นหุ่นพระบูชาเก้านิ้ว ถ้าผมจำไม่ผิด ปั้นอยู่เกือบ สี่ปี ( คงทำงานอื่นไปด้วย แล้วปั้นองค์นี้ไปด้วย กว่าจะพอใจ ใช้เวลาหลายปี )
ช่างก็พูดแบบเดียวกันแล้วเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนเคยขึ้นไปปันและหล่อพระพุทธชินราช มันนานแล้ว แต่ผมเข้าใจว่าเป็นปี ๒๕๑๗ ที่เป็นงานของกองทัพภาค ที่ ๓ เป็นพระพุทธรูป จ.ป.ร มีทั้งพระบูชาและพระเครื่อง เป็นงานใหญ่มาก จนช่างท้องที่ ทำไม่ไหว ต้องระดมช่างจากที่อื่นเข้าไปเสริม เทกันหลายช่าง ช่างคนนี้ก็ไปกับเขาด้วย และเคยเข้าไปวัดสรีระ ขององ๕พระพุทธชินราช ตอน เขาว่างๆ ขออนุญาตไปวัด สัดส่วนและจดไว้ ขนาดเอาบันใดปีนขึ้นไปวัดพระพักตร์ เอามือไล่จับเม็ดพระขนงขององค์หลวงพ่อทุกเม็ด และนับเม็ดไว้ว่ามีกี่เม็ด ...แหะๆ เปรียบว่า นับเส้นเกศาว่ามีกี่เส้นทีเดียว โดย ช่างกะว่าจะก็อบปี้ให้เหมือนเปี้ยบ ( อันนี้ช่างไม่ได้พูด แต่ผมว่าเอง...แหะๆ )
ช่างแกว่าเองขนาดวัดมา หลังๆมาปั้นเองยังทำไม่ได้เหมือน ยิ่งย่อส่วนมาแล้ว บางที ศิลปะ แปลกออกไปเลย ไม่เหมือนองค์จริงแม้แต่น้อย
ในบรรดาช่างปั้นพระพุทธชินราช เชื่อกันว่ามีช่างท่านหนึ่งปั้นได้เจ๋งที่สุด ใกล้เคียงที่สุด ท่านนี้คือ จ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์ท่านเป็นคุณอดีตคุณจ่าทหารบก แล้วเป็น ดร.ด้วย น่ะครับเป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งทีเดียว มาถึงพ.ศ.นี้อายุคงใกล้ แปดสิบปี เข้าไปแล้ว อย่างที่บอกยุคหนึ่งผมไปพิดโลกบ่อย เลยไปหาที่ร้าน จ่าสิบเอก ดร. ทวี ด้วย กะว่าถ้ามีขนาด พอเหมาะ หน้าตัก ประมาณ ๒๔ นิ้วหรือ กว่าหน่อยล่ะ ก็ซื้อเลย ไม่ต้องหล่อล่ะ ถ้าได้ฝีมือสวยของ คุณ จ่า ดร. ทวี แต่ไม่มีครับ ต้องจ้างปั้นแล้วหล่อ และที่สำคัญ ใน พ.ศ.นั้น ท่านทวีก็ดังมากแล้ว ทำพิพิธภัณฑ์ และเป็นวิทยากร อีกหลายที่ ไปก็ไม่เจอท่าน แต่ไปเจอ ลูกสาวหรือ หลานสาวนี่แหละ และถ้าจะจ้างปัน ก็เจอฝีมือ ลูกศิษย์ หรือ ลูกหลานศิษย์ ซ่ะมากกว่า ท่านทวีคงไม่ได้ปั้นเองแล้ว แบะที่สำคัญ ราคาแพงมากครับ...แหะๆ ถ้าจะหล่อแค่ องค์เดียว ตกลงไปทางนี้ไม่ได้ ผมยังจำได้ ผมเช่า พระหล่อ เป็นหลวงพ่อเงิน และ รูปลอยอง๕ เจาะกริ่งมา สองสามองค์ เอามาถวายหลวงปู่เสกให้ พระหลวงพ่อเงินหาเจอ แต่พระพุทธชินราช คล้ายๆรุ่น อินโดจีน หาไม่เจอ อาจจะให้ใครเขาไปแล้ว
สรุปว่า ตกลง ด้วยกำลังที่มี ไม่สามารถหล่อพระพุทธชินราชได้ และสมมุติว่าใน พ.ศ.นี้ผมแก้ตัวได้ ผมจะหล่อ หลวงพ่อพระพุทธชินราช แบบบูชา และ รุ่นแบบอินโดจีน หล่อ รูปหล่อหลวงปู่ขนาดห้อยคอ ด้วยแต่หมดโอกาสซ่ะแล้ว...แหะๆ

รูปประกอบ แสดงฝีมือช่างสมัยใหม่น่ะครับ ดูเอาเอง วิจารณ์กันเอาเองน่ะครับ</O

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรี หลวงปู่เสียน หลวงปู่อั๊บ หลวงปู่สมนึก และหลวงพ่อสมครับ

แพโบสถ์น้ำบรรจุบรรจุของมงคลองค์เดียว 5 อาจารย์

ด้วยที่ว่าได้รับความอนุเคราะห์ จากน้องชายมอบ ผงอิทธิเจหลวงปู่สมนึก เกศาหลวงพ่อสมและหลวงปู่อั๊บ เลยนำภาพมาให้ชม และโอกาสที่องค์พระกริ่งผมมีรูที่ด้านหลัง ผมเลยนำของมงคลเหล่านี้บรรจุฐานพระกริ่ง และอุดรูด้วยจีวรหลวงพ่อทรง


องค์นี้ติดตัวผมตลอดและพึ่งถอดกรอบแล้วเลี่ยม มาไม่นานนี้

พึ่งถ่ายภาพ ด้วยความชอบที่มีต่อวัตถุมงคล มาดูอีกที่ องค์นี้งามครับ

 

แขวนองค์เดียวได้ ๕ เลย...แหะๆ

ที่ฐานจะมีรู หรือ ติดไม่เต็ม และชำรุดเยอะพอสมควรครับ เนื่องจากการเหวี่ยงของช่าง โดยทำที่วัดไม่ใช่ทำที่โรงงาน หลวงปู่เททอง เขาก็เทและเหวี่ยงไป


ขอให้เฮงๆครับ ผมกำลังจะคลี่ความลับเรื่องพระกริ่งนี้ออกไปเรื่อยๆครับ