พุทธคุณพระผงบรมมหาจักรพรรดิของ พระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญและหลวงตาม้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 6 มกราคม 2007.

  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,353
     
  2. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,014
    ขอขอบคุณผู้หมวดและคุณนิคเป็นอย่างยิ่ง นี่หละที่เราต้องการ

    ผมว่าทำแจกเป็นเอกสารคู่กับพระผงมหาจักพรรดิ์และบทสวดฯ ก็ดีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2007
  3. okilu220

    okilu220 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    312
    ค่าพลัง:
    +2,090
    ประสบการณ์การลองทำน้ำมนต์มหาจักรพรรดิด้วยพระผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่

    เมื่อวานนี้ ได้มีโอกาสคุยกับพี่นิค ก็ทราบมาว่าสามารถใช้ทำน้ามนต์ได้ พี่เขาเอากระทู้ให้อ่านด้วย โดยพี่นิคให้ผมลองในตอนนั้นเลย(ลองกันสดๆ) ผมก็เลยลองไปเอาน้ำมาใส่แก้วจนเต็ม(ตอนนั้นตื่นเต้นสุดๆเหอๆ) และได้ลองทำอย่างที่พี่นิคบอกคืออธิษฐาน แล้วนำพระท่านจุ่มลงไป แล้วปล่อยไว้ที่ก้นแก้ว ผลปรากฏว่า เมื่อจุ่มลงไปยังไม่มีอะไร แต่ทว่า...พอพระท่านลอยลงไปอยู่ก้นแก้ว ก็เกิดเสียงวิ้งๆๆขึ้น(อาจจะดูเหลือเชื่อนะครับ แต่คนที่มีพระหลวงปู่ ลองดูได้นะครับ เหอๆ)

    โดยที่เสียงที่เกิดขึ้นนี้ เบาพอสมควร ถ้าหากตอนนั้นผมไม่ได้อยู่คนเดียวคงจะไม่ได้ยิน และน้ำในแก้วก็เป็นสั่นๆกระเพื่อมๆ อันนี้ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะครับ(ทีแรกผมบอกพี่นิคว่าน้ำเดือด จริงๆแล้วไม่ใช่นะพี่ แต่ตอนนั้นตกใจ เลยใช้คำว่าน้ำเดือด เหอๆ)

    ปล่อยไว้สักพัก เสียงนั้นก็เบาลง และพี่นิคก็บอกว่า ดื่มได้เลย ผมก็ตกใจเลย เลยถามว่าเสร็จแล้วเหรอพี่ พี่เขาบอกว่าใช่ ดังนั้นนี่คือประสบการณ์ที่ผมได้ดื่มน้ำมนต์มหาจักรพรรดิเป็นครั้งแรกในชีวิต(ดีใจสุดๆ เช้าวันนี้ก็เอามาล้างหน้า เหอๆ) ซึ่งจะมาขอเล่าไว้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์นะครับ
     
  4. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,014
    ผมพิมพ์ออกมากแล้ว ไว้จะไปลองทำดูบ้างครับ
    (verygood)
     
  5. ariyachot

    ariyachot เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,325
    ค่าพลัง:
    +4,411
    หากนำพระท่านมาเลี่ยมพลาสติกแล้วสามารถทำได้หรือไม่ครับ
     
  6. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,014
    จากข้อ 2 ในหน้าก่อน "ให้นำพระยังไม่เลี่ยม (หาไม่ได้ให้อนุโลมใช้ที่เลี่ยมก็ได้" ผมคิดว่าก็คงใช้ได้แต่ถ้าไม่เลี่ยมน่าจะดีกว่า ตามตามข้อมูลที่ได้รับ ยังไม่เคยประสบของจริง อิอิ ไว้ให้ผู้หมวดกับคุณนิกมาช่วยตอบละกันนะครับ
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,353
    ขอตอบแทนเลยว่าได้ครับ ส่วนทำไมถึงบอกว่าได้ คุณต้องกลับไปอ่านหน้าเดิมอีกทีครับ
     
  8. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    เป็นโครงการหนึ่งครับ แต่ตอนนี้เบี้ยน้อย ก็...โหลดเอาเองก่อนละกันครับ
     
  9. มินตรา55

    มินตรา55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +297
    รบกวนถามว่าธรรมธาตุสีเหลือง แดง ส้ม เขียว น้ำเงิน ชมพู เป็นพุทธคุณของใครคะ
     
  10. เมืองพุทธ

    เมืองพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,026
    ขอบคุณสำหรับ วิธิ อาราธานาพระผงจักรพรรดิ์วิธีใหม่ๆๆ
    หลายวิธิมากครับ เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆๆ พี่ๆๆ น้องๆๆ มากเลยครับ
    ขออนุโมทนาบุญ และขอบคุณมากๆๆๆครับ
     
  11. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,014
    ถ้าผมอธิษฐานทำน้ำมนต์ในแก้วน้ำ แล้วเอาน้ำในแก้วไปเทใส่ถังเก็บน้ำ จะทำให้น้ำในถังเป็นนำมนต์ด้วยหรือปล่าวครับ (สงสัย)
     
  12. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    พระผงจักรพรรดิ์สูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า เลี่ยมไม่เลี่ยมพุทธคุณไม่ต่างกันเลยครับไม่เกี่ยวกันเพราะพุทธาคุณในองค์พระเป็นทิพย์และแผ่รัสมีออกมาไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ อีกอย่างผมว่าถ้าเลี่ยมนี้ดีครับ นอกจากจะรักษาเนื้อองค์พระและพระธรรมธาตุที่เสด็จขึ้นแล้ว ยังนำมาห้อยติดตัวได้และจุ่มทำน้ำมนต์ได้ง่ายๆครับ และเวลาไปที่ไหนก็กำพระแล้วแผ่บุญให้ภพภูมิต่างๆโดยขอบารมีพระทุกองค์และหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด นอกจากนั้นก็นำมากำทำสมาธิ ภาวนาได้สะดวกอีกด้วย ส่วนหากพระไม่ได้เลี่ยมแล้วแช่น้ำมนต์ไม่ต้องกลัวละลายครับเพราะพระผงจักรพรรดิ์สูตรท่านนี้ยิ่งแช่น้ำยิ่งแข็งครับ พระหลวงปู่ท่านหากเป็นองค์ไม่ได้เลี่ยมและตั้งไว้บูชาเฉยๆแนะนำนำไปแช่ขันน้ำทำน้ำมนต์ไว้ครับ สะดวกกี พอจะใช้ก็ตักเอาไปใช้ได้เลย หรือ จะตัก ไปต่อทำน้ำมนต์เพิ่มก็ได้

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]

    เป็นพระธรรมธาตุบารมีของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ที่เสด็จมามาขึ้นที่องค์พระในรูปลักษณ์สีต่างๆ ตามบารมีพระที่หลวงปู่ท่านได้อฐิษฐานจิตครั้งสร้างผงจักรพรรดิที่เป็นมวลสารของพระผงนี้ขึ้นมาและหลวงตาท่านก็นำมาสานต่อ โดยบางครั้งสีที่ขึ้นหรือเสด็จมานั้นขึ้นอยู่กับจริตของผู้บูชาองค์พระนั้นๆด้วย และแน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความตั้งมั่นในคุณธรรมของผู้ปฎิบัติด้วย แนะนำว่า เวลากสวดคาถาจักรพรรดิภาวนาจิตให้นำมากำในมือและภาวนาไปด้วยครับ

    ส่วนบารมีพระพุทธคุณที่หลวงปู่หลวงตาท่านได้อัญเชิญมาปลุกเสกสร้างผงจักรพรรดิขึ้นมา
    ท่านอารธนากำลังของบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด โดยน้อมนำอารธนา
    บารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์
    บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต
    บารมีรวมพระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด

    แต่หลวงตาม้าท่านเคยเล่าให้ผมฟังครั้งหนึ่งว่า พระธรรมธาตุ สี เขียว และน้ำเงินนั้นเป็นพระธาตุกำลังพระโพธิสัตว์

    ใช้ได้เลยครับวิธีนี้(การต่อน้ำมนต์นั้นเองจากหัวเชื้อที่แช่พระไว้)
     
  13. มินตรา55

    มินตรา55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +297
    รบกวนถามว่า การทำน้ำมนต์สามารถทำได้วันละกี่ครั้ง แล้วปรากฏการณ์คล้ายน้ำเดือดเกิดจากอะไรคะ แล้วต้องรอจนกว่าปรากฏการณ์จะหายไปจึงสามารถนำไปใช้ใช่หรือไม่คะ
     
  14. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    น้ำมนต์ทำวันละกี่ครั้งก็ได้ส่วนปรากฎการ์ณด่างๆที่เกิดนั้นเกิดขึ้นบ้างกับบางคนตามแต่บารมึองค์พระท่านจะแสดง จริงๆแล้วนำพระจุ่มน้ำแล้วอธิษฐานอัญเชิญบารมีพระตามวิธีการในหน้า3ก็เป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหลวงปู่ท่านแล้วครับ(เวลาจุ่มพระทำน้ำมนต์ขอกำลังหลวงปู่หลวงปู่ท่านจะแผ่ญานมาเสกน้ำมนต์ให้)
     
  15. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,014
    ขอถามอีกนิดครับ
    ถาใช้หรียญลป.ดู่ ไม่ใช่พระผงมหาจักรพรรดิ์จะได้ผลหมือนกันไหมครับ
     
  16. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ถ้าเป็นของที่เดินวิชาปลุกเสกโดยหลวงปู่ดู่หรือหลวงตาม้าหรือลูกศิษย์หลวงปู่หลวงตาที่ทรงวิชางจักรพรรดิได้ก็ย่อมทำได้ไครับ
     
  17. มินตรา55

    มินตรา55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +297
    - ทำน้ำมนต์ใส่แก้ว ปรากฏว่าพอองค์พระจมลงไปก้นแก้ว ก็มีฟองเล็กๆ เกาะรอบองค์พระ จากนั้น จากนั้นฟองเล็กๆ ก็ลอยขึ้นมาตรงกลางแก้วน้ำอย่างต่อเนื่อง สัก 3 นาที แล้วก็หยุด
    - พอทำรอบ 2 ปรากฏว่าไม่เกิดปรากฏการณ์อะไรเลย ลองรบกวนให้ช่วยอธิบายสาเหตุหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  18. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    สาธุๆสาธุ

    ฟองน้ำที่เกิดนั้นเกิดจาอากาศที่แทรกอยู่ในเนื้อพระนะครับแช่ครั้งแรกจึงออกมามากแต่ครั้งที่สองฟองน้ำหมดก็ไม่มีแล้วเป็นธรรมดาครับ เป็นเรื่องของเนื้อพระครับไม่ต้องตกใจ ส่วนถ้าใครมีพระผงจักรพรรดิก็แนะนำให้แช่น้ำทำเป็นน้ำมนต์ใช้บ่อยๆครับดีแน่นอนวิธีการใช้ต่างๆก็กลับไปอ่านหน้า 3 ได้เลย อีกอย่างยิ่งแช่องค์พระบ่อยๆก็ยิ่งแกร่งเป็นสูตรลับเฉพาะของหลวงปู่ท่านที่ถ่ายทอดไว้สำหรับวิชาการสร้างพระ และที่สำคัญพระผงจักรพรรดิ 1 องค์เลี่ยมและห้อยบูชาติดตัวไว้เสมอเพื่อ ศิริมงคลด้วย เพื่อการง่ายเวลาไปที่ต่างๆก็นำมากำทำสมาธิได้เลย และที่สำคัญเวลาไปที่ใดๆ ก็กำพระแล้วก็ขอบารมีองค์พระแผ่บุญช่วยภพภูมิตามที่ต่างๆได้เลย โมทนาล่วงหน้าผู้ที่จะนำไปใช้ทุกๆท่านเลยครับสำหรับผู้สนใจในวิชาหลวงปู่และนำไปใช้สร้างบุญให้เกิด

    ส่วนปรากฎการ์ณด่างๆที่เกิดนั้นเกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับบ้างคนบางครั้งเท่านั้น ตามแต่บารมีองค์พระท่านจะแสดงออกมา หลายๆคนอาจจะมีประสบปรากฎการ์ณไม่เหมือนกันเช่นรู้สึกว่าแก้วน้ำมีคลื่นพลังงานไหลผ่านไปทั่วกายและใจ(จิต)หรือเกิดความรู้สึกเบาสบายทางจิต หรือเห็นนิมิตต่างๆ หรือในบางกรณีซึ่งเป็นโดยส่วนมากแล้วก็แช่พระจุ่มพระแล้วก็เป็นน้ำมนต์นำไปใช้ได้เลยไม่จำเป็นต้องมีปรากฎการ์ณอะไรเพราะหลังจากแช่พระและอฐิษฐานทำน้ำมนต์น้ำก็เป็นให้แล้ว นำพระจุ่มน้ำแล้วอธิษฐานอัญเชิญบารมีพระตามวิธีการในหน้า3ก็เป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหลวงปู่ท่านง่ายๆแล้วครับ เหมือนที่บอกว่าเวลาอาราธนาท่านหลวงปู่ท่านก็จะมาโดยทิพย์แผ่ญาณมาทำยฃน้ำมนต์ให้ด้วย

    หลวงปู่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า ใครนึถึงท่าน ท่านก็จะรู้ทันทีแม้ท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตามแต่จิตอันมีบารมีนับประมาณมิได้ของท่านยังคอยเกื้อกูลเราๆอยู่ ตราบจนถึงวาระท่านจะลงมาตรัสรู้ในอณาคตกาลข้างหน้าและเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ท่านก็ยังเป็น พุทธรัตนะให้เราอยู่เสมอแม้นเข้านิพพานไปอีกจึงเห็นได้ว่าท่านอยู่กับเราเสมอขึ้นอยู่กับ เราว่าใจเราจะเปิดรับและทรงความดีให้ท่านไหมลูกศิษย์หลวงปู่ท่านมีทั่วแผ่นดินทั่ว 3 โลก เนื่องจากท่านเป็นโพธิสัตย์และเป็นพระพุทธเจ้าแบบ วิริยะธิกะด้วยจึงมีบารมีมาก และบัดนี้ก็เต็มแล้วเพียงแต่รอวาระเท่านั้นเอง หลวงปู่ดู่ท่านเกิดๆตายๆ มานับชาติไม่ถ้วนแล้วในแผ่นดินสยามในหลายๆรูปลักษณ์ที่เรารู้จักกันดีแต่ยังไม่ขอเปิดเผย แต่ขอบอกว่าบารมีท่านมหาศาลจริงๆชาติที่ท่านมาเป็นหลวงปู่ดู่นั้นท่านบอกว่าท่านมาดึงลูกหลานท่านหลายๆคนที่ยังหลงอยู่และทิ้งวิชาอันทรงคุณค่ามิได้ไว้เพื่อให้บุคคลทั่วไปนำมาใช้ปฎิบัติซึ่งปัจจุบันวิชาต่างๆท่านถ่ายทอดไว้ที่หลวงตาม้าซึ่งผมและหมวดอรรถเองก็ไปเรียนมาจากหลวงตาม้าท่าน เมื่อนำมาปฎิบัติแล้ว เข้าใจแล้วระดับที่แนะนำคนอื่นได้ จึงมาเผยแพร่เพราะรู้ว่าดีจริงๆ ช่วยคนได้จริงๆ ช่วยภพภูมิได้จริงๆ จึงทำการนี้ขึ้นมา วิชาต่างๆของหลวงปู่นั้นเป็นวิชาที่เป็นวิสัยของบรมมหาโพธิสัตย์จริงๆ และนานๆทีจะเกิดขึ้นในโลกและนำมาเผยแพร่กันเป็นสาธารณะอย่างนี้ นับว่าเป็นมหาเมตตาของหลวงปู่ต่อลูกหลานจริงๆและผมไม่มีวันตอบแทนพระคุณได้ แต่หลวงปู่ท่านเคยสอนไว้ว่า วิชาที่เรียนไปให้ปฎิบัติใช้ให้ดีโดยเฉพาะวิชาการช่วยเหลือภพภูมิ และทำปฎิบัติบูชาด้วย ท่านก็ว่าเพียงพอแล้ว

    แช่พระแล้วไม่จำเป็นต้องมีปาฎิหารย์เสมอไปเพราะอันนี้อยู่ที่พระท่านเองด้วยและจิตของเราในขณะที่ทำด้วยว่าอารมณ์จิตเป็นอย่างไร และปรากฎการ์ณต่างๆแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันทุกคนเพราะเป็นไปตามจริตแต่ละคนโดยสามารถรับรู้ได้ด้วยใจ หรือบางครั้งก็ด้วยกาย

    ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในธรรม หมั่นสวดมนต์ภาวนาและทำสมาธิ ถือศีล 5 เป็นบาท แล้วสิ่งๆต่างๆเหล่านั้นจะเกิดขึ้นตามมาเอง เหมือนหลวงปู่ดู่ท่านว่า ปฎิบัติให้ทำเหมือนกินข้าว อย่าไปหวังว่ากินแล้วต้องอิ่มทันที ค่อยๆกินไปเดี๋ยวมันก็อิ่มเอง

    โมทนาสาธุบุญกับคุณ มินตรา55 และทุกๆท่านที่ภาวนา และทำน้ำมนต์จักรพรรดิด้วยครับอานสงค์ต่างๆอันหาประมาณไม่ได้ย่อมเป็นของท่านเองโดยธรรม สาธุ สาธุ สาธุ

    ธรรมะสวัสดีครับ
    (f)

    ปล.ทำบุญสร้างบุญแล้วหมั่นแผ่บุญให้แก่ ภพภูมิต่างๆด้วยครับเพราะเราจะช่วยเขาได้มากเลย

    ปล.2 เวลาภาวนากำพระไว้ด้วยครับ โดยเฉพาะเวลาสวดมนต์ จิตจะสงบเร็วเพราะกำลังจากองค์พระจักรพรรดิจะไปปรับด้วย และมีอีกหลายๆอย่างที่เป็นปัจจัตตังลองไปทำดูนะครับแล้วจะรู้เอง

    (verygood)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2007
  19. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    อธิษฐานส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิ แผ่บุญ หรือป้องกันวิญญาณ
    หลักการ
    ๑. ลำพังกำลังของเราแต่ถ่ายเดียวยังมิอาจครอบคลุม ในการส่งวิญญานได้ทั่ว ได้ถึง และมากพอ ขอจงโปรดขอบารมีคุณพระท่านช่วยเหลือให้ โดยมี พระกำลังพระจักรพรรดินี้เป็นสื่อกลาง(พระสูตรหลวงปู่ดู่นี้ รับรู้และคุยได้ ถามได้ทุกองค์)
    วิธีการ
    ๑. กำพระในมือ จากนั้นโปรดกล่าวคำ อธิษฐานว่า
    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด(หรืออาจจะเป็น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระศรีอาริยะเมตรัย ก็ได้ ตามจริต ด้วยเหตุผลที่ว่าการอัญเชิญพระบารมี หรือการโน้มนำพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นี้จะง่ายกว่า การโน้มนำพระบารมีแห่งพระผู้เข้าพระนิพพานแล้ว เนื่องจาก บารมีท่านมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ยังไม่รวมตัว ยังคงกระจัดกระจายอยู่ทุกอณูในโลก) ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพปรับภูมิดวงวิญญาณของ......ชื่อนาม หรือกลุ่มก็ได้.....ให้สู่สุขติด้วยเถิด
    ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว
    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังดวงวิญญาณที่จะปรับภพ ปรับภูมิให้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จะรับบุญ บางวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ หรือมีโมหะ คือ ไม่รู้เรื่องว่าโมทนาคืออะไร ก็จะยังไม่ได้รับ เราก็ต้องสัพเพฯ หลาย ๆรอบ จนบารพระท่านครอบกายทิพย์สว่างเย็นไปหมด ช่วยโน้มนำให้วิญญาณนั้นละพยศและความโง่นั้นได้สำเร็จ)
    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ
    ๓. การป้องกันวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะรอนแรมไปในที่แห่งใด ผู้ที่คล้องและทรงกำลังพระจักรพรรดิ รัศมีจะสว่าง จนดวงวิญญาณพากันมาดูด้วยความสงสัยว่า คืออะไร ตรงนี้ก็ให้ถือโอกาสแผ่บุญตามหลักการข้างต้น ผูกมิตรกับวิญญาณเจ้าถิ่นไว้ วิธีนี้ได้ประโยชน์มาก มีวิญญาณมากหลายอยู่มานับพันปีไม่มีที่ไป เราส่งวิญญาณให้เขา ต่อไปเมื่อมีวาระเขาจะกลับมาช่วยเรา วิชานี้ท่านโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิทุกท่าน น่าจะศึกษาและปฏิบัติ เพราะเป็นวิชาสร้างบริวารอย่างหนึ่ง แต่ขอจงโปรดอย่าวางอารมณ์ว่าจะสร้างบริวารเลย ขอวางอารมณ์ด้วยเมตตาธรรม พรหมวิหารธรรมเถิด ขอโมทนา......

    ปล. ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งคล่องครับ ถ้าทำคล่องแล้วต่อไปเวลากำหนดแผ่ก็กำพระแล้วน้อมกำลังบุญไปได้แค่กำหนดจิตชั่วขณะโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ยังได้ขอแค่ให้ใจทรงกำลังทั้งหมดที่อาราธนามาในขณะนั้นได้ก็พอ แล้วก็กำหนดแผ่ไปได้เลย ขณะกำพระ แต่ถ้าเป็นการอฐิษฐานใหญ่หรือการสวดมนต์ประจำวัน ก็อฐิษฐานใหญ่ตามเนื้อหาด้านบนได้เลย แล้วก็แผ่ไปทั่ว 3 โลก ไม่ว่าพรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆ นรกโลก และทุกๆอบายภูมิ ผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทุกๆคน ญาติข้าพเจ้าทั้งหมดในโลกทิพย์ บริวารข้าพเจ้าทั้งหมด เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้า <--- แผ่ไปให้ภพภูมิ เหล่านี้ครับเวลาอฐิษฐานใหญ่

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2007
  20. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    คติธรรมบางส่วนของหลวงปู่ท่านอ่านไว้เจริญบุญเจริญปัญญากันครับ

    [​IMG]

    หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก เป็นพระเถราจารย์ที่ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา และศรัทธาสาธุชนทั่วไป ได้ให้ความเคารพเลื่อมใสกันอย่างกว้างขวาง ท่านเป็นพระนักปฏิบัติธรรมที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ แนวทางการอบรมวิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของท่านเป็นที่เข้าใจง่าย และเมื่อใครนำไปปฏิบัติแล้วจะได้รับผลดีเป็นที่น่าพอใจ ทำให้สมาธิจิตสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในหน้าที่การงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย


    <TABLE borderColor=#0000ff cellSpacing=2 cellPadding=2 width="90%" border=1><TBODY><TR><TD align=middle>[SIZE=+1]หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา[/SIZE]</TD></TR><TR><TD align=left>คนเราเกิดมาไม่เห็นมีอะไรดี มีดีอยู่อย่างเดียว คือ สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติภาวนาคือ มองทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของชั่วคราว มีแต่ปัญหามีแต่ทุกข์ แล้วก็เสื่อม พังสลายไปในที่สุด
    ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร(การเวียนว่ายตายเกิด) ทั้งหลาย ถ้าท่านต้องการพ้นภัยจากการเกิดแก่เจ็บตาย ท่านควรมีคุณธรรม 6 ประการนี้ไว้เป็นประจำจิตประจำใจ ทุกท่านย่อมจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ถึงความสุขใจอย่างยอดเยี่ยม
    คุณ 6 ประการนั้นคือ
    1. ข่มจิตในเวลาที่ควรข่ม
    2. ประคับประคองจิตในยามที่ควรประคับประคอง
    3. ทำจิตให้ร่าเริงในยามที่ควรร่าเริง
    4. ทำจิตวางเฉยในยามที่ควรวางเฉย
    5. มีจิตน้อมไปในอริยมรรค อริยผลอันประณีตสูงสุด
    6. มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิตผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาด
    ย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจ และรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
    ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท
    จงมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่า คนสัตว์สิ่งของ เงิน ทอง ลาภ ยศ นินทา สรรเสริญ เป็นของโกหกของสมมุติ ภาพมายาทั้งนั้น ทุกอย่างไม่ใช่ของจริงเป็นของหลอกลวงที่คนไม่ฉลาดต่างพากันหลงใหลกับสิ่งของสมมุติของโกหก ไม่ว่าอารมณ์ดี อารมณ์ร้าย ก็ไม่ใช่ของเราจริงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากเหตุ(คือ ความไม่รู้ ความอยากได้) ถ้าต้องการดับทุกข์ ต้องดับเหตุก่อน คือ ให้รู้ว่าทั้ง 3 โลก เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงเป็นโทษเป็นทุกข์เป็นปัญหา และสูญสลายตายกันในที่สุด ถ้าเรามีญาณก็จะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีการบังเอิญเลย
    ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมพิจารณาร่างกายคนสัตว์ในโลกว่าน่าเกลียดน่ากลัว เป็นทุกข์เป็นโทษเป็นภาระต้องดูแลอย่างหนัก เน่าเหม็นแตกสลายตายไปกันหมด ผู้ที่มีศรัทธาแท้คือผู้ที่เชื่อและยอมรับ พระพุทะ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเอาความโลภ ความโกรธ ความหลงมาเป็นที่พึ่ง ผู้ปฏิบัติตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ขยันภาวนา แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงและหมดไป
    ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิต รักษาจิต ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และ ไม่สภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว โดยเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายตายหมดสิ้นแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามเป็นจริง ได้ว่าอะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรควรรักษา อะไรควรละทิ้งออกจากจิต ไม่ควรใส่ใจสนใจเรื่องของผู้อื่น ควรตั้งใจตรวจสำรวจดูจิตของเราเองว่ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง คิดว่าร่างกายนี้ยังเป็นของจิตหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับกายไม่ใช่อันเดียวกัน เพียงแต่มาอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น
    อารมณ์วางเฉยมี 3 อย่าง
    1. วางเฉยแบบหยาบ คือ อารมณ์ปุถุชนที่เฉย ๆ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว ซึ่งมีเป็นครั้งคราวเท่านั้น
    2. วางเฉยแบบกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนา มีความรู้ตัว มีความสงบของจิต วางอารมณ์จากความดี ความชั่ว สุข ๆ ทุกข์ ๆ ใด ๆ ในโลกีย์วิสัย เฉยบ่อยมากขึ้น
    3. วางเฉยแบบละเอียด คือ อารมณ์ของพระอริยเจ้า พระอรหันต์ ซึ่งไม่มีอารมณ์สุขหรือทุกข์ ดีหรือชั่ว ดีใจปนเสียใจ วิตกกังวลฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มี ไม่คิดปรุงแต่งไปในอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีความวางเฉยในร่างกายของท่านเอง จะเจ็บปวดทรมาน จิตท่านนิ่งเฉยอยู่ในจิตของท่านว่าจิตส่วนจิต กายเป็นเพียงของสมมุติของชั่วคราว ตายเมื่อไร ท่านก็พร้อมที่จะทิ้งรูปนามขันธ์ เสวยวิมุติสุขแดนอมตะทิพย์นิพพานติดตามองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ของดีนั้นมีอยู่ในตัวเราทุกคน ของดีนั้นอยู่ที่จิตของท่านทุกท่าน ของไม่ดีอยู่ที่ร่างกาย
    จิตมี 3 ขั้น ตรี โท เอก
    ถ้าตรีก็ต่ำหน่อย ยังวุ่นวายเป็นทุกข์กับเรื่องของโลก
    ขั้นโท ก็มีศีลครบ มีเมตตา ทำบุญทำทาน
    ขั้นเอกนี่ ดีมาก จิตก็มองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์ สัตว์ นรก เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แล้วก็ตายสลายผุพังไปกันหมดสิ้น ตัวอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ของตน ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับเอาไว้ให้คงที่ก็ไม่ได้ ตัวนี้แหละเป็นตัวเอก ไล่ไปไล่มา ให้มันเห็นร่างกายคนเรา ตานแน่ ๆ คนเราหนีตายไม่พ้น แม้เพียงวันเดียว
    1. ตายน้อย ก็คือ นอนหลับทุกคืน หลับชั่วคราว คือ ตายทุกคืน ตื่นตอนเช้า
    2. ตายใหญ่ ก็คือ นอนหลับตลอดกาล แต่จิตไปตื่นตรงที่มีกายใหม่ มีกายใหม่ที่อื่นเป็นกายผี กายสัตว์ กายเทวดา กายพรหม แล้วแต่ผลบุญหรือผลบาปที่ทำไว้ตอนเป็นคน

    แต่ไหนแต่ไรมา คนเราเกิดมาแล้วมีแต่ความวุ่นวายสารพัดอย่างปรุงแต่งต่างๆ นานานับไม่ถ้วนเหลือที่จะคณา เมื่อเรามาทำความสงบแม้เพียงประเดี๋ยวเดียวก็รู้สึกว่าเย็นใจสบายใจ เราก็ควรรักษาความเย็นอันนี้ ความสบายอันนั้นไว้ให้ตลอดไป จึงจะเป็นไปเพื่อความสุขซึ่งเป็นความปรารถนาของคนทั่วไป เมื่อได้ความสุขนั้นมาแล้วก็จงรักษาความสุขนั้นไว้ ของหาได้ง่ายแต่รักษาได้ยาก ครั้นทำได้แล้วที่จะรักษาไว้ให้ได้นานนั้นยากที่สุด เพราะอะไร เพราะกิริยาอาการทุกอย่างของเรามันกระทบกระเทือนอยู่ตลอดเวลาเป็นต้นว่า ยืน เดิน นั่ง นอน การพูด การคุย การกิน สารพัด ทุกอย่าง เป็นเรื่องกระทบอายตนะทุกสิ่งทุกประการ จิตมันก็ส่งไปตามอายตนะจึงว่ารักษาได้ยาก ถ้าหากผู้ทำได้ชำนิชำนาญคล่องแคล่วเสียแล้วท่านรู้เท่ารู้เรื่องท่านตามรู้ตามเห็นทุกสิ่งทุกประการ มันจะมาแบบไหนก็ตามรู้เรื่องของมันจิตส่งไปก็เป็นธรรมะ จะคิดนึกถึงก็เป็นธรรมะ มันปรุงมันแต่งก็เป็นธรรมะ ถ้ารู้เท่ารู้เรื่องมันเป็นธรรมดาเป็นของมันอย่างนั้นเป็นธรรมะทั้งหมด ผู้ปฏิบัติจะเห็นความดีความชั่วของตนตรงนี้แหละมันเป็นธรรมหรือมันเป็นโลก ก็เห็นกันที่ตรงนี้ ที่จิตนี่



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คติธรรมบางส่วนของหลวงปู่ท่านอ่านไว้เจริญบุญเจริญปัญญากันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...