ทำไมเซียนส่องพระถึงไม่ชอบการจับพลังครับ???

อันนี้ขอถามแบบเป็นกลางๆนะครับ เพราะผมเพิ่มจะเริ่มหัดส่องพระ ศึกษาไปตามกระทู้ต่างๆ ก็เจอว่าพวกส่องพระจะคุยกับพวกจับพลังไม่ค่อยรู้เรื่องๆ มันเป็นเรื่องอะไรกันเหรอครับ ทำไมเซียนส่องพระถึงไม่ชอบการจับพลังครับ??? ในเมื่อ core value ของการห้อยพระซักองค์นึง ก็เพื่อที่เราจะได้อาศัยพลังพุทธคุณที่อยู่ในตัวพระ หวังว่าในตัวองค์พระจะมีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ ที่จะสามารถคุ้มครองผู้ที่ห้อยพระองค์นั้นๆอยู่ได้ การส่องด้วยกล้องก็ไม่ได้จะทำให้เรารู้อะไรได้ซักเท่าไหร่นอกจากว่าพระองค์นี้ใครสร้าง

 

เพราะเซียนไม่มีความสามารถในการจับพลัง นะสิครับ

ถ้ายอมรับวิธีการนี้ เซียนจะหมดความสำคัญไปทันที

แล้วเรื่องการจับพลังเป็นปัจจัตตัง ไม่สามารถบอกกล่าวกันได้ด้วยสัมผัสทั้งสี่
จึงบอกถูกผิดให้ประจักษ์แก่สาธาณชนไม่ได้

แต่การจับพลังเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดในการตรวจสอบพระเครื่อง
เพราะคนเรายอมแขวน ยอมซื้อหากันด้วยราคาสุดแพง ก็เพราะพุทธคุณนี้

 

ไม่รู้ว่ากล้องที่ถ่ายแสงออร่านี่สามารถถ่ายพระเครื่องได้ไหมครับ??? ถ้าได้ ก็แสดงว่าวิธีการจับพลังสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์

 

ผมว่าหาคนที่น่าเชื่อถือเพื่อจับพลังยาก หากมี ท่านนั้นควรพิสูจน์ให้คนยอมรับก่อน อาจมีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของให้ดู(ไม่ใช่เล่นกล) หรือวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้
เริ่มทีละนิดเพื่อให้คนค่อยๆยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่มีรูปธรรมใดๆ ให้คนยอมรับ แม้แต่บางเว๊ปในยูธู๊ปซึ่งทดสอบเอาปืนยิงไปที่พระแต่กระสุนไม่ออก ก็อาจเป็นปาหี่ได้

 

โห...หลักการอริยสัจ 4 เหตุและผล...

 

การจับพลังไม่เป็นมาตรฐาน ใครจะรับรองได้ว่าไม่ใช่อุปทาน
พลังงานเป็นนามธรรม เป็นคลื่นรังสี ไม่มีคนเห็นด้วยตาเปล่า
ไม่เหมือนเนื้อพระ ผิวพระ ความเก่า ความแห้ง ความราน
การยุบตัว มวลสารที่ปรากฎ พิมพ์ทรง ขอบข้าง ตำหนิต่าง ๆ
สิ่งเหล่านี้สามารถเห็นได้ เทียบเคียงได้โดยมีองค์ต้นแบบให้ดู
เป็นมาตรฐานตามหลักสากลนิยมเป็นรูปธรรมจับต้องได้

แต่จับพลังเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ มีแต่ลมปากบอกว่าอย่างโน้นอย่างนี้
เซียนทั้งหลายจึงไม่นิยมพระจับพลัง หรือการจับพลังของพระครับ

การถ่ายภาพออรอร่าก็เช่นกัน วัตถุธาตุจะมีรังสีในตัวเองอยู่
บางครั้งก็เกิดจากพลังงานความร้อนของคนที่ไปจับต้อง
เวลาถ่ายภาพออกมาจะเห็นเป็นสีต่าง ๆ ได้เช่นกัน
ดังนั้นวิธีนี้ก็ยังไม่ได้มาตรฐานเช่นกัน

การทดลองยิงด้วยปืนก็เช่นกัน ก็มีลูกเล่นต่าง ๆ
เกี่ยวกับไกปืน นกสับ และลูกกระสุน ที่ทำให้ปืนไม่ลั่น ยิงไม่ออกได้
วิธีนี้ก็ยังไม่มาตรฐานเช่นกัน ยกเว้นปืนเรา กระสุนของเรา

 

อืม... น่าคิด ถ้าเป็นพระสมัยก่อนผมก็เชื่อได้สนิทใจว่าผ่านการปลุกเสกกันทุกองค์ แต่พระสมัยใหม่นี่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนะครับ เพราะมันมีจริงๆที่วัดสั่งทำ 30000 โรงงงานทำเกินไว้เผื่อเสียอีกซัก 2000 แล้วก็เผื่อว่าจะดังก็เลยทำเก็บไว้อีกหน่อย เสร็จแล้วก็ไม่ได้เอาเข้าพิธีปลุกเสก ไปเจอแบบนี้ก็กลายเป็นว่าไปเอาเศษหินเศษปูนอะไรไม่รู้มาห้อยคอ

สุดท้ายก็ต้องกลับไปหัดส่องพระเก่าอีกเนอะ

 

เห็นด้วย เป็นอย่างมากครับ

 

ถ้าผมบอกว่า ผมสามารถจับพลังได้ จะเชื่อมั๊ยล่ะครับ แล้วจะรู้ได้ไงว่า ใครสามารถจับพลังได้

สู้กล้องส่องพระกับความพยายามเรียนรู้ของตัวเอง จะดีที่สุดครับ

 

ที่นครสวรรค์มีอยู่ 1 ทาน ชื่อ อ.โสภณ ทางไปกำแพงเพชร

 

ที่เคยพบหรือฟังมา คนเล่นพระเก๊มักปลอบใจตัวเองว่าพระในครอบครองมีอำนาจพุทธคุณค่ะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องปัจจักตัง อาจจะมีจริงที่ทำได้เเค่คงน้อยมากค่ะ

 

ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าพระที่เรา ยึดเอาการจับพลังได้ ว่าดี หรือไม่ดี ใช้เพื่อหวังพึ่งพุทธคุณ ก็ดีนะครับ แต่จะใช้เป็นเกณท์ในส่วนนึงของการ พาณิชย์ไม่ได้ พระถ้าไม่มีการซื้อขาย จะว่ากันไปว่า มีพลังมหาศาล ปานตะไท ก็ ว่ากันไปได้ครับ

 

กระทู้นี้ แจ่ม โดนใจ ใช่เลย ....

กด Like + อิอิ

โดยเฉพาะ display ของคุณ๙น้ำขิง๙ ^^

 

ครับ

เห็นด้วยครับ และอีกอย่างพระที่เช่าบูชาสมัยนี้ มันกลายเป็นพาณิชไปหมดแล้ว หากว่าคุณอยากได้พระราคา50,000บาท แล้วให้คนจับพลังเอา ลองคิดดูนะครับว่า คนฉลาดๆเขาทำกันแบบนั้นหรือเปล่า คนที่ผมพานพบมา ถ้าชอบพระสายกรรมฐาน ฝึกจิตอภิญา นั่งสมาธิ เข้าไม่เช่าพระมาสะสมครับ มีเท่าที่พึงมีเท่านั้น เห็นหลายคนมากๆ นับถือพระจริงๆไม่แขวนพระครับ เพราะเชื่อในธรรมมะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ส่วนพวกเราที่ชอบพระเครื่องก็คือพวกที่หลุดไม่พ้น รับเอาแต่กระพี้ ไม่ได้เอาแก่นของศานาพุทธ หลายคนชอบอวดคำพูดในลักษณะคำสอน หรือคำบาลี ยกนรกสวรรค์มาอวดอ้าง เพียงเพื่อแสดงว่า"กูเหนือกว่าคนอื่น" เท่านั้นเอง อันที่จริงก็เป็นเพียงแค่กระพี้เหมือนกัน คนที่จับพลังได้ เขาไม่จับให้ใคร ไม่อวดว่า"กูเป็น" หรือ"กูเก่ง"ที่ผ่านมาในชีวิตเห็นพวกจับพลังพระสุดท้ายยังงมงายอยู่กับพระเก๊ที่คนเขาเห็นว่าเป็นของเก๊ไร้ราคาครับ

 

ก่อนอื่นนะครับ ตอบผมหน่อย จับพลังคืออะไรครับ

 

เท่าที่รู้ที่เห็นมาการจับพลังพระคือเขาจะกำพระใว้ประมาณ1-2นาทีแล้วเขาจะบอกว่าพระหรือเครื่องรางนี้มีพุทธคุณอย่างใหน( ร้อน)ประมาณว่ามหาอุตม์คงกระพัน(เย็น) ประมาณว่าเมตตามหานิยม หรือแคล้วคลาด ก็แล้วแต่ความเชื่อถือของแต่ละบุคคลไม่ว่ากันครับ

 

อ้อ...แล้วรู้ได้ยังไงว่าพระแต่ละองค์ใครเป็นคนปลุกเสก

 

เรื่องพุทธานุภาพ นี้ผมว่า จับไม่ได้หรอกขอรับ
เพราะว่าพุทธานุภาพไม่ใช่ ของหยาบคับผม
แต่ถ้าพลังจิตหยาบ ๆ ก็อาจจะพอจับได้คับ
พวกนี้จะสัมผัสคลื่นหยาบๆ ได้คับผม เช่น ร้อน เย็น แข็ง แรงดัน

อย่างของผมมี ลูกอมเนื้อเมฆพัดคับ เชื่อไหมคับพี่ เอามาส่องๆดูกลางแจ้ง บริกรรมสวดมนต์หน่อย จู่ๆมันมีไฟฟ้ามาจากไหนไม่รู้ ช๊อตมาที่ลูกอม มือผมชาไปหมดเลยขอรับ

แล้วถ้าเอาลูกอมนี้วางไว้ใกล้ ก็จะรู้สึกเหมือนมีแรงดัน ผมว่าของมันแรง แต่ผมไม่ชอบผมชอบแบบเมตตามากกว่าคับผม

เรื่อง จับพลังก็น่าจะพอบอกได้บ้างคับ แต่ว่าของแบบนี้ใครเขาจะไปเชื่อหละคับ
แต่การส่องวัตถุสามารถรู้ได้ครับว่า เก่า ใหม่ ศิลปะเป็นอย่่างไร แบบเห็นจะจะ

 

คนที่ชอบจับพลัง(งาน)ของพระก็จะบอกว่า หากเป็นของหลวงพ่อนั้น ๆ ก็จะมีอาการแบบนี้ ของสมเด็จโตจะมีอาการแบบนี้ เป็นการเทียบเคียงจากที่เคยจับ
พลังมาก่อน เพราะเขาจะบอกว่าหลวงพ่อเดียวกันพลังงานท่านจะคล้ายคลึงกัน

แต่บางคนอวดอ้างถึงขนาดว่า จับปุ๊บจะเห็นผู้สร้างพระองค์นั้นมาบอกในจิตว่า
ท่านชื่ออะไร วัดไหน สร้างเมื่อไหร่ ดีทางไหน บางคนอวดอ้างว่ารู้แม้กระทั่งจำนวนที่สร้างว่ามีเท่าใด ส่วนผสมอะไรบ้าง เก่งอภิมหาเก่งขนาดนั้น
แต่โทษทีพอเห็นพระก็เป็นพระเก๊ท่าพระจันทร์ แล้วจะให้ว่าอย่างไรดี

พอบอกว่า เก๊ ก็ทะเลาะกันแทบฆ่ากันตาย คนหนึ่งดูพิมพ์ทรง เนื้อหาของพระ
อีกคนอ้างว่ามีพลังรัศมีหกสี เจ็ดสี บันดาลโชคลาภ คุ้มภัยได้สาระพัด

ระหว่างสองคนนี้จะเชื่อใครดี ใครน่าเชื่อที่สุด เถียงกันมาก ๆ เข้า เขาก็บอกว่า
พระที่ว่าแท้ เนื้อถูก พิมพ์ถูก ตำหนิครบ แต่ไม่มีพลังเขาก็เคยเจอมาแล้ว

บอกได้คำเดียวว่า วุ่นวาย ครับงานนี้ ซื้อแล้วต้องคืนเงินกันไหมนี่

 

ถ้าผมบอกว่าจับพลังเป็นครั้งแรกก็เพราะเข้ามาเล่นเว็บนี้แล้วไม่เชื่อลองทำตามดู แล้วดันทำได้ จะเชื่อไหม แล้วก็หายไปเป็นปี พอเริ่มมีสมาธิก็มาลองเพราะอยากได้ของดีแต่ดูไม่ค่อยเป็น ก็เลยลองแล้วก็ได้ ทั้งสองอย่างคือ ดีทั้งจับพลัง และ สายตาเซียน มันเป็นปัจจัตตัง จริงๆ ไม่ใช่คนคุ้นเคยจะว่าเราบ้าครับ แต่ทำให้เรารู้พุทธคุณและมั่นใจในพระที่เราแขวนมากกว่าเดิมครับผม อีกอย่างผมไม่เคยขายพระเลย จึงไม่มีส่วนได้ มีแต่ส่วนเสียที่เรียกกันว่าจุก เพราะเก็บเข้าอย่างเดียว
ส่วนเรื่องพระแต่ละองค์ใครปลุกเสกนี่ผม ไม่เคยรู้ครับ สงสัยเหมือนกัน ทำได้ขนาดนั้นผมไม่แขวนแล้วพระคงเลิกเล่นเพราะ น่าจะคุ้มครองตัวเองได้แล้วครับ

http://palungjit.org/threads/ประสบการณส่วนตัว-ลองใช้คาถา-ชมบารมีพระ.182148/page-10