พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    เห็นรอยชัดมากเลยครับ รอยพระนั่งสวยงามมากครับ
    โมทนาบุญทุกอย่างถวายเป็นพุทธบูชาฯ ครับ
     
  2. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ noi ครับ

    สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมรอยพระพุทธบาทถึงมีขนาดและรูปร่างไม่เท่ากัน?

    จากตำนานพระพุทธบาทยั้งหวีด



    ...ขณะที่องค์สมเด็จพระชินสีห์เสด็จมาบิณฑบาตที่บ้าน กองหลวง - กอนน้อย นั้น มีหัวหน้าหมู่บ้านสองคนเป็นพี่น้องกัน ผู้พี่มี
    ชื่อว่า ขุนอ้ายกอนคำ ผู้น้องมีชื่อว่า ขุนอ้ายท่อนคำ ได้เอาเสื่อมาปูถวายให้พระพุทธองค์ประทับนั่งใต้ต้นมะม่วงต้นหนึ่ง แล้ว
    จึงได้ถวายภัตตาหาร แด่พระพุทธเจ้า

    เมื่อพระองค์ฉันเสร็จแล้ว จึงประทานเส้นพระเกศา ๑ เส้น พร้อมกับได้ตรัสสั่งว่าเมื่อเราตถาคตปรินิพพานแล้ว ท่านทั้งหลายจงเอา
    กระดูกซี่โครงเบื้องซ้าย มาบรรจุไว้กับพระเกศาธาตุที่นี้เถิด

    ครั้นพระพุทธองค์ตรัสดังนี้แล้ว จึงเสด็จพุทธดำเนินไปไกลประมาณ ๑๔ วา เพื่อทรงถ่ายอุจจาระปัสสาวะใกล " ต้นหวีด " ต้นหนึ่ง
    อุจจาระอันนั้นก็อันตรธานหายไปสิ้น ไม่เป็นอาหารแก่สัตว์ตัวใดตัวหนึ่งเลย

    ในขณะนั้น ยังมีพญานาคตนหนึ่งชื่อว่า สะสัญชัย ได้บุ(ผุด) ออกมาให้เป็นบ่อน้ำเกิดขึ้น พร้อมกับเนรมิตกระบวยทองคำเพื่อ
    ถวายพระ พุทธเจ้าให้ทรงชำระสระสรงพระวรกาย แล้วทูลขอรอยพระพุทธบาททั้งคู่ไว้เป็นที่สักการะบูชาแก่คนและเทวดานาค
    ครุฑทั้งหลาย

    องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงเหยียบรอยพระพุทธบาททั้งซ้ายและขวาประทานให้แก่พญานาคแล้วจึงเสด็จกลับมายังต้นมะม่วง
    ตามเดิม และทรงมีพุทธดำรัสแก่พระอานนท์ว่า

    "ดูก่อนอานนท์...ตถาคตมาในสถานที่นี้ ท่านทั้งหลายได้ขอเกศาธาตุไว้ ในที่นี้ภายหน้าจักได้ชื่อว่า " อัมพวนาราม "(ขณะนี้เรียก
    ว่า มะกับตอง ต.ยุหว่า ห่างไกลจากวัดพระบาทยั้งหวัดประมาณ ๓ ก.ม. แต่ในหนังสือประวัติท่านพระแม่ฯ บอกว่าปัจจุบันคือ
    วัดทุ่งตูม)

    อนึ่งตถาคตได้ถ่ายอุจจาระที่ใต้ต้นไม้หวีด" พญานาคสะสัญชัย ได้บุออกมาถวายบ่อน้ำและกระบวยทองคำ เพื่อให้ได้ชำระพระวร
    กาย ตถาคต แล้วได้ขอรอยพระพุทธบาททั้งคู่ไว้เป็นที่สักการะบูชา

    แต่เราตถาคตก็ได้เหยียบไว้ใหญ่บ้างเล็กบ้างไม่เท่ากัน เพราะเล็งเห็นภัยในอนาคตกาล โดยชาวเมือง โกสัมพี ทั้งหลาย จักไม่รู้คุณ
    ค่า ของพระพุทธศาสนา จะมาสร้างบ้านเรือน ทำสวน มีสัตว์เลี้ยง ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ มีแต่เรื่องฆ่าสัตว์เป็นอาชีพ และไม่รู้จัก
    สถาน ที่อันควรเคารพบูชา จะพากันมาซักเสื้อผ้าและชำระร่างกายที่บ่อน้ำนี้

    มิหน้ำซ้ำจะมาทำลายรอยพระบาท ที่ตถาคตได้เหยียบไว้นี่ด้วยมีดและขวาน เพราะเขาเข้าใจว่าเป็นรอยของโยคี ไม่มีความเคารพ
    ยำ เกรงแม้แต่คนเดียว มีแต่ดูถูกดูหมิ่นประมาทด้วยอาการต่างๆ นาๆ

    พวกเขาเหล่านั้นต่อไปภายหน้า จะได้เสวยกรรมวิบาก เพราะโทษที่หมิ่นประมาทรอยพระบาท เขาจักเจ็บไข้ได้ป่วย ฉิบหายวอดวาย
    ไปตามๆ กัน แม้ตถาคตก็มีกรรมวิบากยังไม่สิ้นสุด ถึงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ตาม กำลังอกุศลกรรมที่เราได้กระทำไว้ก็ยัง
    ติดตามสนอง...

    คัดลอกบางส่วนจากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม ๑

    http://www.dannipparn.net/web/prabath.php<!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ noi ครับ

    พระพุทธองค์ตรัสดังนี้แล้ว จึงนำซึ่งบุพพกรรมของพระองค์เองมาแสดง เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่พุทธบริษัทสืบต่อไปอีกว่า...

    ...ในสมัยหนึ่ง เมื่อตถาคตได้มาเกิดเป็นบุตรกฎุมพีมีชื่อว่า "โลลัตตกุมาร " อาศัยอยู่ในเมืองพาราณสีวันหนึ่งได้ไปเที่ยวเล่นตาม
    ถนนหนทางกับเพื่อนเด็กๆ โลลัตตกุมารได้เล่นวาดเขียนรูปรอยเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้เขียนใหญ่บ้างเล็กบ้าง แหว่งวิ่น
    บ้าง ไม่เท่ากัน และเขียนไม่มีนิ้วเท้าเป็นต้น

    ประหนึ่งบุคคลสวมรองเท้าแล้วจึงไปเหยียบทราย ฉะนั้น เหตที่ไม่ชำนาญศิลปะในการเขียน อุตริเขียนเล่นไปเท่านั้น แล้วได้กล่าว
    ขึ้นว่า " รอยเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้าของเรางามแท้หนอ...! "

    แล้วก็เที่ยวเก็บดอกไม้มาบูชาประนมมือไหว้ เมื่อเล่นๆ ไป ก็เอามีดปลายแหลมที่ตนเองขีดเขียนนั้น ขีดเล่นรอยเท้านั้นให้เป็นรอย
    มีด แล้วก็ลบรอยเท้าที่ตนเขียนเล่นนั้นด้วยฝ่าเท้าของตนเอง

    ด้วยอกุศลวิบากเพียงเท่านี้ เมื่อเราตถาคตเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ฝูงชนเหล่านั้นจักได้มาทำลายรอยพระพุทธบาทอันนี้
    เหตุดังนั้นตถาคตมิอาจที่จะห้ามกรรมวิบากอันตถาคตได้กระทำมาแต่ชาติปางก่อนได้

    ดูก่อนอานนท์...เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้วได้ ๒๑๑๓ พรรษา กับ ๑๐ เดือน ๒๖ วัน ตำนานพระบาทกับพระเกศา
    ธาตุจักปรากฏแก่คนทั้งหลาย เมื่อถึงพุทธศักราชดังกล่าวแล้วนี้ กรรมวิบากที่ตถาคตได้กระทำไว้ก็จักหมดสิ้นไป
    โดยไม่มีเศษเหลือ

    สถานที่รอยพระพุทธบาทประดิษฐานประดิษฐานอยู่ ก็จักปรากฏรุ่งเรือง มีผู้อุปัฏฐากรักษา มีคนมาเลื่อมใสและถวายเครื่องสัก
    การะบูชาเป็นอันมากตราบเท่า ๕,๐๐๐ พระวรรษาแล...."

    คัดลอกบางส่วนจากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม ๑

    http://www.dannipparn.net/web/prabath.php
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ noi ครับ

    อานิสงส์การกราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาท, พระพุทธหัตถ์และพระบรมสารีริกธาต

    ในต้อนท้ายของหนังสือตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกกล่าวไว้ว่า...
    "บุคคลใด คือคฤหัสถ์หรือนักบวชทั้งหลาย ทั้งหญิงทั้งชาย ได้มีใจบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ในการคัดลอกตำนานเรื่องนี้
    ด้วยตนเองก็ดี ได้มีจิตรำลึกคิดถึงเรื่องราวของตำนานก็ดี ได้สักการะบูชาด้วยสิ่งของต่างๆ เป็นต้นว่า ข้าวตอก ดอกไม้ ข้าว
    ปลาอาหารแก้วแหวนเงินทอง ธูปเทียน ฉัตรเงินฉัตรทอง และธง
    ด้วยความเคารพอย่างยิ่งก็ดี ได้จดจำเรื่องราวของตำนานไว้ก็ดี ได้บอกเล่าให้ท่านผู้อื่นฟังก็ดี ได้แสดงความเคารพด้วยกาย ด้วย
    วาจา และด้วยใจก็ดี ได้เทศน์ให้คนและเทวดาทั้งหลายฟังก็ดี เมื่อเทศน์หรือเมื่อฟังด้วยความเคารพเกิดความเลื่มใสยินดีในพระ
    พุทธ บาทและพระบรมธาตุ ที่พระพุทธเข้าทรงพระมหากรุณาธิคุณเสด็จไปเผยแผ่ และทรงเหยียบรอยพระพุทธบาทและประดิษ
    ฐานพระบรมธาตุไว้
    เมื่อครั้งพระยังทรงพระชนม์อยู่ก็ดี และเมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว พระอรหันตสาวกทั้งหลายได้ อัญเชิญพระบรม
    ธาตุไปประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของคนและเทวดาทั้งหลายก็ดี
    บุคคลชายหญิงคฤหัสถ์และนักบวชทั้งหลายนั้น ก็จะได้ผลานิสงส์เป็นอันมาก จนไม่อาจที่จะกำหนดนับได้ ท่านทั้งหลายที่กระทำดัง
    กล่าวมา ได้ชื่อว่าเป็น "อวินิปาตบุคคล" คือบุคคลที่ไม่มีโอกาสได้ไปเกิดในอบายภูมิทั้งสี่มีแต่จะพุ่งดิ่งตรงต่อพระนิพพาน
    เพราะบุคคลผู้นั้นเสมอดังได้รู้ได้เห็น และได้ปฏิบัติอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
    ประการหนึ่ง เสมอดังได้พูดได้ คุยได้ ถามปัญหาซึ่งพระพุทธเจ้าทุกวันทุกเวลา
    ประการหนึ่ง เสมอดังได้เดินตามหลังพระพุทธเจ้าทุกบาททุกก้าว
    ประการหนึ่ง เสมอดังได้ปลูกสร้างพระเจดีย์ พระวิหารอันเป็นที่สำราญของพระบาทและ พระธาตุเจ้าทั้งหลายที่ได้ กล่าวมาทุกแห่ง
    ประการหนึ่ง เสมอดังได้บำเพ็ญกุศลส่วนบุญด้วยปาก ด้วยกาย และด้วยใจทุกเวลา
    ด้วยเดชแห่งผลานิสงส์ดังนี้ จะอุปถัมภ์ค้ำชูอุดหนุนให้ตั้งอยู่ในทางสัมมาปฏิบัติ ประกอบด้วยยศศักดิ์ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ เป็นผู้
    ฉลาด มีญาณปัญญายิ่งกว่าคนทั้งหลาย ภัยอันตรายต่างๆ ก็ดี โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ดี อุบาทว์และศัตรูต่างๆ ก็ดี ย่อมระงับดับหาย
    ไป
    จะสัมฤทธิ์สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สิ่งของเงิน ทอง ข้าวเปลือกข้าวสาร ทั้งปศุสัตว์ จักอุดมด้วยฤทธิ์เดชยิ่งนัก จะประสบสุขในชาตินี้และ
    ชาติต่อๆ ไป ยิ่งกว่าคนและเทวดาทั้งหลายหากมีบุญสมภารมาก ก็จะได้ถึงพระนิพพานในศาสนาของพระพุทธเจ้าโคตมะนั้นแน่นอน

    แม้นว่าบุญสมภารยังไม่บริบูรณ์เต็มที่ ยังจะต้องท่องเที่ยวเวียนวนอยู่ในวัฏฏสงสารจะไม่ได้ไปเกิดในอบายภูมิทั้งสี่แม้แต่ครั้งเดียว
    จะได้เห็นพระศรีอาริยเมตไตรย และจะได้มรรคผลในศาสนาของพระองค์อย่างเที่ยงแท้แน่นอน โดยไม่ต้องสงสัย ดังนี้แลฯ
    คัดลอกจากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท เล่ม ๑




    http://www.dannipparn.net/web/prabath.php<!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. kannak

    kannak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +372
    โมทนาด้วยค่ะ สาธุๆ
     
  6. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    รอยพระพุทธบาท(อ่าวเขาขาด) [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]อำเภอเกาะสีชัง [/FONT]
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงอัญเชิญมาจาก วัดพุทธคยา ประเทศอินเดีย เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานไว้บนยอดเขา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="49%">เจดีย์เหลี่ยม
    อยู่ตรงข้ามกับที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ไม่มีประวัติการก่อสร้างแต่อย่างใด เป็นเจดีย์ก่ออิฐฉาบปูนรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง มีฐานเป็นแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตัวเจดีย์มีความสูงจากพื้นถึงส่วนยอดที่หักประมาณ 6 เมตร ทรงชะลูด และส่วนยอดขององค์เจดีย์แกะเป็นลวดลายกลีบบัว ตัวเจดีย์ตั้งบนพื้นหินหันด้านต่าง ๆ ตรงกับทิศทั้งสี่

    </TD><TD width="51%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    (อ่าวเขาขาด) [FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif]
    239 หมู่ 6 ตำบล ท่าเทววงษ์ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี 20120
    โทร 038-216298 หรือ 09-8928868
    [/FONT][FONT=Verdana, Arial, Helvetica, sans-serif] http://www.maleeblue.com/attraction2.htm[/FONT]

    โมทนาด้วยครัย สาธุ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส

    พระพุทธบาทสนามแจง วัดเขาวงกต(สนามแจง) อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี [​IMG][​IMG]

    โมทนาด้วยครับ สาธุๆ
     
  8. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    [​IMG]ประวัติตำนานรอยพระพุทธบาทเขาโภคา [​IMG]
    เรียบเรียงโดย...โสภณ สว่างหล้า
    ตามตำนานท้องถิ่นกล่าวไว้ว่า เขาโภคา หรือบางท่านเรียกเขาภูคา ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขต ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
    เป็นเขาลูกเดียวตั้งอยู่ห่างไกลจากเขาลูกอื่นๆ เดิมบริเวณนี้เป็นป่า ต่อมาปลายรัชกาลที่ ๕ จนถึงรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงให้
    สร้างสายรถไฟ กรุงเทพ - นครสวรรค์ ผ่านเขาลูกนี้ห่างประมาณ ๘๐๐ เมตร ช่างได้ระเบิดหินเพื่อนจะเอามาทำทางรถไฟ
    ก็ไม่สามารถระเบิดได้ แม้จะผลัดเปลี่ยน พยายามกันเพียงใดก็ตามไม่สำเร็จ ต้องใช้หินจากภูเขาลูกอื่น ที่อยู่ห่างไกลออกไป
    การขนส่งลำบากและสิ้นเปลืองงบประมาณไปมาก ความทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเห็นเป็นเรื่องแปลก จึงสั่งยุติไม่ให้
    ทำลายเขาลูกนี้ต่อไป และได้พระราชทานนามว่า "เขาโภคา" แปลว่าภูเขาอันเป็นโภคสมบัติของแผ่นดิน

    ต่อมาได้มีประชาชนอพยพเข้ามาปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ชายภูเขาลูกนี้ได้ประมาณ ๓๐ หลังคาเรือน ได้มีพระธุดงค์จารึกมา
    ปฏิบัติธรรมในถ้ำของภูเขาลูกนี้ เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต, พระอาจารย์มั่น, หลวงปู่โอภาสี, หลวงพ่อเดิม,
    พระอาจารย์สิม, พระอาจารย์ฝั้น, หลวงปู่บุดดา, หลวงปู่สงฆ์, พระอาจารย์วิริยัง, พระอาจารย์อ่อน, หลวงปู่โง่น
    ฯลฯ
    พระเถระทั้งหลายได้ปฏิบัติธรรมที่นี่จนบรรลุธรรม ณ ภูเขาลูกนี้ หลายครั้งหลายคืนได้มีชาวบ้านเห็นรูปปราสาทมีรัศมี
    สว่างทั้งองค์ปรากฏขึ้นที่ไหล่เขาหลังหมู่บ้านของตน จึงพากันมาดูแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ได้เข้าไปถามพระเถระที่มาปฏิบัติ
    ธรรมในถ้ำ พระเถระตอบว่าสงสัยจะมีรอยพระพุทธบาทอยู่ ชาวบ้านได้ขึ้นไปค้นก็ไม่พบอะไร เพราะมีต้นไม้รกขึ้นเต็มไป
    หมด อยู่ต่อมามีพระเถระนักวิปัสสนาจาริกมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี เข้ามาปฏิบัติธรรมในถ้ำของภูเขา เมื่อชาวบ้านเล่าเรื่อง
    นี้ให้ฟัง ท่านจึงได้ขึ้นไปค้นหลายหนให้ชาวบ้านที่เคยเห็นชี้ให้ดูแสงสว่างตรงไหนชาวบ้านชี้ให้ดู ได้ขึ้นไปค้นอีกจนอ่อนแรง
    กำลังจะเลิกกลับลงมาอยู่แล้ว ได้ขึ้นไปนั่งพักเหนื่อยอยู่บนก้อนหินใหญ่ มีต้นไผ่รวกขึ้นอยู่กลางก้อนหินนั้นกอใหญ่กลางก้อน
    หิน เป็นหลุมมีดินอยู่เต็ม นั่งพักอยู่มองไปเห็นผิดปกติเพราะเป็นรูปยาวใหญ่ ลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงสั่งให้โยมที่ไปด้วยขุด
    ถอนกอไผ่รวกออก โกยดินออกหมดเห็นรอยเท้ามี ๕ นิ้ว จึงแน่ใจว่าต้องเป็น รอยพระพุทธบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ
    เจ้านั้น ทรงเหยียบที่ใดแม้โรยฝุ่นขาวก็จะไม่ปรากฏรอยให้เห็น แต่ถ้าประสงค์จะให้ปรากฏรอย แม้หินผาหรือแผ่นเหล็ก ก็จะ
    อธิษฐานให้ปรากฏได้ ใหญ่เล็ก ตามปราถนา ด้วยเหตุนี้พระเถระและประชาชนชาวพุทธได้พบเห็นทั้งหลายเชื่อสนิทว่า ไม่มี
    รอย
    เท้ามนุษย์ไหนจะเหยียบหินให้เป็นรอยได้ นอกจากพระพุทธเจ้าองค์เีดียวเท่านั้น จึงได้เชื่อว่านี้คือ "รอยพระพุทธบาท"
    ดังนั้น จึงได้ติดต่อราชการขอตั้งสำนักสงฆ์ชื่อ "วัดเขาโภคา" ญาติโยมกับพระภิกษุได้ช่วยกันสร้างวัด สร้างพระประธาน
    ใหญ่บนไหล่เขานี้ มีพระภิกษุรูปนี้ได้เป็นเจ้าอาวาสชื่อ "พระครูพลอย เตชพโล" มีพระจำพรรษา ๕ รูป แม่ชี ๔ รูป ตั้งมา
    นาน ๑๘ ปี (หลักฐานปี ๒๕๓๐) ในปี ๒๕๓๔ เจ้าอาวาสองค์เดิมได้อาพาธ และมรณภาพในเวลาต่อมา ในปีเดียวกันได้เข้า
    เป็นวัดสาขาที่ ๑๖ ของวัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ "พระอธิการ สามารถ สมาธิโก"

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG] ตำนานถ้ำเขาภูคา [​IMG]
    ตามตำนานท้องถิ่นที่กล่าวไว้ว่า "ถ้ำภูคา" หรือบางท่านเรียกว่า "ถ้ำเขาภูคา" ตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขาภูคา ซึ่งเป็นถ้ำ ๑ ใน ๓
    ถ้ำของ จำนวนถ้ำทั้งหมด(อีก ๒ ถ้ำ คือ ถ้ำนกฮูก และถ้ำงู) ซึ่งอยู่กลางดงยาง มีหนองน้ำใหญ่ใกล้เชิงเขา บรรยากาศสงบร่มรื่น
    เย็นวิเวกที่ดินปากถ้ำก็ราบเรียบ ข้างในถ้ำตรงกลางจะมีปล่องทะลุให้แสงแดดและลมพัดผ่าน ทำให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี

    ในอดีตเป็นสถานที่ที่พระอริยสงฆ์บำเพ็ญบารมีจนได้บรรลุธรรมในถ้ำภูคานี้มาก่อน เช่น หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร, หลวงปู่บุดดา
    ถาวโร, สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต, หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, พระอาจารย์สิม, หลวงปู่โง่น, พระอาจารย์วิริยัง,
    หลวงปู่มั่น, หลวงปู่ฝั้น ฯลฯ รวมทั้งเป็นสถานที่ที่หลวงปู่บุดดา ได้พบบิดาในอดีตชาติ(ระลึกชาติได้) คือหลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร
    ที่ถ้ำภูคาแห่งนี้ ภายในถ้ำจแบ่งเป็น ๓ ส่วน ส่วนแรกจะมีบ่อน้ำอยู่บริเวณทางเข้า ส่วนที่สองจะเป็นบริเวณที่หลวงปู่สงฆ์, หลวง
    ปู่บุดดา บำเพ็ญภาวนา ส่วนที่สาม เป็นเหลือบถ้ำสำหรับบำเพ็ญภาวนาที่ต้องการความวิเวก และตัดสิ่งรบกวนจากโลกภายนอก
    มากๆ ตามคำกล่าวของหลวงปู่บุดดา ขณะที่ท่านบำเพ็ญภาวนาได้เห็นพระภิกษุสงฆ์ออกมาเดินจงกรมกันเต็มถ้ำแต่
    ไม่ยอมพูดจา รอยเท้าก็ไม่มี พอท่านหันหลังก็หายไป
    รวมทั้งพระกรรมฐานองค์อื่นไปพัก ได้เห็นพระธาตุเสด็จมาเป็น
    ของพระภิกษุณี รวมทั้งวิญญาณของเจ้าของทรัพย์อีกมากมาย หลวงปู่บุดดายังได้เห็นพระธาตุเสด็จมาอีก ๓ องค์

    หลวงปู่ทั้งสองท่านได้ไปโปรดญาติตามหมู่บ้านใกล้ๆ ถ้ำภูคา ชื่อ โยมสิลา แสงสีนิล เป็นประจำ ซึ่งโยมดังกล่าวปัจจุบันได้ถึงแก่
    กรรมแล้ว ด้วยอายุ ๑๐๘ ปี นับว่า "ถ้ำภูคา" หรือ "ถ้ำเขาภูคา" เป็นสถานที่สัปปายะ อันมีคุณค่ายิ่งที่หลวงปู่บุดดา ถาวโร และ
    หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโรรวมทั้งพระอริยสงฆ์อีกหลายๆองค์ ที่ได้มาบรรลุธรรมนำตนให้ออกจากวังวนแห่งวัฏฏสงสารได้สำเร็จ

    ข้อมูลจากหนังสือ ชีวิต การงาน หลักธรรม หลวงปู่บุดดา ถาวโร : ธรรมสภา : ๒๒/๒/๓๗

    โมทนาด้วยครับ สาธุ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    [​IMG]เที่ยวชม นมัสการรอยพระพุทธบาท วัดถ้ำเสือ ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

    โมทนาด้วยครับ สาธุ
     
  10. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 VSPACE="0" HSPACE="0"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left colSpan=2>โดย anonymous
    <!--Total Score : Yes Helpful : No Not Helpful -->
    </TD><TD vAlign=top align=middle width=10 rowSpan=4>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=left colSpan=2> รอยพระพุทธบาท ที่ค้นพบใหม่ล่าสุด ในประเทศไทยคือ รอยพระพุทธบาท วัดเขาดีสลัก ต.ดอนคา อ.อูท่อง จ.สุพรรณบุรี เป็นรอยพระพุทธบาทด้านขวา สลักนูน มีมงคล 108 ประการสลักบนฝ่าพระบาท จากการพิสูจน์ ของกรมศิลปากร โดยสำนักงานโบราณคดี และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ 2 สุพรรณบุรี ยืนยันว่า เป็นรอยพระพุทธบาท สมัยทวารวดีตอนปลาย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 หรือประมาณ 1,200 ปีมาแล้ว มีขนาดยาว 141.5 ซม. กว้าว 65.5 ซม. ทำด้วยหินทรายแดง เชื่อกันว่าลวดลายมงคล 108 นี้มีแห่งเดียวในประเทศไทย รูปที่สลักไว้ภายในวงกลม เป็นรูปปลา ดอกบัว หม้อน้ำ เทวดา และนกยูง ฯลฯ มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ สันติสุข พลังอำนาจทางศาสนา และความเชื่อในคำสอนของพุทธองค์

    คนสมัยก่อนถือว่า การไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ได้บุญกุศลมาก เพราะรอยพระพุทธบาท เป็นเครื่องมือเตือนใจให้ น้อมระลึกถึงพระพุทธองค์ ถ้าเราระลึกว่า ควรดำเนินชีวิต ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ อุปมาเหมือน การเดินตามรอยพระบาทแล้ว จะพบเส้นทางแห่งสันติสุข อันเป็นจุดหมายสูงสุดของการมีชีวิต

    บริเวณวัดเขาดีสลัก ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ซุ้มเฟื่องฟ้าออกดอกหลากส ีประดับประดาอยู่ตามสองข้างทาง และบริเวณเชิงเขา นอกจากนี้ทิวทัศน์บนยอดเขา เป็นทิวทัศน์ที่ควรค่าแก่การทัศนายิ่งนัก อากาศบริสุทธิ์ สดชื่นโชยผ่าน ก้อนหิน และลานหินสวยงาม แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

    มณฑปซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ให้ประชาชนได้กราบไหว้นั้น สร้างอย่างประณีต สวยงาม ตามแบบกรมศิลปากร โดยใช้งบประมาณทางราชการ 30 ล้านบาทเศษ บนยอดเขายังมีฝูงลิงประมาณ 40-50 ตัว ที่มักจะออกมา แอบมองตามโขดหิน และคาคบไม้ โดยหวังจะได้ของฝากเล็กๆน้อยๆจากผู้มาเยือน หากมองจาก หน้าผาด้านทิศตะวันออก จะแลเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม ของเมืองอู่ทองอย่างชัดเจน

    นอกจากรอยพระพุทธบาทแล้ว บริเวณรอบเขา ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เหมาะแก่การทัศนศึกษาทางธรรมชาติ เช่น

    ถ้าพระเสือ - ชาวบ้านนิยมเรียกว่า ถ้ำละมุด เพราะสมัยก่อน มีต้นละมุดอยู่หน้าถ้ำ ถ้ำนี้อยู่บนเชิงเขา ไม่สูงมากนัก มีบันไดคอนกรีตถึงถ้ำ และมีแสงสว่าง ส่องจากเพดานถ้ำพอประมาณ ช่วยให้มองเห็น ร่องรอยการอยู่อาศัยของคนสมัยก่อน และภายในถ้ำ มีพระพุทธรูปศิลาทรายสมัยอู่ทอง 9 องค์ อายุประมาณ 600 ปี

    ถ้ำปู - เป็นถ้ำที่น่าสนใจ ระคนความพิศวง เพราะเป็นถ้ำมืด ปราศจากแสงสว่างใดๆ เวลาเข้าไปชม ต้องใช้ไฟฉายส่องนำทาง เพื่อไม่ให้สะดุดก้อนหิน และสิ่งกีดขวางอื่นๆ ภายในมีอุโมงค์ขนาดใหญ่ 3 อุโมงค์ด้วยกัน เคยมีนักท่องเที่ยวพบสุนัขจิ้งจอก และฝูงเม่นจำนวนไม่น้อย

    รอยพระพุทธบาทสมัยทวารวดี วัดเขาดีสลัก - นับเป็นโบราณวัตถุทางศาสนา ที่ล้ำค่าของชาวไทย และพุทธศาสนิกชนทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นศิลปวัตถุอายุนับพันปี ที่เกิดขึ้นด้วยความศรัทธาของชุมชนสมัยโบราณ พวกเราในยุคสมัยใหม่ ควรหาโอกาสไปกราบนมัสการ เพื่อน้อมระลึกถึง องค์พระศาสดา และชื่นชมธรรมชาติบริสุทธิ์

    การเดินทาง - จากตลาดอู่ทอง ไปตามเส้นทางอู่ทอง-ด่านช้างประมาณ 3 กม. ถึงโรงงานน้ำตาลแล้วแยกซ้ายมือ ตรงไปทางเหนืออีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็ถึงวัดเขาดีลัก เมื่อไปถึงวัด ท่านจะไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทได้ 2 วิธีคือ นำรถยนต์แล่นขึ้นไปบนถนนราดยาง ไปถึงยอดเขาประมาณ 1 กม. หรือท่านที่ชอบออกกำลังกาย หรือการผจญภัยแบบนักบุญ ท่านอาจขึ้นยอดเขาโดยทางบันได เกือบหนึ่งพันขั้น ซึ่งจะทำให้ท่านตื่นเต้น และสนุกสนานไปกับธรรมชาติรอบข้างได้อย่างคุ้มค่า และนี่แหละคือ "การแสวงบุญบนดินแดนทวารวดี" โดยแท้
    <!--br> </FONT--></TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาสาธุครับ
     
  11. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ noi ครับ

    ffice:eek:ffice" /><O:p>พระพุทธบาทเบื้องซ้าย-ขวา และรอยวางบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถ้ำธารลอดใหญ่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี </O:p>

    [​IMG]<O:p></O:p>
    ก้อนหินที่พบรอบประทับพระพุทธบาทเบื้องซ้าย-ขวา <O:p></O:p>
    และรอยวางบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ<O:p></O:p>
    <TABLE class=MsoTableGrid style="BORDER-RIGHT: medium none; BORDER-TOP: medium none; BORDER-LEFT: medium none; BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-yfti-tbllook: 480; mso-padding-alt: 0pt 5.4pt 0pt 5.4pt; mso-border-alt: solid windowtext .5pt; mso-border-insideh: .5pt solid windowtext; mso-border-insidev: .5pt solid windowtext" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" src="images/smilies/tongue-smile.gif" border="0" alt="" o<img></v:shapetype>referrelative="t" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><V:path o:extrusionok="f" gradientshapeok="t" o:connecttype="rect"></V:path>

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    <O:p></O:p>

    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 426.1pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=568 colSpan=2>
    รอบประทับพระพุทธบาทเบื้องซ้าย
    <O:p></O:p>


    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    [​IMG]<O:p></O:p>

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    <O:p></O:p>

    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 426.1pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=568 colSpan=2>
    รอบประทับพระพุทธบาทเบื้องขวา
    <O:p></O:p>


    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 4"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    [​IMG]<O:p></O:p>

    </TD><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 213.05pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=284>
    <O:p></O:p>

    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 5"><TD style="PADDING-RIGHT: 5.4pt; PADDING-LEFT: 5.4pt; BORDER-LEFT-COLOR: #d4d0c8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #d4d0c8; PADDING-BOTTOM: 0pt; WIDTH: 426.1pt; BORDER-TOP-COLOR: #d4d0c8; PADDING-TOP: 0pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #d4d0c8" vAlign=top width=568 colSpan=2>
    รอยวางบาตร <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ขอเชิญร่วมสร้างที่ครอบรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย-ขวา และรอยวางบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.rakpratat.com/index.php?l...354287&Ntype=5
    <O:p></O:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  12. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="26%" bgColor=#ffffff>นมัสการรอยพระพุทธบาทภูคา วัดภูคาจุฬามณี(วัดเขาภูคา) ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ </TD><TD vAlign=top width="74%" bgColor=#ffffff><CENTER></CENTER><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><CENTER>[​IMG]http://www.dannipparn.net/web/board/...&No=386&page=2</CENTER>
    รอยพระพุทธบาทเขาภูคา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="26%" bgColor=#ffffff>นมัสการรอยพระพุทธบาทภูคา วัดภูคาจุฬามณี(วัดเขาภูคา) ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ </TD><TD vAlign=top width="74%" bgColor=#ffffff><CENTER></CENTER><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><CENTER>[​IMG]http://www.dannipparn.net/web/board/...&No=386&page=2</CENTER>
    รอยพระพุทธบาทเขาภูคา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ noi ครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=middle width="98%" background=/images007/gu_07.jpg>
    พระพุทธบาทยโสธร
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    พระพุทธบาทยโสธร ตั้งอยู่ที่วัดพระพุทธบาทยโสธร บ้านหนองยาง ตำบลหัวเมือง อำเภอมหาชนะชัย ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศตะวันตก 6 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2083 ห่างจากตัวจังหวัด 47 กม. พี้นที่ประดิษฐานรอยพุทธบาท เป็นเนินทรายขาวสูงงอกขึ้นกลางพื้นที่ลุ่มน้ำชี นับเป็นโบราณวัตถุอันล้ำค่าของจังหวัด
    [​IMG]
    บริเวณเดียวกันนี้ ยังมีโบราณวัตถุอีกชิ้นหนึ่ง ได้แก่ พระพุทธรูปปางนาคปรก (ศิลาแลง) 1 องค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 1 ศอก และหลักศิลาจารึกทำด้วยศิลาแลง 1 หลัก สูงประมาณ 1 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตร มีตัวหนังสือโบราณบันทึกไว้ว่า โบราณวัตถุทั้ง 3 อย่างนี้ พระมหาอุตตปัญญาและสิทธิวิหาริกได้นำมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 1378 นอกจากนั้น ก็เขียนบอกคำนมัสการพระพุทธบาทไว้ บางตัวก็อ่านไม่ออกเพราะเลือนลางมาก ในระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี จะมีประชาชนจากอำเภอและตำบลใกล้เคียง ไปนมัสการเป็นจำนวนมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message -->
     
  15. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#e3edf3 border=0><TBODY><TR><TD background=img/linebar2.gif height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] เที่ยวชม พระพุทธบาทเขาหนาม ตำบลบ้านนา อำเภอสามงา จังหวัดตาก </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="26%" bgColor=#e3edf3 height=25></TD><TD width="74%" bgColor=#e3edf3 height=25><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="85%"></TD><TD width="15%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD vAlign=top width="26%">
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <CENTER>
    </CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD vAlign=top width="74%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD height=20><CENTER>
    [​IMG]</CENTER>
    พระพุทธบาทเขาหนาม ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขากลางทะเลสาบแม่ปิง ไม่ห่างจากเขื่อนภูมิพลมากนัก บนเขาจะเป็นเขตสงฆ์ มีทั้งการก่อสร้างหลายอย่างเช่น เจดีย์ตรัสรู้ ,พระบรมธาตุ, ปฐมเทศนา, รอยพระพุทธบาท, เสาอโศกราช(จุดชมวิว), หลวงพ่อใหญ่โสธร, พระแม่กวนอิมหยกขาว, ถ้ำพระอุปคุต และพระนอนหยกขาวที่แดนนิพพาน เป็นต้นครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภายในศาลา.....

    ความเป็นมาของศาลาหลังนี้-----พุทธศักราช ๒๕๑๙ พระอธิการสมพร อาสโภ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสรรค์ องค์ที่ ๒ ได้เป็นประธานสร้างศาลาขึ้น ๑ หลัง <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    รอยพระพุทธบาท หรับวิหารเล็กๆที่เราข้างหน้านี้ ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๐ นายเสาแก้ว เขาหลวง ราษฎรหมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านนาเดิม ได้มาพบรอยพระพุทธบาท ทางทิศใต้บนดอยเขาหนาม ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ ครูบาทิพย์ อินทปญโญ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสรรค์ องค์แรก ได้สร้างหลังคาครอบรอยพระพุทธบาท พร้อมกับตกแต่งเพิ่มเติมบริเวณปืดทองรอยพระพุทธบาทจนสวยงาม
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ทางขวาของรอยพระพุทธบาทด้านนอกจะมีรอยเท้าของครูบาชัยยะวงศา ๒ รอยประทับอยู่ใกล้ๆกัน http://www.dannipparn.net/web/board/...&No=131&page=1
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --><!-- sig --><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#e3edf3 border=0><TBODY><TR><TD background=img/linebar2.gif height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG] เที่ยวชม พระพุทธบาทเขาหนาม ตำบลบ้านนา อำเภอสามงา จังหวัดตาก </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="26%" bgColor=#e3edf3 height=25></TD><TD width="74%" bgColor=#e3edf3 height=25><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="85%"></TD><TD width="15%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD vAlign=top width="26%">
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <CENTER>
    </CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD vAlign=top width="74%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD height=20><CENTER>
    [​IMG]</CENTER>
    พระพุทธบาทเขาหนาม ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขากลางทะเลสาบแม่ปิง ไม่ห่างจากเขื่อนภูมิพลมากนัก บนเขาจะเป็นเขตสงฆ์ มีทั้งการก่อสร้างหลายอย่างเช่น เจดีย์ตรัสรู้ ,พระบรมธาตุ, ปฐมเทศนา, รอยพระพุทธบาท, เสาอโศกราช(จุดชมวิว), หลวงพ่อใหญ่โสธร, พระแม่กวนอิมหยกขาว, ถ้ำพระอุปคุต และพระนอนหยกขาวที่แดนนิพพาน เป็นต้นครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ภายในศาลา.....

    ความเป็นมาของศาลาหลังนี้-----พุทธศักราช ๒๕๑๙ พระอธิการสมพร อาสโภ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสรรค์ องค์ที่ ๒ ได้เป็นประธานสร้างศาลาขึ้น ๑ หลัง <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    รอยพระพุทธบาท หรับวิหารเล็กๆที่เราข้างหน้านี้ ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๐ นายเสาแก้ว เขาหลวง ราษฎรหมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านนาเดิม ได้มาพบรอยพระพุทธบาท ทางทิศใต้บนดอยเขาหนาม ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๖ ครูบาทิพย์ อินทปญโญ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสรรค์ องค์แรก ได้สร้างหลังคาครอบรอยพระพุทธบาท พร้อมกับตกแต่งเพิ่มเติมบริเวณปืดทองรอยพระพุทธบาทจนสวยงาม
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    ทางขวาของรอยพระพุทธบาทด้านนอกจะมีรอยเท้าของครูบาชัยยะวงศา ๒ รอยประทับอยู่ใกล้ๆกัน http://www.dannipparn.net/web/board/...&No=131&page=1
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ ao.angsila ครับ

    (i) รอยพระหัตถ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน" ภายในถ้ำนารายณ์ ณ.วัดเขาวงษ์(ถ้ำนารายณ์) อ.ท่าลาน จ. สระบุรี (i)
    (i) (i) (i) (i)
    โดยคนเมืองบัวครับ...
    เล่าสู่กันฟังเรื่อง " รอยพระหัตถ์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน" ภายในถ้ำนารายณ์ ณ.วัดเขาวงษ์(ถ้ำนารายณ์) อ.ท่าลาน จ. สระบุรี
    ก่อนวันมาฆบูชา 1วัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2540 ในตอนค่ำผมได้เข้าร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น และฟังธรรมจากหลวงตา ในขณะที่ฟังธรรมอยู่ อารมณ์จิตก็นึกถึงว่ารอยพระพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมาก แต่รอยพระหัตถ์ของพระองค์ที่รู้ข่าวว่ามีที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่แห่งเดียวในขณะทรงอารมณ์มโนมยิทธิ ฟังธรรมจากหลวงตา อีกโสตหนึ่งได้กราบพุทธนิมิต และสังฆนิมิต ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ในมโนมยิทธิได้กราบเรียนถามข้อข้องใจ
    ถาม = คนเมืองบัว
    ตอบ = หลวงพ่อฤาษี
    *********************************************************
    ถาม = ข้าแต่หลวงพ่อที่เคารพ กระผมรู้สึกน้อยใจในโอกาสของตนเองนัก ที่สภาพคล่องทางการเงินมิมีมากพอที่จะไปกราบรอยพระหัตถ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จ.แม่ฮ่องสอน
     
  17. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    รอยพระพุทธบาทบ้านเวินปลา
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>[SIZE=-1]รอยพระพุทธบาทบ้านเวินปลา ตั้งอยู่ที่บ้านเวินปลา ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน รอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่บนโขดหินเล็ก ๆ ในแม่น้ำโขง ที่บนฝั่งแม่น้ำห่างกันประมาณ ๑๐๐ เมตร ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีเนินดินเล็ก ๆ ขนาดกว้างประมาณ ๓๐ เมตร ยาวประมาณ ๕๐ เมตร และสูงประมาณ ๑ เมตร เรียกว่า ดอนพระบาท ศาสนสถานที่สำคัญในบริเวณนี้มีอยู่สองแห่งคือ รอยพระพุทธบาทเวินปลา และซากฐานเจดีย์บนดอนพระบาท ซึ่งอยู่บนตลิ่งเยื้องกับรอยพระพุทธบาทเล็กน้อย[/SIZE]
    [SIZE=-1]โขดหินอันเป็นที่ตั้งรอยพระพุทธบาท อยู่ในแนวตั้งเอน มีความยาวประมาณ ๒ - ๑๐ เมตร สูงพ้นน้ำขึ้นมาประมาณ ๒.๐๐ เมตร ด้านบนโขดหินมีลักษณะคล้ายรอยเท้ามนุษย์อยู่สองรอย รอยบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง ๕๕ เซนติเมตร ยาว ๒.๐๕ เมตร ด้านล่างเป็นแผ่นแบบเรียบตรงกลางมีรูกลมหนึ่งรู มีนิ้วห้านิ้ว นิ้วโป้งอยู่ด้านล่าง[/SIZE]
    [SIZE=-1]รอยเท้ามาร เป็นรอยเท้าที่อยู่ทางด้านล่าง ลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไปคล้ายรอยเท้ามนุษย์ กว้าง ๔๐ เซนติเมตร ยาว ๑.๒๐ เซนติเมตร ใต้โขดหินมีเศษอิฐตกกระจายอยู่ สันนิษฐานว่าเป็นซากอาคารเก่าที่ถูกน้ำกัดเซาะพังลง ซากเจดีย์ก่อด้วยอิฐซึ่งเหลืออยู่แต่ฐานเจดีย์ มีขนาดกว้าง ๑๕๐ เซนติเมตร ยาว ๑๘๐ เซนติเมตร สูง ๗๐ เซนติเมตร มีเศียรพระพุทธรูปสำริดอยู่หนึ่งเศียร มีขนาดกว้าง ๓.๘ เซนติเมตร สูง ๕ - ๖ เซนติเมตร มีร่องรอยการลงรักปิดทอง สันนิษฐานว่า มีอายุอยู่ในช่วงสมัยทวาราวดี[/SIZE]
    [SIZE=-1]รอยพระพุทธบาทเวินปลา มีคำกล่าวอ้างอยู่ในตำนานอุรังคธาตุ สันนิษฐานว่าเป็นที่เคารพนับถือ สืบต่อกันมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 22 http://61.19.220.3/heritage/nation/o...khonpanom5.htm[/SIZE]
     
  18. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#e3edf3 border=0><TBODY><TR><TD background=img/linebar2.gif height=30><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พระพุทธบาทดอยถ้ำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="26%" bgColor=#e3edf3 height=25></TD><TD width="74%" bgColor=#e3edf3 height=25><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="85%">
    </TD><TD width="15%">[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR bgColor=#ffffff><TD vAlign=top width="26%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <CENTER></CENTER>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD><TD vAlign=top width="74%"><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD height=20><CENTER>
    [​IMG]</CENTER>
    ประวัติวัดโดยสังเขป วัดพระพุทธบาทดอยถ้ำ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของหมู่บ้านปแม่ก๋องวะ หมู่ ๔ ต.แม่ลาน อ.ลี้ จ.ลำพูน ประมาณ ๑ ก.ม. ตั้งอยู่ทิศใต้ของตัวเมืองลำพูน ๑๒๙ กิโลเมตรห่างจากอำเภอลี้ ๒๑ กิโลเมตร

    วัตถุโบราณที่สำคัญ ๑.รอยพระบาท ๒. รอยพระหัตถ์ ๓. พระแท่นผาเอียง(แท่นแสดงธรรมพระพุทธเจ้า) ๔. รอยพระเจ้าอโศก ๕.รอยพระมหาอานนท์

    ค้นพบโดยอาจารย์ ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาแห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    รอยพระพุทธบาท ที่ค้นพบเจอโดย ครูบาชัยยะวงศา.

    <CENTER>[​IMG]มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท[​IMG]รอยฝ่าพระหัตถ์ที่วัดดอยถ้ำ จ.ลำพูน.....</CENTER>
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    พระแท่นผาเอียง.http://www.dannipparn.net/web/board/...&No=100&page=1

    <!-- / message --><!-- edit note -->
    โมทนาด้วยครับ สาธุๆ
     
  19. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=content style="BORDER-RIGHT: #99ffff 1px solid; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-TOP: #99ffff 1px solid; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; BORDER-LEFT: #99ffff 1px solid; PADDING-TOP: 10px; BORDER-BOTTOM: #99ffff 1px solid">[​IMG]ฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้าที่แม่ฮ่องสอน.......



    http://www.buddhapoem.com/index.php?...age=1&No=69145
    และสถานที่เดียวกัน ยังมีรอยพระพุทธบาทอีก ดังภาพที่ส่งมา


    [​IMG]
    http://www.konmeungbua.com/webboard/...n.asp?GID=1055
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ccffff colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  20. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส

    บริเวณรอยพระพุทธบาท คู่อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี


    [​IMG]


    รอยพระพุทธบาทคู่ ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เห็นตรา ธรรมจักร แสดงถึง นัยของล้อเกวียน ที่นำธรรมมะมาสู่ชุมชน
     

แชร์หน้านี้

Loading...