พุทธบารมีฯ เหตุ๑ กรณีหลวงพ่อฯลาพุทธภูมิ และกิจหลังจากนั้นฯ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 16 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=framebod-black align=middle>


    </TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_right.gif></TD></TR><TR><TD>[​IMG] พระพุทธบาทน้ำทิพย์ ต.สร้างค้อ กิ่ง อ.ภูพาน จ.สกลนคร(พระพุทธบาท ๗ รอย,พระพุทธบาทเกือกแก้ว ๒ รอย,พระแท่น ๒ ที่) ... <TABLE class=tborder id=post279743 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] 15-07-2006, 05:49 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#168 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>มหาหิน<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_279743", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดนิยม

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:11 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    ข้อความ: 2,712 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 4,278
    Thanked 17,306 Times in 2,295 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2117 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_279743 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->[​IMG]

    พระพุทธบาท 7 รอย....
    (กลางลำธาร)
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]



    </FIELDSET>

    <!-- / attachments --><!-- sig -->__________________


    </TD></TR></TBODY></TABLE></B></TD><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_bottom.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-POSITION: center 50%" background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_top.gif></TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=http://images.multiply.com/multiply/frames/black_frame_left.gif></TD><TD class=framebod-black align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>โดยมีพระคุณเจ้า หลวงพี่บุญมีฯ โทร. 06-6362059 เป็นพระผู้อยู่ดูแล รักษา รอยพระพุทธบาท
    (ภาพนี้ หลวงพี่บุญมีฯ / คุณพี่วิชัย คุ้มวัน การไฟฟ้าฯ)<!-- / message --><!-- attachments -->

    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  2. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    วัดพระบาทห้วยต้ม ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
    [​IMG]
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>

    ศพของครูบาชัยวงศาอยู่ภายในโลงแก้ว........... [​IMG]
    รอยพระพุทธบาทห้วยต้ม ในวิหารครอบรอยพระพุทธบาท ที่ครูบาชัยวงศาพัฒนาใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 34 ปี
    ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์ในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จมาถึงดงไม้ตาลแล้วขึ้นประทับบนจอมดอยแห่งหนึ่ง เรียกว่าดอยนางพี่ได้ประทานพระเกศาธาตุ 1 เส้นให้พวกละว้าที่มาเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นบรรจุไว้ในพระเจดีย์ ต่อมาเรียกว่า ดอยนางนอนจอมแจ้ง (เพราะเสด็จมาถึงที่นั่นตอนรุ่งเช้า) ต่อมามีพญาเมืองเถิน พ่อฤาษีและหมอพรานอีก 8 คนหาบเนื้อสดเดินมาพบเข้าไม่มีอะไรจะถวายจึงเอาเนื้อมาถวาย พระพุทธองค์ก็ไม่ฉันพวกพรานจึงเอาเนื้อไปกองรวมกันไว้ พวกละว้าที่อยู่ในบริเวณนั้นจึงไปต้มข้าวมาถวาย สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงรับมาฉันและให้ศีลให้พรพวกละว้า พระพุทธองค์จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้และทรงรับสั่งว่า "ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนก็เหมือนอยู่ใกล้ ถ้าไม่ปฏิบัติก็เหมือนอยู่ไกล" จากนั้น จึงทรงประทานนามที่นั่นว่า "ห้วยต้มข้าว" ต่อมาเรียกเพี้ยนมาเป็น "ห้วยต้ม" ซึ่งเป็นชื่อวัดพระพุทธบาทห้วยต้มในปัจจุบันhttp://rakpratat.com.www.readyplanet...=87289&Ntype=4

    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  3. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    [​IMG][​IMG]

    <CENTER>[SIZE=+2]วัดพระพุทธบาทสี่รอย[/SIZE]</CENTER>ประวัติ ต้องเริ่มจากตำนานความเป็นมาของพระพุทธบาทสี่รอยเสียก่อน สมัยพุทธกาลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบัน ได้เสด็จาริกประกาศธรรมมายังปัจจันตประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ได้เสด็จมาถึงทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา "เวภารบรรพต" ได้เสด็จมาพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อฉันจังหันแล้วก็ทราบด้วยญานสมบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ มีรอยพระพุทธบาทเจ้าประทับอยู่แล้วถึง ๓ พระองค์ พระสารีบุตรได้ทูลถามว่า พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด จึงตรัสตอบว่า ในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทไว้แล้วในที่เดียวกัน ๓ พระองค์ ดังนั้นพระองค์จะประทับไว้เป็นรอยที่สี่ และต่อไปแม้นว่าพระพุทธเจ้าศรีอารยเมตไตรย์จักเสด็จมาอีก จะมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ สถานที่แห่งนี้อีก แต่จะประทับแล้วจะลบรอยทั้ง ๔ รวมทั้งรอยที่ ๕ ลบให้เหลือเพียงรอยเดียว เมื่อตรัสแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทที่ประทับอยู่แล้ว ๓ รอยนั้นรวมเป็นสี่รอยด้วยกัน
    [SIZE=-1]รอยพระพุทธบาททั้ง ๔ รอย ต้องถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะประทับอยู่บนแผ่นศิลาซึ่งโผล่พ้นดินขึ้นมาสูงทีเดียว ดั้งเดิมต้องปีนขึ้นไปดู แต่ปัจจุบันมีบันไดขึ้น มีวิหารสร้างครอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พระพุทธบาทนั้นไม่ใช่สักแต่ว่ามีรอยพระบาท จะต้องมีรูปธรรมจักรปรากฏด้วย ไม่ใช่ไปเจอหินที่ไหนมีหลุมลึกยุบลงไปก็โมเมว่าเป็นรอยพระพุทธบาทหมด ส่วนว่าจะเสด็จมาได้อย่างไรจากอินเดียนั้นคงต้องคุยกันนาน ให้นึกถึงคนแบกตู้เย็นแบกโอ่งมีน้ำหนีไฟไหม้ได้ก็แล้วกัน ไฟดับแล้วบอกให้แบกกลับแบกไม่ไหวหรอก เพราะเอาพลังกายในที่แฝงอยู่ในร่างกายออกมาใช้โดยไม่รู้ตัว แต่หากมีการฝึกแล้วก็จะเอาออกมาใช้ได้ตลอดเวลา เหมือนวิชาตัวเบาก็เช่นกัน[/SIZE]
    [SIZE=-1]รอยพระพุทธบาทสี่รอย ประกอบด้วย[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุลันธะ ยาว ๑๒ ศอก (ยาว ๖ เมตร )[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ยาว ๙ ศอก[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระพุทธเจ้ากัสสปะ ยาว ๗ ศอก และ[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระพุทธเจ้าโคตะมะ รอยที่ ๔ ยาว ๔ ศอก[/SIZE]
    [SIZE=-1]พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานว่า เมื่อเราคถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายจักนำเอาพระธาตุของเราตถาคตมาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้ และเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มากราบไหว้บูชา เมื่อทรงอธิษฐานแล้ว ก็เสด็จไปยังเชตวันอาราม ในเมืองสาวัตถี[/SIZE]
    [SIZE=-1]๒,๐๐๐ ปีล่วงไป เทวดาประสงค์ให้พระพุทธบาทปรากฏแก่ตาปวงชน จึงนิมิตพญาเหยี่ยวบินลงมาจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งของพระพุทธบาทสี่รอย ให้ลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาแล้วบินกลับขึ้นไปบนภูเขา พรานประจำหมู่บ้านโกรธมาก จึงตามขึ้นไปบนเขาเพื่อฆ่าเหยี่ยวแต่หาไม่พบ แต่กลับไปพบรอยพระพุทธบาทสี่รอย อยู่บนพื้นหินใต้การปกคลุมของพืชพันธุ์ไม้ พรานเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทจึงทำการสัการะบูชาแล้วกลับลงมาจากเขามาบอกชาวบ้าน ชาวบ้านก็พากันไปกราบไหว้บูชาและได้ชื่อว่า "พระบาทรังรุ้ง" (รังเหยี่ยว)[/SIZE]
    [SIZE=-1]มาถึงสมัยพระยาเม็งรายเสวยราชสมบัติในเมืองเชียงใหม่ (ไม่แน่ใจว่าองค์เดียวกับที่สร้างเชียงใหม่หรือไม่ ) ได้เสด็จขึ้นไปนมัสการพร้อมด้วยราชเทวีและข้าราชบริพาร และต่อจากนั้นมาผู้สืบราชสมบัติ ก็ถือเป็นประเพณีว่า เมื่อขึ้นครองราชย์ที่เชียงใหม่แล้ว จะต้องขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทรังรุ้ง เลยได้นามใหม่ว่า พระพุทธบาทสี่รอย[/SIZE]
    [SIZE=-1]มาถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือกผู้ครองนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน ได้ขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย จึงได้สร้างวิหารครอบพระพุทธบาทสี่รอยไว้เป็นการชั่วคราว และได้สร้างแท่นนั่งร้านขึ้นรอบรอยพระพุทธบาท เพื่อไม่ให้ต้องปีนบันได และทำให้ฝ่ายหญิงได้ขึ้นไปมองเห็นนมัสการได้ และสร้างหลังคาชั่วคราวมุงเอาไว้[/SIZE]
    [SIZE=-1]เจ้าดารารัศมี ได้เสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย และมีพระราชศรัทธาก่อสร้างวิหารเป็นการกราบบูชาพระพุทธบาท[/SIZE]
    [SIZE=-1]( ปัจจุบันคือหลังที่อยู่ตรงทางขึ้นบันได พอพ้นบันไดก็ถึงวิหารหลังนี้ ) ได้เสด็จขึ้นไปสร้างไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑[/SIZE]
    [SIZE=-1]พ.ศ. ๒๔๗๒ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอยและได้รื้อวิหารที่พระเจ้าธรรมช้างเผือกสร้างไว้ชั่วคราวนั้นออกเสีย เพราะผุพังหมดแล้วและได้สร้างวิหารครอบรอยพระพุทธบาทขึ้นใหม่ แล้วฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทไว้เพื่อรักษาให้อยู่ค้ำชูพุทธศาสนาไปชั่วกาลนานhttp://www1.mod.go.th/heritage/nation/tour/prabat4.htm[/SIZE]
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  4. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <CENTER>[SIZE=+2]พระพุทธบาทบัวบก[/SIZE]</CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><DD>พระพุทธบาทบัวบก อยู่ที่อำเภอบ้านผือ จังอุดรธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดร ฯ ประมาณ 55 กิโลเมตร รอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ภายในพระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทบัวบก ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระธาตุพนม <DD>ตามตำนานพระเจ้าเหยียบโลก กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ในที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์ได้เสด็จมาประทับอยู่ที่ดอยนันทะดังฮี ในแคว้นหลวงพระบาง ได้ทรงทราบว่า นาคแถบฝั่งโขงมีความดุร้าย มักรบกวนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ พระองค์จึงได้เสด็จไปยังถ้ำหนองบัวบาน และถ้ำบัวบก อันเป็นที่อาศัยของนาค 2 ตัว คือ กุทโธปาปนาค และมิลินทนาค พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่กุทโธปาปนาค เมื่อกุทโธปาปนาคได้สดับพระธรรมเทศนา ก็บังเกิดความเลื่อมใสประกาศตนเป็นอุบาสก และถือพระไตรสรณาคมณ์เป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกตลอดชีวิต หลังจากนั้นกุทโธปาปนาคก็นึกถึงน้องชายคือมิลินทนาคว่า ควรจะได้สดับพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์เช่นตน เพื่อจะได้ประพฤติตนในทางที่ถูกที่ควร จึงได้กราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงถ้ำบัวบกอันเป็นที่อยู่ของมิลินทนาค มิลินทนาคก็แสดงฤทธิ์อำนาจเพื่อขัดขวาง และทำร้ายพระพุทธองค์ด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ไม่เป็นผล ในที่สุดจึงได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ เข้าไปนมัสการพระพุทธองค์เพื่อขอขมา พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดมิลินทนาค เมื่อมิลินทนาคได้สดับพระธรรมเทศนาแล้ว ก็สำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้ว และทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากมิลินทนาคมิใช่มนุษย์ พระพุทธองค์จึงอุปสมบทให้ไม่ได้ เพราะผิดพระวินัย ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงประทานไตรสรณาคมณ์ ให้มิลินทนาคไว้เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกและถือปฏิบัติต่อไป เป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิต จากที่เคยเบียดเบียนทำร้ายสัตว์โลกมาเป็นช่วยเหลือเกื้อกูลสัตว์โลก ตามแนวทางของพระพุทธศาสนา <DD>เมื่อมิลินทนาครับไตรสรณาคมณ์แล้ว จึงกราบทูลขอรอยพระบาทพระพุทธองค์ไว้เป็นที่สักการะบูชา พระพุทธองค์ทรงพิจารณาสถานที่แล้ว จึงได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ สถานที่นี้ แล้วจึงเสด็จกลับพระเชตวันมหาวิหาร พระพุทธบาทแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า พระพุทธบาทบัวบก ตามชื่อถ้ำบัวบกนี้มิลินทนาคอาศัยอยู่ <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TD>[SIZE=+1]<DD>บริเวณวัดพระพุทธบาทบัวบก มีสถานที่อันเนื่องมาจาก ตำนานข้าวต้น คือ ถ้ำพญานาค อยู่ไม่ไกลจากพระพุทธบาทนัก มีลักษณะเป็นรูโพรงขนาดใหญ่ พอที่คนสองคนจะลงไปได้พร้อม ๆ กัน กล่าวกันว่า เป็นที่อาศัยของพญามิลินทนาคตามตำนาน และเชื่อกันว่ารูถ้ำพญานาคนี้ สามารถทะลุออกไปสู่แม่น้ำโขง[/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></DD>
     
  5. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <CENTER>[SIZE=+2]พระพุทธบาทสระบุรี[/SIZE]</CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><DD>พระพุทธบาทสระบุรี ประดิษฐานอยู่ที่เขาสุวรรณบรรพต อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามคติของชาวลังกาทวีป ถือว่าเป็นบริโภคเจดีย์ เนื่องจากเชื่อว่า เป็นรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาเหยียบไว้บนเขาสุวรรณบรรพต พบในสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 2163-2171 โดยพรานบุญเป็นผู้ไปพบเห็นความศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถทำให้เนื้อที่บาดเจ็บจากการยิงของตน หายจากบาดเจ็บได้ และตัวพรานบุญเอง เมื่อนำน้ำจากรอยพระบาทมาลูบตัว ก็ทำให้กลากเกลื้อนที่ตนเป็นอยู่หายไปได้ <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TD>[SIZE=+1]<DD>พระเจ้าทรงธรรม ได้เสด็จไปทอดพระเนตรเห็นจริง จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเป็นมหาเจดีย์สถาน มีพระมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พร้อมทั้งสร้างวัดให้พระภิกษุอยู่ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทนี้ ให้ช่างชาวฮอลันดาทำถนนจากท่าเรือ ตรงไปยังเขาสุวรรณบรรพต ชาวบ้านเรียกว่าถนนฝรั่งส่องกล้อง เพราะมีการนำเครื่องมือวางแนวถนนแบบใหม่ คือกล้องวัดทิศทางและระดับ มาใช้ในการตัดถนน ทำให้ถนนสายนี้สร้างได้เป็นแนวตรง จากท่าเรือไปยังพระพุทธบาท ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้[/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></DD>
    <DD>พระเจ้าทรงธรรม ยังได้ทรงอุทิศที่ดินและวางรากฐานอื่น ๆ อีกหลายประการ เพื่อให้พระพุทธบาทแห่งนี้ดำรงอยู่ เป็นที่เคารพสักการะบูชาของพุทธศาสนิกชน ตลอดไปชั่วกาลนาน <DD>ได้เกิดมีเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ในกลางเดือนสาม และกลางเดือนสี่ เป็นประจำปี ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TD>[SIZE=+1]<DD>พระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงศรีอยุธยาอีกหลายพระองค์ ได้เสด็จมาทรงสักการะบูชา และสมโภชพระพุทธบาทนี้เป็นนิจ บางพระองค์ก็ทรงปฏิสังขรณ์และสถาปนาวัตถุสถานเพิ่มเติม อาทิ พระเจ้าปราสาททองได้สร้างพระตำหนักที่ประทับขึ้นที่ธารทองแดง เพื่อใช้เวลาเสด็จมานมัสการพระพุทธบาทให้ชื่อว่า ตำหนักธารเกษม กับให้ขุดบ่อน้ำ พร้อมทั้งสร้างศาลาราย ตามริมถนนไปสู่พระพุทธบาท เพื่อให้ใช้เป็นที่พักของผู้ที่มานมัสการ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างถนนเป็นทางเสด็จพระราชดำเนินจากลพบุรี ถึงเขาสุวรรณบรรพต ให้สร้างอ่างแก้วและกำแพงกันน้ำตามไหล่เขา เพื่อชักน้ำฝนไปลงอ่างแก้ว ให้ประชาชนใช้บริโภค [/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TABLE>ในรัชสมัยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี หรือพระเจ้าเสือ (พ.ศ. 2246-2251) ได้ทรงปฏิสังขรณ์พระมณฑป และดัดแปลงจากเดิมที่มียอดเดียวให้เป็นห้ายอด ในรัชสมัยสมเด็จพระภูมินทราธิบดี หรือพระเจ้าท้ายสระ (พ.ศ. 2251-2275) ได้ให้เอากระจกเงาแผ่นใหญ่ประดับฝาผนังข้างในพระมณฑป และปั้นลายปิดทองประกอบตามแนวที่ต่อกระจก ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 2 หรือพระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ. 2275-2301) ก็ได้มีการปฏิสังขรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสร้างบานประตูของมณฑปเป็นบานประตูประดับมุก จำนวน 8 บาน <DD>ล่วงมาถึงรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร หรือพระเจ้าเอกทัศน์ (พ.ศ. 2301-2310) เมื่อพม่ายกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2509 พวกจีนอาสา จำนวน 300 คน ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคลองสวนพลู ได้พากันไปยังพระพุทธบาท แล้วลอกทองคำที่หุ้มพระมณฑป และแผ่นเงินที่ปูลาดพื้นพระมณฑปไป แล้วเผาพระมณฑปเสีย เพื่อปกปิดการกระทำของตน <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TD>[SIZE=+1]<DD>ล่วงมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จไปอำนวยการปฏิสังขรณ์พระมณฑป พระองค์ได้ทรงมีพระราชศรัทธา รับแบกตัวลำยองเดรื่องบนหนึ่งตัว แล้วเสด็จพระราชดำเนินตั้งแต่ท่าเรือ ไปจนถึงพระพุทธบาท นับเป็นเยี่ยงอย่างที่ยอดเยี่ยม เป็นที่ปรากฏแก่มหาชนในการทำนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา[/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TABLE><DD>พระมหากษัตริย์ในพระราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ต่อมาก็ได้ทรงทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่าง ๆ ของพระพุทธบาท ให้อยู่ในสภาพที่ดีเลิศอยู่ตลอดมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระมกุฏภัณฑเจดีย์ที่อยู่ใกล้พระมณฑปองค์หนึ่ง และสร้างเครื่องบนพระมณฑปใหญ่ กับสร้างพระมณฑปน้อย ทั้งให้เปลี่ยนแผ่นเงินปูพื้นพระมณฑป เป็นเสื่อเงินและได้ทรงยกยอดพระมณฑป พร้อมทั้งบรรจุพระบรมธาตุ ที่พระมกุฏภัณฑเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ. 2403 <DD>พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท 4 ครั้ง ได้ทรงปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวง และซ่อมผนังข้างในพระมณฑป สร้างบันไดนาคทางขึ้นพระมณฑป จากเดิมที่มีอยู่สองสายเป็นสามสาย และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ได้เสด็จไปยกยอดพระมณฑป เมื่อปี พ.ศ. 245</DD>
     
  6. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <CENTER>[SIZE=+2]พระพุทธบาทตากผ้า <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[/SIZE]</CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>


    [SIZE=+1]
    <DD>พระพุทธบาทตากผ้า ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระพุทธบาทตากผ้า บนเนินเขาระหว่างดอยม่อนช้าง กับดอยเครือ ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ห่างจากตัวเมืองลำพูนไปทางทิศใต้ประมาณ 22 กิโลเมตร <DD>รอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุข มีอยู่สองรอย คือรอยพระพุทธบาทใหญ่ มีขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตร ยาวประมาณสองเมตรครึ่ง รอยพระพุทธบาทเล็ก มีขนาดกว้างประมาณ 32 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร กับ 26 นิ้ว <DD>ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล ณ เวลาใกล้รุ่งวันหนึ่ง พระพุทธองค์ได้ทรงแผ่ข่ายพระญาณ เพื่อตรวจดูสัตว์โลกผู้ควรแก่การบรรลุธรรม ก็ทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณ (พระญาณหยั่งรู้ความเป็นไปในอนาคตตามความเป็นจริง) ว่าในดินแดนสุวรรณภูมิ (คือดินแดนที่ส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน) จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนา อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต สมควรที่พระองค์จะเสด็จไปประดิษฐานพระศาสนาไว้ เมื่อทรงมีพระดำรินั้นแล้ว จึงได้เสด็จมาสู่สุวรรณภูมิโดยพุทธนิมิต มีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ (ตามเสด็จ) พระองค์ได้เสด็จจาริกมาตามคามนิคมชนบทต่าง ๆ จนถึงถ้ำตับเต่า ถ้ำเชียงดาว พระนอนขอนม่วง พระบาทยั้งหวีด และพระธาตุทุ่งตุม ตามลำดับ ได้ทรงเหยียบรอยพระบาท และประทานพระเกศาธาตุประดิษฐานไว้ในที่นั้น ๆ ตามควรแก่พุทธอัชฌาศัย แล้วเสด็จเลียบลงมาตามฝั่งแม่น้ำปิง จนถึงวังน้ำแห่งหนึ่ง มีน้ำใสสะอาด มีที่ราบเตียนงาม พระพุทธองค์จึงได้ทรงหยุดพักและทรงเปลื้องจีวรให้พระอานนท์นำไปซัก สถานที่พระอานนท์เอาจีวรไปซักนี้ได้ชื่อว่า วังซักครัว มาจนถึงปัจจุบัน เป็นจุดที่อยู่ทางใต้ของสบกวง อันเป็นที่แม่น้ำกวง ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง ส่วนจุดที่ตากจีวรซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันนั้น เป็นเนินศิลา บนผิวศิลาปรากฎเป็นรอยตารางรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายกับผ้าจีวร ซึ่งจะเห็นเป็นตารางคล้ายแนวคันนาของอินเดียในสมัยนั้น ต่อจากนั้น พระพุทธองค์ก็ได้เสด็จข้ามแม่น้ำ แล้วจาริกไปตามลำดับ จนถึงบ้านแห่งหนึ่งไม่ห่างจากดอยม่อนช้างมากนัก พระองค์ก็ทรงหยุดยืน แล้วผินพระพักตร์หว่าย (บ่าย) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่า บ้านหว่าย ซึ่งปัจจุบันคือบ้านหวาย จากนั้นก็เสด็จไปถึงลานผาลาด ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งวัดพระพุทธบาทตากผ้า ณ ที่นี้ พระพุทธองค์ได้เหยียบพระบาทประดิษฐานรอยพระบาทลงไว้บนผาลาด แล้วตรัสพยากรณ์ไว้ว่า <DD>"ดูกรอานนท์ สถานที่แห่งนี้จะปรากฎชื่อว่า พระพุทธบาทตากผ้า โดยนิมิตที่เราตถาคต มาหยุดพักตากผ้ากาสาวพัสตร์นี้ และจะเป็นปูชนียสถานที่สักการะบูชาของมหาชน ผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จะอำนวยประโยชน์สุขแก่ปวงชน ตลอด 5,000 พรรษา" <CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><DD>หลังจากนั้น พระพทุธองค์ก็เสด็จไปทางทิศตะวันออก ถึงหัวดอยม่อนช้าง แล้วทรงประทับนอนแบบสีหไสยาสน์ ณ ที่นั้น จากนั้นได้ประทานพระเกศาแก่ตายายสองคนผัวเมีย ผู้เข้ามาปฏิบัติบำรุงพระพุทธองค์ด้วยภัตตาหารและน้ำ ต่อมาได้มีผู้ศรัทธาสร้างพระพุทธรูปปางสีหไสยาสน์ขึ้นไว้ ณ ที่นั้น ได้ชื่อว่า พระนอนม่อนช้าง มาจนถึงปัจจุบันนี้
    [/SIZE]
    </DD>
     
  7. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TD>[SIZE=+1]<DD>รวบรวมรอยพระพุทธบาท ล่วงมาถึงรัชกาลพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2163-2173) เมื่อพระสงฆ์ไทยคณะหนึ่ง เดินทางไปนมัสการ รอยพระพุทธบาทที่ลังกาทวีป ณ เขาสุมนกูฏ พระสงฆ์ลังกาได้ถามว่า ในบรรดารอยพระพุทธบาทที่มีอยู่ห้าแห่งนั้น แห่งหนึ่งอยู่ที่เขาสุวรรณบรรพตในประเทศสยามเอง ชาวสยามทำไมจึงไม่ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนั้น เมื่อคณะสงฆ์ดังกล่าวเดินทางกลับมายังอยุธยา จึงนำความเข้าทูลพระเจ้าทรงธรรม พระเจ้าทรงธรรมจึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีตราสั่งบรรดาหัวเมืองทั้งหลายให้ไปตรวจค้นดูตามภูเขาต่าง ๆ ว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใดหรือไม่[/SIZE]</DD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <DD>ในครั้งนั้น ผู้ว่าราชการเมืองสระบุรีสืบได้ความจากพรานบุญว่า ครั้งหนึ่งตัวพรานบุญเองได้ไปล่าเนื้อในป่าริมเชิงเขา ได้ใช้หน้าไม้ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งบาดเจ็บ เนื้อนั้นได้วิ่งหนีขึ้นไปบนไหล่เขาเข้าเชิงไม้ไป พอบัดเดี๋ยวก็เห็นเนื้อตัวนั้นวิ่งออกจากเชิงไม้ไปเป็นปกติดังเดิม พรานบุญแปลกใจจึงขึ้นไปดูบนไหล่เขานั้น ก็เห็นมีรอยอยู่ในศิลาเหมือนรอยเท้าคน ขนาดยาวประมาณศอกเศษ มีน้ำขังอยู่ในรอยนั้น ก็สำคัญว่าเนื้อคงหายบาดเจ็บเพราะกินน้ำนั้น จึงตักเอามาลองลูบตัวดู บรรดากลากเกลื้อนที่ตนเป็นอยู่มาช้านานก็หายหมด ผู้ว่าราชการเมื่อสระบุรีทราบดังนั้น จึงไปตรวจดูเห็นมีรอยอยู่จริงตามที่พรานบุญเล่าให้ฟัง จึงได้มีใบบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา <DD>พระเจ้าทรงธรรมจึงได้เสด็จออกไปทอดพระเนตรเห็นจริง จึงทรงพระราชดำริว่าคงเป็นรอยพระพุทธบาท ตรงตามที่ลังกาบอกมาเป็นแน่แท้ ก็ทรงโสมนัสศรัทธาด้วยเห็นว่า เป็นเจดีย์เนื่องชิดติดต่อถึงพระพุทธเจ้า ประเสริฐกว่าอุเทสิกเจดีย์ เช่น พระพุทธรูป และพระสถูปเจดีย์ ซึ่งเป็นของสร้างขึ้นโดยสมมติ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเป็นมหาเจดียสถาน มีพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาท และมีสังฆารามที่พระภิกษุสงฆ์บริบาล และสร้างบริเวณพระราชนิเวศน์ที่เชิงเขาพระพุทธบาทแห่งหนึ่ง กับที่ท่าเจ้าสนุกริมลำน้ำป่าสักอีกแห่งหนึ่ง สำหรับประทับเวลาเสด็จไปสักการะบูชา แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้ช่างชาวฮอลันดา ส่องกล้องทำถนน ตั้งแต่ท่าเรือขึ้นไปจนถึงสุวรรณบรรพต เพื่อให้มหาชนเดินทางไปมาได้สดวก ทรงพระราชอุทิศที่หนึ่งโยชน์ โดยรอบรอยพระพุทธบาท ถวายเป็นพุทธบูชา กัลปนาผลซึ่งได้เป็นส่วนของหลวงในที่นั้น สำหรับใช้จ่ายในการรักษามหาเจดียสถาน และให้บรรดาชายฉกรรจ์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ในเขตที่ทรงพระราชอุทิศนั้น พ้นจากหน้าที่ราชการอื่น โดยจัดให้เป็นขุนโขลนข้าพระ ทำหน้าที่รักษาพระพุทธบาทแต่อย่างเดียว <DD>บริเวณที่ทรงพระราชอุทิศนี้ ได้นามที่เรียกกันเป็นสามัญว่า เมืองพระพุทธบาท เกิดมีเทศกาลที่มหาชนไปบูชารอยพระพุทธบาท ในกลางเดือนสามและกลางเดือนสี่เป็นประจำนับแต่นั้นมา
    </DD>
     
  8. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ข้อความเดิมโดยคุณ อรหันตทาส ครับ

    พระพุทธบาทของไทย
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><CENTER>[SIZE=+2]รวบรวมรอยพระพุทธบาท[/SIZE]</CENTER><HR>





    <CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>





    [SIZE=+1]<DD>[​IMG] <TABLE cellPadding=5 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=5 bgColor=#d8d8bf border=2><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>พวกเราชาวweb มาร่วมกันประกาศพระเกียรติคุณของพระศาสดา ในหมวดรอยพระพุทธบาทกันเถอะ(จะมีต่อเรื่อยๆนะจ๊ะ)</TD></TR></TBODY></TABLE><DD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ประวัติศาสตร์พุทธศิลป์ : รอยพระพุทธบาท</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กรกฎาคม 2548 17:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>รอยพระพุทธบาทนั้นเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันที่จริง มีมาก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูปไว้แทนพระพุทธองค์มาตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณและยังคงสืบเนื่องเรื่อยมาจนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีการสร้างพระพุทธรูปแล้วก็ตามทว่าความหมายแห่งการบูชาได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ก่อนการสร้างพระพุทธรูป ในภายหลังที่ปรากฎพระพุทธรูปแล้วรอยพระพุทธบาทได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญเพื่อแสดงถึงว่าเป็นดินแดนที่พระพุทธองค์ได้ดำเนินไปถึง เป็นสิริมงคล ซึ่งตามตำนานอ้างไว้ว่า รอยพระพุทธบาทซึ่งพระพุทธองค์ได้เสด็จประทับไว้ 5 แห่ง ได้แก่ เขาสุวรรณมาลิก, เขาสุวรรณบรรพต, เขาสุมนกูฏ, เมืองโยนกบุรี และหาดทรายในลำน้ำ นัมมทานที
    ตามคติการบูชารอยพระพุทธบาทนั้น เชื่อว่ารอยพระพุทธบาท ที่เขาสุมนกูฏได้แพร่หลายเข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิเมื่อครั้งที่พระพุทธศาสนาจากลังกาเผยแผ่เข้ามายังประเทศไทย และมีการกล่าวถึงการจำลองรอยพระพุทธบาทจากลังกามาประดิษฐานไว้เช่นกัน ซึ่งปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลายหลัก เช่น ศิลาจารึกนครชุม
    สำหรับหลักฐานที่เก่าที่สุดที่พบในประเทศไทยนั้นคือ การพบรอยพระพุทธบาทคู่ที่เมืองโบราณศรีมโหสถ วัดสระมรกต อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นร่องรอยในอารยธรรมทวารวดี กำหนดอายุน่าจะอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 11-13 ซึ่งสลักจากศิลาแลง ความกว้างทั้งคู่ประมาณ 3.10 เมตร ตรงกลางฝ่าพระบาทนั้นสลักนูนเป็นรูปธรรมจักรขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.10 เมตร นับว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้
    ในช่วงแรกๆของการสร้างรอยพระพุทธบาท จะมีการสลักเป็นแบบตามธรรมชาติ แต่สลักลวด ลายวงกลมเป็นรูปพระธรรมจักรซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะแสดงให้ ทราบว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการเสด็จมาเพื่อบำเพ็ญพุทธกิจ
    จากนั้นไม่พบหลักฐานการสร้างรอยพระพุทธบาท จนกระทั่งพุทธศตวรรษที่ 19 ด้วยอิทธิพลของพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ ทำให้มีการประดับลวดลายบนฝ่าพระพุทธบาทมากขึ้นตามลำดับ นอกเหนือไปจากลายวงล้อพระธรรมจักร ซึ่งได้แก่ลายมงคล 108 ประการ อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งมหาบุรุษลักษณะ
    ลายมงคล 108 ประการ ประกอบขึ้นด้วย
    1.สัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความเจริญและความอุดม
    สมบูรณ์
    2.เครื่องประกอบบารมีของพระมหากษัตริย์และพระ
    เจ้าจักรพรรดิ
    3.ส่วนประกอบทางรูปธรรมและนามธรรมของสุคติภพในจักรวาล
    ทั้งหลายเหล่านี้รวมเป็นมงคลทั้ง 108 ประการ อันแสดงออกถึงความเป็นสภาวะครอบจักรวาลของพระพุทธเจ้าและพระบารมีอันจักคุ้มครองและให้สิริมงคลต่อผู้ที่บูชาพระองค์
    รอยพระพุทธบาทในสมัยสุโขทัยพบทั้งรอยพระพุทธบาทแบบเดี่ยว และแบบคู่ ในจารึกสุโขทัยราวพุทธศตวรรษที่ 19 ระเบียบลำดับของมงคลเป็นแบบ เดียวกันกับที่พุกาม คือเริ่มต้นที่ใต้หัว แม่เท้าเดินตามแนวนอนไปจนสุดความกว้าง ของรอยพระบาท วนลงสู่แนวส้นเท้า แล้วย้อนขึ้นตีวงแคบเข้าทุกทีจนจบลงที่ตรงกลาง ต่อมาพบพระพุทธบาทที่มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบการจัดมงคล 108 ประการที่รับแบบจากพุกาม พบที่รอยพระบาทจำลองสลักหินรอยหนึ่งจากวัดศรีชุม ระเบียบการจัดลายที่สืบเนื่องมาจนถึงรัตนโกสินทร์คือ ระเบียบอันแสดงแผนผังของสุคติภูมิแห่งจักรวาล มีพรหมโลกอยู่ด้านบนสุด เทวโลก เขาพระสุเมรุ โลกมนุษย์ เขา จักรวาล และมหาสมุทร อยู่ลดหลั่นกันลงมา และยังพบระเบียบการจัดรูปมงคล อีกระบบหนึ่งซึ่งปรากฎแล้วในสมัยสุโขทัย หลังพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นรอยพระพุทธบาทที่มีรูป ธรรมจักรขนาดใหญ่ ภายในมีสัญลักษณ์มงคล 108 ประการ ในส่วนตรงกลางแสดงรูปพรหมโลก เทวโลกอันเป็นภูมิสูงสุดในจักรวาล จักรพรรดิรัตนะ ประกอบบารมีและเครื่องสูงของพระองค์ รวมทั้งมงคลอื่นๆ เป็นส่วนประกอบของมนุษย์อยู่รอบนอก
    การจัดมงคลในระบบตารางซึ่งนิยมมาก่อนแล้วใน สมัยสุโขทัยนั้น ได้กระทำสืบต่อมาจนถึงสมัยอยุธยา และเป็นที่นิยมมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย (พุทธศตวรรษที่ 22-23)
    ในสมัยรัตนโกสินทร์ ลายมงคล 108 ประการ นั้น นิยมบรรจุลงในตารางเช่นเดียวกันกับสมัยสุโขทัย และอยุธยา วงกลมกลางฝ่าพระบาทที่เคยเป็นธรรมจักร ไม่มีสัญลักษณ์แทรกในวง และมักเป็นรูปดอกบัวบานเป็นสัญลักษณ์ของโลก
    ดังจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนได้ อาทิ ที่วัดพระเชตุพนฯ(วัดโพธิ์)วัดประจำรัชกาลที่ 1 ซึ่งต่อมาในรัชกาลที่ 3 ได้ สร้างวิหารพระนอนเพิ่มเติม ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปองค์นี้ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั่วทั้งองค์ ยาว 45 เมตร สูง 15 เมตร ส่วนฝ่าพระบาทปรากฏลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล108 ประการเช่นกัน

    เอกสารอ่านประกอบ
    นันทนา ชุติวงศ์. รอยพระพุทธบาทในศิลปะเอเซียใต้ และเอเชียอาคเนย์. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2533.
    บุญเลิศ เสนานนท์. ตำนานพระพุทธบาทและคัมภีร์พุทฺธปาลกฺขณ.กรุงเทพฯ : ศรีอนันต์การพิมพ์, 2536.
    ผาสุข อินทราวุธ. ทวารวดี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์ จากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : อักษรสมัย, 2542.
    ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมพุทธศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2547.

    http://www.manager.co.th/Dhamma/View...=9480000099221
    รวบรวมรอยพระพุทธบาท
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><DD><CENTER><TABLE border=0><TBODY><TR><TD>[SIZE=+1]สุวณฺณ มาลิเก สุวณฺณ ปัพพเต[/SIZE]</TD><TD></TD><TD>[SIZE=+1]สุมนกูเฏ โยนกปุเร[/SIZE]</TD></TR><TR><TD>[SIZE=+1]นมฺมทาย นทิยา ปัญฺจปทวรํ[/SIZE]</TD><TD></TD><TD>[SIZE=+1]อหํ วนฺทามิ ทูรโต[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><DD>[/SIZE]
    http://www.heritage.thaigov.net/reli...bat/index1.htm
    </DD>
     
  9. สุริยทรงศีล

    สุริยทรงศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,873

    โมทนาด้วยครับ รอยพระบาทที่นี่สวยมาก มีพระแท่นด้วยครับ สาธุสาธุ
    (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
     
  10. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    รูปรอยพระบาทและสถานที่ไกล้ๆรอยพระบาทครับ

    DSCF0098.JPG
    รอยที่แอมฟิเทียเตอร์ครับ ม.เทคโนโลยีสุรนารี
    DSCF0096.JPG DSCF0097.JPG
    สถานที่ไกล้ๆบริเวณรอยพระบาทครับครับ
    ขายภาพดูนะครบเพื่อเห็นไรดีๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กุมภาพันธ์ 2007
  11. สุริยทรงศีล

    สุริยทรงศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,873
    <DD> <DD>
    โมทนาด้วยครับ อธิษฐานจิตร่วมสร้างวัด พระบรมธาตุ พระบาท ถวายเป็นพุทธบูชาฯ
    <DD>(f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f) (f)
    </DD>
     
  12. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    ภาพอะไรไม่รู้ครับดวงๆลงไว้เล่น

    DSCF0038.JPG DSCF0084.JPG
     
  13. สุริยทรงศีล

    สุริยทรงศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,873
    โมทนาด้วยครับ อธิษฐานจิตร่วมสร้างพระ รอยพระบาท วิหาร ศาลา และทุกอย่างวัดวัดเขาโภคาถวายเป็นพุทธบูชาฯ
     
  14. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัย แผ่นทอง,แผ่นเงิน จารึกคุณพระรัตนตรัย คาถาเงินล้าน ร่วมหล่อพระปางมารวิชัยหน้าตัก 50 นิ้ว ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวายวัดหนองโคก จ.อยุทธา พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ​

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
    (b-oneeye) (bb-flower (b-oneeye) ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2007
  15. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัย แผ่นทองจารึกคุณพระรัตนตรัย คาถาเงินล้าน ร่วมหล่อพระหน้าตัก 50 นิ้ว 2 องค์ ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย(ยังไม่ทราบวัด) พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ​

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
    (b-oneeye) (bb-flower (b-oneeye) ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2007
  16. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัย แผ่นทองจารึกคุณพระรัตนตรัย คาถาเงินล้าน ร่วมหล่อพระพุทธชินราช 3 ศอก พร้อมทั้งพระโมคัลลา- สารีบุตร ณ โรงหล่อพระอ่างศิลา ถวาย(เจ้าภาพยังไม่ทราบวัดหล่อไว้ก่อน) พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ​

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
    (b-oneeye) (bb-flower (b-oneeye) ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2007
  17. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัยร่วมทำบุญทุกอย่างกับพระฯ ร่วมสร้างหอระฆัง ณ วัดมณีโสภณ ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ

    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
    (b-oneeye) (bb-flower (b-oneeye) ​
     
  18. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ถวายปัจจัย แผ่นทองจารึกคุณพระรัตนตรัย คาถาเงินล้าน ร่วมหล่อพระ 9องค์ ถวายวัดทั่วประเทศ (โดยส่งจม.ไปที่ วัดรวกสุทธาราม 387 ซ . จรัญษสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศร๊ เขตบางกอกน้อย กทม. 10700 หล่อในวันอาทิตย์ ที่ 25 ก.พ. 50 เวลา 16.39น. พร้อมทั้งโมทนาบุญทุกอย่างในพระศาสนานี้ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อความเจริญตั้งมั่นแห่งพระศาสนา และเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ขอท่านทั้งหลายจงโปรดโมทนาบุญเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่านทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ
    ขอเชิญร่วมหล่อพระที่วัดรวกฯครับ
    ผู้ที่อยู่ใกล้วัดหรือว่างๆและผู้มีจิตศรัทธาไปร่วมหล่อพระฯที่วัดรวกสุทธาราม ถวายเป็นพุทธบูชากันได้เลยครับ วันที่ 25/2/50 เวลา16.39น.


    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
    (verygood) (verygood) (verygood) (verygood)
    (b-oneeye) (bb-flower (b-oneeye) ​
     
  19. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    โมทนาครับ สาธุๆ
     
  20. ศิษโมกคัลลานะ

    ศิษโมกคัลลานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,317
    โมทนาด้วยครับสาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...