การถอดจิตมี3วิธี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กระเจียว, 22 กันยายน 2004.

  1. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ก่อนอื่นมาอ่านตรงหัวข้อเหล่านี้ก่อนนะคะ



    กายทิพย์จิตวิ__าณเป็นรูปขันธ์ในลักษณะนามธรรม เพราะมีสภาพลักษณะคล้ายอากาศที่โป่งแสง ซึ่งไม่อาจจับต้องได้และตาเนื้อก็มองเห็นได้ยาก

    เราจะรู้ว่านี่คือ
     
  2. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ข้อห้ามในระหว่างการนั่งฝึกถอดจิต

    ข้อห้ามในระหว่างการนั่งฝึกถอดจิต

    1. จะต้องฝึกในห้องที่ไม่มีใครรบกวน โดยปิดประกาศไว้หน้าห้องว่า ห้ามรบกวน ห้ามเรียก ห้ามปลุก จนกว่าจะถึงเวลาที่จะกำหนดออกจากสมาธิ

    ถ้ามีความจำเป็นต้องปลุกแล้ว ห้ามแตะต้องร่างอย่างเด็ดขาด และห้ามตะโกนเรียก เพราะเมื่อแตะต้องร่างทันที ทำให้ตกใจ หนักๆอาจจะทำให้เสียสติได้(ต้องรักษาด้วยการปรับจิต หนักหน่อยก็รักษาด้วยวิธีพอกกายทิพย์)

    เหตุที่จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่า คนเราถ้ายังไม่ตายนั้น กายทิพย์เมื่อฝึกจนสามารถแยกกับกายเนื้อได้แล้ว จะมีสายใยทิพย์ติดกับกายเนื้อ เมื่อเกิดเหตุให้กายเนื้อตกใจ กายทิพย์จะรีบกระโจนกลับคืนร่างทันทีเพราะคนยังไม่ตายนั้น กายเนื้อเปรียบดังรังที่จะเกาะอาศัยอยู่เพื่อใช้กรรมต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย หรือว่า

    หน้า340

    กายเนื้อแตกสลายก่อนสิ้นอายุขัยด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดูตัวอย่างเช่นกายเนื้อเหมือนเปลือกหอย กายทิพย์เหมือนปูเสฉวนตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอาศัยเปลือกหอย

    2. จะต้องสวดมนต์ไหว้พระก่อนฝึกวิชานี้ แล้วอาราธนาระลึกถึงบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต และเจ้าที่เจ้าทางช่วยคุ้มครองร่างท่านในระหว่างฝึกจิตไม่ให้สิ่งเลวร้ายมารมาผจ_แฝงหรือทำลายร่างท่านได้(อธิษฐานตามบทอธิษฐานก่อนปฏิบัติสมาธิหน้า22)

    3.ถ้าเกิดเหตุอะไรที่ทำให้ตกใจให้รีบระลึกถึงครูบาอาจารย์ ท่อง
     
  3. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    วิธีถอดจิตวิธีที่1

    ภาวะการถอดจิตวิ__าณที่เกิดจากการรวมฉับพลันกับกายทิพย์

    ปกติแล้วกายทิพย์เป็นอณูปรมาณูเล็กๆละเอียดมากกระจายไปทั่วในร่างกายเนื้อซ้อนอยู่กับเซลของกายเนื้อและเมื่อตอนที่เราฝึกปฏิบัติจิตตาม บทที่ 1-5 คือ ทางสงบแล้ว พอนั่งไปถึงจุดหนึ่งแห่งความสงบนิ่งมากพอแล้ว กายทิพย์จากกายในกายจะวิ่งมารวมตัวที่ท้ายทอยเหมือนมีอาการหนักๆร้อนๆที่ท้ายทอย แล้วค่อยๆวิ่งรวมผ่านสองข้างขมับ มาผสมจิตวิ__าณที่หน้าผากรวมกันเป็นลำแสงพวยพุ่งออกจากกายเนื้อ ตรงหน้าผากสู่อวกาศ ตอนนี้จะรู้สึกว่า ใจเสียววูบหนึ่งแล้วกายเบาไร้นํ้าหนัก ตอนนี้คนที่จิตไม่แน่วแน่อาจเป็นบ้าได้เพราะกลัวก่อนเหตุ ท่านที่ประสบอาการเช่นนี้ ควรตั้งใจให้มั่นไม่ต้องตกใจ แล้วเพ่งจิตตามลำแสงนั้นไปด้วยสติสัมปชั__ะ แนบตามติดกับลำแสงไป

    หน้า344

    จนแสงนั้นนิ่ง แล้วพยายามตั้งสติให้จิตแน่วแน่ ค่อยๆบีบลำแสงนั้นให้รวมเป็นวง ถ้าจิตยังไม่นิ่งดี วงกลมนั้นเปรียบเสมือนหนึ่งดังดวงใจของเราจะไม่สดใส และไม่แข็งแกร่งพอ แต่เมื่อบ่มจิตให้แน่นหนาขึ้นโดยส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมุ่งสู่ศูนย์กลางวงกลมแบบจดจ่อมากขึ้น จนแน่วแน่นิ่งดีแล้ว ดวงแก้วนั้นก็จะค่อยๆสดใสแวววาวขึ้น(จากตอนนี้แล้วฝึกตามข้อ 2 ต่อไป)

    ถ้าท่านไม่ฝึกปฏิบัติจิตต่อไป

    ท่านต้องตั้งสติที่กายเนื้อ แล้วส่งกระแสจิตใจความนึกคิดผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปที่ดวงแก้วแล้วกำหนดจิตค่อยๆดึงกลับเข้าร่างใหม่อีกครั้ง กายทิพย์ก็จะกลับคืนสู่ร่างทันที

    เมื่อกายทิพย์คืนสู่ร่างแล้ว อย่าเพิ่งลืมตาขึ้น ค่อยๆถอนหายใจลึกๆ 10 ครั้ง แล้วหายใจละเอียดลงอีก 10 ครั้ง หายใจปกติอีก 10 ครั้ง เป็นการปรับจิตใจให้หายจากภาวะการสั่นสะเทือนของกายทิพย์ แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น คลายออกจากสมาธิต่อไป
     
  4. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    วิธีถอดจิตวิธีที่2

    การปรับจิตจากดวงแก้วเป็นกายทิพย์

    เมื่อท่านฝึกจนได้ปฐมฌานแล้ว ได้นิมิตแห่งเอกัคตาเป็นดวงแก้วที่แวววาวแข็งแกร่งซึ่งปรากฏด้วยความรู้สึก แต่เมื่อเราส่งจิตใจความนึกคิดมองผ่านกึ่งกลางระหว่างคิ้วออกไปก็จะพบดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเรา

    (หรือท่านที่เกิด ภาวะจิตวิ__าณรวมฉับพลันกับกายทิพย์และได้ปรับจิตตามวิธีการถอดจิตข้อ ก วิธีที่1 แล้วเริ่มฝึกต่อเนื่องจากนี้ไป)

    เมื่อได้ดวงแก้วตั้งอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว ขอให้ท่านค่อยๆส่งกระแสจิตเข้าไปบีบดวงแก้วนั้นให้เล็กลงแล้วก็ขยายให้ให_่ได้จนคล่องแล้ว ก็ค่อยๆกำหนดบีบรัดดวงแก้วนั้นให้กลายเป็นรูปคนขึ้นมา (เราจะสร้างรูปตัวเราได้ อาจจะสร้างจากความทรงจำ โดยวิธีหา

    หน้า346
    กระจกบานให_่ๆมาตั้งอยู่ตรงข้ามกับเรา มองแล้วพิจารณาจดจำภาพมาเพื่อในการถอดจิตต่อไป )ใหม่ๆรูปนั้นจะไม่ชัด เลือนลางมาก ตอนนี้ร่างนั้นจะรู้สึกว่าดูแล้วมีเพียงโครงร่างแก้วที่โปร่งแสง แสดงว่า ยังถอดจิตไม่สมบูรณ์ ท่านจะต้องค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดของท่านเข้าไปที่โครงร่างนั้น โครงร่างนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังของสมาธิที่สูงขึ้น จนเห็นเป็นรูปร่างมีเนื้อหนังมังสาขึ้นจนกระทั่งมีหน้าตาเหมือนท่านไม่มีผิดท่านจะเห็นว่าท่านได้แบ่งเป็น 2 คน เป็นพี่น้องฝาแฝดหันหน้าเข้าหากัน กำลังจ้องมองกัน ท่านไม่ต้องตกใจ ขอให้เข้าใจว่า นั่นคือ กายทิพย์ของท่าน

    (สำหรับท่านที่จะฝึกปลงอสุภะพิจารณากายในกายก็เริ่มฝึกต่อในตอนนี้) คือ ส่งจิตใจกำหนดให้กายทิพย์นั้นเป็นไปตามบทปลงอสุภะ เมื่อถอดจิตปลงครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จิตใจก็จะสะอาด กายทิพย์ก็จะละเอียดยิ่งๆขึ้น จิตใจตัดกิเลสหมดไปเท่าใด กายทิพย์ก็จะละเอียดมากขึ้นเพียงนั้น

    หน้า347
    กายทิพย์เมื่อถอดออกมา ถ้าท่านฝึกส่งกระแสจิตใจความนึกคิดมากขึ้นจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว สามารถรวมเป็นคนออกนอกบ้านเดินให้สามั_ชนมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อธรรมดา และกายทิพย์นั้นซึ่งอยู่ในสภาพกายหยาบก็สามารถหยิบของได้ เพียงแต่ไม่พูดไม่จาเท่านั้น แต่ถ้าบำเพ็_จิตสูงขึ้น ร่างนั้นก็จะพูดได้

    และกายทิพย์นี้จะเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนได้เร็วมาก นึกจะไปไหนก็ไปได้ถึงที่นั่นทันที แต่ถ้าสมาธิอ่อนแรงลงเมื่อใด พละกำลังก็ตกลง การเคลื่อนที่ก็จะช้าลงด้วย ถ้าท่านฝึกจนเห็นกายทิพย์รวมตัวเป็นคนแล้วจะต้องมีความสามารถมองเห็นวัตถุธาตุ คือสิ่งก่อสร้างทุกอย่างรวมทั้งมีความถูกต้องทั้งสีและรูปร่าง พร้อมทั้งอ่านหนังสือไม่ผิดด้วย

    ส่วนในด้านวิ__าณนั้น ท่านอาจจะถูกหลอกลวงง่าย เพราะจิตนั้นยังอ่อนหัดและยังไม่แข็งแกร่งพอ จึงขอให้ท่านวางจิตเป็นกลาง พยายามตั้งสติพิจารณาทบทวนหาเหตุผลอย่างต่อเนื่อง แล้วส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพหรือเสียงนั้น จะได้ภาพและเสียงที่เป็น

    หน้า348
    ความจริงมากขึ้น แต่ขอให้ท่านอย่าหลงงมงายเชื่ออะไรง่ายๆนัก ผู้ใดหลงง่ายๆก็จะเป็นคนบ้าง่ายๆคือ กลายเป็นคนหลงใหลเรื่องลมๆแล้งๆที่ไม่ถูกต้องกับเหตุผลของความเป็นจริง ท่านต้องค่อยๆหาประสบการณ์ไป เป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ระยะหนึ่งก็จะเกิดความเข้าใจมากขึ้น จนกระทั่งจะรู้ถึงความเป็นจริงเรื่องจิตวิ__าณอย่างดี เพราะเรื่องวิ__าณเป็นเรื่องละเอียดมากๆที่น่าศึกษาต่อไป
     
  5. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    วิธีถอดจิตวิธีที่3

    ถอดจิตจากกึ่งกลางระหว่างคิ้ว

    ที่จริงไม่อยากเขียน เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับท่าน แต่คิดๆดูแล้วเหตุการณ์เหล่านี้อาจจะเกิดกับท่านที่ฝึกสมาธิทุกท่านได้ จึงเห็นสมควรเขียนไว้ให้ศึกษา เผื่อเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นกับท่านโดยบังเอิ_ท่านจะได้รู้วิธีแก้ไข

    ในขณะที่ท่านฝึกปฏิบัติจิตผ่านบทที่2 หาจุดยึดให้สงบในขั้นต้นมานั้น ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกว่าที่ดั้งจมูกตรงกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วนั้น มีความเสียวปวดตึงเป็นจุดอยู่ แม้ลืมตาก็ยังพบว่าตึงเสียวอยู่ เมื่อพบจุดเสียวนั้น ท่านค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปจุดนั้นมากขึ้น จุดเสียวนั้นก็จะหนักอึ้งมากขึ้นๆ จนเกิดอาการเหมือนสว่านหมุนเจาะไชเข้าไปในสมอง จนท่านรู้สึกว่าจุดนั้นมีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนแข็งแกร่ง

    หน้า350
    ไชยิ่งลึกๆเข้าในสมองหนักเต็มที่แล้ว ขอให้ท่านรวมจิตใจความนึกคิดอีกชั้นหนึ่งตั้งไว้ที่ตำแหน่งท้ายทอยส่วนบนทำหน้าที่เป็นที่รวมดีดถีบไปยังจิตที่รวมเป็นกลุ่มก้อนที่หน้าผากที่จุดเสียวตึงนั้นอย่างแรง จุดเสียวตึงนั้นก็จะถูกดีดอย่างแรงหลุดลอยออกจากร่างกายเนื้อทันทีพุ่งเข้าสู่ในอวกาศ ด้วยความเร็วมากจนเหมือนกายเนื้อช็อคไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจึงมีสติอีกครั้ง กายทิพย์ก็จะรู้สึกตัวมองเห็นตัวเองกำลังลอยเหาะอยู่บนอวกาศ มีลมผ่านข้างหูอย่างแรง ไม่เบาไปกว่าที่ท่านนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์

    และเมื่อท่านจะให้กายทิพย์กลับคืนร่าง ก็ตั้งจิตกำหนดนึกถึงกายเนื้อ ทันทีที่ตั้งจิตอยากจะกลับคืนร่างกายทิพย์นั้นก็จะดีดกลับมาเข้าร่างทันที จะมองเห็นกายเนื้ออยู่ในลักษณะเป็นหุ่นอยู่ไม่เคลื่อนไหว และเมื่อกายทิพย์มาถึง ก็จะค่อยๆกลืนเข้าหากันเหมือนกายซ้อนกาย และค่อยๆกลืนสนิทเข้าเป็นร่างเดียว ถ้าได้สติเต็มที่แล้ว มีอาการใจสั่น ก็ควรที่จะปรับจิตใจให้สงบก่อนแล้วจึงคลายออกจากการฝึกจิต

    หน้า351
    จุดอันตราย

    1. ระหว่างจะถอดจิตออกด้วยการกระแทกนั้น

    จะต้องตั้งเป้าหมายว่าจะไปไหนแล้วภาวนาในใจตลอดเวลา ใหม่ๆขอให้ตั้งเป้าหมายระลึกถึงหลวงพ่อโต ครูบาอาจารย์หน้าหิ้งพระก่อน ก็จะดีมาก ฝึกจนชำนา_แล้วค่อยขอให้ครูบาอาจารย์ท่านพาไปที่อื่นต่อไป

    2. ระหว่างที่ถอดจิตออกด้วยการกระแทกให้จิตออกไปนั้น ถ้าไม่มีเป้าหมายแล้วจิตท่านจะลอยอยู่กลางอวกาศลอยคว้างไปเรื่อยๆ และถ้าพบมารร้ายหรือดวงวิ__าณที่ไม่หวังดีแล้ว จะถูกเขาเหล่านั้นใช้พลังจิตตัดสายใยทิพย์ ระหว่างกายทิพย์ที่ติดกับกายเนื้อขาดจากกัน กายทิพย์ท่านก็จะลอยลิ่วเหมือนว่าวที่ขาดเชือกว่าวควบคุม

    เมื่อกายเนื้อขาดจากกายทิพย์แล้ว กายเนื้อก็จะหมดลมหายใจไปในไม่ช้า ภาวะนี้ขอให้อย่าตกใจ รวมจิตให้เป็นหนึ่งปฏิบัติตามวิธีแก้ไขดังต่อไปนี้

    วิธีแก้ไข
    ภาวะขณะที่กายทิพย์ลอยไป เหมือนว่าวที่ไม่มีจุดหมายปลายทางนั้น ให้พยายามรวมจิตให้เป็นหนึ่ง

    หน้า352
    ไม่ตกใจแล้วน้อมจิตใจระลึกถึงครูบาอาจารย์ โดยท่อง
     
  6. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    การเคลื่อนย้ายกายทิพย์

    การเคลื่อนย้ายกายทิพย์
    1. ความสัมพันธ์ระหว่างกายทิพย์ที่ถอดออกมากับกายเนื้อ กายทิพย์ที่ถอดออกมานั้นเปรียบเสมือนเป็นดวงตาหรือกล้องถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิดและดวงตานี้มีสายใย หรือสายโทรศัพท์มาพ่วงติดกับกายเนื้อซึ่งจะคอยรับและบันทึกความรู้สึกทั้งภาพและเสียง กายเนื้อนี้ยังเป็นเสมือนรังหรือบ้านของกายทิพย์ เพราะเมื่อตกใจแล้ว กายทิพย์จะต้องรีบวิ่งดีดกระโจนกลับเข้าร่างทันที และกายเนื้อยังเป็นรากฐานสั่งการกายทิพย์ให้ปฏิบัติการตามคำสั่งด้วย
    แต่เมื่อถอดกายทิพย์จนแยกออกจากกายเนื้ออย่างสมบูรณ์แล้ว กายทิพย์นี้ก็จะแยกออกจากกายเนื้ออยู่ตลอดเวลา อยู่ในลักษณะเป็นเงาตามตัวของกายเนื้อโดยมีสายใยทิพย์เชื่อมโยงอยู่ และตอนนี้ กายทิพย์จะไม่อยู่ใต้บังคับบั_ชาของกายเนื้อเสมอไป กายทิพย์
    หน้า354
    กลับจะเป็นศูนย์เตือนสติป้อนความรู้ให้กับกายเนื้อ ให้รู้จักผิดถูกดีชั่ว
    2. เริ่มเคลื่อนย้ายกายทิพย์ กำหนดจิตใจความนึกคิดจากกายเนื้อสั่งการ และบังคับให้กายทิพย์เคลื่อนที่เดินสำรวจภายในห้องก่อนจนถึงสำรวจทั้งบ้านจุดมุ่งหมายพยายามดูวัตถุสิ่งก่อสร้างให้ถูกต้องทั้งสีสันและรูปร่าง ถ้าผิดจากความเป็นจริงให้ฝึกการส่งกระแสจิตจดจ่อที่กายทิพย์ใหม่ตามวิธีเบื้องต้นที่กล่าวมาแล้วการที่ยังมองอะไรไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงนั้นเพราะว่ากายทิพย์ที่กระจายอยู่ในกายเนื้อยังถอดออกมาไม่หมดจึงต้องฝึกเพิ่มเติมใหม่
    เมื่อท่านฝึกจนหลับตาเห็นวัตถุธาตุไม่ผิดจากความเป็นจริงแล้ว ก็ขอให้เริ่มพิสูจน์เรื่องวิ__าณด้วยการเพ่งมองไปที่หน้าโต๊ะหมู่ หรือหิ้งบูชาพระหรือระลึกถึงครูบาอาจารย์ ขอชมบารมีท่าน ถ้าภาพไม่ชัด ให้ค่อยๆส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปที่ภาพนั้น ภาพนั้นก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามกำลังสมาธิ ในขณะเดียวกัน ถ้าท่านพบเห็นภาพที่น่ากลัว ไม่ต้องตกใจ ตั้งใจให้มั่นระลึก
    หน้า355
    ถึงครูบาอาจารย์ ส่งจิตใจความนึกคิดเข้าไปเสริมเพิ่มเติมภาพนั้นให้ชัดขึ้นแล้วส่งกระแสจิตสนทนากับสิ่งที่เกิดขึ้น ฝึกเช่นนี้จนเกิดความเคยชินและคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แล้วค่อยๆเคลื่อนกายทิพย์ไปสนทนากับเจ้าที่เจ้าบ้านหรือดวงวิ__าณอื่นภายในบ้าน
    3. ฝึกจนเกิดความเคยชินแล้ว ให้ระลึกอาราธนาครูบาอาจารย์หลวงพ่อโต ที่เราเคยสนทนาที่หน้าหิ้งพระนั้น โปรดเมตตาพาท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่ท่านเห็นว่าสมควร
    บางครั้งเราต้องการจะพิสูจน์ว่า กายทิพย์เรามีความแข็งแกร่งและแม่นยำขนาดไหน เมื่อถอดกายทิพย์ไปถึงสถานที่นั้นแล้ว จดจำเหตุการณ์และวันเวลาขณะนั้นไว้ แล้วนำไปเทียบหาความจริงกับเพื่อนคนนั้นที่เราได้ถอดกายทิพย์ไปหา
    ทุกครั้งที่ถอดกายทิพย์ไปต่างถิ่น ต้องเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าที่เจ้าทางในถิ่นนั้นด้วยการกราบไหว้ และอย่าทำอะไรที่เป็นการลบลู่ดูหมิ่นท่านด้วย
    หน้า356
    ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์นำพา ห้ามถอดจิตไปไหนอย่างเด็ดขาด ต้องฝึกจนกว่าครูบาอาจารย์จะสอนบทเรียนและชี้แนะจนเอาตัวรอดได้ ท่านก็จะปล่อยให้เราไปไหนมาไหนด้วยความอิสระ
    หมายเหตุ
    การฝึกถอดกายทิพย์นี้ใหม่ๆ ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 15 นาที จึงจะสามารถรวมจิตเป็นหนึ่งถอดกายทิพย์ได้ ท่านจะต้องฝึกจนสามารถรวมจิตใจความนึกคิดให้เป็นหนึ่ง ถอดกายทิพย์ให้ได้ในชั่วพริบตาเดียว จึงจะใช้ได้
     
  7. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ระวังจิตกับวิณยาณจะรวมฉับพลัน

    ระวังจิตกับวิณยาณจะรวมฉับพลัน
    ในการฝึกสมาธิระดับขั้นกลางจนถึงขั้นสูงนั้น อาจจะมีเหตุบังเอินคือ จิตเกิดรวมฉับพลันกับวินยาณเป็นลำแสงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่ต้องตกใจ ทำจิตใจให้มั่นจับไปกับลำแสงนั้นเหมือนพบเสือแล้ว ไม่กลัวเสือ ทำใจดีๆ จับหางเสือวิ่งตามเสือไปจนได้จังหวะโอกาสที่จิตเราหายตื่นตกใจแล้ว ก็สามารถกระโดดขึ้นนั่งหลังเสือใจก็จะค่อยๆสงบลงได้
     
  8. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    เผชิณโลกวิณยาน

    คำเตือนขณะปฏิบัติสมาธิ


    เพื่อไม่ให้ตกใจขณะปฏิบัติสมาธิ จะต้องพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตกใจจนเกิดความกลัว ถ้าเกิดตกใจจากเหตุใดๆก็ตาม ห้ามลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างเด็ดขาด

    ถ้านั่งหลับตาอยู่พบเห็นเป็นนามธรรมคือ พวกวิณยาณแล้ว ให้ตั้งจิตถามไปว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร ถ้าวิณยาณนั้นมาดี ก็จะได้รับคำตอบ ถ้าวิณยาณนั้นมาร้ายคือมาเป็นมารผจณหรือว่าเป็นภาพอุปาทานที่ลวงตา หรือว่าเสียงอุปาทานที่ลวงหูจากความคิดจิตใต้สำนึก หรือว่านิมิตที่น่าหวาดกลัวตื่นเต้น ขอให้ท่านวางจิตใจให้นิ่งๆ ระลึกถึงพระรัตนตรัยครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำใจดีสู้เสือ และอุทิศกุศลให้อโหสิกรรม แล้ววิณยาณหรือรูปเหล่านั้นก็จะหายไปในที่สุด
     
  9. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ภาวะตกใจเพราะกายทิพย์สะเทือน

    ภาวะตกใจ เรียกว่า กายทิพย์สะเทือน

    ภาวะตกใจแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีจากที่นั่ง เรียกว่า กายทิพย์ถูกสะเทือนถึงขั้นแตกกระจาย

    ภาวะปรับจิตให้หายตกใจ เพื่อรักษากายทิพย์สะเทือน เรียกว่า ปรับธาตุของกายทิพย์ที่สั่นสะเทือนนั้นให้นิ่งและคืนสู่สภาพปรกติ

    อย่าลืมหลักการปรับจิตหลังภาวะตกใจนี้ มีความสำคันต่อผู้ที่จะฝึกจิตมาก เพราะหลักการนี้ จะทำให้ท่านพ้นจากการเสียสติเพราะนั่งสมาธิ


    อาการของคนที่ป่วยเพราะกายทิพย์สะเทือน

    1 ) คนที่ป่วยชนิดเบาๆ คือหลังตกใจแล้ว ไม่ได้สมานกายทิพย์ จะมีอาการเบื่อหน่ายชีวิต เมื่อยๆ ชาๆ ไม่ค่อยมีจิตใจจะทำงาน และพอตกบ่ายก็จะมีอาการง่วงเหงาหาวนอน มึนศีรษะ ปวดหัวเล็กน้อยจนปวดหัวมาก

    วิธีรักษา

    พยายามหาเวลานั่งสมาธิให้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนบ่ายที่ง่วงนอนไม่ควรไปนอน แต่ไปนั่งฝึกสมาธิปฏิบัติเช่นนี้ 7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ

    2) คนที่ป่วยอาการหนัก อาการของคนที่ป่วยหนักนี้ คือ หลังตกใจแล้ว กายทิพย์ที่ถูกสะเทือนจนแตกกระจาย จะมีอาการควบคุมสติไม่อยู่ เช่น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหม่อลอย หรือพูดจาไม่สมประกอบ บางขณะไร้สติอย่างที่เรียกว่า คนบ้านั้นเอง

    วิธีรักษาขั้นต้น

    การพอกกายทิพย์เพื่อรักษากายทิพย์ที่ถูกสะเทือน ถึงขั้นแตกกระจาย เป็นวิธีรวมจิตที่แตกแยกกระจายให้สมานคืนรูปเดิม

    หาพี่เลี้ยงใจเย็นๆ มีมหาเมตตา พูดจาดีๆ มาช่วยควบคุมให้เขาปฏิบัติสมาธิจิตเริ่มต้นใหม่ด้วย การเพ่งพระพุทธรูปเป็นนิมิตดังนี้คือ

    หาห้องสะอาดปราศจากความรุงรัง ที่ฝาห้องติดผ้าขาวหรือกระดาษขาว และตั้งพระพุทธรูปองค์ไม่ใหย่นัก ประมาณหน้าตัก 5 นิ้วก็พอ ตั้งสูงประมาณพอดี กับระดับสายตาของผู้ที่จะปฏิบัติฝึกสมาธิจิต แล้วแนะนำคนไข้นั่งในท่าสมาธิ ( ตามบทในการนั่งสมาธิ ) ห่างจากองค์พระพุทธรูปพอสมควร แล้วให้คนไข้เพ่งไปที่พระพุทธรูปนั้นจนจำภาพได้ และให้ปิดหนังตาลง พยายามให้นึกเห็นภาพ พระพุทธรูป นั้นอีกจนกว่าภาพพระจะชัดเป็นรูปสมบูรณ์แต่พอภาพหายไปให้ลืมตาใหม่
     
  10. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ข้าพเจ้าเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า การถอดจิตนั้น ไม่มีมนุษย์คนใดถอดได้ มันเป็นเพียงความคิดความเข้าใจความเพ้อฝันว่าถอดได้ ความจริงแล้วถอดไม่ได้
    ส่วนกายทิพย์นั้น มนุษย์ปุถุชน ไม่สามารถถอดกายทิพย์ได้
    กายทิพย์มีจริง แต่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์องค์ชีใดใด ไม่สามารถถอดได้ การจะมีกายทิพย์ได้นั้น ต้องมีความรู้ในเรื่อง วิชชา 3 วิชชา 8 และอื่นๆอีกมาก ไม่ใช่แค่นั่งสมาธิแล้วจะทำได้
    กายทิพย์จะเกิด ก็ต่อเมื่อจุดที่อยู่ประมาณหัวใจเปิดออก หรือเกิดจากอำนาจจิตที่เข้มแข็ง ประกอบไปด้วยความรู้ จึงจะสามารถทำได้ ซึ่งการถอดกายทิพย์นี้ หากจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแยกร่าง หรือการแบ่งภาค
    หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่ง กายทิพย์จะเกิดขึ้น และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน ก็คือ บุคคลผู้ฝึกตน ตามหลักการ วิชชา 3 วิชชา 8 และบรรลุถึงขั้น โสดาบัน ปฏิมรรค ปฏิผล หรือสำเร็จมรรคผล เข้าใจมรรคผลเท่านั้น อย่างอืนไม่ต้องพูดถึง
    และที่ข้าพเจ้ากล่าวไปทั้งหมด เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าเอง สามารถพิสูจน์ได้ แต่ระยะนี้ อยู่ระหว่างการรักษาตัวจากอาการธาตุไฟเข้าแทรก จึงสับสนเล็กน้อย ข้าพเจ้าเองคิดว่า ข้าพเจ้าก็คงยังสามารถแยกกายทิพย์ หรือ อื่นๆตามที่ได้กล่าวไป และสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ใช่แยกได้ในความคิดเพ้อเจ้อ ฉะนี้
     
  11. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ไปเถียงกับเจ้าของบทความเองเหอะค่ะ

    http://www.thai.net/book_2546/

    ถอดได้หรือไม่ได้ ก็รู้ได้เฉพาะตน


    กระเจียวเพียงก็อปมาให้อ่านกันนะ จะได้เปิดโลกกว้าง


    เชื่อไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ปัณยาสิ
     
  12. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณก๊อปมาลงให้ผู้อื่นได้อ่าน ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการของคุณ คุณอ่านบทความของเขาแล้วทำไมไม่พิจารณาว่า สามารถเป็นจริงได้หรือไม่ แสดงว่า คุณมีความหลงเชื่อในบทความที่คุณนำมาลง
    คุณรู้ไหม ว่า พุทธศาสนิกชน ผู้ใจบุ_ อยากได้บุ_ หลงเชื่อพวกนั้นผิดไปกี่มากน้อย
    คุณรู้ไหมว่า คุณอาจจะมีเจตนาดี แต่คุณมองโลกในทางที่แคบๆ ถ้าคุณมองกว้าง คุณต้องคิดพิจารณาเสียก่อน ที่จะนำมาลง เพราะเมื่อนำมาลง ผู้หลงผิด หลงเชื่อ คิดว่าเป็นจริง ศาสนาก็เสื่อม เพราะความรู้ไม่จริง ขอรับ
     
  13. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    โหย ขนาดนั้นเลยเหรอ


    งั้น สรุป ถ้าใครสอนเรื่องถอดจิต ก๊พาให้ศาสนาเสื่อม


    ส่วนกระเจียวก็บาปมากเลยน่ะสิ
     
  14. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ถึงจะเห็นว่าบทความที่กระเจียวเอามาลง มันดูเหมือนกระเจียวโลกแคบมาก

    อื้ม แล้วคุณไม่เปิดใจลองอ่านทุกบรรทัดให้ดีก่อนอ้ะ มันไม่ได้แต่งขึ้นนะ มันเขียนขึ้นจากประสบการณ์

    คนเราจำเป็นด้วยเหรอว่า ประสบการณ์จะต้องถูกต้อง ต้องลองอ่านประสบการณ์คนอื่นด้วย แม้ว่าประสบการณ์คุณจะเยี่ยมยอดถูกที่สุดในโลกแต่ก็ต้องเปิดใจรับรู้ประสบการณ์ที่คุณคิดว่าผิดด้วย เผื่อวันนึงมันถูกขึ้นมาล่ะ


    หวังดีค่ะ
     
  15. ริชาร์ด เกียร์หัก

    ริชาร์ด เกียร์หัก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +8
    เว่อร์นะครับ การถอดจิตมันไม่เสียหายไรหรอกครับแต่ต้องมีสติอยู่เสมอ การบรรลุเป็นพระอรหันต์ก็มีตั้งสามแบบ ผมว่าคุณtelwada ถ้าคุณอยากเป็นพระศรีอารย์ หรืออ้างว่าตนเป็นพระศรีอาริย์ ก็เลิกมาปรามาสแนวทางการฝึกของคนอื่นเถอะครับ เห็นแล้ว เวทนา และ อับอายแทนศาสนา
     
  16. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เวอร์ดังคำคุณกล่าวจริงๆ
    อรหันต์มีสามแบบ หัวร่อซะหน่อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    คุณไปรู้ที่ไหนมา เคยเห็นหรือ ผู้สำเร็จอรหันต์ ถ้าไม่เคยเห็นอย่าโม้ ให้คนอื่นหลงเชื่อ เข้าข่ายหลอกลวงนะคุณ จาบอกให้
    ข้าพเจ้ารึอยากเป็น ศรีอารย์ ไม่มีทางดอกคุณ แต่ไม่เป็นก็ไม่ได้นะคุณ เพราะผู้มีฤทธิ์ เหนือข้าพเจ้ายังมีอยู่
    ขนาดข้าพเจ้าไม่ได้เข้ายาน 2 เดือน ยังเกือบตาย ธาตุไฟเข้าแทรก นี้เป็นครั้งหลังสุดนะ ที่ก่อนๆมา มีอีกเยอะ ไม่คิดพิจารณาค้นคว้าค้นหา ธรรมที่แท้จริงยังไม่ได้ ถูกกระทำโดยฤทธิ์ของผู้เหนือข้าพเจ้า ถ้ามองเห็นตัวยังพอป้องกันได้ นี้เห็นแวบเดียวจะพูดด้วยยังไม่ได้พูดสักคำเลยคุณ
    แล้วที่ว่าข้าพเจ้าขัดคอเรื่องการถอดจิตนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้พวกคุณเลิกหลอกลวงผู้อื่นเสียเถิด มันไม่มีทางถอดจิตได้ดอกนะ
    ถ้าคุณคิดว่าคุณแน่ลองมาพิสูจน์กับข้าพเจ้าไหม กล้าหรือเปล่าเท่านั้นแหละ
     
  17. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ตกลงคุณ telwada กำลังท้าใช่มั้ยคะ

    เดี๋ยวกระเจียวจะไปช่วยเปล่าประกาศให้นะคะ
     
  18. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011

    แหม ดีจังค่ะ อวดมาแบบนี้ ก็ต้องหาผู้เชี่ยวชา_มารับคำท้าสักหน่อย
     
  19. bluecoral

    bluecoral Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +70
    เอ่อ ..ไม่รู้จายุ่งกะเค้าป่าวเนี่ยะ แต่ ... การถอดจิต มันทำกันได้นะคุณ telwada แล้วก็มีพระหลายรูปแล้วที่ท่านสามารถทำได้แล้วได้บันทึกข้อความเหล่านั้นไว้เป็นธรรมทานแก่ลูกหลานสืบทอดกันมา ... ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับบุ_บารมีของคน คนนั้น แต่ถ้าคุณจะบอกว่า มีไม่มากนักที่ทำกันได้ อันนี้เราเห็นด้วยนะ ... เพราะอย่างที่บอก มันขึ้นอยู่กะบุคคลนั้นๆ คงไม่ได้มีคนเดียวในโลกที่สามารถถอดกายทิพย์ได้หรอกคุณ อีกอย่าง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ... ผู้ที่เป้นผู้รู้ อย่าอวดตน ไม่ใช่เหรอท่าน บางคนเค้าอาจจะทำได้ แต่เค้าไม่พูดโอ้อวดก็เป็ฯได้นะ ... เพราะว่า การพูดโอ้อวด ... ทำตนข่มท่าน ... จะทำให้วิชา หรือ บารมีเหล่านั้น ตกลง ... นั่นอยู่ในคำสอนของพระพุทธองค์เองนา ... ขนาดพระพุทธเจ้าท่าน มีอำนาจเหนือสิ่งใด ในโลกมีอิทธิฤทธิ์มากมาย ... แต่ท่านยังไม่เคยยกตนข่มท่านต่อผู้ใดเลบ นอกเสียจากท่านจำเป็นจริงๆ ... อย่างในพระไตรปิฎก ... คนที่คิดว่ามีบารมีสูงแล้ว ทำได้ทุกอย่างแล้ว ... แต่ถ้าทำผิดศีล ก็สามารถตกลงมาได้เหมือนกันนา .... ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีองค์คอยควบคุมอยู่ อย่างที่คุณว่าแล้วนั่น ... ยิ่งควรต้องมีศีลให้ครบกว่าคนอื่นๆ ...เพราะถ้าไม่ครบ ... ก็จะเจ็บป่วยได้ง่ายดาย ....


    ถ้าไงลองเปิดใจและรักมนุษย์ทุกคนดูสิคุณ รักให้เท่าๆกัน แล้วให้อภัยเค้า หากเค้ากล่าวมาผิดจริงๆ ... ก็ใช้หลักคำสอนตักเตือนให้ถูกต้องตามทางของพระพุทธองค์ ดีกว่ามาโต้ตอบกันแบบโกรธเคือง อย่างนี้จิจะได้ชื่อว่า เป็นผู้ประเสริฐ แล้วซึ่งปั__า จริงๆ ...

    อันนี้ไม่ได้ลบหลู่ใครนะ ... แต่ทุกอย่างมันมีสองด้าน ทั้งนั้น .... คงไม่เสียหายถ้าเราจะมอง มันครึ่งๆกลางๆ ... และยอมรับความคิดของคนอื่นไว้ด้วยเช่นกัน ส่วนตัวเราเอง เราไม่ว่านะ ว่าคนไหนถูกคนไหน ผิด ... เราแค่พูดไปตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้แค่นั้นเอง ผิดถูกยังไง ขออภัยกันไว้อีกระรอกหล่ะกันนะจ๊ะ ....
     
  20. eakachaiii

    eakachaiii สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +22
    อืม ดี ดี ดี ดี ดี มากๆ

    อืม สวัสดีครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ พอดีผ่านมาอ่านอะครับ(อ่านเกือบหมดทุกหัวข้อที่น่าสนใจแล้วอะครับ)

    อืมคือ... ที่ผมบอกว่าดีอะครับ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะ 1. ขอให้การเข้ามา rep ของคุณ Teleada ครั้งนี้เป็นอุธาหรเลยนะครับ ว่า การที่เราจะเชื่อเรื่องอะไรซักเรื่องเนี่ย ถ้ามันฟังดูอาจเข้าท่า แต่รู้สึกแปลกๆเนี่ย ให้พวกเราชั่งใจไว้มากๆเลยนะครับ เพราะอะไร เพราะ ดีนะที่คุณ telwada ออกมาบออกเสียงแข็งว่า "มันเป็นไปไม่ได้" อย่างน้อยคิดว่าทำให้ผมและคุณเจ้าของกระทู้รู้สึก ขัดๆแล้ว แต่เรื่องอื่นๆเนี่ย ผมไม่ทราบจริงๆ ก็ต้องขอบอกเลยว่า ถ้าสมมุต มีเรื่องที่เล่ามาก่อนแล้ว เป็นยังไงไม่รู้ อาจจะเชื่อได้หรือไม่ได้ พอมาเจออย่างนี้เข้า ผมก็คงเชื่อในตำราเล่มที่คุณเจ้าของกระทู้เขียนนะครับ หรือ เชื่อตามพระไตรฏิฎก(พระไตรฏิฎกนี่ 100%) เพราะเล่มที่คุณเจ้าของกระทู้โพสมาเนี่ยผมเคยอ่านมาเกือบ 12 ปีแล้ว ตอน ม.3 อายุประมาณ13-14 ตอนนี้ 26 จากการที่ได้อ่านและทำตามนะ มันก็ทำให้ชีวิตผมมีความสุขดี แม้ว่าจะทำไม่ได้อย่างในหนังสือเขียน แต่มันก็ทำให้ผมตระหนักถึง โลกที่เราตอนนี้ยังมองไม่เห็น และแนวทางความเชื่อ และความสรัทธา ในพระ เช่น หลวงปู่โต เป็นต้น ตอนนั้นหน้าปกไม่ใช่อย่างนี้ หน้าปกเป็นรูปเหมือนใบอะไรซักใบและมีรูปพระพุทธอยู่ประมาณว่าด้านล่างซ้ายอะครับจำได้แม่นเลย ขอพอก่อนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...