๙๙๙ อิทธิมงคล มหาบารมี วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ๙๙๙

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย FALCON1, 9 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. thailand2554

    thailand2554 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +15
    ครับ...ตอนเช้าพรุ่งนี้จะเข้ากราบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวันก่อน แล้วจะไปร่วมพิธีด้วยนะครับ ถ้าไปไม่ถูกยังไงจะโทรถามทางพี่วุฒิอีกที ท่านอริยมุนีคงไม่ว่างรับโทรศัพท์
     
  2. honda2722

    honda2722 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    เงินทำบุญผ้าไตรถวายหลวงปู่ วันที่ 18 สิงหาคม

    สวัสดีค่ะ คุณเสกพี่จิต ขอส่งสลิปรายการโอนเงินถวายผ้าไตรหลวงปู่จำนวนทั้งหมด 9 ไตร

    และขอรบกวนให้คุณเสกช่วยจัดการซื้อของเพิ่มเติมให้พี่ เพื่อถวายหลวงปู่ใวันที่ 18 ด้วยตามรายการที่แนบ


    ส่วนล๊อกเก็ตกะลาตาเดียว ช่วยเก็บไว้ให้พี่ก่อนนะคะ ใกล้ ๆ นี้พี่จะไปกราบหลวงปู่ที่สุสาน พร้อมนำเงินไปชำระค่าล๊อกเก็ตด้วย

    ขอบคุณค่ะ

    พี่จิต (พัทยา)



    QUOTE=อริยมุนี;4949553]เนื่องจากวันที่18 สิงหาคมนี้ ทางสุสานจะจัดพิธีถวายหลวงปู่ เพื่อให้ท่านสุขภาพแข็งแรง โดยหลวงปู่จะทำพิธีเอง งานนี้ใด้ใช้ผ้าใตรบูชาครูจำนวน99ใตร ซึ้งทางสุสานใด้สั่งเตรียมใว้แล้ว ถ้าศิษยานุศิษท่านใดที่ต้องการร่วมบุญซื้อผ้าใตรถวายบูชาครู แด่หลวงปู่ สามารถร่วมบุญใด้ ใตรละ700บาท ซึ้งตอนนี้ทางสุสานใด้สั่งผ้าใตรใหม่จากทางร้านมาแล้ว งานนี้ใช้ของใหม่หมดคือเป็นผ้าใตรใหม่หมด ใม่ใช้ของเก่า ถ้าสนใจร่วมบุญ สอบถามใด้ครับที่0810751810 อริยมุนี(เสก) หรือที่พี่วุธ ใด้ครับ ผ้าใตรหลังจากใช้บูชาครูเสร็จหลวงปู่ก้จะเอาไปทำบุญต่อ เป็นการเพิ่มบุญอีกทีหนึ่ง[/QUOTE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ห้องหนึ่ง

    ห้องหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,385
    ติดตามงานบุญอย่างไกล้ชิด
     
  4. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    "น้ำทะเลไม่แห้งใครก็ฆ่าศิษย์หลวงปู่ไม่ตาย แผ่นดินพลิกได้ศิษย์หลวงปู่ถึงรู้จักจน"
    คำขอของหลวงปู่ต่อครูบาอาจารย์เสมอ..สาธุ


    ********************************************************************************
    </TD><TD class=thead width="14%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    อนุโมทนาบุญครับ:cool::cool::cool:

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    ศิษย์มีครู

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ








    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  5. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    "น้ำทะเลไม่แห้งใครก็ฆ่าศิษย์หลวงปู่ไม่ตาย แผ่นดินพลิกได้ศิษย์หลวงปู่ถึงรู้จักจน"
    คำขอของหลวงปู่ต่อครูบาอาจารย์เสมอ..สาธุ


    ********************************************************************************
    </TD><TD class=thead width="14%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    รับทราบการโอนครับ อนุโมทนาบุญครับ เดี๋ยวจัดส่งให้ตามที่อยู่ครับ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    ศิษย์มีครู

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ








    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  6. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    "น้ำทะเลไม่แห้งใครก็ฆ่าศิษย์หลวงปู่ไม่ตาย แผ่นดินพลิกได้ศิษย์หลวงปู่ถึงรู้จักจน"
    คำขอของหลวงปู่ต่อครูบาอาจารย์เสมอ..สาธุ


    ********************************************************************************
    </TD><TD class=thead width="14%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อริยมุนี [​IMG]
    เนื่องจากวันที่18 สิงหาคมนี้ ทางสุสานจะจัดพิธีถวายหลวงปู่ เพื่อให้ท่านสุขภาพแข็งแรง โดยหลวงปู่จะทำพิธีเอง งานนี้ใด้ใช้ผ้าใตรบูชาครูจำนวน99ใตร ซึ้งทางสุสานใด้สั่งเตรียมใว้แล้ว ถ้าศิษยานุศิษท่านใดที่ต้องการร่วมบุญซื้อผ้าใตรถวายบูชาครู แด่หลวงปู่ สามารถร่วมบุญใด้ ใตรละ700บาท ซึ้งตอนนี้ทางสุสานใด้สั่งผ้าใตรใหม่จากทางร้านมาแล้ว งานนี้ใช้ของใหม่หมดคือเป็นผ้าใตรใหม่หมด ใม่ใช้ของเก่า ถ้าสนใจร่วมบุญ สอบถามใด้ครับที่0810751810 อริยมุนี(เสก) หรือที่พี่วุธ ใด้ครับ ผ้าใตรหลังจากใช้บูชาครูเสร็จหลวงปู่ก้จะเอาไปทำบุญต่อ เป็นการเพิ่มบุญอีกทีหนึ่ง




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ************************************************************


    สรุปรายชื่อผู้จองถวายผ้าไตรบูชาครู
    1.ว่าที่ร้อยตรี วุฒิ -คุณบังอร-ด.ญ.อรวี ประภัสราภรณ์ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    2.คุณปีแก้ว ประภัสราภรณ์ และครอบครัว จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    3.คุณสง่า อัครปรีดี (Q-ten) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    4.คุณสง่า อัครปรีดี (Q-ten) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    5.คุณวัชราภรณ์-คุณปัญญา วงษ์สุนทร จอง 1 ไตร
    6.คุณพิสิฐชัย-คุณมนต์ทิชา-ด.ญ.ปราณปวีณ์ เอี่ยมสำอาง จอง 1 ไตร
    7.คุณพ่อเซี๊ยะพวง แซ่เบ๊ และคุณแม่มาลี พิมพ์กิติเดช จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    8.สุวัฒน์ พิมพ์กิติเดช จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    9.คุณธนวัตร-คุณวรรณฤดี-ด.ญ.จิรัชญา - ด.ช.ปรมัตถ์ สถิรวิวัฒน์กุล จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    10.คุณธิติ แก้วกำไกร และคุณชานนท์ ปะระมะ จอง 1 ไตร
    11.น้องบอม จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 709 บาท)
    12.คุณณัฏฐ์นัน ธรรมกิจขจร<!-- google_ad_section_end --> จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    13.คุณคำนวณ ศรีมงคล จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 707 บาท)
    14.คุณปรเมษฐ์ จาระ และครอบครับ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    15.คุณละออง-คุณอุบล มีหลง จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    16.คุณธนนชัย กานตภิชาติ และครอบครัว จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    17.คุณพรเทพ ตรีกิจจำรูญ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    18.คุณสุทธิพงศ์ ดีสม จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    19.คุณอนุภาพ สวนปรางค์(คุณผู้นอบน้อมสุดใจ) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    20.คุณจินตากาญจน์-คุณธรรมโรจน์ เมฆารักษ์ภิญโญ จอง 1 ไตร
    21.คุณรังสิต-คุณวริศร์สร-คุณสรสันต์ เมฆารักษ์ภิญโญ จอง 1 ไตร
    22.ว่าที่ร้อยตรี วัชระ ดาวัลย์ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    23.คุณศรชัย เป็นครบ จอง 1 ไตร
    24.คุณสุพจน์ ศรีทองมาศ และนางสาวสวิตตา เอี่ยมสะอาด จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    25.คุณอำนาจ บุญกัญยา และนางสาวชุติมา ยินดี จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    26.คุณแสงรัตน์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    27.คุณธนัชพงศ์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    28.คุณกนกกาญจน์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    29.คุณมนตฺทิชา -ด.ญ.ปราณปวีณ์ เอี่ยมสำอาง จอง 1 ไตร
    30.คุณแสงจันทร์-คุณสุรชัย ลิมปิโกวิท จอง 1 ไตร
    31.คุณวันทนีย์ อิศรานุวัฒน์ จอง 1 ไตร
    32.คุณพัชรินทร์ เรือนแก้ว และครอบครับ จอง 1 ไตร
    33.คุณจินดา ดิษฐพร จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    34.คุณอาประสิทธิ์ จอง 1 ไตร
    35.คุณมาโนช คล้ายสาหร่าย จอง 1 ไตร
    36.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    37.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    38.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    40.คุณสมจิต ดาวัลย์ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    41.คุณยศพนธ์ บุณยะผลานันท์ และคุณอังคณา จิตนิคม จอง 1 ไตร
    42.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    43.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    44.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    45.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    46.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    47.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    48.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    49.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    50.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    51.เจ้าภาพร่วม จอง 1 ไตร ( ไตรที่ 1 )
    -คุณธนัช บุญจันทร์ ( โอนแล้ว 200 บาท)







    [​IMG]<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> ​



    รวมเจ้าภาพ 51 ไตร
    ณ.วันที่ 5 ส.ค.2554

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙


    1.สำหรับท่านใดที่สนใจร่วมทำบุญลงชื่อจองผ้าไตรในกระทู้ได้เลยครับ หรือโทรติดต่อได้ครับ
    2.สำหรับท่านใดที่จะร่วมทำบุญกับหลวงปู่ในครั้งนี้ ถ้าไม่จองเป็นไตร ก็สามารถร่วมทำบุญได้ครับ แล้วแต่กำลังศรัทธา ได้บุญเหมือนกันครับ เมื่อโอนแล้วผมจะจัดรายชื่อร่วมกันเป็นเจ้าภาพจองผ้าไตรให้ได้กลุ่มละ 1 ไตร ครับ




    โอนเงินเข้าบัญชี
    ชื่อบัญชีธนาคาร ว่าที่ ร.ต.วุฒิ ประภัสราภรณ์
    บัญชี ธนาคารกรุงเทพ สาขาเอ็มโพเรี่ยม ออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 0960187235
    โทร 087-0267111

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    ศิษย์มีครู

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ








    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ผมว่า 99 ไตร แค่ในเวปน่าจะไม่เกินวันพุธหน้า
     
  8. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    "น้ำทะเลไม่แห้งใครก็ฆ่าศิษย์หลวงปู่ไม่ตาย แผ่นดินพลิกได้ศิษย์หลวงปู่ถึงรู้จักจน"

    คำขอของหลวงปู่ต่อครูบาอาจารย์เสมอ..สาธุ


    ********************************************************************************



    </TD><TD class=thead width="14%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ด้วยบารมีของหลวงปู่ และความศรัทธา ซึ่งศิษย์จะแสดงความกตัญญตอบแทนถวายแค่องค์ครูบาอาจารย์ ผมว่าเป็นไปได้ครับถ้าเราร่วมแรงสามัคคีกัน
    สาธุ สาธุ สาธุ
    fly_pig​

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    ศิษย์มีครู

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ











    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2011
  9. FALCON1

    FALCON1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,521
    ค่าพลัง:
    +4,863
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    "น้ำทะเลไม่แห้งใครก็ฆ่าศิษย์หลวงปู่ไม่ตาย แผ่นดินพลิกได้ศิษย์หลวงปู่ถึงรู้จักจน"

    คำขอของหลวงปู่ต่อครูบาอาจารย์เสมอ..สาธุ


    ********************************************************************************



    </TD><TD class=thead width="14%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณเอนก โทรจองร่วมทำบุญ 3 ไตร ครับ
    สาธุ อนุโมทนาบุญ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>
    ศิษย์มีครู

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ











    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  10. chat-korat

    chat-korat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +55
    ผมอยากทำบุญผ้าไตรด้วยแต่ติดต่อพี่วุฒิไม่ได้/081-806-3393
     
  11. chat-korat

    chat-korat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +55
    แก้ไขเบอร์โทร 081-9063393
     
  12. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    วิชาที่หลวงปู่ถ่ายทอดไว้

    วันนี้ตามสัญญา
    วิชาครูมวย
    .
    หากเรียนสำเร็จ ผีจะกลัวเรามาก และได้วิชา จากครูในโลกวิญญาณเรื่องของเรื่องโดยมากจะหนีก่อนเพราะครูลอง เรากลัวอะไร มักจะเจอสิ่งนั้นเท่าที่ถาม ๆ ยังไม่มีลูกศิษย์คนใดเรียนสำเร็จเพียงแต่เคยเรียนกันแต่วิ่งหนีในวันที่ 7 เสมอ จับใข้กันเลยเพราะจิตไม่แข็ง ครูที่สอนจะปรากฎเป็นงูใหญ่เป็นยักษ์เป็นช้าง ตรงเข้ามาทำร้าย ผู้เรียนจะต้องต่อยตีกับผีนั้นจนชนะจึงจะได้วิชาคาถาจากครูในโลกวิญญาณ
    วิธีเรียนก็ตั้งบายศรี 4 ต้น ณ ที่จะเรียน ตามโคนไม้ในสุสานทุ่งมน เทียนขี้ผึ้งเล่มใหญ่ หลวงปู่จะลงอักขระเสกประสิทธิ์ประสาทให้ จากนั้นผุ้เรียนก็จะเดินจงกรมกลับไปกลับมารำมวยไปด้วย ศษญตาจะต้องจดจ้องไม่ละจากเทียนวิชาที่จุดที่โคนไม้ ระแวดระวังภาวนาคาถาไปด้วยรำมวยไปด้วย

    วิชาโจร..
    ก็ตามชื่อแต่ไม่ได้ให้ไปลักโขมย เป็นเพียงวิชาที่เมื่อขึ้นเรียนวิชาต้องเก็บตัวไม่ให้ใครเห็น จะรู้เพียงหลวงปู่กับผู้เรียนเท่านั้นวิชานี้หากเรียนสำเร็จ ไปมาไร้ร่องรอย จะเข้าออกที่ใดเพื่อการใดเช่นไปช่วยคนในที่กักขังจูงมือเดินออกมาเลยไม่มีคนทักหรือ

    วิชาดาบฟ้าฟื้น(ชื่อฟังจากอริยะมุนีแล้วลืมชื่อวิชาดาบโมกขศักดิ์หรืออะไรจำไม่แม่นเอาชื่อนี้แล้วกัน ชื่อเล่นชื่อจริงถามอริยะมุนีแล้วกัน).....

    วิชานี้เป็นคาถาแขกแนวอาหรับ วันพุทธาภิเษกหลวงปู่เห็นพระขรรค์
    ปราบไตรจักรคาดว่าหลวงปู่จะบรรจุคาถานี้ไปด้วย ต้องว่าคาถานี้ใช้บริกรรมเสกมีด หินลับมีด พร้อมลับมีดดาบไปด้วย 7 วันเห็นผล
    ฟันหินขาดลึกทะลุดินไปอีก 3 เมตร จริงจ๊ะโยมไม่โม้

    หลวงปู่เล่าว่า....ไปพักบ้านอาจารย์ โจรมาโขมยของพอขึ้นบ้าน
    ครูหลวงปู่กระโดดถีบโจรให้ตกบ้าน(บ้านไม้ไต้ถุนสูงที่เขมร) แต่โจรก็มีวิชาไม่ตกลงเพียงเซไปนอกชาน
    ครูหลวงปู่จึงคว้าดาบลับด้วยวิชาฟ้าฟืนเสกสำเร็จไปในอากาศ ปรากฎ โจรขาขาด 2 ข้างแถมคมมีดลึกจมดินไป3 เมตรเลยทีเดียว
    คาถาคัดด้วยลายมือหลวงปู่่ตามต้นฉบับแต่ในวัดมีเพียง 2, 3 ท่านที่ได้คาถาไปแต่ยังไม่แน่ใจในการอ่านเพราะหลวงปุ่จดให้แต่สระกับอักษรไม่ตรงกัน เช่น คำว่า "เราะซะเซ๊อะ บางคนว่าหลวงปู่ออกเสียงเป็นเราะซะเส๊อะ ยังไม่มีผู้กล้าพลีชีพไปกราบเรียนถามหลวงปุ่กลัวกันมาก....ขอบอก เพราะหลวงปู่บอกดันจดไม่ถูกเอง อริยะมุนียังหนาว...
    อีกนิด..หากนำคาถานี้เสกข้าวทาน ทนหอกดาบปืน แต่ห้ามทานเนื้อหมู ด้วย



    จบเพียงนี้ก่อน

    เจริญพร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2011
  13. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ภาพเตือนใจ...หลวงปู่ครูผู้เฒ่า ผู้รักษาธรรมมาตลอดทั้งชีวิต สาธุ.....

    ธรรมบันดาล ให้ทำจริง ๆ
    หลวงปู่รักษาวิชานี้ด้วยอุสาหะ
    ไม่ทิ้งขว้างกลางคัน
    ทำจริง ๆ เห็นจริง..

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    สรุปรายชื่อผู้จองถวายผ้าไตรบูชาครู
    1.ว่าที่ร้อยตรี วุฒิ -คุณบังอร-ด.ญ.อรวี ประภัสราภรณ์ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    2.คุณปีแก้ว ประภัสราภรณ์ และครอบครัว จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    3.คุณสง่า อัครปรีดี (Q-ten) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    4.คุณสง่า อัครปรีดี (Q-ten) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    5.คุณวัชราภรณ์-คุณปัญญา วงษ์สุนทร จอง 1 ไตร
    6.คุณพิสิฐชัย-คุณมนต์ทิชา-ด.ญ.ปราณปวีณ์ เอี่ยมสำอาง จอง 1 ไตร
    7.คุณพ่อเซี๊ยะพวง แซ่เบ๊ และคุณแม่มาลี พิมพ์กิติเดช จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    8.สุวัฒน์ พิมพ์กิติเดช จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    9.คุณธนวัตร-คุณวรรณฤดี-ด.ญ.จิรัชญา - ด.ช.ปรมัตถ์ สถิรวิวัฒน์กุล จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    10.คุณธิติ แก้วกำไกร และคุณชานนท์ ปะระมะ จอง 1 ไตร
    11.น้องบอม จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 709 บาท)
    12.คุณณัฏฐ์นัน ธรรมกิจขจร จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    13.คุณคำนวณ ศรีมงคล จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 707 บาท)
    14.คุณปรเมษฐ์ จาระ และครอบครับ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    15.คุณละออง-คุณอุบล มีหลง จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    16.คุณธนนชัย กานตภิชาติ และครอบครัว จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    17.คุณพรเทพ ตรีกิจจำรูญ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    18.คุณสุทธิพงศ์ ดีสม จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    19.คุณอนุภาพ สวนปรางค์(คุณผู้นอบน้อมสุดใจ) จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    20.คุณจินตากาญจน์-คุณธรรมโรจน์ เมฆารักษ์ภิญโญ จอง 1 ไตร
    21.คุณรังสิต-คุณวริศร์สร-คุณสรสันต์ เมฆารักษ์ภิญโญ จอง 1 ไตร
    22.ว่าที่ร้อยตรี วัชระ ดาวัลย์ จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    23.คุณศรชัย เป็นครบ จอง 1 ไตร
    24.คุณสุพจน์ ศรีทองมาศ และนางสาวสวิตตา เอี่ยมสะอาด จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    25.คุณอำนาจ บุญกัญยา และนางสาวชุติมา ยินดี จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    26.คุณแสงรัตน์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    27.คุณธนัชพงศ์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    28.คุณกนกกาญจน์ หลีจ้วน จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    29.คุณมนตฺทิชา -ด.ญ.ปราณปวีณ์ เอี่ยมสำอาง จอง 1 ไตร
    30.คุณแสงจันทร์-คุณสุรชัย ลิมปิโกวิท จอง 1 ไตร
    31.คุณวันทนีย์ อิศรานุวัฒน์ จอง 1 ไตร
    32.คุณพัชรินทร์ เรือนแก้ว และครอบครับ จอง 1 ไตร
    33.คุณจินดา ดิษฐพร จอง 1 ไตร ( โอนแล้ว 700 บาท)
    34.คุณอาประสิทธิ์ จอง 1 ไตร
    35.คุณมาโนช คล้ายสาหร่าย จอง 1 ไตร
    36.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    37.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    38.คุณไก่ ( เพื่อนคุณแซม ) จอง 1 ไตร
    40.คุณสมจิต ดาวัลย์ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    41.คุณยศพนธ์ บุณยะผลานันท์ และคุณอังคณา จิตนิคม จอง 1 ไตร
    42.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    43.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    44.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    45.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    46.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    47.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    48.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    49.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    50.คุณพี่จิต และครอบครัว เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จอง 1 ไตร (โอนแล้ว 700 บาท)
    51.เจ้าภาพร่วม จอง 1 ไตร ( ไตรที่ 1 )
    -คุณธนัช บุญจันทร์ ( โอนแล้ว 200 บาท)
    52 คุณอเนก จอง 1 ไตร
    53 คุณอเนก จอง 1 ไตร
    54 คุณอเนก จอง 1 ไตร
    55 คุณ chat-korat จอง 1 ไตร

    [​IMG]

    รวมเจ้าภาพ 55 ไตร
    ณ.วันที่ 5 ส.ค.2554

    ผมช่วยสรุปให้ก่อนตอนนี้เขาไม่อยู่ไปต่างจังหวัด


     
  15. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    ช่วงนี้ผมได้อ่านบทความหนึ่งโดนใจอย่างแรง เลยอยากแชร์ให้เพื่อนๆได้รับชม


    เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่า "บ้า"

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1">[​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    บทสัมภาษณ์รายการ ปราชญ์เดินดิน ของมาร์ติน วีลเลอร์

    "ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานจนเกินไปคือชีวิตที่มีคุณภาพ"

    เรื่องของฝรั่งคนหนึ่งที่คนไทยเรียกเขาว่าบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงินบ้าง

    มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นชาวอังกฤษ เมือง Blackpool
    ปริญญาตรีเกียรตินิยม ภาษาละติน จาก London University
    มีภรรยา นางรจนา วีลเลอร์ ชาวขอนแก่น และบุตร ๓ คน



    [​IMG]


    ผมเป็นชาวอังกฤษ
    เกิด ในครอบครัวที่ฐานะดีพอสมควร พ่อจบปริญญาเอก เป็นผู้จัดการบริษัทเกี่ยวกับสารเคมี ยาฆ่าแมลง มีลูกน้อง ๒๐,๐๐๐กว่าคน แม่จบปริญญาตรี เป็นครูสอนเปียโนกับไวโอลิน ผมจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งภาษาละตินครั้งแรกเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปีที่ ๓ ผมย้ายไปเรียน มหาวิทยาลัยลอนดอนและจบที่นั่น ผมไม่ชอบเคมบริดจ์ เพราะเป็นแบบโบราณ อังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่มาก สมัยโบราณเป็นระบบศักดินา มีขุนนางและชาวบ้าน


    ทุก วันนี้แม้ยกเลิกระบบนั้นแล้ว แต่ที่เคมบริดจ์ยังเจอวัฒนธรรม แบบขุนนางเป็นสังคมเล็กๆ ผ่านมา ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่รับรู้อะไร ไม่เข้าใจชาวบ้าน เขาคิดแต่เรื่อง สังคมเล็กๆ ของเขาในกลุ่มคนชั้นสูง เป็นพวกหอคอยงาช้าง ที่ผมเรียนได้คะแนนดี เพราะพ่อแม่ของผม บังคับให้เรียนหนังสือ ส่งเสริมให้เรียนตั้งแต่อายุ ๒ ขวบครึ่ง สอบไปเรื่อยๆ เพิ่มไอ.คิว. ให้สูงที่สุด เท่าที่จะทำได้ ผมเรียนสูงจนได้เกียรตินิยม เพราะพ่อแม่มีเงินช่วย ไม่เกี่ยวกับความฉลาเฉพาะตัว

    [​IMG]


    ปฏิวัติค่านิยมเก่า
    ผมไม่ค่อยสนใจเรื่อง เงิน ไม่อยากมีรถยนต์ ไม่อยากมีบ้านใหญ่ อยากมีบ้านเล็กๆ อยากมี ครอบครัวเล็กๆ ที่มีความสุข ไม่สนใจเรื่องวัตถุ ผมอยากอยู่แบบง่ายๆ เมื่อก่อนไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร แต่ตอนนี้รู้ว่า เขาเรียกมักน้อย สันโดษ ที่อังกฤษเขาว่าผมบ้า เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะพ่อแม่ส่งให้เรียนหนังสือ แต่ไม่เอาความรู้ไปหาเงิน เขาหาว่าเด็กที่ไม่คิดทำงานนั้น นิสัยเสีย


    หลัง จากเรียนจบแล้ว ผมก็เอาปริญญาให้พ่อแม่ตามที่ท่านอยากได้ แล้วผมก็ไปทำงานก่อสร้างแบกอิฐแบกปูนอยู่ ๑๐ ปี ช่วงนั้นชาวบ้านบอกว่า ผมบ้าแน่ครับ แต่เป็นเรื่องที่ผมอยากเรียนรู้ชีวิต อยากรู้จักตัวเอง ว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใด มีความอดทนมั้ย ทำในสิ่งที่เราไม่น่าจะทำได้มั้ย ท้าทายตัวเองบ้าง อยากผ่านชีวิตที่ลำบากบ้าง ผมอยู่ในสังคมของคนมีเงิน เขาจะพูดถึงแต่เรื่องเงิน คุณมีรถยี่ห้ออะไรบ้าง? มี่กี่คัน? คุณมีบ้านใหญ่ขนาดไหน? ลูกของคุณเรียนที่ไหน? เอาลูกมาแข่งขันกัน จบจากที่ไหนบ้าง? จบจากเคมบริดจ์ดีกว่าจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน

    แต่ ผมกลับคิดว่า …. ชีวิตน่าจะมีอะไร มากกว่านั้น ช่วงนั้นผมไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือไม่ใช่เงิน ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ปริญญา ต้องมีสิ่งอื่น ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ผมก็เลยมาลองแบกอิฐ แบกของหนักไว้ก่อน เดินแบกอิฐไปมา วันละสาม-สี่พันเที่ยว มันอิสระ เรามีเวลาคิด ได้รู้จักคนอื่น และได้สร้างความเข้มแข็ง ให้ร่างกาย แล้วจิตใจเราก็เข้มแข็งขึ้นด้วย ชาวบ้านธรรมดาที่อังกฤษนั้น จริงๆ เขาลำบากกว่าคนไทยมาก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมได้เห็น ชีวิตของชาวบ้านที่อังกฤษแย่มาก คนที่นั่น ๖๐% ไม่มีบ้าน ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา จะไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน ต้องไปเช่าบ้านจากเจ้านายตลอดชีวิต

    ๙๘%ไม่ มีใครมีที่ทำกิน แล้วก็อยู่ในเมือง เป็นลูกจ้างเขาหมด แม้แต่เป็นผู้จัดการก็เป็นด้วย เพราะไม่มีใครพึ่งตนเอง ไม่มีใครมีที่ทำกิน จะไปทำอะไร ช่วยตัวเองก็ไม่ได้ จะไปสุขอะไรก็ไม่ได้ ต้องไปหาเงิน ชีวิตอยู่กับเงินอย่างเดียว เงินเยอะ ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้เงินน้อยคุณภาพชีวิตก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่


    [​IMG]




    พ่อแม่และผม
    ถามว่าชีวิตของพ่อ มีความสุขมั้ย? ผมคิดว่าไม่ ผมคิดว่าพ่ออยากได้บางสิ่งบางอย่าง เขาได้เงินเดือน เยอะมาก ได้รับบำเหน็จบำนาญ เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในชุมชน มีตำแหน่ง มีเกียรติยศอะไรอีกเยอะแยะ แต่ผมคิดว่าพ่อไม่มีความสุข เพราะว่าวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ไปทำงานที่โรงงาน ตกเย็นไปประชุมอีก กลับบ้านสามทุ่มสี่ทุ่ม ไม่ได้เจอเมียเจอลูก วันเสาร์อาทิตย์พ่อก็ปวดหัว อยากพักผ่อน พ่ออยากอยู่คนเดียว ไม่ให้ใครรบกวน พ่อมีเมีย และลูกสามคน แต่พ่อไม่ค่อยได้เห็นลูกเห็นเมีย


    สมัย ที่ผมอายุสิบสามขวบ ผมไม่ได้คุยกับพ่อ แม้แต่คำเดียวเกือบปีครึ่ง เห็นเมื่อไหร่ก็เจอพ่อปวดหัวตลอด คิดหนัก อาชีพของพ่อ ต้องใช้สมองมาก ผมว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ด้วย ผมก็ปวดหัวบ่อยเหมือนกัน (หัวเราะ) ชอบคิดมาก ตอนนี้หายแล้ว แม่เข้าใจผม แต่ไม่เห็นด้วยที่ผมมาเมืองไทย แม่เสียชีวิต ผมได้มรดกนิดๆ หน่อยๆ มีเวลาที่จะไปเที่ยว ผมเคยวางแผนไว้ในใจว่าจะเที่ยว ๑ ปี จะไปในประเทศ ที่ผมไม่เคยไปมาก่อน เช่น ไทย ลาว เขมร พม่า มาเลย์ เวียดนาม อินโด ออสเตรเลีย คิดว่าจะไปออสเตรเลียเพราะเป็นประเทศเปิด ไม่ค่อยมีกฎระเบียบ เหมือนอังกฤษ แต่ก็ยังไม่ได้ไปตามแผนที่วางไว้ ประเทศแรกที่ผมมาคือประเทศไทย


    ผมไม่ใช่ครูฝรั่ง
    สมัยก่อนผมนิสัยเสีย ชอบกินเหล้า ชอบเที่ยว ชอบสนุก เงินที่ผมเก็บไว้ ๑ ปี ภายใน ๒ เดือนใช้หมดเลย ไม่มีเงินกลับบ้าน ผมอยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ ผมอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเงิน แม้แต่บาทเดียว ไปหางานทำ อาชีพอย่างเดียวที่เราทำได้ คือเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จริงๆแล้ว ผมไม่ได้เป็นครูหรอก ผมสอนไม่เป็น แต่คนไทยเห็นฝรั่ง จะบอกว่าฝรั่งทุกคน เป็นครูสอนภาษา ซึ่งมันไม่จริง ฝรั่งส่วนมากไม่ได้เป็นครู ที่กรุงเทพฯ เขาจ้างผมให้เป็นครู เอาเสื้อผ้าดีๆ เนคไทดีๆให้ใส่ เขาบอกว่า คุณเป็นครูนะ แล้วเขาก็ส่งผมเข้าห้องเรียนเลย ความจริงฝรั่งที่เขาเรียกครูนั้น ไม่มีใครเคยสอนหนังสือ แม้แต่คนเดียว และบางครั้ง ก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย


    มี คนหนึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส พูดภาษาอังกฤษผมฟังไม่รู้เรื่อง แม้แต่คำเดียว คนไทยก็แปลกดีเหมือนกัน เขาให้เงินเดือนผมเดือนละ ๓ หมื่นบาท ไปนั่งเฉยๆ ผมก็ละอายใจ ไม่อยากรับ ผมคิดมาก ปวดหัวทั้งวันทั้งคืน เพราะถ้าเราทำงานอะไรในชีวิต เราต้องได้ผล สมมุติมีคนมาจ้างเรา ๑๐๐ บาท แบกอิฐ ผมจะรับแน่เพราะว่า ผมแบกอิฐแผ่นนั้น จากโน่นไปที่นู่น ผมทำได้แน่ครับ แล้วผมก็จะเอาเงินของคุณไป แต่เวลาผมเป็นครูสอนภาษา มันไม่ได้ผลหรอก ผมสอนไม่เป็นเอาเงินให้ผมเฉยๆ ผมก็รู้สึกว่า ไม่น่าจะเอา ผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไร คุ้มค่าเงินนะ


    [​IMG]


    เงินไม่ทำให้ผมมีความสุข
    ผมมีอุดมการณ์เล็กๆ ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ๑. ถ้าเราทำงานอะไร ต้องทำในสิ่งที่เรามีความสุข ๒.จะไม่ทำงานที่ต้องผูกเนคไท ๓.จะไม่มีกระเป๋าเอกสารเพราะว่าเหมือนสังคมของพ่อแม่ผม เขาจะทำงานแบบนั้น ทุกคนมีเสื้อนอก มีรถยนต์ มีเอกสาร แต่เขาไม่ค่อยมีความสุขหรอก ผมเอาสิ่งนี้ มาเป็นสัญลักษณ์ แห่งการทำงานที่ไม่มีความสุข มีช่วงเดียวเท่านั้นที่ผมทรยศต่อชีวิตตัวเองคือ ช่วงที่ผมเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมต้องผูกเนคไท ผมทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดเลย เพื่อเงินอย่างเดียว


    ทำ อยู่ประมาณ ๑๑ เดือน ชวิตไม่มีความสุข เหมือนอยู่ที่อังกฤษ คือทำงานอะไรก็ได้ ขอให้มีเงิน แต่ไม่มีความสุข แล้วก็เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไปเที่ยว ไปกินเหล้า ไปสูบบุหรี่ ยาเสพติดทุกชนิดผมเอาหมด ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้แต่อยู่กรุงเทพฯ ก็ยังทำอยู่ ถึงได้เงินเยอะ แต่ไม่รู้ว่า จะเอาไปทำอะไรเพราะเงินไม่ช่วยให้เรามีความสุข


    หันเหชีวิตสู่แนวทางที่วาดหวังไว้
    ผมเจอภรรยา เธอมาจากจังหวัดขอนแก่นอยู่กรุงเทพฯ ไม่นานก็มีลูก ผมเริ่มคิดหนัก แต่ก่อน อยู่คนเดียวไม่มีปัญหา มีความสุขหรือไม่มีก็คนเดียว ไม่ยากหรอก เมื่อมีเมียมีลูก มันต้อง รับผิดชอบผู้อื่นด้วยจะไปนั่งกินเหล้าเฉยๆ ไม่ได้หรอก คิดว่าทำอย่างไร ให้เมียกับลูกอยู่ได้ ผมรู้แน่ๆ ถ้าผมอยู่ในสังคมเมือง และทำงานแบบนี้ ผมจะเป็นคนแย่มาก จะกินเหล้า สูบบุหรี่ ติดยา เที่ยวอย่างเดียว จึงตัดสินใจตัดตัวเองออกจากสังคมเมืองไปอยู่บ้านนอก แฟนผม มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดขอนแก่น ช่วงปีใหม่ผมไปเที่ยวบ้านของแม่ยายเห็นว่า เป็นธรรมชาติดี


    ต้อง เข้าใจว่าคนอังกฤษอยู่บ้านนอกไม่ได้เพราะชนบทมีพื้นที่นิดเดียว พวกขุนนางยึดหมด คนยากจน จึงอยู่ชนบทไม่ได้ ต้องไปอยู่ในเมืองที่สกปรก แออัด คนอังกฤษที่ยังรวยไม่ถึงขั้น เช่นพ่อของผม มีเงินเยอะ แต่ก็ยังรวยไม่ถึงขั้น เพราะยังอยู่ในเมือง วัดจากคนที่อยู่ กลางเมืองใหญ่ๆ จะเป็นคนจนที่สุด ที่อยู่ชานเมือง จะเป็นพวกครู ข้าราชการ อะไรแบบนั้น เป็นผู้จัดการ ก็ยังอยู่ในเมือง ส่วนคนที่จะได้อยู่บ้านนอก จะต้องเป็นคนรวยถึงขั้นจริงๆ เป็นพวกขุนนางใหญ่โต มันเป็นเรื่องแปลก ผมมาอยู่ที่ขอนแก่น เห็นแต่ละคน มีที่ดินเยอะมาก ชาวบ้านธรรมดา คนเดียวมีถึง ๕๐ ไร่ ๒๐๐ กว่าไร่ก็มี พ่อแม่ผมมีแค่ ครึ่งไร่เท่านั้นเอง แต่อยู่บ้านนอกที่นี่ โอ้โฮ..มีเยอะมาก สะอาดด้วย อากาศก็ดี ตอนแรกได้กลิ่น ผมก็ว่ากลิ่นอะไร อ๋อ มันกลิ่นธรรมชาติ ผมไม่เคยดมมาก่อน โอ้สุดยอดเลยบ้านนอก คนอื่นว่าฝรั่งมันบ้า เพราะเขาไม่คิดว่า ทำไมฝรั่งอยากไปอยู่บ้านนอก เขาคิดว่าฝรั่งมีแต่คนรวย ฝรั่งไม่มีคนยากจน เขาไม่รู้จริงๆ ว่าฝรั่งส่วนมากลำบาก บ้านก็ไม่มี ที่ดินก็ไม่มี เป็นของเขาหมด ลูกก็ไม่มีอนาคต



    <table border="0" width="660"><tbody><tr><td align="left" width="100%">
    </td></tr></tbody></table>​


    ปัญหาของระบบทุนนิยมคือเรื่องเงิน
    เงินถูกจำกัดเป็น ก้อนเล็กๆ คนรวยกวาดเงินไปเยอะ จนเหลือนิดเดียว มันแบ่งกันไม่ลงตัว ทำให้มีคนจนเยอะ ถ้ามีคนรวย ๑ คน จะมีคนจน เป็นร้อยเลย ระบบทุนนิยมจึงอยู่ได้ ปัญหาของคนยากจนคือ ทำยังไง จะมีชีวิตที่ดี เราจะหลุดพ้น จากความยากจนได้ ต้องหาสิ่งที่ไม่ใช่เงิน อันนี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทย ชาวบ้านธรรมดา อาจจะไม่มีเงินเยอะ แต่เขาสามารถจะหาหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีคุณค่า มากกว่าเงินตั้งเยอะ


    แค่อยากหาคำตอบให้ชีวิต
    ผมตกลงกับแฟนว่าเราจะไปอยู่บ้านนอก ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก ต้องกลับมาแบกอิฐเหมือนเดิม วันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษ ถึงจะแดดร้อน แต่อากาศเย็น เดินไม่ได้ ต้องวิ่ง ก็อุ่นได้ แต่ขอนแก่นช่วงนั้น เป็นเดือน ๔ อากาศร้อนมาก ๔๐ กว่าองศา บางครั้ง ผมเป็นลม เขาเอาน้ำมาสาด โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า ทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้ เขาคิดว่า ผมเป็นฆาตกร ไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต บางเรื่องเท่านั้น อยากหาความสุข ที่เป็นแบบ ยั่งยืนสักหน่อย บางครั้งก็คิดหนีไปที่อื่นเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่า ถ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหน คิดว่า เราต้องหาคำตอบให้ได้ ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวของผมเอง แต่ในภาพรวมที่นี่ดี สิ่งแวดล้อมดี สะอาด ถ้าเรามีลูก เราอยากให้ลูกของเราอยู่ในที่สะอาด อาหารธรรมชาติฟรีๆ ก็มีเยอะมาก ในภาคอีสาน เห็ดแดง หน่อไม้ ไข่มดแดง ดอกกระเจียว ผักอีหรอก แมงคับแมงคาม ขี้กะปอมเยอะ แต่บางคนก็ไม่กินนะ บางคนก็กิน ซึ่งมันดีมากเพราะว่า


    ๑.สะอาด อาหารธรรมชาติ ไม่มีใครไปใส่ปุ๋ยเคมี

    ๒.ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ใช้เงิน ขอให้ขยันเดินไปเก็บ

    สมัยก่อน ที่อังกฤษ ผมจะเดินแบกอิฐทั้งวัน เมื่อได้เงินแล้ว ก็เอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้ออาหารในร้าน
    ฝรั่งส่วนมากทำงานหนักทุกวัน แต่เงินที่เขาได้ มันเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินเท่านั้น ไม่มีเงินเหลือฝากธนาคาร


    นิยามความรวยกับความจน
    มันเป็นเรื่องแปลก นะที่ประเทศไทย คนยากจนมีหนี้สินเยอะ ที่อังกฤษมีแต่คนรวย ที่มีหนี้สิน คนจนไม่มีหนี้ เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์ มีหนี้สิน แต่คนรวยยืมเงินได้ คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่ ? ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน แต่ผมบอกว่า ไม่ใช่ ผมรวยนะ เขาถามว่ารวยได้ยังไง ผมบอกว่า ๑. ผมมีบ้าน ผมทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อยๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเรียกว่า เถียงนา ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ มันกันแดดกันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว ๒. มีที่ดิน แค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอก มีนิดเดียว แต่สำหรับฝรั่ง มันเยอะมาก


    จริงๆ ผมคิดว่า มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานของชีวิต เราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา ไม่ใช่ของเจ้านาย เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา ถ้าเราไม่มีเงิน เขาก็ไล่เราออก เราไม่มีที่อยู่นะ เพราะฉะนั้น ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อนซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผม จะต้องมีบ้านแน่ๆ ด้วย เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง แต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ ๒๕-๓๐ ปี ตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปีได้เท่านี้เอง(1กำมือ) เพราะอากาศเย็นเป็นเรื่องแปลก ที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย..มันร้อนๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดีแสงแดดเยอะ จะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวันแต่คนไทยจะบ่นร้อนๆ ไม่เอาๆ อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษ เขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน เพราะว่าไม่มีปัญญา จะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผม เขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูเป็นแบบคนมีสตางค์ แต่คนไทย กลับอยากมีผิวขาว

    วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์
    ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเราคือ

    ๑.ต้องมีบ้าน เป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่า ชีวิตประสบความสำเร็จ
    ๒.ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้ มีงานทำทุกวัน

    ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่า ลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น ผมคิดว่าคนชนบทจริงๆใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะ แต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอน ให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงาน ผมถือว่างานที่อิสระ และมีประโยชน์ มากที่สุด คืองานเกษตรซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหาร ที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้ แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผม ก็จะรวยที่สุด ผมอยากให้ลูกอยู่บ้านนอกเพราะว่าสะอาด จ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยาก ให้ไปอยู่ ในเมืองหรอกเพราะสกปรก แออัด สำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม


    ผมไม่ อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่า คนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะ เดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมากนะ มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกัน ความเป็นชุมชนเป็นสิ่งที่หายากนะ ถ้าเราไปอยู่ในเมือง จะอยู่แบบ ของใครของมัน บ้านคนละหลัง ครอบครัวคนละหลัง ไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้ คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้ ลูกของผมเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงินไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่เขาจะมีสิ่งที่ดีกว่านั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดี ไม่มียาเสพติดไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่ ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้นมันก็ดีนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่นลูกผมเรียนหนังสือไม่เก่ง ปีนี้เขาได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๑๙ ในห้องของเขามีนักเรียน ๓๙ คน มันเดินสายกลาง พอดีเลย (หัวเราะ) แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอก

    ครู เขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่า เป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งผมไม่ได้สอนแบบนั้น ฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว ผมเคยอยู่ ในสังคม อย่างนั้นมาก่อน มันเปลี่ยนยากครับ ผมจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ แต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิตของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ ๘ ขวบเป็น คนมีน้ำใจ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว ผมภูมิใจในตัวของลูกมากๆ เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สุดนั้น เป็นความมีน้ำใจถ้าเขาสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิต ผมคิดว่า เขาคงมีความสุขแน่ ลูกของผม จะมีความคิด สูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงินวิเคราะห์เจาะลึกอีสานบ้านเฮา ผมเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ ๓ ขวบ จับมานั่งสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็ก ปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น ผมบอก จะไม่สอนเขาอีก แต่ถ้าอยากเรียนมาบอกผม จะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เขายังไม่บอกผมเลย ผมก็มาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้าน ของผมมี ๕๐ ครอบครัว ทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่ผมก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษ เพื่ออะไร?


    <object height="390" width="640">


    <embed src="http://www.youtube.com/v/g5OZXlSkb-4&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always" height="390" width="640"></object>

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์
    ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง ๑ สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเราคือ

    ๑.ต้องมีบ้าน เป็นของตัวเองให้ได้ จึงจะถือว่า ชีวิตประสบความสำเร็จ
    ๒.ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็นงานอะไร แต่ขอให้ มีงานทำทุกวัน

    ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่า ลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น ผมคิดว่าคนชนบทจริงๆใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแต่คนขี้เกียจ ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะ แต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอน ให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงาน ผมถือว่างานที่อิสระ และมีประโยชน์ มากที่สุด คืองานเกษตรซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหาร ที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้ แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผม ก็จะรวยที่สุด ผมอยากให้ลูกอยู่บ้านนอกเพราะว่าสะอาด จ้างเท่าไหร่ ก็ไม่อยาก ให้ไปอยู่ ในเมืองหรอกเพราะสกปรก แออัด สำคัญที่สุดคือเรื่องของสังคม


    ผมไม่ อยากให้ลูกไปอยู่ในเมือง เพราะว่า คนเมืองเห็นแก่ตัว วิ่งไปหาเงินอย่างเดียว แข่งขันกันเยอะ เดี๋ยวก็ฆ่ากัน ด่ากันทุกวัน ไม่สงบ อยากให้ลูกอยู่บ้านนอก เขาจะได้สิ่งที่หายากที่สุดในโลก คนอีสานบ้านนอกเป็นคนดีมากนะ มีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคนอื่น เอื้ออาทรกัน เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ไม่แข่งขันกัน ความเป็นชุมชนเป็นสิ่งที่หายากนะ ถ้าเราไปอยู่ในเมือง จะอยู่แบบ ของใครของมัน บ้านคนละหลัง ครอบครัวคนละหลัง ไม่รู้จักกัน ถ้าเราอยู่ในชุมชนเล็กๆ เราก็ช่วยเหลือกันได้ คุยกันได้ แบ่งปันกันได้ ในที่สุดเราก็จะเป็นคนมีน้ำใจได้ ลูกของผมเขาเป็นคนมีน้ำใจ เขาอาจจะไม่มีเงินไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ แต่เขาจะมีสิ่งที่ดีกว่านั้นเยอะ คือเขาจะมีที่อยู่อาศัย มีชุมชนที่ดี ไม่มียาเสพติดไม่มีการพนัน ไม่มีอาชญากรรม มันน่าอยู่ ขอให้เราอยู่ในชุมชนที่เป็นแบบนั้นมันก็ดีนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกก็จะเป็นคนดี ไม่ติดยา ไม่ขี้ขโมย ไม่เล่นไพ่ มีน้ำใจและรู้จักช่วยเหลือคนอื่นลูกผมเรียนหนังสือไม่เก่ง ปีนี้เขาได้คะแนนเป็นอันดับที่ ๑๙ ในห้องของเขามีนักเรียน ๓๙ คน มันเดินสายกลาง พอดีเลย (หัวเราะ) แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องอันดับคะแนนหรอก

    ครู เขาเขียนถึงอุปนิสัยของลูกว่า เป็นคนที่มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งผมไม่ได้สอนแบบนั้น ฝรั่งส่วนมากจะเห็นแก่ตัว ผมเคยอยู่ ในสังคม อย่างนั้นมาก่อน มันเปลี่ยนยากครับ ผมจึงไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ แต่มันเป็นที่ชุมชน เป็นวิถีชีวิตของคนอีสาน ที่เริ่มซึมเข้าไปในกระดูกของเขา ทำให้ลูกอายุแค่ ๘ ขวบเป็น คนมีน้ำใจ ผมถือว่าสุดยอดแล้ว ผมภูมิใจในตัวของลูกมากๆ เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก สำคัญที่สุดนั้น เป็นความมีน้ำใจถ้าเขาสามารถรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดชีวิต ผมคิดว่า เขาคงมีความสุขแน่ ลูกของผม จะมีความคิด สูงกว่านั้น ชีวิตน่าจะมีไว้เพื่อหาสิ่งที่ไม่ใช่เงินวิเคราะห์เจาะลึกอีสานบ้านเฮา ผมเคยบังคับลูกชายคนแรก ตอนอายุประมาณ ๓ ขวบ จับมานั่งสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ร้องไห้ ๆ ไม่เอาๆๆ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ..เราน่าจะเลิกทรมานเด็ก ปล่อยให้เขามีความสุข ตั้งแต่วันนั้น ผมบอก จะไม่สอนเขาอีก แต่ถ้าอยากเรียนมาบอกผม จะสอนให้ ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เขายังไม่บอกผมเลย ผมก็มาคิดว่า จะให้ลูกเรียนภาษาอังกฤษเพื่ออะไร ในหมู่บ้าน ของผมมี ๕๐ ครอบครัว ทุกคนพูดอีสานอย่างเดียว แม้แต่ผมก็ยังพูด แล้วจะให้เขาเรียนภาษาอังกฤษ เพื่ออะไร?




    <table border="0" width="660"><tbody><tr><td align="left" width="100%">
    </td></tr></tbody></table>


    สมมุติว่าลูกของผมอยากอยู่ในหมู่บ้านนี้ตลอดชีวิต
    ภาษา อังกฤษก็จะเป็น ความรู้ ที่ไม่เป็น ประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ผมเคยเรียกว่า มันเป็นวิชา( ^o^ ) เอาไว้รับจ้างเฉยๆ เอาไปหาเงิน คนที่มีความรู้ ภาษาอังกฤษ จะเอาอันนี้แลกกับเงินอย่างเดียว เขาไม่ได้เรียนเพื่อชีวิตของเขา เขาอยากเอาเงิน ไปทำงานสูงๆ หน่อย ปัญหาของคนอีสานมีมากในเรื่องของการศึกษา คนอีสานส่วนมากไม่อยากให้ลูกเป็นคนอีสาน ไม่อยากให้ลูกเป็นคนบ้านนอก ไม่อยากให้ลูกพูดภาษาอีสาน อยากให้พูดไทย ชาวบ้านส่วนมาก คิดอยากให้ลูกได้ดีในชีวิต คิดว่าสิ่งที่ดีในชีวิตของลูกคือ


    ๑.ไม่ได้พูดอีสาน พูดแต่ภาษาไทย
    ๒. พูดภาษาอังกฤษด้วย
    ๓. เล่นคอมพิวเตอร์ได้
    ๔.ไปอยู่ในเมือง
    ๕.ไปรับจ้างเขา
    ๖. ไปสร้าง หนี้สิน ไปซื้อบ้านหลังเล็กๆ ราคา ๒ ล้าน ๓ ล้านบาท


    เขา คิดว่า อย่างนี้ลูกของเขาได้ดี ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ผมก็อยากให้ลูกของผมได้ดีเหมือนกัน แต่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ปัจจัย ที่จะช่วยให้เขาได้ชีวิตที่ดี อาจจะเอาไปแลกเงินในบางช่วงได้ แต่ผมหวังว่า ถ้าเขาเรียนรู้ เพื่ออยาก จะหาเงิน อย่างเดียวก็น่าเสียใจนะ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ทุกวันตลอดชีวิต เราหยุดเรียนรู้ไม่ได้ แต่เราไม่น่าจะเรียน เพื่อเอาความรู้ เอาปริญญา ไปแลกกับเงิน ทำให้ความรู้ไม่มีคุณค่า

    จุดอ่อนจุดแข็งของคนไทย
    ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหน ก็คิดว่ารวยหมด คิดว่าการพัฒนา ในระบบทุนนิยมจะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนา ระบบทุนนิยม นานแล้ว เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก แต่คนไทยก็คิดว่า เมืองนอก ดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ คือคนไทยสนใจ เมืองนอก ไม่ได้สนใจ ประเทศไทย
    ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม อันนี้เป็นจุดอ่อนนะ แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แผ่นดินประเทศไทย อุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ เป็นพลังแผ่นดิน ใครๆ ก็อยากได้ประเทศไทย ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่


    คนไทยโชคดีมากๆ ที่ได้ในหลวง เป็นผู้นำ
    พระองค์ ท่านเป็นคนที่ทำงาน หนักมาก เพื่อช่วยให้คนคิดได้ ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ ในประเทศอื่น ไม่ค่อยมีแบบนี้ ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง พระองค์ท่าน บอกมา ๒๗ ปีถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทย ก็ไม่รู้จักพอเพียง เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิต ไม่ได้ทำตามในหลวง ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆ ถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะความคิด ของในหลวง เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ต้องอาศัย พลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะ เหมือนประเทศไทย พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดีๆ ได้ผู้นำที่ดีด้วย และเรื่องที่ ๓ เรื่องศาสนา ผมคิดว่าศาสนาพุทธ มีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทย ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ มักน้อย สันโดษ พอเพียง ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่ายๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของ ศาสนาพุทธ ทำได้นะ แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ จริงๆ แล้วศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสม สำหรับคนบ้านนอก ให้ใช้ชีวิตร่วมกับ ธรรมชาติ โดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

    อยากบอกอะไรคนไทย
    คุณโชคดีมากๆ ที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมัน จากใคร ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง คนไทยส่วนมาก นิสัยดีจริงๆ คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ คนไทยมีพระเจ้าอยู่หัวมีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธ ที่ดีมาก ทั้ง ๓ อย่างนี้พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้ ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิต ที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้ ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จ แต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา ถ้าเราไม่อยากได้อะไร มากเกินไป ในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย พยายามทำให้ชีวิตมันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษา สิ่งแบบนี้ให้ดี และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป.



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2011
  16. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/JKkSY8f0F84&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/JKkSY8f0F84&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>
     
  17. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    <center> พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ว่าที่ร้อยตำรวจที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
    ณ อาคารใหม่สวนอัมพร วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๒๔

    </center> "การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว"

    <center> พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วุฒิบัตร ประกาศนียบัตร และเข็มวิทยฐานะและผู้สำเร็จการศึกษาแก่ผู้ทรงคุณวุฒิ
    จากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และสถาบันการศึกษาชั้นสูงของสามเหล่าทัพ

    ณ อาคารใหม่สวนอัมพร วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๒

    </center> "...การปฏิบัติงานร่วมกัน และส่งเสริมกันอย่างมีเอกภาพของผู้มีความรู้ความสามารถระดับนี้ ย่อมมีศักยภาพสูง อาจบันดาลให้มีประสิทธิผล ให้บังเกิดได้ตามต้องการทุกกรณี ท่านทั้งหลายจึงควรอย่างยิ่งที่จะตั้งตัวตั้งใจให้เที่ยงตรง และเหนียวแน่นอยู่ในความถูกต้องและสุจริต ในการที่จะนำความรู้ความคิดวิทยาการทั้งปวงไปใช้แต่ในทางสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ ถ้าทุกฝ่ายเข้าใจและปฏิบัติได้ดังนี้ สิ่งที่แต่ละคนกระทำจะประกอบเกื้อกูลกันขึ้นเป็นความมั่นคงปลอดภัย และความวัฒนาผาสุกของชาติบ้านเมืองได้แท้จริง..."

    <center> พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๔๙๘

    </center> "ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ลุล่วงไปด้วยดีนั้น นอกจากต้องใช้ความรู้ความสามารถแล้วยังต้องเป็นผู้มีจิตใจสูง มีศีลธรรม มีสติสัมปชัญญะประพฤติแต่ในสิ่งที่ชอบที่ควร วางตนให้สมเกียรติเป็นผู้ที่ควรแก่การนับถือ"



    <center> พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๐๔

    </center> "แม้จะเป็นผู้ที่มีการศึกษาสูงเพียงใด ถ้าบกพร่องต่อการประมาณตนในทางปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ วิชาต่าง ๆ ที่ได้เล่าเรียนมาจนสำเร็จนั้นก็ไร้ประโยชน์ ไม่สามารถจะนำความเจริญมาสู่ตน และประเทศชาติสมดังความปรารถนา"



    <center> พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
    ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๐

    </center> "เพราะความรู้ความคิดอันกว้างขวางนั้น หากมิได้ใช้โดยเหมาะสมถูกต้องแล้ว ก็ให้ผลดีได้ไม่มากนัก หรืออาจจะทำให้เกิดผลเสียหายก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นทุกคนควรสังวรระวังให้มาก ขอให้ตั้งเจตนาอันมั่นคง ที่จะสร้างสรรค์และอบรมกำลังกายกำลังใจ อันสมบูรณ์ไว้เป็นหลักฐาน เพียรพยายามใช้ความฉลาดรอบคอบและสุจริตวินิจฉัยปัญหา และสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปโดยถูกต้อง นำความรู้ความคิดของตน ๆ ที่มีอยู่มาเชื่อมโยงเข้ากันให้พร้อมเพรียง ประสมประสานความรู้ความคิดนั้นด้วยเหตุผลและวิจารณญาณ แล้วนำออกใช้ให้ได้ผล กล่าวคือแก้ไขเปลี่ยนแปลงจุดที่บกพร่อง ส่งเสริมจุดที่ดีให้มั่นคงยิ่งขึ้น"



    <center> พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสพระราชทานเพื่ออัญเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ ๑๒
    ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๑๓

    </center> "ในบ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีเสียงกล่าวกันว่า ความคิดจิตใจของคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เสื่อม ความประพฤติที่เป็นความทุจริตหลายอย่างมีท่าทีจะกลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพากันยอมรับ และสมยอมให้กระทำกันได้เป็นธรรมดา สภาพการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนมืดมัวลงไป เป็นปัญหาใหญ่ที่เหมือนกระแสคลื่นอันไหลบ่าเข้ามาท่วมทั่วไปหมด จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฝืนคลื่นที่กล่าวนั้น
    ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใด ๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่า ชั่วเสื่อมเราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่าง ที่รู้สึกว่าขัดต่อธรรมะ เราต้องกล้า และบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่า เป็นความดีเป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริง ๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น ๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ"
     
  18. BROSNAN

    BROSNAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +2,440
    อย่าหมดศรัทธากับการทำความดี

    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> <ins style="display:inline-table;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"></ins></ins>
    [​IMG]




    การทำความดี เกี่ยวข้องกับ 3 สิ่ง คือ ผู้ทำ สิ่งที่กระทำและผู้ที่ได้รับผลลัพธ์จากการกระทำผู้ทำดี ต้องมีคุณสมบัติ คือ รักษาศีล 5 มีสมาธิความแน่วแน่ในการกระทำดีคือมีความตั้งใจ จริงใจ ไม่ว่าการทำดีนั้นจะต่อหน้าหรือลับหลังไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และการทำดีต้องมีปัญญาพิจารณาไตร่ตรองรอบคอบว่าสิ่งที่ทำนั้นดีจริงหรือไม่ ทำเหมาะสมกับความสามารถ กาลเวลา และสถานที่หรือไม่เกิดประโยขน์หรือไม่ เพราะแม้จะทำดี แต่ไม่ถูกเวลาหรือสถานที่นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว อาจเป็นโทษแกผู้กระทำ เช่นเห็นคนตกน้ำรีบกระโจนลงไปช่วย ทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น แทนที่จะช่วย กลายเป็นตายทั้งคู่



    สิ่งที่กระทำ ต้องเป็นสิ่งที่ดีจริง ไม่เกิดโทษแก่ผู้ใด (หลวงปู่มั่นภูริทัตตะเถระ ท่านว่า "ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นนับว่าดีเลิศ") หากทำแล้วเกิดโทษภายหลังก็ไม่ดีจริง สิ่งที่กระทำเป็นสิ่งที่ทำง่ายหรือทำยากไม่มีเงื่อนไขที่จะได้รับลาภยศสักการะเป็นเครื่องตอบแทน



    ผู้ที่ได้รับผลลัพธ์หรือประโยชน์จากการทำดีของเราทำเพื่อให้เราได้รับหรือผู้อืนได้รับ คนส่วนน้อยหรือคนส่วนใหญ่ได้รับหรือมุ่งทำเพื่อตัวเราและญาติพี่น้องของเราเท่านั้น


    ทำความดีแล้วไม่ได้ดี - เราต้องเข้าใจความหมายของ "ได้ดี"ถ้าตีความหมายในเชิงปรมัตถ์ ทำดีด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้ว ก็ย่อมจะได้ดีเกิดขึ้นทันทีคือ ทำแล้วมีจิตใจที่อิ่มเอิบ จิตใจถูกพัฒนาให้สูงขึ้นยิ่งทำดีบ่อยๆยิ่งขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงเรื่อยๆ หาใช่ว่า ได้ดี คือคนที่เราทำดีด้วยจะดีตอบ ทุกคนจะชื่นชอบเราหรือว่าสิ่งที่เราทำจะต้องทำให้เราได้รับลาภผลเงินทอง โดยเร็วพลัน



    อย่าหมดศรัทธากับการทำความดี จงทำดีไปเรื่อยๆ แล้วชีวิตของเรานอกจากจะพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้น ทางโลกก็จะดีขึ้นเองโดยเราไม่ต้องร้องขอ


    คนดีเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของสังคม ดังนั้นทุกคนจึงอยากจะเป็นคนดีมีเยาวชนของชาติเป็นจำนวนมากอยากจะทำความดี แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำความดีอย่างไรจะรอให้คนทำของตกแล้วเก็บไปคืนเจ้าของรึก็นานๆ จะมีสักรายหนึ่ง


    ใครๆก็อยากจะเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้นเพราะเมื่อเป็นคนดีแล้ว ก็จะได้ผลตอบแทน เช่น

    1. อยากจะอยู่ที่ไหน ก็อยู่ได้สบายเพราะมีคนอยากให้อยู่
    2. อยากจะไปไหน ก็ไปได้สะดวก เพราะมีคนอยากให้ไป
    3. อยากจะทำอะไร ก็ทำสำเร็จเพราะมีคนอยากช่วยเหลือ

    แต่ก็มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เป็นคนดีได้เยาวชนส่วนใหญ่ถึงแม้อยากจะเป็นคนดี สักเท่าใดก็เป็นไปได้ เพราะเหตุว่ามีการเริ่มต้นที่ไม่ถูกและไม่ทราบว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นคนดีควรเริ่มต้นที่ตรงไหนการจะเป็นคนดีได้สำเร็จ จะต้องเริ่มต้นที่การเป็น"ลูกดี"ถ้าเป็นลูกที่ดีได้ก็เป็นคนดีสำเร็จ ถ้าเป็นลูกดีไม่ได้ ก็เป็นคนดีไม่สำเร็จ


    ฉะนั้น คนจะดีจึงต้องเริ่มต้นที่การเป็นคนดีคุณสมบัติของลูกดี มี 2 ประการ คือ
    1. เห็นคุณค่าและความสำเร็จของพ่อแม่
    2. ปฏิบัติตอบต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกกเวที
    ลูกทุกคนโปรดทราบเถิดว่า ไม่มีใครในโลกนี้จะมีคุณค่าต่อเราเท่าพ่อและแม่ เพราะท่านให้สิ่งที่คนทั้งหลายให้แก่เราไม่ได้คือ
    1. ให้ความมีชีวิตแก่เรา
    2. ให้ความเมตตากรุณาอย่างสุดซึ้ง ไม่มีวันสิ้นสุดในยามที่เราผิดหวังหรือมีทุกข์
    3. ให้ความยินดีจากใจจริงเมื่อคราวที่เราได้ดีมีสุข
    4. ให้ความรักจริง จริงใจแก่ลูก ๆ ทุกคน

    จริงอยู่คนรักเรามีมากมายแต่ความรักของคนทั้งหลายเหล่านั้น รักเพราะเขาต้องการสิ่งตอบแทนจากเราถ้าเขาต้องการจากเรามาก เขาก็รักเรามาก ถ้าเขาต้องการจากเราน้อย ก็รักเราน้อยถ้าเขาหมดความต้องการ เขาก็หมดรักเราความรักจากคนอื่นจึงมีได้หมดได้มากหรือน้อยตามกำลังแห่งความต้องการของเขาแต่ความรักของพ่อแม่เป็นรักแท้ไม่ได้รักเพราะต้องการสิ่งใดจากเรา ท่านรักเราเพื่อความสำเร็จของเราอันเป็นความปรารถนาสูงสุดของท่าน
    ในเวลาที่เราตกระกำลำบากอาจจะมีหลายคนมาแสดงความเสียใจกับเราหรือมาปลอบเรา บางคนก็ทำโดยมารยาทหรือธรรมเนียมประเพณีเท่านั้น ใจของเขาอาจจะสมน้ำหน้าเราก็ได้

    แต่คนที่จริงใจ ไม่ทอดทิ้ง ติดตามเราไปได้ทุกแห่งหนจะลำบากยากแค้นประการใด ก็ทนได้ จะหมดเปลืองเท่าใดก็ยอมได้มีเฉพาะพ่อกับแม่ของเราเท่านั้นที่ไม่มีวันทอดทิ้งเราในเวลาที่เราได้ดี ประสบความสำเร็จมีความสุขความเจริญอาจมีคนมากมายมาดีใจกับเราบางคนก็ดีใจเพราะคิดว่าเขาอาจจะได้ส่วนแบ่งจากความสำเร็จของเราบ้าง หรือบางคนมาแสดงความยินดีแต่อาจจะมีความริษยาปนอยู่บ้างก็ได้แต่คนที่ดีใจจริง ๆ ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไดก็คือพ่อกับแม่ของเรานั่นเองพ่อกับแม่ดีใจเพราะความมุ่งหมายของท่านต้องการเห็นเราเป็นเช่นนี้มานานแล้ว

    นี่คือข้อเท็จจริงที่ลูกทุกคนได้รับจากพ่อแม่เพราะฉะนั้นพ่อแม่จึงเป็นคนประเสริฐของลูกทั้งหลาย
    การคิดถึงคุณค่าและความสำคัญของ พ่อแม่ดังกล่าวมานี้ย่อมเป็น"เชื้อแห่งความดี"ของชีวิตและเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น"คนดี"
    ดังนั้น สิ่งที่ลูกดีควรประพฤติปฏิบัติตอบแทนคุณของท่านก็คือ


    1. ท่านเลี้ยงเรามาแล้วเลี้ยงท่านตอบ
    ให้ความสุขกายสบายใจแก่ท่านแม้เป็นลุกยังเล็กอยู่ในวัยเป็นนักเรียนนักศึกษาอยู่ก็สามารถเลี้ยงดูน้ำใจของท่านได้ อย่าให้ท่านทุกข์ใจ เสียใจ กลุ้มใจเพราะการกระทำของเรา

    2. ช่วยเหลือในกิจการงานของท่าน
    โดยการปฏิบัติการทำงานตามที่ท่านใช้ให้ทำ การแบ่งเบาภารกิจของท่านด้วยการรับงานซึ่งเป็นภาระอันหนักของท่านไปทำ เป็นต้น

    3. ดำรงวงศ์สกุล
    สกุลนั้นมีบุคคลเกี่ยวข้องอยู่เป็นอันมาก บุตรธิดาแห่งสกุลใดเมื่อเกิดมาร่วมวงศ์สกุลกับบุคคลอื่นจะต้องมีความสำนึกรับผิดชอบต่อสกุลวงศ์แม้ตระกูลจะเสื่อมทรามตกต่ำลงไป ก็ต้องไม่ใช่เกิดจากการกระทำของตน ฉะนั้นบุตรธิดาที่พึงปรารถนาก็คือ บุตรธิดาที่ดำรงวงศ์สกุลกับบุตรธิดาที่เชิดชูวงศ์สกุลทำสกุลให้สูงขึ้น ดำรงวงศ์สกุลก็คือการรักษาสิ่งที่ดีงามต่าง ๆ ของสกุลเอาไว้ไม่ให้เสื่อมในยุคในสมัยของตน


    4. ประพฤติตนให้เป็นคนเหมาะควรแก่การไว้เนื้อเชื่อใจของพ่อแม่ที่จะรับทรัพย์มรดกสืบต่อวงศ์สกุลไปได้
    ให้พ่อแม่มีความมั่งใจว่า แม้ท่านจะตายไปแล้ว ฐานะของสกุลก็คงไม่ตกต่ำลูกสามารถรักษาไว้ได้


    5. เมื่อบิดามารดาตายจากไป ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้
    เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อท่านผู้เป็นบิดามารดาซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นการบูชาต่อความดีของมารดาบิดาเป็นการสะสมบุญให้เพิ่มพูนขึ้นมาอีกเป็นอันมากฉะนั้นหน้าที่เหล่านี้จึงเป็นหน้าที่โดยกำเนิดของทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ถ้าละเลยหรือไม่ประพฤติปฏิบัติก็ได้ชื่อว่าเป็นคนอกตัญญูต่อหน้าที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า


    คนดีทำความดีได้ง่ายแต่ทำความชั่วได้ยาก
    คนชั่วทำความชั่วได้ง่ายแต่กลับทำความดีได้ยาก
    คนกับมนุษย์นั้นต่างกัน
    มนุษย์คือ สัตว์โลกที่มีจิตใจสูง มีเหตุผล มีศีลธรรม
    ส่วนคนคือ สัตว์โลกที่มีจิตใจต่ำ ไม่มีศีลธรรมไม่มีเหตุผล
    คำว่ามนุษยธรรมจึงแปลว่าธรรมะที่ทำคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจเมื่อพัฒนาจิตใจจากคนขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้ก็คือการเป็นคนดีนั่นเอง
     
  19. boy9950

    boy9950 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +294
    :cool: ขอถวายผ้าไตรจีวรจำนวน 1 ผืน แด่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ โอนปัจจัยเรียบร้อยแล้ว เวลา 09:06 จำนวน 700.- ... นะ เม ติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2011
  20. คชบุตร

    คชบุตร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,637
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...