ภาพพระจากคอลเล็คชั่นของฉัน...แบ่งกันเอาไว้ใช้แบบถู๊ก...ถูก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คมกฤช, 7 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. แมงกะพรุน

    แมงกะพรุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,267
    ได้รับพระแล้วครับ
     
  2. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รับทราบครับผม............
     
  3. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    คุณตฤณคะ
    ได้รับพระเรียบร้อยดีค่ะ
    ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้มาตอบ
    พอดีตรงกับงานศพคุณแม่ค่ะเพิ่งเสร็จเรียบร้อย
     
  4. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    สมเด็จทรงสิงห์ ลพ.หอม วัดชากหมากป่าเรไร ระยองฮิ

    เป็นสมเด็จรุ่นแรกของท่านออกเมื่อปี 2512 ครับ เก่าพอดูประสบการณ์รุ่นนี้ โชคโชนเหลือเกินครับ ไม่ว่าจะเป็นด้านโชคลาภ ตบะเดชะ คงกระพัน ถือว่าครบสูตรเลยก็ว่าได้ครับ พวกทหารเรือสมัยนั้นข้นกับท่านมาก ลองอ่านประวัติท่านดู ด้านล่างนะครับ ก็ที่จะเอาไปบูชา
    ....350....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP8695.JPG
      IMGP8695.JPG
      ขนาดไฟล์:
      257.6 KB
      เปิดดู:
      50
    • IMGP8696.JPG
      IMGP8696.JPG
      ขนาดไฟล์:
      226.9 KB
      เปิดดู:
      50
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2007
  5. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    คลิกเมาส์ที่ใดก็ได้ในเฟรมนี้เพื่อเรียกเมนูด่วน[​IMG]

    ประวัติหลวงพ่อหอม จนฺทโชโต (พระครูภาวนานุโยค)
    วัดซากหมาก อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
    ข้อมูลจาก เวปพระรัตนตรัย กระดานสนทนาธรรม กระทู้ที่ 00935 โดย คุณ : คนรู้น้อย 14-01-2003
    [​IMG]
    ในปัจจุบันแม้ระยะเวลาจะห่างออกมาจากพุทธกาลกว่า ๒๕๐๐ ปีกว่าๆ สัจจธรรมจากการตรัสรู้แท้ของพระบรมศาสดาก็ยังมีอยู่ไม่หนีหายไปไหน แต่หากว่าได้อยู่กับสาวกผู้มีความเพียรต่อการศึกษา จดจำและปฏิบัติอย่างถูกต้องแท้จริงเท่านั้น แม้สาวกผู้มีความเพียรดังกล่าวนี้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ก็ยังคงมีสืบทอดต่อๆ กันมามิได้ขาดสาย ดังจะเห็นได้จากกรรมานุภาพของพระภิกษุบางรูป มีผลให้เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อย่างน่าอัศจรรย์ยากที่พระภิกษุธรรมดาอื่นๆ อีกจำนวนมากจะทำเช่นนั้นได้
    หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า หลวงพ่อทอด หลวงพ่อท่านคล้าย หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่อโอภาสีหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อครูบาศรีวิชัย หลวงพ่อเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต หลวงพ่อทิม หลวงพ่อครูบาอินโต หลวงพ่อถิร หลวงพ่อเต๋ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อชื่น พระอาจารย์ฝั้น และอื่นๆ ฯลฯ เป็นตัวอย่างของพระภิกษุผู้ทรงคุณวิเศษในยุคใหม่นี้และในยุคดังกล่าวนี้มีที่จะต้องกล่าวถึงอย่างสนิทใจอีกรูปหนึ่งซึ่งเป็นพระภิกษุที่เปรียบเสมือนเป็น“ช้างเผือก” ในพุทธอาจักร นั่นคือ หลวงพ่อหอม แห่งวัดซากหมากซึ่งเป็นวัดเล็กๆ ทางจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันออกของประเทศไทย แต่กลับมีชื่อเสียงโด่งดังในทางคุณวิเศษระบือลือลั่นไม่น้อยไปกว่าบรรดาท่านผู้ทรงคุณวิเศษที่ได้กล่าวนามมาแล้วนั้นเลย
    ในมณฑลพิธีพุทธาภิเษกที่สำคัญ ทั้งที่เป็นพระราชพิธีและพิธีสามัญที่จัดให้มีขึ้นในเกือบทุกหนแห่งในประเทศไทย เว้นเสียแต่หลวงพ่อหอม วัดซากหมากจะอาพาธหรือติดศาสนกิจอย่างอื่นอยู่ก่อนเท่านั้นจึงไม่มีรายชื่อของท่านรวมอยู่ในมณฑลพิธีนั้นๆ ด้วย ทั้งนี้เพราะในหมู่ผู้นิยมวัตถุมงคลทุกระดับ น้อยคนนักที่คงไม่ได้ยินกิติศัพท์ความเป็นเป็นผู้ทรงพุทธเวทย์อย่างยอดเยี่ยมของท่าน จากวัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเสกด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น สิงห์งาช้าง สีผึ้ง นางกวักงาช้าง ไซมงคล พระกริ่งรูปเหมือน แหนบรูปเหมือน เหรียญรูปเหมือน แหวนทองแดงรูปเหมือน ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ลอกเกตหรือตะกรุด ที่ล้วนแต่ให้คุณวิเศษแก่ผู้ที่มีไว้บูชาทั้งสิ้น
    เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ รัฐบาลสมัยนั้นซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีได้จัดให้มีงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษขึ้น เป็นพิธีใหญ่ที่สุดในพุทธอาจักรของโลก โดยมีการจัดทำพระเครื่องพระบูชาและวัตถุมงคลต่างๆ ขึ้นไว้เป็นที่ระลึกจำนวนมาก หลวงพ่อหอมแห่งวัดซากหมากก็เป็น ๑ ในจำนวนพระเวทยาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษ ๑๐๘ รูป ที่รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาราธนาไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ในมณฑลพิธี ณ.ท้องสนามหลวง ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนที่หลั่งไหลมาจากทุกมุมโลกเพื่ออนุโมทนาในการประกอบพิธีอันเป็นมหามงคลครั้งนั้นอย่างมืดฟ้ามัวดิน และด้วยเกียรติคุณอันสูงยิ่งของท่าน เมื่อท่านสำเร็จกิจกรรมในพระราชพิธีนั้นออกไปพักเป็นการชั่วคราว ที่วัดสุทัศน์เทพวนาราม ก็ยังปรากฏว่าได้มีทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์หลั่งไหลติดตามไปขอพร และวัตถุมงคลจากท่านมิได้ขาดสายจนศิษย์ผู้ทำหน้าที่อุปัฏฐากต้องขอร้องให้หลวงพ่อได้มีเวลาจำวัดพักผ่อนบ้างแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะตัวหลวงพ่อกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยเมตตาอย่างยิ่งว่า”ช่างเขาเถอะลูก”และคำพูดคำนี้ภายหลังหลวงพ่อก็ได้ใช้เรื่อยมากับทุกๆ คนจนตลอดอายุขัยของท่าน
    เมื่อท่านเจ้าคุณพระอมรสุธี อดีตเลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง แห่งคณะ น.๑๘ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์ท่าเตียน)กรุงเทพฯ ดำริจะหาทุนสร้างศาลาการเปรียญที่วัดชะอำคีรี อำเภอชะอำ เพชรบุรี และสร้างกุฏิเจ้าอาวาสวัดช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดน่าน กับสร้างอุโบสถวัดดอนตัน อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน จึงได้ร่วมกับพลตรี ประสิทธิ์ ชื่นบุญ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก จัดทำพระแก้วมรกตจำลองฝังเพชรรุ่นวิสาขบูชา ผ้ายันต์ธงชัย เหรียญหลวงพ่อวัดดอนตัน จ. น่าน โดยจัดพิธีพุทธาภิเษกเป็นพิธีใหญ่ที่พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ ซึ่งเป็นพระภิกษุบ้านนอกจากชายฝั่งทะเลตะวันออกก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่คณะกรรมการผู้ดำเนินงาน อาราธนาไปร่วมเป็นพระเวทยาจารย์ด้วย เมื่อวันที่๒๔พฤษภาคม ๒๕๑๘โดยครั้งนั้นพระอาจารย์กัสสปมุนีแห่งสำนักปิปผลิวนาราม อำเภอบ้านค่าย ก็ได้อาราธนาไปร่วมพิธีด้วย
    การได้ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญๆ ของหลวงพ่อหอมนี้ หากจะนำมากล่าวทั้งหมดทุกๆ ครั้งก็ดูจะเป็นการลำบากเหลือเกินเพราะมิได้มีศิษย์ใกล้ชิดท่านใดจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานเลย
    ในสมัยที่หลวงพ่อหอมกำลังก่อสร้างวัดซากหมากฯอยู่นั้น ท่านได้เดินธุดงค์มาจากวัดมาบข่า เมื่อปี๒๔๗๑ มีพรรษาเพียงสองพรรษาเท่านั้นสันนิฐานว่าท่านคงประสงค์จะมาเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่บ้านสำนักท้อน แต่เมื่อผ่านบ้านซากหมาก ซึ่งขณะนั้นเป็นป่าดงดิบซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดเช่น ช้าง เสือ หมูป่า ลิง ค่าง และงูพิษอาศัยอยู่มากมาย มีบ้านเรือนอยู่เพียงไม่กี่หลัง คือครอบครัวนายแผน นายมาน นายแหว นายจิ๊ด นางนก และนายไพร หลวงพ่อได้พบกับบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่สองหลังทรุดโทรมจนเกือบใช้การไม่ได้แล้ว สอบถามชาวบ้านก็ทราบว่าเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งพระอาจารย์ล้าเคยอยู่มาก่อน แต่ได้ปล่อยให้เป็นสำนักล้างมาประมาณ ๑๐ปีเศษ หลวงพ่อจึงตกลงใจที่จะฟื้นฟูสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้เป็นวัดขึ้นมาให้ได้ จึงได้เข้าป่าไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำเขานางหย่อง เพื่อแสวงหาไม้ที่จะนำไปปลูกสร้างถาวรวัตถุของวัดที่ตั้งใจไว้ และในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ในถ้ำนั้น ก็ปรากฏว่ามี ช้าง เสือ และสัตว์ร้ายอื่นๆ มาวนเวียนอยู่ใกล้ท่านตลอดเวลา แต่ก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์ที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นหาได้เข้าทำร้ายท่านไม่ ตรงกันข้ามเมื่อนานๆ เข้ากลับปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นเชื่องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถพูดกับช้างป่ารู้เรื่องกันเป็นอย่างดี ถึงขนาดทำอะไรๆ ตามคำสั่งท่านได้
    เมื่อท่านคัดเลือกไม้ที่ต้องการได้แล้ว จึงได้นำชาวบ้านขึ้นไปตัดโค่นจนได้จำนวนพอแก่ความต้องการ แต่ก็เกิดมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรจึงจะชักลากไม้เหล่านั้นลงมาแปรรูปข้างล่างได้ เพราะเป็นระยะทางไกลถึง ๗ กิโลเมตร จึงได้ชักชวนชาวบ้านที่ขึ้นมาช่วยตัดโค่นต้นไม้กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ซากหมากก่อน เพื่อที่จะหาวิธีขึ้นไปชักลากไม้ลงมาจากเขานางหย่องให้ได้
    แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านเป็นเวลาหลายวันก็ยังไม่พบวิธีที่ต้องการหลวงพ่อจึงย้อนขึ้นไปบนเขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรวจดูเส้นทางให้ละเอียดเสียก่อนอีกครั้งหนึ่งพอหลวงพ่อไปถึงเชิงเขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะปรากฏว่าที่เชิงเขานั้นมีไม้ที่ตัดไว้บนเขาได้ลงมากองอยู่จนครบทุกท่อน กับได้เห็นรอยเท้าช้างป่าขนาดใหญ่รอบๆ บริเวณกองไม้และทางขึ้นเขาเปรอะไปหมดซึ่งต่อมาหลวงพ่อก็ทราบว่าเป็นฝีมือช้างป่าที่คุ้นเคยกับท่านจำนวน ๗ เชือก ช่วยกันชักลากมาไว้นั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ชาวบ้านได้ประสบกับความมหัศจรรย์ในอภินิหาริย์ของหลวงพ่อและเริ่มบังเกิดความศรัทธาอย่างสูงมาตั้งแต่นั้น
    เมื่อหลวงพ่อสร้างอุโบสถได้มีชาวบ้านใกล้ๆ วัดเข้ามาหาหลวงพ่อบอกว่าช้างป่าเข้าไปในไร่เก็บกินพืชผลที่เขาปลูกเอาไว้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาจะยิงก็เกรงใจหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อช่วยเขาด้วยเถิดเมื่อหลวงพ่อได้ทราบเช่นนั้นก็รับปากว่าจะช่วย และลุกเดินไปยืนบริกรรมอยู่สักครู่หนึ่งหน้าโบสถ์แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า” ลูกหลานพญาฉัททันต์ อย่าไปเหยียบย่ำไร่ของเขาเลย เจ้าของเขาจะยิงเอาของเรามีอยู่แล้วในแปลงขวามือไปกินได้”ซึ่งภายหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีช้างเข้าไปรบกวนชาวบ้านอีกต่อไปเลย แต่ตรงกันข้ามกับของหลวงพ่อที่มีอยู่ใกล้ๆ วัดกลับไม่มีพืชผลเหลืออยู่เลย เพราะฝีมือช้างป่านั้นเอง
    อีกครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อสร้างความมหัศจรรย์แก่ชาวบ้านเอาไว้คือเมื่อประมาณปี ๒๔๘๑ตอนนั้นหลวงพ่อบวชได้๑๒พรรษาแล้ววันหนึ่งได้มีนายพรานช้างมาขอพักที่วัดและตอบคำถามของหลวงพ่อว่าจะมาล่าช้างในป่าแถบๆ นี้แต่เวลาใกล้คร่ำจึงขอพักเอาแรงที่วัดสักคืนก่อน หลวงพ่อก็อนุญาตให้พรานเหล่านั้นพักตามประสงค์แล้วหลวงพ่อเดินไปยืนบริกรรมที่หน้าโบสถ์สักครู่ก็ตะโกนขึ้นว่า”ลูกหลานพญาฉัททันต์ทั้งหลายวันนี้อย่าออกไปหากินไกลวัดมีคนเขาจะมายิงให้หากินอยู่ในบริเวณวัดนี้”เมื่อนายพรานออกป่าเพื่อล่าช้างก็ปรากฏว่าไม่พบช้างเลยแม้แต่ตัวเดียวเพราะช้างป่าเหล่านั้นได้ชวนกันมาหากินอยู่ภายในบริเวณวัดหมด นายพรานจึงต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป
    ต่อมาหลวงพ่อพร้อมด้วยพระภิกษุอีก ๔ รูป ได้ชวนกันไปหากระเพรา ๗ อ้อม ด้วยการเดินธุดงค์เมื่อเดินทางไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อบอกว่าสงสัยจะเป็นเขตจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นท้องที่เดิมบางนางบวชในปัจจุบันได้พบศาลายกพื้นสูงมากหลังหนึ่งอยู่ในป่าทึบ มีหนังสือเขียนไว้มีข้อความว่า”ใครผ่านมาทางนี้เมื่อมืดแล้วให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนเพราะมีสัตว์ชุกชุมมาก”แต่หลวงพ่อกลับบอกพระที่ไปด้วยกันว่าเราปักกลดกันอยู่ข้างล่างนี้แหละไม่ต้องขึ้นไปหรอก ทั้งหมดก็ปักกลดอยู่ข้างล่างนั้นเอง เมื่อปักกลดเสร็จหมดทุกองค์แล้วหลวงพ่อก็ได้เสกทรายซัดล้อมกลดไว้โดยรอบ และสั่งพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดว่าอย่าได้ออกไปนอกกลดเป็นอันขาดไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนกันนั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์โดยทั่วกันซึ่งในคืนวันนั้นปรากฏว่ามีสัตว์ร้ายหลายชนิดมาวนเวียนอยู่แถวรอบๆ กลดเหมือนกันแต่ไม่มีตัวใดเข้ามาทำร้ายจนรุ่งเช้าสัตว์เหล่านั้นก็หายไปในป่าหมด หลวงพ่อจึงได้ชวนพระที่มาด้วยกันเดินทางต่อไป
    ในการเดินทางต่อไปในช่วงนี้ หลวงพ่อเล่าว่าเป็นป่าเขาโดยตลอดขนาดเดินทางมาสามวันแล้วยังไม่พบบ้านเรือนคนเลยแม้แต่หลังเดียวต้องอดอาหารกันทั้งสามวันจนกระทั่งวันที่สี่จึงได้สวนทางกับชาวบ้านคนหนึ่งหาบขนมจีนผ่านมาแล้วเอาขนมจีนนั้นถวายทุกองค์ได้ฉันกันจนอิ่มหลวงพ่อได้ถามชายคนนั้นว่า”ต่อจากที่นี่ไปอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านคน”ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า”พอพลบค่ำก็จะเห็นแสงไฟบ้านคน”แล้วเดินหายไปในป่านั้น
    หลวงพ่อจึงชวนพระที่ไปด้วยออกเดินทางต่อไปซึ่งตลอดทางที่เดินผ่านไปนั้นไม่พบบ้านคนเลยจึงน่าสงสัยว่าคนที่ถวายขนมจีนนั้นเป็นใครกันแน่ เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาจะอยู่แถวนั้นได้อย่างไรกัน
    จนกระทั่งเวลาพลบค่ำจึงได้พบบ้านคน จริงตามที่ชายคนนั้นบอกไว้ จึงชวนพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดปักกลดพักที่บริเวณใกล้ๆ กับหมู่บ้านนั้น และต่อมาก็เดินทางกลับวัดซากหมากฯ โดยไม่ได้กระเพรา ๗ อ้อมมาตามต้องการ เพราะไม่พบว่ามีอยู่ที่ใดเลย
    ส่วนเรื่องที่พบคนเอาขนมจีนมาถวายกลางป่าทั้งๆ บริเวณใกล้ๆ นั้นไม่มีบ้านคนเลยก็คงเป็นปริศนาให้แปลกใจอยู่ตลอดมา
    สมัยอู่ตะเภามีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่ ได้มีฝรั่งนิโกร ซึ่งเป็นทหารนักบินคนหนึ่งมีเมียเช่าเป็นคนไทยภาคอีสาน ได้พากันไปหาหลวงพ่อที่วัด แล้วเช่าพระกริ่งรูปเหมือนของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวเป็นประจำ และมีอยู่ครั้งหนึ่งทหารฝรั่งนิโกรคนนี้ได้ถูกคำสั่งให้ขับเครื่องบินไปนครพนม แต่บังเอิญไปเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างทาง เครื่องบินนั้นได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้ ทหารที่ไปด้วยกันก็เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน แต่ฝรั่งนิโกรซึ่งเป็นนักบินคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จึงบังเกิดความเลื่อมใสหลวงพ่อเป็นอย่างมาก เมื่อมีโอกาสจะต้องมาหาหลวงพ่อที่วัดเป็นประจำ เมื่อวัดหลวงพ่อมีงานก็จะมาช่วยงานอย่างแข็งขันทุกครั้งไป เมื่อถูกส่งกลับไปอเมริกาแล้วก็ยังส่งเงินมาถวายหลวงพ่ออยู่เนืองๆ
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าวัยรุ่นย่านบางรักกรุงเทพฯ ยกพวกต่อยตีกันเป็นมวยหมู่ มีการบาดเจ็บกันเป็นระนาว แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆ ที่ได้เข้าไปประจัญบานกับเขาด้วยอย่างเมามัน ซึ่งภายหลังปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นล้วนแต่มี ”สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ทั้งนั้น สอบถามได้ความว่าเคยร่วมคณะกฐินจากกรุงเทพฯ ซึ่งไปทอดที่วัดซากหมากฯ แล้วเช่า“สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวกันคนละตัว ซึ่งครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ จนได้ประสบเหตุเข้ากับตัวเองจึงเชื่อและพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเดินทางไปขอเช่าที่วัดกันอีกหลายคนด้วยกัน แต่หลวงพ่อก็เตือนว่า ”ถ้ารังแกข่มเหงเขา สิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ”
    ตามธรรมดาทุกๆ ปี ที่วัดซากหมากฯ จะต้องมีงานประจำปีและมีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือนองค์หลวงพ่อขึ้นเป็นรุ่นแรก ได้มีทหารจำนวนหนึ่งไปเที่ยวงานและเช่าพระกริ่งนี้คนละองค์แล้วชวนกันไปหลังโรงเรียนวัดซากหมากซึ่งอยู่ใกล้วัดนั้นเอง เพื่อจะทดลองความศักดิ์สิทธิ์ดูให้แน่ใจ จึงได้นำเอาพระกริ่งของหลวงพ่อออกมาวางรวมกันแล้วยิงด้วยปืน .๓๘ ก็ปรากฏว่ายิงกี่ครั้งๆ ก็ไม่ออก แต่เมื่อเบนปากกระบอกปืนไปทางอื่นกลับยิงออกทุกนัด ทหารเรือกลุ่มนั้นจึงกลับเข้ามาในวัดและขอเช่าเพิ่มกันอีกจนเงินหมดกระเป๋า เมื่อกลับไปแล้วยังได้บอกกล่าวให้บรรดาเพื่อนฝูงพากันมาเช่ากันไปไว้ประจำตัวอีกมากมาย และตั้งแต่นั้นมาเมื่อหลวงพ่อมีงานอะไรขึ้น บรรดาทหารเรือจากฐานทัพเรือสัตหีบจะมาช่วยกันอย่างมากมายทุกครั้งไป
    เมื่อนายสงั่น ไตร่ตรอง ได้เป็นกำนันตำบลสำนักท้อนใหม่ๆ เคยขับรถยนต์ไปธุระที่สมุทรปราการพร้อมกับลูกบ้านอีก ๘ คนแต่พอรถไปถึงโค้งบางปิ้งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโค้งผีสิง จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจทราบได้รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบ เผอิญมีตำรวจอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เข้าคิดว่าจะต้องมีคนในรถได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงตายแน่ๆ จึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโดยรีบด่วน แต่เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก เพระไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่อยู่ในรถคันนั้นได้รับบาดเจ็บกันเลย ซึ่งต่อมาเมื่อมีการสอบถามกันขึ้นด้วยความสงสัย จึงทราบว่าทุกคนที่ไปกันในรถคันนั้นต่างก็มี “สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อหอมติดตัวกันทั้งนั้น
    วิทยาเวทย์ที่เป็นคุณวิเศษของหลวงพ่อหอมวัดซากหมากอีกประการหนึ่งที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยได้เรียนรู้มาก่อนคือ”การต่อชะตาดิน” ซึ่งคุณวิเศษนี้ก็เป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอย่างมากทีเดียว คือ หากที่ดินของผู้ใดที่เคยอยู่อาศัยหรือใช้ประกอบกิจการใดๆ มาก่อน เกิดอาการเสื่อมโทรมใช้ประโยชน์ไม่ได้ดีเหมือนเดิม หรือกิจการบนดินนั้นเสื่อมโทรมลง หลวงพ่อก็จะไปทำพิธี ”ฝังหิน” ให้ แล้วกิจการบนที่ดินแห่งนั้นก็จะกลับคืนเป็นคุณแก่เจ้าของดั่งเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ซึ่งวิชาต่อชะตาดินนี้ได้เคยมีบรรดาศิษย์อยากจะเรียนจากหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อก็บอกว่าผู้ที่จะเรียนได้จะต้องเป็นพระภิกษุเท่านั้น และเมื่อเรียนแล้วก็จะต้องตั้งมโนปนิธาณด้วยว่า “จะบวชจนตายในผ้ากาสาวพัตร์” คือจะสึกออกไปครองเพศฆราวาสไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าผิดไปจากนี้แล้วจะต้องถูก”ฟ้าผ่า”ทันที จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะเรียนต่อจากท่าน เพราะการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ ไม่ใช่เป็นของง่ายนักที่จะประกาศตนว่าจะไม่สึกไว้ล่วงหน้า
    นอกจากหลวงพ่อหอมวัดซากหมากจะเป็นผู้มีวิทยาคุณในทางเครื่องรางของขลังแล้ว ท่านยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดอีกด้วย ทั้งนี้เพราะท่านได้เคยศึกษาเล่าเรียนมาจากบิดาของท่านซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบล ในสมัยเมื่อท่านยังเป็นฆราวาสอยู่
    ตามธรรมดาทุกๆ วันจะมีคนป่วยด้วยโรคต่างๆ มาหาท่านที่วัดเพื่อขอให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคร้ายเหล่านั้นให้หาย วันหนึ่งๆ ถึง๔๐-๕๐ คน หลวงพ่อจึงเป็นพระภิกษุผู้ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ทั้งที่เป็นคนไทย จีน แขกซิกส์ และฝรั่ง ดังจะเห็นได้จากเมื่อหลวงพ่อมรณภาพได้มีผู้หลั่งไหลกันไปเคารพศพของท่านอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในวันถวายน้ำสรงศพของท่าน เจ้าหน้าที่ได้จัดให้เรียงแถวกันเข้าไป ต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเศษจึงหมดคนที่ไปถวายน้ำสรงท่าน
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือ พระครูภาวนานุโยค อดีตเจ้าอาวาสวัดซากหมาก หมู่ที่ ๒ ตำบลสำนักท้อน กิ่งอำเภอบ้านฉาง (ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง) จังหวัดระยอง เดิมชื่อ หอม ทองสัมฤทธิ์ เกิดวันจันทร์ เดือน๑๐ ปีขาล พุทธศักราช๒๔๓๓ เป็นบุตรของนายสัมฤทธิ์ กับนางพุ่ม ทองสัมฤทธิ์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันสามคน หลวงพ่อเป็นคนสุดท้อง พี่ทั้งสองคนเป็นหญิง คนโตชื่อ นางวอน คนรองชื่อนางเชื่อม เมื่อเยาว์วัยอาศัยอยู่กับบิดามารดาที่บ้านเกิดของท่านเอง ส่วนในการศึกษาเบื้องต้นนั้นเป็นน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านได้ศึกษากับใครที่ไหน เพราะในสมัยนั้นโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลจากความเจริญ เช่นบ้านเกิดหลวงพ่อ คงยังไม่มีตั้งขึ้นแน่นอน
    การดำรงชีพของหลวงพ่อในสมัยนั้นก็เป็นการช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่และเก็บของป่าขายในตัวตลาด ซึ่งการเดินทางไปตลาดบ้านฉางหรือตลาดสัตหีบในสมัยนั้นลำบากมาก เพราะยังไม่มีถนนอย่างเช่นในปัจจุบัน ต้องอาศัยทางเกวียน ซึ่งผ่านป่าดงดิบ แวดล้อมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ถ้าเป็นฤดูฝนด้วยแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความลำบากเป็นทวีคูณ และคงจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อเคยมีชีวิตจำเจอยู่แต่ในป่าดงดิบนี่เอง จึงทำให้ท่านพยายามพัฒนาป่าให้กลับกลายเป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญขึ้นในทุกๆ ด้าน โดยท่านเห็นว่าหากมีถนนตัดจากจากที่เจริญเข้าสู่หมู่บ้านได้เมื่อใด ความเจริญนั้นก็ต้องขยายตัวของมันเองตามถนนไปด้วยอย่างแน่นอน จึงได้ร่วมกับ นายหยอย สุวรรณสวัสดิ์กำนันตำบลสำนักท้อนคนก่อน ชักนำชาวบ้านช่วยกันตัดถนนจากบ้านฉาง เข้าไปจนถึงบ้านซากหมากระยะทาง ๑๒ กิโลเมตรจนสำเร็จ และถนนสายนี้ในปัจจุบันได้กลายเป็นถนนสายอเนกประสงค์แล้วอย่างสมบูรณ์
    เมื่อหลวงพ่ออายุครบ๒๑ปี ก็โอกาสทำหน้าที่ของลูกชายไทยอย่างเต็มภาคภูมิด้วยการได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการทหารในกองทัพเรือ ในสมัยที่ฐานทัพเรือยังตั้งอยู่ที่บางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสังกัดอยู่หน่วยไหนและใครบ้างที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของท่าน ทราบแต่เพียงว่าในขณะที่ท่านรับราชการอยู่นั้นไม่เคยถูกลงโทษฐานกระทำผิดวินัยเลย ทั้งไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับบรรดาเพื่อนๆ ด้วย ตรงกันข้ามกับเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูงทุกคน เพราะปกติท่านเป็นคนมีนิสัยเยือกเย็น สุขุมและโอบอ้อมอารีต่อทุกคนอยู่แล้ว
    เมื่อรับราชการทหารครบ ๒ปีทางราชการก็ปลดออกจากประจำการ จึงกลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพที่บ้านสำนักท้อนตามเดิม และในช่วงนี้เองก็ได้แต่งงานกับ นางเจียม ซึ่งเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกันนั้น และมีบุตรด้วยกัน ๓ คนคือ นายพิน ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่ง ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่น ทองสัมฤทธิ์
    การครองชีวิตแบบคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนของหลวงพ่อ ได้เป็นไปอย่างธรรมดาเรื่อยๆ มาโดยพร้อมกันนั้นก็ได้พยายามถ่ายทอดวิชารักษาโรคต่างๆ จากบิดาไปด้วยจนมีความรู้ความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปจากบิดาของท่านแต่อย่างใด แล้วก็ได้ใช้วิชาความรู้นี้ช่วยเหลือเพื่อนบ้านตลอดมา
    หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๙อายุ ๓๖ ณ พัทธสีมาวัดทับมา ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีหลวงพ่อขาว วัดทับมาเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจี๊ด วัดเขาตาแขก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เป็นอนุสาวนาจารย์
    เมื่อหลวงพ่อหอมอุปสมบทใหม่ๆ ยังเป็นนวกภิกษุผู้น้อยด้วยคุณวุฒิไม่อาจจะปกครองตนเองและผู้อื่นได้ จึงยังจำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยเบื้องต้นในฐานะอันเตวาสิกของหลวงพ่อชื่น อยู่ที่วัดมาบข่า แต่เพียงชั่วระยะ ๒ พรรษาเท่านั้นหลวงพ่อหอมก็เป็นผู้แตกฉานในพระธรรมวินัยอย่างน่าอัศจรรย์ เนื่องจากเป็นผู้มีความเพียรเป็นเลิศยากที่จะหาพระภิกษุรูปใดในรุ่นเดียวกันเสมอเหมือนได้ แม้หลวงพ่อชื่นเองก็ยังเคยปรารภให้พระภิกษุรูปอื่นๆ ฟังว่า ”อีกหน่อยคุณหอมเขาจะหอมทวนลมนะ”และต่อมาหลวงพ่อหอมก็ได้กลายเป็นหลวงพ่อผู้มีชื่อเสียงหอมทวนลมจริงดั่งคำของหลวงพ่อชื่นนั้น
    เมื่อหลวงพ่อหอมได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อชื่นซึ่งเป็นพระอาจารย์เบื้องต้นไปอยู่ที่วัดซากหมากใกล้ๆ บ้านเกิดของท่านแล้ว ก็ได้พยายามค้นคว้าศึกษาพุทธเวทย์เพิ่มเต็มอย่างจริงจังจนบังเกิดผลดังที่ได้ประจักษ์แก่บรรดาศิษยานุศิษย์อย่างถ้วนหน้าแล้วนั้น
    นอกจากท่านจะได้สร้างวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธ์ เพื่อให้ผู้มีไว้บูชาบังเกิดที่พึ่งทางใจอย่างได้ผลแล้วก็ยังได้สร้างถาวรวัตถุขึ้นไว้ในวัดอีกหลายประการด้วยกัน เช่น อาคาร ศาลา หอระฆัง หอไตรกลางสระน้ำและอีกหลายๆ อย่างที่ท่านได้สร้างไว้
    ด้วยความที่หลวงพ่อหอมเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีให้ปรากฏในศาสนจักรและราชอาณาจักรมากมายนี่เองจึงได้พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙แห่งราชวงศ์จักรี พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เป็นพระครูภาวนานุโยค ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ นับเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งแก่หลวงพ่อและบรรดาศิษยานุศิษย์โดยทั่วหน้ากันและในโอกาสนี้เองที่หลวงพ่อหอมได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือนแหนบบูชารูปเหมือน (ชนิดสั้น) รูปปั้นเหมือนองค์จริงแบบบูชาเป็นรุ่นแรกขึ้น กับได้สร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นสองแบบหน้านูนครึ่งองค์ด้านหลังเหมือนกับเหรียญรุ่นแรกพร้อมกับแหวนทองแดงรูปเหมือนและแบบเดียวกับที่สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๘
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือพระครูภาวนานุโยค ได้อาพาธด้วยโรคชราและมรณภาพด้วยอาการสงบเมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๐๐ น.ของวันที่ ๑๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๐ (นับวันเวลาสากล) ณ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี รวมอายุได้ ๘๗ปี ๕๑ พรรษา และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายนพุทธศักราช ๒๕๒๑ ภายหลังจากท่านมรณภาพแล้ว ๓๗๕ วัน ณ. วัดซากหมากฯ หมู่ที่ ๒ ตำบล สำนักท้อน กิ่งอำเภอบ้านฉาง (ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง) จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นวัดที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสมาโดยตลอดนั้นเอง

    จากหนังสืออนุสรณ์
    งานพระราชทานเพลิงศพ พระครูภาวนานุโยค (หอม จนฺทโชโต)
     
  6. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    วันนี้ส่งพระไปให้คุณ นว เรียบร้อยแล้วนะครับ พรุ่งนี้คงได้รับ(2รายการครับ)
     
  7. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ขอหลวงปู่ทวดสักชุดนะครับ

    เป็นหลวงปู่ทวด ออกที่วัดในหาน ภูเก็ตครับ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว เป็นประธานปลุกเสกให้ มี 2 รุ่นครับ รุ่นแรก ปี 36 จะมีผิวไฟครับ ส่วนรุ่นสอง จะล้างผิวไฟอกหมดเห็นเป็นทองผสมสีเหลืองครับ(สวยดี)
    ...วันนี้เอามาให้บูชาทั้งสองรุ่นครับ ขอบอกว่า ลป.ทวดรุ่นนี้มีประสบการณ์น่าดูชมครับ คนภูเก็ต เก็บกันหมดแล้วและที่น่าบูชาเพราะว่า อ.นองท่านปลุกเสกให้ครับ
    ....รุ่นแรก องค์ที่ 1 ครับ....450...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9110.JPG
      IMGP9110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      244 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMGP9111.JPG
      IMGP9111.JPG
      ขนาดไฟล์:
      285.5 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMGP9112.JPG
      IMGP9112.JPG
      ขนาดไฟล์:
      286.6 KB
      เปิดดู:
      49
  8. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รุ่นแรก องค์ที่ 2ครับ

    .....450....คุณ dumdum จองแล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9113.JPG
      IMGP9113.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.1 KB
      เปิดดู:
      48
    • IMGP9117.JPG
      IMGP9117.JPG
      ขนาดไฟล์:
      294.4 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMGP9118.JPG
      IMGP9118.JPG
      ขนาดไฟล์:
      286.1 KB
      เปิดดู:
      48
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2007
  9. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รุ่นแรก องค์ที่ 3 ครับ

    ...450...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9119.JPG
      IMGP9119.JPG
      ขนาดไฟล์:
      292 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMGP9120.JPG
      IMGP9120.JPG
      ขนาดไฟล์:
      291.9 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMGP9121.JPG
      IMGP9121.JPG
      ขนาดไฟล์:
      276.8 KB
      เปิดดู:
      50
  10. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รุ่นสององค์ที่ 1 ครับ

    ...350...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9122.JPG
      IMGP9122.JPG
      ขนาดไฟล์:
      242.8 KB
      เปิดดู:
      50
    • IMGP9123.JPG
      IMGP9123.JPG
      ขนาดไฟล์:
      289.8 KB
      เปิดดู:
      51
    • IMGP9124.JPG
      IMGP9124.JPG
      ขนาดไฟล์:
      287 KB
      เปิดดู:
      49
  11. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รุ่นสององค์ที่ 2 ครับ

    ...350...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9125.JPG
      IMGP9125.JPG
      ขนาดไฟล์:
      283.1 KB
      เปิดดู:
      49
    • IMGP9126.JPG
      IMGP9126.JPG
      ขนาดไฟล์:
      289.1 KB
      เปิดดู:
      58
    • IMGP9127.JPG
      IMGP9127.JPG
      ขนาดไฟล์:
      294.3 KB
      เปิดดู:
      54
  12. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    รุ่นสององค์ที่ 3 ครับ

    ..350...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9129.JPG
      IMGP9129.JPG
      ขนาดไฟล์:
      294.4 KB
      เปิดดู:
      48
    • IMGP9130.JPG
      IMGP9130.JPG
      ขนาดไฟล์:
      280.3 KB
      เปิดดู:
      50
    • IMGP9131.JPG
      IMGP9131.JPG
      ขนาดไฟล์:
      275.5 KB
      เปิดดู:
      51
  13. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ขอให้ทุกท่านอนุโมทนาโดยพร้อมเพรียงกัน

    ปัจจัยที่ได้จากการที่ทุกท่านได้บูชาพระเครื่องที่ผมได้เก็บไว้และนำมาให้บูชากันไปนั้น จำนวน 15000 บาทผมได้ถวาย หลวงป๋า เพื่อร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ ไปที่วัด หลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี เมื่อวานนี้ครับ...(ในอนาคตกาลจะเป็นพระเจดีย์องค์สำคัญ องค์หนึ่งของโลกนะครับ)...ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ได้ร่วมอนุโมทนาในบุญครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกันนะครับ

    .....ตฤณ ปาลีเรียม....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9933.JPG
      IMGP9933.JPG
      ขนาดไฟล์:
      234.7 KB
      เปิดดู:
      52
  14. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    เหรียญ ลพ.ปาน ปี 22 ศิษย์ส้างถวายที่ วัดบางนมโค

    ....200....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9899.JPG
      IMGP9899.JPG
      ขนาดไฟล์:
      536.3 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMGP9900.JPG
      IMGP9900.JPG
      ขนาดไฟล์:
      538.3 KB
      เปิดดู:
      63
  15. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    พระชุด สู่มาตุภูมิ ปี 33 ลพ.ฤาษี อธิษฐานให้ครับ

    เนื้อดิน ทรงหนุมาน อุดผง ครับ
    ...250...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9903.JPG
      IMGP9903.JPG
      ขนาดไฟล์:
      244 KB
      เปิดดู:
      52
    • IMGP9904.JPG
      IMGP9904.JPG
      ขนาดไฟล์:
      244.7 KB
      เปิดดู:
      52
  16. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ผงพุทธคณ พิมพ์หลวงพ่อปาน ครับ

    พิมพ์นี้ ค่อนข้างหายากครับเพราะว่าสร้างออกมาไม่มาก
    ...250...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9901.JPG
      IMGP9901.JPG
      ขนาดไฟล์:
      549.1 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMGP9902.JPG
      IMGP9902.JPG
      ขนาดไฟล์:
      238.1 KB
      เปิดดู:
      55
  17. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ผงพุทธคณ พิมพ์ทรงนก ครับ

    ...250...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9905.JPG
      IMGP9905.JPG
      ขนาดไฟล์:
      250.9 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMGP9906.JPG
      IMGP9906.JPG
      ขนาดไฟล์:
      248.4 KB
      เปิดดู:
      42
  18. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ผงพุทธคณ พิมพ์ทรงเม่น ครับ

    ....250....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMGP9907.JPG
      IMGP9907.JPG
      ขนาดไฟล์:
      251.2 KB
      เปิดดู:
      47
    • IMGP9908.JPG
      IMGP9908.JPG
      ขนาดไฟล์:
      247.3 KB
      เปิดดู:
      45
  19. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    ท่านที่อยากได้ปัฐวี ธาตุไว้บูชา ขอให้ติดตามกระทู้วันพรุ่งนี้นะครับ เป็นปัฐวีธาตุของพระ องค์ที่ เจ้าคุณนรรัตน์ได้ทำนายไว้ว่า จะทำปัฐวีธาตุได้เช่นเดียวกับท่าน....พลาดแล้วจะว่าผมไม่บอก(ปัจจัยก็ไปทำบุญเช่นเคยครับผม)
     
  20. ^winter

    ^winter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,216
    มีใครสละเทวดาน้อยหรือจตุคาม ผมอยากได้ แหะๆๆ
    ขออนุญาติ ทำบุญร่วมกับคุณตฤณครับ
    พระ เจ้าสัวปลอกลูกปืน ของหลวงปู่ท่อนรุ่นแรก 1 องค์ 350 บาท สร้างปี 45

    รูปเหมือนลอยองค์ บรรจุเกศาหลวงปู่ดวงดีสุภัทโธ 1 องค์ 550 บาท ปี 42

    พระกริ่งบรรจุเกศาหลวงปู่ท่อน 1 องค์ สร้างปี 45 บรรจ 19 เกศา 650 บาท

    เหรีญหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดโพธิ์แตงใต้ อยุทธยา ปี 45 450 บาท

    สมเด็จฝังเม็ดสีดำ (ไม่ทราบว่าเป็นเม็ดอะไรครับ) ด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่คำดี อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่ และมีเกศา องค์นี้ได้รับจากเพื่อนอีกทีนึงครับ
    ไม่มีกล่อง ไม่ทราบปีจัดสร้าง แต่จับพลังแล้วดีมากทีเดียวครับ 1 องค์ 450 บาท

    เหรียญใบโพธิ์ หลวงพ่อเกษม เขมโก อายุ 80 ปี ปี 34 1 องค์ 450

    พระพุทธสิหิงค์ "รุ่มมหาจักรพรรดิ" วัดเขาชะเมา 21 มค 48 เนื้อสีดำ
    ด้านหลังเป็นรูปพระบรมธาตุ ด้านหน้าพระพุทธสิหิงค์ รายร้อมด้วยพญาราหู
    1 องค์ 550 บาท

    พระสมเด็จ คุณเนาเจ้าของเวปพุทธวงค์เป็นผู้จัดสร้าง ด้านหลังเป็นยันต์บารมี 30 ทัศ มวลสารเกศพระครูบาอาจารย์ 108 รูป จัดสร้างถวายนำรายได้ให้วัดร้องขุ้ม จ.เชียงใหม่ไม่มีกล้อง เลี่ยมพลัสติกแล้วสามารถขึ้นคอได้เลยครับ
    650 บาท

    พระปิดตาหลวงปู่อ่อน นนทสาโร จัดสร้างจากผงวิเศษของท่านแต่หลังจากท่านเสียแล้ว ฝังตรุดรัตนะบัลลัง ด้านหลังฝังเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของท่าน
    ผมส่งธนานัติไปบูชาที่วัดด้วยตัวเองสมทบทุนสร้างอุโบสถ 550 บาท เลี่อมกรอบพลัสติกแล้ว ไม่มีกล่อง

    หลวงพ่อศรีสวรรค์ ครอบรอบสมเด็จพระสังฆราชชนมายุครบ 84 พรรษาปี 40 250 บาท

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ศรีจันทร์ วัดเลยหลง รุ่นอุดมทรัพย์ ปี 39 1องค์ 250 บาท

    พระกริ่งปวเรศ หลวงปู่สุภา กันตโสโล เนื้อทองแดง สวยมาก 1 องค์ 350 บาท

    เหรียญทองแดงพรหม 4 หน้า หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน มี 2 เหรียญ เหรียญละ 150 บาท

    พระทั้งหมดผมไม่มีรูปใด้ชมก่อน ต้องขออภัยด้วยนะครับ แต่รับรองเป็นพระที่ผมได้บูชามาด้วยตัวเอง บางองค์เพื่อนให้มาบ้าง บางองค์เป็นของพ่อแม่ครับ เก็บไว้คนเดียวก็แขวนไม่หมด จึงนำมาแบ่งปันให้ทำบุญร่วมกันครับ

    โอนเงินเข้าบัญชี 2491186146 ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาเลย บ.ออมทรัพย์
    บวกค่าจัดส่ง 50 บาท

    การจองพระท่านใดเห็นและโพสต์ขึ้นในกระทู้ ตามลำดับหมายเลขที่มุมขวมมือถือว่าท่านนั้นจองก่อนนะครับ หลังจากโอนเงิน สามารถแจ้งชื่อที่อยู่ ไว้ในกระทู้ หรือโทรติดต่อแจ้งที่อยู่ได้ที่ 0819132802

    เงินที่ได้ทั้งหมดผมจะโอนเข้าบัญชีคุณตฤณ เพื่อร่วมบุญทีหนึ่งคับหลังจากพระหมดลงแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...