"หนึ่งในการกล่าวบรรยายที่ดีที่สุดในโลก" โดยสตีฟ จ็อบส์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Komodo, 6 ตุลาคม 2011.

  1. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    อยากให้อ่านกันครับ "หนึ่งในการกล่าวบรรยายที่ดีที่<WBR>สุดในโลก" โดยสตีฟ จ็อบส์ การบรรยายครั้งนี้ถูกใช้ในการสอ<WBR>นในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกห<WBR>ลายแห่ง อยากให้ลองอ่านดูครับ

    “Stay Hungry, Stay Foolish”

    บทสรุปการบรรยายของ สตีฟ จ๊อบส์ ในพิธีรับปริญญาที่มหาวิทยาลัย Standford

    [​IMG]

    ------------------------------<WBR>---------------
    ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่<WBR>ได้รับเชิญมากล่าวบรรยายใน พิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่<WBR>ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่ง
    ทั้งที่ความเป็นจริงผมนั้นไม่เค<WBR>ยได้รับปริญญาเลย และวันนี้ถือว่าเป็นวันที่ผมเข้<WBR>าใกล้พิธีรับปริญญามากที่สุดในช<WBR>ีวิต

    ในวันนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องราวใ<WBR>นชีวิตของผมเพียงแค่ 3 เรื่องครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก มันก็แค่เรื่อง 3 เรื่องเท่านั้นเอง

    เรื่องแรกเกี่ยวกับ การเชื่อมต่อของจุด

    ผมดรอปเรียนจากมหาวิทยาลัยรีด (Reed College) 6 เดือนแล้วกลับไปเรียนต่ออีก 18 เดือนก่อนที่ผมจะลาออกอย่างจริง<WBR>จัง ทำไมผมต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากว่าผมไปเข้ามหาวิทยาลั<WBR>ยที่มีค่าใช้จ่ายแพงมากๆ เงินเก็บทั้งหมดของพ่อแม่ผมต้อง<WBR>หมดไปกับค่าเรียนพิเศษของผม และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะท<WBR>ำอะไรต่อไปกับชีวิต การเรียนมหาวิทยาลัยมันจะทำให้ผ<WBR>มค้นพบได้อย่างไรว่าผมต้องการอะ<WBR>ไร ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลาออก นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวเ<WBR>ลยทีเดียวที่ต้องลาออกจากมหาวิท<WBR>ยาลัย แต่ตอนนี้ผมคิดว่า นั่นคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดใ<WBR>นชีวิตของผมเลยทีเดียว จากการที่ผมลาออกนี้ จึงทำให้ผมสามารถไปเรียนในสิ่งท<WBR>ี่ผมอยากเรียนได้ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะโรยด้วยกลีบก<WBR>ุหลาบ เพราะผมไม่มีที่พัก ผมต้องไปขอนอนพื้นห้องของเพื่อน<WBR>ๆ เก็บกระป๋องไปขายเพื่อหาเงิน และทุกๆคืนวันอาทิตย์ผมต้องเดิน<WBR>ทาง 7 ไมล์ไปยังโบสถ์เพื่อให้ได้กินอา<WBR>หารดีๆสักมื้อ แต่ประสบการณ์เหล่านี้กับให้ผมไ<WBR>ด้อะไรมากมายอย่างหาที่เปรียบมิ<WBR>ได้ และผมได้ไปลงเรียนวิชา ประดิษฐ์ตัวอักษร กับมหาวิทยาลัยรีด (Reed College) ถือว่าที่นี่สอนวิชานี้ดีที่สุด<WBR>ในประเทศเลยก็ว่าได้ ผมเรียนรู้การออกแบบตัวอักษร การเว้นระยะห่าง รวมถึงศิลปะในการประดิษฐ์ตัวอัก<WBR>ษรหลายๆอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีเสน่ห์เย้<WBR>ายวนชวนให้ผมหลงใหลเป็นอย่างมาก<WBR> ทั้งหมดที่ผมทำไปนั้นไม่เคยหวัง<WBR>ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ใดๆกับชีวิ<WBR>ตของผมเลย แต่หลังจากนั้นอีก 10 ปี ผมได้ออกแบบ คอมพิวเตอร์แมคอินทอชเครื่องแรก<WBR> (Macintosh) ทุกอย่างที่ผมได้เรียนรู้มา มันกลับเข้ามารวมกันในหัวผมอีกค<WBR>รั้ง และผมก็ได้ออกแบบให้มันอยู่ในเค<WBR>รื่อง MAC อีกด้วย มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที<WBR>่มีอักษรสวยๆให้ใช้ ถ้าผมไม่ลงเรียนวิชาประดิษฐ์ตัว<WBR>อักษร ทุกคนก็คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆมา<WBR>ใช้กันเหมือนในทุกวันนี้ ถ้าผมไม่ดรอปเรียน ผมก็คงไม่ได้ไปลงเรียนประดิษฐ์ต<WBR>ัวอักษร และเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจะไ<WBR>ม่มีอักษรสวยๆให้ใช้กันแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสามารถเ<WBR>ชื่อมต่อจุดต่างๆโดยมองไปข้างหน<WBR>้า (หมายถึง อนาคต) แต่คุณสามารถเชื่อมต่อจุดเหล่าน<WBR>ี้ได้อย่างแม่นยำและชัดเจน หากคุณได้มองย้อนกลับไปข้างหลัง<WBR> ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร คุณจะต้องมีความมั่นใจและเชื่อม<WBR>ั่นว่า จุดในปัจจุบันนี้ของคุณมันจะต้อ<WBR>งไปเชื่อมต่อกับจุดในอนาคตของคุ<WBR>ณอย่างแน่นอน สติปัญญา, โชคชะตา, ชีวิต , กรรม หรือจะอะไรก็ตามแต่ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยทำให้ผมต้องส<WBR>ิ้นหวัง และมันทำให้ชีวิตของผมนั้นแตกต่<WBR>างออกไปอย่างสิ้นเชิง

    เรื่องที่สองของผม เกี่ยวกับ ความรักและการสูญเสีย

    ผมถือว่าโชคดีที่ได้พบกับสิ่งที<WBR>่ผมรักในช่วงต้นชีวิต โดยผมกับเพื่อนชื่อ วอซ (Woz) ได้ตั้งบริษัท แอปเปิ้ล (Apple) ในโรงรถของบ้านผม ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นอีก 10 ปีบริษัทของผมมีพนักงานมากกว่า 4,000 คน และเป็นบริษัทพันล้าน ตอนที่ผมอายุ 30 ปี เราได้ประดิษฐ์ผลงานที่ดีที่สุด<WBR>ของเราคือ คอมพิวเตอร์แมคอินทอช (Macintosh) และช่วงนั้นผมก็ถูกไล่ออก บางคนสงสัยว่าบริษัทของผมเอง ทำไมผมถึงต้องออก เนื่องจากเมื่อบริษัทใหญ่ขึ้นผม<WBR>ก็ต้องจ้างผู้คนมาช่วยผมบริหารง<WBR>านมากขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องแต<WBR>กแยกกัน โดยที่คณะกรรมการเห็นไปทางเดียว<WBR>กัน ดังนั้นผมก็จึงต้องออก หลังจากผมออกแล้ว ผมก็ไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อ ผมทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง ผมต้องไปขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เรื<WBR>่องราวมันจบลงไม่ค่อยสวย ผมถึงกับคิดจะหันหลังให้กับธุรก<WBR>ิจประเภทนี้ไปเลย แล้วผมก็รู้สึกได้ว่า ผมยังรักงานในบริษัท Apple อยู่ ถึงผมจะโดนปฏิเสธแต่ผมก็รักมัน ผมจึงตัดสินใจว่าผมจะเริ่มกับมั<WBR>นใหม่อีกครั้ง และแล้วอีก 5 ปีหลังจากนั้น ผมได้ตั้งบริษัท NeXT และบริษัท Pixar ขึ้นมา และช่วงนั้นผมก็ได้พบกับภรรยาที<WBR>่แสนสวยของผม สำหรับบริษัท Pixar นี้ได้สร้างผลงานภาพยนตร์ Animation เรื่องแรกของโลก นั่นคือ Toy Story และปัจจุบัน Pixar กลายเป็น Studio เกี่ยวกับ Animation ที่ประสบความสำเร็จที่สุดอีกแห่<WBR>งของโลก หลังจากนั้น Apple ก็มาซื้อ NeXT แล้วผมก็ได้กลับเข้าสู่ Apple อีกครั้ง สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าผมไม่โดนไล่ออกจาก Apple มันเปรียบเสมือน ยาที่มีรสขม ถึงแม้รสชาติมันจะขมมากเพียงใด แต่คนไข้ก็ยังต้องการมัน ผมรู้แค่ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตผมยังเดิ<WBR>นหน้าต่อไปได้ คือการทำในสิ่งที่ผมรัก งานเป็นสิ่งที่ครอบครองพื้นที่ส<WBR>่วนใหญ่ในชีวิตคุณ ดังนั้นวิธีที่จะทำให้คุณพอใจได<WBR>้อย่างแท้จริงคือ จะต้องเชื่อว่างานที่คุณทำนั้นว<WBR>ิเศษ และการที่จะได้ทำงานที่วิเศษนั้<WBR>น คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ หากคุณยังหาสิ่งที่คุณรักไปพบจงหาต่อไปอย่าท้อถอย แล้วคุณจะรู้เองเมื่อคุณได้พบมั<WBR>น แล้วจะเกิดความสัมพันธ์ที่ยอดเย<WBR>ี่ยม มันจะยิ่งทำให้เรารู้สึกดีมากขึ<WBR>้นเรื่อยๆ ดังนั้นจงตามหามันต่อไป อย่าได้ท้อถอย

    เรื่องที่สาม เกี่ยวกับ ความตาย

    เมื่อผมอายุ 17 ปีผมได้อ่านประโยคที่ว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวัน ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิ<WBR>ต แล้วจงมั่นใจได้เลยว่า สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นจริงอย<WBR>่างที่คุณคิด” ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา 33 ปี ผมก็จะถามตัวเองที่หน้ากระจกทุก<WBR>เช้าว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีว<WBR>ิต ผมต้องการจะทำในสิ่งที่จะไปทำวั<WBR>นนี้หรือเปล่า” หากผมตอบว่า “ไม่” ผมก็รู้ได้เลยว่า คงต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างซ<WBR>ะแล้การที่คิดว่า “ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องตาย” เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู<WBR>้จัก เพื่อใช้หลีกเลี่ยงการติดกับควา<WBR>มคิดบางอย่าง คุณเกิดมาตัวเปล่า ไม่มีเหตุผลใดเลยที่คุณจะไม่ทำต<WBR>ามหัวใจของตัวเอง
    เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วผมเพิ่งพบว่าผมเป็นมะเ<WBR>ร็งหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาได้ นั่นคือให้คุณทำใจรับความตายได้<WBR>เลย และไปสั่งเสียกับครอบครัวได้แล้<WBR>ว ช่วงนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผมเข้า<WBR>ไปใกล้ชิดกับความตายมากที่สุด แต่ว่า ไม่มีใครที่ไม่ต้องตาย ทุกคนจะต้องตาย ขอโทษที่เล่าเหมือนเป็นละคร แต่นี่มันคือเรื่องจริงที่ต้องร<WBR>ับให้ได้ ดังนั้นช่วงชีวิตที่คุณมีอยู่ ไม่ควรไปเสียเวลาเติมเต็มให้กับ<WBR>ผู้อื่นมากนัก อย่าไปติดกับกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อ<WBR>พิสูจน์ อย่าไปขึ้นกับผลความคิดของผู้อื<WBR>่น อย่าให้ความคิดเหล่านั้นมากลบเส<WBR>ียงของคุณเอง ที่สำคัญที่สุด จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาต<WBR>ิญาณของคุณ ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เพราะมันรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องกา<WBR>รอย่างแท้จริง เรื่องอื่นๆถือว่าเป็นเหตุผลที่<WBR>รองลงมา ตอนเด็กผมชอบหนังสือเล่มหนึ่งชื<WBR>่อว่า The Whole Earth Catalog ในนั้นมีประโยคหนึ่งที่เขียนเอา<WBR>ไว้ว่า “Stay Hungry, Stay Foolish” (ถ้าให้แปลตรงๆก็ อยู่อย่างหิวกระหาย อยู่อย่างโง่เขลา แต่ความหมายที่แท้จริงคือ ให้เรามีความฝันและมีจินตนาการ)<WBR> ดังนั้นวันนี้ที่พวกคุณเพิ่งจบก<WBR>ารศึกษาแล้วจะต้องออกไปเริ่มต้น<WBR>ชีวิตใหม่ ผมจะภาวนาสิ่งนี้ให้คุณ

    “Stay Hungry, Stay Foolish”

    RIP Steve Jobs
    มาเป็นเพื่อนกันกับชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ใน Facebook ได้นะครับ


    <IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 395px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="//www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fmotanabooncom&width=450&colorscheme=light&show_faces=false&border_color&stream=true&header=false&height=395" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • jobs_grad2.jpg
      jobs_grad2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      6.9 KB
      เปิดดู:
      4,956
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    “สตีฟ จ็อบส์” เสียชีวิตแล้วอย่างสงบด้วยวัย 56 ปี

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD style="MARGIN: 0px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-SIZE: x-small; TEXT-DECORATION: none" class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="MARGIN: 0px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-SIZE: x-small; TEXT-DECORATION: none" class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-SIZE: x-small; FONT-WEIGHT: bold; TEXT-DECORATION: none" class=Image vAlign=baseline align=left>หน้าเว็บไซต์แอปเปิลขึ้นหน้าจอไว้อาลัยและยืนยันถึงการจากไปของสตีฟ จ็อบส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในปัจจุบัน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอเอฟพี – แอปเปิลประกาศ “สตีฟ จ็อบส์” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน ด้วยวัย 56 ปี ด้านครอบครัวเผยเขาจากไปอย่างสงบ พร้อมกับขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายตลอดหลายปีที่ผ่านมา



    “พวกเรารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตแล้วในวันนี้” คณะกรรมการบริหารของแอปเปิลระบุในแถลงการณ์

    “ความหลักแหลม กระตือรือร้น และพลังงานของสตีฟ เป็นที่มาของนวัตกรรมนับไม่ถ้วน ซึ่งเพิ่มคุณค่า และพัฒนาชีวิตของพวกเราให้ดีขึ้น โลกดีขึ้นอย่างสุดประมาณเพราะสตีฟ” แอปเปิลเสริม

    ด้านญาติสนิทของเขาเผยว่า “สตีฟเสียชีวิตอย่างสงบในวันนี้ เคียงข้างครอบครัวของเขา” และว่า “ในชีวิตสาธารณะของเขา สตีฟเป็นที่รู้จักในความช่างคิด แต่ในชีวิตส่วนตัวของเขา เขารักและใส่ใจครอบครัว”

    “พวกเรารู้สึกขอบคุณหลายๆ คนที่ร่วมแบ่งปันพรของพวกเขา และผู้สวดมนต์อ้อนวอนให้ในช่วงที่สตีฟล้มป่วยในปีที่แล้ว” ครอบครัวจ็อบส์ระบุ โดยว่าผู้ที่ต้องการแสดงความรำลึกถึงสตีฟ จ็อบส์ สามารถส่งอีเมลไปได้ที่ rememberingsteve@apple.com

    การเสียชีวิตของจ็อบส์นั้นเกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากแอปเปิลเผยโฉมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไอโฟน 4s ที่สำนักงานใหญ่ในคูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย

    ขณะที่หน้าเว็บไซต์แอปเปิลได้ขึ้นภาพขาวดำของจ็อบพร้อมกับข้อความว่า “สตีฟ จ็อบส์ 1955-2011” โดยมีรายงานด้วยว่า ทิม คุก ซีอีโอคนใหม่ของแอปเปิลที่เพิ่งทำการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ไอโฟน 4s ไปเมื่อวานนี้ได้เขียนจดหมายถึงพนักงานโดยืนยันว่าจะมีการไว้อาลัยเป็นการภายในจากการจากไปของจ็อบส์

    “ผมมีข่าวน่าโศกเศร้าอย่างยิ่งที่จะบอกกับพวกคุณ สตีฟได้จากไปในวันนี้ แอปเปิลได้สูญเสียผู้ที่มีวิสัยทัศน์ และอัจฉริยะผู้สร้างสรรค์ ส่วนโลกก็ได้สูญเสียมนุษย์ผู้น่าทึ่ง ผู้ที่โชคดีมีโอกาสได้รู้จักและได้ทำงานกับสตีฟได้สูญเสียเพื่อนรักและที่ปรึกษาผู้สร้างแรงบันดาลใจ สิ่งที่สตีฟได้ทิ้งไว้ก็คือบริษัทที่มีเพียงเขาเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ แต่วิญญาณของเขาจะเป็นนิรันดร์ในฐานะผู้ก่อตั้งแอปเปิล” ทิม คุกระบุในจดหมายถึงพนักงาน


    </TD></TR><TR><TD style="MARGIN: 0px; FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-SIZE: x-small; TEXT-DECORATION: none" class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD style="FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: rgb(102,102,102); FONT-SIZE: x-small; FONT-WEIGHT: bold; TEXT-DECORATION: none" class=Image vAlign=baseline align=left>ประกาศของทางบริษัทแอปเปิลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของจ๊อบส์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000127116
     
  3. นายเบทร์

    นายเบทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +91
    เหอๆๆๆ ออกแบบเขาดีไหมเรา 555

    น่าทึ่งกับชีวิตของเขาครับ
     
  4. DanaiT

    DanaiT Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +42
    ขอบคุณสำหรับ เจ้าของ โพสต์ครับ ที่กรุณา ลงข้อความของบุคคลที่ประสบความสำเร็จและ เพิ่งจะเสียชีวิตไป อย่าง สตีฟ จ็อบส์ และ ด้วย ผลแห่ง บุญกุศล ของข้าพเจ้า ก็ดี ของตัว ผู้ ที่เสียชีวิตไป ก็ดี ขอ จงส่งผลให้ เขา ไปสู่ ภพภูมิที่ดี ต่อไป และขอให้ผลนั้น เป็นปัจจัย ให้เขาได้พบ กับพระธรรม คำสอนของ พระพุทธองค์ ต่อไป
     
  5. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,752
    ค่าพลัง:
    +2,808
    1955 / 2011


    2011 ลบ 1955 = 56 / 5+6=11 / 6-5=1

    สตีฟ จ็อบส์” เสียชีวิตแล้วอย่างสงบด้วยวัย 56 ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ตุลาคม 2011
  6. นวพล

    นวพล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    สตีฟ จ็อบส์ เป็นชาวพุทธใช่ไหมครับเท่าที่ทราบ :cool:
     
  7. BlueChips

    BlueChips สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    เขาเป็นคนนำเสนองานได้ดีมากๆครับ Rest in Peace
     
  8. piyatabun

    piyatabun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +249
    มันเป็นความจริงทีเห็น และเป็นความเชื่อ คนทีมีความคิดดี ๆ ทำให้อีกหลายคนมีความมุ่งมันนะครับ
     
  9. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    อยากรู้สึกว่า"ทุกวันเป็นวันสุดท้าย"
     
  10. siluate

    siluate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +1,772
    ขอบคุณครับ ขออนุญาตแบ่งปันต่อนะครับ
     
  11. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    RIP ขอไว้อาลัยสตีฟ จ็อบส์ค่ะ
    น่าเสียดายคนเก่งๆแบบนี้จังเลยนะคะ
    แต่ก็เนอะ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีเงินมากมายก็ซื้อชีวิตซื้อเวลาไม่ได้


    มีข้อความอันนึงเค้าเขียนไว้ดีมากเลยค่ะ...

    Apple แห่งประวัติศาสตร์มีอยู่ 3 ลูกด้วยกัน

    Apple ลูกแรก ลูกที่อดัมและอีฟกินเข้าไป ทำให้เกิดมนุษย์บนโลกใบนี้
    Apple ลูกสอง ลูกที่ตกบนศีรษะของเซอร์ ไอแซค นิวตัน ทำให้ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก

    Apple ลูกที่สาม คือ แอปเปิ้ล ของ สตีฟ จอบส์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้..

    (Cr.facebook)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2011
  12. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    เสียดายจังเลยนะครับ

    ความจริง

    อายุแค่ 50 กว่า นี้

    สำหรับมนุษย์คนหนึ่งนั้น

    ถือว่าสั้นเกินไป

    น่าจะมีชีวิตอยู่สร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติ

    ได้นานกว่านี้
     
  13. tharushnu

    tharushnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    897
    ค่าพลัง:
    +1,276
    ร่วมไว้อาลัยสตีฟ จ็อบส์ครับ ขอให้ไปสู่สุขคติครับ
    _____________________________________________

    <iframe src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FBuddhaPhothiyan&width=500&colorscheme=light&show_faces=true&border_color&stream=true&header=true&height=427" style="border:none; overflow:hidden; width:500px; height:427px;" allowtransparency="true" frameborder="0" scrolling="no"></iframe>
     
  14. sukh_anand

    sukh_anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +731
    RIP to the man who revolutionizes this world. Steve, thank you.
     
  15. ระยับแดด

    ระยับแดด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +117
    สตีฟ จ็อบส์ หรืออีกชื่อหนึ่ง สต็อพจีฟส์
     
  16. choo2521

    choo2521 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณมากครับ เป็นข้อคิดที่ดีจริงๆในการใช้ชีวิต
    ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ใช่ชาวพุทธ แต่เค้าก็ใช้หลักของพุทธศาสนา
    คือการรู้อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดยอดจริงๆครับ
     
  17. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    สุดยอดเลย แอปเปิ้ล
     
  18. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ขอบคุณมากจริงๆครับสำหรับกระทู้ดีๆแบบนี้

    ถ้าไม่ได้เข้ามาอ่านคงเสียดายแย่

    มันเป็น3เรื่องที่มีค่าจริงๆครับ ขอบคุณครับ

    เมื่อตอนผมอายุได้17ปี ผมได้ซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "ศิลปแห่งความสุข"

    เป็นหนังสืที่ดีมากๆเล่มหนึ่ง มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า

    "เคราะห์กรรมทั้งปวงมีเมล็ดพันธุ์แห่งประโยชน์เท่าเทียมกันหรือยิ่งใหญ่กว่ากันอยู่ด้วยเสมอ"


    http://mysitereviews.ddns.info
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2011
  19. จิต สมาธิ

    จิต สมาธิ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +4
    สตีฟ จ็อบส์ เป็นไอดอล ของหลายๆ คน
     
  20. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    การที่คิดว่า “ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องตาย” เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก



    ผมคาดการณ์ว่า เขาคงไม่รู้หรอกว่า เขาได้เจริญมรณัสสติกรรมฐาน ซึ่งมีอานิสงส์ต่อผู้

    ปฏิบัติ ทำให้ตัดกิเลสเหตุแห่งความทุกข์ ได้ง่าย และ ลัดสั้นที่สุด ตามคำสอนของครูบา

    อาจารย์พระกรรมฐานองค์สำคัญทุกๆรูปที่มีอยู่ในประเทศไทยเรา


    มรณัสสติ? โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    จากหนังสือ กรรมฐาน ๔๐

    โอกาสนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายได้พากันสมาทานศีลและสมาทานพระกรรมฐานแล้ว? ต่อไป? นี้ก็เป็นโอกาสที่บรรดาท่านพุทธบริษัทจะได้รวบรวมกำลังใจให้เป็นสมาธิ?

    คำว่าสมาธิแปลว่าการตั้งใจมั่น? ก็ตั้งใจไว้เฉพาะอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งคือระยะนี้ที่สอนกันมาเป็นพื้นฐาน คือ ให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน

    พยายามกำหนดจิตให้รู้ลมหายใจเข้าหายใจออก? เวลาหายใจเข้านึกว่าพุทธ? เวลาหายใจออกนึกว่า โธ? เอาเท่านี้พอ? ถ้าขณะใดที่จิตของท่านยังรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก?

    รู้คำว่า? พุทโธ? ก็แสดงว่าจิตของท่านเป็นสมาธิ? เป็นมหากุศลใหญ่ตั้งใจไว้เพียงเท่านี้ก็เป็นบุญอนันต์? คือว่าจะนับประมาณอานิสงส์ไม่ได้?

    ถ้าทรงจิต? ไว้ได้ตามปกติตายแล้วก็เกิดเป็นพรหม? นี่ว่ากันถึงสมถภาวนา? อารมณ์นี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลยทรงไว้ให้เป็นปกติ? จะเป็นเวลานี้หรือเวลาอื่นใดก็ตาม


    ทำงานอยู่? นั่งรถนั่งเรือเดินทางไปไหนก็ตาม? นึกถึงอารมณ์นี้ไว้เป็นปกติ? เวลาตายจะไม่หลงตาย? จุดที่ไปอย่างเลวก็ต้องสวรรค์? อย่างดีก็ต้องพรหมโลก?

    เพราะว่าสมถภาวนา มีผลถึงพรหมโลก? และเราจะไปนิพพานได้? ถ้ามีสมถภาวนาแจ่มใสพอสมควร? ปัญญาก็จะเกิดเป็นวิปัสสนาญาณขึ้นมาเอง?

    ในวันนี้ก็จะขอแนะนำอนุสสติข้อต่อไปเพื่อเป็นการศึกษา ไว้เวลาปฏิบัติ? วันนี้จะสอนเรื่อง มรณัสสติกรรมฐาน? สำหรับมรณัสสติกรรมฐานนี้เป็นกรรมฐานสำหรับบุคคล

    ที่มีจริตเป็นพุทธจริตคือเป็นบุคคลฉลาด? บุคคลที่มีความฉลาดแล้วย่อมไม่กลัวความตาย?

    รู้จักสภาวะปกติของขันธ์ห้าคือร่างกายว่ามันมีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น? มีความแปรปรวนในท่ามกลางและก็ตายไปในที่สุด? ที่นี้การที่นึกถึงความตายไว้เป็นปกติ?

    การนึกถึงความตายจงอย่านับอายุว่าเวลานี้เรายังหนุ่มอยู่? เรายังสาวอยู่? ยังไม่แก่? ยังไม่ตาย? เวลานี้เราเป็นบุคคลวัยกลางคน? มันยังไม่แก่? มันยังไม่ตาย?

    หรือว่าเวลานี้เราแก่แล้วแต่ก็ยังคงไม่ตายอารมณ์อย่างนี้ไม่ควรคิด? เพราะว่าความตายย่อมไม่มีนิมิตเครื่องหมาย? คนที่ตายไม่ใช่ว่าแก่หง่อมแล้วถึงจะตายเสมอไป?

    บางคนเข้าอยู่ในครรภ์มารดาไม่ทันที่จะออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันก็ตาย? บางรายคลอดจากครรภ์มารดาไม่ทันจะเห็นเดือนเห็นตะวัน?

    ไม่รู้ว่าโลกนี้เป็นอย่างไรก็ตาย? บางรายเกิดมาแล้วไม่กี่วันก็ตาย? หนุ่มก็ตาย? เด็กก็ตาย? แก่ก็ตาย? วัยกลางคนก็ตาย? นี่ความตายหาความแน่นอนไม่ได้?

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจาจึงทรงแนะนำให้บรรดาท่านพุทธบริษัทนึกถึงความตายเป็นอารมณ์? จงคิดไว้ว่าวันนี้เป็นเวลาค่ำเรายังมีชีวิตอยู่?

    แต่ว่าเราอาจจะไม่เห็นพระอาทิตย์ของวันรุ่งขึ้นก็ได้ ความตายอาจมาถึง? ทีนี้คนที่นึกถึงความตายเป็นปกติดีหรือเลวเป็นประการใด?

    อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำว่าคนที่นึกถึงความตายเป็นปกติเป็นคนดีไม่มีความประมาท? เมื่อรู้ว่าเราจะตายสภาวะความตายไม่ใช่สภาวะสูญ?

    ถ้าเรายังไม่หมดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเป็นอรหันต์เมื่อไร? ความเกิดก็ปรากฎ? เมื่อตายแล้วก็เกิด? ไม่ใช่หมายความว่าเกิดเป็นคนเสมอไป? ถ้าทำกรรมชั่วไว้?

    จิตใจสั่งสมอยู่ในอารมณ์ชั่วก็ไปเกิดเป็นสัตว์นรกบ้าง? เป็นเปรตบ้าง? อสุรกายบ้าง? เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง? ถ้าเกิดเป็นคนมีความอุดมสมบูรณ์กับใครเขาไม่ได้?

    นี่เป็นปัจจัยของความชั่วที่เราเรียกกันว่าบาป? ทีนี้คนที่มีความดีมีศีลห้า? กรมบถสิบบริสุทธิ์ก็เกิดเป็นมนุษย์ได้? แล้วก็เกิดเป็นมนุษย์ชั้นดี? หรือมิฉะนั้นมีการภาวนาอยู่บ้าง?

    มีศีลมีทานเป็นปกติเกิดเป็นเทวดาก็ได้ถ้ามีกำลังใจเป็นฌาณสมาบัติทรงความดีไว้เป็นปกติ? คำว่าฌานแปลว่าการเพ่ง? เป็นอารมณ์ที่ทรงอยู่?

    ทรงอยู่แต่เฉพาะในอารมณ์ที่เป็นกุศล? เวลาจะตายจิตก็ทรงอยู่ตามนั้น? อย่างนี้ตายแล้วเกิดเป็นพรหม? ถ้าตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน? เราก็ไปพระนิพพาน

    เป็นอันว่าความตายมีอยู่? แต่ว่าตายแล้วก็ไม่สูญต้องเกิด? จะเกิดเป็นอะไรก็ช่าง? สุดแล้วแต่กรรมที่จะพึงกระทำ? เมื่อเรารู้แล้วเราทำความดีไปเกิดใหม่ในส่วนผลดีที่มีความสุข?

    ทำความชั่วต้องไปเสวยทุกข์ในอบายภูมิ? อย่างนี้เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงความชั่วไว้เป็นสำคัญ? จงระลึกถึงความตายเป็นปกติ? อาจจะคิดว่าวันนี้เรามีชีวิต? พรุ่งนี้เราอาจจะตายก็ได้?

    หรือว่าเวลานี้ขณะที่เรานั่งอยู่อาจจะตายไปก่อนเวลาที่เราจะนอนเสียอีกก็ได้? ถ้าเราคิดไว้อย่างนี้เสมอ? จิตใจของเราก็ไม่ประมาท? พยายามแสวงหาความดีไว้เป็นปกติ?

    การแสวงหาความดีไว้เป็นปกติจะเอาความดีกันทางไหนล่ะ? เรารู้ตัวอยู่ว่าเราจะตายเราก็เลือกทางเอา? ถ้าเราต้องการเกิดเป็นมนุษย์? ก็พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์?

    พยายามรักษากรรมบถ ๑๐ ให้บริสุทธิ์? เราก็พยายามคุมอารมณ์ศีลให้เป็นปกติ? อย่างนี้ตายแล้วเป็นมนุษย์ได้แบบสบาย ๆ? แล้วก็เป็นมนุษย์ชั้นดี?

    ตามพระบาลีว่า? สีเลนะ? สุคติง? ยันติ? เวลาตายแล้วคนมีศีลจะไปสู่สุคติ? มีความสุขสมบูรณ์? สีเลนะ? โภคะสัมปะทา? เราจะมีโภคทรัพย์มากมาย?

    สีเลนะ นิพพุติง? ยันติ? ย่อมเป็นปัจจัยให้ถึงพระนิพพานได้โดยง่าย? ทีนี้ถ้าเราเป็นคนมีศีล? เรานึกถึงความตายไว้แล้ว? ถ้าเราต้องการดีเราก็รักษาศีลให้เป็นปกติ

    ทีนี้การเจริญมรณัสสติกรรมฐานเราจะไปได้แต่เฉพาะพรหมโลกหรืออย่างไร? ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น? เราสามารถจะไปพระนิพพานได้โดยยกสมถภาวนาขึ้นเป็นวิปัสสนาภาวนา?

    การนึกถึงความตายเป็นอารมณ์เป็นสมถภาวนา? มีผลตั้งแต่กามาวจรสวรรค์ถึงพรหมโลก? ทีนี้การที่มีผลถึงสวรรค์หรือพรหมโลกเมื่อกี้ว่ายังหาความสุขให้เพียงพอไม่ได้?

    เราก็ต้องสรรหาความสุขให้ยิ่งไปกว่านั้น? ความสุขที่ยิ่งไปกว่านั้นเราก็ต้องถือความตายเป็นอารมณ์? ว่าเราเกิดมานี้มันต้องตายแน่? เราไม่สามารถจะทรงชีวิตอยู่ได้?

    ความตายเป็นของปกติ? เราจะตายเช้า? ตายสาย? ตายบ่าย? ตายเย็น? ตายเที่ยง? เมื่อไรนี่เราไม่รู้? แต่ว่ามันต้องตายแน่? ฉะนั้น? เราก็ต้องเตรียมความตายไว้เฉพาะทุกลมหายใจเข้าออก?

    คำว่ามรณัสสติ? การนึกถึงความตายเป็นอารมณ์นี้? องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงกล่าวกับพระอานนท์? ถามพระอานนท์ว่า? อานันทะ? ดูก่อนอานนท์?

    เธอนึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง? พระอานนท์ทูลตอบว่าข้าพระพุทธเจ้านึกถึงความตายประมาณวันละ ๗ ครั้งพระเจ้าข้า? สมเด็จพระบรมศาสดาทรงกล่าวว่า?

    อานันทะ? ดูก่อนอานนท์มันยังไกลเกินไปสำหรับตถาคตนี้นึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก? นี้แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็ยังไม่ละความตาย

    นี่เรานึกถึงความตายแล้วปรารถนาความดี? มีการให้ทาน? การรักษาศีล? มีการเจริญภาวนา? ถ้าภาวนาเป็นด้านสมถะ? ภาวนาก็เป็นปัจจัยให้เกิดเป็นพรหมหรือไปสวรรค์ได้?

    การให้ทานรักษาศีลก็ไปเกิดบนสวรรค์ได้? เกิดเป็นมนุษย์ได้? แต่มันยังไม่ถึงที่สุดของความทุกข์?? เพราะมันยังต้องมีการเกิดต่อไป? เราก็มาหาทางตัดความเกิดเสีย?

    ถ้าเราไม่เกิดเสียอย่างเดียว? เราก็หาความตายไม่ได้? ทีนี้ถ้าเราจะทำมรณัสสติกรรมฐานให้เป็นวิปัสสนาญาณเราทำอย่างไรมันจะเข้าถึงพระนิพพานได้?

    ความจริงสมถะทุกกองแปลงเป็นวิปัสสนาญาณได้หมด? เราเจริญพระกรรมฐานกองไหนจนอารมณ์จิตเป็นฌานมีความมั่นคง? เราใช้กรรมฐานกองนั้นเป็นวิปัสสนาญาณ?

    เวลานี้เรามาพิจารณามรณัสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์? อันนี้ไม่ควรจะลืม? จงคิดไว้ว่าความตายจะเข้ามาถึงเราเมื่อไรก็ได้? หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกมันก็ ตาย

    หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้ามันก็ตาย? กินข้าวไม่ทันอิ่มมันอาจจะตายคาชามข้าวก็ได้? ในเมื่อเรานึกถึงความตายเป็นปกติ? คิดว่าเราจะต้องตาย?

    แล้วก็ย้อนถอยหลังขึ้นมาสักนิดหนึ่งว่าก่อนที่เราจะตาย? นับตั้งแต่ที่เราเกิดจนถึงวันนี้เราจะตาย? เราเป็นคนมีความสุขหรือมีความทุกข์?

    ใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาหาความจริง? ความทุกข์แปลว่าจำจะต้องทน? คือทนทำ? ทนอยู่? ทนคิด? ทนประกอบกิจการงานทุกอย่าง? นี่เป็นอาการของความทุกข์?

    ทีนี้เรามานั่งคิดดูว่าความทุกข์ที่มันปรากฎมีอะไรบ้าง? เราเกิดมานี้เราพบกับความทุกข์บ้างหรือเปล่า? ก็นั่งใคร่ครวญกันดูนับตั้งแต่เกิดจากครรภ์มารดา

    นี้เรามีความสุขหรือความทุกข์? ขณะที่เราไปนั่งคุดคู้อยู่ในครรภ์มารดานี่เราดูสภาพของคนที่นั่งกอดเข่า? นั่งคุดคู้อยู่ในครรภ์มารดา? จะเหยียดมือเหยียดเท้าก็เหยียดไม่ได้?

    เพราะรังของมดลูกมันมีอยู่นิดเดียว? นั่งกอดเข่าอยู่สิ้นเวลา ๑๐? เดือน? เวลา? ๑๐? เดือนนี่มันนาน? นี่เราเป็นคนโตแล้ว? เรามานั่งกอดเข่าเล่นโก้ ๆ สัก ๑ วัน?

    จะทนไหวไหม? เราก็ทนไม่ไหว? เพราะมันเมื่อยมันปวด? ไม่มีการขยับขยายอริยาบถ? นี่แสดงว่าความทุกข์มันมีมาตั้งแต่เกิดอยู่ในครรภ์มารดา? นี่มันทุกข์?

    อยู่ในครรภ์มารดาอาศัยความอบอุ่นจากธาตุไฟของมารดา? พอเคลื่อนมาจากครรภ์มารดาแล้วมากระทบกับอาการของความหนาวและความร้อน?

    แม้ว่าจะเป็นอาการปกติ? แต่ว่าเราไม่เคยสัมผัสกับอากาศ? เด็กที่เกิดจากครรภ์มารดาใหม่ ๆ ส่งเสียงร้องจ้า? นั่นแสดงว่าร่างกายมันแสบเต็มทน?

    เพราะว่ากระทบความหนาวนิดหนึ่งแล้ว? ความร้อนนิดหนึ่งมันไม่เคยสัมผัส? มันก็มีความแสบกาย? จึงร้อง? แพทย์สมัยปัจจุบันมีความรู้พอ? มีความฉลาดพอ?

    เมื่อเด็กออกใหม่ ๆ? เขาจึงนำผ้าสำลีมาหุ้มกายเด็กทันทีป้องกันการสัมผัสอากาศ? มีการแสบตัวทีนี้เมื่อเกิดมาเป็นคนแล้ว? ความหิวมันก็เป็นทุกข์?

    ความหิวเป็นอาการเสียดแทง? มันทุกข์? ไม่ใช่สุข? ถ้าใครคิดว่าเป็นสุข? ลองปล่อยให้มันหิวตลอดกาล? ไม่กินข้าว? ไม่กินน้ำ? ไม่กินอาหาร? ลองดูซิมันจะทนไหวไหม?

    และความกระหาย? การปวดอุจจาระ? ปัสสาวะ? มันก็เป็นทุกข์? นอนไม่หลับก็เป็นทุกข์? นั่งมากเกินไป? ยืนมากเกินไป? นอกมากเกินไป?

    กินมากเกินไปเลยความต้องการ? มันก็เป็นทุกข์? ปวดเมื่อยไปทั้งตัว? ความป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้นกับเราก็เป็นทุกข์? มันทุกข์? ความปรารถนาไม่สมหวังก็เป็นทุกข์?

    การประกอบอาชีพต่าง ๆ การแสวงหาเงิน? เราต้องใช้แรงงาน?? เราต้องใช้ความคิด? เราจะนั่งเฉย ๆ นอนอยู่เฉย ๆ? มันไม่ได้? เพราะอะไร? เพราะว่ามันจะต้องทำงาน?

    อาการที่มันต้องทำงานมันก็ต้องทน? จะหนาวก็ทน? จะร้อนก็ทน? จะปวด? จะเมื่อยก็ทน? ต้องทน? อยู่ดีไม่ไดี? กระทบกระทั่งกับบุคคลใต้บังคับบัญชาก็ดี? ผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าก็ดี?

    เขาสร้างความกระทบกระเทือนใจเราก็ต้องทน? ในเมื่อเราพบกับอารมณ์ที่เราไม่ชอบใจ? ก็พบกับอาการกลัดกลุ้ม? มันเป็นอาการของความทุกข์

    ทีนี้อาการป่วยไข้ไม่สบายเกิดขึ้นกับเรา? มันก็เป็นอาการของความทุกข์? พอแก่ลงเข้าหน่อยหนึ่งหูตาฟาง? ฟันหัก? ผมหงอก? ร่างกายไม่ดี? สติปัญญาฟั่นเฟือน?

    จะทำอะไรก็ไม่คล่องแคล่ว? นี่เป็นอาการของความทุกข์? ในที่สุดเมื่อความตายจะเข้ามาถึง? เวลาตายจริง ๆ มันไม่ได้ตายแบบสบาย ๆ หรือนอนหลับ?

    คนที่จะตายนั้นถูกทุกขเวทนาบีบคั้นอย่างหนัก? มีทุกขเวทนาอย่างหนัก? มันเหลืออดเหลือทน? ถ้ายังพอทนได้มันไม่ตาย? อันทุกขเวทนามาบีบคั้นจนเหลือจะทนมันจึงตาย?

    อันนี้เป็นอันว่า? กว่าเราจะตาย? เรามีความทุกข์ตั้ง แต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตาย? นี่เราไม่มีความสุข? ถ้าหากว่าเราจะปรารถนาความเกิดต่อไป? ก็ชื่อว่าโง่เต็มที?

    ถ้าท่านจะเกิดเป็นคนอีกกี่แสนชาติก็ตาม? มันก็ต้องพบกับความทุกข์อย่างนี้ตลอดเวลา? ถ้าเราไปเกิดเป็นพรหม? หรือเทวดาเมื่อหมดอายุขัย? หมดบุญวาสนาบารมี?

    มันก็พบกับความทุกข์? กลับมาเกิดเป็นคนก็ทุกข์แบบนี้? ดีไม่ดีเลยไปเกิดเป็นสัตว์นรกมันก็ยิ่งทุกข์ใหญ่? ไฟไหม้ตลอดทั้งวัน?

    มีสรรพาวุธสับอยู่ตลอดเวลา? นึกถึงภาพดู? เมื่อเกิดเป็นเปรตมีความทุกข์แสนสาหัส? มีไฟท่วมตัวอยู่ตลอดเวลา? จะเกิดเป็นอสุรกายก็ไม่ไหวมันหิวโหย?

    ต้องไปหาอาหารที่เททิ้งแล้วจะเน่าเปื่อยแล้วกิน? คอยหลบซ่อนตนไม่ให้คนเห็น? แต่ถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน? แม้จะมีคนเมตตาปรานีประการใดก็ดี? ย่อมมีความปรารถนาไม่สมหวัง?

    บางทีต้องการอยากจะกินอย่างโน้นมีความปรารถนานั้น? เขาก็ให้อย่างโน้น? ป่วยไข้ไม่สบายก็บอกใครเขาไม่ได้? เมื่อเจ้านายบุคคลเลี้ยงเขายังไม่ให้? ก็ให้ทนทุกขเวทนา

    นี่เป็นอันว่าถ้าเราจะเกิดต่อไปอีกมันก็เต็มไปด้วยความทุกข์? พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำให้หนีความเกิด? โดยยกมรณัสสติกรรมฐานขึ้นเป็นอารมณ์? ว่าเราเกิดมาแล้วมันต้องตาย?

    ก่อนที่จะตายเต็มไปด้วยความทุกข์? ทำยังไงถึงจะได้ไม่เกิด? อาการที่ทำให้เราเกิดเล่ามันเกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะกิเลสความเศร้าหมองของจิต? ตัณหามีความทะยานอยาก?

    อยากจะเป็นคนอยู่ตลอดเวลา? อยากจะเกิด? อุปาทานยึดมั่นถือมั่นว่าเกิดเป็นคนนี่เป็นของวิเศษ? อกุศลกรรมเราไม่ยอมทำใจของเราให้บริสุทธิ์?

    มีอารมณ์เศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา? เศร้าหมองบ้างไม่เศร้าหมองบ้างก็ตาม? ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของการเศร้าหมอง? อาการทั้ง ๔? ประการนี้มันเป็นปัจจัยของการเกิดมาเสวยความทุกข์

    ทีนี้เราหนีความทุกข์ไปหาความสุข? ที่เรียกกันว่า? แดนอมตะ? คือ? พระนิพพานเราหากันยังไงวิธีหาแดนพระนิพพานก็ต้องจับจุดกันเสียก่อน? ว่าอะไรเป็นตัวดึงเราให้เกิด?

    ให้ไปพระนิพพานไม่ได้? อาการที่ดึงให้เราเกิด? ไปนิพพานไม่ได้รากใหญ่มันก็มีอยู่? ๓? อย่าง คือ? โลภะ? ความโลภ? โทสะ? ความโกรธ? โมหะ? ความหลง?

    นี่หากว่าเราตัดความโลภ? ความโกรธ? ความหลง? เสียได้แล้วเราก็ไปนิพพาน? เราจะตัดความโลภ? ความโกรธ? หรือว่าความหลงได้? ก็อาศัย? กายคตา? สักกายทิฏฐิ?

    คือ? การพิจารณาเห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา? ไม่ใช่ของเรา? เราไม่มีในร่างกาย? ร่างกายไม่มีในเรา? ร่างกายเป็นแต่เพียงธาตุ ๔? คือ? ธาตุน้ำ? ธาตุดิน? ธาตุลม? ธาตุไฟ?

    มาผสมเป็นเรือนร่างชั่วคราว? แล้วมันก็มีความเสื่อมความทุกข์อยู่ตลอดเวลา? และในที่สุดมันก็พัง? ถ้ามันเป็นเราจริง? มันเป็นของเราจริง? มันย่อมไม่เป็นไปตามนั้น?

    เพราะเราเป็นหนุ่มแล้วเราก็ไม่ต้องการแก่? เรามีร่างกายแล้วเราก็ไม่ต้องการป่วย? ถ้าเราทรงตัวมาได้เร็วเราไม่ต้องการตาย? แต่เราห้ามมันได้ไหม? ถ้าเราห้ามมันไม่ได้?

    มันจะแก่เสียอย่างใครจะไปห้ามมัน? มันจะป่วยใครจะไปห้ามความป่วย? แม้แต่หมอยังป่วย? ถ้ามันจะตายจริง ๆ? ใครก็ห้ามไม่ได้? การที่เราห้ามไม่ได้?

    แสดงว่าร่างกายนี่มันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา? เราไม่มีในร่างกาย? ร่างกายไม่มีในเรา? เราก็คือจิต? ที่เราเรียกว่าจิต? หรือ? อทิสมานกาย? คือ? การที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเรือนร่าง? อาศัยเนื้อหนังกระดูกเป็นต้น? เป็นเรือนร่างที่อาศัย? การต้องการอะไร? เราคือ? จิตเป็นผู้สั่ง? ร่างกายมีอุปมาเหมือนหุ่นเท่านั้น

    ทีนี้ เราก็มาคิดว่า? ในเมื่อร่างกายมันไม่เป็นเรา? มันไม่ใช่ของเรา? มันเป็นแดนของความทุกข์? เป็นที่อาศัยของความทุกข์? เราก็วางเสีย? คิดไว้เสมอว่าร่างกายนี้ไม่มีประโยชน์?

    มันเต็มไปด้วยความสกปรก? เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน? เต็มไปด้วยอาการของความทุกข์? เราไม่ต้องการร่างกายอีก? เราเกิดมาแล้วชาตินี้ถือว่าเป็นชาติสุดท้าย?

    เพราะพบธรรมขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว? ขอยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระประทีปแก้วเป็นสำคัญ? ส่วนที่เป็นสำคัญที่สุดก็นึกอยู่เสมอว่า

    ร่างกายนี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา? มันเสื่อมทุกวัน? มันพังทุกวัน? มันเต็มไปด้วยความทุกข์? สร้างความเบื่อหน่ายในการที่จะเกิดต่อไป? เห็นโทษของความเกิด?

    และประการที่สองตั้งใจยอมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า? โดยใช้ปัญญาเข้าพิจารณาด้วย? ไม่ใช่เชื่อเฉย ๆ? ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร?

    ว่าความเกิดมาแล้วมันเป็นอนิจจัง? หาความเที่ยงไม่ได้? ทุกขัง? เป็นทุกข์? อนัตตา? มีการสลายตัว? ลองคิดดูว่ามันจริงไหม? อีกอย่างหนึ่ง? พระองค์ทรงตรัสว่า?

    ชาติปิ? ทุกขา? ความเกิดเป็นทุกข์? ตามที่พูดมาแล้ว? ชราปิ? ทุกขา? ความแก่เป็นทุกข์? มรณัมปิ? ทุกขัง? ความตายเป็นทุกข์? โสกปริเทวทุกขโทมัสสุปายาส? เป็นต้น?

    การเศร้าโศกเสียใจเป็นทุกข์? การพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์? มันทุกข์เพราะอะไร? มันทุกข์เพราะความปกติอันนี้เป็นอนิจจังนั้นเป็นธรรมดาของการเกิด?

    สภาวะมันเป็นอย่างนั้น? แต่อุปาทานมันเข้าไปยึด? อวิชชามันบังหน้า? อวิชชาบังใจไม่ให้เกิดปัญญา? ทีนี้เมื่อเราเห็นว่าพระพุทธเจ้าว่าเป็นทุกข์? นี่มันทุกข์จริงไหม?

    ถ้าเราเห็นจริงตามนี้? แสดงว่าเรายอมรับนับถือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า? เมื่อยอมรับนับถือแล้วเราก็คิดต่อไปว่า? พระพุทธเจ้าบอกเราว่าตายแล้วมันไม่ถึงที่สุด?

    มีเกิด? อันดับแรกก็เลือกทางเกิดในทางดีเสียก่อน? แล้วก็จำกัดความเกิดให้มันน้อยลง? ถ้าเราไม่สร้างความดี? มันเกิดอีกกี่แสนวาระเราก็นับไม่ได้?

    นี่เราจะจำกัดความเกิดให้มันน้อยที่สุดที่จะน้อยได้เมื่อยังไปไม่พ้น? นั่นก็คือ? การทำตนให้เป็นพระโสดาบัน? อย่าลืมนะที่ว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา? ไม่ใช่ของเรา?

    คิดไว้เสมอเป็นปกติ? ไม่ช้ามันจะพัง? มันเต็มไปด้วยความทุกข์? เรายอมเชื่อถือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า? สองจุดนี่คลานเข้าไปจะเต็มอัตราพระโสดาบันแล้ว?

    ต่อไปก็ยอมรับนับถือองค์สมเด็จพระประทีปแก้วที่ให้สร้างความดีในเบื้องต้น? นั่นก็คือทรงศีลห้าให้บริสุทธิ์? ไม่ยอมละเมิดศีลห้า? นี่เป็นหลักใหญ่ ๓ ประการ?

    แล้วมีอารมณ์รักพระนิพพานเป็นอารมณ์? เพียงเท่านี้? เรานั่งพิจารณากันแบบง่าย ๆ ว่า ศีลห้าของเราบริสุทธิ์ตลอดกาลตลอดสมัยไหม?

    เราจะต้องไม่ละเมิดไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง? ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นทำลายศีล? ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว? ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธ? พระธรรม? พระอริยสงฆ์?

    มีจิตตั้งตรงเฉพาะพระนิพพาน? อย่างนี้เขาเรียกกันว่า? พระโสดาบัน? ไม่เห็นมีอะไรยาก? มันของง่าย ๆ? น่าจะทำกันได้ทุกคน? คือว่า? ถ้าเราถึงพระโสดาบันแล้ว?

    เราจำกัดความเกิดได้? จำกัดเขตเฉพาะการเกิดได้ด้วย? เมื่อเราเป็นพระโสดาบันแล้ว? สิ่งที่เราไม่มีสิทธิ์ไปเกิดมี ๔ จุด? นั่นก็คือ? นรก? เปรต? อสุรกาย? และสัตว์เดรัจฉาน?

    เราไม่มีสิทธิ์เป็น? สัตว์นรก? เปรต? อสุรกาย? เป็นสัตว์เดรัจฉาน? ไปเขาก็ไม่รับ? มีสิทธิ์ที่เราจะเกิดได้ก็เกิดเป็นคนกับเทวดา? หรือว่าพรหมกับคน?

    สลับกันไปสลับกันมาอยู่แค่นี้ไม่ลงอบายภูมิ? นี่ถ้าหากว่าเรามีกำลังใจอ่อนไปสักนิดหนึ่ง?

    ท่านกล่าวว่าจะเกิดเป็นมนุษย์อีก ๗? ชาติ? โดยสลับกับเทวดา? ตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา? พ้นจากภาวะเทวดามาเกิดเป็นคน?? สลับกันไปสลับกันมาอย่างละ? ๗? เราก็ถึงพระนิพพาน?

    เป็นพระอรหันต์? ทั้งนี้? ถ้าหากว่ากำลังใจเข้มข้นขึ้นไปหน่อยหนึ่ง? ขนาดกลาง? เราก็เกิดเป็นมนุษย์อีกแค่? ๓? ชาติ? แล้วเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมอีก? ๓? ชาติ?

    สลับกันไปแค่นี้? เราก็ถึงพระนิพพาน? ถ้าเรามีอารมณ์เข้มข้นจริง ๆ? มีจิตจับดิ่ง? โดยเฉพาะคิดว่าร่างกายไม่เป็นเรื่อง? ธรรมะของพระพุทธเจ้าดีแล้ว?

    ทรงศีลบริสุทธิ์มีความเข้มข้น? แล้วมีการระมัดระวังมัธยัสถ์ในการปฏิบัติในการพูด? การกระทำในความคิด? ให้อยู่ในขอบเขตของความดีในกุศล? มีจิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์?

    ถ้าจิตเป็นเอกัคตารมณ์อย่างนี้? องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงกล่าวว่า? ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาและพรหม? ลงจากเทวดาและพรหมมาเป็นมนุษย์อีกเพียงครั้งเดียว?

    ฟังเทศน์จากพระอีกเพียงครั้งเดียวเป็นอรหันต์ทันที? เข้าถึงพระนิพพานหมดความทุกข์

    นี่เพราะอะไร? เพราะนึกถึงความตายเป็นอารมณ์? เพราะก่อนที่จะตายมันเป็นทุกข์? การนึกถึงความตายเป็นสมถภาวนา? เราลองคิดดูว่าตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันตาย?

    มันเต็มไปด้วยอาการของคนทุกข์? มันไม่เที่ยง? มันสลายตัว? ที่เรียกว่าอนัตตา? อันนี้เป็นวิปัสสนาภาวนา? บวกกันเข้าไปทั้ง? ๒? อย่าง? การเจริญพระกรรมฐานอย่าใช้อย่างเดียว?

    มันไม่ทรงสภาพ? เพียงเท่านี้ท่านพุทธบริษัทท่านจะได้ชื่อว่ายับยั้งการเกิดไว้ได้มาก? คือการกำจัดเวลาความเกิดให้สั้นเข้ามา? แทนที่จะเกิดเป็นแสน ๆ ครั้ง?

    อย่างเลวที่สุดเราก็เกิดอีก? ๗? ครั้ง? อย่างกลางเราก็เกิด? ๓? ครั้ง? ถ้าเราทำได้ดีที่สุดเราก็เกิดอีกครั้งเดียว? แล้วเราก็ไม่มีโอกาสไปเกิดในดินแดนที่เต็มไปด้วยความทุกข์?

    คือ? สัตว์นรก? เป็นเปรต? เป็นอสุรกาย? เป็นสัตว์เดรัจฉาน? อย่างนี้ไม่มีทางจะไปเอาละสำหรับวันนี้? บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย? ให้ท่านศึกษาไว้เพียงเท่านี้?

    เวลามันเกินมานานแล้ว? จงนึกถึงความตายเป็นอารมณ์? เรานึกถึงไว้เสมอว่าก่อนจะตายนี่มันสุขหรือมันทุกข์? ถ้าเรายังเห็นว่ามุมหนึ่งมุมใดของความเป็นมนุษย์

    ว่าเป็นสุขก็แสดงว่าใช้ไม่ได้? นึกถึงบารมีที่สมเด็จพระจอมไตรทรงตรัสไว้ว่า? อัตตนา? โจทยัตตานัง? ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเตือนใจไว้เสมอว่า?

    เราจะต้องตายนะ? ร่างกายมันไม่ใช่เรา? มันไม่ใช่ของเรา? ความดีที่พระพุทธเจ้าทรงสอน? ทำให้ครบถ้วน? เราจะเป็นคนมีศีลบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา?

    จิตใจของเรามีความปรารถนาอย่างเดียวคือ? พระนิพพาน? นี่เป็นอาการของพระโสดาบัน?

    ถ้าทำอย่างนี้ได้ทุก ๆ วัน? บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านจงรู้ตัวว่าท่านเป็นพระโสดาบันแล้ว? แล้วยังมีผลตามที่กล่าวมา? ที่กล่าวว่าต้องเกิดเป็นคนอีก? ๗? ชาติ? ๓? ชาติ? ๑? ชาติ?

    นั้น? ว่ากันตามตำรา? ถ้าโดยจริยาแล้ว? คนที่เป็นพระโสดาบัน? ถ้าตายไปเป็นเทวดาหรือเป็นพรหม? ไม่ช้าพระศรีอาริยเมตตรัยทรงตรัส?

    ฟังเทศน์จากพระศรีอาริย์จบเดียวก็เป็นพระอรหันต์? ถ้าเผอิญเราลงมาเกิดเสียก่อนพระศรีอาริย์ตรัสยังไม่ได้เป็นเทวดาหรือพรหม?

    เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ธรรมดา? พระพุทธเจ้าก็ดี? พระอรหันต์แต่วิชชา? ๓? ขึ้นไปก็ดี? ย่อมจะรู้อัธยาศัยของคนว่า? คนนี่มีบุญบารมีอะไรมาเป็นสำคัญ?

    ท่านจะเทศน์เจาะเฉพาะกำลังใหญ่ที่มีทุนมาแล้วเท่านั้น? เทศน์ซ้ำของเดิม? เมื่อเทศน์ซ้ำของเดิม? ความตั้งใจมั่นก็ปรากฎ? ธรรมปีติก็ปรากฎ? ทั้ง ๆ ที่เราไม่รูว่าเป็นของเดิม?

    แต่มันถูกใจเหลือเกิน? มีความถูกใจ? ปลื้มใจ? เลื่อมใส? ฟังเทศน์จบเดียวก็เป็นพระอรหัน์? นี่เป็นอันว่าถ้าเราคุมกำลังใจของเรานี้นั้น?

    เป็นพระโสดาบันได้ในชาตินี้เพียงแค่เวลาอีกประเดี๋ยวเดียวที่พระศรีอาริย์ตรัส? เราก็เป็นพระอรหันต์ได้? ขึ้นชื่อว่าหมดความทุกข์? หมดความเกิด

    พระนิพพานไม่มีสภาพสูญ? เขาเรียกว่าทิพยวิเศษ? เป็นแดนอมตะ? ไม่มีการเคลื่อน? ไม่เหมือนเทวดาหรือพรหม? เทวดาหรือพรหมหมดวาสนาบารมีก็ต้องลงมา?

    ถ้าเข้าถึงแดนพระนิพพานเสร็จไม่มีการลง? คงอยู่อย่างนั้นเป็นปกติ? มีความสุขเป็นปกติ? ไม่มีความหนัก? แม้แต่อารมณ์ข้องขัดแม้แต่เพียงนิดเดียว? ขึ้นชื่อว่าเป็นความดี

    เอาละวันนี้เตือนกันเพียงเท่านี้นะ? เป็นการศึกษา? เมื่อเวลานี้ก็จะสอนกรรมฐาน? ๔๐? ไปแต่ละวันจะได้รับจุดหนึ่ง ๆ? ฉะนั้น? ท่านที่มาใหม่อาจจะแปลกว่าสอนกันยังไง?

    การที่สอนกรรมฐานครบ ๔๐? ก็จะได้มีไว้ใช้? เก็บไว้ใช้ได้ครบถ้วนว่าอะไรมันเกิดขึ้นยังไง? เราชอบใจกองไหนทำกองนั้นให้หนัก? แล้วอย่าลืมบวกวิปัสสนาญาณ?

    เอาละต่อแต่นี้ไปขอให้ทุกท่านตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น? พยายามกำหนดลมหายใจเข้าออก? หายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า? หายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก?

    แต่การหายใจนี่อย่าบังคับมัน? มันจะสั้น? มันจะยาว? มันจะเบา? มันจะแรงช่างมัน? ปล่อยมันไปตามปกติ? เวลาหายใจเข้านึกว่า? พุธ? เวลาหายใจออกนึกว่า? โธ


    ที่มา
    มรณัสสติ โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน จากหนังสือ กรรมฐาน ๔๐
     

แชร์หน้านี้

Loading...