รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 5)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย karan20, 6 ตุลาคม 2011.

  1. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุพระโสดาบัน"
    หลักสูตรออนไลน์ 30 ชั่วโมง
    (ชั่วโมงที่ 5)


    เกริ่นนำ

    ปกติโลกก็เต็มไปด้วยทุกข์อยู่แล้ว ยิ่งธรรมชาติต่าง ๆ เกิดความแปรปรวน
    เราไม่อาจหวังพึงเพียงคำพยากรณ์หรือคำเตือนภัย
    หรือหวังพึ่งเพียงอุปกรณ์เตือนภัยหรืออุปกรณ์ยังชีพ อุปกรณ์กู้ชีพใดๆ
    ที่สำคัญที่สุดคือความดีของเรา อย่างน้อยเบื้องต้นคือความเป็นพระโสดาบัน
    คือผู้มีความเคารพพระรัตนตรัย มีศีลบริสุทธิ์และไม่ประมาทในชีวิต ที่พอจะช่วยคลายทุกข์เป็นที่อุ่นใจของเรา

    ขอเตือนว่าท่านควรติดตามต่อไปทุกบทจนกว่าจะจบทั้งนี้เพื่อป้องกันการสำคัญตนผิด
    การฟังไฟล์เสียงที่ใ้ห้เป็นการบ้านไปนั้นเป็นเรื่องสำคัญ จะได้เกิดความคิดความเห็นที่ถูกต้อง
    เนื่องจากบางเรื่องอาจจะไม่ได้เขียนแสดงไว้
    หรือแสดงไว้แต่โดยย่อเพราะผู้เขียนเห็นว่าในไฟล์เสียงนั้นได้กล่าวไว้แล้ว
    ไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านของบทที่ 4 นั้น คือเสียงเทศน์ของท่านจิตโต
    ท่านเป็นพระลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ดังนั้นเวลาที่หลวงพี่จิตโตกล่าวถึงคำว่า " หลวงพ่อ "
    ขอให้ทราบว่าหมายถึงหลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงนั่นเอง

    กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของพระโสดาบัน คือไม่ลังเลสงสัย มีความหนักแน่นของความคิดจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ
    คือหนักแน่นในพระรัตนตรัย หนักแน่นในศีล คือมีศีลบริสุทธิ์
    และหนักแน่นในความรักพระนิพพาน
    ส่วนเรื่องขันธ์ 5 คือร่างกายนั้นยังตัดไม่ขาด
    การละสักกายทิฏฐิจึงยังไม่หนักแน่น แต่ว่าหมั่นระลึกถึงความตาย (มรณานุสติ)

    เห็นคำว่าอริยะบุคคล หรือคำว่าพระโสดาบัน บางคนถึงกับท้อคิดว่าชาตินี้เราคงเป็นกับเขาไม่ได้
    แต่หารู้ไม่ว่าตาสีตาสาเขาเป็นพระอริยบุคคลกันซะมาก
    หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านยืนยันว่าชาวไร่ชาวนาตาสีตาสาฟังคำสอนของท่านแล้วนำไปคิดนำไปปฏิบัติตาม
    ปรากฏว่าไปพระนิพพานกันมาก ส่วนพระโสดาบันนั้นยิ่งมีมากมาย

    ส่วนพวกเราทั้งหลายฉลาดมากเกินไป คิดมาก สงสัยมาก ลังเลมาก เลยไม่ได้พระโสดาบันมาไว้ประดับใจซักที




    สรุปทบทวนจากชั่วโมงที่ 4

    อารมณ์ของพระโสดาบันหรือคุณธรรมที่พระโสดาบันมีนั้น นอกจากละสังโยชน์ 3 ข้อแล้ว
    ยังต้องมีความรักหรือปราถนาในพระนิพพานด้วย

    เราอาจพอจะสรุปได้หรือไม่ว่า
    ความไม่มั่นใจ ตลอดจนอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่มั่นคง
    เหล่านี้ทำให้ เปสการีธิดา และอีกหลายท่านไม่สามารถบรรลุพระโสดาบัน

    ดังนั้นขอให้ท่านที่ปราถนาบรรลุพระโสดาบัน
    หมั่นคิดถึงการละสังโยชน์ 3 และสำรวจตนเองว่าละได้หรือยัง
    ตลอดจนขอให้มีความมั่นใจอย่าท้อถอย

    สิ่งที่ไม่ควรลืมคืออย่าได้โอ้อวดว่าตนเองว่าบรรลุพระโสดาบันหรือแม้แต่พระอริยะขั้นใด ๆ ก็ตาม
    เพราะการกระทำอย่างนั้นเป็นของไม่ควร เป็นการมานะถือตัว
    ยิ่งหากเป็นการสำคัญตนผิดไปเอง แล้วกล่าวโอ้อวดโดยไม่ได้บรรลุจริงยิ่งเป็นสิ่งมีโทษ



    (ชั่วโมงที่ 5)

    ขอย้ำว่าการเป็นพระโสดาบันนั้นจุดสำคัญอยู่ที่ความคิด
    พระโสดาบันหมายถึงผู้เริ่มเข้าสู่กระแสของพระนิพพาน
    ก็มรรค 8 อันเป็นหนทางไปสู่พระนิพพานนั้นตั้งต้นด้วย สัมมาทิฏฐิ คือมีความเห็นชอบ มีความคิดถูกต้อง
    และต่อมาคือสัมมาสังกัปปะ
    คือ ดำริชอบ มีความตั้งใจที่ถูกต้อง อ้างอิง

    พระโสดาบันมีความเห็นถูกต้องว่าร่างกายไม่เที่ยงต้องตายคือเสื่อมสลายไปในที่สุด
    พระโสดาบัน
    มีความเห็นถูกต้องว่าพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ น่าเคารพ
    พระโสดาบัน
    มีความเห็นถูกต้องว่านิพพานเป็นของดี และตั้งใจถูกต้องว่าจะไปสู่พระนิพพาน

    เป็นพระโสดาบันด้วยการคิดให้ถูกต้องคือสัมมาทิฏฐิ และตั้งใจให้ถูกต้องคือ
    สัมมาสังกัปปะ
    แต่การคิดของพระโสดาบันนั้นท่านคิดเช่นนั้นจริง ๆ ไม่ได้แกล้งคิด หรือคิดแบบจำมาท่อง
    ท่านคิดจนแนบสนิทติดอยู่กับจิตใจของท่าน ท่านคิดจนชิน คือรู้สึกคุ้นเคย ไม่ต้องฝืนคิด
    อันนี้ตามตำราท่านว่าคิดจนเป็นณาน แต่ท่านอย่าเพิ่งคิดว่าจะต้องไปนั่งหลับตา
    หลวงพ่อท่านสอนว่าณานแปลว่าชิน ชินอะไร เพ่งจนชิน
    แล้วใช้อะไรเพ่ง ไม่ใช่ใช้ตาเพ่งนะ ท่านให้ใช้ความคิด


    ท่านที่ได้ฟังไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านของบทที่ 4
    คงจะเข้าใจว่าควรคิดอย่างไร จึงจะง่ายและชิน เรียกว่าทรงอารมณ์
    ที่สำคัญคือคิดอย่างไรจึงจะไม่เคร่งเครียดจนจิตใจเศร้าหมอง
    หากนึกไม่ออกให้ลองย้อนกลับไปฟังใหม่ ฟังแบบจับใจความสำคัญแล้วคิดตาม
    ท่านผู้สนใจก็จะเห็นว่าการคิดแบบนักปฏิบัตินั้นต่างจากนักติดตำราอย่างไร

    การย่นย่อให้ง่ายที่สุดให้คิดพิจารณาตัวเดียวคือ ทุกข์

    มรรค 8 นั้นหากย่อลงเป็นหมวดหมู่ก็จะเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา
    พระโสดาบันจึงสำคัญที่เป็นผู้หนักแน่นในศีล ส่วนสมาธิ และปัญญานั้นมีเพียงเล็กน้อย


    แต่อันที่จริงแล้วทั้งหมดมันมาจากปัญญาก่อน
    เป็นปัญญาที่เล็กน้อย แต่ก็มีมากพอที่จะเห็นความทุกข์
    จึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าเราจะเป็นพระโสดาบัน

    คำตอบของคำถามที่ว่าทำไมคนไม่ตัดสินใจเป็นพระโสดาบันหรือไม่ปราถนาพระนิพพานจึงอยู่ตรงนี้
    คือรู้ว่าพระโสดาบันดี รู้ว่าพระนิพพานดี
    แต่ไม่เกิดการตัดสินใจเด็ดขาดเพราะยังไม่เห็นทุกข์

    คนส่วนใหญ่เป็นทุกข์แต่ทุกข์ไม่เป็น หรือ เป็นทุกข์แต่ไม่เห็นทุกข์

    นึกถึงโฆษณารณรงค์ที่ เบริ์ด-ธงไชย ออกมาพูดว่า
    " ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น "


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=V1Lyb8nOoak&feature=player_embedded"]พี่เบิร์ด - YouTube[/ame]



    การเห็นทุกข์เป็นเรื่องสำคัญ

    ก็อริยะสัจ 4 นั้นตั้งต้นด้วย ทุกข์ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
    พระอริยะบุคคลคือคนที่เห็นอริยะสัจ

    พระอริยะบุคคลทุกระดับเห็นเหมือนกันหมดคือเห็นทุกข์
    พระอรหันต์ท่านเห็นละเอียดที่สุด แต่สรุปว่าทุกระดับเห็น 'ทุกข์'

    ไม่เพียงแต่เบิร์ด-ธงไชยที่เป็นทุกข์
    นับตั้งแต่กรรมกรคนหาเช้ากินค่ำ ไปจนถึงพระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ์ ทุกชีวิตต่างเป็นทุกข์
    ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านก็ยังเป็นทุกข์
    ท่านดีแสนดีขนาดไหน ก็ยังมีคนทำให้ท่านเป็นทุกข์ ยังมีคนคิดประทุษร้ายเบียดเบียนต่อพระองค์ท่าน
    แม้แต่พระพุทธเจ้าเมื่อสมัยยังมีพระชนน์ชีพท่านก็ยังมีทุกข์เวทนาทางกาย ยังมีคนคิดประทุษร้ายเบียดเบียนพระองค์
    แล้วในโลกนี้เราจะไปอยู่ตรงไหน หรือเราจะเกิดเป็นอะไรที่จะไม่เป็นทุกข์ ไม่มีทุกข์



    สวัสดี.


    - จบชั่วโมงที่ 5 -

    การบ้านของชั่วโมงที่ 5 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง [​IMG] การบ้านบทที่ 5.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์


    ส่งการบ้านและพูดคุยกันได้ที่นี่
    สำหรับท่านที่ไม่ได้สมัครสมาชิกเว็บพลังจิต เชิญพูดคุยแนะนำกันได้ที่ Facebook กาขาว


    ทบทวนย้อนหลัง
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 1)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 2)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 3)
    รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง (ชั่วโมงที่ 4)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2011
  2. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
  3. ลายกนก

    ลายกนก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +78
    ส่งการบ้านชั่งโมงที่ 5
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกว่าชีวิตคนทุกคนก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งนั้นจริงๆ แค่เห็นทุกข์ให้เป็น ความเบื่อหน่ายในการเกิดก็จะตามมา
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง
    ตอบ ฟังแล้ว
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    ตอบ ต้นเหตุของทุกข์ เกิดจากการมีร่างกาย
     
  4. eee

    eee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +23
    การบ้านของชั่วโมงที่ 5 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ รู้สึกว่าทุกข์อยู่รอบตัวอยู่ในตัวอยู่ทุกทีกับทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 5.mp3
    วิธีการฟัง :
    ให้ปิดไฟ หรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลาย
    ควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรม
    ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามไปตลอดการฟัง
    ตอบ ฟังแล้วค่ะ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    ตอบ การมีร่างกาย
     
  5. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ 5 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 5 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้<O:p</O:p
    ตอบ โลกนี้มีแต่ทุกข์จริงหนอ การเวียนว่ายตายเกิดนั้นทุกข์จริงหนอ เหนื่อยๆๆๆๆ ไม่อยากเกิดอีกแล้ว

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟังการบ้านบทที่ 5.mp3 วิธีการฟัง :ให้ปิดไฟหรือนั่งในที่มืดด้วยท่าสบายผ่อนคลายควรฟังในที่สงบหรือที่อันควรแก่การฟังธรรมฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆพิจารณาตามไปตลอดการฟัง ...ฟังแล้วค่ะ...

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้นท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    ตอบ คือ การเกิด ค่ะ ยาวอีกหน่อยก็คงต้องตอบว่า การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2011
  6. เดชเดชะ

    เดชเดชะ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +14
    1. มีความคิดเห็นเช่นไรกับบทเรียนในวันนี้
    คิดว่าทุกชีวิตเป็นทุกข์ จริงแท้ที่อยากพ้นทุกข์ จึงมุ่งสู่ทางสายเดียวคือพระนิพพาน
    3. ต้นเหตุของทุกข์
    คือการเกิดเป็นร่างกายมนุษย์ และเวียนว่ายล้วนแล้วไม่พ้นทุกข์
     
  7. thitarat

    thitarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +203
    ส่งการบ้านชั่วโมงที่ห้าค่ะ

    1. บทเรียนนี้ทำให้เห็นความจริงว่า ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวหลังจากทีไ่ด้เข้ามาเว็บพลังจิตแล้วอ่านเรื่องภัยพิบัตินะคะ

    ครั้งแรกที่อ่านเรื่องภัยพิบัติ แล้วรู้ว่าโลกกำลังจะต้องพบกับภัยพิบัติ ดิฉันมีความรู้สึกเครียด กลัว กลัวตาย กลัวไม่รอด กลัวที่ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่า กลัวการพลัดพราก กลัวความเจ็บปวด กลัวความทุกข์ ฯลฯ

    แล้วต่อมาก็เริ่มหาทางแก้ หรือทางออกหลายๆทาง ตั้งแต่การอ่านวิธีการเตรียมตัวเพื่อเอาชีวิตรอด การเตรียมตัวไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย รีบทำบุญ หรือทำทุกอย่างเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ฯลฯ

    ช่วงนั้นมีชีวิตอยู่กับความทุกข์ ทุกข์เพราะรู้ว่าตัวเองจะตาย แล้วก็ยังตัดความตายไม่ได้ ทุกข์ทรมานหาทางแก้ไขในเรื่องที่จะเกิดขึ้น เครียดทุกครั้งที่คลิกเข้ามาอ่าน เครียดทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องภัยพิบัติ เครียดแบบหาทางออกไม่เจอ

    แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการปฏิบัติที่มีอยู่เดิม เช่น รักษาศีล 5 (ทำมาได้หลายเดือน สักระยะก่อนหน้านี้แล้วค่ะ) สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญทำทาน (และเร่งทำบุญเพิ่มมากกว่าเดิม) แต่ก็พยายามหาทางออก (ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นทางออกทางโลก) แต่ก็ยังหาไม่เจอ ลองทุกอย่าง ตั้งแต่เริ่มฝึกกินน้อย ฝึกเตรียมตัวตายก่อนตาย (แต่ก็ยังตัดไม่ได้)

    จนกระทั่งมีวันหนึ่ง... ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากคิดทางโลกจนเหนื่อย คิดว่า เตรียมตัวไปอย่างดี ยังไงก็ตาย ถ้าสมมติว่าเราจะถึงที่ตายจริงๆ ถ้าเตรียมอาหาร เตรียมน้ำไป ถ้าน้ำหมด อย่างไรก็ตาย ถ้าป่วย ถ้าโดนฆ่าตาย ยังไงก็ตาย ถ้าหนีภัย แต่ไม่พ้น ยังไงก็ตาย ทรมานก่อนตายอยู่ดี ก็เริ่มทำใจกับตัวเอง ว่าคนเรายังไงก็ต้องตาย จะตายช้าหรือตายเร็ว ยังไงก็ตายอยู่ดี ใจเริ่มเหนื่อยกับความทุกข์ เริ่มคิดถึงเรื่องการทำสมาธิ วันนั้นหลังจากสวดมนต์ได้นั่งสมาธิ ถามตัวเอง ถามหลวงปู่ดู่ ว่า ในช่วงภัยพิบัติ จะมีชีวิตรอดหรือไม่ หรือทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตรอด ก็ปรากฎว่า ในสมาธิ มีนิมิตเห็นคนเจ็บ เห็นคนตาย (ไม่รู้ว่าเป็นตัวเองไหม) แล้วสุดท้ายก็เห็นแสงสีขาว สวยงามมาก ก็รู้สึกในใจว่า รอดก็ตาย แต่ตายช้าหน่อย ถ้าไม่รอดก็ต้องตาย แต่อาจตายเร็วหน่อย ทำไมก่อนตาย ไม่ทำตัวให้พร้อมเข้าไว้ ทำให้ทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ทำศีล สมาธิ ภาวนา ให้พร้อม เวลาตายจะได้ไม่เสียดายเวลาปฏิบัติ

    พอคิดได้อย่างนี้ ก็เลยทำให้ดิฉันเกิดปิติในการนั่งสมาธิ แล้วคิดว่าโลกเราก็เป็นอย่างนี้ เกิดมาก็ต้องตาย ตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ก่อนตายทำตัวให้พร้อมดีกว่า หลังจากวันนั้น ความเครียดก็หายไป กลายเป็นความสุข สุขที่รู้ว่าตัวเองต้องตาย และสุขที่รู้ว่า ก่อนตาย เราจะได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบก่อนตาย ถ้าเราจะเจ็บปวดก่อนตาย เราจะต้องเจริญมรณานุสติ และเราจะต้องระลึกถึงพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณเป็นอารมณ์ให้ได้ก่อนตาย

    แล้วจากนั้นมาก็เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีความเพียรในการปฏิบัติมากขึ้นด้วยระลึกถึงความไม่ประมาท ว่าเราอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นก่อนตายต้องปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบให้พร้อม ก็เริ่มสวดมนต์ตรงตามเวลา ไม่ละทิ้งการสวดมนต์ ไม่ละทิ้งการทำสมาธิ เพิ่มการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จากที่ไม่เคยตื่นเช้ามาใส่บาตร ก็เริ่มตื่นเช้ามาใส่บาตร ตื่นให้เป็นนิสัย ทำสมาธิภาวนาก่อนนอน ตอนเช้า และทุกเวลาที่ว่าง พยายามทำให้อารมณ์ผ่องใสตลอดเวลา

    แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มอ่านธรรมะเพิ่มมากขึ้น แล้วก็เริ่มเห็นสภาพความเป็นจริงของชีวิต เริ่มละเลิกซื้อของฟุ่มเฟือย เริ่มพิจารณาเห็นอาหารเป็นเครื่องยังชีพให้สังขารธำรง ไม่ได้กินเพื่อมัวเมาหรือความอยาก เริ่มพิจารณาเห็นการหาเลี้ยงชีวิต เริ่มคิดสอดแทรกธรรมะในทุกการใช้ชีวิต

    ทุกวันนี้ดิฉันเลยรู้สึกขอบคุณเว็บพลังจิตที่นำเสนอภัยพิบัติ ที่ทำให้ดิฉันได้เร่งเวลาในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้มาถึงเร็วขึ้น และขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ด้วยเช่นกันที่นำหลักสูตรนี้มาเผยแพร่ ดิฉันจะพยายามปฏิบัติและภาวนาเพิ่มขึ้นเพื่อให้บรรลุโสดาบันต่อไปค่ะ

    2. คลิปเสียง ดิฉันเข้าใจว่า ทุกข์ คือความทนได้ยาก แต่ดิฉันก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ดิฉันเจอควาทุกข์มาตลอด และเจอหนักกว่าคนอื่น (ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน) ประสบการณ์นี้ทำให้ดิฉันได้คิดถึงคำทางโลกที่ว่า no pain no gain แต่ในกรณีดิฉันนั้นเป็น too much pain แต่ก็ทำให้ดิฉันได้ too much gain จากควาทุกข์ด้วยเช่นกัน คลิปนี้ทำให้ดิฉันได้รู้สึกถึงเพลงภาษาอังกฤษของ Lilly Allen ที่ว่า Trouble is a friend (ปัญหา หรือความทุกข์ คือเพื่อนของเรา) ตามเนื้อเพลงท่อนฮุกที่เขากล่าวว่า ความทุกข์อยู่ที่นั่น ในความมืด ความทุกข์อยู่ที่นั่น ในหัวใจของฉัน อยู่ในทุกที่ มีส่วนร่วมในทุกอย่าง ดังนั้น ความทุกข์คือเพื่อนของเรา

    จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งจากของดิฉันและครอบครัว ทำให้ดิฉันรู้ว่า แค่ไม่มีทุกข์ ก็ถือว่ามีความสุขแล้ว ดังนั้น ชีวิตในทางโลก แม้จะมีทุกข์ทางกาย แต่ก็อย่าให้มีทุกข์ทางใจ และฝึกพิจารณาให้จิตใจตัวเองผ่องใสอยู่เสมอ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา

    ส่วนในเรื่องการกลับมาเกิดนั้น โดยส่วนตัว หลังจากได้เรียนบทเรียนนี้ ดิฉันคิดว่า จะกลับมาเกิดหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา เพราะดิฉันตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือนี้ให้อยู่ในร่มโพธิ์ศาสนาและทำให้เต็มที่ ถ้าชาตินี้ยังต้องมาเกิด ก็ขอภาวนาให้ชาติหน้า หรือชาติต่อๆไป ไม่ต้องกลับมาเกิด

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ และขออนุโมทนาบุญในธรรมทานนี้ ที่ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ธรรมะและคิดได้เพิ่มเติมด้วยนะคะ
     
  8. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    1. มีความคิดเห็นเช่นไรกับบทเรียนในวันนี้
    ตอบ ตอนแรกคิดว่าถ้าเราจะรักการนิพพานนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องมีความรู้สึกอย่างไรในเมื่อเราไม่เคยเห็นตัวอย่างว่าและคนที่เรารู้จักได้บอกเล่าว่าการนิพพานเป็นอย่างไร แต่มานึกดูสภาพชีวิตของตน ทำให้รู้สึกว่าเราเกิดมาในชาตินี้ ล้วนมีแต่ความทุกข์เป็นส่วนใหญ่ ความสุขที่ไ้ด้รับนั้นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ยังไงเสียเราก็หนีไม่พ้นความทุกข์และความตายไปได้ ดังนั้นเราคิดว่าชาติหน้าเราไม่ขอเกิดเป็นอะไรทั้งสิ้น ขอไปนิพพานเท่านั้น
    2.ตอบ ฟังแล้วคิดว่า การเกิดมามีร่างกายเป็นตัวทำให้เกิดทุกข์ เพราะคนที่ไม่รู้วิธีหนีจากความทุกข์นั้นต้องเป็นทาสของร่างกาย ไปจนกว่าจะละทิ้งร่างกายไปแต่ ถ้ายังไม่รู้วิธีที่จะพ้นทุกข์ก็ต้องกลับมาเกิดอีก ต้องมีร่างกายอีก ต้องมีทุกข์อีก ไม่รู้จักจบจักสิ้น
     
  9. sitar

    sitar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +86
    แต่ตอนฟังไฟล์ปิดไฟไม่ได้ค่ ไม่สะดวก แต่ก็พยายามตั้งใจฟังอย่างมีสมาธิค่ะ (มีหลับบ้างแต่ก็พยายามฟังให้เข้าใจอีกรอบคะ):z10
     
  10. T8

    T8 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +21
    การบ้านของชั่วโมงที่ 5 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    =ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น :D
    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 5.mp3
    =ฟังแล้วครับ
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    =การมีร่างกายเป็นทุกข์ เวียนว่ายตายเกิด ไม่จบไม่สิ้น ก็เป็นทุกข์ ครับ
     
  11. gogogourmet

    gogogourmet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +24
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ยังงงๆอยู่ ไม่รู้จะนึกถึงพระนิพพานยังไง
    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    -ความพอใจในการเกิด ทำให้มีร่างกาย ทำให้มีทุกข์
     
  12. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    ยังงงๆอยู่ ไม่รู้จะนึกถึงพระนิพพานยังไง


    ขอแนะนำอย่างหนึ่งคือ ขอให้ฟังไฟล์เสียงที่เป็นการบ้านซ้ำ ๆ ฟังบ่อย ๆ ฟังแล้วคิดตาม
    นั่นล่ะเป็นการคิดถึงพระนิพพานแล้ว (โดยไม่รู้ตัว)

    แต่อย่างไรก็ตามเพื่อขจัดความสงสัย
    ขอให้ติดตามต่อไปนะครับ อย่างเพิ่งท้อ ตรงไหนติดก็ข้ามไปก่อน
    จะมีคำอธิบายในบทต่อๆไป กำลังทยอยนำเสนอต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2012
  13. 99kansita

    99kansita เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +310
    ส่งการบ้านของชั่วโมงที่ 5 ค่ะ

    การบ้านของชั่วโมงที่ 5 :
    1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้
    ตอบ ชอบใจกับประโยคหลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุงท่านยืนยันว่าชาวไร่ชาวนาตาสีตาสาฟังคำสอนของท่านแล้วนำไปคิดนำไปปฏิบัติตาม ปรากฏว่าไปพระนิพพานกันมาก ส่วนพระโสดาบันนั้นยิ่งมีมากมาย
    ส่วนพวกเราทั้งหลายฉลาดมากเกินไป คิดมาก สงสัยมาก ลังเลมาก เลยไม่ได้พระโสดาบันมาไว้ประดับใจซักที
    รู้สึกว่า เราต้องหมั่นสำรวจตัวเองเยอะๆละว่า เราฟังคำสอนของท่านแล้ว นำไปคิดนำไปปฏิบัติตามบ่อยแค่ไหนค่ะ

    2. ดาวน์โหลดไฟล์ MP3 ที่แนบมานี้ไปฟัง การบ้านบทที่ 5.mp3
    ตอบ ฟังอย่างตั้งใจและค่อย ๆ พิจารณาตามหลายรอบค่ะ แบ่งปันคนข้างๆ ได้ฟังด้วย

    3. จากไฟล์เสียงที่ได้ฟัง ขอให้ตอบคำถาม
    ท่านคิดว่าต้นเหตุของทุกข์ทั้งหมดที่เิกิดขึ้นนั้นหากให้สรุปหรือเพียงคำเดียวสั้น ๆ
    ท่านจะสรุปว่าอะไรเป็นต้นเหตุของทุกข์
    ตอบ สรุปแล้วเพราะการเกิดนั่นแหละ ต้นเหตุของทุกข์
     
  14. Mahabodh

    Mahabodh สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +17
    ส่งการบ้าน

    ส่งการบ้าน
    ข้อ 1 ความเห็น รู้สึกว่าทุกข์มีอยู่ทั่วไป ใดๆในโลกล้วนเป็นทุกข์
    ข้อ 2 mp.3 ฟังแล้ว อนุโมทนาสาธุ
    ข้อ 3 สรุปร่างกายเรานี้เองที่เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
     
  15. My Buddha

    My Buddha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ส่งการบ้านค่ะ

    [FONT=&quot]การบ้านของชั่วโมงที่ [FONT=&quot]5[/FONT] :[/FONT]
    [FONT=&quot]1. แสดงความคิดเห็น รู้สึกอย่างไรกับบทเรียนวันนี้[/FONT]
    [FONT=&quot]ดีค่ะ จะศึกษาต่อไปเรื่อยๆจนจบ[/FONT]

    [FONT=&quot]3. ธรรมะจากท่านจิตโตครั้งนี้ ได้ข้อคิดที่จะนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติดังนี้ค่ะ[/FONT]
    [FONT=&quot]3.1 เราจะทำทานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ แม้แต่สวรรค์สมบัติ เพราะจุดมุ่งหมายเราคือนิพพาน เราจะไม่เกิดอีกแล้วไม่ว่าจะในภพใด เราจึงไม่หวังอานิสงส์ผลบุญอะไรอีกทั้งในชีวิตที่เหลือในชาตินี้และชาติหน้า[/FONT]
    [FONT=&quot]3.2 ทบทวนบารมี 10 ทุกวัน[/FONT]
    [FONT=&quot]3.3 รักษากรรมบถ 10[FONT=&quot]ด้วยปัญญา ศีลขาดเพียงข้อเดียวก็มีโอกาสตกนรกได้[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]3.4 ร่างกายและใจที่ยึดถือว่าร่างกายเป็นของเรา เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ และการเวียนว่ายตายเกิด[FONT=&quot]หากมีสิ่งกระทบอารมณ์ให้รู้ว่า [/FONT][FONT=&quot]เพราะร่างกายนี่แหละ ที่ทำให้เราหรือเขาเป็นแบบนั้น แบบนี้[/FONT][FONT=&quot]แล้วละสักกายทิฏฐิให้เห็นแจ้งว่า [/FONT][FONT=&quot]ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของเรา[/FONT][FONT=&quot] โดยต้องฝึกคิดใช้ปัญญาพิจารณาทุกวัน การละกายเพียงอย่างเดียวก็สามารถบรรลุอรหัตผลได้[/FONT][/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...