ประโยชน์ที่ท่านได้รับจากการเตือนภัยพิบัติ

เนื่องจากมีบางท่านแสดงผลเสียของการทำนายภัยพิบัติไว้

ที่กระทู้ ผลที่คาดไม่ถึงของการทำนายภัยพิบัติ

จากข้อมูลของกระทู้ดังกล่าวช่วยเตือนให้ท่านทั้งหลายตั้งสติก่อนโพสต์ข้อความ
ขอวิงวอนให้ทุกท่าน
1. มีสติรอบคอบและระมัดระวังในการเตือนภัย
2. ใช้ปัญญาในการเลือกใช้ถ้อยคำและกลั่นกรองข้อมูล

ทั้งนี้เพื่อสร้างความตื่นตระหนักมากกว่าสร้างความตื่นตระหนก
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาตั้งใจแต่แรกของทุกท่าน
โปรดระลึกถึงผลเสียที่อาจตามมาอย่างที่เราไม่ต้องการ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ"
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า "เจตนาคือกรรม"

ขอให้ท่านดูเจตนาของแต่ละท่านเองว่าทำไปเพราะอะไร เจตนาเป็นกุศลหรืออกุศล

ผู้เขียนขอตั้งกระทู้นี้เอาไว้เพื่อรวบรวมผลด้านดีที่ได้รับจากการเตือนภัยพิบัติ
หากใครมีตัวอย่างประโยชน์ที่ท่านได้รับจากการเตือนภัยพิบัติ เชิญโพสได้ครับ

คำถามง่าย ๆ คือ ท่านได้รับประโยชน์อะไรจากการเตือนภัยพิบัติ
โดยเฉพาะคำเตือนภัยและกิจกรรมจาก เว็บพลังจิต ดอทคอม

หากช่วยแสดงตัวอย่างให้ชัดเจนก็จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
เช่น หากท่านบอกว่าช่วยให้ท่านไม่ประมาท หรือเร่งรัดการปฏิบัิติธรรม
ท่านมีการเตรียมตัวทางโลกและทางธรรม ทั้งด้านกาย ใจ และจิตอย่างไร
โปรดอธิบายพอให้เห็นภาพด้วย

ทั้งนี้เพื่อเป็นการวัดผลการทำงาน และเป็นกำลังใจให้แก่ทีมงานและสมาชิก
และอาจมีผลต่อการตัดสินใจในการเตือนภัยพิบัติในครั้งต่อ ๆ ไป

ท่านสามาถแสดงความเห็น แชร์ประสบการณ์ได้ที่กระทู้นี้ และที่ Facebook กาขาว

กบระทู้

 

<table id="post5246305" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">เกษม
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ



วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 7,670
พลังการให้คะแนน: 4880


</td> <td class="alt1" id="td_post_5246305" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> <ins style="display:inline-table;border:none;height:250px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:300px"><ins id="aswift_0_anchor" style="display:block;border:none;height:250px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:300px"></ins></ins>

ตัวอย่างของคนที่นำข้อมูลเรื่องภัยพิบัติไปใช้ให้เกิดประโยชน์ !!!

​

<table class="tborder" id="post5239668" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width="175">suphapis
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2011
ข้อความ: 8
พลังการให้คะแนน: 0


</td><td class="alt1" id="td_post_5239668" style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">ใช่ แล้ว ทุกวันนี้เป็นสมาชิก wep พลังจิต ทำให้เรามีวิสัยทัสน์กว้างไกล มีการเตรียมพร้อมเสมอ ที่บ้านก็น้ำท่วม คนอื่น ซื้อของตักตุนกันมากมาย แย่งกันทั้งห้างโลตัส แม๊คโคร น้ำก็ยังไม่มีเหลือ ส่วนเราเตรียมพร้อม 100% ตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ถึงแม้ไม่มีหน่วยงานใดมาแจก เราก็พร้อมอยุู่ได้ถึง 3 เดือน

คนอื่นที่คิดว่าเราบ้า สติเสีย ตอนนี้เขาก็พูดเหมือน ๆ กับเราแล้ว มีเพื่อนอยู่คนนึงเขาซื้อตะเกียงเจ้าพายุตามเรา บรรดาพ่อ แม่ เพื่อน ๆ พากันขำใหญ่ว่า จะเอามาทำอะไร พอบอกเตรียมพร้อมภัยพิบัติ เขาก็เถียงเกือบทะเลาะกันในวงเหล้า

พอมาวันนี้เพื่อนเราได้ใช้ตะเกียงเจ้าพายุแล้วเพราะที่บ้านอยู่อ.หนองโดน จ.สระบุรี ขณะนี้ตัดน้ำตัดไฟมาได้เกือบเดือนแล้ว ใครว่าว่าwep นี้ไม่มีประโยชน์ตอนนี้หลาย ๆ คนแห่กันเข้า wep นี้กันเยอะมาก ๆ
</td></tr></tbody></table>

ที่มา http://palungjit.org/threads/คำเตือนจากพระปฏิบัติดีเรื่องภัยพิบัติใหญ่ที่กำลังจะเกิด.309058/page-3#post5239668


</td></tr></tbody></table>

 

อย่างไรก็ตามผมทราบดีว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้
หลายท่านมีภาระหน้าที่ และอาจกำลังให้ความสำคัญกับการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติ
มากกว่าที่จะมานั่งเสียเวลาถกเถียงในเรื่องนี้

อีกทั้งข่าวที่แสดงถึงประโยชน์ที่มีผู้ได้รับจากการเตือนภัยนั้นคงไม่ถูกประโคมข่าว
เพราะคงขายข่าวได้ไม่ดีเท่าความตื่นตระหนกของคนที่ขาดวิจารณญาณ

สรุปคือประโคมข่าวให้ตื่นตระหนกเพื่อขายข่าว
แล้วก็ประโคมข่าวความตื่นตระหนกเพื่อขายข่าวอีกรอบ

ผมเองนั้นก็รู้สึกเหนื่อย ๆ กับการที่ทำงานในเรื่องนี้
เพราะดูเหมือนจะเป็นงานที่ไม่จบซักที
ต่อให้เราพยายามอธิบายและเตือนสติมากแแค่ไหน
ก็ยังจะมีคนที่เพิ่งจะเข้ามาแล้วตื่นตระหนก
ก็ยังมีคนที่เพิ่งจะเข้ามาแล้วกลัวคนอื่นจะตื่นตระหนก
ก็ยังมีคนที่วิจารณ์โดยขาดความเข้าใจ

บางครั้งอ่านคำวิจารณ์แล้วรู้เลยว่าวิจารณ์โดยการสัมผัสแต่เพียงผิวเผิน
บางครั้งวิจารณ์ไปถึงกับว่าต้องส่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาดูกิจกรรม
นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาวิจารณ์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรม
เพราะไม่เช่นนั้นเขาย่อมรู้ว่า กิจกรรมที่ทางเว็บพลังจิตจัดนั้น
มีทั้งนักวิทยาศาสตร์จากนาซ่า นักวิชาการ ครูอาจารย์ อธิการบดี
ข้าราชการ พระสงฆ์ เต็มไปด้วยผู้มีความรู้การศึกษา และประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพ
หากมีอะไรไม่ถูกต้องย่อมถูกดำเนินการเอาผิดไปนานแล้ว

การวางมือจากเรื่องนี้คงไม่ใช่เกิดจากความสำเร็จในการทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจ
แต่คงเกิดจากความพอใจที่จะหยุดโดยตัวเอง
หรือมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะเตือนอีกต่อไป จนปลีกตัวออกไปเพื่อหาความสงบ
หรือเพราะอาจเกิดภัยพิบัติจนไม่สามารถเตือนได้อีกต่อไป

ผมเริ่มสังเกตเห็นบางท่านออกอาการหมดกำลังใจ
บางท่านกำลังจะเริ่มเข้าสู่โหมด ' อุเบกขา '





.

 

การคาดการณ์กับการทำนายก็มีโอกาสเกิดและไม่เกิดหรือคลาดเคลื่อนได้ทั้งคู่ครับ

ผู้รับข้อมูลก็ต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล

คิดอีกแง่มันก็เหมือนมีเสียงคอยเตือนเราว่าอย่าหลงลืม อย่าประมาท

ถ้าอย่างนั้นแล้วผมว่ามีดีกว่าไม่มีนะ ผมต้องการข้อมูลหลายๆ ด้าน catt13

 

ผมว่ามีคนเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ว่าที่นี่คือ เวปพลังจิต ชื่อนั้นบ่งบอกอยู่แล้วว่ามีความหมายนัยยะเป็นอย่างไร มันไม่ใช่เวปชื่อวิทยาศาสตร์ประถมศึกษาปีที่ 1.com

สมมุติฐานของเรื่องมันชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องแปล แต่ยังมีคนพยายามที่จะไม่เข้าใจ ถ้าเก่งมากผมว่าไปตั้งเวปไซด์ใหม่เลยก็จะดีมาก เดี๋ยวคนที่เห็นด้วยจะได้ตามเข้าไปสมัครเป็นสมาชิก

ไอ้เรื่องวิทยาศาสตร์ทางโลกนั้น มันแค่เด็กประถมดูดขวดนม มันแค่เศษเสี้ยว เพราะสุดท้ายแล้วพุทธศาสตร์ตอบโจทย์ทางวิทยาศาสตร์ได้หมด เพียงแต่มันจะมีคุณค่าพอไหมที่จะมาตอบ

 

ผมไปเชียงใหม่ที่วัดดอยผาส้มเมื่อไม่นานมานี้
มีคนเอ่ยถึงโครงการพระราชดำริ "ช่างหัวมัน"

ผมมารู้สึกเอาเองว่า
หน้าที่ของเราอาจไม่ใช่การเตือนทุกคน
แต่คือการเตือนบางคน
หากนอกเหนือจากนั้นก็ต้องปล่อยวาง


ขอฝากบทความไว้ด้วยเพื่อเป็นแนวทางในการรับข้อมูลข่าวสาร

การวิเคราะห์ข้อมูลเตือนภัยโดยไม่ 'งมงาย' ในวิทยาศาสตร์

กรณี 'พ่อปลาบู่' บทเรียนของการทำนายและการเตือนภัยพิบัติ

วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ (อาจ) ไม่ได้หมายถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2554

ทำอย่างไรเมื่อ 'เป็นทุกข์' เพราะข่าวภัยพิบัติโลก

พระป่ากรรมฐาน อัฐิธาตุกลายเป็นพระธาตุ หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ กล่าวถึงภัยพิบัติ

เวลาเหลือน้อย....เร่งบรรลุโสดาบันทันทีก่อนมีภัยพิบัติ จึงเรียกว่าเป็น 'ผู้ไม่ประมาท'

รอดพ้นภัยพิบัติ "เร่งลัดบรรลุโสดาบัน" หลักสูตร 30 ชั่วโมง

การเตรียม 'ใจ' รับภัยพิบัติ (ในวัฏฏะอันน่าสงสาร)


ติดตามทาง Facebook กาขาว

รวมบทความและกระทู้โดย 'กาขาว'



.

 

ทางโลก
- ได้มีโอกาสฝึกการใช้อุปกรณ์ยังชีพ การจัดเตรียมอุปกรณ์ยังชีพที่เหมาะสม (ขอบคุณพี่ Kitcamp ที่ให้คำแนะนำดีๆ เสมอครับ)
- ได้มีโอกาสฝึกซ้อมจำลองเหตุการณ์ภัยพิบัติ ว่าควรมี process-flow อย่างไร ควรมี Backup-plan อย่างไร
- ได้มีโอกาสฝึกการใช้วิทยุสื่อสารสมัครเล่น เพื่อไว้ในเหตุการณ์ฉุกเฉินและเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้
- ได้มีโอกาสศึกษาการดำรงชีพในป่า การทำอาหารกลางป่า การจุดไฟ การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่สังคมในเมืองได้ (ต้องขอบคุณเพื่อนๆ ในเว็บพลังจิต ที่ให้วิทยาทานความรู้เหล่านี้ด้วยครับ)
- ได้มีโอกาสฝึกการใช้ปืนพก หลักการต่อสู้ระยะประชิด เพื่อป้องกันภัยจากผู้ที่ประสงค์ร้าย
- ได้มีโอกาสศึกษาการวิเคราะห์แผนที่ทางภูมิศาสตร์ (Topograhic Map) , ธรณีวิทยาเบื้องต้น เพื่อหาที่ดินที่เหมาะสมแก่การหลบ&ตั้งตัวใหม่หลังภัยพิบัติ
- ได้มีโอกาสวางแผนการเงิน เพื่อจัดความสมดุลทางการเงินในชีวิตปัจจุบัน และชีวิตในอนาคต รวมทั้งการเตรียมการเพื่อภัยพิบัติ
- ได้มีโอกาสฝึกความยับยั่งชั่งใจ ไม่ตามใจตัวเองเพื่อซื้อของฟุ่มเฟือย ฝึกการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งของที่จำเป็นในชีวิต
- ได้มีโอกาสพบปะท่านผู้ทรงความรู้ในด้านภัยพิบัติต่างๆ และรับทราบช่องทางข่าวสาร & หลักการ & วิธิการ & แนวคิด & ผลการสำรวจ-วิจัยล่าสุด & สถานการณ์ปัจจุบัน ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก (อันนี้ต้องขอบคุณทีมงานที่จัดงานเจาะลึกภัยพิบัติ 2012 ด้วยครับ)

ทางธรรม
- ได้มีโอกาสฝึกมรณนุสติมากขึ้น เกิดความไม่ประมาทในการใช้ชีวิตที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
- ได้มีโอกาสฝึกการใช้หลักเหตุผลมาวิเคราะห์ข้อเท็จจริง จากข่าวลือที่ถาโถมเข้ามา
- ได้มีโอกาสฝึกการพิจารณากลุ่มคน ว่าเป็นผู้มีสัมมาทิฏฐิ หรือมิจฉาทิฏฐิ
- ได้มีโอกาสฝึกอุเบกขา และมุทิตาจิต ต่อกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับกฏแห่งกรรม และกลุ่มคนที่มีจิตอาสา
- ได้มีโอกาสพบกัลยามิตรทางธรรม และครูบาอาจารย์ที่ช่วยส่งเสริมและขัดเกลาจิตใจให้บริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้น
- ได้มีโอกาสนำคำสอนในหลักธรรมน้อมเข้ามาสู่วิถีชีวิตประจำวันมากขึ้น
- เริ่มเข้าใจ point ว่าทำไมพระพุทธเจ้า ท่านทรงไม่สอนสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มบัวเหล่าที่4


ขอบคุณคุณ karun20 ที่ตั้งใจและเสียสละด้วยจิตอาสามาโดยตลอดครับ
"ในหมู่คนดี ย่อมมีคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วย ..เป็นของธรรมดาจึงไม่ควรใส่ใจ
คนไหนดีเราก็สรรเสริญ คนไหนไม่ดีเราก็ออกห่าง ไม่ยกย่อง" (หลวงปู่หลอด ปโมทิโต)

 

มันก้เหมือนการเตรียมตัวไว้ก่อนเพราะบางครั้งมันคาดไม่ถึงเหมือนตอนที่อ.สมิตรเตือนเรื่องซึนามิที่ภาคใต้ ถ้าเตรียมความพร้อมไว้คงไม่ตายเยอะขนาดนั้น คิดเสียว่าช่วยได้หนึ่งคนก้ยังดีกว่าตายหมดเลย คนไทยเรามันก้อย่างนี้แหละวัวหายแล้วล้อมคอกตลอดจนไม่มีวัวเหลือแล้ว เหมือนอ่านบทความของใครคนหนึ่งจำไม่ได้เรื่องการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติน้ำท่วม ถ้าเราเตรียมตัวดี หมู่บ้านเตรียมตัวดีก้ไม่ต้องรอพึ่งรัฐบาลเสียอย่างเดียวอย่างน้อยเราไม่อดอยากด้วย ส่วนใครไม่เชื่อก็เรื่องของเขา สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ฉันใดก็ฉันนั้น

 

ดิฉันและครอบครัวเชื่อเรื่องภัยพิบัตินี้มากๆเลยคะ มีเหตุผลหลายประการที่ทำให้ดิฉันและครอบครัวเชื่อ แต่ถ้าจะให้พูดก็คงจะเป็นเรื่องที่ยาวพอสมควร เอาเป็นว่าครอบครัวของเราเชื่อเรื่องนี้มากๆ และครอบครัวเราก็ได้เตือนซึ่งกันและกันไม่ให้ประมาทในชีวิต เร่งทำความดีทุกๆคน ปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลยนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ท่านผู้จัดทำเรื่องราวเตือนภัยพิบัติทุกคนสู้ต่อไปนะคะ แม้จะมีบุคคลที่เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง อย่าคิดมากนะคะ ใครเชื่อก็ถือว่าเป็นบุญของผู้นั้นจะได้เร่งทำความดีมากๆขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรคะ เพราะสัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นของตนค่ะ สู้ๆนะคะ ดิฉันเป็นกำลังใจให้คะ

 

ประโยชน์ที่เห็นชัดได้แก่
1. ทำให้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ เตือนสติตนเองได้มากขึ้น บ่อยขึ้น (ถึงยังทำไม่ได้ทุกลมหายใจเข้าออก แต่ก็รู้ว่าไงก็ต้องตาย)
2. ลดการมองตัดสินคนอื่น แต่กลับเข้ามามองและดูใจตนเอง มีเมตตามากขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น
3. ทำให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยมากยิ่งขึ้น รู้สึกอบอุ่นใจเพราะรู้ว่าไม่มีที่ใดเป็นที่ลับมีแต่ที่สว่าง เพราะองค์พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สถิตอยุ่ในทุกหนแห่ง
4. รักษาศีลได้ดีขึ้น แต่พัฒนากุศลกรรมบท 10 ได้มากขึ้น
5. ได้กลุ่มเพื่อนที่สนใจทางธรรมมากขึ้น
6. นอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะไม่กังวลฟุ้งซ่านจนเก็บเรื่องต่างๆมาคิดเหมือนเมื่อก่อน แต่ยังคงมีฝันฟุ้งซ่านอยู่

 

ประโยชน์คือ
1. มีเรื่องคุยในวงเหล้า
2. มีเรื่องคุยในวงไพ่ (ไม่ได้คุยตอนเล่น แต่คุยหลังเล่นเสร็จ)
เช่น พอเสีย ก็บอกว่า เดี๋ยวโลกก็แตกแล้ว พวกม..งไ้ด้เงินไปก็ใช้ได้ไม่นาน
หรือ พอได้ .. ก็ปลอบ พวกที่เสีย ด้วยประโยคข้างต้น

คิดออกแค่นี่ ... คงโอเคนะ

 

เพิ่มเติมอีกนิด ^^
7. ทำให้มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต คือพระนิพพาน โดยอย่างน้อยที่สุดในชาตินี้ก็ขอให้เข้าถึงความเป็นโสดาบันเป็นอย่างน้อย เพื่อประโยชน์สุขทั้งต่อตนเองและผู้อื่นด้วยความไม่ประมาท ค่ะ

 

อนุโมทนาค่ะ คล้ายๆ กันค่ะ บางครั้งก็ย่อหย่อนลงไปบ้าง
หากช่วงไหน มีข่าวเคลื่อนไหวเรื่องภัยพิบัติ ก็กระตุ้นเตือนใจตัวเอง
อีกครั้ง ว่าอย่าประมาท "วันเวลาล่วงไป เราทำอะไรอยู่"

 

^^ โมทนาบุญ สาธุเช่นกันค่ะ เป็นกำลังใจให้กัน แม้ไม่เคยรู้จักกัน แต่ขอบคุณมากนะคะ ถือเป็นกัลยาณมิตรในเส้นทางธรรมที่มีเป้าหมายเดียวกัน

 

ใช่เลยค่ะ อย่าประมาท "วันเวลาล่วงไป เราทำอะไรอยู่"
เข้ามาเสพข่าวนานมาแล้ว
และนำไปใช้เพื่อเร่งรัดตัวเองและคนใกล้ชิด
ทุก ๆ กระทู้ล้วนมีประโยชน์มากบ้างน้อยบ้าง
แต่ก็ทำให้สามารถเตรียมตัวอย่างคนมองเห็นทางข้างหน้า
แม้รางๆ ก็ยังดีกว่ามืดมิด

 

บางคน มา ... เพื่อหน้าทีอะไร คงรู้ เรามาสร้างบารมีด้านไหนให้สูงขึ้น .. คนบางคน ก็ไม่มี บารมีพอที่จะ รับ อะไรๆ บางอย่าง เพียงผ่านมาก็ผ่านไป ... อ่านแล้ว รู้แล้ว ก็ไม่เห็นกระทบใจ

 

นั่งติดตามบอร์ดนี้มานาน หลายๆ กระทู้

นึกเปรียบเทียบดู

นาย ก มีบ้านอยู่หมู่บ้านตาขาว
วันหนึ่ง นาย ก เดินไปกับนาย ข เจอหมอดูคนหนึ่ง

หมอดูทักว่า ระวังไฟไหม้บ้านน่ะ แถวนี้ นาย ก ซักถามรายละเอียด หมอดูก็บอก

นาย ก มีทางเลือกอย่างไร

นาย ก อาจไม่เชื่อคำทักของหมอดู คิดว่าไร้สาระ ไม่ทำอะไร
นาย ก อาจเอามาคิดดู เอ๊ะ! เป็นไปได้เหมือนกันแฮะ ไปซื้อเครื่องดับเพลิงมาไว้ติดบ้านดีกว่า
นาย ก อาจเชื่อมาก อพยพไปจากบ้านในเวลาที่หมอดูทักว่า จะมีไฟไหม้
หรือนาย ก อาจเชื่อมากจนขายบ้านทิ้ง ไปอยู่ที่อื่น

อาจเป็นอย่างไรก็ได้ ขึ้นกับว่านาย ก เป็นคนอย่างไร

ส่วนนาย ข พอได้ยินหมอดูทักนาย ก นาย ข รีบเอาไปบอกชาวบ้านตำบลตาขาว ทั้งตำบล

ชาวบ้านจะทำอย่างไร

ก็ทำเหมือนนาย ก น่ะแหละ มีทางเลือกที่เป็นไปได้หลายทาง แต่เมื่อมีหลายคน หลายความคิดก็อาจทำต่างๆ กันไป

ตานี้ถึงเวลา ไฟไม่ไหม้ตามคำทำนาย

ชาวบ้านที่ขายบ้านไป เดือดร้อนกว่าเพื่อน เพราะขายบ้านไปแล้ว
ชาวบ้านที่อพยพไปอยู่ที่อื่นในช่วงนั้น เดือดร้อนน้อยกว่า
แม่ค้าในหมู่บ้านพลอยเดือดร้อน ขายของได้น้อย

มีการถามหาว่าใครจะรับผิดชอบ ความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการที่เหตุการณ์ไฟไหม้ไม่เกิด

ใครผิด? หมอดู? นาย ก? นาย ข? ชาวบ้าน?

ในบอร์ดนี้ ผมเห็นมีทั้ง หมอดู นาย ก นาย ข ชาวบ้าน
หมอดู กับนาย ก คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร ไม่ได้ลบหลู่น่ะ หมอดูเก่งๆ เยอะแยะ
นาย ข ก็ประเภทลอกกระทู้นี้ ไปใส่กระทู้โน้น ลอกกระทู้โน้น ไปใส่กระทู้นั้น แถมใส่ไข่อีกด้วย
ทำเหมือนว่า คนอ่านเขาไม่รู้จักเปิดอ่านเอง ต้องรอให้ยัดเยียดให้
ชาวบ้านก็คือคนที่เข้ามาอ่านๆ แล้วเก็บข่าวไป โดยไม่ใช้ความคิดไตร่ตรองเลย ยิ่งเจอนาย ข ยิ่งไปกันใหญ่

ใครผิดดี

สำหรับผมคำเตือนช่วยให้รู้จักไตร่ตรอง คิดหาเหตุผล ได้สติกับชีวิตขึ้นมาเยอะ ได้คิดว่า ถ้ามันเกิด จะทำอย่างไร เตรียมตัวอย่างไร ไม่ประมาทกับชีวิต

อนุโมทนากับท่านผู้เตือนทุกท่านครับ

 

ชัดเจนที่สุดแล้วครับ คุณ metha9999

เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ว่าคนในนี้เค้าคุยอะไรกัน ก็น่าสงสารเค้ามาก

ส่วนที่ดีและเป็นประโยชน์ซึ่งมีมากกว่ากลับมองไม่เห็น




ผมเชื่อว่าคนในห้องนี้ส่วนใหญ่สามารถแยกแยะได้ว่า ความเชื่อ กับความงมงายมันต่างกัน

 

คนในห้องนี้ส่วนมากปัญญาชนพอที่จะมองออก เข้าใจได้ว่าแต่ละคนที่โพสเป็นคนยังไงกันบ้าง นิสัยดี นิสัยแย่ปะปนกันไป ตามธรรมดาของมนุษย์ที่ยังมีกิเลสปกคลุมทุกคน อย่างเช่นตัวเราเป็นต้นก้อแย่หลายๆอย่างต้องคอยปรับปรุงต่อไป

 

ยิ้มสู้ : Smiles

​

ด้วยพระบารมีล้นเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ นอบน้อมอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ <o></o>​

ยิ้มสู้ : Smiles
<o></o>​

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช

คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ<o></o>​

ลิขสิทธิ์: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช

อัญเชิญขับร้องโดย วง Ionion<o></o>​

[FONT=4805KwangMD_Influenza]โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป[/FONT]

[FONT=4805KwangMD_Influenza]จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]คนเป็นคนจะจนหรือมี[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ยามปวงมารมาพาลลบหลู่[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป[/FONT]
[FONT=4805KwangMD_Influenza]จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ[/FONT][FONT=4805KwangMD_Influenza]
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน[/FONT]
​

<table style="" class="MsoNormalTable" border="0" cellpadding="0"><tbody><tr style=""><td style="border: medium none rgb(240, 240, 240); padding: 0.75pt; background-color: transparent;" valign="top">เกร็ดน่ารู้

เพลงพระราชนิพนธ์ ยิ้มสู้ : smiles เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๑๖ ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องภาษาไทย เพื่อเป็นการปลอบขวัญ และให้กำลังใจแก่คนตาบอด แล้วพระราชทานให้นำไปบรรเลง ในงานสมาคมช่วยคนตาบอด ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันเสาร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๔๙๕ ส่วนคำร้องภาษาอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงนิพนธ์ในปีต่อมา

​

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1838046/[/MUSIC]<o></o>​

</td></tr></tbody></table>
<o>
</o>