เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 17 เมษายน 2011.

  1. เม่นจัง

    เม่นจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +401
    อยากจะขอความรู้จากอาจารย์แก้วสว่าง คุณโต้ง คุณรัก น้าต๋อย พี่รุ่ง และเพื่อนๆทุกท่านนะครับว่า ถ้าเรามีพระของเกจิหลายๆองค์ เราควรจะห้อยเดี่ยวหรือจัดเป็นชุด 3 องค์ หรือ 5 องค์ ดีครับ พุทธคุณจะต่างกันไหมครับ หรือถ้าเรามีพระเกจิเดียวแต่หลายรุ่น เราควรจะแขวนรวมใหมครับ เช่น มีพระหลวงปู่ทิม 3 องค์ ควรจะแขวนรวมเลยหรือเปล่า และระยะเวลาในการทดลองแขวนพระเพื่อให้มีประสบการณ์ควรแขวนกี่วันครับ ผมแขวนพระหลวงปู่มา ไม่มีประสบการณ์มากครับ แต่ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ การงานก้าวหน้า ศัตรูไม่สามารถทำอะไรเราได้ อย่างนี้เรียกว่าประสบการณ์หรือเปล่าครับ หรือท่านอื่นมีประสบการณ์หรือข้อแนะนำอะไร แนะนำได้นะครับ ขอบคุณท่านผู้รู้ทุกท่านครับ
     
  2. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,850
    ใครว่าแขวนเดี่ยวดีกว่าแขวนรวมผมไม่เชื่อครับ ตอนที่ผมเกิดอุบัติเหตุบนคอผมมีพระสามองค์(มีพระหลวงปู่องค์หนึ่ง) และเหน็บพระและเครื่องรางหลวงปู่ไป 5 องค์ รถพังหมดแต่ผมไม่เป็นไรเลยไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียว ผมเชื่อว่าพระท่านเกื้อหนุนกันครับ และที่สำคัญเราต้องเชื่อมั่นและศรัทธาท่านครับ "ศรัทธามีบารมีเกิด"
    ลองไปอ่านดูครับ
    ปาฎิหารย์รอดตายด้วยบารมีหลวงปู่ทิม
     
  3. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    <o></o>
    [FONT=&quot]( ต่อจากตอนที่แล้ว) การได้เรียนรู้ถึงอำนาจของจิตอย่างถูกหลักและสามารถที่จะเข้าใจให้ถึงความถูกต้องของวิชาการอาคมอย่างถูกวิธีนั้น หลวงปู่ทิมท่านได้เพียรพยายามค้นคว้าศึกษาวิชาอาคมจากตำราโบราณที่ตกทอดกันมา และหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ได้เพียรพยายามแสวงหาร่ำเรียนวิชาอาคมหรือสรรพวิชาต่างๆจากอาจารย์ผู้เรืองอาคมมาจนสามารถที่จะเรียนรู้และเข้าใจกันอย่างแจ่มแจ้งถึงหลักสำคัญของวิชาอาคมต่างๆนั้นได้ อย่างเช่นการเสกเสือเพื่อให้มีอำนาจพุทธคุณที่ดี ที่สามารถคุ้มครองป้องกันจากภัยได้นั้น การที่ได้สื่อใช้จิตเพื่อให้มีอำนาจในการสร้างจิตวิญญาณของเสือที่ดีเพื่อให้มีอำนาจบารมีพุทธคุณของเสือที่ได้บำเพ็ญตบะสั่งสมตัวเองจนกระทั่งมันสามารถเกิดฤทธิ์ฌานอำนาจขึ้นมาได้และสามารถที่จะอาศัยบารมีนั้นให้เป็นได้ดั่งจุดประสงค์หลักที่อาจารย์หรือผู้ทรงอาคมนั้นต้องการที่จะได้นำบารมีฌานของเสืออันแก่กล้านั้นมาใช้เป็นสื่อพลังอำนาจอย่างหนึ่งเพื่อที่จะสามารถสื่อนำเอาพลังอำนาจนั้นไปใช้ในแนวทางดำเนินชีวิตหรือเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคชีวิตในทางคุ้มครองป้องกันหรือเพื่อทางทำมาหาเลี้ยงชีพเพื่อชีวิตที่อยู่รอดเพื่อความเป็นปกติสุขและสามารถนำมาใช้เป็นหลักแนวทางในการยึดมั่นและศรัทธาเพื่อการดำเนินชีวิตและอำนวยความสะดวกเพื่อให้เป็นไปในหลักของความต้องการที่ดีของมนุษย์หรือเพื่อเป็นไปในจุดมุ่งหมายหลักของการดำเนินชีวิตให้อยู่อย่างรอดปลอดภัยได้ หลวงปู่ทิมท่านนับได้ว่าเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและสิ้นแล้วซึ่งกิเลสทั้งหลายทั้งปวง และด้วยปฏิปทาที่หลวงปู่ท่านถือครองในหลักปฏิบัติของพระพุทธศาสนาและหลักธรรมอย่างแน่วแน่ จึงทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายและชาวบ้านละหารไร่รวมทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงที่ต่างก็ได้มีจิตศรัทธาและนับถือกันอยู่มากมาย ซึ่งด้วยจิตปรารถนาอันดีของหลวงปู่ทิมนั้นท่านยังเป็นห่วงชีวิตบนโลกมนุษย์ที่ยังต้องมา เวียน ว่าย ตาย เกิด หรืออยู่ในวัฏสงสารที่มันไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะเรื่องความตายนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดแก่ทุกชีวิตและเป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุดในชีวิตที่ไม่มีใครกล้าที่จะปฎิเสธได้[/FONT] [FONT=&quot]ซึ่งคนเราไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องความตาย เพราะคนเรานั้นไม่ค่อยคิด[/FONT] [FONT=&quot]แต่ส่วนใหญ่คนเรามีความต้องการที่จะอยู่มากและ ทุกคนนั้นเหมือนต้องการที่จะอยู่กันทั้งนั้นไม่มีใครที่จะอยากตาย ซึ่งคำบาลีนั้นกล่าวไว้ว่า[/FONT] "[FONT=&quot]กมฺมุนา วตฺตติ โลโก " สัตว์โลกย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกรรมหรือโลกหมุนไปตามกฏของกรรม เรื่องของโลกเป็นเช่นใดนั้นเรื่องของชีวิตก็เป็นดั่งเช่นกันอยู่ที่กาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่ทุกเวลา ถึงแม้จะมีอำนาจสักปานใดหรือยิ่งใหญ่เพียงใหน ใครๆเขาก็จะเทิดทูลและเคารพบูชาสักเท่าใดก็ตามทีต้องถึงจุดจบดังที่หมายคือ ความตาย เท่านั้นซึ่งเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นก็เหมือนดั่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ให้คิดถึงความตายนั้น ก็เพื่อให้รู้ว่าเราจะต้องตาย[/FONT][FONT=&quot]เราหนีจากความตายไปไม่พ้น และเมื่อรู้ว่าเราจะต้องตาย[/FONT] [FONT=&quot]หนีจากความตายไปไม่พ้นแล้ว เราควรจะได้ใช้ชีวิตเท่าที่เหลืออยู่นี้[/FONT] [FONT=&quot]ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการประกอบหน้าที่ที่เราจะต้องกระทำ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สมบัติต่างๆ[/FONT][FONT=&quot]ที่มันเป็นกิเลสมูลทั้งหลายที่มนุษย์ทุกคนยังต้องลุ่มหลงหรือหลงใหลอยู่อย่างละเว้นไม่ได้นั้น หลวงปู่ทิมท่านได้เรียนรู้และเข้าใจเห็นถึงวิถีหลักของการที่มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายยังต้องมีการเสวยสุขกับทรัพย์สินเงินทองหรือสิ่งของต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้สมมุติขึ้นหรือสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้สอยกันเพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์ที่ได้เกิดมาใช้ชีวิตยังบนโลกมนุษย์นี้ได้ แต่มนุษย์ทุกคนส่วนใหญ่นั้นก็ยังเกิดกิเลสมูลทั้งหลายถึงความอยากได้และความอยากมีเพื่อให้มีชีวิตที่เกิดมานั้นจะได้มีความเป็นอยู่กันอย่างสุขสบายจึงยังต้องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นหรือการกอบโกยความเห็นแก่ตัวในสังคมโลกมนุษย์โดยอยู่ในหลักของความดีและความชั่วหรือการประพฤติดีประพฤติชอบในสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ยึดถือกันในการปฏิบัติในสิ่งต่างๆอันโดยชอบได้ ซึ่งมันก็เป็นผลของการกระทำโดยที่มนุษย์ยังไม่อาจที่จะเข้าใจถึงหลักสัจธรรมที่แท้จริงของชีวิตได้ ซึ่งก็มีคำพุทธพจน์นั้นได้เขียนเตือนสติให้ทุกคนนั้นพึงระลึกถึงกันอยู่เสมอไว้ว่า [/FONT]“[FONT=&quot] เจ้าเกิดมาแต่ตัวเจ้าเอาอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่ความสุขสนุกไฉน เจ้ามามือเปล่าเจ้าจะเอาอะไร ถึงเวลาเจ้าก็จากไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา [/FONT]“[FONT=&quot] ซึ่งก็เป็นคำพุทธพจน์ที่เป็นอุทาหรณ์สอนให้ทุกคนนั้นมีจิตที่พึงระลึกและพึงสังวรณ์กันไว้ในเรื่องสัจธรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้<o></o>[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]การที่เกจิอาจารย์หรือผู้ที่เรืองอาคมต่างๆได้มีความต้องการที่จะสื่อใช้อำนาจบารมีของเสือมาเป็นเครื่องรางของขลังเพื่อให้มีฤทธิ์อำนาจขึ้นมาเพื่อที่จะได้นำอานุภาพของฤทธิ์อำนาจนั้นมาใช้เป็นหลักในการคุ้มครองและปกป้องผองภัยอันตรายใดๆเพื่อให้มนุษย์ทุกชีวิตนั้นอยู่อย่างรอดปลอดภัยได้ ยิ่งในยุคสมัยโบราณก่อนนั้นเขาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญอันดีที่ได้เห็นคุณค่าถึงจุดมุ่งหมายหลักสำคัญของการที่ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องรางของขลังที่ได้ขึ้นชื่อว่า เสือนั้นเกจิอาจารย์และผู้ทรงอาคมจะต้องสื่อได้ถึงอำนาจบารมีของเสือจึงสามารถวิเคราะห์เจาะจงถึงหัวใจหลักสำคัญอันดีที่จะได้รับรู้และได้เห็นถึงอานุภาพความอาถรรพ์ในตัวของเสือ จึงสามารถที่จะพยายามสื่อใช้อำนาจบารมีของเสือที่มันสามารถสร้างบารมีตัวเองมานั้นจนเกิดฤทธิ์อำนาจที่จะนำไปใช้ในการป้องกันดูแลและเป็นที่พึ่งพิงแก่มนุษย์นั้นได้ ซึ่งการที่จะทำให้เกิดฤทธิ์อำนาจที่ดีนั้นก็อยู่ที่การสร้างจิตวิญญาณให้ถูกต้องและถูกหลักเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้อย่างมั่นอกมั่นใจหรือใช้ได้อย่างมีคุณภาพที่เห็นได้ และอำนาจพุทธคุณของเสือที่ดีนั้นผู้ปลุกเสกจะต้องสามารถใช้พลังอำนาจจิตของตัวเองให้สถิตลงไปในหัวใจหลักของเสือที่ได้ถูกปลุกเสกขึ้นนั้น ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะทำได้จะต้องมีการศึกษาเรียนรู้ถึงธรรมชาติชีวิตของเสือและเข้าใจในความรู้สึกการสื่อสายสัมพันธ์กันได้ดีจึงจะสามารถใช้จิตของตัวเองนั้นสื่อเข้าไปสู่ยังจิตวิญญาณของเสือได้อย่างถูกต้อง อำนาจสมาธิของเกจิอาจารย์หรือฆราวาสผู้ทรงอาคมในการสร้างจิตอำนาจของตัวเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะสามารถแผ่พลังอำนาจจิตอันมีฤทธิ์หรือการภาวนาจิตอันมั่นคงเพื่อเป็นกระแสอำนาจจิตให้ลงเข้าไปสู่หัวใจหลักสำคัญของเสือเพื่อให้เกิดอานุภาพที่ดีได้อย่างถูกหลักจึงสามารถที่จะนำพุทธคุณที่ดีที่ได้ปลุกเสกขึ้นนั้นนำไปใช้ให้บังเกิดผลที่ต้องการและเป็นประโยชน์ที่ดีต่อผู้ที่ได้นำไปใช้ ซึ่งอำนาจพุทธคุณของเสือที่ดีที่ได้ปลุกเสกจนเกิดฤทธิ์อำนาจหรือเกิดอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นนั้นจึงทำให้มีความเชื่อกันว่าพลังอำนาจของเสือนั้นสามารถพิชิตอำนาจอื่นใดได้หรืออาจเหนือกว่าอำนาจอื่นใด แต่พลังอำนาจของทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะนอกเหนือไปกว่าอำนาจของแรงกรรมซึ่งเป็นแรงที่เกิดจากผลกรรมหรือผลการกระทำของตนเองในสิ่งที่เป็นอกุศลหรือจะเรียกกันว่าการสร้างบาปกรรมหรือการก่อเวรก่อกรรมซึ่งเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลของกรรมที่ได้กระทำหรือล่วงเกินกันนั้นขึ้นมา ซึ่งก็จะเรียกกันว่าผลกรรมหรือแรงกรรมก็ได้ และในพระพุทธศาสนานั้นไม่ได้บัญญัติไว้ว่าอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆหรืออำนาจของผลบุญที่ได้กระทำจะมาลบล้างอำนาจของแรงกรรมลงไปได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะมาลบล้างอำนาจของแรงกรรมได้คือการได้ชดใช้ในสิ่งที่เคยได้กระทำหรือล่วงเกินกันมาซึ่งการจะหมดสิ้นจากแรงกรรมนั้นคือการให้ได้รับการอโหสิกรรมหรือการอนุโมทนาจากเจ้ากรรมนายเวรที่ได้ชดใช้จนหมดสิ้นและได้รับผลบุญนั้นเติมเต็มขึ้นมาเพื่อให้เป็นอานิสงส์ผลบุญที่ดีต่อไป ซึ่งบางครั้งผลของกรรมที่เจ้ากรรมนายเวรนั้นเกิดการอาฆาตหรือสาปแช่งไปให้เกิดขึ้นในหลายชั่วภพหรือจองจำจองเวรไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับการอนุโมทนาหรือการให้อภัยกันซึ่งเราจะเห็นว่าผลกรรมนั้นก็ไม่มีใครที่จะสามารถล่วงรู้ได้ว่าได้ก่อกรรมหรือกระทำอะไรไว้บ้างเมื่อชาติที่แล้วๆมา และเราจะเห็นได้ดั่งคำกล่าวที่หลวงปู่ทิมท่านจะสอนให้ทุกคนนั้นทำแต่คุณความดีหรือประกอบแต่คุณงามความดี ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงผลที่ได้กระทำความดีเพื่อเป็นทุนรอนสะสมไว้ต่อไปในภายภาคหน้าเพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ และบางครั้งเราอาจจะคาดคิดได้ว่าแรงอานิสงฆ์ผลบุญที่เราได้ทำแต่ความดีบางครั้งเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตและจองจำไปในทุกๆชาติอาจจะได้รับอานิสงฆ์และผลบุญที่ดีและส่งผลให้ลดแรงอาฆาตพยาบาทลงได้บ้างแต่จะมากหรือน้อยนั้นก็อยู่ที่แรงอำนาจจิตศรัทธาที่มีอยู่กันอย่างเช่น การกรวดน้ำเพื่ออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรซึ่งเราจะทำกันในทุกครั้งที่เราทำบุญเพื่อที่จะส่งผลบุญนั้นไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ล่วงเกินกันมาซึ่งไม่ว่ากี่ภพหรือกี่ชาติก็ต้องอุทิศกันไปเพื่อลดแรงของอำนาจกรรมซึ่งบางครั้งมันจะหนักก็ให้เป็นเบาได้แต่ต้องให้มีจิตศรัทธายึดมั่นที่แน่นอนถึงจะส่งผลนั้นได้ เราจะเห็นแม้ว่าบางครั้งถ้ากรรมนั้นหนักมากก็อาจจะต้องบวชให้หรือถือศีลกินเจให้เพื่อลดแรงกรรมที่บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรนั้นยอมไม่ได้ แต่ถ้าให้ปฎิบัติตามหรือขอร้องให้ปฏิบัติก็อาจจะช่วยลดแรงของกรรมนั้นได้บ้างเมื่อเจ้ากรรมนายเวรนั้นได้รับผลบุญที่ดีได้ เพื่อที่เกิดมาในชาติต่อไปก็จะสามารถที่จะลดแรงอาฆาตกันหรือให้มันเบาบางลงไปกันได้ แต่ทั้งนี้ธรรมชาตินั้นอาจเป็นตัวกำหนดผลบุญและผลกรรมหรือชะตาชีวิตขึ้นมาก็ได้เพื่อที่จะให้มนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐที่ได้ถือปฏิบัติกันมาโดยยึดเข้าตามหลักทำนองครองธรรมหรือแนวทางการดำเนินชีวิตที่ธรรมชาตินั้นกำหนดขึ้นมาโดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้แนะนำและสั่งสอนการดำเนินชีวิตที่ดีเพื่อให้เกิดความเป็นไปในชีวิตความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งเราจะเห็นแล้วว่าอำนาจใดๆที่จะมานอกเหนือกว่าอำนาจของแรงกรรมนั้นไม่มี แต่การสร้างอำนาจของผลบุญหรือเราอาจจะเรียกว่าการสร้างบารมีหรือการสั่งสมบุญเพื่อนำพาไปสู่หนทางแห่งอริยะมรรค ซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีอุปสรรคต่างๆนาๆในการสั่งสมเพื่อสร้างบารมีซึ่งบางครั้งมันอาจจะเป็นอิทธิพลของแรงกรรมที่มีอยู่ก็เป็นไปได้ ซึ่งเราก็จะต้องผ่านในอุปสรรคนั้นให้ได้หรือเราอาจจะต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและวัตถุมงคลต่างๆที่มีจุดประสงค์ที่ดีที่ได้สร้างกันมาเพื่อให้เป็นแรงแห่งความยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจหรือเป็นกำลังใจไม่ให้เกิดความย่อท้อต่อกับชีวิตและโชคชะตาหรือเพื่อช่วยหนุนนำให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆที่ได้ประสบกันนั้นเพื่อเป็นหนทางไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีโดยเฉพาะจิตที่ยึดมั่นและศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกันมาก และวัตถุมงคลที่ได้สร้างกันมาเพื่อจุดมุ่งหมายอันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการดำเนินกิจที่แท้จริงของชีวิตได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านได้มีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่ได้ปลุกเสกเสือซึ่งฤทธิ์อำนาจของเสือนั้นซึ่งโดยตามความเป็นจริงของธรรมชาตินั้นสามารถที่จะเปรียบได้ดั่งฤทธิ์อานุภาพของเทพเจ้าที่ลงมาสถิตบนโลกมนุษย์ ซึ่งเราอาจที่จะเปรียบเปรยได้ว่า เสือนั้นก็มีฤทธิ์อำนาจที่เหมือนดั่งองค์เทพเทวาหรือองค์เทพเจ้า ที่ยังต้องสถิตลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยมนุษย์ปุถุชนทั้งหลายนั้นมาร่วมสร้างบารมีกันเพื่อให้โลกมนุษย์เรานั้นมีความเป็นอยู่ที่ดี จึงทำให้เสือนั้นสามารถมีฤทธานุภาพที่เสมือนกันกับองค์เทพเจ้าที่มีอิทธิฤทธิ์ที่เชื่อมั่นได้ ซึ่งบางครั้งเราจะเห็นว่าองค์เทพเจ้ายังต้องอาศัยรูปลักษณ์ของเสือมาช่วยสร้างบารมีเพื่อให้เกิดความสมดุลกัน และจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ก็จะได้เป็นปกติสุข โดยได้ยึดถือเป็นหลักแห่งที่พึ่งที่เชื่อมั่นกันได้ แต่การสร้างบารมีนั้นธรรมชาติก็ได้ถือเป็นไปในหลักของความเป็นจริงและความเป็นไปของชีวิตหรือการปรุงแต่งสีสันของมนุษย์เพื่อให้เกิดไปในหลักของความเป็นไปในสังคมของมนุษย์นั้นก็จะต้องมีการพินิจพิจารณาวิเคราะห์กันไป ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วการสร้างบารมีนั้นก็คือหนทางอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดผลห่งอริยะมรรคได้ แต่โดยทางแห่งนิพพานแล้วนั้นมนุษย์เราจะต้องศึกษาเรียนรู้เข้าใจสังคมและหลักของความเป็นจริงของธรรมชาติสามารถเข้าใจในสิ่งที่เป็นกิเลสมูลทั้งหลายเพื่อความถูกต้องตามหลักวิธี และการสร้างบารมีมันก็เป็นรากฐานอย่างหนึ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ดีให้มั่นคงได้เพื่อความเป็นไปในสังคมอันโดยสงบหรือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีเพื่อให้เป็นไปในทางที่สังคมยอมรับนับถือกันได้ [/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]การที่ได้เข้าถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของเสือซึ่งเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์และการเข้าใจในสัญชาตญาณอันดีของมันเพื่อนำมาสื่อใช้เป็นแนวทางสืบสายสัมพันธ์ที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือเพื่อใช้อำนาจจิตในการเรียนรู้เพื่อให้มีความเชื่อมั่นที่จะสามารถเข้าใจให้ได้อย่างลึกซึ้งถึงอำนาจจิตสัมพันธ์อันดีของเสือที่จะสามารถเชื่อมโยงหรือสื่อสารสัมพันธ์ให้สื่อเข้าถึงกันได้ หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ ท่านมีสภาวะจิตที่วิเคราะห์ได้ถึงหลักของความเป็นจริง ซึ่งมันเป็นผลของการที่ได้เรียนรู้และการสื่อสัมพันธ์จากประสบการณ์ที่ว่าเสือนั้นสามารถมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้ถ้าสามารถนำมาสื่อใช้ให้ถูกหลักวิธีหรือถูกหลักความจริงโดยมีการเชื่อมั่นกันอย่างที่เข้าใจกันได้และการที่เสือได้ถูกบันทึกมาเป็นตำนานเล่าขานที่สืบต่อกันมาหรือในตำราโบราณ ซึ่งเกจิอาจารย์จะต้องเชื่อมั่นว่าอำนาจของเสือนั้นสามารถที่จะก่อให้เกิดอำนาจได้ดั่งที่ปรารถนา จึงจะสามารถนำมาใช้ให้เกิดอิทธิปาฏิหารย์หรืออานุภาพที่ดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้นำเสือมาปลุกเสกอย่างถูกหลักการหรือให้มีอำนาจจิตที่ถูกต้องซึ่งก็เปรียบได้ดุจดั่งให้เสือนั้นสามารถมีจิตวิญญาณที่ดีเหมือนดั่งกับให้เสือนั้นมีชีวิตพร้อมที่จะเกิดขึ้นมาได้ และเสือที่ได้ปลุกเสกขึ้นมาจนมีจิตและวิญญาณขึ้นมาได้นั้นก็เปรียบได้ดั่งกับเสือนั้นสามารถมีพลังอำนาจในตัวของมันเอง และการแผ่อำนาจจิตเพื่อเพิ่มอานุภาพอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาจากพลังพุทธานุภาพจากเกจิอาจารย์หรือผู้ทรงอาคมเพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์เหมือนดังที่ต้องการได้ การที่ได้เรียนรู้และประสบการณ์จากครูบาอาจารย์ที่เชื่อมั่นมันย่อมแสดงให้เห็นผลถึงหลักของความเป็นจริงซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เห็นประจักษ์ตากันจึงทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ถึงหลักของวิชาอาคมที่ได้ขึ้นชื่อว่าไสยศาสตร์นั้นมีจริง เป็นสิ่งที่ไม่งมงายสามารถพิสูจน์ได้ แต่ในพุทธศาสนานั้นสอนไม่ให้ยึดติดกับไสยศาสตร์เพียงแต่กล่าวให้ยึดถือและเชื่อมั่นเท่านั้นเพื่อความสะดวกของสังคมบนโลกมนุษย์ โดยยึดถือในหลักของความเป็นจริงในชีวิตได้เท่านั้น<o></o>[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]หลวงปู่ทิมท่านได้เพียรศึกษาและร่ำเรียนวิชาการทางด้านอาคมต่างๆจนเชื่อได้ว่า ไสยศาสตร์และวิชาอาคมต่างๆนั้นมันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ เมื่อได้ลองพิสูจน์จนสามารถรู้แจ้งและเห็นผลได้ประจักษ์ตายิ่ง จึงทำให้มีความเชื่อมั่นได้ว่าวิชาอาคมนั้นไม่ใช่เรื่องที่งมงาย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นสิ่งที่ธรรมชาตินั้นได้สมมุติขึ้นมาเพื่อให้สังคมบนโลกมนุษย์นั้นมีความเชื่อถือและศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลทางด้านจิตใจเป็นอย่างมากในการที่จะให้คนเรานั้นมีความเชื่อมั่นได้ ซึ่งถ้าในโลกมนุษย์ทุกวันนี้ปราศจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ทั้งหลายคงจะเข่นฆ่ากันโดยไม่รู้จักกลัวบาปกลัวกรรมกันหรืออาจอยู่กันอย่างไร้สันติ เราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมตลอดชีวิตท่านจะถือครองเพศพรมจรรย์อันบริสุทธิ์มาโดยตลอด ซึ่งจากประสบการณ์ในยุคที่ท่านถือครองเพศฆราวาสท่านได้รับรู้ถึงความเชื่อมั่นในสิ่งต่างๆที่ได้ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่หรือความเป็นไปในธรรมชาติของชีวิตมาอย่างรู้แจ้งเห็นจริง ซึ่งมันอาจจะเป็นเหมือนดั่งที่สวรรค์สรรสร้างส่งท่านให้มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ก้าวเจริญรุ่งเรื่องต่อไปอย่างดียิ่ง และการที่ได้รับรู้ถึงหลักสัจธรรมอันเที่ยงแท้ของชีวิต จึงได้บังเกิดเป็นผลขึ้นจึงทำให้หลวงปู่ทิมท่านได้เพียรศึกษาและเรียนรู้สรรพวิชาอาคมต่างๆเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้อยู่กันอย่างปกติสุข และได้เจริญตามรอยในการสืบทอดพุทธศาสนาโดยยึดหลักธรรมอย่างเคร่งครัดเพื่อให้พระพุทธศาสนานั้นเป็นที่ศรัทธาและเชื่อมั่นได้[/FONT] [FONT=&quot]และสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีที่ทุกคนนั้นได้สามารถเจริญรอยตามแนวทางการปฏิบัติและปฏิปทาที่ดีของหลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่เพื่อเป็นเกียรติคุณอันดีให้ทุกคนนั้นได้กราบไหว้บูชาเพื่อระลึกถึงและเป็นอานิสงฆ์ผลบุญที่ดีต่อตัวเองเพื่อที่จะมีชีวิตที่ก้าวเจริญต่อไปในอนาคตให้ดียิ่งขึ้นไป<o></o>[/FONT]
    <o></o><o></o>
    [FONT=&quot]เราจะเห็นว่าแม้จะเป็นเขี้ยวเสือ หนังหน้าผากเสือหรือจะเป็นเสือที่แกะจากไม้ที่ลูกศิษย์ลูกหาได้นำมาให้หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกหรือการภาวนาจิตเพื่อให้เกิดอานุภาพที่ดีอย่างที่เชื่อมั่นได้นั้น หลวงปู่ท่านมีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่ต้องการนำวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนรู้มา ซึ่งเมื่อลูกศิษย์ลูกหาต่างมีจิตประสงค์หรือความต้องการที่ดีที่จะต้องการนำไปใช้ติดตัวเพื่อประโยชน์อันดีกัน หลวงปู่ท่านก็มีจิตที่เมตตาตอบสนองผลที่ดีที่ต้องการให้ชาวบ้านนั้นมีความปลอดภัยจึงได้มีจิตภาวนาที่มั่นคงเพื่อให้วัตถุมงคลต่างๆนั้นมีอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ เสือที่หลวงปู่ทิมท่านมีจิตประสงค์ที่จะปลุกเสกในยุคแรกๆนั้น เมื่อมีชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือก็ได้นำมาให้หลวงปู่ท่านปลุกเสกซึ่งเป็นการปลุกเสกให้เฉพาะกิจหรือเฉพาะเจาะจงกันไปซึ่งอาจจะมีจำพวกที่เป็นเขี้ยวเสือที่หาได้กันมา ซึ่งพอในยุคต่อมาด้วยเขี้ยวเสือนั้นหายาก นายสาย แก้วสว่างซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านก็ได้นำไม้มาแกะให้เป็นรูปเสือขึ้นมา โดยที่หลวงปู่ท่านมีจิตประสงค์เพื่อตั้งใจสื่ออำนาจความรู้และวิชาอาคมที่มีอยู่เพื่อให้อำนาจของพุทธคุณในวัตถุมงคลที่หลายคนเชื่อกันว่าเสือนั้นมีอำนาจพุทธคุณที่เหนือกว่าอำนาจของอวิชาทั้งหลายหรืออำนาจปรากฏการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือที่คาดการณ์ได้ เสือเป็นสัตว์ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความดุร้ายและโหดร้ายซึ่งต่างก็กลัวในอำนาจของมัน ซึ่งอำนาจของเสือนั้นก็สามารถนำมาสื่อใช้ให้เป็นอำนาจของพุทธคุณที่เชื่อมั่นได้ ดังตัวอย่างที่ นายพรวน สายัญ ซึ่งถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ในหมู่บ้านจำพังซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางเหนือของวัดละหารไร่ออกไปเคยได้รับเสือไม้แกะของหลวงปู่ทิมมาตัวหนึ่ง ซึ่งในยุคสมัยนั้นถนนหนทางยังเป็นทางเกวียนการเดินทางมีแต่ป่าเขา โดยนายพรวนได้เล่าว่า ตนไปมาหาสู่ที่วัดละหารไร่อยู่เป็นเนืองๆและมาทำบุญที่วัดทุกครั้งเมื่อเวลามีเทศกาลต่างๆ และมีอยู่ครั้งหนึ่งตนมีอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุได้ กินยาหม้อยาต้มมาจากหมอแผนโบราณมาหลายขนานก็ไม่หายขาดได้ จากนั้นตนตัดสินใจเดินทางมาหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่เพื่อมารักษาอาการที่เจ็บป่วยซึ่งมันก็เป็นๆหายๆ จากนั้นก็ได้มาหาหลวงปู่ทิมที่วัดซึ่งตอนนั้นหลวงปู่ท่านกำลังนั่งสนทนากับลูกศิษย์ลูกหาของท่านอยู่ จากนั้นตนก็ได้ก้มลงกราบหลวงปู่ทิมเมื่อหลวงปู่ท่านเห็นดังนั้นท่านไม่พูดกลับชี้ให้ตนไปนั่งรอที่นอกชาน ซึ่งอยู่ติดกับหอฉันท์ซึ่งตอนนั้นตนเองก็งงทำไมหลวงปู่ถึงให้ไปรอที่นอกชาน ซึ่งพอหลังจากที่หลวงปู่ท่านสนทนากับลูกศิษย์ลูกหาของท่านเสร็จจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้เดินมาที่ตนและได้หยิบขันน้ำมาใบหนึ่งจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้ทำน้ำมนต์อยู่สักพัก จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ให้ตนดื่มน้ำมนต์นั้นจนหมดขัน พอเสร็จจากนั้นตนก็ได้เดินตามหลวงปู่ไปที่หน้ากุฏิ ซึ่งตนเองตอนนั้นก็มีความรู้สึกกระอักกระอ่วมในท้องเหมือนจะอาเจียนเมื่อได้ดื่มน้ำมนต์เข้าไปแต่อาการนั้นสักพักใหญ่ก็เริ่มจะค่อยๆพอทุเลาลง จากนั้นตนก็ได้เล่าสาเหตุอาการเจ็บป่วยต่างๆให้หลวงปู่ท่านฟัง ซึ่งหลวงปู่ท่านก็บอกแต่เพียงว่าให้ระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ แล้วอาการต่างๆก็จะดีขึ้นมาเอง จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้เดินเข้าไปในห้องของท่านแล้วได้หยิบเสือไม้แกะมาให้ตนตัวหนึ่งและหลวงปู่ท่านก็ได้กล่าวแต่เพียงว่าเวลาใช้จงทำจิตให้มั่น หลังจากนั้นเมื่อตนได้รับเสือไม้แกะมาจากหลวงปู่และจากนั้นตนก็ได้ก้มกราบและได้ลาหลวงปู่ไปและตนก็ยังได้จดจำคำที่หลวงปู่ท่านได้กล่าวไว้เสมอแต่ตนเองก็ยังคิดและแปลกใจอยู่ที่ว่าหลวงปู่ทิมท่านรู้ได้อย่างไรว่าตนมีอาการเจ็บป่วยอยู่ทั้งทีตนก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก่อน หรือเราอาจจะคิดได้ว่าท่านสามารถล่วงรู้ด้วยวาระจิตของท่านก็เป็นได้ ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ปฏิบัติตามที่หลวงปู่ท่านบอกก็ได้สวดมนต์ระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ซึ่งตนก็ได้หมั่นทำอยู่เสมอมิได้ขาด ซึ่งตนเองก็ไม่มีอาการเช่นนั้นขึ้นมาอีกจึงคาดคิดว่าตนเองอาจจะคิดเพ้อเจ้อไปเองหรือจิตมันคิดไปเองก็เป็นได้จึงได้คิดว่าตนหายจากอาการที่เป็นอยู่แล้ว จากนั้นมาระยะหลังๆตนเองก็ได้สวดบ้างไม่สวดบ้าง ด้วยความที่ตนเองมีอาชีพทำไร่ทำนาจึงไม่ค่อยมีเวลาจึงได้ห่างหายจากการสวดมนต์ไป และมีอยู่วันหนึ่งตนก็มีอาการแบบนั้นขึ้นมาอีกโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งมีอาการปวดท้องบิดเบี้ยวเหมือนจะอาเจียน ซึ่งตนก็ได้ทานยาก็ยังไม่หาย ซึ่งช่วงเวลานั้นก็เป็นเวลาค่ำมืดดึกดื่นซึ่งบ้านตนก็เป็นบ้านป่าที่อยู่ห่างไกลความเจริญ และตนคงคาดคิดว่าคงต้องตายแน่ๆเพราะทนอาการที่เป็นอยู่ไม่ไหวมันจะเป็นๆหายๆหรือขึ้นๆลงๆ จึงได้แต่นอนทนทุกข์ทรมานอยู่พักหนึ่ง จากนั้นตนจึงได้มีจิตคิดขึ้นมา และจำคำที่หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวไว้เสมอให้ระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ จากนั้นตนก็คิดได้ว่าหลวงปู่ท่านเคยให้เสือมาตัวหนึ่งจากนั้นตนก็ได้เดินไปหยิบเสือที่วางไว้บนหิ้งพระ จากนั้นตนก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานทำน้ำมนต์โดยตักน้ำมาขันหนึ่งแล้วเอาเสือไม้แกะนั้นใส่ลงไปในขัน จากนั้นตนก็ได้จุดธูปสามดอกระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และทำตามคำที่หลวงปู่ทิมท่านบอกกล่าวโดยตั้งจิตให้มั่น ซึ่งตนก็ได้แต่นึกถึงหลวงปู่ทิมและขออำนาจเสือขอให้หายจากอาการที่เป็นอยู่และตนก็ได้ระลึกจิตให้มั่นโดยที่ตนก็ยังมีอาการเจ็บปวดแบบเป็นๆหายๆและทรมานอยู่นานที จากนั้นสักพักพอธูปเริ่มไหม้หมดตนก็ได้ดื่มน้ำมนต์ที่ตนเองได้ตั้งจิตอธิษฐานขึ้นโดยดื่มไปจนหมดขัน พอผ่านไปสักระยะหนึ่งปรากฏว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นก็เริ่มทุเลาลงและค่อยๆหายจากอาการที่เป็นอยู่นั้นได้อย่างปาฏิหาริย์ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อได้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นและเป็นปรากฏการณ์ของอำนาจคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มีอานุภาพเหลือคณานับได้ เมื่อเรามีจิตใจที่ตั้งมั่น ความสำเร็จโดยที่หมายหรือสิ่งที่เป็นอานุภาพที่มหัศจรรย์ที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นก็จะมีอานุภาพได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจ ที่สามารถก่อให้เกิดผลของอานุภาพที่ดีที่เราอาจจะคาดคิดไม่ถึงได้ถึงแรงแห่งพลังอานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใจเราได้ยึดมั่นเพื่อให้ประสบผลเป็นได้ดั่งที่ใจเราต้องการและเพื่อให้เกิดการสัมฤทธิ์ผลที่ดีนั้นขึ้นมาได้นั้น หลวงปู่ทิมท่านได้เคยกล่าวไว้ว่าให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่เสมอซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราได้บูชาและกราบไหว้เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ ให้จิตใจของเรานั้นมั่นคงเสมอเมื่อเจอต่ออุปสรรคต่อสิ่งที่มารบเร้าหรือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้ หรืออาจเป็นกุศลมูลที่เราต้องมาประสบเพื่อให้รอดพ้นจากเจ้ากรรมนายเวรที่ต้องมาเวียนว่าย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เราจะเห็นว่า การได้ที่พึ่งทางด้านจิตใจและการได้ยึดมั่นถือมั่นเพื่อให้รอดพ้นจากกิเลสและเคราะห์กรรมต่างๆ พระพุทธเจ้าท่านได้บัญญัติไว้ว่า ใครทำความดีย่อมได้รับผลดี ใครประกอบความชั่วก็ได้รับผลกรรมกันไป ซึ่งก็ไม่มีอำนาจใดๆจะมากำหนดชีวิตของตัวเราไปได้นอกจากตัวเราเองที่ได้กำหนดทางเดินของชีวิตได้ หรือเปรียบได้ดั่งคำพุทธพจน์ที่ว่า [/FONT]“ [FONT=&quot]ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นอยู่ได้ [/FONT]“[FONT=&quot] ซึ่งเราอาจจะมองในการเลือกเกิดคนเรานั้นมันไม่แน่นอน ซึ่งบางคนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ทำไมบางคนเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยทั้งๆที่คนเราก็เกิดมาเหมือนกัน ซึ่งบางคนคงคิดว่าชาติก่อนตัวเองคงทำบุญมาน้อยคงเกิดมาในตระกูลที่ยากจนได้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มันเป็นเรื่องของการเสวยชาติกรรมหรืออาจเป็นเรื่องของผลบุญและกรรมซึ่งมันอาจจะล้วนเป็นสิ่งที่อาจจะบังเกิดได้เสมอ ซึ่งบางคนที่เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยแต่ไม่ช้าก็อาจจะหมดสูญสิ้นได้ถ้าเขาหมดบุญที่ได้ทำมาหรือกระทำตัวไม่ดีไม่สมกับชาติตระกูลที่ได้กำเนิดมา ซึ่งชีวิตคนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้คือการทำความดีที่มนุษย์ทุกคนทำได้เสมอโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้กระทั่งสัตว์ก็ยังได้เกิดมาในครอบครัวที่เลี้ยงดูอย่างดีหรืออาจจะอยู่อย่างไร้การเหลียวแล มันก็เป็นไปได้ ซึ่งมันอาจจะเป็นผลของการกระทำเมื่อชาติปางก่อน ส่วนใหญ่เราจะคาดคิดกันอยู่เสมอเมื่อเรานั้นทำอะไรไม่ประสบผลสำเร็จก็จะไปโทษตัวเองที่ชาติก่อนนั้นทำบุญมาไม่ถึงหรือไม่ได้ทำมา หลวงปู่ทิม อิสริโกท่านได้กล่าวให้ลูกศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า ให้กระทำแต่คุณความดียึดมั่นในคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งถือเป็นคุณอันยิ่งใหญ่และเป็นคุณที่มีความบริสุทธิ์ที่ไม่มีอำนาจมนต์ดำใดๆจะสามารถมาทำลายล้ายได้ อำนาจของคุณพระทั้งสามประการนี้เป็นคุณอันบริสุทธิ์ที่จะสามารถมีพลังอำนาจของพุทธคุณที่จะก่อให้เกิดอานุภาพที่ดีนั้นอยู่ที่การได้ศรัทธาและยึดมั่นซึ่งมันเป็นเหมือนพลังอำนาจอย่างหนึ่งซึ่งมันอาจจะเป็นกระแสพลังงานอย่างหนึ่งที่สถิตอยู่ในใจเรา และเมื่อถึงเวลาเกิดนำออกมาใช้นั้นก็จะเป็นพลังงานแห่งอานุภาพที่ดีที่จะสามารถนำมาใช้ให้เป็นพลังงานที่เกิดจากพลังอำนาจพุทธคุณในสิ่งที่จิตศรัทธาของเราได้ยึดมั่นต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อจุดประสงค์ความตั้งใจที่ดีได้ เราจะเห็นว่าพลังอำนาจที่อยู่ในตัวเราถือว่าเป็นพลังอย่างหนึ่งที่สามารก่อให้เกิดอานุภาพและปาฏิหารย์ขึ้นได้ถ้าจิตของเรานั้นมีการยึดมั่นและการศรัทธามั่นคงที่ดี เราจะเห็นว่าทุกวันนี้เราได้บูชากราบพระพุทธเพื่อน้อมรำลึกถึงคุณของท่านเพื่อคุณประโยชน์และความสุขที่ดีเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างปกติสุขและมั่นคงเสมอ การรำลึกถึงคุณพระพุทธที่ดีนั้นสามารถก่อให้เกิดอานุภาพที่พึงประสงค์ได้เมื่อมีจิตที่ยึดมั่นได้ ดังตัวอย่างที่หลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวแนะแก่นายพรวนให้ระลึกถึงคุณพระพุทธ ซึ่งถือเป็นอย่างแรกที่ต้องนึกถึงเพื่อขออำนาจพลังแห่งพุทธานุภาพที่ก่อให้เกิดอานุภาพขึ้นได้ ถ้ามีจิตยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องได้ อย่างที่สองก็คือคุณพระธรรมซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคำสั่งสอนที่ให้ทุกคนยึดมั่นและถือมั่นในการทำความดีเพื่อเป็นอานิสงฆ์ผลบุญของตัวเราเองที่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สามารถที่จะเกิดอานิสงส์ของตัวเราเองได้เมื่อได้เชื่อมั่นและศรัทธาอย่างเคร่งครัดและถูกต้องได้สามารถรวมเป็นพลังแห่งอานุภาพที่ดีได้ ส่วนอย่างที่สามคือคุณพระสงฆ์ คือการได้นำหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาเผยแพร่เพื่อการปฏิบัติสิ่งที่ดีและถูกต้องเพื่อให้คนเราได้มีจิตสำนึกที่ดีเพื่อให้ศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและวงการพระพุทธศาสนาให้มีความเชื่อมั่นอันดีเพื่อความเป็นไปในสังคมของโลกมนุษย์จะได้อยู่อย่างสงบสุข[/FONT]<o></o>
    <o></o>
    [FONT=&quot]หลังจากที่นายพรวนได้นำเสือไม้แกะแล้วนำมาอธิษฐานทำน้ำมนต์เพื่อให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ จากนั้นนายพรวนก็ได้ประสิทธิผลของความสำเร็จด้วยพลังแห่งอานุภาพจากอำนาจของพุทธคุณที่ตนนั้นได้มีความยึดถือและเชื่อมั่น ซึ่งหลังจากที่นายพรวนหายจากอาการที่เป็นอยู่ในค่ำคืนตอนนั้น พอรุ่งขึ้นเช้านายพรวนก็ได้เดินทางไปหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่ทันทีเพราะด้วยความไม่แน่ใจจากอาการของตนเองเพราะมันจะเป็นๆหายๆ จากนั้นตนก็ได้มาพบกับหลวงปู่ทิมพอดีและตนก็ได้พูดคุยกับหลวงปู่โดยตนก็ได้เล่าอาการต่างๆให้หลวงปู่ท่านฟัง ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรมากหลวงปู่ท่านก็ได้กล่าวเพียงว่าจงทำจิตให้มั่น แล้วจะหายไปเองซึ่งก็เหมือนกับที่หลวงปู่ท่านกล่าวไว้เมื่อครั้งแรกที่ได้มาหา แต่ตนเองก็ยังไม่สิ้นสงสัยจึงได้เซ้าซี้ถามหลวงปู่อยู่ตลอดจนหลวงปู่ท่านคงจะทนต่อการเซ้าซี้ไม่ได้จึงได้กล่าวกับนายพรวนว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ไปทำอะไรมาเขาถึงไม่สบเอา [/FONT]“ [FONT=&quot] ซึ่งเมื่อตนได้ยินหลวงปู่ทิมท่านกล่าวดังนั้น ตนจึงได้นึกย้อนเหตุการณ์ที่ผ่านมาจึงจำได้ว่าตนได้มีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมู่ละแวกเดียวกันซึ่งมีอาชีพตัดยางและพื้นเพเดิมเป็นคนมาจากทางภาคอีสานซึ่งตอนนั้นก็ได้เกิดการว่ากล่าวและอาฆาตมาดร้ายกันแต่ตนก็ไม่ได้เฉลียวใจอะไรเพราะคิดว่าเพียงด่าทอกันเพื่อให้จบสิ้นกันไป แต่นายพรวนก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกลับเกิดการฆาตแค้นจึงคิดไม่ดีกับตนจึงได้ใช้ที่พึ่งทางไสยศาสตร์หรือเราจะเรียกว่าการทำคุณไสยเพื่อให้ตนนั้นมีอาการต้องทนทุกข์ทรมานในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ได้ซึ่ง เราอาจจะเรียกว่าการเล่นของทางไสยศาสตร์มนต์ดำซึ่งมันเป็นของอวิชา หลังจากที่นายพรวนได้นึกย้อนเรื่องราวต่างๆซึ่งหลังจากที่ได้ทะเลาะกันจากนั้นตนก็ได้มีอาการที่เป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำจากนั้นตนก็ได้พูดคุยปรึกษากับหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็บอกกล่าวให้กำลังใจและบอกว่าความดีจะชนะความชั่วได้ ขอให้ทำจิตให้มั่นระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์และยึดมั่นต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ให้บทสวดมนต์บทหนึ่งไปและให้ตนนั้นหมั่นสวดมนต์บทนี้เป็นประจำอยู่เสมอ แล้วสิ่งไม่ดีก็จะสิ้นหายหรือสิ้นเคราะห์ไปเอง ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ปฎิบัติตามคำที่หลวงปู่ท่านบอกกล่าว ซึ่งหลังจากที่ตนกลับไปถึงบ้าน ตนก็ได้ปฏิบัติตามและกราบไหว้พระระลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์หรือเราจะรวมเรียกว่าคุณพระรัตนตรัยและบทสวดมนต์ที่หลวงปู่ท่านให้มาจากนั้นตนก็ได้หยิบเสือไม้แกะที่อยู่บนหิ้งพระซึ่งเป็นวัตถุมงคลสิ่งเดียวที่หลวงปู่ทิมท่านได้มอบให้และตนก็ได้นำมาห้อยติดตัวใช้ตลอดทุกครั้งแม้กระทั่งเวลานอนซึ่งตนก็ได้ปฏิบัติอย่างยึดมั่นเสมอมา และจากนั้นตนก็ไม่เคยมีอาการแบบที่เคยเป็นอยู่นั้นเกิดขึ้นเลย จนมีอยู่คืนวันหนึ่งขณะที่ตนนอนหลับแล้วได้ฝันไปว่า มีเงาดำดวงใหญ่ได้วิ่งเคลื่อนที่ไปเคลื่อนที่มา จากนั้นเงาดำดวงใหญ่ดวงนั้นก็ได้วิ่งพุ่งเข้ามาที่ตน จากนั้นเงาดำดวงใหญ่ก็ได้วิ่งมากระทบที่บริเวณหน้าอกตนจากนั้นตนก็ได้ล้มหงายลงไป ซึ่งขณะที่ล้มหงายนั้นตนมีความรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองยังไม่ทันที่จะตั้งตัวหรือระวังตัว แต่จากนั้นในฝันนั้นก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีสิ่งหนึ่งมากระตุ้นเร้าให้ตนต้องลุกขึ้นจากนั้นตนก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีอำนาจบางสิ่งบางอย่างมาสถิตอยู่ในจิตตนและจากนั้นในฝันตนก็ได้ลุกขึ้นยืนอีก จากนั้นเงาดำดวงนั้นก็ได้รวมตัวกันอีกแต่ทีนี้เงาดำกลับรวมตัวกันเป็นเงาดำดวงใหญ่จากนั้นเงาดำก็ได้เริ่มที่จะเคลื่อนที่และก็ได้แกว่งไปแกว่งมาอีก จากนั้นเงาดำดวงใหญ่ก็ได้พุ่งเข้ามาที่ตนอีกแต่ก่อนที่เงาดำดวงใหญ่นั้นใกล้จะเข้ามากระทบที่หน้าอกตนก็ได้มีแสงสว่างเป็นดวงใหญ่วิ่งออกมาจากวัตถุมงคลที่ตัวเองห้อยติดตัวอยู่ไปปะทะกับเงาที่มืดดำดวงใหญ่นั้นแตกกระจายออกไป แต่เงาดำดวงนั้นก็ไม่ท้อถอยคราวนี้เงามืดดำดวงนั้นก็ได้รวมตัวกันมาเป็นเงาดวงใหญ่เพิ่มขึ้นอีก จากนั้นก็ได้พุ่งมาที่ตนอีกแต่ทันใดนั้นเองก็ได้มีดวงไฟสว่างพุ่งออกมาจากวัตถุมงคลที่ตนห้อยอยู่อีกแต่คราวนี้ดวงไฟอันสว่างนั้นก็ได้วิ่งไปชนกับเงามืดดำดวงใหญ่จนเงาดำนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆแล้วหายวับออกไปในทันใด จากนั้นตนก็ได้ตื่นขึ้นจากความฝันซึ่งตนเองก็ยังตื่นเต้นกับความฝันอยู่แต่ตนเองก็คิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันธรรมดาคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นตนก็ได้ปฏิบัติตนตามปกติโดยยึดตามคำที่หลวงปู่ทิมท่านได้แนะไว้ โดยเฉพาะบทสวดมนต์ที่หลวงปู่ท่านให้มาและวัตถุมงคลที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวสำหรับห้อยใช้ติดตัวอยู่เสมอและสิ่งที่ลืมไม่ได้คือการรำลึกถึงคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ หรือคุณพระรัตนตรัยซึ่งถือว่าเป็นคุณอันสูงสุด ซึ่งหลวงปู่ท่านให้สวดและระลึกอยู่เสมอมิได้ขาดแล้วสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะมากล้ำกรายได้ ขอให้มีสติที่ยึดมั่นที่ดี ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานตนก็ได้ทราบข่าวจากเพื่อนบ้านว่าคนที่เคยทำไม่ดีกับตนนั้นได้ล้มป่วยลงโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งก่อนที่จะล้มป่วยลงมีคนที่อยู่บ้านติดกันเล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาค่ำคืนดึกดื่นคืนก่อนนั้นเขาได้นั่งสวดท่องคาถาเพื่อที่จะทำพิธีอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังตึงตังอยู่พักหนึ่งแล้วก็หายไปจนรุ่งขึ้นเช้าภรรยาของเขาก็ได้มาพบว่าเขาได้นอนสลบไศลไม่ได้สติปากก็ได้แต่พร่ำเพ้อว่า [/FONT]“ [FONT=&quot]ข้อยยั่นแล้วๆ [/FONT]“ [FONT=&quot]ซึ่งก็ได้แต่พูดซ้ำๆหรือพูดวกไปวนมาสิ่งของที่ทำพิธีที่อยู่ใกล้ตัวก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง จากนั้นก็ได้พากันไปสถานพยาบาลซึ่งได้ตรวจแล้วก็ไม่เป็นไรปรกติทุกอย่าง จากนั้นก็ได้ไปหาหมอผีหรือหมอแผนโบราณให้รักษาก็ไม่เป็นผลใดๆแม้กระทั่งพาไปให้พระรดน้ำมนต์ก็เพียงแค่ให้ความบรรเทาก็ยังไม่หายสิ้นดี ซึ่งเราจะอาจคาดคิดว่ามันเป็นผลของการเล่นของไสยศาตร์มนต์ดำหรือเป็นของอวิชาที่บางครั้งการใช้อำนาจจิตที่ไม่ถูกต้องหรือถูกหลักของพิธีการ หรืออาจโดนอำนาจที่ลึกลับซึ่งมันอาจจะส่งผลสะท้อนกลับเข้าหาตัวเองได้ ถ้าอำนาจจิตหรือพลังอำนาจของตัวเองไม่เพียงพอที่จะปะทะกับแรงอำนาจของสิ่งที่มีพลังอำนาจที่เหนือกว่าได้ และหลังจากนั้นภรรยาของเพื่อนบ้านคนนั้นซึ่งก็ได้นำไปรักษาแล้วก็ไม่เป็นผลดังที่ต้องการต่อจากนั้นเขาจึงได้ขนย้ายสิ่งของกลับถิ่นอีสานไปจนถึงทุกวันนี้โดยที่ยังไม่ทราบผลของชะตากรรมที่ได้เล่นสิ่งที่เป็นของอวิชชาหรือเดรัจฉานวิชาต่างๆ ซึ่งจากนั้นนายพรวนเองก็ได้คาดคิดไปว่าสิ่งที่ตัวเองฝันนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าสอดคล้องกับความเป็นจริงที่ได้ประสบผลกับความฝันที่ตัวเองได้ประสบเห็นได้ และคงคาดคิดว่าเขาคงจะไปเจอดีเข้าแน่หรืออาจจะเจออำนาจเสือของหลวงปู่ที่ตัวเองห้อยติดตัวที่ได้ยึดมั่นมาตลอด ซึ่งมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และการใช้อำนาจจิตในการเล่นของอวิชชาหรือเดรัชฉานวิชานั้นถือเป็นไสยศาสตร์อย่างหนึ่งที่เป็นอำนาจของมนต์ดำแต่ต้องมาพ่ายแพ้กับอำนาจของพุทธคุณซึ่งเป็นอำนาจอันบริสุทธิ์ที่จะไม่มีอำนาจของสิ่งใดในโลกนี้จะมาเปรียบเสมอมิได้เลย [/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]เราจะเห็นว่าอำนาจของพุทธคุณที่ได้อธิษฐานจิตและปลุกเสกไปเพื่อให้เกิดอานุภาพที่ดีและถูกต้องได้นั้น หลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวกับลูกศิษย์อยู่อย่างเสมอว่าการที่ได้ยึดมั่นและถือมั่นนั้นถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากในการที่จะใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุมงคลเพื่อให้บังเกิดผลของอานุภาพพุทธคุณที่ดีและสามารถสื่อใช้วัตถุมงคลนั้นได้อย่างมั่นใจได้ เราจะเห็นว่าทำไมหลวงปู่ทิมท่านจะสอนกล่าวให้ทุกคนนั้นยึดมั่นในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรวมทั้งคุณบิดามารดาและคุณครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือต่างๆซึ่งถือว่าเป็นคุณที่ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีอานุภาพที่บังเกิดผลได้ดีเมื่อนำมาใช้อย่างถูกหลักและเชื่อมั่น เราจะเห็นว่าคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์นั้นซึ่งรวมกันเรียกว่าคุณพระรัตนตรัยหรือพระไตรรัตน์อันหมายถึงแก้วสามดวงหรือแก้วสามประการซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดสามอย่างซึ่งประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ซึ่งเมื่อ<o></o>[/FONT][FONT=&quot]กล่าวโดยสรุปแล้ว[/FONT] [FONT=&quot]พระพุทธเจ้านั้นทรงพระคุณอันประเสริฐ[/FONT] 3[FONT=&quot]ประการด้วยกัน[/FONT] [FONT=&quot]คือ พระปัญญาธิคุณ[/FONT] [FONT=&quot]หมายถึง[/FONT] [FONT=&quot]พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่ทรงผ่านการปฏิบัติและพัฒนาจนสามารถขจัดสรรพกิเลสได้โดยสิ้นเชิง[/FONT] [FONT=&quot]และทรงช่วยชี้ทางให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ได้จริง[/FONT] [FONT=&quot]พระบริสุทธิคุณ[/FONT] [FONT=&quot]คือพระพุทธคุณความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าซึ่งสืบเนื่องจากพระปัญญาธิคุณที่ทำหน้าที่ขจัดอวิชชา[/FONT] [FONT=&quot]ทำให้ตื่นจากความหลง[/FONT] [FONT=&quot]ความเขลา[/FONT] [FONT=&quot]และความหลับใหลเพราะอำนาจของกิเลส[/FONT] [FONT=&quot]พระกรุณาธิคุณ[/FONT] [FONT=&quot]คือ[/FONT] [FONT=&quot]พระพุทธคุณของพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อสรรพสัตย์ที่ทรงช่วยเหลือด้วยการชี้แนะแนวทางในการดับทุกข์และมุ่งไปสู่ความสุขอันแท้จริงคือ[/FONT] [FONT=&quot]นิพพาน และความมีอยู่ของพระนิพพานนั้นมิใช่สภาวะที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของจิต แต่มีอยู่โดยตัวของตัวเอง[/FONT] [FONT=&quot]คือเป็นความจริงในโลกแห่งปรากฏการณ์[/FONT] [FONT=&quot]มีสภาวะที่เที่ยง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดดับสลับกันไปแบบสิ่งต่างๆ ในโลก[/FONT] [FONT=&quot]ที่พ้นไปจากปัจจัยในการปรุงแต่ง ในสภาวะของนิพพานทั้งรูปและนามนั้นย่อมดับไม่เหลือซึ่งก็เปรียบเหมือนกับความว่างเปล่า แต่ในพุทธศาสนานั้นกล่าวว่าพระนิพพาน.เป็นธรรมที่ต้องเห็นด้วยอริยะจักษุ เป็นธรรมอันบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยมรรคเท่านั้นจะพึงถึงได้ซึ่งพระนิพพานจึงมิใช่เรื่องของการเข้าใจ แต่อยู่ที่การเข้าถึงผลจากการปฏิบัติธรรมของตนเอง ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่ได้ยึดในหลักการยึดมั่นของตนเองนั้นสามารถนำมาเป็นแรงของอานุภาพที่ดีได้จากการที่ได้ยึดมั่นและศรัทธาของตนเองเป็นส่วนประกอบหลักด้วยและเราจะเห็นว่าอำนาจของคุณพระรัตนตรัยถือเป็นหลักของอำนาจของพุทธคุณที่ทุกคนนั้นได้ยึดถือและเชื่อมั่นกันแต่จะศรัทธากันมากน้อยเพียงใดแค่ไหนนั้นก็อยู่ที่จิตศรัทธากันของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไรคุณของพระรัตนตรัยหรือคุณแก้วสามประการนี้ก็ยังถือเป็นอำนาจที่สูงสุดที่ยังยึดมั่นได้เสมอดังตัวอย่างที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา เช่นเวลาที่เกิดเรื่อราวไม่ดีหรือเกิดอุบัติเหตุที่ใกล้ตัวเราจะนึกถึงคำว่า [/FONT]“[FONT=&quot] พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วยหรือ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างที [/FONT]”[FONT=&quot] ซึ่งบางครั้งเราก็จะได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งเราก็จะได้ยินหรือได้ประสบกับอานุภาพของพ่อแก้วและแม่แก้วซึ่งก็หมายถึงแก้วสามดวงก็คือคุณของพระรัตนตรัยส่วนคำว่าพ่อและแม่นั้นอาจจะมาจากคุณของบิดามารดาซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจึงสามารถรวมกันเป็นพลังแห่งอานุภาพที่เกิดมีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้นั่นเอง แต่ก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะเกินไปกว่าแรงกรรมหรือกฎแห่งกรรมลงไปได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือสัจธรรมของชีวิตซึ่งบางครั้งอำนาจของแรงบุญและแรงกรรมก็อาจที่จะสามารถลิขิตชีวิตได้ถ้าจิตศรัทธาของแต่ละคนนั้นได้แตกต่างกันไป หลวงปู่ทิมท่านสอนให้ลูกศิษย์นั้นยึดมั่นแต่คุณความดี ซึ่งเราเห็นว่าคนเราเกิดมานั้นมีทั้งผลบุญและผลกรรมที่ได้สร้างกันมาเมื่อครั้งก่อนซึ่งหมายรวมถึงการสร้างทั้งสิ่งที่ดีที่เป็นกุศลและการกระทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือเป็นอกุศล ที่ไม่พึงปรารถนานั้น หลวงปู่ทิมท่านได้สอนศิษย์ไม่ให้ยึดติดหรือหลงใหลในสิ่งที่เป็นวัตถุต่างๆเพื่อให้เกิดกิเลสมูลขึ้นมาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เกิดผลความปรารถนาเพื่อให้เกิดหนทางแห่งมรรคได้ และไม่ให้เชื่อหรือยึดติดในเรื่องของผลบุญและผลกรรมที่ต่างกัน แต่หลวงปู่ท่านจะสอนให้ประกอบแต่คุณความดีเท่านั้น ซึ่งผลของคุณความดีนั้นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอานิสงส์ผลบุญที่ดีที่จะส่งผลให้เกิดความปรารถนาดีในภายภาคหน้า ซึ่งผลของการประกอบคุณความดีนั้น จะสามารถที่เป็นแรงพลังหนุนนำที่ดีที่จะสามารถสื่อได้จากอำนาจของคุณพระรัตนตรัยและคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทั้งหลายที่ได้กระทำตามสัตย์ที่ได้เกิดการศรัทธาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทั้งหลายและได้ยึดมั่นในคุณความดีนั้นอยู่เสมอ[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]เราจะเห็นได้ดังตัวอย่างที่นายพรวนนั้นได้ประจักษ์กับผลของแรงแห่งอานุภาพที่ได้ประสบกับความเป็นจริงที่เกิดกับตนเองจึงทำให้มีความเชื่อมั่นได้ถึงประสิทธิ์ภาพของอำนาจแรงแห่งพุทธานุภาพที่ตนนั้นได้หมั่นปฎิบัติอยู่เป็นประจำอยู่เสมอ ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นมาทำให้คนเรานั้นมีความรู้สึกที่เห็นว่าการที่จะเกิดพลังอำนาจใดๆนั้นก็ต้องเกิดการร่วมแรงร่วมใจด้วยจิตที่ยึดมั่นถือมั่นและแรงศรัทธาที่ดีจึงจะประสบผลแห่งความสำเร็จที่พึงปรารถนาได้ซึ่งเราอาจจะเรียกว่าพลังแรงแห่งศรัทธาก็ว่าได้ และเราจะพึงเห็นได้ถึงหลักความสำคัญต่างๆในพระพุทธศาสนานั้นที่หลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวเพียงว่า ให้ยึดมั่นในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เราได้นับถือและศรัทธากันโดยแท้จริง จึงสามารถที่จะเกิดพลังอำนาจแห่งอานุภาพของอำนาจคุณต่างๆได้อย่างมหัศจรรย์มาก ซึ่งหลังจากนั้นมานายพรวนก็ได้หายจากอาการที่เคยเป็นๆหายๆอยู่นั้นอย่างปลิดทิ้งลงไปได้ และคนที่เคยกระทำในสิ่งที่ไม่ดีกับตนซึ่งก็ได้บังเกิดกับผลของเหตุการณ์ต่างๆนาๆที่ได้ประสบพบเจอกัน จากนั้นคนที่เคยกระทำในสิ่งที่ไม่ดีนั้นก็ได้กลับไปยังถิ่นฐานเดิมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาโดยไม่ทราบข่าวคราวเลย แต่สิ่งที่ตนเองยังได้ยึดมั่นอยู่เสมอคือหลักคำสอนของหลวงปู่ทิมที่ท่านได้กล่าวไว้ ถึงแม้มันจะเนิ่นนานมาแล้วก็ตามที แต่สิ่งที่ได้ยังศรัทธาอยู่เสมอคือการได้บูชาถึงคุณของพระรัตนตรัยและคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทั้งหลาย และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการได้ระลึกถึงและการยึดมั่นที่ดีต่อองค์หลวงปู่ทิมอิสริโก แห่งวัดละหารไร่และวัตถุมงคลที่ท่านได้ให้ไว้เพื่อเป็นสื่อในการยึดมั่นที่ดีเพื่อประสบผลของความสำเร็จและความมั่นคงในชีวิตที่ดีต่อไป<o></o>[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0769.JPG
      IMG_0769.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.5 MB
      เปิดดู:
      96
    • IMG_0768.JPG
      IMG_0768.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      95
    • IMG_0767.JPG
      IMG_0767.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      95
    • IMG_1327.JPG
      IMG_1327.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      78
    • IMG_1330.JPG
      IMG_1330.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_1283.JPG
      IMG_1283.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      70
    • IMG_1284.JPG
      IMG_1284.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      53
    • DSC00910.JPG
      DSC00910.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      50
    • DSC00885.JPG
      DSC00885.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      60
    • DSC00918.JPG
      DSC00918.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1,008.7 KB
      เปิดดู:
      66
  4. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,850
    ขอบคุณ อ.แก้วสว่างสำหรับบทความดีๆครับ:cool:
     
  5. tanatsan

    tanatsan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    447
    ค่าพลัง:
    +1,082
    สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง บทความสุดยอดมากๆครับ:cool:
     
  6. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    ขอบคุณ อ.แก้วสว่างมากครับ อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจังครับ
     
  7. เม่นจัง

    เม่นจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +401
    ขอบคุณมากครับอาจารย์แก้วสว่าง กับบทความดีๆที่มีให้เสมอครับ
     
  8. radien

    radien เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2010
    โพสต์:
    902
    ค่าพลัง:
    +1,057
    วันนี้นับเป็นวันดีของผมอีกวันหนึ่งเพราะเป็นวันที่ได้รับพระของหลวงปู่มาบูชา ต้องขอขอบคุณอาจารย์แก้วสว่างมากครับที่แนะนำและขอขอบคุณพี่โต้งมากครับที่กรุณามอบพระองค์นี้มาให้ เป็นพระของหลวงปู่องค์แรกของผมเลยครับ ขอบคุณมากๆอีกครั้งครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.gif
      1.gif
      ขนาดไฟล์:
      285.8 KB
      เปิดดู:
      60
    • 2.gif
      2.gif
      ขนาดไฟล์:
      240.8 KB
      เปิดดู:
      51
  9. jaturong_tae

    jaturong_tae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,246
    ค่าพลัง:
    +2,810
    กราบหลวงปู่ทิม


    ยินดีด้วยนะครับ ^^
     
  10. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    :cool:
    ยินดี ด้วยครับ พระเลือกคน และ คนก็เลือกพระครับ
    วาสนาครับ วาสนาครับ เอิ้ก เอิ้ก

    กระทู้นี้ อ.แก้วสว่าง ใจดีที่สุดเพราะเป็นผู้นำพระหลวงปู่ ทิม มาให้พวกเราได้ ชมบารมี และเผยแพร่เกียรติคุณ ของ หลวงปู่ ทิม วัดระหารไร่
    และ อ.แก้วมี 3ขุนพลคู่ใจ คือ เสี่ยโต้ง เมืองชล+กับเสี่ยต๋อย+
    อีก 1ขุนพล คือ เสี่ยรักรังสิต ทั้ง 3คนนี้ หละครับ เป็นผู้ ช่วยจัดการและช่วยแจกพระของหลวงปู่ ทิม ให้ แก่ผู้ รัก และเคารพ หลวงปู่ ทิมครับ

    กระผมขอ อนุโมทนาบุญ กับทุกท่านด้วยนะครับ และกับผู้อื่นอีกนะครับที่เป็นผู้ช่วยทั้งทางตรงและทางอ้อม กระผมก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ
    (deejai)chearrchearrchearrchearr(deejai)
     
  11. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนากับ สุดยอดบทความ ของ อ.แก้วด้วยนะครับ สาธุ
    อ่านแล้ว สบายใจดีจังครับ
    จงเชื่อ เรื่องของ กฎของกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    จงเชื่อใน อำนาจพระพุทธ พระ ธรรม และ พระสงฆ์ มีจริงๆและมีอำนาจสูงสุดเสมอ
    จงเชื่อใน อำนาจ ความศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจ จิต ของหลวงปู่ ทิม วัดระหารไร่

    โลกทั้งใบ สวรรค์ พรหม นรก ไม่เที่ยง (อยู่ใต้กฎ พระไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และดับไป) มีที่เดียวที่เที่ยง และอยู่เป็นสุข ตลอดกาลคือ พระนิพพาน
    พระพุทธเจ้า ตรัสแบบเดียวกันทุกๆพระองค์ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  12. โดเร่

    โดเร่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +871
    ติดตามชมครับ ขอกราบบูชาองค์หลวงปู่ครับ
     
  13. ติ้งลิงติง

    ติ้งลิงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,365
    ค่าพลัง:
    +3,977
    กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง และพี่ น้องร่วมกระทู้ทุกท่านครับ
     
  14. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกท่านรุ่ง
    อีกนานกว่าจะเป็นเสี่ยครับ....55
     
  15. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ช่วงนี้กำลังทำรูปหลวงปู่อยู่ อีกไม่นานคงได้ออกร่วมเสกกับล๊อคเก๊ตต่อไป
    ทีแรกจะทำเป็นแบบ 6x9 แต่เกรงว่าจะพากันหากรอบกันยาก เลยสรุปว่า
    จะจัดทำเป็นแบบ 8 x 10 แทน ส่วนรูปที่จัดทำก็เคยลงให้ชมในหน้า 337แล้ว
    ดูกันเป็นตัวอย่างไปก่อน หรือจะหากรอบรอไว้ก็ได้ครับ 55
     
  16. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    ว่าแต่เป็นเสี่ยกันหมด แล้วผมจะปล้นใครก่อนดีล่ะครับ :cool::cool:
     
  17. tiger-k007

    tiger-k007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,204
    ค่าพลัง:
    +1,597
    อนุโมทนาบุญ ในบทความของ อ.แก้วสว่าง ครับ.....;ปรบมือ
     
  18. ก้องครับ

    ก้องครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,447
    ค่าพลัง:
    +10,647
    ยินดีด้วยนะครับ กับของฟรี ของดี ที่ยังมีอยู่ในโลกนี้

    ขอหลวงปู่คุ้มครองนะครับ :cool:
     
  19. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    กราบหลวงปุ่ทิม และสวัสดีครับ อ แก้วสว่าง
    ผมขอเรียนถามเกี่ยวกับ เม็ดเล็กสีขาวที่อยู่ด้านหลังล็อกเก็ตนิดครับว่าคือสิ่งใดครับ รู้สึกสะดุดตาครับ
    ขอบคุณครับ

    น้า รูปสวยงามเหมือนสีซิเปียเลยนะครับ ดูมีคลาสสิคดีนะครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2012
  20. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    สวัสดี อ.แก้วสว่างและพี่ๆทุกคนครับ กำลังมันเลยครับท่านอาจารย์ รอตอนต่อไปครับ
    เวลาจิตนิ่งแล้ว จากที่ไม่สบายใจก็ หายไปครับ โกรธ แค้น เครียด ใครที่ผมใช้ตอนนี้คือ ทำจิตนิ่งๆครับ ดีขึ้นเยอะครับไม่ผูกพยาบาทอาฆาต ด้วย ให้อภัยได้ง่ายมากครับ ขอบคุณท่านอาจารย์แก้วสว่าง ที่สั่งสอนครับ

    อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...