ถามถึงความคิดพิเรนหน่อยสิครับบบ (ค่อนข้างเพ้อเจ้อ ^^)

1.สมมุติเราเรียนจบปริญญาเอก จบหลายๆอย่าง แล้วจะเอาไปใช้งานในภพภูมิสวรรค์หรือนรกเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ได้ไหมครับ อิอิ
2.ผมเคยอ่านนะพระอินทร์เคยให้พวกเทวดาที่กินสุรากลายไปอยู่ในภพอสูรจึงเกิดสงครามอย่างงี้จะมีทหารเทวดาไหมครับ แล้วคนที่เคยรบเก่งๆแต่ทำดีมาเยอะเขาจะนำทัพได้ไหม
3.เทวดาสู้กันได้ป่ะ เทวดามีทหารเทวดาป่ะ

ปล.ผมถามแบบพิเรนครับ แต่สงสัยจริงๆถึงแม้จะพิเรน อิอิ ^^

 

ไม่รู้งะ ผมยังไม่เคยเห็นนรกสวรรค์เลยสักครั้ง ก็ต้องขอโทษที่ตอบไม่ได้

 

1.สมมุติเราเรียนจบปริญญาเอก จบหลายๆอย่าง แล้วจะเอาไปใช้งานในภพภูมิสวรรค์หรือนรกเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ได้ไหมครับ อิอิ

ยังติดทางโลกมากเกินไปนะคับ ความรู้ทางโลกมันเป็นสัญญา เดวก็ลืม มันคนละเรื่องกันคับ และไม่ต้องการพัฒนาอะไร เป็นอยู่อย่างนั้น

คนจบปริญญาเอกใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่อง รู้แค่เรื่องเดียวแต่ลึก รู้มาก ( ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่รู้จะเป็นจริง แต่รู้มาก และใช่ว่าความรู้ที่รู้อยู่จะถูกต้องเสมอ งานวิจัยมันก็ออกมาผล สวนทางกันไปๆมาๆ ถ้าเป็นนักวิจัยจะทราบดี ความรู้ที่เชื่อว่าถูกตอนนี้อีกไม่กี่ปีอาจจะผิดก็ได้ )

 

ความรู้ทางโลกนั้น ใช้ได้เฉพาะกับในมิติที่สาม ที่เราอยู่ครับ
สวรรค์ เข้าใจว่า เป็นมิติอื่น กฎฟิสิกส์ต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานของวิทยาการต่างๆ จะไม่เหมือนกัน ทำให้ใช้ไม่ได้ครับ

 

........................คิดพิเรน ก็ให้รู้ว่า คิดพิเรน ถ้ายังคิดอีก ก็ให้ รู้ว่า คิดอีก โดยไม่ต้องถามใครแล้ว....ถ้า สงสัย ก็ให้รู้ว่า สงสัยเกิด ถ้าเกิด อีก ก็ให้รู้ว่า เกิดอีกแล้ว...

 

ผมอ่านมาเทวดามี หิริโอตัปปะ ไม่น่าจะมาฆ่ากัน ถ้าเป็นอสูร (อสูรที่ผมคิดคือ อสูรกาย อยู่ในภพ เดียวกับเปตรนะ) ผมอ่านมา อสูรกายบางพวกเทวดาที่มีฤทธิน้อยๆ ไม่กล้าสู้ เพราะว่า อสูรกายในสมัยที่เป็นมนุษย์ เจริญอภิญญาแต่ใช้ผิด ตกนรก เลยพ้นนรกต้องมาเป็นอสูรกาย อ่าครับ
สงครามเทวดา ไรพวกนี้ ผมไม่รู้อะครับจะมีรึเปล่า แต่ไม่มีใครกล้าจะไปรบหรอก พระอินทร์นี่ฤทธิเยอะมากมาย (ผมฟังมาอีกทีจริงไม่จริงไม่รู้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ) แต่เทวดา มีหิริโอตัปปะแน่ๆ

 

ผมอ่านมาจากหนังสือพุทธศาสนา หัวข้อ เทวดาทำสงครามในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อ่าครับ

 

ถามมาพิเรน แต่ไม่อยากตอบแบบพิเรน ^^

 

กรรม...เหมือนเครื่องคัดแยกขยะ...
ภพภูมิ31-32ภพภูมิ...คือขยะ....ที่ถูกกรรมแยกไป...
..ภพภูมิทั้งหมด อาศัย"กรรม" คือ อาศัยกิเลศทั้งสิ้น....
...ดังนั้น....จึงมีความเป็นไปได้หมดนั่นแหละ....
...เพราะคนรู้จริงคือพระอริยะต่างๆ....ท่านก็บอกอยากรู้ก็ต้องปฏิบัติเองในแต่ละคน....
...ถ้ายังลังเลสงสัย...ก็ต้องค้นคว้าเอง....
..แต่การค้นคว้าทางโลก...อาจไม่ใช่ความจริงที่เป็นปรมัทธ์...
....คุณต้องบวช...รักษาศีล227ข้อ ต้องธุดงควัตร13 ขันทวัตร14 เพื่อทรมานกายและใจ....คุณจะต้องใช้วิปัสสนากรรมฐาน ผ่านฌาน4 อรูปฌาน4..ต้องได้ ญาน21 ญาน..
...หลุดจากนี้ก็จะเป็นอรหันต์ ไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก....และรู้ปรมัทถ์ ตอบข้อสงสัยของตนได้ถูกต้องหมด....
...อริยะต่างๆที่ปฏิบติด้วยตนเองได้...มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น...หรือปัจจุบันก็มีพระอาจารย์มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว พระอาจารย์ฝั้น ท่านพ่อลี...อาจารย์มหาบัว...เหล่านี้....
มนุษย์มี7000ล้านคน...
คนที่รู้จริงมีไม่เกินร้อยเกินพันดังกล่าวมาแล้ว...
...นี่...การปฏิบัติด้วยตนเอง..มีขั้นตอนปฏิบัติตามที่กล่าวมา...จึงจะรู้จริง
...พระอรหันต์ก็มี4ประเภท ...บ้างสำเร็จแต่ไม่มีฤทธิ์ บ้างได้ฤทธิ์อภิญญา6ด้วยก็มีฯลฯ...
...การรู้ความจริงของจักรวาลของภพภูมิของชีวิตนั้น...ใช้ปัญญาที่เป็นสมองคิดวิจัยทางโลกนั้นไม่มีทางรู้...ต้องปฏิบัติด้วยอุบายของพระพุทธเจ้า จึงมีทางรู้...คือต้องบวชและเดินป่าเป็นหลัก...แต่ถ้าอยู่บ้าน...แล้วบอกรู้..พอไปเดินป่า ถูกเสือคาบไปกินหมด...

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งcatt13

 

เจ้าของกระทู้เชื่อเปล่า คนจบป.เอก หรือ มีใบการันตีเป็นกระสอบ (บางคน) อาจจะไม่เข้าใจประโยคนี้ด้วยซ้ำ

เพราะไม่มีในตำราเรียน

อ่านให้รู้ว่า อ่าน /ไม่เข้าใจให้รู้ว่า ไม่เข้าใจ
งง ให้รู้ว่า งง /(เรา) บ๊อง ให้รู้ว่า เราบ๊อง

 

ตอบแต่ข้อ 1 นะครับ ต้องรู้ความเป็นอยู่ของเทวดาก่อนว่าต่างจากมนุษย์อย่าง
ไรแล่วค่อยดูว่าวิชาของโลกมนุษย์จะทำประโยชน์ให้เทวดาได้บ้าง เทวดาไม่
ต้องทำการงาน ไม่ต้องหาอาหาร สามารถเหาะได้ อยากได้อะไรก็อธิษฐานเอา
ถ้ารู้อย่างนี้วิชาทางโลกเหมือนจะไม่มีประโยชน์กับพวกเทวดาเลย เพราะวิชา
ทางโลกทั้งหมดมีแต่การพัฒนาทักษะทางความคิด การพูด การใช้ร่างกาย ไม่
มีวิชาไหนเลยที่จะพัฒนาการใช้ใจใช้ความรู้สึก

 

ที่จริงผมก็เป็นคนมีสาระนะ ข้อ 1 เนี่ยผมเอามาจาก เทวสภาซึ่งเลือกท่านพยายมราช ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งผมอ้างอิงไม่ได้ขอโทษทีนะครับ

ผมก็เลยสงสัยว่าจะเอาความรู้ทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ทำเมืองเทวดา ทำสภาเทวดาให้ดีขึ้นปรับปุงนรกให้มีลำดับขั้นตอนไรพวกนี้อ่ะครับ

 

ส่วนข้อ 2 เห็นเคยมีสงครามกันระหว่างอสุรากับเทวดาชั้นดาวดึงส์ผมเลยงง ว่าถ้าเทวดาตายไปไหนล่ะ ?

ส่วนข้อ 3 แล้วถ้าเทวดามีความรู้ทางทหาร จะเป็นเทวดาทหารหรอ ?

ปล.คำถามอาจฟังดูไร้สาระ แต่มันมีสาระแอบแฝงนะ !!

 

1.สมมุติเราเรียนจบปริญญาเอก จบหลายๆอย่าง แล้วจะเอาไปใช้งานในภพภูมิสวรรค์หรือนรกเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ได้ไหมครับ อิอิ
ปกติภูมิสวรรค์ ความรู้เค้าดีกว่าเราอยู่แล้ว อยากรู้อะไร ถ้ากำลังบุญและบารมีด้านปัญญาและทิพยจักษุญานดีๆ ก็รู้ได้ทันที แทบไม่ต้องเรียนครับ แต่อาจมีเทวดาบางท่านมาศึกษาหาข้อมูลของธรรมชาติของโลกและการตัดสินใจของมนุษย์ได้ ทำนอง ทดลองเล่นก็มีครับ
2.ผมเคยอ่านนะพระอินทร์เคยให้พวกเทวดาที่กินสุรากลายไปอยู่ในภพอสูรจึงเกิดสงครามอย่างงี้จะมีทหารเทวดาไหมครับ แล้วคนที่เคยรบเก่งๆแต่ทำดีมาเยอะเขาจะนำทัพได้ไหม
ท้าวสักกะไม่เคย"ให้"นะครับ แต่"โยน"ลงเชิงเขาพระสุเมรุเลย ยังไม่ตาย เพราะเทวดาตายไม่ได้ถ้า ไม่หมดบุญหรือลืมทานอาหารทิพย์ ก็เกิดอสูรนครขึ้น ส่วนทหารเทวดา มีครับ พวกรบเก่งๆ ไม่แน่ รบเก่งนี่แบบไหนต้องเช็คดู รบแบบนักมวยสู้พอแพ้ชนะ พวกนี้พอได้ แต่แบบลอบสังหารนี่ไม่คิดว่าจะได้ บาปเยอะหรือพวกใจชอบการต่อสู้แข่งขันกันนี่ก็น่าจะได้ แต่พวกบารมีเยอะ อำนาจเยอะ เคยถวายมีด อุปกรณ์ของใช้แก่พระ พวกนี้ก็มีอาวุธประจำตัว
3.เทวดาสู้กันได้ป่ะ เทวดามีทหารเทวดาป่ะ
มี ทหารเทวดา ที่เชิงเขาพระสุเมรุด่านแรกคือทหารคุ้มกันทางน้ำ พวกนาคต่างๆ ถัดมาพวกครุฑ แล้วก็กุมภัณฑ์ ชั้นต่อมาคือยักษ์ แล้วก็เขตของท้าวมหาราช ทั้ง4 ถ้าเข้าเขตชั้นกำแพงพระนครตาวติงสาได้ ก็จะเจอกับ อวตาร รูปแปลงของพระอินทร์ทั้ง สี่ทิศ ให้อสูรเข้าใจผิดว่า พระอินทร์ยกทัพเตรียมพร้อมเสมอๆ เป็นจิตวิทยาข่มขู่ศัตรูของเทพ แบบเทพๆจริงๆ

แล้วสงครามล่าสุดเกิดเมื่อพุทธกาล(มีคนๆหนึ่งเห็นกองทัพคนเดินทัพ เข้าไปในดอกบัว ที่สระแห่งหนึ่ง เลยนำความนี้ไปถามพระพุทธเจ้าเพราะถ้าไปพูดกับคนอื่น เค้าว่าบ้าแน่นอน พระพุทธองค์เลยตรัสเรื่องสงครามของเทวดา และอสูร) เมื่อ 2500 ปีที่แล้วจะเกิดอีกทีก็ 100 ทิพย์ที่ต้นกัลปพฤกษ์และต้นแคฝอยของดาวดึงและอสูรผลิบานออกดอก คงประมาณ อีก 100x100x100 ปีโลกมนุษย์ ละมั้งกว่าจะเกิดอีกประมาณ ล้านปี จะเกิดสงครามใหญ่ซักครั้ง เหตุเพราะแค้นเรื่องโดนยึดสวรรค์ที่อยู่เดิม
ที่ว่าไปนั่น สงครามใหญ่นะครับ สงครามย่อยๆ ไม่รู้ว่ากี่ครั้ง

 

ขอบคุณ namitta มากนะครับ

เนี่ยแหละครับสาระที่ผมอยากได้ครับผม

และผมเชื่อว่าคงทำให้คนหลายๆคนรู้ไปกับผมด้วยนะครับ

ปล.ขอบคุณอีกทีครับ คุณ namitta

 

พวกอสูรกลัวท้าวสักกะ
ก็จำเดิมแต่นั้นมา เมื่อดอกจิตตปาตลิบาน พวกอสูรประสงค์จะรบกะท้าวสักกะ ขึ้นมาเพื่อหมายจะต่อยุทธ ด้วยสำคัญว่า “เป็นเวลาที่ดอกปาริฉัตตกทิพย์ของพวกเราบาน” ท้าวสักกะได้ประทานอารักขาแก่พวกนาคในภายใต้สมุทร. ถัดนั้น พวกครุฑ, ถัดนั้น พวกกุมภัณฑ์, ถัดนั้น พวกยักษ์, ถัดนั้น ท้าวจตุมหาราช, ส่วนชั้นบนกว่าทุกๆ ชั้น ประดิษฐานรูปจำลองพระอินทร์ ซึ่งมีวชิราวุธในพระหัตถ์ไว้ที่ทวารแห่งเทพนคร. พวกอสูรแม้ชำนะพวกนาคเป็นต้นมาแล้ว เห็นรูปจำลองพระอินทร์มาแต่ไกล ก็ย่อมหนีไป ด้วยเข้าใจว่า “ท้าวสักกะเสด็จออกมาแล้ว.”




ปปาตวรรคที่ ๔
จินตสูตร
การคิดเรื่องตายแล้วเกิดหรือไม่ ไม่มีประโยชน์
[๑๗๒๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาป-
*สถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว บุรุษคนหนึ่งออกจากเมืองราชคฤห์ เข้าไปยังสระโบกขรณี
ชื่อสุมาคธา ด้วยประสงค์ว่า จักคิดเรื่องโลก ครั้นแล้ว นั่งคิดเรื่องโลกอยู่ ณ ขอบสระโบก-
*ขรณีชื่อสุมาคธา เข้าได้เห็นกองทัพประกอบด้วยองค์ ๔ เข้าไปสู่ก้านบัว ที่ขอบสระโบกขรณี
ชื่อสุมาคธา ครั้นแล้ว ได้มีความคิดว่า เราชื่อว่าเป็นคนบ้า ชื่อว่าเป็นคนมีจิตฟุ้งซ่านเสียแล้ว
เราเห็นสิ่งที่ไม่มีในโลก ครั้งนั้น บุรุษนั้นเข้าไปยังนครบอกแก่หมู่มหาชนว่า ท่านผู้เจริญ
ทั้งหลาย เราชื่อว่าเป็นคนบ้า ชื่อว่าเป็นคนมีจิตฟุ้งซ่านเสียแล้ว เราเห็นสิ่งที่ไม่มีในโลก หมู่
มหาชนถามว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ ท่านเป็นบ้าได้อย่างไร ท่านมีจิตฟุ้งซ่านอย่างไร สิ่งอะไรที่ไม่มี
ในโลกซึ่งท่านเห็นแล้ว?
บุ. ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย จะบอกให้ทราบ เราออกจากกรุงราชคฤห์ เข้าไปยัง
สระโบกขรณีชื่อสุมาคธา ด้วยประสงค์ว่า จักคิดเรื่องโลก ครั้นแล้ว นั่งคิดเรื่องโลกอยู่ ณ
ขอบสระโบกขรณีชื่อสุมาคธา เราได้เห็นกองทัพประกอบด้วยองค์ ๔ เข้าไปสู่ก้านบัวที่ขอบสระ
โบกขรณีชื่อสุมาคธา เราเป็นบ้าได้อย่างนี้ เรามีจิตฟุ้งซ่านอย่างนี้ ก็สิ่งนี้ไม่มีในโลก เราเห็น
แล้ว.
มหา. ดูกรบุรุษผู้เจริญ ท่านเป็นบ้าแน่ ท่านมีจิตฟุ้งซ่านแน่ ก็และสิ่งนี้ไม่มีในโลก
ท่านเห็นแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษนั้นได้เห็นสิ่งที่เป็นจริง ไม่ใช่ได้เห็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง.
[๑๗๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว สงครามเทวดากับอสูรประชิดกัน ก็
ในสงครามนั้น พวกเทวดาชนะ พวกอสูรแพ้ ก็พวกอสูรที่แพ้กลัวแล้ว ยังจิตของพวก
เทวดาให้งวยงงอยู่ เข้าไปสู่บุรีอสูรโดยทางก้านบัว เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายจงอย่าคิด
เรื่องโลกว่า โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง โลกมีที่สุด โลกไม่มีที่สุด ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น
ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่น สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเป็นอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมไม่เป็นอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเป็นอีกก็มี ย่อมไม่เป็นอีกก็มี สัตว์เบื้องหน้า
แต่ตายแล้วย่อมเป็นอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เป็นอีกก็หามิได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะความคิด
นั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ความ
คลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน.
[๑๗๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อเธอทั้งหลายจะคิด พึงคิดว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะความคิดนั้น ประกอบด้วยประโยชน์
เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่าย ... เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

 

ยังเด็ก คิดแบบนี้ คงเป็นเรื่องธรรมดา

ถ้ารู้จักความจริง ที่พระพุทธศาสนาสอน จะรู้ว่า เรียนจบปริญญาเอกมากี่ใบก็ไร้ประโยชน์ แสดงว่าเราไม่ยอมฝึกกรรมฐานให้มากๆ ล่ะสิ ฝึกให้มากๆ จะได้รู้เองเห็นเอง ไม่ต้องมาถามแบบนี้

เรื่องพระอินทร์ เรื่องอสูรนั่นอีก ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ต้องมาถาม ไม่มีใครที่รู้เค้าอยากตอบ

ส่วนเทวดาสู้กัน เค้าไม่สู้กันหรอก ใครโกรธก่อนตายก่อน แล้วจะเอาอะไรไปสู้กัน

 

ข้อ 1 หากอยากจะเอาความรู้ไปใช้ในสวรรค์ไม่ต้องจบป.โท ป.เอกก็ได้ ไม่รู้หรือ สมาธิ คือ "ปัญญา" อยากฉลาดมาก ให้ทำสมาธิมากๆ
ข้อ 2 เทวดา ทำผิดศิลก็ต้องโดนลงโทษ เช่น ให้ไปเกิดในโลกมนุษย์เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้
ข้อ 3 ทหารเทวดา ก็เอามาจากคนที่เคยเป็นทหารรบป้องกันประเทศป้องกันบ้านเมือง ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน ไปเป็นนั่นแหละ เพราะมีจิตของทหารอยู่ หากทำดีนะ

 

จขกท.น่าจะเคยเกิดเป็นนักรบมาหลายชาตินะคะ