ร่วมใช้ปัญญาธรรมรับ..อัฐิ ผงอังคาร เกศา ((ประกาศผลอย่างเป็นทางการ))หน้า 9

​

**เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมง จะปิดรับผลงานแล้วนะครับ​

 

1.กรรมฐาน มี 40 กอง ท่านชอบเพราะอะไร? มีวิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านอย่างไร?
ผมชอบอาปานนุสติฯ ร่วมกับ พุทธานุสสติฯ และมรณานุสติฯ ผมจะปฏิบัติเริ่มต้นด้วยอาปานนุสติฯโดยการรู้ลมหายใจเข้าออก ระลึกภาวนา พุทโธ เพื่อเป็นพุทธานุสติฯ ระลึกคุณพระพุทธเจ้าร่วมกันไปด้วย บางครั้งก็จะนึกถึงภาพพระพุทธเจ้าที่เราระลึกได้หรือพระพุทธรูปตรงหน้า กำหนดเป็นมโนภาพในจิต มีสติรู้ตนตลอดเวลาไม่ตั้งจิตหนักมากไป ให้ผ่อนคลาย โดยในชีวิตประจำวันที่ผมนำไปปฏิบัติก็คือ อาปานนุสติกรรมฐาน ผมจะตั้งสติจะรู้ลมหายใจเข้าออกในทุกการกระทำ ทุกขณะ ตั้งแต่รู้ตนตื่นนอน ขับรถ จนมาทำงาน สำหรับผม อาปานนุสติฯ นี้ได้ช่วยผมให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ผมจะมีสติเฉพาะกับงานตรงหน้า และจะไม่มีความคิดกังวลในผลของมันที่ยังมาไม่ถึง ช่วยผมได้มากเวลาที่ผมต้อง นำเสนองานต่อที่ประชุมที่มีคนจำนวนมาก เพราะผมจะไม่ประหม่า เพราะเรารู้ มีสติอยู่กับลมหายใจกับงานที่เราเตรียมตัวมา ไม่ไปมัวกังวลกับลูกค้าจำนวนมากที่มาฟัง เมื่อมีเวลาว่างในทุกโอกาส เช่น หลังเลิกงาน และก่อนนอน ผมจะนั่งปฏิบัติ พุทธานุสสติฯ หลับตานำจิตน้อมยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้า สวดภาวนาบทสรรเสริญพระพุทธคุณ พร้อมพิจารณาลมหายใจเข้าออก จับเอาเป็นสมาธิ ให้จิตใจสบาย ผ่อนคลาย จนจิตเบา กายเบา ในที่สุด สำหรับมรณานุสติฯ การนึกถึงความตายเป็นอารมณ์ โดยผมจะใช้ร่างกาย อาการ 32 ของตนเป็นตัวพิจารณาเห็นถึงภายในร่างกาย ให้เป็นไปตามความเป็นจริง ไปตามสภาพของมัน ร่างกายเราเป็นของสกปรก มีกลิ่นเหม็นสาบได้ง่าย อาหารที่เราคิดว่าหอมว่าเป็นของอร่อยเมื่อผ่านร่างกายเราก็ยังกลายเป็นของเสีย เป็นมูล เป็นอุจจาระ ปัสสาวะอยู่ในกาย พิจารณาขันธ์ 5 ตามความเป็นจริงใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ร่างกายเรามีแต่เสื่อมไปทุกวันมีความตายในที่สุด เราต้องตั้งอยู่ในความพร้อมไม่ประมาทความตายไม่มีใครหนีพ้น เราเลือกวันตายไม่ได้ เราต้องพร้อมตายได้เสมอ เราเกิดมาก็ไม่มีอะไรติดตัวมา ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ เมื่อตายไปแล้ว มีแต่เราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งแห่งตน จึงมีแต่บุญกรรมที่เราทำไว้ที่จะส่งผลต่อไป ดังนั้นผมจึงได้หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อเตรียมบุญไว้เลี้ยงตัวในภายภาคหน้าให้ไปอยู่ในที่ดีที่สว่าง ก่อบุญกุศลได้ต่อๆไป ให้สามารถเจริญภาวนาได้ง่าย และทำได้เต็มกำลัง จนกว่าเราจะหมดทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้ในที่สุด

2.ท่านมีจริตใด(เท่าที่รู้ตัว) และนำกรรมฐานกองไหนไปแก้ไข มีวิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านอย่างไร?
จริงๆแล้วส่วนตัวผมมีจริตหลายประการรวมกัน แต่ที่มักแสดงผลมีกำลังให้เกิดทุกข์แก่ผมมากที่สุด คือโทสจริตครับ ผมมักมีอารมณ์โกรธไม่พอใจ เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะชีวิตต้องพบปะผู้คนมากมาย แต่โทสจริตไม่ถึงขนาดเกี้ยวกราดอาละวาดออกมาครับ มักเก็บซ่อนอาการไว้ แต่จะรู้สึกอึดอัด เพราะไม่สามารถแสดงออกต่อหน้าได้ ทำให้เป็นทุกข์สะสมภายในจิตใจ ผมจึงนำ พรหมวิหาร 4 ที่ประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา วิธีที่ผมมาปฏิบัติแก้ไขความประพฤติในชีวิตประจำวัน เช่น หมั่นพิจารณาจิตให้มีความรักความเมตตาต่อเพื่อนร่วมงานให้เห็นเป็นเหมือนญาติมิตรที่รัก หากมีสิ่งใดจะช่วยเหลือแบ่งปันได้ก็จะปฎิบัติให้กับเขาอย่างเต็มกำลัง ไม่อิจฉาชิงดีชิงเด่นและ จิตใจคอยยินดีเมื่อเพื่อนร่วมงานมีความสำเร็จ วางเฉยเป็นกลางไม่คิดซ้ำเติมเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานที่เราไม่ชอบไม่พอใจหรือเราคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีได้รับทุกข์ โดนเจ้านายตำหนิ ให้แผ่เมตตาไปให้กับเขา คอยยับยั้งชั่งใจกำหนดรู้ในสติเสมอให้ทันอารมณ์โกรธ เพราะเมื่อเราโกรธโมโหจิตใจเราก็จะเป็นทุกข์ เป็นเหมือนคนโง่เป็นคนบ้าขาดสติกำกับ จะทำให้ทำอะไรไม่รู้ตนความชั่วความเลวก็จะพลาดไปประกอบได้ง่าย หมั่นคิดพิจารณาให้เห็นประโยชน์ว่า การสร้างมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู ความโกรธมีแต่สร้างศัตรู ผูกเวรกรรมก่อภพก่อชาติกันไม่รู้จบสิ้น เป็นอุปสรรคต่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ พึงมองกำหนดจิตให้เล็งเห็นโทษของอารมณ์โกรธอย่างนั้นจนเป็นปกติ ในบางครั้งที่มีโทสะมากก็อาจต้องใช้การกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อเป็นเครื่องช่วยประคองสติให้อยู่ในจุดเดียวกันให้ได้ ซึ่งที่ผมกล่าวมานี้อานิสงค์เบื้องต้นอย่างน้อยๆที่ผมได้รับในปัจจุบัน คือผมเป็นที่รักของเพื่อนมากขึ้น จิตใจเบาสบายขึ้นเพราะไม่ต้องเก็บมาเป็นทุกข์ มีมิตรที่จริงใจคอยช่วยเหลือเรามากขึ้น อุปสรรคในการทำงานของเราก็น้อยลงไป เพราะทุกคนทุกฝ่ายที่เราร่วมงานด้วยเต็มใจสนับสนุนผลักดันเรา ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีในเรื่องของผลแห่งกรรมในปัจจุบัน

3.ครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือและนำหลักธรรมของท่านมาปฏิบัติ
ผมนับถือ หลวงพ่อสอิ้ง สิรินันโท และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบทุกท่าน คำสอนของหลวงพ่อสอิ้ง ที่ผมจำได้จากการร่วมฟังการบรรยายธรรม เรื่อง สาระธรรมแห่งชีวิต เป็นธรรมที่ผมได้จดจำและได้น้อมนำมาปฏิบัติ โดยท่านว่าชีวิตที่เราเกิดมาในโลกอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว เราไม่ควรหลงลืมตัว ชีวิตเราเคยผ่านความเป็นความตายเรื่อยมาแล้วทุกคน ตายจากเด็กมาเป็นหนุ่มสาว ตายจากหนุ่มสาวก็มาเป็นคนเฒ่าคนแก่ เราผ่าน ดังนั้นการที่เราจะเกิดมาเป็นผู้เพียบพร้อมด้วยสมบัติอันจะเป็นที่พึ่งพาอาศัยในแต่ละภพชาติ อย่างสบายได้ต้องมีบุญ จึงเป็นหน้าของเราในการสั่งสมบุญในการใช้เป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัวในภพชาติต่อไป คนเราเกิดมาไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากบุญกุศลที่เราสร้างไว้เพื่อใช้เลี้ยงตัวสะสมไว้เพื่อสร้างบุญบารมีต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายสูงสุดคือพระนิพพาน เพื่อเราจะได้ไม่ไปเกิดในภพชาติที่ลำบากกันดาร สาระธรรมแห่งชีวิตที่จะสะสมเสบียงเลี้ยงไว้ตัวในภพหน้า คือ สิ่งที่จะทำให้ได้ สัมปรายิกัตถประโยชน์ ธรรมะที่เป็นองค์ธรรมให้ได้ประโยชน์ในภพหน้ามี 4 อย่างคือ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ย่นอีกแบบก็คือ ทาน ศีล ภาวนา ให้เราเชื่อเรื่องการ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาว่าเป็นความดี ให้ทำ 3 อย่างนี้ด้วยความเชื่อก็ทำให้ชีวิตของเรามีประโยชน์มีสาระ โดยผมใช้ธรรมนี้มาพิจารณาเพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติมรณานุสติฯ ให้ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์

4.ชื่อพระธาตุ+เกศาที่ท่านต้องการ 1 ยูสเซอร์ต่อ 1 รายการ
ผมขอรับผงอังคาร หลวงปู่ มหาอมร เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ลูกศิษย์ผู้เดินทางธรรมตามรอยหลวงปู่ชา สุภัทโท ที่ผมเลื่อมใสศรัทธาอีกท่านหนึ่งครับ

 

1.กรรมฐาน มี 40 กอง ท่านชอบเพราะอะไร? มีวิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านอย่างไร?
- กรรมฐาน 40 กองผมชอบ อาณาปานสติควบคู่กับพุทธานุสติครับ แต่จะชอบทำเวลาเข้าสมาธิที่บ้านเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเวลาทำกิจการงานประจำทุกวันผมจะ เจริญสติปัฏฐาน ๔คือ กำหนดสติของตัวเอง ตามดู กาย เวลาเครื่อนไหวเช่น เดิน ยืน หรือทำงาน ดู เวทนา ถ้าเกิดทุกข์ทั้งทางกายและใจให้เห็นความจริงที่เวลากำลังทุกข์อยู่นั้น ดู จิต คือการกระทบของสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบว่ามีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอะไรบาง และ พิจารณาให้เกิด ธรรม คือมันเป็นธรรมชาติแห่งการเกิดที่สุดแล้วเดี๋ยวมันก็ดับไป ผมทำแบบนี้ตามลำดับสลับกันไป มา ตามเวลา สถานะการแห่งการเกิดของสิ่งมากระทบ แต่ที่สุดแล้ว ก็ต้องประกอบด้วยสติตามรู้ทุกสถานะการครับ ทำจนเป็นปกติครับด้วยความเพียร มาได้ 3 ปีเศษความก้าวหน้าของจิตมันก็เห็นได้ชัดเวลากำหนด ลงสู่จิตนั้นทุกเมื่อ จนเกิดความสงบทางใจครับ รู้สึกใจเบา สบาย เมื่อมีอะไรมากระทบมันก็ทุกข์นะครับ แต่ทุกข์นั้นเมื่อเห็นแล้วมันก็สงบลง หายไปแล้วใจก็ปีติ ครับเหมือนหลุดพ้นจากพันธนาการ ที่เหมือนมีอะไรมามัดใจทำให้อึดอัน ลำคาน ทุกข์เศร้า จนสุดแล้วเมื่อมีสติที่ทำให้เกิดปัญญามองดูดีดี มันไม่ได้เกิดจากภายนอกมากระทบหรอกครับ เรื่องกระทบก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วเพราะเรายังมีชีวิตอยู่ สังขานยังอยู่ จะบอกไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รู้สึกคงเป็นไปไม่ได้ เพราะขันธ์ห้า ก็ยังคงประกอบอยู่ครบ แต่จิตเรานี้เองไปยึดมันเข้ามาปรุงแต่งต่างๆนาๆ สร้างเครื่องพันธนาการ มัดตัวเอง แล้วก็ทุกข์เองทั้งสิน แน่นอนมันเกิดจากการที่เราไม่รู้ตัวคือขาดสติ ขาดปัญญา แต่กลับไปโทษวัตถุภายนอกว่าเป็นสิ่งสร้างทุกข์แต่จริงๆแล้ว ใจที่ไม่รู้นี้เอง ใจไม่รู้คือใจตกอยู่ในความไม่รู้คืออวิชา นั้นเองที่พายึด พาติดพันธ์ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา ถ้าพิจารณาดูดีดีแล้ว วัตถุภายนอกมิใช่ของนำพาทุกข์เลยอวิชาความไม่รู้ต่างหากที่เป็นกิเลสเหมือนหนาม คอยทิ่มแทงใจเราตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ ไม่อาจมองเห็นได้ ไม่อาจกะประมาณการได้ว่ามากน้อย ขนาดไหน แต่ถ้ามีสติพิจารณาตามดูภายใต้ความสงบปราศจากการลบกวนของ นิวรแล้ว เมื่อปัญญาเกิดจะทราบเองว่า ใจที่มีกิเลสนั้นมากน้อยขนาดไหน แก้ไขอย่างไร เมื่อมันเกิดทำไมต้องไปยึดทั้งๆที่มันก็เกิดตามธรรมชาติแล้วมันก็ต้องดับไปตามธรรมชาติเช่นกัน เหอๆขอสรุปเลยแล้วกันครับว่า ผิดที่ไม่มีปัญญา ขาดสติความเพียร จึงตกเป็นคนไม่รู้ตาบอก หูหนวกทั้งๆที่ ตาดี หูดีอยุ่แท้ๆ แต่ก็ให้กิเลสจูงเหมือนคนตาบอดหูหนวก ดังพุทธวัจนะว่า
จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธาอมิตฺเตเนว อติตนากโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํยํ โหติ กฎุกปฺผลํ เหล่าคนพาล ปัญญาทรามทำตัวเองให้เป็นศัตรูของตัวเองเที่ยวก่อแต่บาปกรรรมที่มีผลเผ็ดร้อน

2.ท่านมีจริตใด(เท่าที่รู้ตัว) และนำกรรมฐานกองไหนไปแก้ไข มีวิธีปฏิบัติในชีวิตประจำวันของท่านอย่างไร?
สวนตัวผมมีจริต โมหะจริตครับยังมีความชอบใจ ชอบอกพอใจในบางอย่างที่รู้อยู่ว่าเป็นกิเลสแน่นอนครับผมยังไม่ใช่พระอรหันต์ หรือ พระโสดาบัน แต่ผมก็พยายามทำจิตให้ละอยู่ทุกขณะจิต มีสติทุกกิริยา และพิจารณาธรรมเสมอเมื่อใจลงสู่ความสงบแล้ว ก็สู้ไม่เคยถอยละครับในสนามธรรมกับการสู้กิเลส การแก้ผมก็พิจารณาดูความโมหะหรือกิเลสอะไรก็ตามด้วยสติ ถ้าเป็นโมหะเกิดความอยากได้อยากมี ก็พิจารณาความจำเป็นประกอบหลังธรรมบางเช่น พระไตรลักษณ์ ว่าสิ่งทั้งหลายที่เราอยากได้ วันหนึ่งก็ต้องดับไป เสียไป สลายไป ถึงของไม่ดับอาจอยู่ได้เป็น1000ปีแต่ในที่สุดของไม่ดับเราเองก็ต้องดับ ฉะนั้นมันไม่มีอะไรเป็นของเราแน่แท้ จงเห็นประโยชน์ของมันมากกว่าความอยากได้ หรือ ไม่อยากได้ เพราะทั้งหลายเล่านี้เป็น เหตุแห่งทุกข์เพราะมันจะทำเกิดทุกข์ขึ้น เห็นอย่างนี้แล้ว ยังจะอยากได้อีกก็คงโง่เต็มที เป็นโมฆะบุรุษแล้วถ้าท่านสอนขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อก็คงหาความเจริญไม่ได้แล้วในชาตินี้ จะอยู่หรือตายก็คงมีค่าเท่ากันถ้าโง่ถึงขนาดนี้ ก็พิจารณาไปให้จิตเชื่อลงไปด้วยปัญญายังงี้ มันก็แนบหายไปเองครับ


3.ครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถือและนำหลักธรรมของท่านมาปฏิบัติ
-ผมมีความศรัทธาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ครับ ขอยกคำสอนที่ประกอบว่า ---"ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง

ศาสนาทางมิจฉาทิษฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย
ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรมดังไฟที่กำลังใหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด
ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆและแยบคายด้วยจะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ"

โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น
(บันทึกโดยพระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต)
จากหนังสือ"เพชรน้ำหนึ่ง"----------
**เป็นโอวาทสุดท้ายที่ผมคิดว่า ดีและเหมาะสมกับปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เห็นจากข้อความที่ถูกบันทักโดยหลวงปู่หล้า
ซึ่งแสดงถึงปัญญาและภูมิปัญญาของหลวงปู่มั่น จะเห็นได้จากผมขอแยกออกเป็นสองช่วง คือ
1.ท่านเข้าใจโลก โดยเห็นจากที่ท่านว่า นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง เห็นได้ว่าท่านอาจารย์มั่น มีวิสัยทัศที่ก้าวไกล เพราะ คำว่านโยบายโลกีย์ ท่านอาจหมายถึง ทั่งภาครัฐและเอกชน ที่มีการแข่งขั้นสร้างวัตถุต่างๆแข่งกันมีโครงการต่างๆทางโลกเพื่อความเจริญทางโลก พระในอนาคตจะหามีที่ปฎิบัติลำบากขึ้นเพราะไม่มีที่สงบ สงัด แม่ไร่นา ก็อาจหาความสงบไม่ได้นั้นเอง
เพราะตอนที่หลวงตามหาบัว ยังดำรงขันธ์อยู่นั้นท่านเคยเล่าว่าหลวงปู่มั่นนั่น ว่างๆท่านชอบศึกษาประวัติศาสตร์กับพระอาจารย์จันทร์ สิริจันโท เป็นประจำเมื่อเข้า กรุงเทพ แน่นอนว่าภูมิปัญญาของท่านนอกจากทางธรรมที่ระดับอรหันต์แล้ว ทางด้านสังคม การเมืองท่านก็คงรู้ด้วยเพราะ ตอนท่านมีชิวิตอยู่ ในช่วงเปลี่ยนผ่านการปกครอง และสงคราม และเห็นได้จากที่ท่านว่า ศาสนาทางมิจฉาทิษฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย อันนี้เราท่านคงเห็นจากปัจจุบันตามสื่อต่างๆของพฤติกรรมพระ หรือญาติโยมบางสวน ที่หาได้แสวงหาสัจธรรมจริงๆไม่ แต่ยึดอย่างอืนแทนธรรมของพระพุทธเจ้า
2.ธรรมของท่านเป็นของระเอียดและท่านมีศาสตร์และศิลในการสอนคนได้ในทุกระดับ เห็นได้จากการอุปมา เปลี่ยบเทียบธรรมท่าน เห็นได้จากท่านว่า ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรมดังไฟที่กำลังใหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืน
เถิด
ผมคิดว่านี้คือยอดนักปราชน์ที่ผมนับถือดังที่ได้กล่าวมา
4.ชื่อพระธาตุ+เกศาที่ท่านต้องการ 1 ยูสเซอร์ต่อ 1 รายการ
ก็อยากได้พระธาตุหลวงปู่มั่น ท่านมาบูชาเป็นมิ่งขวัญบางครับเลยมาโพส เพราะพึ่งมาเห็นวันนี้เอง ก็แล้วแต่จะกรุณาครับ

 

ปิดรับผลงานกันที่หน้า 9 อืมๆๆเลขดีๆๆ

 

1. ส่วนตัวดิฉันจะชอบปฏิบัติอานาปานุสสติกรรมฐานควบคู่ไปกับ พุทธานุสสติกรรมฐานค่ะ โดยอานาปานุสสติฯ จะเริ่มหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ สติจับที่ลมหายใจ หายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก ไม่ต้องสนใจอะไรอย่างอื่นนอกจากลมหายใจ ไม่อยากรู้อยากเห็นอะไร ทำใจให้เป็นกลางๆ การบริกรรมภาวนาว่า พุทโธ พุทโธ นั้นคือ พระพุทธองค์ เป็นพุทธานุสสติฯ โดยตรงอยู่แล้ว เพียงแต่ได้นำไปควบกับการหายใจเข้าออกควบคุมจิตให้มีความตั้งมั่น เมื่อตั้งมั่นดีแล้ว จึงเริ่มพิจารณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มแรกๆก็รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็เพียรพยายามทำไปเรื่อยๆจนปัจจุบันดีขึ้นเป็นธรรมชาติขึ้นมาก จากการได้ปฏิบัติทำให้ ดิฉันรู้สึกมีสติสัมปชัญญะดีมากขึ้น ความฟุ้งซ่านรำคาญใจหายไป ยับยั้งชั่งใจในอกุศลกรรมได้ดีขึ้นนิ่งสงบขึ้น เมื่อกำหนดจิตนึกถึงพระพุทธองค์ จิตใจรู้สึกได้ ถึงความปิติและความสุขในใจอย่างบอกไม่ถูก ดิฉันได้นำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ด้วยการที่เวลาไปทำงานก็จะกำหนดลมหายใจเข้าออก จะขับรถมีสมาธิดีมากขึ้น เมื่อรถติดมีเวลาก็ภาวนาในใจไป ระลึกคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อทำงานอยู่รู้ว่าพิมพ์งานอยู่ ทำอะไรอยู่ มีสติอยู่เสมอ บางครั้งเวลาต้องเดินไปทานข้าวกลางวัน ก็ใช้การกำหนดสมาธิโดยการก้าวของเท้า ก้าวเท้าซ้าย หรือก้าวเท้าขวาก็ให้รู้อยู่ บางครั้งยากสักนิดหนึ่งเพราะตอนกลางวันคนออกมาทานข้าวกันมาก เวลาก่อนจะนอนหลับ ก็พยายามจับลมหายใจ ให้ทรงตัว นึกถึงพระพุทธองค์เป็นภาพในจิต สบายดีขึ้นมากไม่ค่อยฝันมากเหมือนเมื่อก่อน เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด ก็ตั้งสติกำหนดรู้ลมหายใจทันที ทำอย่างนี้ให้เป็นปกติ รู้สึกเลยว่าเมื่อกำหนดอยู่อย่างนี้เสมอ เวลาที่จะคิดเพ้อเจ้อฟุ้งซ่าน วิตกกังวลหายไปมาก เวลาก่อนจะพูดจะกล่าวอะไรออกไปกับคนที่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์ด้วยก็คิดก่อนพูดเสมอ แน่นอนผลที่ได้คือศีล 5 เรารักษาได้อย่างดี เพราะเรามีสติอยู่กับตัวความคิดไปสู่อบายหาช่องเข้ามารบกวนเรายาก ตอนนี้การปฏิบัติอาจยังไม่เชี่ยวชาญมาก ยังไม่ถึงขั้นสูง เป็นเพียงเบื้องต้นพื้นฐาน แต่ก็ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลาพอสมควร ก็เห็นอานิสงส์เบื้องต้นแล้ว บางโอกาสได้เป็นตัวแทนบริษัทไปแจกของต่อผู้ยากไร้ แม้ไม่ใช่ทรัพย์ของเราโดยตรง แต่เราก็ได้ร่วมอนุโมทนาในบุญครั้งนั้น แล้วก็ตั้งจิตเป็นกุศล ได้จาคานุสสติฯ โดยระลึกถึงการให้เป็นปกติ มาใช้พิจารณาอีกหนึ่งกองเป็นกำไร ช่วยยกระดับจิต บรรเทากิเลส ตัดความตระหนี่ ตัดโลภะ ความโลภ ลงไปได้มาก เมื่อมีเวลาวันหยุดก็จะพาแม่ไปวัดด้วยกัน ทำสมาธิ เดินจงกรม ทำบุญ บริจาคทานด้วยกัน

2. ดิฉันเมื่อก่อนเป็นคนมี ราคจริต มากพอควร คือ พอใจในรูปสวย รักสวยรักงาม ชอบการแต่งกายสวยตามแฟชั่น ติดหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ว่าเป็นของดี หลงตัวเองว่าสวย เพียรแก้ไขด้วยการใช้ อสุภกรรมฐาน 10 โดยพยายามตั้งอารมณ์ที่เห็นว่า ไม่มีอะไรสวยสดงดงาม มีแต่ความสกปรก โสโครก น่าเกลียด ครั้งหนึ่งดิฉันและเพื่อนธรรมได้พากันไป พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์คองดอน ที่โรงพยาบาลศิริราช ยอมรับอย่างเต็มปากเลยว่าตอนแรกกลัวมากๆค่ะ ได้มองเห็นร่างกายภายในของศพ อาจารย์ใหญ่ วันนั้นอยู่ทั้งวันเลยดูจนรู้สึกปลงสังขารเลย กลับมาบ้านก็มาพิจารณาโดยการกำหนดรู้ ภาพยังติดดาอยู่เลยค่ะ หลับตากำหนดลมหายใจพิจารณาร่างกายมนุษย์ที่มีอาการ 32 ไม่มีอะไรสวยงามจีรังยั่งยืนเลย เป็นของน่าเกลียด มีกลิ่นเหม็นคลุ้ง ผิวหนังเรานี้ที่เห็นภายนอกก็ดูเหมือนว่าสวยงาม ถ้าไม่คอย อาบน้ำ ทำความสะอาด ขัดถู ไม่นานก็เหม็นสาบ น่ารังเกียจ มีแต่จะเสื่อมไป แก่ไปตามสภาพ วันเวลา เครื่องสำอางวิเศษแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ เมื่อพิจารณาเห็นแล้วก็ลดละในเรื่องการปรุงแต่งสังขาร แต่ไม่ถึงขนาดไม่ดูแลตัวเอง แต่ไม่ไปเห่อตามแฟชั่น หมั่นดูแลจิตใจให้สะอาด คิดว่าทุกอย่างย่อมผันแปรเปลี่ยนไปไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ก็จะยับยั้งกิเลส ที่มารบกวนได้มากค่ะ

3. ดิฉันเลื่อมใสศรัทธา ในพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบทุกท่าน เพราะถือได้ว่าเป็นสาวกผู้เผยแพร่ธรรมะแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแท้ โดยเฉพาะครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และดิฉันได้นำหลักธรรมของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านมาปฏิบัติที่ท่านว่า ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญา ได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นธรรมะที่ดิฉันน้อมมาปฏิบัติอยู่ โดยมีสติอยู่กับปัจจุบัน หมั้นเพียร ทำทาน รักษาศีล ภาวนา อยู่เป็นนิจเพื่อกำจัดกิเลสให้เบาบางหรือหมดไป ให้ได้ไปสู่ทางพ้นทุกข์ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านมีเมตตาให้โอวาทธรรมไว้

4. ดิฉันขอรับ ผงอังคาร หลวงปู่ สอ พันธุโล เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร ค่ะ

 

ขอให้พลังศรัทธาของทุกๆท่าน สื่อถึงครูบาอาจารย์ ขอครูบาอาจารย์เมตตาทุกๆท่าน โชคดีทุกๆคนครับ(....เป็นไปได้มั้ย? 55+)

 

อีก 1....ชั่วโมงสุดท้ายปิดรับบทความ นะครับ โชคดีทุกท่าน.......

 

อีก 19 นาที สุดท้าย(โดยประมาณ)

 

**ปิดกะทู้ชั่วคราว ประกาศผลไม่เกิน 16 กุมภานี้55 ครับ **ขออภัยในความไม่สะดวก

​

 

ประกาศ...แจ้ง​

เนื่องจาก กติกา ข้อ 4.ชื่อพระธาตุ+เกศาที่ท่านต้องการ 1 ยูสเซอร์ต่อ 1 รายการ
มีผู้ผิดกติกาเป็นจำนวนมากมีผู้ขอเผื่อ 1-4 รายการเช่น....
นาย ก. ขอรับมาดังนี้
1.พระธาตุหลวงปู่มั่น
2.หลวงตามหาบัว
3.ชานหมากหลวงปู่ ศรี มหาวีโร
4.พระธาตุเจ้าแม่กวนอิม
ซึ่งตามกติกาจะขอรับได้องค์เดียวต่อหนึ่งยูสฯผมขอใช้สิทธิ์ตัดออกเหลือรายการเดียวยึดรายการแรกเป็นเกณฑ์..จากตัวอย่างนาย ก ขอรับ 4 รายการผมขอยึดรายการแรกเป็นหลักก็จะได้
นาย ก ขอรับ 1.พระธาตุหลวงปู่มั่น เพียงรายการเดียว.......
สาเหตุถ้าพี่ๆน้องๆ ขอมากรายการคนอื่นก็จะมีคู่แข่งเพิ่มเช่น นาย ข ขอ 1 รายการ ลต.มหาบัว ส่วนนาย ก ขอ 4 รายการ แต่ ลต มหาบัวอยู่ในลำดับที่ 2 จึงเป็นการไม่ยุติธรรมต่อนาย ข ซึ่งทำตามกติกาทุกอย่าง และคณะกรรมการก็ต้องกลับมาอ่านบทความคุณซ้ำอีกหลายรอบเพื่อพิจารณากับพระธาตุรายการอื่นๆที่คุณขอมาลำดับ 1-4 อันที่จริงผมสามารถตัดคุณจากการพิจารณาได้เพราะทำผิดกติกาทำให้ผู้ที่ทำถูกอยู่แล้วเสียเปรียบ..แต่ทางคณะกรรมการยึดหลักพรหมวิหาร..ใช้วิธีตัดเอารายการแรกที่ขอเป็นเกณฑ์ครับ......

จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน...​

คณะกรรมการผู้พิจารณา​

 

ประกาศผลอย่างเป็นทางการ(ยกเว้น1 รายการ)

1.พระธาตุเจ้าแม่กวนอิม
นพมงคล sunisa005 neoped
2.พระธาตุ ลป. ทวด
jinny999
3..พระธาตุ ลป.มั่น
นาธิยะ
4..จีวร ลป บุดดา
IRISA009
5..พระธาตุ ลป.คำดี ประภาโส
รสมน
6..พระธาตุลป.ครูบาคำ สังวโร
sumaree
7..หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
นพรัตน์99)
10..ชานหมาก ลป ศรี มหาวีโร
ช้างป่า cunchit99
11.ผงอังคาร ลป. มหาอมร เขมจิตโต
A_R_T_Y Sophone
13..ผงอังคาร ลป. สอ พันธุโล
chalita
14..เกศา ลป เลี่ยม ฐิติธัมโม
boontang
16.สังฆาฏิหลวงปู่ลี กุสลธโร
วัตรธรรม pete18
18.พระธาตุลป ขาว อนาลโย
นิพพิชฌน์2
19.ผงอังคารหลวงปู่ชา สุภัทโท
wanassa
21.ผงอังคารหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
Kiattisak01
23.เกศา + ชานหมากหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก
.ศิริเทพ
25.เกศาหลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร
oracle_Park
27.ผงอังคารครูบาจันทร์แก้ว คันธสีโล
pubpa​

 

บุคคลที่มีรายชื่อ--ข้างบนก็ให้ส่ง PM มารายงานตัว ก่อนวันที่ 20 กพ 55 นี้ ไม่งั้นถือว่าท่านเมินเฉย..เราจะมอบให้คนสำรองทันที...

สิ่งมงคลของผมที่แจกในครั้งนี้ไม่ต้องมารับด้วยตัวเองส่งให้ทางไปรษณีย์ทุกคน(ภายใต้เงื่อนไขส่งซองมารับ) ไม่ต้องมารับด้วยตัวเอง ณ หัวหิน..ครับสบายใจได้...
เพราะทราบว่าหลายท่านอยุ่กันคนละจุดของดินแดนไทยแห่งนี้...บางคนรายได้น้อยใช้จ่ายในแต่ละวันแทบจะหมดค่ารถค่าราคงจะไม่ต้องแทบพูดถึง(ผมเข้าใจดี) ...ผมจึงขอส่งความศรัทธาถึงประตูบ้านครับ..(เป็นคำตอบที่หลายท่านถามมา ทาง PM ผมขอแจ้งในกะทู้นี้ทีเดียวครับ)**ปล.ไม่เกี่ยวข้องกับกะทู้อื่นทั้งสิ้น

 

ขออภัยในความล่าช้า...เนื่องจากบทความของละท่านค่อนข้างดีจึงกินกันยาก..จึงต้องใช้เวลานานพอสมควรในการตัดสิน..บางท่านไม่ได้รับสิ่งมงคล..ไม่ต้องเสียใจครับ รอบหน้าอาจมีต่อ..แต่ทุกท่านที่ได้ร่วมตอบคำถามท่านได้ให้ "ธรรมะ"เป็นทานแล้วครับมีอานิสงส์มากมายผู้ที่เข้ามาอ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน "ขออนุโมทนาอย่างหาที่สุดไม่ได้ครับ"

​

 

..โชคดีมากคะที่ได้รับพระธาตุเจ้าแ่ม่กวนอิม (ไม่อยากเชื่อเลย!) เจ้าแม่กวนอิมท่านคงเห็นจุดประสงค์ของลูกสาวคนนี้ คงเห็นความตั้งใจ/การปฏิบัติที่เคร่งครัด....
และต้องขอโทษเจ้าของกระทู้นะคะที่ส่งผลงานไปให้อ่าน 2 รอบ เพราะรอบแรกข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่านับถือหลวงพ่อท่านใด? กรรมใดที่เคยล่วงเกินท่านทั้งหลายทั้งที่ ไม่ได้ตั้งใจ หรือเจตนา โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย...สาธุ
(นางสาวสุนิสา ชาติมูลตรี)
123/21-22 ถนนนนทรี
แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
กรุงเทพมหานคร 10120.................//\\...................

 

ยินดีกับท่านผู้ได้รับด้วยนะคะ^^
และขอเป็นกำลังใจให้ท่านที่ไม่ได้รับ ให้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมต่อไปด้วยค่ะ

 

ขออนุโมทนาบุญ ในธรรมทานจากทุกๆท่านครับ

 

อนุโมทนาบุญทุกๆท่านที่ได้รับด้วยครับ เอ้จิตกรรายชื่อพี่ไม่มีหรอ อิอิ

 

สาธุๆ ยินดีและอนุโมทนากับทุกท่านที่ได้นะครับ ผมก็ขอพระธาตุหลวงปู่มั่นเช่นกัน แต่พอมาดูของท่านนาธิยะ ผู้ได้รับแล้วนี้ ถือว่าคณะกรรมการได้พิจารณาเหมาะแล้ว สมแล้วครับ ท่านนาธิยะแยกอธิบายธรรมหลวงปู่มั่นได้ดีจริงๆครับสมแล้วที่ได้ ขอ อนุโมทนาครับ

 

ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ ในมหากุศลที่มีจิตแบ่งปัน ในสิ่งที่ควรสักการะบูชา แต่ ข้าพเจ้าบุญน้อยไม่มีวาสนา ที่จะเป็นหนึ่งในจำนวนผู้โชคดี ขอ ขอ นะครับ ขอแค่ได้ชมรูป เป็นบุญตาก็เป็นวาสนาอย่างยิ่งแล้ว ขอ ขอความกรุณา จาก จขกท นะครับ ช่วยถายรูป ให้ชม หน่อยครับ จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

1.พระธาตุเจ้าแม่กวนอิม 1 รายการ
2.พระธาตุ ลป. ทวด (พระธาตุเสด็จ) 1 รายการ
3..พระธาตุ ลป.มั่น ภูริทัตโต (พระธาตุเสด็จ) 1 รายการ
4..จีวร ลป บุดดา ถาวรโร 1 รายการ
5..พระธาตุ ลป.คำดี ประภาโส 1 รายการ
6..พระธาตุลป.ครูบาคำ สังวโร 1 รายการ
7..หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 1 รายการ (วรรณะไข่ปลา)
8..ปฐวีธาตุ ลป คำพันธ์ 1 รายการ
9.จีวร ลป แผ้ว นครปฐม 1 รายการ
10..ชานหมาก ลป ศรี มหาวีโร 1 รายการ
11.ผงอังคาร ลป. มหาอมร เขมจิตโต 1 รายการ (ศิษย์ ลป ชา หายากมาก)
12..อังคารธาตุ ลป เขี่ยม โสรโย 1 รายการ
13..ผงอังคาร ลป. สอ พันธุโล 1 รายการ
14..เกศา ลป เลี่ยม ฐิติธัมโม 1 รายการ (เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพงองค์ปัจจุบัน)
15..เกศาพระอาจารย์อนันต์ วัดมาบจันทร์ ระยอง 1 รายการ (เจ้าอาวาสวัดมาบจันทร์สาขาวัดป่าพง)
รายการเพิ่มพิเศษโดยน้องพี่ๆ
16.สังฆาฏิหลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง อุดรธานี 1 รายการ
17.ผงอังคารลวงปู่ทูล ขิปปัญโญ 1 รายการ
18.พระธาตุลป ขาว อนาลโย 1 รายการ
19.ผงอังคารหลวงปู่ชา สุภัทโท 1 รายการ
20.เกศา หลวงปู่ลี ถาวโร 1 รายการ
21.ผงอังคารหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท 1 รายการ
22.อัฐิหลวงปู่บัวไข วัดสันติสังฆาราม สกลนคร 1 รายการ
23.เกศา + ชานหมากหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม ขอนแก่น 1 รายการ
24..เกศา + เศษจีวร หลวงปู่วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม เชียงราย 1 รายการ
25.เกศาหลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วันป่าสุนทราราม ยโสธร 1 รายการ
26.เกศาหลวงปู่ สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ เชียงใหม่ 1 รายการ
27.ผงอังคารครูบาจันทร์แก้ว คันธสีโล 1 รายการ

 

ต้องยอมรับว่า ประทับใจในกระทู้นี้มากๆจริงๆคะ ^__^
และต้องขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ คณะกรรมการ และทีมงานทุกๆท่าน สำหรับสิ่งดีๆที่นำมามอบให้แก่ญาติธรรมชาวเว็บพลังจิต มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
และขออนุโมทนาบุญจากการเสียสละทั้งวัตถุมงคล และเสียสละทั้งเวลา ที่คุณเจตและคณะทีมงาน คณะกรรมการทุกๆท่านได้สละมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอผลบุญนี้ จงส่งให้ทุกๆท่าน ได้ถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้โดยถ้วนหน้านะคะ สาธุๆๆ

และขอแสดงความยินดีกับทุกๆท่านที่ได้รับวัตถุมงคลด้วยนะคะ และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมแบ่งปันธรรมทานในครั้งนี้ด้วยนะคะ
และที่สำคัญขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านที่ไม่ได้รับรางวัล แต่ท่านได้รับบุญที่ยิ่งใหญ่ จากธรรมทาน ที่ท่านได้นำมาเผยแพร่แก่ทุกๆท่าน ที่ได้เข้ามาอ่านแล้วคะ

หวังว่ารอบหน้าจะได้พบเจอกันใหม่นะคะ^__^