เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 17 เมษายน 2011.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    กราบหลวงปู่ ทิม.... กราบ กราบ กราบ
    สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง และ ทุกๆท่าน
    กระผมเพิ่งกลับจากการไปขอฝึกกรรมฐานที่ วัด อัมพวัน จ.สิงห์มา7วัน ครับ
    เอาบุญมาฝาก ทุกๆท่านครับ
     
  2. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351

    สวัสดีครับพี่รุ่ง อนุโมทนาบุญด้วยนะครับพี่
     
  3. KonDernTaang@ตากลม

    KonDernTaang@ตากลม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +171
    กราบหลวงปู่ทิม
    สวัสดี อ.แก้วสว่าง

    สวัสดีครับ พี่รุ่ง ..ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

    สวัสดีครับ คุณโต้ง , น้าต๋อย , คุณรัก และ ทุกๆ ท่าน ที่ไม่ได้เอ่ยนาม
     
  4. เม่นจัง

    เม่นจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +401
    กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีอาจารย์แก้วสว่าง คุณโต้ง น้าต๋อย เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่าน
    สวัสดีครับพี่รุ่ง อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ เป็นไงบ้างครับกับการฝึกครั้งนี้ ว่างๆช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ
     
  5. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,850
    อนุโมทนาครับพี่รุ่ง
    สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง และพี่ๆทุกท่าน:cool:
     
  6. วิโรจน์999

    วิโรจน์999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +3,918
    สวัสดีครับ...พี่โมทย์...พี่โต้ง ชลบุรีและเพื่อนสมาชิก...ทุกท่าน
     
  7. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351

    สวัสดีครับพี่ ขอต้อนรับด้วยความยินดีครับพี่......
     
  8. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่แกะกล่องเลย
    แสดงว่าติดตามกระทู้ มาได้พอสมควรแล้ว
    จะมีของขวัญต้อนรับสมาชิกใหม่ดีไหมครับ....ท่านประธานโต้ง อิอิ
     
  9. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    แหม น้าก็พี่เค้ามีเป็นถุงเป็นถังครับ มีแต่เราเสียอีก
    ที่อยากได้อะไรต้องถามพี่เค้าครับ
     
  10. วิโรจน์999

    วิโรจน์999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +3,918
    สว้สดีครับ...น้าต๋อย เซมเบ้...พี่โต้ง...ใจดีอยู่แล้วครับพี่
     
  11. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    สัปดาห์หน้า คงจะได้เริ่มส่งพระ และผ้ายันต์ให้กับทุกๆ ท่านนะครับ
    พึ่งได้กล่องเพื่อที่จะมาบรรจุพระ ต้องเนื้อค่อนข้างเปราะมาก ผมมองแล้ว
    เป็นเนื้อที่น่าจะไม่ได้ผสมปูนไปด้วย ทำให้แตกง่ายมาก ยังไงก็เมื่อได้รับไป
    ควรทาน้ำยาทาเล็บ หรือพ่นแลคเกอร์ เคลือบไปอีกชั้นนึง....

    ผมเองอาทิตย์นี้ พึ่งได้อยู่ที่ทำงานวันนี้นี่เอง แต่.....เข้าเวรครับ ไปไหนไม่ได้ 55
     
  12. dejlee

    dejlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +1,187
    รับทราบครับ ขอบคุณน้าต๋อยครับ:cool::cool::cool:
     
  13. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    อนุโมทนาบุญด้วยนะครับพี่รุ่ง:cool::cool:

    อนุโมทนาด้วยครับน๊าต๋อย ยินดีกับพี่ๆที่ได้พระไปด้วยครับ
     
  14. bonnieboy

    bonnieboy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +99
    ขอบคุณมากครับ น้าต๋อย:cool:
     
  15. ฌานกร

    ฌานกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,433
    ค่าพลัง:
    +14,651

    กราบหลวงปู่ทิม และสวัสดีพี่ๆ น้องๆ ทุกท่านตอนเย็นครับ

    อนุโมทนาบุญกับพี่รุ่งด้วยนะครับ :cool::cool::cool:
     
  16. M_RungSit

    M_RungSit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +329
    สวัสดีครับพี่นาย สมเด็จองค์นี้กะลังจะแต่งขอบข้างอยุ่ครับ แต่พระเปราะมาก ไม่รุ้จะเสี่ยงดีรึป่าว
     
  17. M_RungSit

    M_RungSit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +329
    ขอบคุณครับ พระชุดนี้ยิ่งลงกล้อง ยิ่งชอบครับ เนื้อพระเก่าแบบธรรมชาติครับ

    ขอบคุณครับ
     
  18. น้าต๋อย เซมเบ้

    น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    7,815
    ค่าพลัง:
    +58,748
    ผู้ที่มีรายชื่อดังต่อไปนี้ รบกวนส่งที่อยู่ให้ผมด้วยนะครับ

    ระหว่างทาง (คนนี้ น่าให้มารับเอง จะได้ปล้นกันซึ่งๆ หน้า ได้ข่าวว่า เป็นกรุ ลพ.กวย)
    Breedlve
    Suntornpoo
    เอกกมล
     
  19. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [FONT=&quot]( ต่อจากตอนที่แล้ว ) เราจะเห็นถึงอานุภาพของการสักยันต์ที่กลุ่มของคนในยุคสมัยก่อนนั้นมีความเชื่อมั่นกันและเห็นผลได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เห็นได้ประจักษ์ตากัน มันเป็นความรู้สึกที่สามารถหยั่งรู้ได้ถึงอานุภาพที่แจ้งชัดเมื่อเจอกับประสบการณ์ที่เชื่อมั่นกันได้ ซึ่งวิชาอาคมของคนในยุคสมัยก่อนนั้นเขาจะเรียนและทำกันโดยจริงจังและสามารถถ่ายทอดอำนาจจิตที่เชื่อมั่นเมื่อได้เรียนและฝึกฝนกันจนมั่นใจในอาคมของตัวเองได้ โดยเฉพาะวิชาการสักยันต์นั้นซึ่งก็คงมีมาช้านานแล้ว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกนั้นเป็นพื้นที่ที่มีเหล่าเสือที่เก่งฉกาจกันมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ที่ได้ยินชื่อเสียงกันในยุคนั้นจะกล่าวกันถึงกับประสบการณ์ที่ได้ไปประสบกัน แต่เสือในสมัยก่อนนั้นเขาจะสักยันต์กันเพื่อต้องการพลังแห่งอำนาจของพุทธคุณที่ได้ลงไว้ ซึ่งมีความเชื่อที่ว่าสามารถป้องกันอันตรายได้อย่างมั่นใจได้ โดยเฉพาะการได้สักยันต์ร่วมกับการที่มีวิชาอาคมที่แก่กล้า อย่างเช่นเสือเต็มซึ่งเป็นพลลูกหมู่ในยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ทิมและเป็นเพื่อนกับหลวงปู่ทิม ซึ่งเสือเต็มนั้นมีความเชื่อมั่นในวิชาอาคมมากถึงขนาดสามารถลองอาคมให้กับเพื่อนๆในพลลูกหมู่ด้วยกันได้ดูกันซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่ด้วย จึงทำให้หลวงปู่ทิมนั้นมีความเชื่อมั่นได้ถึงอานุภาพของวิชาอาคมที่ได้เห็นประจักษ์ตา จึงทำให้หลวงปู่ทิมท่านได้เริ่มศึกษาวิชาอาคมกันอย่างจริงจังได้ เรื่องการศึกษาวิชาอาคมและการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ได้เห็นประจักษ์ตากันซึ่งๆหน้าหรือการลองอาคมเพื่อให้มีความเชื่อมั่นกันได้นั้น นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรของวัดละหารไร่ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ได้บวชเรียนและรับใช้อยู่กับหลวงปู่ทิมนั้น เมื่อครั้นเวลายามว่างจากการทำกิจวัตรต่างๆของสงฆ์ นายสายหรือพระสายในสมัยนั้น มีอยู่ช่วงหนึ่งหลวงปู่ทิมท่านเคยเล่าให้พระสายฟังว่า เมื่อครั้งที่ท่านได้ออกธุดงค์เดินทางไปในที่ต่างๆหลังจากที่ได้เรียนรู้จากตำราโบราณเก่าแก่ที่ตกทอดกันมาตั้งแต่เดิม จากนั้นเพื่อความเรียนรู้และเข้าใจให้ถึงหลักของแก่นแท้ของวิชาอาคมต่างๆและในสิ่งหรือเรื่องราวของหลักไสยศาสตร์ต่างๆและการแพทย์แผนโบราณที่ต้องการเรียนรู้ได้ต้องเพียรแสวงหาสรรพวิชาต่างๆเพื่อให้มีความรู้ติดตัวหรือการสืบทอดวิชาอาคมต่างๆเพื่อนำมาใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์หรือการสืบสานเพื่อให้วิชาอาคมต่างๆนั้นได้ดำรงสืบทอดต่อไปได้ ซึ่งก็มีเรื่องเล่ากันอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อหลวงปู่ทิมท่านก็ได้เดินธุดงค์ไปในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งบริเวณนั้นเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในป่ามีหุบเขาล้อมรอบและก็ได้ไปเจอกับฆราวาสอยู่คนหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้าไปในกอไผ่ที่รกรั้งซึ่งมีพงหนามอันแหลมคมมากจากนั้นก็เดินเข้าไปโดยที่หนามอันแหลมคมนั้นไม่สามารถทำอันตรายหรือระคายเคืองต่อผิวหนังได้เลยซึ่งถ้าเป็นคนธรรมดาๆนั้นหนามอันแหลมคมคงบาดเป็นแผลเหวอะหวะแน่ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เห็นย่อมแสดงให้เห็นได้ถึงอานุภาพของความเหนียวหรือความคงทนได้ และเมื่อหลวงปู่ทิมได้เห็นดังนั้นท่านจึงเกิดสนใจและได้สอบถามกับฆราวาสคนดังกล่าว ซึ่งหลังจากหลวงปู่ทิมท่านได้สนทนากับฆราวาสคนดังกล่าวจากนั้นฆราวาสคนนั้นก็ได้พาหลวงปู่ทิมเข้าไปยังในหมู่บ้านนั้น ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดย่อมๆ จากนั้นก็ได้เดินไปก็พบเห็นบ้านเรือนไม้หลังขนาดใหญ่ซึ่งเป็นบ้านในยุคโบราณสมัยก่อน จากนั้นหลวงปู่ทิมก็ได้พบเจอกับฆราวาสซึ่งเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านไสยศาสตร์และอาคมมากและเป็นที่เลื่องลือกันในหมู่บ้านนั้น โดยในขณะนั้นผู้เฒ่าคนนั้นกำลังทำพิธีรักษาคนป่วยคนหนึ่ง ซึ่งญาติๆที่ได้ช่วยหามกันมาให้กับผู้เฒ่าคนดังกล่าวนั้นได้รักษา ซึ่งภายหลังจึงได้ทราบว่าคนป่วยคนนั้นได้หมดลมไปแล้วแต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตาย จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้มองดูผู้เฒ่าคนนั้นรักษา ซึ่งหลวงปู่ท่านคงให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงวิธีการรักษาซึ่งก็คงจะรักษาที่แตกต่างจากปัจจุบันมาก ซึ่งผู้เฒ่าคนนั้นก็ได้สวดทำพิธีและว่าคาถากันตามการรักษาของผู้เฒ่าคนนั้น และเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งสิ่งอัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นเมื่อคนที่หมดลมหรือตายไปแล้วนั้นกลับฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นมาจึงเป็นเหตุผลที่หลวงปู่ทิมท่านสนใจมากเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอานุภาพต่างๆที่ได้เห็นนั้นมันเป็นแนวทางอย่างหนึ่งในการศึกษาวิชาอาคมเพื่อการเรียนรู้ในสิ่งที่มันอาจจะเร้นลับและก็คงจะแฝงลึกด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์หยั่งที่น้อยคนคงจะเข้าใจกันได้ ยิ่งด้วยอานุภาพหลักของวิชาอาคมต่างๆและการรักษาในสมัยก่อนมันอาจจะมีความแปลกแหวกแนวที่มันอาจเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่สามารถเข้าใจถึงหลักของความจริงหรือหลักสัจธรรมของชีวิตมนุษย์กันได้ แต่ด้วยผลของอานุภาพที่เกิดขึ้นนั้นมันสามารถที่จะบ่งบอกได้ถึงความอัศจรรย์ความศักดิ์สิทธิ์และอานุภาพที่เกิดขึ้นหรือความที่เชื่อถือหรือมั่นใจกันได้ ซึ่งมันอาจที่จะเป็นวิชาที่สืบทอดวิชากันตามที่ได้รักษากันมาตั้งแต่ยุคโบราณที่มีกันมาช้านาน ซึ่งโดยหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้เห็นถึงอำนาจของวิชาอาคมและอานุภาพของสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้หลวงปู่ท่านมีความสนใจขึ้นมาโดยทันที แต่เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์นั้นและโดยสรรพวิชาที่ต้องการที่จะเรียนรู้นั้นถ้าไม่มีความผูกพันที่ฝังลึกหรือความมีจิตใจที่มั่นคงและแน่วแน่ การเรียนวิชาหรือการที่จะได้รับการถ่ายทอดวิชานั้นต้องใช้ระยะเวลาจนกว่าที่สามารถจะสื่อให้เข้าใจหรือสื่อให้สัมพันธ์กันให้ดีได้ และการที่ได้เรียนรู้ในสรรพวิชาที่ได้เห็นแก่ประจักษ์ตานั้นมันเป็นการเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งการที่ได้มีรสสัมผัสกับสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่มันเป็นเครื่องพิสูจน์กันที่มันสามารถบ่งบอกได้และยอมรับกันในสิ่งที่มันเกิดขึ้นได้กับอานุภาพของอาคมที่เชื่อได้อย่างมั่นใจ ด้วยการมีจิตวิเคราะห์ที่ดีนั้นหลวงปู่ทิมท่านคงเข้าใจได้อย่างที่ลึกซึ้งและเห็นประจักษ์ได้ตั้งแต่ท่านได้เห็นชาวบ้านคนหนึ่งที่มีอานุภาพสามารถเดินเข้าไปในป่ากอไผ่ที่หนามอันแหลมคมนั้นไม่สามารถทำอันตรายได้ซึ่งมันก็บ่งบอกได้ถึงอำนาจของพุทธคุณและความรู้สึกที่เชื่อมั่นได้ การได้พบและสัมผัสกับสิ่งที่เร้นลับนั้นซึ่งถือว่าเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่ต้องสามารถเข้าใจให้ได้ถึงหลักสำคัญที่แท้จริง[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]ซึ่งหลักพื้นฐานสำคัญของการดำเนินชีวิตของคนในยุคก่อนนั้นจะมีความเชื่อกันถึงเรื่องของสัจธรรมของชีวิต หรือเปรียบเสมือนกับการดำรงชีพเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ให้เป็นไปตามวัฎจักรของชีวิตที่ได้เวียนว่ายกันไป ซึ่งชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมายังบนโลกมนุษย์นี้นั้นการถือหลักอำนาจของไสยศาสตร์การอาคมและการเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆนั้น ซึ่งการวิเคราะห์การรักษาตามหลักการของโบราณจะวิเคราะห์กันตามที่ได้มีความเชื่อมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ซึ่งในการรักษาที่ให้สัมฤทธิ์ผลขึ้นมานั้น มันอาจจะรักษากันเพียงความเชื่อถือกันหรือตามหลักของความจริงนั้นก็ต้องพิสูจน์กันตามที่ได้รักษาให้เข้าใจกันได้อย่างที่เชื่อมั่นกันได้ ซึ่งโดยหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ตากับสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นมานั้น ซึ่งฆราวาสผู้เฒ่าผู้แก่กล้าอาคมนั้นท่านยังสามารถแสดงอิทธิปาฏิหาริย์โดยสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และสามารถดำดินหรือการหายตัวได้ ซึ่งอาจจะเป็นการใช้หลักของวิชาอาคมหรือการใช้อำนาจจิตเพื่อให้เกิดอานุภาพของฤทธิ์ที่สามารถให้มีความเชื่อมั่นในอำนาจของจิตที่มีอยู่ได้ อย่างเช่นการใช้อำนาจจิตสามารถแสดงฤทธิ์ในการแยกจิตหรือแยกร่างเพื่อให้บังเกิดกับสิ่งที่มันเป็นเรื่องของอานุภาพของจิตได้ ซึ่งหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้เห็นแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลวงปู่ทิมท่านก็ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับฆราวาสผู้เฒ่าที่แก่กล้าอาคมนั้นโดยทันใด แต่ก่อนที่จะได้รับการร่ำเรียนวิชาอาคมนั้นจะต้องมีการทดสอบความเชื่อมั่นกันหรือความตั้งใจที่แน่วแน่และมั่นคงกันได้ ถึงจะได้รับถ่ายทอดวิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์ที่ต้องการที่จะได้ถ่ายทอดอาคมต่างๆให้ ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านก็ได้รับการทดสอบจากผู้เฒ่าจนผู้เฒ่านั้นมีความเชื่อมั่นได้ในตัวของหลวงปู่ทิมที่ท่านมีจิตวิญญาณสูงในความต้องการที่จะได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมหรือสืบทอดวิทยาคมต่างๆได้ จากนั้นก็ได้มีการครอบครูหรือยกครูกันเพื่อให้มีการประสิทธิ์ประสาทวิชากันเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งหลังจากที่ได้ยกครูบาอาจารย์กันเรียบร้อย จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆกันอย่างตั้งใจ ซึ่งโดยวิชาต่างๆนั้นวิชาบางอย่างเช่นการหายตัว หรือการเหาะเหินเดินอากาศนั้น มันอาจจะเป็นสิ่งที่พระอาจจะไม่สามารถทำได้หรือเรียนได้ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่บังควรในการแสดงฤทธิ์ แต่ในยุคสมัยนั้นบางทีอาจจะเรียนรู้เพื่อที่ว่าอาคมหรืออำนาจจิตที่ออกฤทธิ์ขึ้นมานั้นสามารถกระทำได้แต่ก็คงเป็นการไม่เปิดเผยในสาธารณะชนได้ ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านได้เรียนรู้ให้เข้าใจถึงหลักแก่นแท้ของวิชานั้นได้ โดยเฉพาะการฝึกเรียนหรือการใช้อำนาจจิตในการเกิดฤทธิ์เช่นวิชาหายตัว หรือการแยกร่างหรือการลงไปในน้ำโดยที่ไม่เปียก นั้นต้องใช้อำนาจจิตที่สูงมาก ซึ่งถ้าอำนาจจิตไม่พอเพียงหรือไม่แน่วแน่การใช้อำนาจจิตและการอาคมต่างๆก็ไม่บังเกิดผลเท่าที่ควรได้ ซึ่งการฝึกฝนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในสิ่งต่างๆได้ ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านได้ร่ำเรียนกับผู้เฒ่าคนนั้นซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกปฏิบัติและการเรียนรู้ให้จริงตามหลักปฏิบัติเพื่อให้อำนาจจิตนั้นสามารถมีฤทธิ์ที่จะสามารถบันดาลในสิ่งต่างๆที่ต้องการได้ ซึ่งมันเป็นหลักสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้ตามหลักของจิตศาสตร์และโดยเฉพาะตัวบทคาถาต่างๆนั้นจะต้องท่องให้จำจนขึ้นใจให้ได้ ซึ่งในยุคนั้นจะไม่ค่อยเน้นในเรื่องการเรียนเขียนอ่านใดๆ ซึ่งหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้เรียนรู้จนจบสิ้นได้จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านก็ได้รับการทดสอบวิชาจากอาจารย์จนอาจารย์ท่านเชื่อมั่นได้ว่าวิชาอาคมที่ได้ถ่ายทอดไปให้นั้นสามารถรับรู้หรือเรียนรู้จนจบสิ้น อาจารย์ก็จะเป็นฝ่ายบอกว่าวิชาต่างที่ได้เรียนรู้นั้นจบแล้ว ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านได้ร่ำเรียนวิชาจากผู้เฒ่าผู้แก่กล้าวิชานั้นน่าจะอยู่เวลาระยะพอสมควรซึ่งหลวงปู่ทิมท่านได้ฝึกฝนอำนาจจิตและเล่าเรียนอาคมในแขนงต่างๆจนสามารถสร้างพื้นฐานมาดีและมีจิตวิญญาณสูงในการเพียรหาสรรพวิชาต่างๆ ซึ่งการศึกษาเล่าเรียนวิชาใดๆนั้นก็สำเร็จได้ไม่ยากซึ่งมันอยู่ที่ความตั้งใจและแน่วแน่ความสำเร็จผลนั้นก็จะเร็วพลันได้ ซึ่งพอหลวงปู่ทิมท่านเรียนจบจากอาจารย์ผู้เฒ่าผู้เรืองอาคมนั้น จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้ลาอาจารย์และได้ออกธุดงค์ต่อไป.........<o></o>[/FONT]
    <o></o><o></o><o></o>
    [FONT=&quot]เราจะเห็นแล้วว่าการเจ็บไข้ได้ป่วยต่างๆนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์แก่มนุษย์ทั้งหลาย ที่หลายคนอยากจะหลีกหนีให้พ้น แต่มันก็เป็นสิ่งที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมันก็เหมือนกับเงาตามตัวที่ตามเราไปทุกหนทุกแห่ง ซึ่งมันย่อมเกิดขึ้นได้เสมอทุกเวลานาที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หนีกันไม่พ้น มันอยู่ในคติธรรมที่เราต้องได้ยินได้เห็นและต้องเผชิญกันทุกคนแม้กระทั่งเมื่อเวลาเราไปวัดเราจะเห็นคติธรรมต่างๆหรือแม้กระทั่งที่ตาลปัตรพระยังจารึกไว้ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า [/FONT]“ [FONT=&quot]ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น [/FONT] “[FONT=&quot] ซึ่งมันเป็นหลักสัจธรรมของชีวิตที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเผชิญกันเมื่อถึงเวลานั้นเวียนมาบรรจบได้ถึงแม้จะใหญ่โตแค่ไหนหรือจะเก่งกาจเพียงใดก็หลีกหนีสัจธรรมนี้ไม่พ้น ซึ่งก็เปรียบดังคำกล่าวที่ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏสงสาร ซึ่งเราจะเห็นว่ามีเกิดก็ต้องมีดับหรือดับสูญ สิ่งที่นำไปติดตัวได้เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์นั้นก็มีเพียงความดีกับความชั่วเท่านั้นที่ติดตัวกันไปเมื่อเมื่อถึงเวลาดับสูญ หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ท่านเคยกล่าวสอนแก่ลูกศิษย์ลูกหา ให้ยึดมั่นในคุณความดี และประกอบแต่คุณงามความดี เพื่อผลประโยชน์ที่ดีของตัวเองในวันข้างหน้า ซึ่งในความหมายของหลวงปู่นั้นท่านจะยึดตามหลักความเป็นจริงของชีวิตที่มนุษย์ทุกคนนั้นจะต้องมีการเรียนรู้หาประสบการณ์ในชีวิตเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองและครอบครัวจะได้อยู่อย่างปกติสุข ซึ่งตามธรรมชาติความเป็นจริงมนุษย์ทุกชีวิตจะต้องเรียนรู้ประสบการณ์เพื่อสื่อสารความสัมพันธ์เพื่อให้ผสมผสานกับความเป็นไปของธรรมชาติหรือความเป็นจริงที่ได้เรียนรู้กันเพื่อความเป็นไปโดยปกติสุขของชีวิตมนุษย์[/FONT]
    <o></o>
    [FONT=&quot]โดยจากประสบการณ์ต่างๆนั้น นับตั้งแต่ นายทิม งามศรี ซึ่งถือกำเนิดมาจากหมู่บ้านหัวทุ่งซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ตามชนบทห่างไกลความเจริญซึ่งการที่ได้เรียนรู้ชีวิตตามธรรมชาตินั้น การได้สัมผัสกับชีวิตของธรรมชาติซึ่งไม่ว่าจะเป็นป่าไม้พืชพรรณต่างๆหรือสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสมมุติขึ้นมาเพื่อให้เป็นวัตถุทางโลกเพื่อให้มนุษย์ทั้งหลายได้เรียนรู้กับธรรมชาติชีวิตของมัน ซึ่งมีทั้งคุณประโยชน์ต่างๆมากมายในการหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ให้มีการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งธรรมชาติป่าไม้นั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากหลายกับสิ่งที่มีชีวิตทุกชีวิตบนโลก และในยุคสมัยก่อนดึกดำบรรพ์นั้นการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ต้องพึ่งพืชพรรณป่าไม้ต่างๆที่เราเรียกกันว่าสมุนไพร ซึ่งในสมัยก่อนนั้นจะนำต้นไม้หรือรากยาต่างๆหรือพืชพรรณมาต้มกินกันซึ่งมันเป็นยารักษาโรคต่างๆเพื่อให้หายจากอาการที่เป็นอยู่กัน แต่ก็รักษากันตามความรู้ความเข้าใจกันซึ่งถ้าไม่หายก็ต้องปล่อยให้ตายกันไป ซึ่งต่อมามนุษย์ก็เริ่มมีวิวัฒนาการของการรักษาโรคไปตามแนวต่างๆตามที่คนในสมัยก่อนนั้นมีการเรียนรู้คิดค้นกันและก็เริ่มพัฒนาการกันมาเรื่อยๆจนสามารถรักษาโรคต่างๆได้ซึ่งก็มีทั้งที่เห็นผลและไม่เห็นผลกันก็ว่ากันตามที่รักษากันไป หลังจากที่นายทิม งามศรีที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ตามธรรมชาติและใช้ชีวิตความเป็นทหารหรือพลลูกหมู่มาซึ่งนายทิมก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากการรักษาของสมุนไพรต่างๆมาพอสมควร หลังจากที่นายทิมได้อุปสมบทเป็นพระทิมจากนั้นท่านก็มีจิตใจที่แน่วแน่ที่จะต้องศึกษาและเรียนรู้วิทยาคมต่างๆเพื่อต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาเป็นชีวิตแล้วจะต้องมาใช้กรรมต่างๆที่มันเป็นวัฏจักรที่จะต้องช่วยเหลือกันเพื่อให้หมดเคราะห์หรือวาระกรรมกันไป เราจะเห็นว่ามนุษย์ทุกชีวิตที่เกิดมานั้นต้องมาใช้กรรมกันซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากที่มันจะหลีกเลี่ยงกันแต่สิ่งที่พระพุทธศาสนานั้นได้สอนให้ทุกคนทำแต่ความดีหรือละจากกิเลสที่มันไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งเราควรคิดว่าควรทำวันนี้ให้ดีที่สุดหรือการมีสติอยู่เสมออย่าให้มีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์นั้นมาครอบงำเราได้ การที่เราได้รู้จักธรรมะและเข้าถึงแก่นแท้ของมันได้ก็ย่อมที่จะสามารถเอาชนะตัวเองได้ ซึ่งก็แสดงว่าเราได้ทำความดีละจากกิเลสนั้นได้ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ดีที่ผลการกระทำของเราอาจจะช่วยส่งเสริมให้เรามีจิตใจที่ดีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆ มันย่อมแสดงผลถึงการยืนหยัดที่มั่นคงในชีวิตที่ก้าวหน้าได้[/FONT]
    <o></o>[FONT=&quot]<o>
    </o>[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1352.JPG
      IMG_1352.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.6 MB
      เปิดดู:
      73
  20. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,850
    ขอบคุณอาจารย์แก้วสว่างสำหรับเรื่องราวหลวงปู่ครับ
    กราบหลวงปู่ทิมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...