ชวนพุทธภูมิเตรียมกันให้พร้อม ไปรับพุทธพยากรณ์ด้วยกันครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย sravnane, 25 พฤษภาคม 2007.

  1. Nutte'

    Nutte' เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +821
    สวัสดีคับทุกคน ลองมาฟังเรื่องราวของคนขี้เกียจทำความดีกันบ้างนะคับ เริ่มตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ สมัยประถม-ม.ต้น ผมชอบเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือเกี่ยวกับนรกสวรรค์ เพื่อน ๆ มักจะว่าบ้า งมงาย แต่ชอบนี่คับ ได้รู้เรื่องคนทำดีแล้วได้อะไร ทำบาปแล้วไปไหน อ่านจนหมดห้องสมุดเลยคับ (จิง ๆ หมดแค่หมวดเดียว) จนครูบรรณารักษ์บอกว่า เด็กคนนี้ต้องบวชแน่ ๆ (5 5 ดูผิดแล้วครูเอ๋ย !) ชอบดูหนัง ละครเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์คับ แล้วชอบเก็บมาฝันว่าเหาะเหิรเดินอากาศได้ พอเหาะได้บ่อย ๆ เข้า หลัง ๆ เริ่มรู้สึกว่าบังคับได้ และคิดว่าจะเหาะไปไหนดี พอจะเหาะขึ้นฟ้า ขึ้นสวรรค์ ก็ตกลงมาทุกที ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ เหาะแต่ในโลกมนุษย์ก็ได้ฟะ ! ชีวิตก่อนจะฝันนะคับ ผมชอบนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก ๆ และชอบตามแม่ไปวัด เพราะวัดที่ไปจะมีบ่อน้ำร้อนและลำธาร (จริงๆ แล้วจะไปเล่นน้ำมากกว่า อิ อิ) ได้เข้ารับการอบรมการทำสมาธิสมัยม.1และได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ารุ่นด้วยนะคับ (อวดอีกละ) เคยทำสมาธิจนรู้สึกว่าอีกกายนึงหลุดออกจากร่าง เป็นอย่างนี้ 3 - 4 ครั้ง รู้สึกกลัวมาก เพราะเห็นร่างตัวเองนอนอยู่ จึงรีบนอนลงที่เดิม (กลัวตาย) และยังไม่อยากจากแม่ไป... และแล้วความชั่วร้ายที่เติบโตมาพร้อมกับอายุ ก็ค่อย ๆ คลอบงำชีวิตอันบริสุทธิ์ทีละน้อย ๆ จากที่ไม่เคยลองก็ได้ลอง (หลาย ๆ อย่าง) จากที่ไม่เคยทำผิดก็ได้ทำผิดเรื่อย ๆ ความรู้สึกผิดค่อย ๆ หายไป รู้สึกสนุกกับมัน โดยเฉพาะ เมื่อเข้ามหา'ลัย จนได้ฉายาว่า 'อาตี๋ขี้เมา' ศีลมีกี่ข้อ แหกได้ทุกข้อเลย (เก่งจัง) จนใกล้วันเกณฑ์ทหาร รู้สึกกลัวว่าต้องไปตกระกำลำบาก จึงได้งดเหล้าเข้าพรรษาพักนึง และได้อธิฐานขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมเรื่องนี้ บอกว่าจะเป็นเด็กดีและไม่กินเนื้อวัวตลอดชีวิต (อุอุ) จับได้ใบดำจิง ๆ (แย่แร้ววววว อดกินเนื้อวัวที่แสนโปรดปราน +_+ ' ) จึงเลิกกินเนื้อมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องเป็นเด็กดี ส่วนใหญ่ก็เป็นอยู่นี่คับ !?!?!? ลืมเล่าเรื่องตราบาป ที่ไอ้แบล็กมันฝากไว้ (black lable) ตอนปี 3 (ช่วงปิดเทอม) ได้ไปเที่ยวเกาะพีพี นอนอาบแดดอย่างกับนักท่องเที่ยวเกาหลี อุอุ ไม่ได้ใช้กันแดดคับ กลับมาถึงภูเก็ตผิวหนังลอกตกสะเก็ดอย่างกะจิ้งจกปิ้งไม่สุก !? แต่ไม่วาย ต้องเที่ยวให้หนำก่อน ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ จนเมา (อีกเระ) ขี่มอ'ไซด์ของเพื่อนกลับบ้าน ขณะที่เพื่อนหลับอยู่ข้างหลัง รู้สึกว่า ทำไมต้องเอาเปรียบกันด้วยฟะ ตรูก็ง่วงนะเฟ้ย แล้วก็เคลิ้มคับ สายลมเย็น ๆ ปะทะหน้า สายตาเริ่มพร่ามัว คึ่ก ๆ ๆ ๆ เฮ้ย ไรฟะ นี่มันข้างทางนี่หว่า ข้างหน้าเป็นเหว เววววววว อ๊ากกกกกก !!!!!!
    แต่ เอ๊ะ ! ตรูเหาะได้ เหมือนซูเปอร์แมนเล้ย (อย่างกะในฝัน 3 วิ) landing คับ ทั้งหน้าทั้งตัว แถก ๆ แถ ๆ ไปกับพื้นมอตอย อย่างกะปลาไหลหลุดกาละมัง เคราะห์ซ้ำกำซัด เพื่อนเวง มันลอยมาแล้วคับ ใกล้แล้วคับ โห ตัวยังกะถังข้าวสาร ทามมายต้องมาทับตรูด้วยฟะ เหวอะซิคับ เละเลย ยังมีหน้ามาถามว่าเป็นไรหรือป่าว ? ให้ตอบไงดีนี่ เลือดอาบขนาดนี้ เห็นเป็นเฮลบลูบอยรึไง ว่าแล้ว สลบดีฝ่า ......

    ตั้งแต่นั้นมาคับป๋มเป็งเด็กดีจิง ๆ แย้วคับท่านผู้ชม (3 เดือน...ออกไปเที่ยวไหนไม่ได้เล้ย !) ตั้งใจว่าจะทำแต่ความดี รักษาศีล 5 ได้สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ จนความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืนมาคับ รู้สึกจิตใจสงบเยือกเย็นแสนสบายยยย (สุข ๆ แสบ ๆ หรอยแรง ! ) แต่ตอนไปล้างแผลที่โรงพยาบาลนี่ซิคับ(ต้องไปทุกวัน) ขณะที่พยาบาลขูดเสก็ด+ล้างแผลอยู่ กะลังชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดและเมามันส์ ก็มีพวกเด็กม.5 ที่จะสอบแพทย์ชนบทเข้ามาดูงานคับ นี่นึกว่าตรูเป็นไส้เดือนเล่นขี้เถ้ารึไง ขำอยู่ได้ ไม่ใช่ชะชะช่านะเฟ้ย !

    แต่ที่สำคัญนะคับแม่ชีเคยสอนตั้งแต่เด็กว่า ถ้าเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน ให้เอาจิตไปจับตรงนั้น แล้วภาวนา จะหายปวด จริงคับ ไม่เชื่อลองพิสูจน์ดูนะคับ (จิง ๆ วีรกรรมในวัยเด็กมีอีกเยอะคับ แต่จบภาคแรกก่อนนะ เมื่อยมือแล้วค้าบ...)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2007
  2. ซังกุงเอ๋

    ซังกุงเอ๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +2,410
    :cool: แฉ ตอน 1 : คนหูหนาปัญญาทึบ
    <O:p</O:p
    มีคนบอกว่าดิฉันควรเล่าอะไรเพิ่มเติมมากกว่า 1 ตอน ดิฉันก็มานั่งนึก ๆ ดูว่า ถ้าจะเล่าอะไรที่เป็นธรรมทานก็คงจะมีน้อย แต่ถ้าจะเล่าแนวแฉ เนี่ย ก็ดูจะเป็นเรื่องถนัด ก็ถือว่าอ่านขำ ๆ แล้วกันนะคะ ส่วนถ้าจะเป็นธรรมทานได้บ้าง ก็คงจะดี ตอนนี้มีชื่อตอนว่าคนหูหนาปัญญาทึบค่ะ เป็นการแฉตัวเองก่อนนะคะ ตอนต่อ ๆ ไปจะแฉคนอื่น (อิอิ)

    ขอเล่าประวัติโดยสังเขปก่อนนะคะ ดิฉันเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แต่มีกินมีใช้ไม่อดอยาก คือไม่สามารถหรูหราได้ แต่ถ้าอยู่อย่างประหยัดก็ไม่ถือว่าลำบากอะไร ดิฉันได้ความรักจากพ่อแม่เป็นอย่างดี ยกเว้นกับน้องชายที่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด (ก็รักกันดี ไม่ได้เกลียดกัน แต่อยู่ด้วยกันนาน ๆ ไม่ได้ จะต้องมีเรื่องทะเลาะกันแน่นอน) ชีวิตก็มีความสุข ราบรื่นดี ตั้งแต่เด็ก (เสียอย่างเดียวเป็นคนขี้โรค แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร) ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องการเรียน และมีเพื่อนมาก เห็นเพื่อนคนอื่นเขามีความทุกข์กัน ร้องไห้กัน เอ...ทำไมเราไม่เห็นจะมีความทุกข์อย่างนั้นเลย (ยังไม่เข้าใจทุกข์) มีแต่ความสนุกและความมันส์ ในวัยเด็ก

    แม่ชอบฟังเทศน์จากวิทยุ เราก็ได้ฟังได้ซึมซับว่าการเป็นคนดีต้องทำอย่างไร จำได้ว่าเราเริ่มถือศีล 5 ตอนที่คุณครูชั้นประถมบอกให้ถือ(แบบไม่เข้าใจอะไรมากนักหรอก) แม่ไม่ชอบไปวัดแถวบ้าน (อยู่จังหวัดขอนแก่น) เพราะแม่ไม่ประทับใจพระแถวนั้น เราก็เลยได้ไปวัดเฉพาะวันสำคัญจริง ๆ ซึ่งเราก็ไปงั้น ๆ แหละ ไม่ได้ประทับใจอะไร ส่วนเรื่องนิมิตเห็นภาพพระ หรือปาฏิหารย์ ต่าง ๆ แบบคนอื่นเขานี่ก็ไม่เค้ย ไม่เคย แต่เอ... ก็น่าแปลกมากที่เราได้ใกล้ชิดกับเพื่อน ๆ ที่เป็นเด็กชมรมพุทธตั้งแต่สมัยมัธยม เราก็ไม่เคยสนใจว่าเขาทำอะไรกัน เราเคยไปเรียนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เพราะแม่ส่งไป เราก็ยังไม่เข้าใจธรรมะ อะไรมากมาย ประทับใจเฉพาะตอนเรียนพุทธประวัติ แต่ก็ไม่ได้สนใจจะศึกษาอะไรมากไปกว่านี้ ขนาดว่าเราได้เป็นตัวแทนของวัดมาประกวดสวดมนต์ทำนองสรภัญญะหมู่ในกรุงเทพฯ เลยเชียวนะ แต่ก็ยังหูหนาตาเร่อ ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาที่แท้จริง

    ตอนปริญญาตรีก็เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เจอรูมเมทคนแรก เขาธรรมะธรรมโมสุด ๆ คือเขาสวดมนต์ทุกวันมีพระเต็มห้อง เราก็ไม่ขัดเขาแต่เราก็คิดว่าเขาแปลก ๆ ดีแฮะ จนเขาเรียนกับเราได้แค่ 1 เทอมแล้วก็ลาไปบวชชี ตอนนั้นเราก็ว่าเขาแปลกดี แต่ก็ไม่เคยได้ศึกษาพระธรรมอะไรเลยจากเขา (ใกล้เกลือกินด่างชัด ๆ) พอมาเจอรูมเมทคนที่สอง เขาก็เป็นเด็กชมรมพุทธเหมือนกัน เขาพาเราไปชมรมพุทธของมหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มิถุนายน 2007
  3. Peter

    Peter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +297
    การที่ได้มีโอกาศพบพระครั้งที่สองของผมนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปจากการพบพระท่านครั้งแรกนั้นมีอยู่มากโดยเฉพาะการที่ได้มีโอกาศได้รู้เรื่องราวต่างๆ ในพระศาสนา แต่นั่นหาใช่สิ่งสำคัญไม่เพราะเรื่องราวต่างๆที่ผมรู้นั้นมันเป็นแต่เพียงการรู้ในตำราไม่ได้มีเรื่องของใจอยู่เลย แล้ววันนึงความจริงต่างๆก็ปรากฏนั่นคือวันที่ผมหนีออกจากบ้านเพื่อออกบวชผมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าการบวชคราวนี้ผมจะต้องบรรลุมรรคผลให้ได้ ผมจึงเรื่มลาท่านที่เป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือเริ่มลาท่านมาเรื่อยๆ ทุกท่านก็โมทนาด้วยหมดแต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!! เมื่อผมมาลาผู้ใหญท่านสุดท้าย ผมยังจำคำแรกที่ท่านถามผมได้อยู่เสมอและไม่มีวันลืม ท่านถามว่าเธอบวชทำไม..! แล้วความเป็นพระเริ่มต้นที่ไหน..! ผมอึ้งอยู่นานเพราะพอท่านถามเสร็จสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัวผมคือภาพเด็กคนนึงที่มีปัญหาหนีออกจากบ้านมาเพราะอยากหนีปัญหาทุกอย่าง
    สิ่งที่เคยคิดมาแต่ก่อนว่าจะบวชเพื่อบรรลุมรรคผลมลายหายสิ้น. และที่หนักไปกว่านั้นก็คือตัวผมนั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความเป็นพระนั้นเริ่มที่ไหน เมื่อก่อนผมคิดว่าความเป็นพระนั้นอยู่ที่การได้ออกบวชแล้วตั้งใจปฏิบัติธรรม วันนั้นทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งที่ผมรู้มาก่อนหน้านี้นั้นผิดหมด ความเป็นพระแท้นั้นเริ่มต้นที่พระโสดาปฏิมรรคทุกสิ่งทุกอย่างมันสำคัญที่ใจไม่ใช่สิ่งที่เห็นภายนอก
    หลังจากเหตุการณ์วันนี้นทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายส่วนได้เรียนรู้เรื่องอะไรนั้นขอเก็บไว้เป็นความลับแต่มีอยู่สิ่งหนึ่ง
    ที่ผมได้เรียนรู้และเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถเก็บไว้เป็นความลับได้ก็คือผมมันยังโง่อยู่มากนั่นเอง..ไว้เดี๋ยวมาเล่าต่อครับครวหน้าตอนจบแล้วครับ
     
  4. ซังกุงเอ๋

    ซังกุงเอ๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +2,410
    :cool: แฉ ตอน 2 : กรรมหนอกรรม:cool: <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ต่อจากตอนที่แล้วนะคะ จากคนที่ไม่เคยทุกข์ร้อนในวัยเด็ก ก็เริ่มรับรู้ความทุกข์เข้าจังๆ เนื่องจากตอนเรียนจบพ่อของเราก็เกษียณก่อนอายุ ได้เงินมาก้อนหนึ่งซึ่งกำลังจะหมดไปในไม่ช้า แน่ล่ะ จะมีเราที่จะต้องเป็นเสาหลักของบ้านคนเดียว ความคิดตอนนั้นก็คือเป็นภาระหนักเอาการ กับเด็กที่เพิ่งจบใหม่และมีเงินเดือนเพียง 1 หมื่นบาท กับค่าเช่าหอ ค่าเดินทาง ค่ากินในกรุงเทพฯ ก็เรียกได้ว่าเดือนชนเดือนอยู่แล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะส่งเงินช่วยพ่อ แม่ได้อย่างไร เพราะพ่อแม่ไม่มีอาชีพอะไรเลย ส่วนน้องก็ยังเรียนอยู่ ตอนนั้นก็เลยไปทำธุรกิจขายตรงลงทุนไปมากมาย แต่เนื่องจากเป็นช่วงเศรษฐกิจตกก็ต้องเลิกทำ พร้อมหนี้ของที่บ้านและหนี้เราเองที่เราจะต้องช่วยใช้เป็นเงิน 3 แสนบาท ตอนนั้นมันก็หน้ามืด น่ะค่ะ เราทำงานหามรุ่งหามค่ำ 7 วันต่อสัปดาห์เพื่อใช้หนี้และส่งที่บ้าน กลับบ้านก็ประมาณเที่ยงคืนมาตั้งแต่เรียนจบ เพื่อนฝูงแทบไม่ได้เจอ ทีวีไม่ได้ดู กินข้าวได้ไม่เกินมื้อละ 20 บาท ต้องกินน้ำแข็งเปล่าเท่านั้น เราประหยัดมากเพราะไม่มีเงินพอใช้หนี้ จะว่าไปมันก็ไม่ได้ทุกข์เท่ากับรายการวงเวียนชีวิตหรอกนะ แต่ตอนนั้นก็ทุกข์แบบพูดไม่ออก กินข้าวไม่ลงไปเป็นปีเลยล่ะ เดชะบุญก็คือเราได้เงินเดือนเยอะมาก ๆ หลังจากเลิกทำธุรกิจขายตรง แต่เดชะบาปก็คือ ได้เงินเดือนมาเท่าไหร่ ต้องจ่ายออกเท่านั้น เพราะมันจะมีอุบัติเหตุชีวิตให้ต้องใช้เงินจนหมดตลอด แต่ตอนนั้นเราก็บอกกับตนเองเสมอว่าเราทำเพื่อที่บ้าน สักวันหนี่งมันคงจะดีขึ้น แต่ยิ่งทำก็ยิ่งไม่มีอะไรดีขึ้น มีปัญหาใหม่ ๆ ให้เราต้องได้เสียเงินไปเสมอ เราชักจะทนไม่ไหวแล้ว เพราะเราทำงานหนักสุด ๆ แต่ไม่เคยได้ใช้เงินเลย แถมมีแต่หนี้ เงินเดือนเราก็เยอะกว่าใครอีกหลายคนแต่เรียกได้ว่าจะไปกิน MK ซักมื้อเนี่ยก็ต้องคิดกันนานเลย ความทุกข์ที่ประดังเข้ามาอีกคือความทุกข์จากการผิดหวังจากความรัก ตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตแล้ว มันมีความรู้สึกอย่างเดียวว่าอยากไปอยู่วัด อยากไปอยู่ใกล้พระ ฯ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไปอยู่วัดถือศีลแปดอะไรมาก่อนเลย
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ต้องขอเล่าย้อนว่าก่อนหน้านั้นดิฉันได้เจอกับคุณแอดัมส์ (นามสมมติ) คุณแอดัมส์ได้แนะนำเรื่องพุทธศาสนามิติใหม่ที่ดิฉันไม่เคยได้ยินมาจากไหนเลย คุณแอดัมส์มีความรู้มากเล่าเรื่องนรก สวรรค์ พรหมมีกี่ชั้น คุณแอดัมส์เล่าได้เป็นฉาก ๆ โอโห ! อะเมซิ่งจริง ๆ แล้วคุณแอดัมส์ก็ให้หนังสือประวัติหลวงปู่ปานมาอ่าน ดิฉันอ่านแล้วชอบมากและอยากรู้ว่ายังมีพระสงฆ์ดี ๆ และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แบบนี้อยู่อีกหรือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จากความทุกข์ทุกอย่างที่ประดังประเดเข้ามา ดิฉันก็เลยโทรหาคุณแอดัมส์ให้ช่วยแนะนำวัดให้ดิฉันไปถือศีลแปดหน่อย คุณแอดัมส์ แนะนำให้ดิฉันไปถามน้องจอร์จ (นามสมมติ) น้องจอร์จซึ่งตอนนั้นอยู่สงขลาก็แนะนำให้ไปวัดแห่งหนึ่งที่ระยอง โดยน้องจอร์จ และน้องปีเตอร์ (นามสมมติ)ได้ไปด้วยและดูแลดิฉันเป็นอย่างดี น้อง ๆ เขารู้ธรรมมะกันมากสอนดิฉันได้เยอะ หลวงพ่อวัดนั้นสอนให้ไปนิพพาน ดิฉันก็ขอไปกับเขาด้วย (ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักหรอก) แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขี้นกับชีวิตก็คือหลังจากถือศีลแปดได้ 4 วันตอนนั้น ดิฉันก็คลายทุกข์ไปได้มาก อธิษฐานอะไรก็ได้สมปรารถนาทันทีหลังออกมาจากวัด ดิฉันงงมาก แต่เริ่มเชื่อในการทำบุญ เริ่มหันมาสนใจศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เริ่มเชื่อในกฏของกรรม และเริ่มคลุกคลีกับน้อง ๆ กลุ่มโคราชมากขึ้นจนตัดสินใจไปเรียนต่อโทที่โคราชซะเลย ตามคำแนะนำของพี่ซาร่า (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งในชีวิตของดิฉัน และดิฉันยกให้เป็นครูบาอาจารย์ของดิฉันเลยนะคะ จะเล่าเรื่องที่ท่านสอนให้ฟังในตอนต่อ ๆไปนะคะ:cool: :cool: :cool: <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มิถุนายน 2007
  5. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    [​IMG]
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ การเดินทางอันยาวไกลของท่านมามากกว่าครึ่งทางแล้ว อิทธิบาทสี่,บารมีสิบฯอันเป็นปัจจัยให้ท่านเข้าถึงพระโพธิญาณท่านก็ขวนขวายดำเนินอยู่เป็นปกติแล้ว ความพอจักทำให้ท่านเข้าถึงความเต็มได้ ขอให้อดทนสู้ๆต่อไปนะครับ ผมและคณะจะอยู่ช่วยต่อไปแม้ไม่มีใครเกิดแล้ว
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  6. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    แนะนำตัว(4)

    หลังจากหลวงพ่อท่านลาเข้านิพพานแล้ว ผมก็พยามยามรักษาปฏิทาทุกอย่างที่ท่านได้สอนไว้ ได้ช่วยงานพระ,งานหลวงพ่อโดยการตามรอยพระบาทบ้าง,รวบรวมลูกศิษย์ลูกหาของท่านบ้างตลอดจนสร้างความเข้าใจอันดีในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมในสายต่างๆเพื่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่ชาวพุทธด้วยกันฯ ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่อยู่นอกวัดทำกันอย่างเงียบๆมาโดยตลอด ปัจจุบันก็ยังทำกันอยู่เป็นปกติครับ
    หลายเดือนนี้ก็ได้เข้ามาในเวบที่ไม่เคยเข้ากันมาก่อนมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ได้ทำและประสพมาแลกเปลี่ยนกัน ให้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน และให้เป็นธรรมทาน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ
    หากได้ประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินท่านผู้ใดไปก็ขอขมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  7. ซังกุงเอ๋

    ซังกุงเอ๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +2,410
    :cool: แฉ ตอน 3 : อิทธิปาฏิหารย์ กับ การปฏิบัติเพื่อมรรคผล:cool:

    ต่อจากตอนที่แล้วที่ดิฉันได้หันมาสนใจศึกษาธรรมะ คืออ่านหนังสือประวัติหลวงปู่ปานเขียนโดยหลวงพ่อฤาษี ฯ แล้ว ดิฉันก็รู้สึกสนใจในเรื่องอิทธิปาฏิหารย์มาก ๆ ดิฉันไม่เคยสัมผัสกับเรื่องพวกนี้แต่ก็ชอบเรื่องลี้ลับทุกประเภทอยู่แล้ว พออ่าน ๆ ไปว่าพระหลาย ๆ ท่าน ท่านก็ไปดูนรกสวรรค์กันได้ ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับดิฉันมาก ท่านบอกว่าพระบางท่านก็ขอให้ฝนหยุดได้เพราะท่านจะไปบิณฑบาตรไม่สะดวก ดิฉันก็ตื่นเต้นมาก คือไม่อยากจะเชื่อว่ายุคสมัยปัจจุบันจะยังมีเรื่องแบบนี้อยู่อีก พอมาที่วัดที่ดิฉันไปถือศีลแปดมา ดิฉันก็ได้เห็นกับตาแบบจะจะ ท่านแม่ชีอธิษฐานต่อหน้าต่อตาดิฉันให้ฝนหยุดตกเพราะมีผ้าตากอยู่มากมาย ภายในไม่เกินหนึ่งนาทีฝนก็หยุดตก โอโห ! อเมซซิ่งสุด ๆ ยิ่งน้อง ๆ กลุ่มโคราชหลายคนก็มีสัมผัสที่หก คือเห็นผีกันเป็นเรื่องปกติ ไปวัดที่ไม่เคยไป ด้วยกัน เขาก็บอกว่าเขาเคยเห็นวัดนี้ในฝันแล้ว ดิฉันก็เลยคิดว่าเราต้องปฏิบัติตามน้อง ๆ กลุ่มนี้แหละ เพราะเขาดูเหมือนจะมีของเก่า มีอิทธิปาฎิหารย์ที่มันอะเมซซิ่งสำหรับดิฉันมาก ๆ (ตอนนั้นมันไม่รู้อะไรจริง ๆ คิดว่าอิทธิปาฏิหารย์คือหลักสำคัญ คำสอนของพระฯ อย่างอื่นไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่)
    <O:p</O:p
    พอได้เจอกับท่านพี่ซาร่า(นามสมมติ) ซึ่งท่านมาแปลก ท่านสอนน้อง ๆ โคราชที่ดูแล้วจะมีทฤษฏีแน่นแปร๊ะไม่เป็นรองใคร แต่อาจจะยังไม่เข้าใจการปฏิบัติที่ตรงทางนัก ท่านสอนให้น้อง ๆ เหล่านั้น (รวมทั้งดิฉันด้วย) ได้รู้จักกับการทำบุญ ท่านเน้นเรื่องการรักษาศีล และเน้นให้สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิให้เป็นปกติ ท่านยังสอนอารมณ์ของพระโสดาบันอีกด้วย หลังจากที่ดิฉันศึกษาธรรมะจากเกจิอาจารย์ทั้งหลายมาก ๆ ก็ได้ตระหนักว่าท่านพี่ซาร่าสอนสิ่งที่ตรงทางอย่างยิ่งเพื่อให้เข้าสู่อริยมรรค อริยผล อันมีพระนิพพานเป็นที่สุด ท่านสอนสิ่งที่เราควรปฏิบัติทำให้พวกเราไม่ปฏิบัติแบบสะเปะสะปะเหมือนก่อนหน้าที่ยังไม่เจอท่าน (ก็ลองคิดดูเถอะค่ะว่าพวกเราถือศีลแปดกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจศีล 5 กันเลย) ดิฉันมาเข้าใจตอนหลังอีกด้วยว่าแม้แต่ท่านที่เป็นพุทธภูมิขั้นปรมัตถ์ก็ยังต้องมีอารมณ์เทียบเท่ากับพระโสดาบันเลย ท่านสอนทั้งคนที่ต้องการมรรคผลนิพพานและคนที่ปรารถนาพระโพธิญาณได้ น่าทึ่งจริง ๆ
    <O:p</O:p
    ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็แยกแยะออกว่าผู้ทรงฌานและคนที่ทำอิทธิปาฏิหารย์ได้ก็ยังไม่พ้นนรกเลย (เป็นคำสอนที่หลวงพ่อฤาษี ฯ กล่าวไว้ ) ดังนั้นการรักษาศีลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพราะจะเป็นปัจจัยให้สมาธิทรงตัว เมื่อสมาธิทรงตัวก็ทำให้เกิดปัญญาที่จะสามารถบรรลุธรรมได้ และยังเป็นการกันไม่ให้เราตกไปในอบายภูมิอีกด้วย (เอาคำสอนมาจากหลวงปู่หลวงพ่อและครูบาอาจารย์ทั้งหลาย) ผุ้ที่มีอิทธิปาฏิหารย์แต่ไม่มีศีลก็ยังอยู่ในเขตที่น่ากลัวและก็อาจจะยังปฏิบัติไม่ตรงทางนัก แต่หลวงปู่หลวงพ่อท่านก็บอกไว้อีกด้วยว่าการมีทิพจักขุญาณหรืออิทธิวิเศษอื่นๆ ถ้าปฏิบัติให้ตรงทางแล้ว ก็จะยิ่งมีคุณประโยชน์ในการบรรลุมรรคผลและช่วยเหลือผู้อื่นได้มากนะคะ ดีใจจริง ๆ ที่ดิฉันหายโง่ไปอีกหนึ่งเรื่อง ตอนนี้ก็จะพยายามรักษาศีลและปฏิบัติตามที่ท่านพี่ซาร่าและครูบาอาจารย์สอนไว้ให้ดีที่สุดค่ะ (แม้จะยังปฏิบัติได้บ้างไม่ได้บ้างก็จะพยายามค่ะ)
    <O:p</O:p
    ก่อนจบตอนนี้ก็ต้องขอขมาฯ หากกล่าวสิ่งใดที่เป็นการปรามาสคุณพระศรีรัตนตรัย คุณครูบาอาจารย์ และเพื่อนพี่น้องทุกคนนะคะ[​IMG]<O:p</O:p
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2007
  8. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ตอนนี้เร่งเตรียมตัว และมีโครงการใหญ่มากเกี่ยวกับเพื่อนพุทธภูมิด้วยกัน ขอเวลาแอบดำเนินการสักปีนะ แล้วจะมาเฉลยให้ฟัง ช่วงนี้ก็ระลึกคำอธิษฐานก่อนลงมาให้ออกแล้วรีบทำกิจให้เสร็จนะครับ เหล่าโพธิญานเอ๋ย.....
     
  9. สุริยทรงศีล

    สุริยทรงศีล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +1,873
    บุตรแห่งความแปรปรวน : ปฐมบทแห่งขันธ์ทั้ง ๕

    ภายในความมืดมิดดั่งรัตติกาลที่ไร้แสงจันทร์
    บังเกิดสิ่งที่แตกต่างจากความมืดมิดคือแสงสว่างอันไม่เคยปรากฎมาก่อน
    เด็กคนนึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมองโลก ที่พร้อมจะถูกแต่งแต้มไปตามการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้า

    ผมได้ตื่นขึ้นมาถูกเลี้ยงดูและใช้ชีวิตท่ามกลางญาติพี่น้องโดยปราศจากพ่อและแม่ ผมจะได้ยินคนแถวนั้นพูดให้ฟังเสมอว่าผมไม่มีพ่อและแม่ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งแม่ผมกลับมาเยี่ยมบ้าน ผมจึงบอกทุกคนว่าผมมีพ่อแม่นะ แต่จะมีคำพุดใหม่ๆ มาพูดให้ผมฟัง คือ นั่นไม่ใช่พ่อแก ผมก็ไม่สนใจอีก กระทั่งพ่อกะแม่มีน้องด้วยกัน พ่อที่ผมเรียกนั้นก็เปลี่ยนไป ไม่สนใจไม่มองไม่ถามไถ่ถึงผมอีกเลย ผมจึงรู้ว่าการมีและไม่มี พ่อแม่ มันต่างกันยังไง และ ไม่แตกต่างกันยังไง..

    บ้านผมอยู่ในสวน พระท่านจึงลำบากที่จะเข้าไปบิณฑบาตร ทุกครั้งที่อยากทำบุญจึงต้องไปวัดเท่านั้น(แต่ก่อนคิดว่าทำบุญต้องใส่บาตร หรือไปวัดเท่านั้น) พักไว้ก่อน*

    ผมเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ แต่ไม่มีใครตามใจ จึงเกิดปัญหาขึ้นกับสภาพจิตใจ
    ทำให้รู้สึกว่าขาดความอบอุ่น และด้วยการเลี้ยงดูที่โตมาพร้อมกับบรรดาพี่สาว น้องสาว ที่ถูกเอาใจ ก็เลยคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุทำให้ผมกลายเป็นเด็กผู้หญิง(ที่น่ารัก ! ) ไปตลอดกาล แม้นว่าขันธ์ทั้ง ๕ จะไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม

    ผมเติบโตขึ้นโดยที่ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น จะเป็นหนึ่งในเหตุแห่งทุกข์ของผม ไปอีกนานตามเส้นทางที่เรียกว่า ความรักของผม

    *ตอนเด็กนั้น แม้จะเป็นเด็กผู้หญิงที่ซุกซน เล่นสนุกกินหัวชาวบ้านไปวันๆ
    แต่ก็มีสิ่งที่ไม่เข้าใจกับชีวิตของตน อยู่หลายอย่าง เช่น เวลาที่อะไรไม่ได้ดังใจคิด ไม่สมหวัง ทำไมมันรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ทำยังไงก็ไม่หาย แต่พอไม่สนใจหรือลืมมันแล้ว อาการนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง การรักษาอย่างถูกวิธีนี่มันทำยังไงกันนะ อีกอย่างคือ เอะ ทำไมเราตัวเล็ก พ่อแม่ตัวใหญ่ทำไม่ไม่เท่ากัน ตรงสำคัญคือตอนยายตาย เอะ ยายเป็นไร ทำไมต้องเผากันด้วย เอายายชั้นออกมานะ
    ก็เลยได้ยินคำว่าตาย เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นยิ่งไปกันใหญ่ เมื่อดูละครเป็น เห็นการตายบ่อยๆ แต่อีตรงสำคัญคือ ละครจักรๆ วงศ์ๆ ตอนเช้าที่ตายแล้ว ทำไมมันไม่ตายอ่ะ กลับมาคุยก็ได้ ไปไหนด้วยกันได้ เอ๊ะ ยังไง บางคนเก่งกว่าเดิมอีก ท่าทางดีกว่าอยู่ เลยถามผุ้ใหญ่บางคน ได้คำตอบว่า บ้างก็เป็นเหมือนละคร บ้างก็บอกว่าตายแล้วตายไปหายไปเลย ซึ่งไม่เข้าใจ และกลัวมากๆ จนเป็นเรื่องฝังอยู่ในความคิด ที่ไม่ได้คำตอบสักที***
     
  10. นำธรรม

    นำธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +2,914


    ขอบารมีแห่งพระพุทธะ ทั้งหลาย จงคุ้มครองกาย วาจา ใจของท่านให้ตั้งมั่นในคำอธิฐาน บุญแห่งการบำเพ็ญเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธะอันงามยิ่ง ขอน้อมบุญทั้งหมดบูชาพระรัตนตรัย โมทนาในการบำเพ็ญทุกประการ เพื่อสุขแห่งสรรพสัตว์ มีพระนิพพานเป็นที่สุดเทอญฯ

    นำธรรม อนันตชัย(f) (f) (f)
     
  11. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ชวนพุทธภูมิเตรียมกันและกันให้พร้อม ไปรับพุทธพยากรณ์ด้วยกันครับ(2)

    IMG0075A.JPG
    100_3344.JPG IMG0150A.jpg
    หลังจากที่ทุกท่านได้แนะนำตัวกันและก็รู้จักกันบ้างคร่าวๆแล้วนะครับ ช่วงที่สองนี้ก็จะเป็นเรื่องราวของการเดินทางไปพบพระกันแล้วนะครับ และก็เป็นการบังเอิญอีกเหมือนกันนะครับ ที่กระทู้ของผมแลคณะฯทั้งหมดนั้นได้ถูกวางไว้ให้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบจริงๆเลยครับ ก็ขอย่อๆก่อนนะครับ โดยเราจะเริ่มจากการบำเพ็ญบารมีโดยอาศัยพุทธบารมีเป็นหลักในการก้าวเดินครับ ต่อด้วยการประกอบบุญกุศลบารมีให้มีความเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกับพระฯ,พระโพธิสัตว์ฯ และก็จบลงตรงสถานที่ที่พระองค์ข้างหน้าจักทรงเสด็จไปกันตามพุทธประเพณีนะครับฯ เพื่อจะได้เตรียมตัวกันให้ทัน ท่านใดมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดีๆก็โพสกันเข้ามานะครับ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2007
  12. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพทธบูชาฯ ค่อยๆเรียนรู้ค่อยๆทำไปครับ
    โลกนี้ก็มีธรรมดาเป็นแบบนี้ครับ ถ้าเกิดอีกก็ต้องเจอแบบนี้อีกครับ ความสุขทั้งหลายในโลกสุขมากเท่าไรก็ทุกข์มากเท่านั้นครับ มันเป็นของคู่กัน ค่อยๆทำความเข้าใจในความเป็นจริง จิตมันก็จะวางทุกอย่างลงไปเอง และถึงพระนิพพานได้ในที่สุดครับ ที่สำคัญอย่าทิ้งพระนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  13. JIP77

    JIP77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +225
    เหตุเกิดในห้องเรียน ชั้นประถม 2/1
    จำความได้อย่างสนิทใจว่า ตอนนั้นนั่งเรียนอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาตามประสาเด็ก ๆ ว่า " ตายแล้วจะไปไหน " " แต่ถ้าอยากรู้ก็คงต้องลองตายดู " " แล้วจะตายวิธีไหนดี " คิดกระบวนท่าในการตายหลากหลายวิธี..คิดจนฟุ้งซ่าน " สวรรค์-นรกจะหน้าตาเป็นแบบในหนังสือรึเปล่า " นั่งคิดสงสัยอยู่คนเดียวจนเหนื่อย และ เซ็ง เพราะว่าหาคำตอบเองไม่ได้ซะที แต่อยู่ ๆ ความคิดนึงก็แล่นเข้ามาในหัว " ถ้าตายแล้วไม่ต้องกลับมาเกิดอีกก็คงดี " แปลกที่ตอนนั้นรู้สึกเชื่อว่าที่ตรงนั้นต้องมีอยู่จริง ถึงแม้จะยังสงสัยอยู่บ้างว่าที่ ๆ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกจะมีจริงไหมก็ตาม แต่ใจก็ปักลงไปแล้วว่าสิ่งนี้แหละทีเราปรารถนา. . .
    [SIZE=+0]( [/SIZE]แต่สงสัยจะปักลึกไปหน่อย นานเลยกว่าความรู้สึกนี้จะกลับมาอีกครั้ง )
    ถัดมา ประถม 3-4
    เริ่มรู้สึกอยากจะบวช และ ไม่สึกไปตลอดชีวิต เห็นป้ายประกาศเชิญชวนให้เด็ก ๆ ไปบวชเณรภาคฤดูร้อนช่วงปิดเทอมแล้วอยากบวชบ้าง ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดว่าบวชเณรแล้วสบายไม่ต้องทำงานรึเปล่า จึงทำให้อยากบวช แต่ด้วยความที่เกิดมาเป็นผู้หญิง จึงได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ แอบนอนร้องไห้น้อยใจในโชคชะตาที่เกิดมาเป็นผู้หญิงคนเดียวเงียบ ๆ
    ( แต่ไม่รู้ว่าโชคดี หรือ โชคร้ายที่บ้านอยู่ใกล้วัด จึงทำให้วัดกลายเป็นสนามเด็กเล่นไปพักใหญ่ ฮา )
    พอขึ้น ป. 5 - มัธยมต้น
    ย้ายบ้านมาอยู่ใกล้วัดอีกวัดนึง นั่งรถไป-กลับโรงเรียนทุกวันจะต้องผ่านวัด และ จะมองเห็นวิหารพระฯที่สร้างไม่เสร็จอยู่เป็นประจำ ตอนนั้นจึงบอกกับตัวเองเสมอว่า โตขึ้นถ้ารวยเมื่อไรจะกลับมาช่วยวัด ถึงคนอื่น ๆ จะปล่อยให้วัดเป็นแบบนี้..แต่เราจะไม่ปล่อยให้วัดเป็นแบบนี้ต่อไปแน่นอน
    ( และนั่นก็เป็นสัญญาใจครั้งสุดท้ายก่อนที่ชีวิตจะหันเหมาทำผิดศีลเป็นอาจิน ฮ่าๆๆ )
    มัธยม 4 - มหาลัยปี 4
    ละเลยต่อทางธรรมเกือบทุกอย่าง เที่ยวเล่นสนุกตามเพื่อนฝูงไปวัน ๆ บุญนาน ๆ ทำที อะไรคือนิพพานไม่รู้จัก! ทั้งชอบรังแกสัตว์ ทั้งขโมยตังค์แม่บ้าง ข้อสามนี่ก็ผิด โกหกก็เป็นประจำ เหล้ากินกันทุกอาทิตย์ ฮ่าๆๆๆ สรุปคือศีล 5 ขาดสะบั้น ! โชคยังพอจะดีบ้าง ที่ครอบครัวชอบพาไปทำบุญกับพระสงฆ์ชื่อดังหลาย ๆ ท่าน ผลบุญจึงส่งผลทำให้มาเจอควาทุกข์จากเรื่องของความรัก..พอทุกข์หนักเข้า คุณพี่ชายผู้ชักนำเข้าสู่วงการก็โผล่ขึ้นมาช่วยได้จังหวะพอดีเด๊ะยังกะเตรียมบทไว้ ฮา คุณพี่ก็อธิบายไป เราเองก็ถามสิ่งที่อยากรู้ไป ปรามาสพระไปก็เยอะ -*- เพราะความเขลาของข้าพเจ้าเอง พอเริ่มสนใจในพระศาสนาฯ ก็เริ่มหาหนังสือของหลวงพ่อมาอ่าน ได้รู้อะไรต่อมิอะไรอย่างตื่นตาตื่นใจ ฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกก็คุณพี่เจ้าเก่าฝึกให้ที่บ้าน ก็ไปแบบกระท่อนกระแท่นเพราะยังลังเลสงสัยอยู่เยอะ พอมาฝึกที่สายลมกลับกลายเป็นว่าแล่นฉิว แฮปปี้อย่างบอกไม่ถูก และรู้สึกรักพระฯมาก ๆ พออ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง "อภิญญา" ก็เริ่มสนใจเป็นพิเศษ
    ( และที่ ๆ ที่ปรารถนาจะไปเมื่อตอนเด็ก ๆ ก็มีอยู่จริง )
    แล้ววันนึงก็ได้มาทำบุญร่วมกับกลุ่ม " พระธาตุแก้วมณีโชติ " หลังจากวันนั้นความรู้สึกที่บอกว่า " ใช่ " ก็ผุดเข้ามาในใจดวงนี้ตลอด เหมือนเจอคนที่ใช่..แล้วเราจะทำตัวดี ๆ เพื่อเขายังไงยังงั้น
    ความรู้สึกรักพระฯ ก็มากขึ้นจนหมดใจ อยากที่จะช่วยพระศาสนาฯ และ อยากจำทำปรารถนานั้นให้เป็นจริงขึ้นในชาติปัจจุบันนี้ให้ได้
    ( แต่ว่าทำไมมารที่ชื่อ "ขี้เกียจ" มันเยอะเหลือเกิน ฮ่าๆๆ )
     
  14. sasiwimon

    sasiwimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +1,311
    ขอร่วมโมทนาบุญ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่างกับนาคน้อย ตัวเล็กๆ ถวายเป็นพุทธบูชาฯ
    ตัวเล็กจริงๆนะคะ อิอิ(b-deejai)
     
  15. thakoon

    thakoon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +896
    กว่าจะเห็นทางธรรม(ภาคอัพเดท...เห็นทางจิงๆ)

    หวัดดีกันอีกรอบครับ ช่วงหลังนี้เข้ามาอ่านกระทู้แล้วรู้สึกว่า ได้พบเจอผู้ที่มีอิทฤทธิ์เยอะมากๆ ซึ่งผมก้ขอร่วมโมทนาด้วยนะครับ ขอพาดพิงกระทู้ของคุณมารุโกะ หน่อยนะครับ คือรู้สึกว่าจะเป็นกระทู้ที่ทำให้ผ้คนฮือฮากันอย่างมาก ด้วยชื่อของกระทู้ "แฉ" ซึ่งโดยส่วนตัวของผมนั้นรู้สึกประทับใจเธอผู้นี้มาก ที่สามารถตั้งชื่อกระทู้ ได้กระชากใจเช่นนี้ ขอยกย่องไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม

    เอาหละ...กลับมาเรื่องของผมบ้าง หลังจากที่ถูกหลอกไปตามรอยพระบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอตอนหัวค่ำ(ถ้าจำไม่ผิด วันนั้นไม่ได้ไปเล่นแบดครับ) ด้วยความที่บุญคงจาให้ผลอ่าคับ(ให้ผลเร็วมากๆ) พี่ๆเค้าคุยกันเรื่องทำบุญนี่แหละแล้วก้คุยกันเรื่องของกรรมฐาน เรื่องชีวิตไม่เที่ยง แล้วก้ดูรูปคนตายซึ่งภาพมันน่าสยดสยอง(เป็นภาพของตนตายที่ประสบอุบัติเหตุ) เราก้ดูไปเรื่อย ก้ไม่ได้คิดอารัย มาสะดุดเอาภาพสุดท้าย คือภาพที่หลวงพ่อ(ฤาษีลิงดำ)ท่านนอนมรณะภาพอย่างสงบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพอเห็นภาพท่านแล้ว ภายในใจมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด มันเหมือนมีอารัยมาบีบที่หัวใจ แล้วก้เหมือนหัวใจเราถูกจับเหวี่ยง มันทั้งอึดอัดแล้วก้หวิวๆในเวลาเดียวกัน ตอนนั้นเหมือนใจมันจะหลุดอากจากร่างกาย(แต่ตอนนั้นคงไม่มีใครรู้หรอกเพราะไม่แสดงอาการ แบบว่า...อาย อ่าคับ)พอเห็นภาพหลวงพอก้เลยถามเรื่องหลวงพ่อกับพี่ๆ ให้เค้าเล่าให้ฟังพอสังเขป(คือว่าเคยได้ยินชื่อของหลวงพอครั้งนึง ตอน ม.3 แต่ก้ไม่ได้สนใจอารัย นึกว่าท่านเป็นฤาษี ก้เลยไม่ค่อยอยากรู้เรื่องท่านเท่าไรนัก) จากนั้นพี่ๆเค้าก้สอน มโนมยิทธิ ให้อ่าครับ ซึ่งภาพที่เห็นก้ชัดเจนแจ่มใสดี เห็นพระจุฬามณี แล้วก้พระนิพพานด้วย ตอนนั้นดีใจมากๆ ครับ หลังจากวันนั้นมาก้ได้มีโอกาสทำบุญเรื่อยมา แล้วก้ได้พบกับพี่ นักแบดมินตันคนนึง ซึ่งดูภายนอกก้สุดแสนจาธรรมดา ดูแล้วก้ไม่น่าจาเล่นแบดเก่งเท่าไร รวมทั้งเรื่องของการปฏิบัติธรรมก้ไม่น่าจามีอารัยมากนัก และแล้วเมื่อเวลาผ่านไป กระผมก้พบว่าสิ่งที่ได้คิดไว้แล้วข้างต้นนั้น มันเป็นสิ่งที่ผิดอย่างแรง(ที่ว่าแรงเนี่ย แรงขนาดที่ว่าเกิดมาจนอายุ 19 (ในตอนนั้น)ยังไม่เคยคิดอารัยผิดเท่านี้มาก่อน) สิ่งที่คิดไว้กลับกลายเป็นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ครับ หลังจากที่รู้ว่าตัวเองคิดผิดไป ก้เริ่มปรับปรุงความคิดเสียใหม่ ซึ่งพี่(นักแบดฯ) เค้าก้ช่วยแนะนำเรื่องการทำบุญ ทำสมาธิ และการปฆิบัติธรรมทุกอย่างเท่าที่ผมพอจารับได้ นอกจากนี้พี่เค้ายังช่วยแนะนำเรื่องของการใช้ชีวิต เรื่องเรียน ฯลฯ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก้เริ่มรักษาศีล ๕ อย่างจิงจังมากขึ้น ได้ติดตามพี่เค้าไปประกอบบุญกุศลมากขึ้น และได้รับรู้และเข้าใจในธรรมมะของพระพุทธเจ้ามากขึ้น แล้วชีวิตของผมก้ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน(เป็นคนดีขึ้น ครับ) พูดได้ว่าหลังจากที่ได้มาเจอพี่เค้า ผมได้ทำบุญมากที่สุดในชีวิตแล้วคับ ไม่เคยได้ทำบุญเยอะขนาดนี้มาก่อน ได้เรียนรู้ที่จะให้ ในทุกๆอย่างที่พึงจะให้ได้ ณ ตอนนี้ผมก้พยายามที่จะต้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เรียนรู้การอยู่บนโลกนี้ให้ได้โดยที่ไม่สร้างการเบียดเบียนให้กับผู้อื่น(เท่าที่ทำได้นะครับ) แล้วก้พระพยายามปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อและของพระ และจาอยู่ช่วยพระศาสนา ตามกำลังที่พึงมี และท้ายสุดก้คงตามไปอยู่กับหลวงพ่อ เพราะตอนนี้คิดถึงท่านมาก นึดถึงท่านทีไรน้ำตามันก้จาไหลทุกที และท้ายนี้ก้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ ขอบารมีพระและผลบุญทั้งหลาย ในพระศาสนา ได้โปรดบันดาลดลให้ความปรารถนาของทุกท่านจงเป็นผลสำเร็จ เป็นกำลังใหญ่แห่งพระศาสนา ตราบสิ้นกาลนาน....สาธุ
     
  16. DEAR_CPE

    DEAR_CPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +1,082
    นะโม ตัสสะ ภควะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภควะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภควะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    <O:p</O:p
    สัพพัง อะปะราทัง ขะมะถะเม ภันเต
    อุกาสะ ทะวา รัตตะเยนะ กะตัว
    สัพพัง อะปะราทัง ขะมะถะเม ภันเต
    อุกาสะ ขะมา มิภันเตฯ
    <O:p</O:p

    หากกล่าวคำว่า กรรมนั้นซื่อสัตย์ที่สุด ก็คงจะจริง เพราะได้พิสูทธ์มาแล้วเกินครึ่งชีวิต การพบพระก็เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน เพราะมีแต่อกุศลกรรมให้ผลอยู่เกือบตลอดเวลา รอยยิ้มจึงไม่มีให้เห็นบ่อยนักสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ไม่มีอะไร กรรมมันก็แค่ทำหน้าที่ของมันเท่านั้น และก็เป็นข้อดีด้วย ทำให้เราได้เห็นทุกข์ชัดเจนขึ้นซะอีก
    <O:p</O:p
    หนังสือชื่อปกว่า ประวัติหลวงปู่ปาน เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่เคยได้อ่าน ปกติเป็นคนอ่านหนังสือนานไม่เป็นเพราะสมาธิสั้นมาก และขี้หงุดหงิดง่าย จึงไม่ค่อยใช้เวลาลงทุนในการอ่านหนังสือเพื่อให้ได้ความรู้กลับมาซักเท่าไหร่ แต่ครั้งแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ก็รู้สึกสนุกสนาน อ่านไปเรื่อย จนจบเล่ม (แต่ใช้เวลาสองวันเพราะอ่านได้ครึ่งเล่มก็มืดซะแล้วต้องออกจากห้องพระก่อน เพราะเป็นโรคเดียวกับคนอื่นๆ คือโรคกลัวผีเป็นชีวิตจิตใจ) และก็เริ่มชอบอ่านหนังสือธรรมะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    <O:p</O:p
    หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตวัยรุ่นตามปกติ มีทุกข์มีสุขบ้างปนๆกันไป จนกระทั่งตอนเรียนอยู่ ปวส. ได้พบกับพี่สองคน ที่เป็นกัลยาณพี่จริงๆ ได้พาไปทำบุญกับกลุ่มพระธาตุแก้วมณีโชคตามสถานที่ต่างๆ ไปตามรอยพระบาท พระบรมธาตุ ไปวัดต่างๆ ทำบุญเยอะมาก บางทีก็ถึงกับทำบุญอย่างไม่คิดชีวิตกันเลยทีเดียว แรกๆก็ไม่เข้าใจ แต่พอระยะเวลาผ่านไป ก็ได้เห็นและเข้าใจอะไรหลายๆอย่างมากขึ้นด้วยบารมีพระอันประมาณไม่ได้นั่นเอง
    <O:p</O:p
    หลังจากได้ทำบุญกับคณะพระธาตุแก้วมณีโชคมาระยะหนึ่งและบารมีพระอันไม่มีประมาณนั้นเอง ก็ทำให้ได้เห็นความเลวของตัวเองอย่างชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความโลภโกรธ และ หลง และอีกหลายๆอย่าง พี่ๆในกลุ่มก็เมตตาสั่งสอนธรรมะให้ โดยให้ดำรงอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา เคารพพระรัตนตรัยด้วยความจริงใจ และเข้าใจความธรรมดาของโลกที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติ (อาจไม่เป็นตามหัวข้อธรรมะ เพราะเรียบเรียงจากหัวสมองน้อยๆของตัวเอง) และข้าพเจ้าจะตั้งใจปฏิบัติธรรมะที่กล่าวมานี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาฯ และขอขอบคุณพี่ๆคณะพระธาตุแก้วมณีโชติมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และขอโมทนาแนวทางการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ของทุกท่าน ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ขอผลบุญทั้งหลายจงเป็นผลให้ทุกท่านจงสำเร็จๆๆด้วยเทอญ สาธุ

    เดินตามพระ<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2007
  17. ao.angsila

    ao.angsila เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,332
    ค่าพลัง:
    +26,683
    ความทุกข์ มโนยิทธิ และความปรารถนาพุทธภูมิโดยไม่รู้ต้ว

    ในการฝึกสมาธิของผมนั้นใช้ พุท-โธ ครับ พอนั่งสักพักจิตก็หลุดไป เหาะไปโนนไปนี่ ตลอดเวลา (ผมคิดว่าเป็นการจินตนาการ)
    และในการนอนของผมนั้นใช้เวลาหลับนานมากครับ ก่อนที่จะหลับ เราก็เหาะไปโนนทีไปนี่ที (ไปหลายที่ครับขี้เกลียดพิมพ์อิอิ)
    แต่เรื่องที่ผมจะพิมพ์ให้อ่านนั้นมันเป็นความฝันครับ ฝันติดต่อกัน3-4 วัน โดยสถานที่นี้เป็นชาดหาดครับ ตอนกลางคืนพระจันทร์หน้าจะเต็มดวงเพราะมันเห็นเหมือนพระจันทร์เต็มดวงครับ เราได้ไปนั่งในกลุ่มเด็กหมู่มากไม่รู้จักใครเลย น้ำขึ้นเต็มเลย หลังจากนั้นผมได้เห็นเรือโบราณเก่าเลยมา(เป็นเรือผีสิงครับ)น่ากลัวมาก มีโรงศพอยู่ในเรือด้วยมันลอยผ่านหน้าผมเร็วมากพร้อมลมดูดผมไปในเรือ แต่เพื่อนที่นั้งอยู่ในนั้นช่วยจับดึงไว้ ผมกลัวมากครับ มันจะเอาผมไป หลังจากนั้นผมเจ็บหัวมากครับ ที่เจ็บนั้นผมดันเอาหัวไปโขกกับผนังปูนข้างๆที่ผมนอนอยู่อย่างแรงเสียงดังมากครับ(ผมตื่นแล้วนะครับ) ก็ตกใจเนี่ยครับมันจะดูดไปอยู่กับมัน ฝันมาซ้ำๆจนวันที่4 (สุดท้าย) ผมก็โดนมันดูดไปในเรือ แต่แล้วเรือจีนสวยงามมากมาช่วยผม มีเทพเจ้าจีนดึงผมกลับมาอยู่ในเรือจีน เทพเจ้าองค์นั้นแต่งชุดขุนนางจีนในชุดสีเหลืองทองอร่ามเลยครับสวยมากองค์ท่านอ้วนท้วมสมส่วนครับ ท่านได้ช่วยผมและได้ให้ของวิเศษ (ไม่รู้ว่าอะไรจำไม่ได้)และคัมภีมาเล่มหนึ่ง ท่านบอกว่าไม่ต้องกลัวแล้วนะ แล้วอะไรอีกก็ไม่รู้จำไม่ได้แล้ว นับจากนั้นมาไม่เคยฝันเรื่องนี้อีกเลย แต่มีพี่ท่านหนึ่งในคณะพระธาตุแก้วฯ ผมเล่าความฝันนี้ให้พี่เค้าฟัง พี่ท่านบอกว่าพี่ก็ฝันเหมือนกันและพี่ก็อยู่ในกลุ่มที่นั่งอยู่ชายหาดด้วย มัน10กว่าปีที่ผ่านมาแล้วไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนที่นั่งอยู่ที่นั้นด้วย ทั้งที่เป็นในฝันแท้ๆ
    ตอนนี้ขอตัดมาเรื่องสมาธินะครับสมัยเด็กผมว่างไม่ได้เลยเดินนอนนั่งไปไหนใช้ พุทโธ อยากได้อะไรนึกถึงพระแม่เห็นพระแม่มายืนอยู่บนฟ้า ผมก็เอาตัวผมนี้ไปกราบท่านและขอพร อยากได้อะไรส่วนมากท่านให้หมด (เรื่องสมาธิทั้งหมดนี้ผมไม่รู้เลยว่านั้นคือมโนยิทธิ โดยมารู้จริงๆไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง

    เรื่องความทุกข์ของผมมันมีมากกกกกกมาย ตั้งแต่จำความได้แล้ว โดยคิดว่าเกิดมาทำไม ไม่รู้ว่าจะตายแล้วไปไหน คิดว่านิพพานไปอยากมาก และก็คิดว่าผมคงอยู่ไม่ถึงอายุ 15 ปีหรอก อยากตายมากกว่าอยู่แต่ไม่กล้าฆ่าตัวตายนะ รอเวลาตายคิดเท่านี้ เพราะความรู้สึกว่าผมทุกข์มากแล้วไม่อยากอยู่บนโลกนี้
    แต่ในขณะที่รอความตายได้เอาหนังสือธรรมะมาอ่านบ้าง ประวัติพระพุทธเจ้าเล็กๆน้อยๆ เห็นแล้วอยากเป็นอยากท่านจัง(ตอนนี้เริ่มโตขึ้นแล้ว)ท่านเก่งนะทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง อยากจะโปรดช่วยเหลือคน เริ่มเห็นท่านเป็นฮีโล่ซะแล้วเรา แต่มีความคิดที่ผิดๆอยู่ในตอนนี้ คิดว่าอยากตายให้เร็ซที่สุดอธิฐานขอพระแม่ตลอด ไม่รู้ว่าจะตายแล้วไปไหนดิ เลยคิดอีกว่า ขอถวายบุญทั้งหมดที่ทำมาให้พระแม่ทั้งหมดเลยส่วนความชั่วนั้นผมรับคนเดียว (ความรู้สึกในตอนนั้นไม่รู้ว่ายิ่งให้บุญเท่าไรยิ่งได้มาก แต่กลับคิดว่าถ้าถวายบุญผมแล้วเราจะไม่มีบุญเหลืออยู่เลย และเราจะมีแต่ความชั่วอย่างเดียว ให้พระแม่ได้บุญให้หมดท่านจะได้เอาไปช่วยเหลือคน ส่วนเราลงนรก นึกแล้วขำอยู่แล้ว สมัยนั้นไม่กลัวนรก คิดจะลงนรกอย่างเดียว แต่ตอนนี้คิดใหม่แล้วครับ ดีนะที่ไม่แม่ไม่ให้ตายตามที่ขอไว้แม่งั้นลงนรกแน่เลย
    ผมมีเรื่องวรีกรรมวีระมารเยอะมากนะ อยากจะพิมพ์ให้อ่านกัน แต่ก็ไม่รู้จะพิมพ์อย่างไงดีมันเยอะเกินไปมั้ง ฮาๆๆ ถ้าอ่านแล้วไม่ปะติดปะต่อกันต้องขอโทษมานะที่นี้เล้วครับ พอดีนึกตอนไหนได้ก็พิมพ์
    ง่วงมากแล้ว แล้วพบกันตอนต่อไปครับ(bb-flower
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2007
  18. sravnane

    sravnane เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    695
    ค่าพลัง:
    +17,914
    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ

    ขอร่วมโมทนาบุญทุกอย่าง ถวายเป็นพุทธบูชาฯ ชีวิตโลดโผนดีจังครับ น่าอิจฉารึเปล่าเนี๊ยะ ขอให้อดทนกับมารในใจให้มากๆนะครับ เพราะสิ่งที่หวัง ธรรมที่จะบรรลุก็อาศัยความเพียรนี่และครับเป็นตัวสำคัญ ขอให้ใจอยู่กับพระตลอดไปนะครับ ค่อยๆทำไปครับ สู้ๆครับ
    :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool: :cool:
     
  19. WINDS

    WINDS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +192
    ขอโมทนาครับ

    (bb-flower ขอโมทนาครับ มาช่วยกันประกาศตัวกันเยอะๆก็ดีครับ จะได้ช่วยกันทำงานให้เสร็จเร็วๆครับ สาธุ ผมจะได้รู้อะไรดีๆอีกเยอะเลย 555
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  20. tumromeo

    tumromeo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +1,077
    RoMeO

    ตอนที่ 1 เด็กน้อยกับฝันร้าย(f)

    เมื่อย้อนไปในอดีต ตั้งแต่ที่ผมยังจำความได้ เมื่อตอนนั้น ผมอายุราวๆประมาณ 4 ขวบกว่าๆตอนนั้นผมเป็นเด็กที่ซนมากๆ ชอบถามโน้น ถามนี้เป็นประจำ ตอนเด็ก พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา ท่านชอบไปทำบุญที่วัดเป็นประจำทุกงวด ของก่อนวันหวยออก (คงไม่บอกก็รู้ว่า ครอบครัวผมเป็นยังไง) ตอนนั้นครอบครัวผมชอบไปขอหวย ชอบหาเลขเด็ดอยู่เป็นประจำที่วัดหลายที่มาก ตอนนั้นผมเป็นเด็ก ผมก็ตามครอบครัวผมไปทำบุญเป็นประจำ ผมไปมาหลายวัดมาก จำไม่ได้แล้ววัดอะไรบ้าง ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด ตอนนั้นครอบครัวผมอยู่ที่ กทม. อยู่แถวบางขุนเทียน มีวันหนึ่งวัดหนึ่ง ผมได้ไปวัดที่นั้น ที่ไหนสักแห่งแต่ผมจำชื่อวัดไม่ได้แล้วว่าวัดอะไร ผมเห็นภาพ นรกกับสวรรค์ ในวัดแห่งหนึ่ง ตาม ภาษาเด็ก ก็เดินดูไปเรื่อยๆๆตามบริเวณวัด แห่งนั้น ก็ไม่เข้าใจเหมือนเป็นเพราะอะไร ผมจำภาพนั้นติดตามา จนถึงบ้าน ผม ตอนนั้นผมเริ่มมีอาการไม่สบาย พอแม่ให้กินยาผมก็หลับไป ตอนกลับนะสิมันไม่ธรรมดาซะแล้ว !!!!
    ผมฝันครับ!!! ไม่ใช่ฝันดีซะด้วยฝันแบบที่น่ากลัวมาก ผมได้ฝันว่า ผมเดินไปในที่แห่งหนึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน อยู่ดีๆ ผมก็ตกลงไป ในหลุม หลุมนั้นมันมืดสนิทมาก มองไม่เห็นแม้แต่ แสงเล็กน้อยยังไม่มีเลย ตามภาษาเด็ก เมื่อไม่เจอใคร เมื่อไม่คุ้น+ความมึด (ลองคิดดูว่า ถ้าคุณอยู่ในที่มืดๆมองไม่เห็นอะไรเลย คุณจะทำอย่างไร )ที่จะร้องไห้ ผมก็ร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า ผมอยู่ที่ไหน ใครก็ได้ ช่วยผมทีผมอยากกลับบ้าน ผมก็ตะโกนไปเรื่อยๆ เหมือนมันจะศูนย์เปล่า ไม่มีใครตอบผมกลับมาเลย อีกสักพัก ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ผมก็ตกหลุมอีกแล้ว หลุมนั้น มันเหมือนเดิมกับหลุมแรกเลย เหมือนกันทุกอย่าง ผมก็ร้องไห้ ไม่หยุดแต่ ตอนนั้นผมรู้สึกทรมารมาก มันเริ่ม หายใจไม่ออก มันทุรนทุรายมากเลย เหมือนกำลังจะตาย เลยทีเดียว แต่พอสักพักเหมือนมีแสงอะไร ผ่านมาจากข้างบน มันเป็นแสงสีขาวๆ และความมืดก็ค่อยๆ หายไป หายไป จนเหลือแต่แสงสว่าง จากนั้น ผมก็ตกใจ ตื่นขึ้นมา ผมค่อยๆลืมตา ผมเห็นแม่ผม นั่งอยู่ข้างๆผมแล้วก็บอกว่า ตั้มเป็นอะไร เห็นร้องๆไห้ไม่หลุดเลย ผมไม่พูดอะไรเลยกระโดนเข้าไปกอดแม่ แล้วก็พูดออกมาว่า ผมกลัว ครับ ผมกลัว กลัวอะไร ไม่รุ้มันมึดไปหมดหายใจก็ไม่ออกเหมือนกำลังจะตาย แม่ผมก็เลย ว่าผมว่าไม่มีอะไรหรอกฝันร้ายจะกลายเป็นดี หลังจากที่ฝันเห็นความฝันนั้นแล้ว ผมกลับป่วย แม่ต้องพาไป หาหมอ!!!
    หลังจากนั้นผมก็ฝันเห็นความฝันนี้มา โดยตลอด จนอายุ ประมาณ 10 ขวบ (เหตุการณ์ระหว่าง 4 - 10 ขวบจะเล่าให้ฟังเป็นตอนที่ 2 แล้วกันนะครับ )
     

แชร์หน้านี้

Loading...