วิทยาศาสตร์ทางจิต คืออะไร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย YOMI_NK, 2 เมษายน 2012.

  1. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    อะไรคือ วิทยาศาสตร์ทางจิต มาช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันนะครับ :cool:
     
  2. DekNoii

    DekNoii สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +0

    คืออะไรที่มันเป็นสัพเซตของธรรมมะ เพราะว่ายังมีอีกเยอะที่วิทยาศาสตร์ยังเข้าไม่ถึง อีกทั้งเครื่องมือและเทคโนโลยี
    เอิ้กๆๆ เรียกง่ายๆๆ ธรรมมะศาสตร์ดีดีนี่เองเนอะ 55+
     
  3. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    สำหรับผม วิทยาศาสตร์ทางจิตคือ
    การทำความเข้าใจธรรมชาติของจิต
    โดยผ่านกระบวนการทดลองที่สามารถ
    ยืนยันให้ประจักษ์ได้อย่างเป็นรูปธรรมครับ
     
  4. YOMI_NK

    YOMI_NK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +91
    ผมเห็นด้วยกับคุณจันทร์เจ้าอย่างยิ่ง ปุจฉา การทำความเข้าใจธรรมชาติของจิต
    โดยผ่านกระบวนการทดลองที่สามารถยืนยันให้ประจักษ์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้อย่างไร? โดยวิธีการใด?
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ทดลองไม่ได้หรอก วิทยาศาตร์ทางจิต อะไรเนี่ยะ เราโดน นักวิชากการหัวใส
    ที่เอากิเลสมาทำลายพระสัทธรรมโดยไม่รู้ตัว

    เนื่องจาก เรื่องที่เนื่องกับจิตนั้น มีอยู่ 3 อย่าง ที่เข้าข่ายอจิณไตย4 คือ
    1. กฏแห่งกรรม
    2. ฌาณวิสัย
    3. พุทธวิสัย

    ถ้าจิตใจเราไม่มีศรัทธา ศรัทธาง่อนแง่น หลักที่ว่าด้วยอจิณไตย4 คนที่มีศรัทธา
    ง่อนแง้นคนนั้นก็จะเหยียบ สัทธรรมอจิณไตย4นี้ไว้ใต้เท้าของตน ซึ่งแน่นอนว่า
    จะต้องรวม พุทธวิสัย ไปด้วย

    แต่ถ้าเคารพหลักการว่าด้วย อจิณไตย4 ก็จะไม่ทะลึ่งเอาหลักการทดลองแบบ
    วิทยาศาตร์มาใช้

    แต่.............สำนวนที่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นหลักที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด มันมา
    ได้อย่างไร ก็มาจากความเคยชิน และ การบูชาวิทยาศาสตร์ หรือ วัตถุนิยม มากกว่า
    จิตนิยม พูดง่ายๆ ใครที่พูดออกเชิงว่า พระพุทธศาสนาเป็นหลักที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด
    คนๆนั้น มีจิตใจที่ยังผูกกับ วัตถนิยมอยู่ ยังมีอุปทานอยู่ ยังแยกรูป แยกนาม ไม่เป็น

    ถ้าแยกเป็นแล้ว ในส่วนนามขันธ์เหล่านั้น จะเป็นตัวยืนยันเองว่า วิทยาศาสตร์ไม่อาจ
    เข้าถึง และไม่มีทางพิสูจน์ได้หมด

    สมมติเช่น รูปคือไฝที่เกิดตามตัว อันนี้ ถ้ามี ศรัทธา ก็ต้องเชื่อว่ามันมาจาก กรรมเวร
    บางประการที่เคยทำไว้ในอดีต ซึ่ง เราจะต้องไปเฝ้นหา เหตุ-และ-ผล ที่มาของไฝเม็ด
    นี้ไหม ถ้าเป็นการมีศรัทธาในกฏแห่งกรรมแน่นแฝ้น ก็ไม่ต้องไป หา เหตุและผล ของ
    ไฝเม็ดนั้นๆหรอก

    แต่ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์ละก้อ หากมี ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง นำออกจากการศึกษา หรือ
    ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจะถือว่า ยังศึกษาไม่สำเร็จ

    ก็จะเห็นว่า หากจะเอาวิทยาศาตร์มาวิจัยเรื่อง กฏแห่งกรรม แค่เรื่อง ไฝ วิทยาศารต์จะ
    เข้าไม่ถึง และ ปฏิเสธในตัว พาเราออกจากศรัทธาด้วยการปิดบังด้วย "ทฤษฎีบท" หรือ
    ข้อ สัณณิฐานที่บอกต่อเพื่อให้เชื่อๆตามกันไป ......สังเกตนะ เอาเข้าจริงๆ วิทยาศาตร์
    ยังมีอีกหลายเรื่องทีเดียวที่เข้าข่ายงมงาย คือ สิ่งที่เรียกว่า ทฤษฎีบท ทั้งหลายนั้นส่วน
    หนึ่ง สมมติฐานนั้นก็ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ "กฏ" เองบางกฏเมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ถูกพิสูจน์
    และล้มล้างได้ ....ก็นะ แม้แต่ส่วนยอดสุดของวิทยาศาตร์คือ กฏ ยังล้มได้ ก็แปลว่า
    เรื่องงมงาย(เชื่อเพราะอาศัยฟังตามๆกันไป) อาจจะมีอีก

    **********************

    แปลกแต่จริงๆ แม้ ฌาณวิสัยเป็นเรื่องอจิณไตย แต่ทว่า ฌาณวิสัยเป็นอจิณไตยนั้นเรา
    สามารถสัมผัสและเข้าถึงได้ เพียงแค่ ตามระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก

    นี่ถ้าสนใจเรื่องที่ นอกเหตุเหนือผล แต่ให้สัมผัสถึงความรู้ "อจิณไตย" เป็นเช่นไรได้ ก็เอา
    เวลามาระลึกรู้ลมหายใจเข้าออกดู ซึ่งไม่ยากส์เลย เพราะ มีอยู่กับตัวไม่ต้องไปเสาะแสวง
    หาที่ไหน พิสูจน์กันได้ทันที ที่นี้ เดี๋ยวนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2012
  6. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +4,562
    ผมเชื่อว่า....ไอน์สไตย์ เมื่อศึกษาศาสนาพุทธแล้ว....
    ..ท่านจึงบอกว่า"เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด".....
    ...ความหมายของไอน์สไตน์คืออะไร......
    ...นั่นเพราะไอน์สไตน์รู้แล้วว่า...จิตเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์...ที่ท่านไม่สามารถค้นหาหรือทดลองตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้....
    ...ท่านจึง"พยายาม"ค้นหาทางอ้อม...โดยอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์..
    ..นั่นคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพ นั่นเอง....เพื่อให้เข้าถึงวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ทางจิต....
    ...แต่วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสร้างจรวจที่มีความเร็วเท่าแสงตามทฤษฏีการย้อนอดีตได้...แต่ไอน์สไตย์รู้วิธีย้อนอดีตด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้ว...
    ...แต่การสร้างเครื่องมือ...ยังทำไม่ได้....
    ...ผมว่าไอน์สไตย์ติดเรื่องนี้มาก....รู้เต็มอกว่า จิตเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์...การค้นพบต้องทำตามหลักการพระพุทธเจ้า คือ บวช ธุดงควัตร13 ขันธวัตร14และวิปัสสนากรรมฐาน40....จนเป็นอรหันต์ จึงสามารถค้นพบได้ด้วยตนเอง....
    ..แต่ไอน์สไตน์..น่าจะดื้อ...ไม่ยอมทำตาม...แหกคอก...หาทางไปทางอื่น...ด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพดังกล่าว.....
    ...ไอน์สไตย์ อายุ26...ค้นคว้า 5 ทฤษฎีสะเทือนโลกได้....
    ...พระพุทธเจ้าอายุ35 ค้นคว้าตรัสรู้ได้เอง....
    ...พระพุทธเจ้าจึงเป็นปฐมบรมครูคนแรก...ในอายุสมัยศาสนาพุทธของท่าน5พันปี(ก่อนหน้ามีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์)ที่สามารถค้นพบวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ทางจิตได้
     
  7. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,111
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ผมว่าคือ อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับจิตเรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...