จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

กระทู้นี้เหมือนกระทู้พี่ กระทู้น้อง
ผมไม่ใช่เจ้าของกระทู้ที่แท้จริงหรอกครับ
สมาชิกทุกดวงจิตเกาะพระต่างหาก

คอยสังเกตดูจิตของชาวเกาะพระกันดูนะครับ
ว่าพวกเขามีความทุกข์กันไหม๊???
ต่างจากบุคคลทั่วๆไปไหม๊?
พวกเขารู้สึกว่าร้อนรน ตื่นเต้น ตระหนก ตกใจกับภัยพิบัติตามที่ทุกคนเข้าใจว่า
(จะ)เกิดขึ้นไวๆนี้ฯ
ไม่เห็นพวกเขาพูดคุยถึงเรื่องภัยพิบัติกันเลยนะ
แม้นกระทั่งภายในของชาวจิตเกาะพระ(บินเกาะหมู่ จิตเกาะพระ)นั้นก็ตาม
ผมไม่เห็นมีใครพูดถึง หรือให้ความสนใจกันเลยนะครับ
ผมก็เพิ่งจะสังเกตกันตอนนี้เอง
แต่พวกเขาสนใจแต่เรื่อง จิตของตนเอง
(สงสัยจะกลัวจิตเกาะพระกันไม่ได้ กลัวไม่เกาะบุญ กลัวไม่เกาะพระนิพพานกันมากกว่ามั้ง!)

เพราะชาวจิตเกาะพระนั้น เขามีอารมณ์ หรือทรงอารมณ์จิตแต่เกาะพระ เกาะบุญ เกาะพระนิพพานกันอย่างเดียว
ไม่มีโอกาสทำให้จิตตนวิ่งไปตามกระแสโลก กระแสภัยพิบัติกันได้เลย
เพราะชาวจิตเกาะพระนั้น ถามว่าทุกท่านรู้ไหม๊ รู้ครับ รู้ดีด้วยครับ แต่รู้รู้ แล้วก็วางมันไว้ตรงนั้น เพราะจิตเกาะพระติดแล้ว จะเป็นจิตที่เบา เยือกเย็น จิตนิ่ง ไม่อ่อนไหวตกเป็นเหยื่อกระแสโลก กระแสภัยพิบัติกัน
เพราะถ้าผู้ใดไปสนใจกันตรงนั้น ก็ถือว่าเรากำลังทำผิดศีลละเอียดกัน เพราะถ้าเราทำให้จิตตนเองตก เราก็จะเป็นทุกข์ โดยเฉพาะทางใจก็ุถือว่า เราไปเบียดเบียดจิตของตนเอง

เพราะชาวจิตเกาะพระนั้น มุ่งยกจิต ตั้งจิตให้อยู่สูง หรือเหนืออารมณ์ที่มากระจิต
ตั้งอยู่เหนือขันธ์5
และตั้งตั้งอยู่เหนือกระแสโลก กระแสจักรวาล

สรุปแล้วไม่มีผล ไม่มีสิ่งใดมาทำให้จิตใจของพวกเราชาวจิตเกาะพระกันได้เลย
ไม่ใช่เราปิดหูปิดตากันนะ แต่ด้วยจิตที่ไปเรียนรู้และเข้าใจ จิตของตนจึงได้ปล่อยวางกันง่าย
เพราะพวกเขาไม่กลัวความตาย แต่จะกลัวความเกิด
และพวกเขาเหล่านั้น จึงมุ่งหน้านำจิตของตนขึ้นไปฝากข้างบนพระนิพพานกันให้ไวที่สุด เท่าที่จะเท่าได้

แล้วภัยพิบัติจะมาทำอะไรกับชาวจิตเกาะพระกันได้อีก ในเมื่อจิต หรือภายในจิตใจนั้นนิ่งสงบดีพอแล้ว ถึงแผ่นดินจะสั่นไหว สั่นคลอนสักปากใด แต่จิตของชาวจิตเกาะพระแนบแน่นนั้น แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
อย่างมากที่สุดก็แค่พรากร่างกายนี้ ชีวิตนี้ เท่านั้นเอง
...
แต่ภัยพิบัตินี้ มิอาจพลัดพรากจิตของพวกเราไปจากพระนิพพานกันได้เลย
...

 

จิตตกตรงที่อยากให้คนสนิทรอด แล้วเขาไม่ฟังนี่แหละครับ(เลยทุกข์ทางใจ เลยตั้งใจว่าจะหาภาพพระติดจอมือถือ)

ปล.ตอนนี้ เริ่มหาภาพได้แล้ว ขอไปฝึกก่อนครับ

 

ต่างคนต่างมา และก้อต้องไป...ต้องคิดให้ตกครับ ใช้ปัญญาพิจารณาครับ
ช่วงแรกๆ เอาภาพติดตัวไว้ครับ มือถือ โต๊ะทำงาน แฟ้มงาน มีเวลา ควักดูเลยครับ

ดูแบบไม่เกร็งนะครับ สบายๆ เหมือนดูภาพคนที่เรารักและเคารพ

สักพัก ได้เรื่องครับ

พยายามนะครับ

ถ้าคุณตั้งใจจริง...ไม่ต้องห่วงครับ

 

ไม่ทราบว่าพระพุทธรูปนี้อยู่ที่ใดครับ เผื่อมีโอกาสได้ไป ขอบคุณครับ

 

หลังจากเกาะรูปพระรูปล่าสุด อ้อรูปที่ห้าค่ะคราวที่แล้วจำผิดไปได้สองวัน ส่วนมาจิตจะจับตรงมงกุฏที่มีเพชรของท่านจนรู้สึกว่าเห็นเำพชรชัด โดยเฉพาะห้าเม็ดตรงกลางแวววาวเชียว ส่วนพระพักต์ ของทานก็ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง บ้างครั้งทั้งหมดก็ดูใสๆ(ภาพรวม) บางครั้งก็ใสเฉพาะมงกุฏ บางครั้งก็เห็นพระพักต์ชัดแต่ไม่ใส สลับๆกันไปค่ะ
เช้านี้ตื่นมาอ้าวท่านเสด็จมาเองเป็นองค์ใหม่องค์ฯ๊็นี้ค่ะ เห็นทั้งองค์ใสๆปกติๆ แต่ด้วยความใสก็เห็นหน้าท่าไม่ชัด
เป็นพวกชอบเห็นหน้าชัดๆอ่ะค่ะ จบการบ้่านค่ะ เห่อๆ อ้อแต่ภาพนี้มาแล้วรู้สึกเบาๆขึ้นเยอะค่ะ เพราะท่านมาเอง มาแล้วก็นั่งอยู่อย่างนั้นล่ะค่ะ ไม่ต้องพยายามนึกมาก ภาพนี้ค่ะ
อ้าวเด๊วไปหารูปก่อน ไม่ได้เซพไว้เพราะไม่คิดจะจับภาพนี้เนื่องจากเห้นหน้าไม่ชัด บอกแล้วเราเป็นพวกชอบมองหน้าค่ะ

 

ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ ผมเพิ่งอ่านจบหน้าแรกจนถึงหน้านี้ วันนี้มึนแล้วขอกลับไป ฝึกครับ ภาพที่เลือกเป็นภาพข้างล่างครับ (เหมือนเคยได้ฟังสมัยเด็กๆว่า หลวงพ่อฤาษี ท่านบอกว่าอยากได้วิมานไหน ก็ให้จำวิมานไว้ให้มั่น ตายไปจะได้ไปอยู่ที่นั่น) แต่ภาพที่รู้สึกเหมือนตัวเองไปอยู่ คือประมาณใต้เข่าพระพุทธเจ้า แล้วหลังจากนั้นก็ทำบุญทั่วๆไปไม่ได้นึกวาดภาพแล้ว(ประมาณ20ปี) วันนี้ได้รับความรู้จากกระทู้นี้ คงจะได้เริ่มต่อไปครับ ขอบคุณครับ

 

พยายามนะครับ ถ้าท่านตั้งใจจริง ไม่มีอะไรที่ท่านทำไม่ได้ครับ
เราตั้งใจจริง ท่านมองเห็นครับ

อนุโมทนาบุญครับ

 

เยี่ยมครับ ผมก้อเห็นภาพท่าบ่อยครับ
ลืมบอกไ อย่าไปบังคับจิตนะครับ
ปล่อยเค้า เดี๋ยวเค้าจะเลือกเอง

เบาๆ สบายๆ ไม่เครียดนะครับ

 

โมทนาสาธุจ๊าท่านพี่ ทำเพื่อท่านพ่อพวกเราพร้อมจ๊า
บุญใดที่ได้ทำมาทั้งหมดทั้งปวงขอยกให้กับผู้ปฎิบัติทั้งใหม่และเก่า
เพื่อผลพวงแห่งนิพพานของพวกเขาทั้งหลาย สาธุ

 

โมทนาสาธุกับท่านนิติพนนะจ๊ะ อย่าไปวิตกกังวล จิตตกอะไรกับใครเลย ณ วินาทีนี้....ขอให้ท่านตั้งใจปฎิบัติ ทำให้ถึงที่สุด แล้วบารมี
ที่เราได้ทำไว้นั้นจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ผ่อนเบาจนหายไป หรืออาจจะทำให้คนสนิทหันมาทางที่เราปฎิบัติก้อได้ ขอเป็นกำลังใจนะคะ
ขอพระคุ้มครองท่าน

 

นี่เลย โมทนาสาธุกับท่านอีกคนนะจ๊ะ เริ่มเกาะได้แล้วละหนอ อย่าลืมทำใจให้สบายๆเข้าไว้ หากจิตนิ่งใจสบายดียิ่งแล้ว แทบไม่ต้องเค้นไม่ต้องพยายามใดๆ แค่นึก ภาพก้อจะปรากฎชัดขึ้น หากจิตนิ่งขึ้นไปอีกจะปรากฎภาพพระเป็นประกายพรึก นั่นขึ้นฌานสี่ฉลุยเลย
อย่าไปกังวลกับรายละเอียดปลีกย่อย จับให้ได้เกาะให้ดีเดี๋ยวมาเองจ๊า
เอ๊า...เอาไปให้หมดเลย กำลังใจที่ ดชน มีน่ะ
ขอพระคุ้มครองท่าน

 

สวัสดีจ้าฯน้องดชน.สบม.
พี่ภูมารับเวรดึกแล้วนะ
มารับส่งเวรก่อน เดี๋ยวซะแว๊บไปตามหาแมลงปอเหล็กกันต่อ
น่ารักมากนะครับ ชาวจิตเกาะเนี๊ย!
เห็นมีแต่เป็นผู้ให้ ผู้เสียสละเวลามาให้กำลังใจกัน ช่วยยกจิตกัน
น่ารักเจงๆ

ขอให้ทุกท่านตั้งใจปฎิบัติด้วยใจรัก และเคารพพระพุทธเจ้ากันให้มากๆด้วยนะครับ
จักได้ผลดีเป็นอย่างดี
ตั้งใจๆ ขอเอาใจช่วยทุกๆดวงจิตนะครับ

 

พยายามหาข้อมูลให้แล้วนะคะ..
ไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นพระพุทธรูปวัดใด..
ต้องขออภัยด้วย
ได้ภาพนี้มาจากกระทู้นี้ค่ะ
พระพุทธรูป ปางสมาธิ และ ปางลีลา

ปล. ชอบพระพุทธรูปองค์สีขาว เพราะเห็นแล้วรู้สึกสงบและเย็นกาย เย็นใจ[.566/COLOR]

 

พุทธบุตร หรือลูกหลานพระพุทธเจ้าที่ดี
ควรจะระลึกถึงคุณงามความดีของท่านให้มากๆ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่าน
เพราะท่านเป็นศาสดา หรือเป็นผู้กำเหนิดพระธรรมให้กับพวกเรามาก่อนที่พวกเราจะปฎิบัติธรรม หรือประพฤติคุณงามความดีตามพระพุทธองค์

กระทู้นี้จึงถือโอกาสให้พวกท่านได้แสดงถึงความรัก ความเคารพ ความศรัทธา และเลื่อมใสต่อพระองค์ท่าน
โดยการทำจิตเกาะพระกัน
ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติ ให้ความเคารพ และความกตัญญูต่อพระองค์กันก่อน
หรือทำจิตเกาะพระก็เหมือนการเจริญกรรมฐานอย่างหนึ่ง
หรือการเจริญสติภาวนา หรือเรียกว่า การทำสมาธิกัน นั่นเอง
คือทำชำระล้างจิตใจของเราให้สะอาด ให้เบากันเสียก่อน
ก่อนที่จะเข้ามาศึกษาพระธรรม หรือคำสั่งสอนของของพระพุทธเจ้า หรือธรรมะ
เพราะธรรมะนั้นก็ถือได้ว่า เป็นของละเอียด เป็นของศักดิ์สิทธิ์
เพราะฉะนั้นเราจะเข้าให้ถึงธรรมกัน เราจะต้องทำจิตให้ละเอียด หรือให้ศักดิ์สิทธิ์กันเสียก่อน
โดยการทำจิตเกาะพระกัน
หรือเราจะต้องทำความรู้จักกับจิตตนเอง เข้าใจจิตตนเอง โดยมีสติตามดู ตามรู้จิตของตนเอง และพยายามติดตาม เฝ้าดูอาการ และอารมณ์ของจิตอย่างใกล้ชิดให้มากที่สุด เราถึงจะเข้าใจจิตของตนเอง
เมื่อผู้ใดสมารถเข้าไปถึงใจ เข้าไปถึงกระแสจิตของตนเองกันได้แล้ว
เราก็จะพบกับจิตใจที่อ่อนโยน สงบเยือกเย็น เบากายเบาใจ
นั่นก็แสดงว่า เรากระทำมาถูกทาง ถูกต้องกันแล้ว เพราะนั่นเป็นการชีวัดให้ถึงผลของการปฎิบัติกันจริงๆก็คือ จิตนิ่ง จิตสงบ
และหลังจิตนิ่ง จิตสงบนั้นก็จะมีปิติ สุข บรมสุขอยู่ข้างหลัง นั่นเอง
และผู้ปฎิบัติก็จะทราบกันเป็นอย่างดี
และผู้ปฎิบัติก็จะสามารถชีวัดของการปฎิบัติของตนเองกันได้ตรงนี้
โดยที่เรามิต้องไปถามผู้ใด

เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเราพุทธภูมิ พุทธบุตร หรือลูกหลานของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
เราจึงควรตระหนักันถึงคุณงามความดีของพระองค์ท่านก่อนอื่นใด
ก่อนจะลงมือปฎิบัติกัน
พวกเราชาวพุทธภูมิ พุทธบุตร หรือลูกหลานของพระพุทธเจ้า อย่าเอาแต่รู้อย่างเดียว
อย่าเอาแต่ท่องจำจากตำรา พระไตรปิฎก หรือ84000พระธรมขันธ์
และอย่านำความรู้ที่ได้จากการเล่าเรียน ศึกษาพระธรรม หรือนำเอาธรรมะของพระพุทธองค์มาถกเถียงขยายความ หรือหาความถูกผิดกันอยู่เลย
ตรงนั้นมิใช่เป้าหมายสูงสุด หรือมิได้ทำให้จิตของเรา หรือปฎิบัติไปเพื่อความหลุดพ้นกัน

เพราะแล้วเราได้ชื่อเป็นพระพุทธบริษัททุกท่าน หรือปู้เจริญในศีล ในธรรมกันอยู่ ณ.เวลานี้ฯ
เราอย่าเอาแค่เปลือกนอก หรือเอาแต่ขอๆสิ่งศักดิ์ หรือได้แต่เป็นผู้รู้อวดฉลาดกันทางโลกกันอยู่เลย
พวกเราจะต้องเอาแต่แก่นสาร หรือเรียนรู้ธรรมะกันแล้ว และเราจะต้องน้อมนำธรรมะนั้นมาปฎิบัติ และจะต้องปฎิบัติตามให้สำเร็จกันด้วย
มิใช่แค่สักแต่ว่า เรียนรู้หรือศึกษาธรรมะไปอย่างนั้นเอง หรือบวชตามกระแสนิยมกัน
แต่หาได้ตั้งใจ หรือบวชที่ใจกันไม่
พวกเราก็เลยเข้าไปไม่ถึงพระธรรมกันสักที หรือไม่มีดวงตาเห็นธรรมกันสักที
เพราะมัวนำจิตของตนวิ่งแต่ตามกระแสกิเลสแห่ง กระแสโลกอยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะความไม่เอาจริง เอาจังของเรานี่เอง
จึงต้องทำให้จิตเดินทางอ้อมกัน
แทนที่พวกเราจะตั้งใจเดินทางตรง
หรือเดินทางเข้าสู่พระนิพพานกันไวๆ

เพราะการเดินทางแห่งกระแสของคนเรานั้น มันยาวไกลยิ่งนัก
แต่ถ้าผู้ปฎิบัติไม่เอากันจริงๆจังๆละก็อ คุณก็อาจจะตกขบวนมรรค ผล พระนิพพานกันไปก็เท่านั้นเอง จิตก็เลยพลัดพรากจากไปจุติที่ดินแดนแห่ง อบายภูมิกัน

พิมพ์ หรือกระทำกันให้อ่าน พูดให้คิด ที่ผมคิดให้กันนี้ เพื่อมุ่งหวังจิตใต้สำนึกบางคนที่กำลังเดินหลงทางกันอยู่ ซึ่งมีจำนวน 80% อยู่ในขณะนี้
ได้กลับหวนมาเดินสู่เส้นทางสายกลาง หรือเส้นทางสายตรง
คือเดินเข้าสู่พระนิพพานกัน นับตั้งแตวันนี้เป็นต้นไป

เพราะคำว่าพระนิพพานนั้น มิได้อยู่ไกลเกินเอื้อมที่ทุกท่านคิดกันไว้ ก็มัวติดแต่คิดกันอย่างนี้ คือไม่เริ่มปฎิบัติกันตั้งแต่วันนี้ นาทีนี้ หรือลมหายใจนี้ ท่านอาจจะหมดโอกาสไปเลยก็ได้ มัวแต่ไปหลงทางเดิน เดินทางอ้อม หรือมัวแต่สนใจสิ่งที่เรียกกันว่า สมมุติ
นั้นกันอยู่
เพราะคำว่าพระนิพพานนั้นจะต้อนรับเฉพาะผู้(ตั้งใจ)ปฎิบัติกันจริงๆ จังๆกัน (เท่านั้น)
(บ่นธรรมะ)

 

คำว่า "กรรม" เป็นคำกลางๆ แปลว่า การกระทำ
อาจจะหมายถึงทั้งการกระทำความดี หรือกระทำความชั่วก็ได้

สำหรับกรรม หรือการกระทำในขณะปัจจุบันนั้น จะต้องแสดงผล หรือตอบสนองในอนาคตกันอย่างแน่นอน(ตามกฎแห่งกรรม)
แต่อาจจะช้าหรือว่าเร็ว ก็ต้องอยู่ที่ปัจจัยอื่นๆ ที่เข้าไปเป็นตัวแปลด้วย
เช่น ทำบุญหนีกรรม กับคนมุ่งกระทำแต่บาป คือไม่ทำบุญทำทาน มุ่งแต่ทำกรรมชั่วเพียงอย่างเดียว ผลของกรรมที่จะตามคืนสนองนั้นจึงต้องต่างกันไป

แต่วันนี้จะมาพูดเรื่องกรรมดีอย่างเดียว เพราะชาวจิตเกาะพระนั้น
นิยมเกาะแต่ฝ่ายบุญกุศล หรือเกาะพระนิพพานกันอย่างเดียว

แต่กรรมนั้น ไม่มีผู้ใดหนีกรรมกันได้พ้นสักคนเดียว
แต่อาจจะมีแค่ ทำบุญหนีกรรม
ทำบุญอย่างไรถึงจะเรียกได้ว่า หนีกรรมได้(กรรมตามไม่ทัน หรือไม่ทันส่งผล)
เรามาทำบุยกันแค่ภายนอกกันนี้ อันนี้หนีไม่ทันกันแน่ เพราะอะไร???
เพราะกรรมชัวจะคืนสนองกันได้นั้นจะต้องอาศัยกิลสของตนเป็นหลัก
กิเลสต่างๆ ก็เปรียบเสมือนเครือข่ายเน็ตเวิร์ค หรืออินเตอร์เน็ต หรือระบบสื่อสารที่ใช้กันทุกวันนี้นี่เอง
เพราะฉะนั้นกันแล้วจึงเป็นเหตุผลที่คนทำบุญแต่ภายนอกนั้น จึงตัดกรรมกันได้แค่ชั่วคราวกันเท่านั้น
แต่ถ้าจะตัดกรรมกันแบบถาวร จะต้องเจริญกรรมฐานกันเท่านั้น
แต่มิใช่หมายถึงไปตัดกรรมกันแค่ ไปบวชกาย บวชใจ นุ่งขาวห่มขาวกันแค่นั้นนะ
คือเราต้องปฎิบัติธรรม หรือบวชใจกันให้ได้ตลอดเวลา
บุญภายนอกไม่เกี่ยว ชุดนุ่งห่มก็ไม่เกียว สถานที่ก็ไม่เกียว
แต่จะเกี่ยวตรงที่จิตของตนเอง
เพราะกรรมจะตามสนองกัน ก็ต้องอาศัยการสื่อสารกันทางนี้
แต่ถ้าผู้ปฎิบัติธรรมจนหลุดพ้น นั่นก็หมายความว่า แต่ถ้ากรรมนั้นยังตามสนองกันไม่ทัน ท่านก็รอด คือตายและหนีขึ้นพระนิพพานไปก่อน

แต่สำหรับผู้ไม่ปฎิบัติธรรม หรือไม่ยอมเจริญกรรมฐานกัน กรรมจึงตามสนองได้ไว ได้ง่าย เพราะว่าจิตของเรายังอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกิเลสของตนกันอยู่เลย
เช่น พวกเรายังวิ่งตามกระแสโลกกันอยู่เลย หรือจิตยังตกอยู่ภายใต้อำนาจกิเลสต่างๆ เช่น รัก โลภ โกรธ หลงกันอยู่เลย กรรมก็จะเข้ามาได้โดยง่าย

แต่สำหรับผู้ปฎิบัติธรรม หรือจิตเกาะพระจึงสามารถยกจิตให้อยู่เหนือกรรมที่ว่ากันนั้นได้
โดยตั้งจิตให้อยู่เหนือกิเลสต่างๆ เหนือสิ่งที่มากระทบจิตของตน
ตั้งอยู่เหนือขันธ์5 หรือตั้งอยู่เหนือกระแสโลกกันให้ได้
จึงจะพ้นบ่วงกรรม หรือหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงอย่างถาวรกันได้

วันนี้อย่าหาว่าผมมาสอนสั่งกันเลยนะครับ นึกเสียว่ามาพูดให้กันฟังเฉยๆ

 

"คุณ ภูทยานฌาน2 ยังบ่นอนบ่คับ"

สาธุนำแหน่....

 

โมทนาบุญ กับทุกท่านด้วยครับ สวัสดีครับ คุณภู คุณเพ็ญ คุณดัชนี และทุกๆท่านครับ ติดตามอ่านกระทู้และปฏิบัติตามไปด้วย จากการที่ได้อ่านกระทู้เหมือนกัลยาณมิตรทุกท่านจะมีส่วนที่ชอบเคารพครูบาอาจารย์ที่เหมือนๆกัน ผมศรัทธาเคารพ หลวงปู่ดู่ อ่านคำสอนท่านแล้วอยากทำความดีกว่าเดิมที่เป็นอยู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง อ่านธรรมะท่านแล้วเข้าใจดีเหมือนจะทำตามได้อย่างง่ายๆอันนี้คงเป็นความเลวของตนเองอยู่ที่ยังปฏิบัติไม่ถึงไหน... ขอสมัครเข้าเป็นชาวจิตเกาะพระด้วยคนครับ เคยฝึกมโนยิทธิมาแล้วครับประสบการณ์วันแรกที่ฝึกยังงงว่าการเห็นพระ การนึกถึงพระ การเอาจิตเห็นพระ สรุปวันแรกไม่ผ่าน วันที่สองไปฝึกใหม่ยังไม่ยอมได้พระอาจารย์รูปใหม่ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าที่ใจตนเองเห็นนั้นเกิดจากอุปทานนึกคิดไปหรือเปล่าเพราะองค์ท่านใหญ่มากเห็นเป็นสีทอง พอนานเข้าก็ได้เห็นภาพท่านตามกระทู้ที่ได้สนใจเข้าไปอ่าน หนังสือธรรมะของหลวงพ่อวัดท่าซุง ยิ่งในกระทู้นี้ยิ่งมีเยอะ

ขอคำแนะนำครับ
-การนึกถึงพระ ผมยังสงสัยระหว่างพระองค์ท่านหันพระพักตร์เข้าหาตัวเรา กับ หันพระพักตร์ไปด้านเดียวกับตัวเรามีความแตกต่างในทางปฏิบัติหรือเปล่าครับ
-การนึกถึงพระ มองเห็นพระในจิต แล้วใช้จิตคิดเห็นองค์พระมีลักษณะอย่างไรอาจจะจำมาจากการได้เห็นรูปภาพ อันนี้เป็นการปฏิบัติที่ผิดหรือเปล่าครับ

 

สวัสดีครับ
แหม๊! คุณใจตรงกันพอดีเลย
สบายดีบ่อ้าย! ข้าวฮาง
ผมนอนแล้ว ตื่นทำงานแล้ว ตอนนี้กำลังมารับเวรกระทู้นี้ต่อครับ
กระทู้นี้ไม่มีหลับ ไม่มีมืด มีแต่สว่างคาตา เพราะเป็นกระทู้ 24 ชม. กำลังแข่งกับร้านสะดวกซื้อครับ
เพราะเป็นกระทู้ข้าฯ มิได้มาคนเดียว...อิอิ คือกระทู้พี่ๆน้องๆ หรือกระทู้ รู้ ตื่น และเบิกบาน

เมื่อตะกี้นี้ผมแอบเข้าโพสกระทู้ของคุณด้วย
คือจะขออนุญาตนำกระทู้ท่านมาให้กับชาวจิตเกาะพระกันที่นี่รับทราบกันด้วย เพราะข้าวฮางที่คุณนำเสนอมานั้นก็มีประโยชน์กับปากท้องกันจริงๆ โดยเฉพาะยามยากกันนี้ ยิ่งเข้าสู่วิกฤติภัยธรรมชาติกันด้วยแล้ว
ทำให้ผมอดนึกถึง ข้าวของคุณไม่ได้เลย
เพราะว่าข้าวฮางนี้ สามารถทานกันได้โดยที่ไม่มีไฟฟ้าหุงต้ม ใช่ไหม๊? ถ้าผมจำไม่ผิด

(อ่านต่อ)
http://palungjit.org/threads/ข้าวฮาง-ข้าวในยามยาก.321840/