การกินเนื้อสัตว์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นืเฟร, 11 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. นืเฟร

    นืเฟร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +433
    แม่ชีคิดยังไงกับการกินเนื้อสัตว์ครับ ปัจจุบัน วงการแพทย์ก็มีความเห็นว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืชไม่ควรกินสัตว์ ซึ่งก่อให้เกิดโทษมากกว่าคุณ และก้ปัญหาการเบียดเบียนสัตว์ต่างๆ สมควรหรือไม่ครับที่เราจะกินมันได้ลงคอ สัตว์หลายอย่างเราไม่กินเพราะเรามีความผูกพันกับมัน อย่างเช่น หมา แมว เพราะเรามีความเมตตากับมัน คนก้ไม่ได้ฆ่าแล้วก็ให้เกิดอุตสาหกรรมนองเลือดมโหฬาร สัตว์จำนวนมากมายต้องตายโหงรองรับกับกิเลสของมนุษย์ ผมอยากให้กฎหมายคุ้มครองกับประพฤติเหล่านี้จังเลย อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช ที่สนับสนุนการไม่กินเนื้อสัตว์ หรือ ในหลายๆยุคทางแถบประเทศจีนที่เคย ออกกฎไม่ให้ฆ่า ไม่ให้ขายเนื้อสัตว์ ผมคิดว่าพระพุทธเจ้าท่านก้ไม่ได้กินเนื้อสัตว์หรอกครับ ท่านเมตตากับเหล่าสัตว์ทุกหมู่เหล่า มีอยู่ตอนนึง ตอนที่ท่านไปช่วยเหล่าแกะให้รอดพ้นจากการบูชายัญ พระสิทธัตถะมหาโพธิสัตว์ จึงทรงประกาศต่อที่ชุมนุมว่า "มหาชนเอ๋ย โลกเรานี้ จะมีสันติสุข จะงดงามยิ่งนัก แม้นว่า มนุษย์ และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน จะอนุเคราะห์เกื้อกูลรักใคร่กัน ประดุจพี่น้องร่วมสายโลหิต มนุษย์ก็ดำรงชีพด้วยพืชผักผลไม้ อันบริสุทธิ์สะอาด เว้นเสียจากการกิน และการฆ่าสัตว์มาเป็นอาหาร ถ้ามนุษย์ปรารถนา จะได้รับความเมตตากรุณาแล้ว ก็ควรแผ่เมตตากรุณาออกไป หากมนุษย์เป็นผู้ล้างผลาญชีวิต มนุษย์ก็จะถูกล้างผลาญชีวิต เป็นการตอบแทน อันเป็นกฎความจริงซึ่งครองโลก ผู้ใดปรารถนาจะให้ความสุข บังเกิดแก่ตนทั้งปัจจุบัน และอนาคตสืบต่อไป ก็ต้องไม่ทำความทุกข์ ให้เกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย แม้ว่าเขาจะต่ำต้อยเพียงไร
    ผู้ที่หว่านพืชแห่งความเศร้าโศก ทุกข์ทรมานลงไปแล้ว ก็จักได้เก็บเกี่ยวผล อันเกิดขึ้นดุจเดียวกัน"

    เท่านี้ก่อนนะครับ เน็ตจะหมดชั่วโมงการใช้งานแล้ว กราบลาครับด้วยความสวัสดีครับ
     
  2. cheterk

    cheterk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    512
    ค่าพลัง:
    +1,568
    รักษาทำกายและใจให้บริสุทธิ์ นะครับ
     
  3. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    สัตว์ที่กินพืชนั้นได้แก่ วัว ควาย กระต่าย ฯลฯ ปฐมภูมิ

    สัตว์ที่กินสัตว์ด้วยกัน ได้แก่ เสือ จรเข้ ฯลฯ ทุติยภูมิ

    มนุษย์เรานั้นเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ค่ะ จัดอยู่ในประเภทที่ 3 คือตติยภูมิ

    พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามสาวกของพระองค์ ไม่ให้กินเนื้อสัตว์ทั้งหมด เพื่อให้ฉันผักอย่างเดียวนะ แต่ไม่ให้ทำการฆ่าหรือประหัตประหาร หรือไปดูเขาฆ่า
    ทรงอนุญาตให้รับจากชาวบ้านที่ทำสำเร็จแล้ว

    แต่ถ้าหากรู้ว่าชาวบ้านนำเนื้อ 10 อย่างมาถวายให้ฉัน ทรงห้ามไม่ให้ภิกษุฉันเนื้อดังนี้
    1. เนื้อมนุษย์ 2. เนื้อช้าง 3.เนื้อม้า 4. เนื้อสุนัข 5. เนื้องู
    6. เนื้อราชสีห์ 7. เนื้อหมี 8.เนื้อเสือโคร่ง 9.เนื้อเสือดาว

    10.เนื้อเสือเหลือง

    เรื่องการกินเนื้อสัตว์หรือไม่นั้น มันอยู่ที่สภาวะของร่างกายในแต่ละคน ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์ทุกเพศ

    ต้องทานอาหารให้ครบตามที่ร่างกายต้องการ พระพุทธองค์ก็ทรงเน้นหลักโภชนาการเอาไว้

    บางคนที่เป็นโรคร้าย เช่นมะเร็ง ก็ต้องควรงดเว้นอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เนื่องจากในปัจจุบัน

    มีการฉีดยาสารเร่งลงไปในสัตว์เหล่านั้น ซึ่งเป็นที่มาของการเก็บสะสมในสัตว์ และจะเป็นการไปเร่งกระตุ้น เชื้อที่อยู่ในร่างกายของคนเรา ทำให้เชื้อลุกลาม


    และแม้กระทั่งผัก ก็ยังฉีดยา ทำให้เกิดสารตกค้าง ถ้าจะทานผักให้ปลอดสารก็ต้องลงทุนปลูกเองเสียแล้ว

    ส่วนในบางคนจะไม่ทานเนื้อก็ได้ แต่ต้องกินอาหารอื่นทดแทนเพื่อไปชดเชยอาหารส่วนที่ขาดไป


    สำหรับแม่ชีนั้นเลือกทานอาหารเหมือนกัน เพราะตอนนี้ร่างกายเริ่มไม่อำนวยเหมือนก่อน ต้องพึ่งหมอมากขึ้น

    เก็บเรี่ยวแรงเอาไว้นั่งตอบเน็ตและสอนธรรมบุคคลทั่วไปก่อน จนกว่าร่างกายมันจะโบกมือบ้ายบายในที่สุดล่ะจ้า...

    (verygood)(verygood)(verygood)
    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!
     
  4. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    "ทรงอนุญาตให้รับจากชาวบ้านที่ทำสำเร็จแล้ว" แล้วถ้าไม่มีใครฆ่าเลยในโลกนี้ ก็จะไม่กิน หรือเปล่าครับ สงสัย
     
  5. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,524
    เป็นไปตามยุคสมัย ในอนาคตอันไกล้นี้ คนจะไม่กินเนื้อสัตว์
     
  6. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...



    เรื่องการกินเนื้อสัตว์หรือไม่นั้น ไม่เป็นปัญหาใหญ่หรอก

    คนดีจริงต้องไม่กินเนื้อสัตว์จริงหรือ? คนชั่วคือคนที่กินแต่เนื้อสัตว์หรือ?



    พระพุทธองค์ทรงให้เลือกเอาประโยชน์ใหญ่ สัตว์เล็กย่อมเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ นี่คือวัฏจักร

    แต่พระองค์ทรงให้ตั้งเจตนาไว้ว่า จะไม่ฆ่า เพราะหากจิตตั้งเจตนาว่าต้องฆ่ากันทุกชีวิต โลกก็จะมีแต่ความวุ่ยวาย และมีแต่เลือดเต็มไปหมด


    และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์เราเกิดมาจะไม่มีการฆ่าเลย รวมทั้งมีการฆ่ากันเพียงอย่างเดียว


    สังคมใหญ่ต่างมีความหลากหลาย มันอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะต้องการแบบใด และเมื่อเลือกแล้วก็ต้องยอมรับผลของการเลือก

    อย่ามัวสงสัยในเรื่องของการกินเนื้อสัตว์หรือไม่กินเลย มีอะไรที่ดีๆที่น่าทำมากกว่านี้เยอะเลย



    เราห้ามผู้อื่นไม่ให้กินเนื้อสัตว์ไม่ได้หรอก ทางที่ดีต้องถามตัวเองก่อนว่า

    " เราเลิกกินเนื้อสัตว์ได้แล้วหรือยัง?" ดีไหม?

    (verygood)(verygood)(verygood)
    ธรรมะสวสัดี สาธุ!!!!
     
  7. นืเฟร

    นืเฟร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +433
    โลกธรรมนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาล สัตว์ต้องตายเพื่อเป็นอาหารช่างเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี เนอะทุกๆอันที่จริงก็ทุกๆอย่างเลยในโลกเบี้ยวๆเนี้ยะ มาเลิกกินเนื้อสัตว์กันเถิด ไม่ได้บังคับครับผม ผมก็มีบางครั้งที่เผลอกินเนื้อสัตว์ แต่เป็นสัตว์เล็กอย่าง กุ้ง ส่วนสัตว์ใหญ่นี่ ไม่อยากจะเหลียวมองซักน้อยนิด เพราะบางทีนึกว่าเป็นเนื้อคน เนื้อของสัตว์ที่เคยเกิดเป็นพ่อแม่ลูกหลานของเรา เห็นแล้วมันช่างน่าเศร้าใจยิ่งนัก เจริญพรทุกท่าน สันติจงเกิดแด่ท่าน จะกินอะไรก็กินสิ่งที่ดีต่อท่านและเบียดเบียนน้อยที่สุด ความเมตตาเป็นสิ่งสำคัญ การแผ่เมตตาต่อสัตว์สรรพสัตว์ เป็นการเพาะเมล็ดพันธ์แห่งภพของความเป็นเทพแห่งความเมตตาในตัวเราอันสุขี เป็นที่พักพิงของสัตว์ทั้งหลายให้สงบร่มเย็นจากทุกขังของโลกนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2007
  8. ข้าวใจ

    ข้าวใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    64
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +975
    [​IMG]

    อานิสงส์ 10 ข้อ ของการไม่กินเนื้อสัตว์

    อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์ คือ จะทำให้ชีวิตของเราไม่ต้องตายด้วย ปืนผาหน้าไม้ คมหอกคมดาบ ไม่่ตายด้วยเหตุกาณ์อันน่าสยดสยองหรือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งยังสามารถตัดกรรมในเรื่องการฆ่าและยุติการจองเวรกับสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันมิอาจประมาณได้ ทรงรักใคร่สรรพสัตว์ทั้งหลายประดุจลูกในอุทรของพระองค์เอง เมื่อได้บรรลุอนุตตรสัมโพธิญาณสูงสุดแล้ว ก็ยังทรงมีพระทัยห่วงใยปรารถนาให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้หลุดพ้นออกจากบ่วงกรรมและระงับดับการจองเวรซึ่งกันและกัน

    ในบรรดา บาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไปการเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นถือ เป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุดแม้ว่าจะกระทำลงไปโดยไม่เจตนา ก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสาอะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์นั้นจะ ยิ่งใหญ่ หลวงและ ไม่อาจให้อภัยได้ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมี พระประสงค์ ์ให้เราทุกคนละเว้นจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติ ศีลข้อ “ ปาณาติบาต ” คือห้ามการฆ่า เป็นข้อที่สำคัญอันดับหนึ่งขอให้เราจง มาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่อง “ อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์ ” เพื่อจักได้นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติและบำเพ็ญธรรม ให้สูงขึ้นไป

    ในพระสูตรของพระพุทธศาสนามหายานเล่าว่า “ สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย พระพุทธองค์ ์ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนาแสดงแก่พญานาคราชความว่า บุคคลใด หยุดการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูล ทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ ทั้ง 10 ประการ อันได้แก่

    1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
    3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์โหดร้าย เครียดแค้นในใจลงได้
    4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
    5. มีอายุมั่นขวัญยืน
    6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
    7. ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล
    8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
    9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
    10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    มาเลิกกินเนื้อสัตว์กันเถิด เพื่ออะไรครับ ?
    -เพื่อไม่ทำบาป หรือเพื่อคิดว่ากินแล้วบาป บาปเกิดจากการกินหรือการกระทำครับทำดีคิดดีจะบาปไหมท่ากินเนื้อสัตว์ ทำชั่วคิดชั่ว บาปไหมท่าไม่กินเนื้อสัตว์
    ไม่ทำดีไม่ทำชั่วจะบาปไหมท่ากินเนื้อสัตว์ สิ่งไหนเป็นเหตุให้บาป ที่ให้ผลคือทุก
    -ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วไม่บาป รึเปล่า? ไม่คิดไปทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นไม่บาปครับไม่เบียดเบียนไม่ทำร้ายสัตว์ก็ไม่บาป
    -กินเนื้อสัตว์แล้วบาปรึเปล่า ? ไม่จงใจเจาะจงไปค่ามา ไม่บาปครับ ไม่ได้สั่งให้ผู้อื่นค่ามา ไม่บาป ไม่ได้รู้เห็นเค้าค่ามาไม่บาป
    -ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วได้บุญไหม? บุญเกิดจากอานิสงใดในการไม่กินเนื้อสัตว์ครับ บุญเกิดจากจิตที่มีเมตตาธรรม ปราถนาไห้ผู้อื่นมีความสุข ไม่เบียนเบียน บุญจากจิตที่มีความกรุณา ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับทุกให้พ้นทุก ใช่เพราะการไม่ทานเนื้อสัตว์ไหม?
    -การกินควรเลือกให้เหมาะสมตามโภชนาการ ไม่เบียดเบียนใคร ขโมยเค้ากิน ไม่ทำร้ายใคร ไปค่ามากิน เหมาะสมตามความต้องการ ไม่มากไปไม่น้อยไป
    ปัญหา กินเนื้อสัตว์ ดีไม่ดี เป็นเรื่องที่ควรศึกษา หรือ ทำควมเห็นให้ถูก ทำจิตใจให้ผ่องใส รู้จักตนรู้จักอารมณ์ น่าสนใจกว่า
    แค่การกินคิดว่ากินแล้วจะไม่ทุก กินแล้วจะสุข?
     
  10. นืเฟร

    นืเฟร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +433
    ^
    ^
    มีประโยชน์หลายอย่างเลย เช่นลดอุปสงค์ในการฆ่าสัตว์ของมนุษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2007
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อนุโมทนา ท่าคุณเจ้าของกระทู้จะได้อ่านโพสของผู้เข้ามาตอบกระทู้ แล้วเกิดปัญญา ไม่มีเหตุผลใดจะต้องโต้เถียงกันเพียงแค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น ธรรมะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ แม่ไม่ฟังใครหากมีปัญญาคิดพิจารนาก็แยกได้เองครับสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดครับ อย่าสนคนอื่นเลยครับสนใจตัวเราตั้งใจปติบัติดีกว่าทุกอย่าล้วนมีเหตุนำให้เกิดขึ้นคุนมีจิตสงสารเป็นสิ่งที่ดืครับ แต่ไม่สามรแก้ไขสิ่งที่ผู้อื่นกระทำได้ย่อมเป็นไปตามกรรม คุณไม่ประกอปกรรมชั่วไร้ซึ่งโมหะธรรม ไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ให้เค้าค่าทิ้งแน่ครับ อนุโมทนา
     
  12. SaNdolLaR

    SaNdolLaR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +415
    เข้าฝ่ายใหนดีเนี่ย
    ไม่กินได้ก็ดีนะ แต่ใช่ว่าไม่กินสัตว์แล้วจะสุขภาพดีมากมาย เพราะสารอาหารบางชนิดไม่มีในพืช แต่มีเฉพาะในสัตว์
    หากเรายังใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติ โดยไม่ก่อให้เกิดความลำบาก
    (ไม่รวมถึงคนที่รับประทานอาหารเจ ได้ อย่างปกติในชีวิตประจำวันนะ)
    เราไม่บริโภคสัตว์ทางตรงก็ทางอ้อม
    คุณลืมคิดไปรึเปล่าว่าเกือบทุกสิ่งรอบตัวคุณ มาจากสัตว์เกือบทั้งนั้น
    หากการฆ่าสัตว์มันบาป เบียดเบียน
    เราไม่รับประทานแต่เราเอามาใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก็คงถือว่าบาป
    หลายอย่างที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน
    หรือใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนมาจากสัตว์
    แม้เป็นแค่สารสกัด
    แค่คุณไม่สบายไปหาหมอ หมอให้ยามาเป็นแคปซูนคุณก็ได้กินหมูแล้ว
    เพราะร้อยละร้อย แคปซูนที่ใช้ทำมาจากเจลลาติน
    ซึ่งสกัดมาจากหนังหมู
    หากเลิกเบียดเบียนสัตว์จริงๆ
    เราคงต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบอาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ
    ไม่ซื้อของในห้างสรรพสินค้า
    เพราะไม่ทราบว่าส่วนผสมสกัดมาจากไหน
    ยาก ยาก ยาก และยากจริงๆ
    เว้นแต่ หากต้องการหลีกเลียง ที่จะบริโภคทางตรง
    ก็พอจะมีโอกาสทำได้อยู่บ้าง

    โดยส่วนตัวอยากจะเลิกกินหมูยังทำไม่ได้เลย
    เวลาขับรถตามรถบรรทุกหมูไปโรงฆ่าสัตว์
    เห็นตา เห็นตัวมันโดนแดดจนโคลนตามตัวแห้ง
    มันคงทรมานน่าดู ทรมารก่อนตาย ยิ่งเวลาที่
    มันหันหัวมาสบตา แหม อยากจะไปไถ่ชีวิตมัน
    แต่ทำไรได้ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องกินก็กินอีก
     
  13. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    จากคอกสู่เขียง อาหารเนื้อสัตว์

    จากคอกสู่เขียง อาหารเนื้อสัตว์

    เบื่องหลังการเดินทางของปศุสัตว์ก่อนจะถูกแพ๊คขายแล้วส่งไปบน
    โต๊ะอาหารให้มนุษย์ได้บริโภคอย่างมีความสุข บนความสุขจากการบริโภค

    นั้นเต็มไปด้วยเลือดและความทุกข์ทรมานของชีวิตหลายชีวิต




    จากคอกสู่เขียง เบื้องหลังที่โหดร้าย 18+


    เบื่องหลังการเดินทางของปศุสัตว์ก่อนจะถูกแพ๊คขายแล้วส่งไปบนโต๊ะอาหารให้มนุษย์ได้บริโภคอย่างมีความสุข บนความสุขจากการบริโภคนั้นเต็มไปด้วยเลือดและความทุกข์ทรมานของชีวิตหลายชีวิต
     
  14. worada panyawatcharapon

    worada panyawatcharapon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +77
    พระโอวาทพระพุทธบรรพจารย์ทะเลใต้ หรือ ที่ทุกท่านรู้จักพระองค์ในพระนามว่า พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นพระโอวาทที่พระองค์เมตตาลงมาประทับทิพยญาณในร่างสามคุณ เพื่อสื่อสารกับทุกท่านด้วยพุทธพจน์อันเรียบง่ายและบริสุทธิ์ เกี่ยวกับ หลักสัจธรรมแห่งการรักษาศีลทานเจและต้นเหตุผลกรรม เพื่อให้ทุกท่านเกิดปัญญาและไม่ตกสู่อวิชชา
    พระองค์เมตตาประทานพระโอวาทฉบับนี้ ณ ประเทศไต้หวัน และ สงวน ลิ้มมงคล เป็นผู้นำมาแปลเป็นภาษาไทยและเรียบเรียง
    ขอแสดงความยินดีกับปราชญ์เมธีทุกท่าน ปัจจุบันเจ้ากรรมนายเวรตามทวงไม่ถึง แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ตามติดมาข้างหลัง ไม่ใช่ว่าไม่มีการทวงหนี้
    อากาศไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นี่คือ เวลาของวิญญาณกำลังทวงหนี้กรรม วิญญาณสัตว์น้ำนำความโกรธมากมายมาด้วย เพื่อทำให้เศรษฐกิจไต้หวันได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่วิญญาณสัตว์น้ำที่ตามทวงหนี้กรรม ไม่เฉพาะไต้หวันเท่านั้น ยังรวมถึงประเทศอื่นๆด้วย
    ปราชญ์เมธีทุกท่านได้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ จากรายการโทรทัศน์ หรือจากข่าวสารต่างๆมากมาย ปราชญ์เมธีคงเข้าใจภัยต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาค

    ภูมิภาคนี้ (เจียอี่) มีคนจำนวนมากเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งภาคกลาง ภาคใต้ ก็มีคนจำนวนมากเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นอาชีพ ไต้หวันมีท่าปลามากมาย รวมทั้งการประมงตามชายฝั่ง การประมงทะเลน้ำลึก
    ไต้หวันได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเต็มที่จากสัตว์น้ำ จากการประมงที่ใหญ่โตมาก
    วิญญาณของสัตว์น้ำ เมื่อจะทำการทวงหนี้ ก่อนอื่นจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายก่อน แต่หนี้กรรมที่ชาวบ้านได้ก่อขึ้นจากการฆ่าสัตว์น้ำการทวงหนี้จะติดตามมาทีหลัง
    เราพุทธะขอประกาศพระนาม
    เราคือ
    พระพุทธบรรพจารย์ทะเลใต้ รับบัญชาจาก
    พระอนุตตรธรรมมารดา (พระนิพพานดวงวิญญาณสูงสูดไม่มีขีดจำกัด) ลงสู่พุทธสถาน กราบคารวะ
    องค์มารดา แล้ว ถามปราชญ์เมธีทุกท่าน
    เกิดความเห็นอกเห็นใจกันบ้างหรือเปล่า
    (กู่ฝอห่าว) ปราชญ์เมธีทั้งหลายต่างยังมีชีวิตชีวากันดีมาก เชิญนั่งลง (เชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทับนั่ง) ปราชญ์เมธีทั้งหลายต่างเรียนรู้พุทธระเบียบกันมาอย่างดี (ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตา)
    เรามาวันนี้ จะมาร้องทุกข์ให้กับวิญญาณเดิมทั้งหลาย ร้องทุกข์ให้กับเดรัจฉานชาติกำเนิดสี่
    ในสัตว์เดรัจฉาน รวมที่เกิดจากครรภ์ เกิดจากไข่ เกิดที่ชื้นแฉะ เกิดโดยผุดขึ้นเอง รวมทั้งมนุษยชาติ คือ เหล่าดวงญาณที่เหลือ
    พฤกษชาติไม่มีวิญญาณ ดังนั้นจึงไม่จัดอยู่ในระบบของสิ่งมีชีวิต ถึงแม้จะถูกทำร้ายหรือทำลายพฤกษชาติซึ่งเป็นการขาดเมตตาจิต แต่ไม่ได้เป็นการทำร้ายชีวิต
    ในชั้นประชุมนี้ยังมีปราชญ์เมธีท่านใดบ้าง ที่ยังไม่ได้ชิงโข่ว (ตั้งปณิธานกินเจตลอดชีวิต)
    หรือว่ามีใครบ้างที่กำลังฝึกกินเจอยู่ หากว่ายังกำลังฝึกฝนอยู่ ต้องเร่งรีบได้แล้ว ให้บรรลุจุดหมายของการกินเจได้สมบูรณ์ อย่าได้ก่อเวรกับเดรัจฉานอีกเลย อย่าได้ก่อกรรมจากการฆ่า หากขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะตั้งปณิธาน จะต้องรับประทานอาหารที่สะอาดไม่มีอาหารคาว
    ไต้หวันเป็นเกาะอยู่กลางทะเล คนไต้หวันจึงเคยชินกับการบริโภคผลิตผลจากทะเล
    วิญญาณเดิมของสัตว์น้ำเหล่านี้ตามทวงหนี้กรรม
    เริ่มจากการทำให้เศรษฐกิจเสียหาย แต่ยังไม่จงใจทำร้ายทำลายชีวิตคน แต่คนที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต นั่นคือผลกรรมตามสนองจากกรรมของแต่ละคนที่ก่อไว้ หรือเกิดเพราะความประมาทไม่ระมัดระวังจึงเกิดการเสียชีวิตขึ้น
    ปราชญ์เมธีท่านใดเคยประกอบอาชีพเลี้ยงปลา ยกมือขึ้น
    อย่ากังวลใจ ต่อหน้าพระพุทธะทุกคนเสมอภาคกัน เอามือลง ปราชญ์เมธีที่ยกมือ เมื่อเลี้ยงลูกปลาแล้วเกิดความรักผูกพันหรือไม่ บางคนมีความรักผูกพันอยู่ในใจแต่ก็ต้องขายลูกปลาเหล่านั้น
    เช่นนั้นเราขอแนะนำตักเตือนปราชญ์เมธี ขอให้จิตใจผูกพันดังกล่าวนี้ เปลี่ยนเป็นการคิดถึงชีวิตปลาเหล่านี้ดีไหม
    รักชอบผูกพันกับพวกเขา เจ็บปวดและเสียดายพวกเขา ก็จงอย่าได้ฆ่าทำลายชีวิตพวกเขาอีกเลย
    หากเป็นเพราะอาชีพในอดีต ได้เคยก่อกรรมฆ่าชีวิตเขามาก่อน ขอจงตั้งจิตนำบุญกุศลส่วนหนึ่งอุทิศให้เขา ช่วยให้เขาได้ฟื้นฟูในทางที่ดีได้
    ในชั้นประชุมนี้ มีปราชญ์เมธีมากมายที่เคยรับประทาน กุ้ง ปลา สัตว์น้ำต่างๆ สัตว์น้ำเหล่านี้มีพลังธาตุลบกับคนอย่างมาก ปราชญ์เมธีทุกท่านจะต้องหมั่นสร้างบุญกุศล ทำการอุทิศเพื่อลบล้างกรรม
    ในหน้าที่การงาน การบริโภค การใช้สอย อย่าได้เบียดเบียนสัตว์ อย่าได้รับประทานอาหารคาว เนื้อปลา เนื้อสัตว์ อาชีพฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อย่าได้กระทำ
    อย่าใช้สิ่งของต่างๆ ที่ทำจากหนังสัตว์ เช่น เสื้อหนัง รองเท้าหนัง กางเกงหนัง หมวกหนัง ถุงมือหนัง เข็มขัดหนัง สายนาฬิกาหนัง รองเท้าแตะหนัง กระเป๋าเดินทางหนัง กระเป๋าหนัง พวงกุญแจหนัง โซฟาบุหนัง เก้าอี้หนัง ของใช้สันทนาการ ถุงใส่ไม้ตีกอล์ฟ เครื่องเรือนตกแต่งบ้าน เป็นต้น
    สิ่งเหล่านี้ เรามองดู ก็รู้ทันทีว่าทำมาจากหนังสัตว์ จงอย่าใช้เลย อย่าซื้อมาใช้ และอย่าซื้อเป็นของฝาก
    สิ่งเล็กน้อยจะต้องสนใจเป็นพิเศษ เช่น สายนาฬิกา พยายามอย่าซื้อที่ทำจากหนังถึงแม้พนักงานขายจะอธิบายกระบวนการผลิตหนังแท้หนังเทียม แต่พนักงานขายมักจะไม่ทราบต้นกำเนิดของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงที่ดีที่สุด คือไม่ซื้อของที่มีลักษณะว่าทำจากหนัง
    ตลาดค้าขายทั่วไป มีของกินมากมายหลายอย่างที่มีส่วนผสมอาหารคาว แต่ไม่ถูกตรวจพบ เช่น ทอฟฟี่ ขนมปังกรอบ ลูกอมดับกลิ่นปาก ขนมเค้ก ขนมปังปอนด์ แคปซูล อาหารเสริมเพื่อสุขภาพของกินเหล่านี้ เราจะต้องสนใจส่วนผสมเป็นพิเศษ
    เครื่องสำอางทาหน้า ทาผิว ทาตัว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องสนใจส่วนผสมด้วย ส่วนผสมปรุงแต่งของสินค้าเหล่านี้มักจะระบุเป็นภาษาอังกฤษ และมีศัพท์เฉพาะมากมาย คนทั่วไปอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ หากมีความสงสัยส่วนผสมเหล่านี้ สามารถโทรศัพท์สอบถามโรงงานผู้ผลิต หรือบริษัทผู้นำเข้าจำหน่ายโดยตรง อย่างนี้จะไขความไม่รู้ของเราได้
    หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปลาหรือเนื้อสัตว์ ไขมันปลา ไขมันสัตว์ อวัยวะภายในของสัตว์ ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันง่ายต่อการทำให้เรามองข้าม
    อาหารที่รับประทานยิ่งต้องใส่ใจ เพราะเป็นของที่เรากินลงในท้อง มีอาหารบางอย่างที่ถึงแม้จะเขียนว่า เจทานได้ แต่ว่า แต่ละประเทศ แต่ละศาสนา คำว่า เจ มีความหมายแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจะต้องอ่านส่วนผสมให้ละเอียด
    ของกิน หรือ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หากขาดความใส่ใจ ซื้อผิด จะต้องนำไปทิ้ง อย่านำไปแจกจ่ายให้คนอื่นนำไปใช้หรือนำไปกิน หากนำไปให้คนอื่น เท่ากับช่วยคนอื่นก่อกรรมการฆ่า ทำให้เขาสนับสนุนการฆ่า ถึงแม้การทิ้งไป จะเป็นการทอนบุญวาสนา แต่เมื่อพิจารณาใคร่ครวญดูแล้ว ระหว่าง ทอนบุญวาสนาของตนเอง กับ กรรมจากการฆ่า สองกรณีนี้ก็ย่อมต้องเลือกสิ่งที่เบากว่า ดังนั้นลองวิเคราะห์ใคร่ครวญดู ยอมทอนบุญวาสนาแต่ไม่ก่อกรรมจากการฆ่า
    ที่จริงการทอนบุญวาสนาเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการทอนบุญวาสนาตนเอง ระหว่างซื้อของกินของใช้ จะต้องใส่ใจดูส่วนผสมเป็นพิเศษ
    สัตว์ต่างๆเปรียบเหมือนกับสิ่งบูชายัญแก่เศรษฐกิจ แต่ละประเทศเพื่อทำให้เศรษฐกิจของตนเจริญเติบโต เพื่อให้บรรลุมาตรฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต่างได้ทำร้ายสัตว์ต่างๆไว้มากมาย ตัวอย่างเช่น เรื่องเกี่ยวกับสัตว์น้ำ ปลา หนังสัตว์ ฯลฯ ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ทั้งกิน ทั้งขายเอารายได้เข้าประเทศ
    การประมง การปศุสัตว์ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญก้าวหน้า ความเป็นสมัยนิยม วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ความก้าวหน้าของประเทศ แต่สิ่งดังกล่าวล้วนไปเกี่ยวข้องทำลายชีวิตสัตว์
    สรรพสัตว์ต่างมีชะตาชีวิตไม่เหมือนกัน ประเภทของสัตว์แบ่งชะตาชีวิตและการถูกกระทำโดยประมาณ ดังนี้
    • สัตว์ที่ใช้บริโภค เช่น โค กระบือ แพะ หมู เป็ด ไก่ ปลา เป็นต้น
    • สัตว์ที่ใช้ทดลอง เช่น ลิง หนู เป็นต้น
    • สัตว์เลี้ยงที่รักใคร่โปรดปราน เช่น แมว สุนัข นกสวยงาม ปลาสวยงาม เป็นต้น
    • สัตว์ใช้แรงงาน เช่น โค กระบือ ช้าง ม้า ลา จามรี อูฐ สุนัขลากเลื่อน สุนัขเลี้ยงแกะ เป็นต้น
    • สัตว์ที่ช่วยสังคมและให้ความสุขแก่สังคม เช่น สุนัขจูงคนตาบอด สุนัขตำรวจ เป็นต้น
    • สัตว์เลี้ยงดู ประเภทนี้ขอบข่ายกว้างมาก จึงไม่นำมายกตัวอย่าง
    • สัตว์ที่เลี้ยงไว้ในสวนสัตว์
    • สัตว์ที่ให้ความบันเทิง เช่น สัตว์ที่อยู่คณะละครสัตว์ ช้าง ปลาวาฬ ปลาโลมา
    • สัตว์ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น แกะที่เลี้ยงไว้ตัดขน ยังมีสัตว์อีกจำนวนมากที่มีมูลค่าสูงผิดธรรมดาจาก ขน หนัง งา เขา เช่น เสือ เสือดาวหิมะ ช้าง นกยูง ฯลฯ คนจับสัตว์เหล่านี้มาถลกหนัง เอาหนังและขนทำอาภรณ์สวมใส่ ทำเครื่องประดับตกแต่ง ทำเป็นผลิตภัณฑ์ราคาสูง หรือแม้แต่ กระจง จระเข้ วัว แพะ หมู งู นกกระจอกเทศ แรคคูน สัตว์เหล่านี้ ล้วนถูกทารุณกรรมถลกหนังมาทำเป็นสินค้า
    ปลาชนิดหนึ่งเรียกว่า ปลาแฮกฟีช เป็นปลาที่ไม่มีขากรรไกร ขึ้นชื่อว่าหนังสวยงาม นุ่ม ราคาแพงมาก ปลาแฮกฟีชนี้ที่ ไต้หวันก็มีการจับได้
    สัตว์เหล่านี้ก่อนจะเกิดกายยังโลกมนุษย์ ได้ผ่านการพิจารณาลงโทษมาอย่างเข้มงวดแล้ว เกิดมามีหนังมีขน แต่กลับทำให้คนจับจ้องมองเพราะอยากจะได้ ถลกหนังเขาทั้งเป็นๆ ดีแต่เอาเนื้อของเขา ดีแต่เอาหนังของเขา ดีแต่เอาขนของเขา ทำให้เขาทรมาน เจ็บปวดมากเหลือเกิน มีชีวิตอยู่สู้ตายดีกว่า
    มนุษย์มีความหลงใหลกับผลิตภัณฑ์ ที่ทำจากหนังสัตว์ฟอก ยอมรับว่าผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ให้ความอบอุ่น และป้องกันความหนาวได้ แต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมเลย สัตว์เหล่านี้เพราะว่ามีขนและหนังที่สวยงาม จึงถูกมนุษย์ฆ่า
    เพราะเหตุนี้บรรยากาศความแค้นของพวกเขาจึงรุนแรงมาก ทำให้ภัยพิบัติในโลกมนุษย์เกิดขึ้นอยู่เนืองนิตย์

    ผู้ที่อยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศหนาว มักสวมใส่หนังสัตว์ ทั้งเสื้อ หมวก ถุงมือ รองเท้า พวกเขาเหล่านั้นยอมรับว่าเครื่องหนังสัตว์ให้ความอบอุ่นแก่เขา หนังสัตว์เหล่านี้ล้วนมาจากสัตว์ทั้งนั้น
    มนุษย์ในยุคโบราณได้ค้นพบว่า หนังสัตว์ให้ความอบอุ่น ดังนั้นจึงฆ่าสัตว์เพื่ออาศัยหนังของเขา
    ที่จริงการสร้างความอบอุ่นของมนุษย์นั้น มีหลายวิธี คุณภาพเครื่องนุ่งห่มหลากชนิดต่างให้ความอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสัตว์มาให้ความอบอุ่น
    หากใช้สติปัญญาความสามารถช่วย โดยใช้ขน (ไม่รวมหนัง) หรือผลิตผลอื่นๆ มาช่วยให้ความอบอุ่นได้
    มนุษย์เอาหนังจากสัตว์ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมที่สุด เป็นปรากฏการณ์ที่ขาดมนุษยธรรม มนุษย์มีสิทธิของมนุษย์ กฎหมายของแต่ละประเทศ ต่างบัญญัติไว้อย่างละเอียดถึงการคุ้มครองรักษาสิทธิมนุษยชน สิ่งของทรัพย์สินต่างๆ ก็มีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนแล้วสัตว์ล่ะมีสิทธิอะไร นอกจากสัตว์ที่บำรุงเลี้ยง สัตว์ที่โปรดปราน แล้วสัตว์อื่นๆล่ะ สัตว์ที่ใช้บริโภค สัตว์เลี้ยงทางเศรษฐกิจ เหล่านี้มีสิทธิอะไรบ้าง
    มนุษย์สามารถเพาะพันธุ์สัตว์เศรษฐกิจได้จำนวนมาก จึงเข่นฆ่าทำลายเอาตามใจชอบ สัตว์เหล่านี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนก็ได้แต่จำยอมถูกฆ่าและถูกเชือดเฉือน แล้วแต่คนจะจัดแจง
    สัตว์กับคนที่ได้เกิดมาอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ ล้วนเป็นการสนองกรรม ต่างได้รับการพิพากษาตัดสิน แต่เคราะห์กรรมชะตาชีวิตของสัตว์ เมื่อเทียบกับคนแล้วแตกต่างกันมาก ดังนั้นสัตว์ที่ถูกถลกหนังเหล่านี้ ต่างเกลียดชังและโกรธแค้นมนุษย์มากที่สุด
    มนุษย์มักพูดกันว่า “ในสังคมโลกนี้ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อผู้แข็งแรง” โลกนี้เป็นจริงอย่างที่ว่าผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อผู้แข็งแรง มนุษย์เพียงอาศัยว่าตนเองมีอาวุธเกรียงไกรแข็งแรง อาศัยว่าตนเองมีร่างกายใหญ่โต ดังนั้นจึงกดขี่บังคับขู่เข็ญสัตว์ได้ ทำร้ายชีวิตสัตว์ได้
    ปราชญ์เมธีทุกท่านฟังเข้าใจไหม (เข้าใจ) แม้ว่าจะเข้าใจ ปราชญ์เมธีที่ยังไม่ได้ชิงโข่ว โปรดอย่าไปกินอาหารคาวอีก อาหารคาวง่ายต่อการทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งและโรคอื่นๆที่บังเกิดขึ้นพร้อมกัน
    ถึงแม้ในทางเวชศาสตร์ มีหมอบางท่านพยายามสนับสนุนอย่างเต็มที่ว่า เนื้อสัตว์นั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถแก้ไขการเจ็บไข้ได้ป่วยให้ดีขึ้น
    แต่ทว่า นั้นคือยังไม่เป็นผลการเจริญก้าวหน้าของการแพทย์ แต่ถ้าผ่านไปอีกหลายร้อยหลายพันปี การแพทย์ยิ่งเจริญก้าวหน้า มนุษย์ผ่านการทดลองจนมีความชำนาญ ทำให้ชัดเจนในการตรวจสอบ จึงทราบว่า การกินเนื้อสัตว์จะเป็นผลดีต่อร่างกายแม้แต่น้อยนิดก็ไม่มี
    จากความคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์ กินเนื้อสัตว์จะทำให้เลือดเกิดโรคพยาธิ เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วย
    ในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น กินเนื้อสัตว์ก่อกรรมการฆ่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังสัตว์ ถึงแม้สิ่งของที่ทำจากเครื่องหนังไม่ได้กินลงท้อง เรานำไปใช้ก็ก่อให้เกิดกรรมจากการฆ่า
    ขอถามปราชญ์เมธีทุกท่าน หากประกาศขอรับสมัคร “ขอให้ถลกหนังของตัวเองออกมา” มีใครยินยอมบ้างไหม
    แล้วสัตว์ที่ไหนจะยินยอมเต็มใจมอบหนังให้กับมนุษย์ นี่เป็นการทารุณกรรม สัตว์บางตัวทนไม่ไหวถึงกับขับถ่ายเรี่ยราดออกมา
    นอกจากผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์แล้ว ที่เห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน เราใช้เครื่องประดับหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังสัตว์ เครื่องประดับกระจุกกระจิก เข็มกลัดติดเสื้อ กิ๊บติดผม ของเล็กๆน้อยๆ จำนวนมากคงมีทำจากหนังสัตว์ ต้องระวังอย่าซื้อมาใช้
    การอ้างว่าผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อผู้แข็งแรง เป็นเรื่องที่เหี้ยมโหดทารุณมาก ไม่มีมนุษยธรรมเลย ปราชญ์เมธีทุกท่านต่างมาถึงประตูพุทธะกันแล้ว เข้าใจหลักธรรมเหตุต้นผลกรรมกันดี อย่าเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็กกันเลย จะต้องปลูกฝังเพาะเลี้ยงจิตเมตตา จะต้องสำแดงความเห็นอกเห็นใจกัน ต้องรักเอ็นดูสรรพสัตว์ประหนึ่งรักเอ็นดูลูกหลานตนเอง
    หนี้เวรหนี้กรรมค่อยๆ ลบล้าง ลบล้างแต่ละเรื่องๆจนหมดสิ้น ถึงคราวถูกทวงหนี้เวรกรรม อัตราส่วนจะลดลงได้มาก
    ภัยพิบัติเกิดขึ้นโดยมิได้คาดฝัน ล้วนเกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย
    ถึงแม้จะถูกทวงหนี้กรรม เวลาไหนจะถูกทวงหนี้กรรม เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ไม่มีใครคาดหมายได้ ก่อนหน้าได้สร้างบุญวาสนาไว้จะคุ้มครองชีวิตได้
    ไม่ใช่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะยินดีได้บุญวาสนาจากเจ้า ยินดีจะได้ทรัพย์สินของพวกเจ้า บุญวาสนาเหล่านี้จะสนองตอบเจ้าเอง ล้วนอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปัดเป่าให้ บุญกุศลที่ได้บันทึกไว้บนสวรรค์ ไม่มีใครตัดทิ้งได้ เว้นเสียแต่เจ้าทำไม่จริงจัง
    พุทธสถานที่มีรูปลักษณ์ ทุกอย่างที่มีรูปลักษณ์ทั้งหลายจำเป็นต้องพึ่งพาเงินทองที่มีรูปลักษณ์มาพยุงรักษา
    แต่บุญกุศลที่ไม่มีรูปลักษณ์ ได้แต่อาศัยการกระทำที่มองเห็นมาแปรเปลี่ยน
    ไม่เพียงแต่ให้ทรัพย์เป็นทานจึงจะได้บุญกุศล วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกายเป็นทาน อภัยทาน ล้วนได้บุญกุศลมิอาจประมาณ
    ขอเพียงแต่จริงใจและศรัทธาจริง หนึ่งจิตหนึ่งใจ หมดจิตหมดใจ วิทยาธรรมเป็นทาน แรงกายเป็นทาน อภัยทาน ล้วนบุญกุศลมิอาจประมาณ
    ขอเพียงแต่ลบล้างหนี้เวรหนี้กรรม นำบุญกุศลไปลบล้างอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลลบล้างหนี้กรรม จึงจะหลุดพ้นแท้จริง จึงสามารถหลบภัยกำแพงเมฆได้ จึงจะสามารถหนีรอดจากการตามติดทวงหนี้กรรม
    กล่าวถึงตอนนี้ จะหยุดพักก่อน บนกระดานมีเพลงธรรม ขอให้ทุกท่านอ่านพร้อมกัน
    “ย้อนมองสี่ฤดูผันผ่าน คลื่นยักษ์โถมกระหน่ำตระหนกขวัญ ดังต้นไม้ที่ร่วงโรยชราวัยแม้ผมก็ขาวโพลน พิณสี่สายกระซิบคร่ำครวญกล่าว
    กาลวาระความมืดและขุ่นมัวมาถึง ต้องพายเรือทวนน้ำฟันฝ่าไป เบื้องบนส่งมอบภาระมาทดสอบความมุ่งมั่น สาบานว่าจะฉุดช่วยเวไนยให้เป็นพุทธะ
    ภัยพิบัติต่างๆนานาโหมกระหน่ำ แม้แต่ความฝันก็ยังพังทลาย ชีวิตที่ทุกข์ทนแร้นแค้นยิ่งหนักอึ้งทุกวัน ไม่มีเสียงใดๆ เปล่งออกมาถามเบื้องบนได้ มีเพียงน้ำตา
    การดำเนินปฏิบัติธรรม ต้องทำด้วยจิตใจเมตตา ปลดปล่อยความอาฆาตพยาบาทนับหมื่นปี ย้อนกลับไปสู่ความเรียบง่ายสัตย์ซื่อที่แฝงเร้น ชีวิตนี้เปรียบดังเมฆที่ล่องลอยกลางอากาศ”
    ทำนอง: หว่อโหย่วอีเหลียนโยวเมิ่ง
    เนื้อร้อง: กวนขู่จื้อจินซิว เห็นความทุกข์จึงรู้รุดบำเพ็ญ
    เพราะมนุษย์ทำบาปโหดร้าย จึงเกิดภัยพิบัติเนืองๆ เหตุที่เกิดภัยพิบัติ เป็นเพราะน้ำมือมนุษย์ก่อขึ้นเอง มนุษย์ไม่ต้องโทษอะไรทั้งสิ้น
    หลายชาติมาแล้วมนุษย์ได้ทำความผิดไว้มากมาย ทำร้ายทำลายมาแล้วไม่รู้กี่คน ฆ่าสัตว์ไปแล้วเท่าไหร่ ตัวเองยังไม่รู้เลย
    ถึงแม้ว่าปราชญ์เมธีทุกท่านได้บำเพ็ญธรรมในชาตินี้ สิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี สี่สิบปี... แต่ว่าหนี้กรรมในชาตินี้ยังชำระไม่หมด ยิ่งสำมะหาอะไรกับกรรมในอดีตชาติ
    มนุษย์หลายชาติมาแล้ว เคยชินกับการกินเนื้อสัตว์จนกลายเป็นนิสัย หลายชาติก่อนหน้านี้ได้กินเนื้อเวไนย กินชีวิตสัตว์ เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ต่างก็ต้องการทวงหนี้เหมือนกัน

    ประเทศไต้หวันทำร้ายชีวิตสัตว์น้ำมากเกินไปดังนั้น ไต้หวันจึงมักประสบความทุกข์ยากจากวาตภัย หรือไม่ก็ภัยแล้ง ภัยส่วนใหญ่ที่ประสบ ล้วนเนื่องมาจากการทวงหนี้กรรมของเหล่าวิญญาณเดิมสัตว์น้ำ ยิ่งเพิ่มเหตุปัจจัยจากการเมือง การปกครอง สังคม สิ่งแวดล้อม

    ดังนั้น คนไต้หวันจึงมักทุกข์ทรมานเพราะน้ำ ถึงมีน้ำใช้ดื่มกินแต่คุณภาพก็ไม่ค่อยดีนัก

    ชาวไต้หวันมีชีวิตอยู่บนเกาะ ได้ทำบาปกับกุ้ง หอย ปู ปลา ไว้มาก กลายเป็นกรรมร่วม กรรมร่วมเหล่านี้ ประชากรไต้หวันทั้งหมดมีส่วนแบกรับ

    บางคนอาจจะรู้สึกว่า ตนเองเป็นชนชั้นสูง มีอำนาจเงินทองกับแค่เรื่องน้ำ คงไม่ทำให้เกิดทุกข์ร้อน แม้น้ำขาดแคลนก็ไม่กังวล เพราะด้วยอำนาจวาสนาจะได้ใช้ในสิ่งที่ขาดแคลนก่อนคนอื่น

    สิ่งเหล่านี้ล้วนสนองมาจากบุญวาสนาของเขา แต่ยังมีคนอีกจำนวนมากที่บุญวาสนามีไม่มากพอ ซ้ำร้ายกลับไปก่อกรรมการฆ่ามากมาย แน่นอนจะต้องมีประสบภัยจากน้ำ

    มีเพลงให้เมธีร่วมกันร้องหนึ่งเพลง อ่านเนื้อเพลงพร้อมกัน

    ปลายกัปเศร้ารันทด เสียงตำหนิติเตียนทุกข์เวทนา
    อากาศหนาวเหน็บสุดหัวใจ ลมคาวฝนเลือดล้อมรอบโลกีย์
    ไม่มีทางหลบหลีก คฤหาสน์พันล้าน
    อิทธิพลร้ายกาจ หนี้กรรมตามติดพันธนาการ
    อารมณ์วุ่นวาย โรคาพาธกายติดโรคร้าย
    ในนอกกายทุกข์ทรมาน เสียงรักเมตตาอบอุ่นนุ่มนวลฉุดช่วย
    มาจากพระธรรมมารดา (พระนิพพาน,God)
    พุทธบุตรคนเดิมปัญญาสูงส่ง ไม่จมอยู่ในโลกโลกีย์
    วิทยาศาสตร์พัฒนา คฤหาสน์ทรัพย์สมบัติ
    ใช้ปัญญานำพา ความตายไม่โอนอ่อน
    ฟื้นคืนจิตเดิมแท้ เจริญรอยธรรมะ
    ฟ้าดินกำหนดชะตากรรม สิ่งมีชีวิตเกิดตามธรรมชาติ
    ต่างมีชะตาชีวิต ละเมิดมโนธรรมเคียดแค้นกัน
    มูลเหตุภยันตราย ไม่ทำให้ใจคนสงบ
    ถูกปรับปรำเสียใจภายหลัง ยุคขาวโปรดนิรโทษกรรม
    ตักเตือนขอร้องให้ปรองดองกลับสงบเงียบ
    อโหสิกรรมคิดทบทวนดู บำเพ็ญธรรมย้อนมองส่องตน
    นำบุญกุศลไถ่ถอนกรรม สามภพโชคดีร่วมกัน

    ทำนอง: หัวใจมนุษย์ของดีล้ำค่า
    ชื่อเพลง: ในทุกข์พบหลักธรรมจริง

    พุทธบุตรคนเดิม อย่าจมอยู่ในสระน้ำโลกโลกีย์ เบื้องบนเห็นปราชญ์เมธีดั่งมังกร มังกรสามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ให้นำมังกรมาเปรียบเทียบ

    ปราชญ์เมธี ท่านอย่าได้นำตนเองไปเปรียบเทียบกับกุ้ง ปลา อย่าเปรียบเทียบตัวเองเหมือนหนอนตัวเล็กๆ จะทำให้บั่นทอนกำลังใจตนเองให้ลดลง จะต้องมีความมุ่งมั่นก้าวไกล

    เปรียบตนเองเหมือนมังกร จึงจะมีความมุ่งมั่นยิ่งใหญ่ สติปัญญาของปราชญ์เมธีแต่ละท่านเฉียบแหลม ความสง่าในวิชาความรู้กับจิตเมตตาล้วนยิ่งใหญ่ แต่ต้องนำออกไปสำแดงออกให้ได้ ต้องรู้และดำเนินด้วย

    หนังสือจีนโบราณได้กล่าวไว้ว่า (เหยิน) ความเมตตา คือ (เหยิน) มนุษย์ รวมความหมายคือ ธรรม คำว่า (เหยิน) ความเมตตา กล่าวไว้ว่า มีพร้อมคุณความดี และมีใจเมตตาอารี นั่นคือ รู้ หรือ ปัญญา

    อีกคำหนึ่ง (เหยิน) คือ ความประพฤติ การปฏิบัติ การกระทำ ความรู้ (ปัญญา) กับการปฏิบัติจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ รู้และปฏิบัติ ถึงแม้จะมีจิตเมตตา กรุณา จะต้องนำมากระทำ เช่นนี้แล้วรักใคร่ถะนุถนอมสรรพสิ่งในโลกนี้ จะต้องไม่ทำร้ายทำลายสรรพสิ่ง ควรประพฤติ การกระทำ ทุกอย่างอย่าได้ไปทำร้ายสรรพชีวิตในโลกนี้

    หนังสือโบราณยังกล่าวไว้ว่า พระอริยะอาจารย์ร้อยชาติ เป็นพระอริยะได้ ย่อมสามารถรักษาคุ้มครองคุณธรรมและความประพฤติของตนได้ และยังนำคุณธรรมความประพฤติให้เจริญรุ่งเรือง

    นำไปส่งเสริมคุ้มครองรักษาผู้อื่น แม้กระทั่งปรกแผ่ลูกหลานพันหมื่นชั่วคน นำคุณธรรมความประพฤติส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง นั่นก็คือ ธรรมะ

    พระอริยะเจ้ามีจิตเมตตากรุณาพร้อม มีความใจกว้างอย่างมโหฬารพร้อม นั่นคือ กัลยาณชน ที่มีคุณธรรม ที่โบราณได้กล่าวไว้ว่า กัลยาณชนที่มีคุณธรรม ไม่เป็นขนบธรรมเนียมที่แพร่กระจายออกไป ไม่แสดงออกแปลกๆ ใช้ความประพฤติอันดีงามเลี้ยงร่างกาย ชำระร่างกายตั้งอยู่ในคุณธรรม ถือเมตตา กรุณา เป็นพื้นฐานของตนเอง สำแดงความประพฤติอันดีงามให้เป็นจริง
    ดังนั้น พระอริยะเจ้าจึงมีความประพฤติอันดีงาม ความประพฤติดีงามของกัลยาณชน เดินหน้าพร้อมที่จะคุ้มครองผู้อื่นให้อยู่อย่างร่มเย็น ถอยหลังพร้อมที่จะดูแลคุ้มครองตนเอง เดินหน้าและถอยหลังล้วนไม่สูญเสียหลักการ เดินหน้าถอยหลังล้วนระมัดระวัง

    กัลยาณชน ก่อนอื่นต้องรักษาความประพฤติอันดีงามของตนเอง ไม่สูญเสียภาวะฟ้า อันดับต่อมารักษาการกระทำของตนอย่าให้กระทำผิดพลาด เพียงแต่รักษาจิตภาวะของตนเองไว้ ความประพฤติโดยธรรมชาติไม่ง่ายที่จะผิดพลาด ถึงแม้ว่ามีเจตนาดีของจิตภาพ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้น มีความผิดพลาดพลั้งเช่นนี้ ในแง่กฎแห่งกรรมเป็นความผิดที่เบามาก

    แต่คนที่ความประพฤติดี การกระทำไม่ผิดพลาด แต่ทว่า ทางด้านจิตใจเป็นคนมีความคิดชั่วร้ายในจิตใจ หากว่ายังดำรงความคิดชั่วร้ายไว้ ความประพฤติง่ายต่อการเบี่ยงเบน ถึงแม้จะมีบางขณะทำดีประพฤติดี แต่ในที่สุดความพลาดพลั้งก็เกิดขึ้น ปรากฏลักษณะรูปร่างดุร้ายออกมา

    ในธรรมกาลยุคขาว ปราชญ์เมธีจะต้องนำคุณธรรมความดีของฟ้าเบื้องบนแพร่กระจายในหมู่คน ใช้โอกาสที่เบื้องบนมีกรุณาธิคุณยกโทษให้ ตอบแทนคุณความดี นำบุญกุศลคุณงามความดี คุ้มครองปกป้องญาณเดิมของสามโลก

    ในเวลาเดียวกัน ช่วยเวไนยสัตว์สามภพที่ได้รับทุกข์ยากลำบาก ถึงแม้ในยมโลก การลงโทษและการพิจารณาความดีชัดเจน ตัดสินยุติธรรม แต่ว่าผลสุดท้ายเป็นการชี้แจงกล่อมให้หยุดยั้งความคิดที่จะทำผิด

    สิ่งที่จะนำมาเผยแพร่คือ หลักธรรมจริงของฟ้าดิน

    ถ้าประพฤติร้าย มีผลตอบสนองร้าย เป็นเพียงแค่การเตือนเวไนยสัตว์ให้หยุดยั้ง นี่เป็นเพียงวิธีหนึ่ง วิธีที่สองเป็นเพียงการหยุดยั้งแก้ไขจิตใจคน จิตใจคนเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี จึงเป็นหนึ่งในวิธีหยุดยั้งการกระทำผิด

    หากจิตใจคนเปลี่ยนไปในทางที่ดี อยู่ในทำนองคลองธรรม จิตใจคนไม่เบี่ยงเบน ไม่เห็นแก่ตัว การลงโทษในยมโลกก็คงจะไม่มีในโลกมนุษย์ ทุกคนดำเนินไปโดยธรรมชาติย่อมไม่เกิดภัยพิบัติ

    คนทั่วไปมักจะพูดว่าตนเองเป็นคนดี เพราะไม่ฆ่าคน ไม่วางเพลิงเผาบ้านเรือนคนหนึ่ง จึงว่าตนเป็นคนดี
    แต่ทว่ายังกินอาหารคาว ยังซื้อของใช้ที่ทำจากหนังแท้ ที่จริงแล้วนั่นคือ คนโหดเหี้ยม แท้จริงนั่นคือ ในจิตใจมีเมล็ดพันธุ์แห่งความเหี้ยมโหดซ่อนเร้นไว้ (จิตใต้สำนึกของความเป็นพุทธะไม่สมบูรณ์) ซ่อนเร้นส่วนผสมของความเหี้ยมโหด เมื่อกระทำตนแบบนี้ไม่นับว่าเป็นคนดี

    ดังนั้น ความประพฤติจึงไม่เป็นคนชิงโข่วที่สมบูรณ์ ไม่ถือว่าเป็นคนกินเจที่สมบูรณ์

    ฟ้ามีกฎของฟ้า ยมโลกก็มีกฎของยมโลก กฎระเบียบของฟ้ามีให้รางวัลหรือลงโทษแยกชัดเจน เที่ยงธรรมอย่างยิ่ง ไม่ลำเอียงอคติคนหากได้รับการลงโทษจากยมโลก ย่อมมีผิดบาปจริงตามคำตัดสินนั้น ในยมโลกการลงโทษแต่ละวิธี การพิจารณาตัดสินล้วนวินิจฉัยชี้ขาดได้ชัดเจน ไม่ลำเอียง คนหากรักษากฎของฟ้า จิตหนึ่งใจเดียว มุ่งทำความดีมุ่งแต่ธรรมะ หนึ่งจิตมุ่งต่อฟ้า เบื้องบนจะต้องให้รางวัลในความดีนี้

    ปราชญ์เมธีที่ยังไม่ได้ชิงโข่ว หรือที่ยังกินอาหารคาวอยู่ พยายามอดทนรสชาติอาหารคาวอย่างช้าๆ อดทนรสชาติอาหารที่คิดว่าหอมหวนเหล่านี้ อย่าได้กินอีก พยายามเลิกกินปลา เลิกกินเนื้อ ค่อยๆเลิก หากได้กลิ่นของเนื้อสัตว์ กลิ่นของปลา ก็อย่าได้พยายามคิดที่จะกินอีกเลย เมื่อนั้นจะสัมฤทธิ์ถึงจิตเมตตากรุณา

    บำเพ็ญธรรมในอาณาจักรธรรมยุคขาว “ข้างในบำเพ็ญตนเอง เลี้ยงบุญวาสนา ข้างนอกเกิดจิตเมตตาออกฉุดช่วยคนพาคนรับธรรม”เป็นการแสดงออกถึงการเผยแผ่เชิดชูคุณธรรมความประพฤติ นั่นคือ พิทักษ์จริยธรรมคุณธรรม

    ครั้งนี้เป็นการจัดประชุมธรรม มีผลให้เบื้องบนดึงภัยพิบัติกลับคืน ทำให้ภัยพิบัติลดความรุนแรง แต่ไม่ถึงขนาดทำให้งดหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด

    นี่หมายถึง ถือโอกาสที่เบื้องบนเมตตาประทานนิรโทษกรรมคุณธรรมพระโองการฟ้าเบื้องบน พิทักษ์คุ้มครองเวไนยสัตว์ มิต้องให้ได้รับภัยพิบัติและความทุกข์

    สัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่มีคนกล้าทำร้าย อาจมีบางคนลักลอบล่า แต่เมื่อเปรียบเทียบจำนวน สัตว์คุ้มครองถูกทำร้ายน้อยกว่าสัตว์ที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายด้วย แต่สัตว์ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองเล่า?

    ปราชญ์เมธีทุกท่านต้องกำหนดให้เขาอยู่ในขอบเขต อย่าไปทำร้ายสัตว์เหล่านั้น และยังต้องช่วยกันรณรงค์เผยแพร่ เพื่อให้โลกนี้ลดจำนวนการฆ่าให้น้อยลง ดังนี้จึงลดบรรยากาศความแค้นลงได้บ้าง

    ขอให้ปราชญ์เมธีทุกท่านใคร่ครวญดู แรกๆพระบรรพจารย์จินกงทดสอบพระอาจารย์ พระอาจาริณีของท่านอย่างไร ถึงแม้เป็นหลักธรรมจริง ว่าไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ก่อหนี้เวรกรรม นี่เป็นหลักที่ถูกต้องที่สุด ไม่เป็นเพราะว่าพระบรรพจารย์บอกว่ากินเนื้อสัตว์ได้ ทำให้เจแตกผิดศีลปาณา นี่เป็นเพราะตัวเองไม่รู้แจ้งชัด อะไรถูกอะไรผิด เป็นเพราะปัญญาไม่แสดงออก จึงไม่รู้ผิดรู้ถูก

    ปราชญ์เมธีทุกท่านต่างได้รับผลไม้กันแล้วใช่ไหม บุคลากรหากยังทำงานอยู่ มารับผลไม้ไม่ได้ หลังจากปิดชั้นเรียนแล้วค่อยทยอยมารับก็ได้

    นี่เป็นเพราะเบื้องบนมอบให้ เป็นผลไม้พุทธะต้องถนอมรักษาให้ดีๆ ทำจิตใจสะอาดหมดจรดแล้วค่อยกิน อย่ามีใจคิดฟุ้งซ่าน คิดในทางร้าย ไม่เช่นนั้นแสงสว่างจากเบื้องบนที่จะมาช่วยค้ำจุน จะไม่เป็นผลเลย

    หากใครยังไม่ได้ชิงโข่ว ยังติดรสชาติติดกลิ่นอาหารคาว จากนี้ไปในทุกวัน ลองปรับปรุงวิธีปรุงอาหารสามมื้อ หรือจะไปหัดปรุงที่สถานธรรมก็ได้ คนในสถานธรรมมีวิธีการปรุงอาหารเจหลากหลาย

    อาหารการกินมากมายท่ามกลางฟ้าดิน พืชผัก ผลไม้ อาหารธรรมชาติอย่างอื่น นี่เป็นการประทานจากเบื้องบนให้มนุษยชาติ เป็นพระคุณฟ้า

    คนจะต้องเพิ่มการถนอมรักษ์ใช้ให้เป็นประโยชน์ หากไม่รักษา ไม่รู้จักเพิ่มประโยชน์ กลับกล่าวโทษเบื้องบนที่ประทานของที่ไม่ถูกปากตนเอง นี่มิเท่ากับตนผิดบาป ปรักปรำเบื้องบนหรือ

    ปราชญ์เมธีทุกท่าน เข้าใจคำพูดของเราไหม มีหลักธรรมไหม หากว่าปราชญ์เมธีทุกท่านเข้าใจกันแล้ว เราจะไม่กล่าวมากความอีก วาจาไม่จำเป็นต้องพูดมาก แต่ขอให้มีแก่นสาร คนฟังไม่จำเป็นต้องฟังมาก แต่อยู่ที่ซึมซับได้มากน้อยแค่ไหน ขอเพียงปราชญ์เมธีทุกท่านซึมซับคำพูดที่เรากล่าววันนี้ได้เต็มร้อย และนำไปทำให้เกิดเป็นจริงให้ได้ วาจามิได้อยู่ที่มากหรือน้อย หากว่าเป็นคำพูดเพียงสิบนาที แต่สามารถทำให้สำเร็จอริยกิจได้

    ไม่กล่าวมากความ กราบลา พระอนุตตรธรรมมารดา

    จากใจ...ปราชญ์เมธีทุกท่านต่างพยายามทุ่มเท เพื่อทำความเข้าใจและรู้ชัดเสียงแห่งญาณเดิมสามภพ
    ขอจงเข้าใจและรู้ชัด เกี่ยวกับเหตุต้นผลกรรมและการตอบสนอง จะต้องศึกษาค้นคว้าให้มาก
    แม้จะเข้าใจและรู้ชัดเหตุต้นผลกรรม แต่ในการประพฤติปฏิบัติ ดำริในใจต่างๆ จะต้องประหวั่นระมัดระวัง มีความสำรวมเป็นอย่างยิ่ง มิกล้าทำผิดแม้แต่น้อย


    สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในชีวิตประจำวัน จะต้องนำไปทำ นี่ก็คือ การดำเนินธรรมะ ธรรมะจะอยู่ในชีวิตประจำวัน อย่าได้เผอเรอละเลย

    เราจะนำญาณเดิมกลับ หวังอย่างยิ่งว่าวันนี้ ญาณเดิมของสัตว์น้ำจะได้รับบุญกุศลส่วนหนึ่ง หวังปราชญ์เมธีทุกท่านจะให้ความช่วยเหลืออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้
    อย่าลืมที่จะมลายเหตุต้นผลกรรม มลายหนี้กรรมของตัวเอง ขอให้กรรมจากการฆ่าในชาตินี้และอดีตชาติมลายให้หมดสิ้น จึงจะไม่เกิดภัยพิบัติกับตัวเอง
    ปราชญ์เมธีทุกท่าน ถนอมตนเอง เราจากไปแล้ว ขอลา.
    พระโอวาทเป็นคำที่กลั่นกรองออกจากพุทธจิตของพระอริยเจ้าผู้เปี่ยมไปด้วยมหาเมตตามหากรุณา ชี้ทางสว่างให้กับพวกเราทุกคน ขอจงโปรดเก็บรักษาพระโอวาท อันศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่สูง หรือ นำไปสร้างบุญ พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ช่วยพระอริยเจ้าเผยแผ่ไปยังดวงวิญญาณดวงอื่นให้รับรู้เพื่อเกิดความสันติภาพของโลกเก่าใบนี้กันเถิด
    ด้วยความเคารพอย่างสูง
    ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม
    ขออนุโมทนาบุญปัญญา
     

แชร์หน้านี้

Loading...