สิ่งเร้นลับมหัศจรรย์(พบพระพุทธเจ้าที่นิพพานไปแล้ว)...และท่องยมโลก (มีคลิปครับ)

คุณลองปฏิบัติเองสิคะในเมื่อสามารถพิสูจน์ได้ ลองดูนะคะแล้วจะรู้ความจริง ธรรมของพระพุทธเจ้าพิสูจนได้หมดค่ะ

 

...สรุปคือ อรูปพรหม ไม่มีที่ไปเหรอครับ.....

 

ถ้าผมกล่าวอะไรที่ เกินเลย หรือ ไม่สมควร ก็ช่วยลบให้ด้วยนะครับ ผมไม่มีเจตนา แค่ขอแสดงความคิดเห็น
อ่านๆ จากต้น จนจบ ผมงงเลย ครับ
ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะครับ
อรูปพรหม หมายถึง พรหมใช่มั่ยครับ ถ้าหมายถึง พรหม พรหมนั้น มีรูปเป็นจิต แต่ไม่สิ้นกิเลส และสามารถบำเพ็ญบารมีต่อ ได้ แต่ก็ยังเป็นพรหม ถ้าพรหม ตัดกิเลสได้ ก็ไปนิพานได้เช่นกัน
นิพาน คือ การรู้แจ้ง มีรูปจิต ไร้ซึ้งกิเลส ที่ว่ากันว่านิพาน มีความสุข ความสุขในนิพานนั้น มิใช่ความสุขเหมือนมนุษย์ ความหมายของความสุขนั้นต่างกัน ไม่สามารถอธิบายได้ ประมาณไร้ความทุกข์
ถ้าเราสงสัยสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด มันก็ทำให้เราคิดเรื่องต่อไปไม่ได้ มนุษย์ มีเทวดาคุ้มครอง แล้วเทวดา ละมีใครคุ้มครอง คิดกันหรือไม่ จักรวาล ไร้ขอบเขต มันไม่ใช้กล่องที่จะเจอขอบกล่องได้ ถ้าคิดส่งสัยในสิ่งเหล่านี้ ก็จะไม่สามารถเดินต่อไปได้ แต่ทุกอย่างสรุปสั้นๆ ได้เพียงว่า ทุกอย่างร่วนว่างป่าว..........

 

นิพพานไม่สูญนิพพานเป็นอัตตาไม่ใช่อนัตตา

พระพุทธเจ้าทรงยือยัน พระอริยเจ้าก็ยืนยันเช่น

หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงตามหาบัว หลวงปู่เณรคำ

หลวงพี่เล็กวัดท่าขนุน กาญจนบุรีๆ

 

สาธุๆๆกับนักปฎิบัติทุกท่านครับ...ตอนนี้ ผมมั่นใจแค่ว่า นิพพาน คือ สิ้นกิเลส ก็คงพอแล้วครับ

 

สัมผัสใกล้ คือ รู้ ใจ ตน อย่าง ละเอียด

น้อมนำ ใจ ตน สื่อ ใจ ถึง ใจ ผู้ ดำรง อยู่ ไกล

หลักการ เดียว มโนมยิทธิ

แต่ ใช้ ใจ ถึง ใจ

มนุษย์ เทวดา พรหม โพธิสัตว์ พุทธะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สากลจักรวาล

พระผู้สร้าง

มี เชื้อ ของ ธาตุ เดียวกัน ... สามารถ สื่อ ถึง กัน โดย ผ่าน ใจ หรือ

มโนธาตุ

ให้ ลอง ทำ ดู

หมายเหตุ ผู้ ที่ กระทำ จะ ต้อง ปฏิบัติ อยู่ ใน ศีล คือ รักษา ความ บริสุทธ์

ของ ตน เอง หาก ต้อง การ ให้ ศีล ต่อ เนื่อง ไม่ ขาด ตอน ก่ รักษา ตน

ให้ อยู่ ใน ความ นอบ น้อม

การ เขียน กระทู้ ที่ เสียด แทง ใจ หรือ กล่าว แต่ คำ ดู ถูก เหยียด หยาม

ธรรม ของ ผู้ อื่น ก่ คือ การ ทำ ให้ ศีล ตน เอง ให้ ขาด ตอน

บุคคล เหล่า นี้ จะ ไม่ ได้ พบ ธรรม รู้ ธรรม จาก ผู้ ประเสริฐ ใด

ไม่ มี ผู้ ประเสริฐ ใด ต่อ เชื่อม ด้วย กับ คน(กายทิพย์) ที่ ไม่ บริสุทธ์

เพียง แค่ ศีล ยัง รักษา ไม่ ได้ เลย ...

ประโยชน์ การ ต่อ เชื่อม กับ ผู้ ประเสริฐ (สัมผัสสื่อ)

ก่ เข้า ทำนอง คบ บัญฑิต ๆ พา ไป หา ผล

อยู่ ที่ ท่าน จะ สื่อ สัมผัส กับ ผู้ ใด บ่อย ๆ

.....

การ ทำ ดี การ บำเพ็ญ ตน ให้ เป็น ประโยชน์

ก่ คือ การ เสริม สร้าง ให้ มโนธาตุ ของ ตน ให้ งอก งาม

เจริญ เพิ่ม ขึ้น ... ระดับ ที่ ผู้ ประเสริฐ ใน มิติ อัน ไกล

จัก สื่อ ได้ ก่ จะ ดู ตรง นี้ ด้วย ที่ มโนธาตุ มี มาก (บารมีสูง) ก่

จัก เจอ ผู้ ประเสริฐ ที่ ยิ่ง ๆ ขึ้น ไป

 

ทำให้จริงทำให้ถึงได้ปฏิบัติถึงเมื่อไหร่ก็รู้เองเมื่อไม่ได้ไม่รู้ก็ไม่ทราบต้องปฏิบัติเอง เพราะเป็นปัจจัตตังรู้ได้เฉพาะตน

 

ใช้ ครับ เป้า หมาย เห็น แล้ว

มี ผู้ รู้ หลาย คน เห็น แล้ว

ผู้ ไม่ เห็น ก่ ต้อง ทำ ดู

 

ผม เอง ก่ จำ ไม่ ได้ ว่า เคย เห็น บท ความ หนึ่ง ของ การ

เป็น อริย ที่ ไหน ของ แต่ ละ ยุค

คือ

1000 ปี หลังพุทธกาล

2000 ปี หลังพุทธกาล

3000 ปี หลังพุทธกาล

4000 ปี หลังพุทธกาล

ลำดับ การ เป็น อริย จะ แตกต่าง กัน แล้ว แต่ ละ 1000 ปี

จำ ได้ ว่า ที่ 4000 ปี - 5000 ปี ขอเพียง รักษา ศีล ให้ มั่น คง

ก่ ได้ ปรับ สภาวะ เป็น อริย กัน แล้ว คือ ไม่มี อภิญญา ก่ เป็น อริย

ดังนั้น ปัจจุบัน ให้ ก่ ลอง ไป พิจารณา ดู ทำไม เป็น อย่าง นั้น

เงื่อน ไข การ พ้น ทุกข์ จึง เหลือ เพียง นี้

 

คำถามสงสัย ของ ท่าน มี ค่า มาก

ท่าน ต้อง รู้ ก่อน ว่า การ มี ทุกข์ เกิด ทุกข์ เพราะ อะไร

ท่าน ไป ศึกษา ดู ตรง นี้ ก่อน

กิเลส คือ

บาป คือ

ต่าง กัน อย่าง ไร

บาป มี ผล อย่าง ไร

กิเลส มี ผล อย่าง ไร

ขอ ให้ ผู้ รู้ โปรด แสดง ความ เห็น ให้ ด้วย ครับ

 

ทำไมต้องถกเถียงกันค่ะ พระพุทธองค์ได้ให้ปริศนาธรรมไว้ว่า....ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต,.. ผู้ใดเห็นตถาคตผู้นั้นเห็นธรรม......ซึ่งชัดเจนในคำตอบมากๆๆ เพียงแต่เราต้องปฎิบัติให้ถึงแล้วจะเข้าใจเอง.....()....

 

นิพพาน สำหรับมนุษย์แล้ว เป็นอนัตตาอย่างยิ่ง

อัตตา แปลตรงๆว่า อีโก้

มีความยึดมั่น ถือมั่นในตัวตนสูง

ส่วนคำว่าอนัตตา แปลว่า ไม่มีตัวตน

ไม่มีบุคคลและสัตว์

แดนสุขาวดี หรือพระนิพพาน

สำหรับ มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาแล้ว

เป็นอนัตตาอย่างยิ่ง ยากที่จะไปถึง

ยากท่ีจะเข้าใจ ยากที่จะจินตนาการ

คิดสิบครั้ง ก็ผิดสิบครั้ง

พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ ให้ถูก ให้พอดี

แล้วก็จะพบของดี

 

ใน ความ เห็น ...

ไม่ เห็น จะ มี ใคร เถียง ใคร เลย ...

ต้อง กลับ ไป ดู สิ ครับ

เห็น มี แต่ คน ช่วย กัน แสดง ความ เข้า ใจ ให้ ชัด เจน

หรือ สงสัย ก่ ถาม มา ด้วย ความ สุภาพ

ทำไม จึง คิด ว่า เถียง กัน ล่ะ ครับ

 

ผม จะ ตั้ง ประเด็น ให้ พิจารณา

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

เป็น เรื่อง เกี่ยว ข้อง กับ ทุกสรรพสิ่ง จริง หรือ?

งั้น นิพพาน นี่ อยู่ ใน ข้อ จำกัด ของ ทุกสรรพสิ่ง ด้วย หรือ เปล่า?

แล้ว นิพพาน เป็น ทุกขัง ด้วย หรือ เปล่า?

ข้อ จำกัด อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ควร อยู่ ใน ขอบ เขต ไหน ล่ะ .... จึง จะ เป็น ตาม

กฎของไตรลักษณ์

 

สาธุ ท่านกล่าวไว้ดีแล้ว...

 

บางคน ไม่มีฤทธิ์ ไม่มีอภิญา ไม่ลองฝึก ไม่เริ่มทำ แล้ว จะเห็นได้ไง ตั้งใจลองทำ แล้วก็จบเรื่อง

 

กระผมจะขออธิบายให้ละเอียดตามที่ผศึกษาทั้งฟังเทศนาจากพระอริสงฆ์ และอ่านหนังสือมานะ เอาเเบบเข้าใจง่ายๆนะ ผิดพลาดประการใดโปรดจงชี้แนะด้วย
สามแดนโลกธาตุนี้คืออบายภูมิ4 มุนษย์1 สวรรค์6ชั้น รูปพรหม4 อรูปพรหม16 มีกฏ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา ครบอยู่ นั้นก็คือ การเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วเสื่อมสลายไปในที่สุด ด้วยจิตที่มีอัตตาคือใช้อัตตาในแดนที่มี กฏอนัตตา ครอบอยู่ มันก็มีแต่ความทุกข์เท่านั้นที่รอเราอยู่เบื้องหน้า ความสุขนั้นหาได้แต่ตอนต้น แต่ท่านจะต้องมาทุกข์ตอนปลายนั้นคืออนัตตาเสื่อมสลายในที่สุด
ส่วนนิพพานนั้นอยู่เหนือกฏของสามแดนโลกธาตุคือ นิพพานังปรมังสุขขัง คือนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ก็แสดงว่ามีสุงขังอยู่ ซึ่งตรงข้ามกับสามแดนโลกธาตุซึ่งมีแต่ทุกข์ขังอยู่ แล้วคุณเคยได้ยินพระท่านเทศนาไหมว่านิพพานเที่ยง ดังนั้นนิพพานก็ต้องตรงกันข้ามกับอนิจจังคือไม่เที่ยง ดังนั้นนิจพานจึงเป็น นิจจัง ซึ่งแปลว่าเที่ยง
โลก=อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
นิพพานจะต้องตรงข้ามกับโลก= นิจจัง สุงขัง ......ที่จุดไว้ถ้าอยากรู้คำตอบว่าคืออะำไรใน....ต้องอ่านให้จบครับ
เชิญอ่านต่อครับ
ฉนั้นคำว่านิพพานเป็นสุขขังและนิจจัง ดูเหมือนว่าคนทั้วไปจะยอมรับเเละเห็นถูกว่านิพพานเป็นนิจจังคือ เที่ยง มีสุขอย่างยิ่งคือ(สุขขัง) สุขบรมสุข ตรงข้ามกับทุกขังอย่างชัดเจน ส่วนอนิจจังเป็นกฏที่ครอบสามแดนโลกธาตุอยู่คือมีเกิด มีแก่ เจ็บ ตาย คือมันไม่เที่ยงแท้ คือใช้คำง่ายๆคือมันไม่เป็นอมตะ คือมันไม่เป็นนิจจังซึ่งแปลว่าเที่ยง
ส่วนอนัตตาที่ครอบโลกอยู่ ก็อธิบายได้ว่าถ้าใครยังมีอัตตากล่าวคือใช้อัตตาในแดนที่มีกฏ(อนัตตา)การเสื่อมสลายครอบอยู่ และมีจิตที่ยึดติดในขันธ์5 ทั้งของเราและของบุคคลอื่นอยู่ และรวมทั้งวัตถุธาตุทั้งหลายอยู่ในสามแดนโลกธาตุนี้อยู่ก็ต้องทุกข์แน่ๆ เพราะจิตนั้นไม่ปล่อยว่างให้เป็นอนัตตา คือไม่ยอมรับความเสื่อมสลายไปในที่สุดของทั้งรูปและนาม ฉนั้นแล้วเมื่อถึงนิพพานจริงๆแล้วพระอริยสงฆ์ที่ท่านถึงจริงๆท่านก็ไม่อยากจะพูดไปมาก เพราะคนที่ยังไม่ถึงจะมีมากกว่า
หลายคนสงสัยว่านิพพานมีรูปด้วยหรือมีกายเป็นแก้วรึ มีวิมานด้วยหรือ ก็ต้องตอบว่าถ้ามีแล้วจะทำไม ก็มีแล้วไม่มีวันเสื่อมสลายไปนี้ เพราะว่ามี กฏ นิจจังคือ( เที่ยง) ครอบอยู่แล้วจะเอาทุกข์มาจากไหน เพราะมีสุขขังครอบอยู่ไม่มีทุกเลยมีแต่สุขตลอดกาล ดังนั้นจิตที่มีอัตตาในแดนนี้ก็ไม่มีทุกข์ เพราะว่าแดนนิพพานไม่มีกฏอนันตาครอบอยู่แล้ว จะบอกว่าเป็นอัตตาก็ไม่ผิด จะบอกว่าจิตเป็นอิสระก็ได้ เป็นเอก หรือเป็นไท รบชนะกิเลส ได้เอกราชก็ว่าได้ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่า ไม่มีกิเลสที่เนื่องด้วยขันธ์5ก็แล้วกัน ส่วนใหญ่คนทั้งหลายชอบถกกันเรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรือว่าอนัตตา ก็ลองพิจจารณาดูก็แล้วกันว่า ถ้าเราทรงจิตเป็นอัตตาในโลกมนุษย์ เช่นเรายึดมันถือมั่นในขันธ์5 มันก็ทุกข์สิ เพราะเราไม่ยอมรับในความเสื่อมไปของร่างกาย แต่ถ้ายอมรับในกฏอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่านก็จะไปนิพพาน(สุขขัง)คือเป็นสุขอย่างยิ่ง (นิจจัง)จิตบริสุทธิ์เที่ยงไม่ไปเกิดอีกต่อไป และสุดท้ายคือ คำว่า อัตตา หลายท่านคงจะนึกอยู่ว่าตอนปฏิบัติให้ทรงจิตเป็นธรรม คือยอมรับในอนัตตาความสลายไปในที่สุด เกิดในร่างนี้ พอตาย ก็ออกจากร่างนี้ไปเข้าร่างนั้นต่อ เป็นอยู่อย่างนี้คือไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ของเราจริงๆเลยซักร่างเดียว แต่พอไปนิพพานจิตเราจะต้องไม่อยู่ในกฏอนัตตานะ ใครเข้าใจว่าจิตไปนิพพานจะต้องเป็นจิตอนัตตาบ้างครับ นั้นท่านกำลังเข้าใจผิดอย่างแรงนะครับ เพราะท่านไปเอาบันไดมาเป็นผลได้ยังไง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นธรรมเป็นทางเดิน พอเราเดินถึงที่หมายแล้วก็เป็นไท มีอิสระ จะว่าเป็นอัตตามันก็ไม่ผิดเพราะนิพพานมันตรงข้ามกับ โลก เห็นไหมครับของง่ายๆเรื่องเส้นผมบังภูเขา แค่นี้คนที่มีกรรมมาบดบังอยู่ก็คิดกันไม่ออกด้วยอำนาจของมารมันมาทำให้จิตเราหลงธรรมครับ
ผมก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน เอาง่ายๆนะจิตผ่องใสไปสวรรค์ใช่ไหม ถ้าจิตบริสุทธิ์ล่ะเขาเรียกว่าจิตละกิเลสได้หมดสิ้นจะไปไหน ก็นิพพานเท่านั้นแหละ แสดงว่าจิตบริสุทธิ์เป็นผู้ที่เสวยสุข ถ้าไม่มีจิตไปเสวยสุขจะว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งได้ยังไง และเมื่อจิตเป็นสุขอย่างยิ่งแล้วจิตจะมีอัตตาได้ไหม จิตจะยึดสุขนั้นได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้ เพราะนิพพานไม่ได้อยู่ภายใต้กฏของทุกขังแล้ว และไม่มีอนัตตาแล้ว เที่ยงแล้ว นิจจังแล้ว ไม่มีขันธ์5แล้วมีแต่ร่างกายที่ตายแต่จิตไม่เคยตายและไม่มีวันตายมีแต่จะบริสุทธิ์เป็นธรรมธาตุ จะมีอัตตาอีกสักกี่ดวงจิตในแดนนี้ มันก็เป็นจิตที่บริสุทธิ์อยู่ดี ถ้ามีอัตตาบนโลกมนุษย์นั้นซิจึงจะผิด เพราะมันไปฝืนกฏ พระไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังนั้น1ในกรรมฐาน40ข้อ นั้นก็ยังมี อุปสมานุสติ คือยึดพระนิพพานเป็นอารมณ์ แสดงว่ายึดก็เหมือนจะมีอัตตานะ แต่ทำไม่ไปนิพพานได้ เห็นไหมล่ะ ฉนั้นแล้วอย่าไปตกใจว่าอัตตาคือกิเลส หากแต่มันคือบันไดที่จะพาจิตให้เป็นอิสระบริสุทธิ์จากกิเลสต่างหาก เรายึดสิ่งที่ไม่ตายคือพระนิพพาน เราไม่ได้ยึดสิ่งที่ตายเช่นขันธ์5นี้ เอวังก็มีด้วยประการฉนี้ แล

 

ดังนั้น นิพพาน ไม่ ได้ อยู่ ใน กฎ ของ ไตรลักษณ์ ใช่ หรือ เปล่า ครับ

..... แต่ นิพพาน ก่ ไม่ น่า จะ ตรง ข้าม กฎ ไตรลักษณ์ ... หรือ ว่า มี กฎ อย่าง อื่น

ใคร บ้าง ที่ รู้... อัน นี้ ผม ก่ ไม่ ทราบ ได้ เลย ครับ


จะเป็น นิจจัง หรือ สุขขัง หรือ ไม่-อนัตตา ไม่ ทราบ เลย ครับ

อนัตตา (เฮา ว่า) น่า จะ แปลว่า ไม่ใช่ตัวตนที่แท้ ไม่ใช่ของเรา นา... (เป็น จะ อี้ ก่)

-------------------------------



-------------------------------------
บรมสุข .... เป็น จะ ใด หนอ....เอ๊ะ งั้น นิพพาน ก่ ไม่ใช่ ว่าง อีก แล้ว หรือ เปล่า...

ต้อง ขอ เชิญ ผู้ รู้ มา รจนา ต่อ ครับ

 

ท่านบอกบอกว่า ท่านเป็นพวกอนัตตา

ครั้งหนึ่งกลางป่าใหญ่ ในสมัยท่ีหลวงพ่อฤษีอยู่วัยหนุ่ม หรือพระที่ยังเป็นพระหนุ่มอยู่


คณะธุดงของหลวงพ่อฤาีษีลิงดำ ลิงขาว ลิงเล็ก ได้พักรอนแรมอยู่งกลางใหญ่

หลวงพ่อท่านก็ได้ปักกดในที่แห่งนั้น พอปักกดเป็นอันดีแล้ว หลวงพ่อท่าน

ก็ได้ผูกสายสิญจ์ หรือสายโภคพัพ.. อะไรสักอย่าง เป็นได้ศักดิฺสิทธิ์จากครูบา

อาจารย์ ผูกทั้งสี่ทิศ หลวงพ่อทา่นบอกว่า ภูตผี ปีสาจ ไม่สามารถเข้ามาได้

แน่ ในเขตนั้น เป็นการป้องกัน ยามพลั้งเผลอ

พอหลังจากนั้น หลวงพ่อท่านก็เจริญกรรมฐานเป็นปกติ ในระหว่าง

ที่เจริญกรรมฐานนั้น ก็มีหญิงสาวสวย สวยงามมาก บอกว่าเหงา อยุ่คนเดียว

มันป่าวเปลี่ยวหัวใจ อยากมีเพื่อน หรือมีผัว

แต่งตัวยั่วยวนมาก พ่อว่าเส็จแล้ว ก็มุดเข้าไปในกด ของหลวง

พ่อท่าน

หลวงพ่อท่านก้นึกเอะใจว่า ทำไมหญิงสาวตนนี้ เข้ามาในกดเราได้ หลวงพ่อ

ท่านรู้อยู่แก่ใจว่า หญิงสวาตนนนี้ ไม่ใช่คนธรรดาแน่ ผู้หญิงอะไร จะมาอยู่

กลางป่าในเวลาค่ำคืนอย่างนี้

เธอมายั่วยวน หลวงพ่อท่านสารพัด แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ สุดท้าย ก็ยอมแพ้

ยอมบอก

ว่า ทีมานะ มาทดสอบว่าหลวงพ่อท่านมีจิตใจกล้าแข้งมั่นคงแค่ไหน...

หลวงพ่อฤษี ท่านก็เอ่ยขึ้นว่า ภูต ผี ปีสาจ เปรต อสุกาย เข้ามาล้ำเขต

ได้สายสิญจ์ ที่หลวงพ่อท่า่นผูกไว้ เข้ามาไม่ได้แน่ๆ ไม่าสามารถเข้ามาในมุ้งกดท่านได้

เป็นอันขาด

หลวงพ่อท่านเลยถามว่า ท่านเป็นใคร? มาจากไหน?

ท่านผู้นั้น ท่านบอกกับหลวงพ่อว่า "ท่านเป็นพวกอนันตา"

ทะลุมิติ ไปได้ทุกที่ ไม่มีอะไรขีดขั้นท่านได้ ไม่ว่าจะแดนไหน

ภพไหน ภูมไหน ถ้าท่า่นจะไปแล้วละก็ ไปได้.......

 

อนุโมทนาสาธุครับ คุณ อู๋9 ฟังแล้วเข้าใจง่ายมากครับ