รบกวนถามท่านผู้รู้เกี่ยวกับการปฎิบัติสมาธิแล้วไปต่อไม่ถูกคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tuntitanaka, 11 มิถุนายน 2012.

  1. tuntitanaka

    tuntitanaka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +86
    รบกวนถามผู้รู้คะ ขอบคุณคะ
    พอดีว่าแฟนเวลาปฏิบัติสมาธิเหมือนจะมีอารมณ์เข้าฌาณตลอด
    คือจิตจะนิ่งลึกไปเรื่อย ๆ ไม่รับรู้รอบข้าง พอลึกลงไปได้สักพักเหมือน
    เค้ารู้ตัวแล้วมีความรู้สึกเหมือนจิตตัวเองจะหลุดเค้าก้จะไม่กล้าไปต่อ
    ซึ่งตรงนี้เค้าฝึกของเค้าเอง ไม่ได้มีครูบาอาจารย์ควบคุม
    เลยอยากรู้จากท่านผู้รู้ว่า ถ้าต้องการปฏิบัติให้ก้าวหน้าควรทำอย่างไร
    ต่อจากนั้นคะ เพื่อให้เค้ามีความก้าวหน้าทางสมาธิและทางธรรมคะ
     
  2. คนยอง

    คนยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +242
    ฌาณ หรือ ฌานัง..แปลว่า เพ่ง คือ เอาจิตจดจ่ออยู่กับคำบริกรรมหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น คำว่า "พุทโธ" เป็นต้น ถ้าจิตเข้าถึงฌาณ(จริง ๆ) จะมีอาการ..
    1.รู้คำบริกรรมทุกคำ ไม่หลงลืม หูได้ยินเสียงต่าง ๆ ชัดเจนแต่ไม่รำคาณต่อเสียงต่อสิ่งรอบข้างเรียกว่า ปฐมฌาณ (ฌาณ1)
    2.คำบริกรรมหายไปเลยโดยเด็ดขาด (เหมือนเราลืม) แต่ยังรู้ลมหายใจเข้าออกอยู่ ไม่หลุดไปไหน เสียงหรือสิ่งรอบข้างเริ่มจางลง จางลง(จิตเริ่มห่างกาย) เรียกว่า ทุติยฌาณ(ฌาณ2)
    3.คำบริกรรมหายไปเด็ดขาด ลมหายใจ เสียงหรือภาวะสิ่งรอบข้างจางไปเกือบจะไม่ได้ยินเรียกว่า ตติยฌาณ (ฌาณ3)
    4.ลมหายใจหายไป(แต่ร่างกายยังหายใจปกติ) ไม่รับรู้เสียงหรือภาวะสิ่งรอบข้าง ตัวนิ่งแข็งเหมือนคนตาย (ภายในจิตใจมีอารมณ์หนึ่งเดียวและความวางเฉย เฉยจริง ๆ).พอถึงเวลาพอสมควร จิตจะคลายออกมารับรู้ภาวะสิ่งต่าง ๆ รอบข้างเอง เรียกว่า จตุถฌาณ(ฌาณ4)
    ถ้าเป็นฌาณจริง ๆ จิตจะ "ไม่หลุด" ไปไหนครับ มีแต่จิตจะละเอียดขึ้น ตามกำลังฌาณที่เข้าถึง การเข้าฌาณเปรียบเหมือนการลับมีดให้คม (ปัญญาจะแหลมคม)ถ้าใช้ให้เป็น ก็จะมีประโยชน์ต่อตนเองมากมายมหาศาล
    ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่า ถ้าเข้าถึงฌาณ4แล้ว เมื่อจิตคลายออกมาจิตจะอยู่ใน อุปปจารสมาธิ ในช่วงนี้ให้ใช้ปัญญาพิจารณาธรรมข้ออื่น ๆ ใดที่ตนชอบ ก็จะทำให้การทำสมาธิของเราก้าวหน้า แน่นอนครับ
    ..สิ่งนี้คือ สมถะ นำ วิปัสสนา ครับ เหมือนโซ่คนละข้อ แต่แยกกันไม่ได้ ต้องไปด้วยกันตลอด
    ...แถมท้ายครับ สมาธิวิปัสสนาในพระพุทธศาสนาไม่มีแบ่งแยกครับ สายไหน ดีหมด ถ้ามาจากพ่อองค์เดียวกัน ถ้ามีใครมาแสดงอาการเปรียบเทียบว่า สายนั้นดีกว่าสายนี้ สายนี้ไปช้ากว่าสายนั้น สายนั้นไปเร็วกว่าสายนี้ แสดงว่าคน คนนั้นไม่ได้อะไรเลยครับ มีแต่ความถือตนถือตัว มีแต่อาการ ยกตนข่มท่าน กิเลสทั้งนั้นครับ..จบข่าว (เดียวท่านผู้รู้ก็มาเสริมครับ ค่อย ๆ ศึกษาไปครับ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2012
  3. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ถ้าอยากก้าวหน้าทางสมาธิ ก็ทำต่อไปทางเดิมหนะครับ

    ถ้าอยากก้าวหน้าทางธรรม ให้ศึกษาวิปัสสนาด้วยครับ เพราะทางที่ทำอยู่นั้น ไม่เกิดปัญญาในทางธรรม ยกเว้นเป็นผู้มีของเก่าถึงพร้อม จึงจะเกิดขึ้นมาเอง แต่หากยังไม่ใช่ ต้องขวนขวายเรียนรู้เอาหน่อยครับ
     
  4. tuntitanaka

    tuntitanaka Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +86
    ขอบคุณ คุณคนยองและคุณปุณบพิธ ที่ให้คำแนะนำคะ พอเป็นความรู้ให้แฟนนำไปปฎิบัติได้ดีทีเดียวคะ
    เพราะก็สงสัยมานานแล้วคะว่า ต้องทำยังไงต่อเวลาถึงจุด ๆ นั้นที่เคยปฎิบัติถึง คือเหมือนไม่รู้ว่าปลายอุโมงค์มีอะไรคะ เหมือนกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะไปต่อคะ
     
  5. bestsu

    bestsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +617
    กำจัดความกลัวให้ได้ คนจะเอาธรรมะ ต้องสู้กับกิเลส กิเลส 2 ตัวที่ต้องสู้ให้ได้ก่อนเพื่อน คือความกลัว และความขี้เกียจครับ ทำต่อไป..สู้ๆ
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ให้ ฝึกรักษา วินัยในการใช้ชีวิตง่ายๆ ก่อน เช่น การตื่น การกิน การนอน เจริญสติในการทำอะไรให้รู้เนื้อรู้ตัว คอยกำกับ ความคิด การกระทำ อย่าให้มันไหลไป ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
    ให้สวดมนต์ ด้วยจิตใจเบิกบาน เป็นกิจวัตร

    เมื่อจิต เริ่มสงบ เริ่มเบิกบาน เป็นปกติสุข แล้วจึงค่อยฝึกนั่งสมาธิ แล้วสมาธิจะไม่ตกภวังค์ แบบที่เป็นอยู่
     
  7. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    เวลาฝึกสมาธิควรมีสติกำกับทุกขณะค่อยๆปฏิบัติอย่าเร่งรีบ ผลของสมาธิมีมากมายหลายขั้นตามกำลังของแต่ล่ะคน ทำต่อไปใกล้ได้สมาธิแล้วครับ อนุโมทนาสาธุ
     
  8. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    ทำไปเรื่อยๆน่ะดีแล้วครับ สมาธิมาหลากหลายอริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ลองดูอริยาบถอื่นบ้างเผื่อจะถูกจริตน่ะครับ ศึกษาวิปัสสนาควบคู่ไปได้ยิ่งดีครับ เจริญสติ ควบคู่ไปด้วยเป็นสิ่งสำคัญ

    โมทนาครับ
     
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ครูบาอาจารย์นั้นหาไม่ยากหลอกครับ...ครูพระธรรมเทศนา ครูตำรา ที่ท่านได้ทรงเทศนาไว้มีอยู่.....

    ขาดแต่ว่าผู้ที่ถามไม่ใช่ผู้ที่ประสบ การที่จะบรรยายสภาวะธรรมนั้นเป็นไปได้ยาก....ต่อให้คุณได้ถามจากที่นี่ไปแล้ว คุณไปบอกแฟนคุณแต่แฟนคุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น ที่ว่าจะดีขึ้นกลับร้ายไปใหญ่ ที่ว่าจะชัดขึ้นกับหลงไปใหญ่....

    ทางที่ดีให้แฟนคุณมาถาม และที่สำคัญผมไม่ทราบว่าแฟนคุณปฏิบัติกรรมฐานกองใหน พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ๔๐ กอง ซึ่ง ๔๐ กองนี้ถ้ารู้วิธีปฏิบัติไปสู่การเจริญปัญญาหรือที่ชอบเรียกกันว่า วิปัสสนา นั้น สามารถทำได้ทุกกองโดยไม่ต้องมานับ ๑ เริ่มใหม่ให้เสียเวลา.....

    ในเรื่องของพระธรรมเทศนา ในเรื่องของสภาวะธรรมการปฏิบัติ ผมได้ศึกษามาจากครูบาอาจารย์หลายท่าน ถ้าผมทราบชัดผมสามารถบอกให้แฟนคุณไปศึกษาต่อจากครูบาอาจารย์ท่านใหนต่อไปได้....แต่ที่สำคัญ แฟนคุณต้องมาถามเอง.....
     
  10. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ก็ทำต่อไปแบบเดิมไม่กลัวอะไรทั้งงั้นครับ:cool:
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    จขกท. อ่านตามคำแนะนำ ที่ผ่านมาจาก Rep ต่างๆข้างต้นได้เลยครับ ทุกท่านแนะนำได้ดีแล้วครับ..
     
  12. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ควรดูลมหายใจเข้า ลมหายใจออกด้วย ในช่วงจิตกำลังจะนิ่ง ให้จิตอย่กับลมหายใจให้มากๆๆ
    ในช่วงที่นิ่งมากๆ ให้เกบความร้สึกไว้ ไม่ต้องสนใจ แล้วก้ทำต่อไป แต่ไม่อยากให้นิ่งกว่านี้
    ก้หายใจยาวๆเข้าเต็มปอด 2-3 ครั้ง ก้รุ้สึกตัวแล้วคับ ไอ้อาการเหนต้นอุโมงค์ ปลายอุโมงค์
    มันหาที่สิ้นสุดไม่เจอหรอก อย่าไปพยายามเอาคำตอบกับนิมิตรนี้ เราต้องการอย่อย่างเดียวคือจิตสงบ กับเอกัคคตา
     
  13. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    พระท่านสอนมาว่า เสพความนิ่ง(ลมหายใจดับ) ให้นาน แล้วมันจะแน่น (ขึ้นเรื่อยๆ)
    และถ้านานพอแล้ว อิ่มแล้ว เวลาออกจากสมาธิ เสพต่อไป โดยลืมตาเปลื่ยนอิริยาบท ก็ยังนิ่งเหมือนเดิม (หรือเปล่า) ถ้านิ่งจริง ไม่ว่า อิริยาบทไหน ก็ต้องนานและแน่นมากขึ้นไปอีก
    กลัวก็ให้รู้ว่า กลัว แล้วจะไม่กลัว

    แนะนำไปหาพระสายปฎิบัติตามวัดต่างๆ ลองถามพระหลายท่านไปเรื่อยๆ จะได้คำตอบต่างกันไปเรื่อยๆ ค่ะ
     
  14. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ส่วนตัวผมไม่แนะนำให้บังคับเสพต่อไปเรื่อยๆ แม้ออกจากสมาธิ นะครับ

    อาจจะเกิดอาการติดเอกกัคตาได้ จิตส่งใน ถ้าเป็นหนักๆ จะทรมานมาก ใช้ชีวิตลำบาก
     
  15. lg786ls

    lg786ls สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +9
    อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ ทุกคนมีทางไปที่ไม่ซ้ำกันขึ้นอยู่กับบุคลแต่ละท่านย่อมไม่เหมือนกัน
    สิ่งไดที่ทำแล้วสงสัย จะไม่มีทางดับได้ต้องคลายด้วยตัวเอง ทำไปอย่าได้สงสัยสัยครับ
    ถ้าสิ่งที่ทำคิดว่าถูกต้องแล้วไม่ต้องกลัวครับทำไปเถิด ถ้ามีความลังเลอยู่ถึงเที่ยวถามใครๆ
    ก็จะโลเลเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะทุกทางที่ไปจะต้องเจอสิ่งให้แก้ตลอดครับ จะต้องเจอ
    ทั้งความหลงและความกลัวครับ ไม่มีใครที่ทำแล้วไม่เจอสิ่งเหล่านี้ครับ ไม่มีอะไรน่ากลัว
    เท่ากับความกลัวในใจของตัวเองต้องผ่านไห้ได้อย่าพึ่งรีบถอนสมาธิออกมาจนกว่า ใจจะสงบ
    ต้องทำหัดทำไปเรื่อยๆครับไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ผ่านครับ พิจรณาให้ชัดว่ากลัวอะไร
    ที่สำคัญจะต้องมีความตั้งใจทำเป็นอย่างแรก และสิ่งถัดมาคือต้องสังเกตุตัวเองครับว่าทำแล้วมีความคืบหน้าในการปฎิบัติไหม ถ้าทำได้ถูกต้องจะได้มีคำตอบด้วยตัวเองครับ
    ไม่ไว่าจะฝึกในทางไดสุดท้ายจะต้องผ่านทั้งหมดครับ และจะเข้ามาจบที่จุดเดียวกัน
    แต่ความชำนาญในแต่ละด้านจะไม่เท่ากันครับ ขอให้เพียรทำต่อไปอย่าท้อครับ
     
  16. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ควรฝึกให้มีสติที่ตื่นรู้ อย่าสยบนิ่งอยู่ภายใน
    เมื่อจิตไม่รับรู้ลมหายใจ ก็ให้หายใจแรง ๆ เพื่อให้จิตจับลมหายใจได้ ใช้
    ลมหายใจเข้า-ออกนี้ เป็นหลักของใจมีสติอยู่กับลมนี้เป็นเครื่องมือ เครื่องระลึกรู้ของจิต

    ในระหว่างที่รู้ลมหายใจ เข้า-ออก จิตอาจคิดไปในเรื่องอื่น ๆ เช่น อดีต
    อนาคต เรื่องอื่น ๆ เราก็ต้องมีสติที่จะรู้ว่าจิตคิดไปในเรื่องอื่น ก็ฝึกให้มีสติ
    รู้ให้เร็วว่า จิตคิดออกไปจากลมหายใจ ก็ดึงกลับมารับรู้ที่ลมหายใจ เป็นหลักของจิต

    ฝึกอย่างนี้เรื่อยไป จนกระทั่งเรามีสติ สลัดความคิดอื่นออกไปได้อย่างรวดเร็ว
    รู้อยู่กับลมหายใจ เข้า-ออก อย่างเดียว จิตก็จะมีสติมาก สติมั่นคงอย่างยิ่ง
    อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการคิดต่าง ๆ เราก็สลัดออกไป แล้วมาอยู่กับหลักคือ ลมเข้า-ออก

    สิ่งที่เป็นผลพลอยได้ก็คือ ธรรมอันเป็นเครื่องสลัดออก ซึ่งสิ่งที่เราไม่ต้องการ เราควบคุม
    การคิดได้ สติก็จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการกลั่นกรองอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ให้มาสู่จิต ไม่มาสั่งสม
    ในจิตของเราได้อีกต่อไป ............

    อย่างนี้เอาไหม ??? เรื่องพ้นทุกข์ หรือจะเอาอิทธิฤทธิ์ อภินิหาร ก็ต้องหาทางอื่นนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...