หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 18 มิถุนายน 2012.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม

    วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2555 เวลา 12:49 น.
    [​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->
    <!-- /.images-list-container -->
    <!-- /.images-list-wrapper -->

    <!-- /.featured-img -->“รอยล” เผยสถานการณ์น้ำล่าสุด ปริมาณฝนยังไม่น่าห่วง แต่กังวลคันกั้นน้ำภาคกลาง ทำท่วมนานและสูงกว่าเดิม
    <!-- /.content -->
    <!-- /#featured-caption -->เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) มีการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีในการสำรวจ วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ เพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัย

    ดร.พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า การจัดทำข้อมูลเรื่องน้ำ ถือว่าสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจะทำให้เกิดเอกภาพในการดำเนินงานรับมือกับน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ข้อมูลที่ได้จะไม่สามารถทำนายเรื่องน้ำไม่ถูกทั้ง100% แต่จะช่วยในการบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิประเทศของไทยเปลี่ยนไป พื้นที่คลอง อาจกลายเป็นถนน ทำให้พื้นที่รับน้ำ หายไปกว่าครึ่ง ดังนั้นข้อมูลจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

    ด้าน ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน)หรือ สสนก. เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ฝนจะเริ่มน้อยลง โดยเว้นช่วง 1-2 วัน (19-20 มิย.) ทำให้สามารถระบายน้ำได้ โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์ ที่จะเริ่มปล่อยน้ำประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่เขื่อนภูมิพลมีการระบายน้ำประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทั้งนี้สาเหตุที่เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะอิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ต้องปรับแผนการระบายจากเดิม 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 17 ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้แม่น้ำน่านเป็นตัวช่วยระบายน้ำเพื่อลดปัญหาน้ำท่วมที่สุโขทัย

    ดร.รอยล กล่าวว่า การที่มีน้ำท่วมเอ่อล้นตลิ่งที่ภาคเหนือตอนล่าง ถือว่าค่อนข้างผิดฤดู แต่สามารถรู้ล่วงหน้าทำให้สามารถระบายได้ทัน และหากเกิดฝนตกเต็มที่ จะใช้วิธีพร่องน้ำเป็นหลัก โดยเฉพาะกับพื้นที่ในลุ่มน้ำยมและน่านเพื่อรองรับน้ำต่อไป และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงปลายเดือน กค.นี้ ซึ่งคาดว่าฝนจะไม่ทิ้งช่วงในเดือนดังกล่าว ทำให้ปีนี้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก หรือประมาณ 1,500 มิลลิเมตร แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2554 ที่มีฝนมากถึง 1,800 มิลลิเมตร

    ทั้งนี้มองว่า ปีนี้แม้ปริมาณฝนจะไม่มากจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ทิ้งช่วงทำให้มีปริมาณน้ำมาก และด้วยฝนที่ปริมาณ 1,500 มิลลิเมตร ก็สามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่เสี่ยงมาก ๆ หรือบริเวณที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่อย่างไรก็ดี ยังมีเวลาระบายน้ำตั้งแต่ปลาย กค.- ต้นสค. ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุน

    “สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือ ฝนตกในภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ หากตกมากน้ำก็จะมากด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องคั้นกั้นน้ำ ที่ปัจจุบันมีการสร้างกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการคำนวณ ที่ระดับความสามารถเท่าเดิม เหมือนปี 2554 ที่ จ. ปทุมธานี หากปีที่แล้วน้ำท่วมสูง 2.8 - 2.9 เมตร ถ้ามีการสร้างคันบล็อกน้ำตลอดแนวเจ้าพระยาเกิดขึ้น จะทำให้มีปริมาณน้ำสูงขึ้นถึง 3.5 เมตรทีเดียว และน้ำจะระบายได้ช้าลง หรือทำให้น้ำท่วมนานขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเกิดเหตุการณ์คันกั้นน้ำพังมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ดร.รอยล กล่าว
    สำหรับความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และ3 สถาบันการศึกษา ในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ สสนก. จะดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ ระบบวิเคราะห์และประมวลข้อมูล และพัฒนาแบบจำลองน้ำและสภาพอากาศ ส่วนกรมวิทยาศาสตร์บริการ จะร่วมพัฒนาอุปกรณ์ช่วยในการสำรวจข้อมูลระดับท้องน้ำ แม่น้ำ คู คลอง ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ภาคสนาม ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะพัฒนาระบบตรวจวัดลักษณะทางอุตุนิยมวิทยา และใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเอสเอ็มเอ็มเอส ในการสำรวจข้อมูลทางอากาศต่าง ๆ ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดสร้างอากาศยานไร้นักบิน หรือเครื่องบินยูเอวี สำหรับถ่ายภาพทางอากาศ และพัฒนาระบบหุ่นยนต์เพิ่มเติม เพื่อติดตั้งที่ประตูระบายน้ำที่ปิด-เปิดอัตโนมัติ สำหรับเก็บข้อมูล และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จะพัฒนาระบบสำรวจ ความลึกของคูคลองต่าง ๆ ด้วยหุ่นยนต์ใต้น้ำ



    หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม | เดลินิวส์
     
  2. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949
    ข้อสังเกตุของผมครับ

    ณ ตอนนี้ พายุยังไม่ได้โหมกระหน่ำอะไรมากมายเลย
    แค่ความกดอากาศต่ำ เล่นหลายพื้นที่ซะอ่วม
    เพียงแค่ต้นปี ที่น้ำท่วม ดินถล่มให้เห็นเยอะแล้ว
    ถ้าเข้าหน้ามรสุมเต็มตัว
    ประเทศไทย...น่าห่วงครับ
     
  3. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    กมฺมุนาวตฺตตีโลโก สัตวโลกย่อมเป็นไปตามกรรม

    กรรมมีอำนาจมากเป็นการขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปทั้งนั้น
    บางทียิ่งป้องกันด้วยการสร้างคันกั้นน้ำ กลับกลายเป็นกับดักตนเองเสียอีก

    ความจริงที่คนกรุงเทพไม่ค่อยรู้กันคือ จุดที่ตั้งเมืองนี้เป็นที่พระเจ้าตากสิน สถาปนา "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" เมือสองร้อยห้สิบปีก่อน ด้วยความมุ่งหมายให้เมืองมีชัยภูมิอยู่กับน้ำและเป็นหนทางเข้าและออกสู่ทะเลได้ง่าย รวมทั้งใช้ทางสัญจรโดยคลองเป็นหลัก

    แต่ในรอบสองร้อยปีที่ผ่านมา เรานำคอนกรีตหลายแสนล้านตันคือตึกทั้งหลายในกรุงเทพนี้มาตั้งขวางทางน้ำเดิมไว้

    ทางกายภาพธรรมชาติหากน้ำจะท่วมอีกและท่วมสูง ท่วมนาน จึงเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
    การย้ายเมืองหลวงออกไปไกลกว่านี้ เช่น โคราช ชัยภูมิ จึงอาจเป็นการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ได้

    จึงไม่แปลกที่วันนี้ที่คำพูดและความเห็นของพระสายวัดป่า นักวิชาการอุทกศาสตร์ และหมอดู จึงตรงกันแบบไม่น่าเชื่อ

    เวลาเหลือน้อย ยังพอมีเวลาขยับขยายหาที่ในเขตเหนือ อิสานอยู่
    สรุปสั้น ๆ ใครมีบุญก็รอด
     
  4. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์....ก็คือ....กรรม
     
  5. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,117
    เห็นด้วยกับคุณ ธัมมนัตาเป็นอย่างยิ่งครับ

    พวกเราดันลืมไปเสียสนิทเลย
     
  6. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    ทำไมไม่สร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำ เมื่อหน้าน้ำมาก ๆ ก็ปิดเขื่อนแล้วใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่หรือหลาย ๆ เครื่องสูบน้ำออกสู่ทะเล ข้อดีของการมีเขื่อนปิดปากแม่น้ำคือ เวลาหน้าแล้งก็ปิดเขื่อนกั้นไม่ให้น้ำออกไปสู่ทะเลหรือแม่น้ำใหญ่ ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำเกษตร ซึ่งพี่น้องชาวไทยเราส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร เพราะฉะนัันปัญหาน้ำท่วมก็ใช้เครื่องสูบน้ำระดมออกสู่อ่าวไทยยกตัวอย่าง เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา ถ้ามีเขื่อนปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยาแถวบริเวณ จ.สมุทรปราการ ถ้าน้ำมามาก ๆ ก็ปิดเขื่อนสูบน้ำออกสู่อ่าวไทย รอให้น้ำทางเหนือไหลมาสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยระบายน้ำรอไว้ยังได้เลย (เวลาน้ำท่วมยังระดมเอาเรือเอาใบพัดเรือมาระบายให้น้ำไหลออกไปสู่ทะเลซึ่งได้ผลน้อยมากเพราะได้แต่ส่วนบนของแม่น้ำส่วนด้านล่างน้ำก็วกกลับมาท่วมเหมือนเดิม) แต่ถ้าทำเป็นเขื่อนเหมือนเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ซึ่งใช้ความยาวประมาณ 300 เมตร(ประมาณ 3 สนามฟุตบอลเอง ซึ่งสร้างทางด่วนต่าง ๆ ยาวเป็นสิบกิโลเมตรทำไมยังสร้างกันได้ แค่เขื่อนไม่ถึง 1 ก.ม. ยังทำไมไม่รีบสร้าง) หรือให้วิศวะใช้โลหะเช่นตู้คอนเทนเนอร์ใส่ทรายแล้วกั้นปิดปากแม่น้ำต่าง ๆ ซึ่งใช้เป็นเขื่อนชั่วคราวไปก่อนก็ได้ แล้วระดมสูบน้ำออกสู่ปากอ่าวไทย ดีกว่ามาปล่อยให้น้ำท่วมแล้วมาสร้างเขื่อนปิดตามแนวตลิ่งเป็นสิบเป็นร้อย ก.ม. ซึ่งพอแนวกั้นพังน้ำก็ไหลเข้าได้หรือน้ำล้นแนวกั้นตลิ่ง แต่ถ้าเราสร้างเขื่อนกั้นปากแม่น้ำใช้ระยะทางกั้นแค่ไม่เกิน 300 เมตรไม่ถึง 1 ก.ม.ทำไมไม่กล้าตัดสินใจลองทำกันดูบ้างเพราะลองทำวิธีอื่นกันมาแล้ว ก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ทำได้เพราะเครื่องมือกำลังคนเยอะและมีงบประมาณสนับสนุนมาก ลองให้วิศวะช่วยกันคิดดูอาจใช้วิธีอื่นที่ดีกว่าก็ได้แต่อย่างไรผมว่าต้องสร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำแต่ละแม่น้ำทุกสาย แล้วระดมเครื่องสูบน้ำออกซึ่งจะเห็นผลได้รวดเร็วมากกว่าวิธีอื่นเยอะเป็นวิธีที่ตรงเป้ามากกว่าวิธีอื่น เหมือนเราสูบน้ำออกจากนาเวลาน้ำท่วมนา เรายังทำเป็นคันดินกั้นน้ำแล้วใช้เครื่องสูบน้ำออกจากนาไปสู่คลอง ก็วิธีการคล้าย ๆ กัน เพียงแต่นี้เป็นแม่น้ำก็สร้างเขื่อนกั้นแล้วก็สูบน้ำออกสู่ทะเลและยังป้องกันน้ำทะเลหนุน จะทำเป็นอุโมงค์ดูดน้ำออกหรือเป็นเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่แล้วระบายออกสู่ทะเล ผมว่าน่าลองไปคิดแล้วนำมาใช้ดู เพราะความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมมากมายมหาศาลมากกว่าปัญหาน้ำแล้งอีก เสียทรัพย์สินมากมาย ถนนหนทาง วัดวาอาราม ชีวิต ฯลฯ
    แต่เมื่อมีเขื่อนปิดปากแม่น้ำจะระบายน้ำออกสู่ทะเลได้รวดเร็วมากขึ้น และยังแก้ปัญหาน้ำแล้งได้อีกทางหนึ่งด้วย เมื่อหน้าแล้งมาถึงก็ปิดน้ำไม่ให้น้ำไหลออกสู่ทะเลเก็บกักน้ำเอาไว้ใช้ได้อีก ได้ประโยชน์ทั้งสองทางคือทั้งหน้าแล้งและหน้าน้ำ หรือจะสร้างโครงการเขื่อนปิดปากอ่าวไทยไปด้วยก็ได้ แต่แม่น้ำแต่ละสายต้องมีเขื่อนปิดปากแม่น้ำเพื่อระบายน้ำออกสู่ทะเล เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำปิง วัง ยม น่าน แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง ฯลฯ ก็ต้องสร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำแต่ละสาย หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย หรือจะรอให้น้ำท่วมแล้วมานั่งเสียใจแก้ปัญหากันอีกหรือแล้วใช้งบประมาณมหาศาลรวมทั้งชีวิตและครอบครัวผู้สูญเสียไปกับกระแสร์น้ำ ก็แล้วแต่นะครับ สวัสดี
    หรือใครมีไอเดียร์อะไรดี ๆ ก็ระดมช่วยกันระดมมันสมองคิดไว้ก็ยังดี อย่างน้อยก็เรามีเจตนาดีหวังช่วยเหลือพี่น้องเรา<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012
  7. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    ผมว่าสิ่งที่ประเทศนี้ต้องทำคือการร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลอย่างจริงจัง
    ไม่ใช่ใครคิดอะไรก็ออกมาให้ข่าว ให้ประชาชนสับสนกันไปหมด
    บางแห่งก็มาออกข่่าวว่าจะแล้ง บางแห่งก็บอกว่าท่วมอีก
    ไม่เคยมีการประสานงานกันจริงๆ สักครั้งเดียว
    จำได้ไหมตอนน้ำท่วมใหญ่ ข่าวเวอร์ทั้งสองข้าง
    ข้างหนึ่งบอกเอาอยู่แน่นอน ไม่เกินวันก็น้ำแตก
    อีกด้านหนึ่งบอกน้ำมหาศาลกรุงเทพฝั่งธนต้องจมน้ำเป็นหลายเดือน
    มันก็สร้างความตระหนกเกินสมควรแล้วก็ท่วมประมาณไม่กี่สัปดาห์
    การทำงานในลักษณะนี้ ทำให้ประเทศไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนที่อีกเขาครับ
     
  8. น้ำใสไหลเย็น

    น้ำใสไหลเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +4,452
    อนุโมทนาไปกับหลายๆท่าน ที่ช่วยวิเคราะห์ปัญหาน้ำท่วมช่วยกัน
    เป็นปัญหาซ้ำซาก บ่นไปไม่มีประโยชน์ ไม่ได้รับการแก้ไข
    จะบอกว่าเป็นเรื่องของกรรมของประเทศ และ กรรมส่วนตัว ก็ดูจะเข้าที
    ตอนนี้เราแก้ปัญหาโดยใช้ " ตนเป็นที่พึ่งของตน " น่าจะดีกว่า
    รีบคิด รีบตัดสินใจ เอาตัวให้รอด ผ่านยุคนี้ไปให้ได้ก่อน

     
  9. captainzire

    captainzire เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,551
    ค่าพลัง:
    +2,822
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
     
  10. mu-nice

    mu-nice เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +650
    อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หนีกรรมกันไม่พ้นถ้าไม่สร้างบุญต่อ แทนที่จะมาทะเลาะกันเอง มาร่วมมือกันป้องกัน ถ้าไม่ได้ก็ร่วมกันแก้ไข เงินทองถ้าเกิดภัยพิบัติใหญ่จริงๆบางที่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ความมีน้ำใจ ความเห็นอกเห็นใจกันช่วยได้มากกว่า คนไทยจริงๆมีน้ำใจอยู่แล้ว
    ในหลวงท่านบอกเสมอว่าให้รักสามัคคีกันแล้วเราจะอยู่ได้อย่างสบาย
     
  11. pawanakun

    pawanakun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    291
    ค่าพลัง:
    +181
    เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว มันน่าจะป้องกันได้ อย่างน้อยก็ให้น้อยกว่าปีที่แล้ว
    หวังว่าคงจะทำได้นะ

    :cool::cool::cool:




    งานพาร์ทไทม์ หางานพิเศษ
     
  12. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    อยู่อย่างไรใน "กาลียุค"

    [​IMG] [​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG]


    ในปัจจุบันของเรา โบราณเขาเรียกว่า “เป็นกาลียุค” กาลี เป็นชื่อของพระแม่กาลี ว่ากันว่า พระแม่กาลี ท่านดุร้าย มีแต่ความตาย และทุกข์เวทนา คนโบราณเคยวาดภาพ กาลียุคเอาไว้ เป็นภาพของการฆ่าฟันกันอย่างไร้ความปรานี คนในยุคนั้น ไม่มีคำว่าเมตตา ปรานี ไม่มีคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม ซึ่งพวกเราก็คงได้เห็นภาพลางๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วในยุคของเรา อีกทั้ง ขอให้นำภัยพิบัติในปี 2554 บางคนบอกว่าเป็นแค่ลางบอกเหตุ ยังไม่ใช่ของจริง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นน่าถือเป็นบทเรียน สิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปแล้ว กลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าปี 2554 เรายังเตรียมพร้อมได้มากน้อยแค่ไหน ยังขาดอะไร ยังบกพร่องอะไร คราวหน้าปีหน้า 2555 และปี ต่อ ๆ ไปเราจะเตรียมการณ์อย่างไร และภัยวิบัติยังคงเป็นเรื่องของน้ำ อยู่หรือไม่

    ถ้าเป็นเรื่องของ “น้ำ” ก็ถือเป็นเรื่องของโชค ถือว่าดี น้ำลดยังมีเหลือ ถ้าเป็น “ไฟ” เผาผลาญสิ้นไม่มีชิ้นดี เหลือแต่ซาก ถ้าเป็น “ดิน” แผ่นดินไหว สั่นสะเทือน พินาศย่อยยับ ก็มีตัวอย่างให้เห็น เหลือแต่ซากอีก ไม่มีชิ้นดีอีก นำมาใช้ประโยชน์อีกไม่ได้ กว่าจะฟื้นตัวยาวนาน แต่เสียหายน้อยกว่าไฟ ถ้าเป็นลม ก็มีตัวอย่างให้เห็น พายุ ทอร์นาโด ก็ถล่มทะลาย แต่ยังเหลือซาก ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่ารำคาญมากที่สุด ก็เรื่องการเมือง การขัดแย้งทางการเมือง สร้างความฉิบหายให้กับประเทศไทยมากที่สุด มากกว่าภัยพิบัติทั้งปวง

    อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ “ฟ้าเป็นผู้กำหนด“ ถามตัวท่านเองก่อนว่า จะยอมจำนนโดยไม่สู้ หรือจะสู้โดยไม่ยอมจำนน ถ้าจะสู้ต้องคิดเตรียมการณ์ เอาปัจจุบันเป็นบทเรียน “ปฎิวัติ รัฐประหาร” “น้ำท่วมภัยธรรมชาติ” มองปัญหาก็ต้องมองกันเอาปี 2554 เป็นบทเรียน ทั้งภัยจากความโลภ ความโกรธ ความหลวง มาในรูปของ”ธรรมชาติ” และภัยจาก โลภะ โทสะ โมหะ จะมาในรูปแบบ”การแตกแยกทางการเมือง” คนไทยลืมง่าย บางคนอาจจะลืมปี 2554 ไปแล้วก็ได้ ขอนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหมือนกันกับพวกเรา พระราชทานไว้เมื่อปีใหม่ “อย่าประมาท มีสติ” ถ้าไม่ประมาทก็ควรเตรียมการณ์ไว้อย่างไร โดยนำเอาปี 2554 เป็นบทเรียน

    ๑.ที่พักอยู่อาศัยไม่ได้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ปฏิวัติ รัฐประหาร มีแต่ความตาย ความวุ่นวาย ทางแก้ ต้องหาที่พักสำรองที่ ๒ อย่าหวังเป็นผู้พักพิง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
    ๒.ที่พักต่ำเกินไป ทางแก้ ต้องหาที่สำรองที่สูง หรือไปจังหวัดอื่น
    และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
    ๓.ขาดน้ำสะอาด อาหารแห้ง ทางแก้ ต้องเตรียมสำรองอาหารแห้ง น้ำสะอาด โดยจะต้องอยู่รอดให้ได้ไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ถ้าสมาชิกมากก็เตรียมเอาไว้ให้มาก
    ๔.ขาดแสงสว่าง ทางแก้ เตรียมตะเกียงน้ำมันก๊าซ ไม้ขีด ไฟฉาย แก๊สหุงต้ม
    ๕.อาหารเป็นพิษ เจ็บป่วย เตรียมยาธาตุน้ำขาว สามัญประจำบ้านพื้นฐาน โดยดูตัวของท่านเองเป็นหลัก ว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไร และต้องใช้ยาอะไรอยู่เป็นประจำ
    ๖.เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารในครอบครัว ทางแก้ติดต่อกันให้ได้ ไปด้วยกันทั้งครอบครัว อย่าแยกกัน กำหนดจุดนัดพบหรือจุดรวมตัวเอาไว้ล่วงหน้า
    ๗.ถ้ามีรถ เติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า ก่อนเข้าบ้านทุกครั้งเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ ถ้านึกจะใช้รถอย่าไปเสียดายเงิน ค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา
    ๘.มุ้ง ถุงนอน อุปกรณ์กันฝน เครื่องนุ่งหุ่ม ให้เพียงพอในครอบครัว ในยุโรปที่เจริญแล้วเจอวิกฤติคลื่นความเย็น พาดผ่านตายไปเกือบ ๓๐๐ คน
    ๙.เตรียมอาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว
    ๑๐.ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ข้อสำคัญ อย่าประมาท พร้อมที่จะทำตามแผน ที่วางเอาไว้
    ๑๑.หมั่นทำบุญ ทำกุศล ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเรานั้นเกิดมาชาตินี้ ยังมีบุญ มีกุศลใด ที่เรายังไม่เคยสร้างหรือเคยกระทำ ก็จงทำตามกำลังความสามารถ บุญกุศลจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับเราและครอบครัวแล้วใช้จิตเป็นตัวเลือกว่า “อันว่าความชั่ว อย่าทำเลยเสียดีกว่า”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2012
  13. ดอกข้าว

    ดอกข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +1,462
    ตราบใดที่ คนมีอำนาจ แต่ขาดสมองและปัญญาด้านพัฒนาประเทศ ให้เจริญก้าวหน้า และขาดความรักอย่างจริงใจให้กับผืนแผ่นดินเกิดอย่างแท้จริง นำความสามารถไปพัฒนาให้กับผลประโยชน์ที่จะได้ของโคตรเง่าตัวเอง พวกพ้อง คิดแต่ทำอย่างไรให้ได้มากที่สุด ให้เสียน้อยที่สุด ให้ได้ในระยะยาวตลอดกาลไปทั้งชาติยันเหลนโหลน ไทยแลนด์ของเราก็ไม่มีวันฟื้นจากความบอบช้ำ อาการทรุดลงไปเรื่อยๆ เช่นทุกวันนี้ นานเท่าไหร่แล้ว ที่แผ่นดินไทยเราเกิดปัญหาปวงชนชาวไทยด้วยกันมาแตกแยก เพราะพวกที่มันบอกว่า รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สโลแกนที่มันท่องกันมาตั้งแต่ เริ่มอ่านออกเสียงได้
    ปัญหาเรื่องน้ำก็เช่นเดียวกัน มันมีพวกอยากให้น้ำท่วมโว๊ย 555555 กับพวกกลัวน้ำท่วมแต่แก้ไม่ถูก เพราะกูไม่ถูกกับมันเดียวมันได้หน้า และพวกมึงเก่ง มึงก็แก้ไปซิ กูรอดู 55555 อย่าพลาดนะมรึงง ตายกู!!!!!!!!55555555
     
  14. 111dew

    111dew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +145
    ยืนยันคำเดิมครับน้ำทะเลหนุนสูงครับ การขุดลอกคูคลองกลายเป็นว่าทำให้ตลบดันน้ำกลับมาได้สะดวกขึ้นน่ะครับ การดันของน้ำทะเลดันมาถึงจังหวัดไหนยังบอกไม่ได้น่ะครับเดี๋ยวแตกตื่น
     
  15. noway

    noway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +3,969
    อืม แนวคิดน่าสนใจดี

    แต่เห็นควรเปิดเผยนะครับ ว่าน้ำจะหนุนถึงไหน

    เพราะคงไม่มีใครแตกตื่นดอก

    ขนาดทำนายกันจนประเทศไทยเสียวินาศสันตะโร แทบไม่เหลือที่ให้ยืน

    ก็ยังไม่เห็นมีใครแตกตื่นตกใจเลย

    กับแค่น้ำทะเลหนุน คงไม่มีใครตระหนกตกใจมากเกินไปดอกครับ
     
  16. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    การแก้ปัญหาน้ำล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะไปยึดกับแนวคิดเก่าๆว่าจะต้องอยู่กับธรรมชาติ ซึ่งเมื่อก่อนใช้ได้ แต่ธรรมชาติเปลี่ยนโมเดลเดิมมันก็กลับเป็นตัวปัญหาไปอีก ยกตัวอย่างแก้มลิง ซึ่งแก้ปัญหาไม่ได้ เพียงแต่ผลักภาระความเดือดร้อนของคนกลุ่มหนึ่งไปให้คนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอำนาจทางสังคมน้่อย แต่เมื่อเราไปลงทุนกับการบริหารน้ำแบบผิวดินหมด การระบายน้ำแบบอื่นๆที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงก็หมดสิทธิ์เกิด จะเห้นว่าที่รัฐบาลเตรียมแก้มลิง เตรียม floodway คันกั้นน้ำ ถึงเวลาก็ใช้อะไรไม่ได้ เพราะพอน้ำทะเลหนุนสูง ระบบทั้งหมดก็ง่อยทันที แล้วช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดมันจะตรงกับช่วง peak ของระดับน้ำพอดี เลยกลายเป้นว่าระบบที่่มีใช้ไม่ได้ตอนที่ปัญหาสูงสุดพอดี มันผิดหลักการเพราะระบบฉุกเฉินต้องสร้างเพื่อรองรับช่วงที่ภาวะวิกฤติสูงสุด เราต้องสร้างระบบฉุกเฉินที่สามารถระบายน้ำโดยไม่ขึ้นกับธรรมชาติ
    เิิลิกทีเถอะ คันกั้นน้ำ แก้มลิง มันไร้สาระ เปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ ถ้ากล้าลงทุนในทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เราคงไม่เสียหายนับล้า่นๆบาทในปีที่ผ่านมา
     
  17. phirayut

    phirayut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +92
    จัดหนักแล้วเราปีนี้
     
  18. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    :cool:ควรมีโครงการย้ายเมืองหลวงเสียแต่เนิ่นๆได้แล้ว:boo: พม่าเขาก็ย้ายมาหลายปีแล้ว และน่าย้ายไปจ.พิษณุโลก เพราะข่าวน้ำท่วมไม่หนักมาก :'(หากยังคิดแก้กทม.จะสูญเสียงบฯโดยเปล่าประโยชน์ :'(เพราะสูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึงเมตร:'( เจอพายุและน้ำทะเลหนุนสัก ๒ถึง ๓ ลูกก็เสร็จแล้วเพราะระบายน้ำได้ช้า:boo: ภาคกลางหากใครต้องการหนีน้ำ ควรไปเหนือหรืออีสานตอนบน({) ตอนนี้ย้ายมาอยู่ใกล้ดอยเจ๊า กลัวแผ่นดินไหว ๗ ริกฯนะอิอิ...:cool::boo:(k):'(({)โชคดีคนร่วมชาติชะตาเดียวกันเด่อ๐๐๐...
     
  19. จินตภัทร

    จินตภัทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2012
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +396
    ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราจะได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท มีการเตรียมความพร้อม สำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
     
  20. beauty cosme'

    beauty cosme' สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +24
    เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์
    เมื่อธรรมชาติเป็นอนิจจัง เราก็ควรจะปรับตัวไปตามกฎอนิจจังของธรรมชาติ
    แต่ที่ทุกวันนี้เรากำลังพยายามฝืนกฎอยู่
    น้ำจะท่วมก็ท่วมของมันอยู่แล้ว กรุงเทพก็เป็นทางน้ำผ่านตั้งแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว
    เราไปตั้งเมืองขวางทางน้ำขึ้นมาเอง แล้วก็พยายามที่จะรักษาเอาไว้ไม่ให้น้ำท่วม
    ก็อาจจะต้านได้บางครั้งบางคราว แต่ท้ายที่สุดแล้วนั้นก็จะไม่รอดอยู่ดี
    ถ้าเรายังมัวฝืนกฎของธรรมชาติอยู่อย่างนี้

    ^^ by beauty cosme' ^^
     

แชร์หน้านี้

Loading...