จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    ถึงบางทีสติที่จะวาง จะกลับมาหลังจากเขียนหนังสือจบไป 1 เล่ม
    แต่ก็ต้องจบละ มันเกิด แล้วมันก็ดับ
    มันคิดเรื่องนี้ เลิกคิด ไปคิดเรื่องอื่นต่อ
    แต่สุดท้ายก็ต้องจบที่ใจเรา ไม่ได้จบที่ใจใคร

    ไม่อะไรคะ มาเล่าให้ฟังเฉย ๆ คริ คริ ^ ^
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ่อ! รายนี้ปฎิบัติดี ท่านทำถูกแล้ว
    ขอโมทนาด้วย
    ขอให้ทุกท่าน โดยเฉพาะครูที่ใกล้ชิดคอยจับตาความเปลี่ยนแปลงดวงจิตของคนนี้ให้ดีๆนะ
    เพราะใกล้มากแล้ว
    การทำจิตเกาะพระก็ไม่มีอะไรมากเลย สำหรับผู้มาใหม่ ทำใหม่ ที่ไม่เคยทำก่อน หรือเคยทำกรรมฐานกองอื่น แต่ติดกองเก่าอยู่นั้น ให้ท่านละ พากันลืม สัญญาเก่าๆสักพักนึงก่อน แล้วจึงเริ่มฝึกจิตเกาะพระต่อไป
    อย่าทำพร้อมกันนะ เพราะถ้าใครทำแบบนั้น ท่านเองจะไปฝืนการเดินทางของจิตท่านทันที
    สรุปความว่า ที่ท่านทำมาทั้งหมดนั้นไม่ได้อะไรเลย ทั้งของเก่าและใหม่ you're mistake!

    ทำ ทำ ทำไป ทำให้เยอะๆ(สูตรคุณลูกพลัง) ใครยิ่งติดสงสัยมาก หรือ ใครติดคำภาวนาเดิมๆ ผลจะไม่ค่อยจะก้าวหน้าสักเท่าไหร่นะ
    ครูใครครูมันพยายามเกาะกันให้ดี
    และศิษย์ใครศิษย์มันพยายามช่วยกระทุ้งจิตลูกศิษย์ของท่านด้วย โดยเฉพาะจิตที่เห็นภาะพระใสๆแบบรายนี้ ครูทั้งหลายช่วยเร่งหน่อย
    เพราะจิตเริ่มจับ/จำ/ทรง/เกาะพระได้แล้ว สติเริ่มมากแล้ว จิตก็จะนิ่งไปตามลำดับ ส่วนภาพพระจะเริ่มแจ่มใสไปตามลำดับความนิ่ง ความละเอียดของจิตของผู้ปฎิบัติ นั่นเอง
    แต่หากใครทำได้แบบนี้รายนี้ ขอให้ท่านช่วยทำความรู้สึกตัว หรือสร้างสติระลึกถึงพระให้ถี่ๆเลย รีบเร่งเลยๆ โหมสติให้มาก ให้ตลอดเลยนะ
    เพราะอีกไม่นานนัก เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะนิ่งมากๆแล้ว จิตเขาจะรวม จิตจะเป็นสมาธิ จิตจะทรงฌานลึกเข้าไปเรื่อยๆ
    และมากขึ้นทุกๆวัน แต่ถ้าจิตจะเริ่มทรงฌานลึกมากๆแล้ว เราจะรู้สึกเหมือนเราจะง่วงนอนเป็นพิเศษทั้งๆที่เมื่อคืนเราก็นอนหลับดีตามปกติ นั่นเป็นเพราะว่า กายอยู่ระหว่างปรับตัว
    และหลังจากนั้นบ่อยๆแล้ว อีกไม่นานนักจิตก็จะเข้าสู่วิปัสสนาเอง และเราจะรู้สึกงงถึงงมาก อันนี้ดี และขอให้เรามีแค่สติตามดู ตามรู้จิตของตนเองไปเรื่อยๆ ตามดูอาการ หรืออารมณ์จิตของตนไปเรื่อยๆนะ
    พอเรามีสติมากขึ้น จิตก็จะนิ่งมากขึ้น เมื่อจิตนิ่งมากขึ้นนี้ จิตก็จะเห็นภาพพระบ่อยและก็ใส นั่นก็เป็นเพราะว่า จิตจำภาพพระและจิตนิ่ง จิตค่อยละเอียดมากยิ่งขึ้นไป ตามลำดับ
    แต่ถ้าใครทำมาถึงตรงนี้กันแล้ว ผู้นั้นเท่านั้นก็จะเริ่มมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมหรือมีสติสัมปชัญญะมากขึ้น
    และก็จะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตตนเองได้ดีขึ้นแล้ว
    อันนี้ท่านทำถูกแล้ว ทำถูกหมายถึง จิตนิ่งขึ้นและพัฒนาจิตไปในทิศทางที่ดีด้วย
    และจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ จะรู้สึกเป็นทุกข์น้อยลงไป และความสุข อิ่มเอม ปิติสุข เบา สว่างไสวเข้ามาแทนที่แล้ว
    เกิดจากจิตของเรานิ่งสงบมากขึ้น นั่นเอง
    นี่แค่ฝึกจิตเกาะพระกันนิดเดียวนะ หรือแค่หาวิธี หาอุบายแค่ทำให้จิตนิ่งกันเท่านี้เอง พูดตั้งเยอะแยะ
    นี่แค่ครึ่งทางเองนะ นี่จิตยังไม่ทันเข้าวิปัสสนากันนะ และพวกเราก้ไม่ต้องมางงกันนะ เพราะขอให้เราทำ ทำ ทำไป ทำไปเรื่อยๆอย่าหยุด อย่าสงสัย และก็อย่าอยากอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าผู้ปฎิบัติท่านใด ยิ่งอยากก็ยิ่งช้า ยิ่งไม่สำเร็จ
    ตัดให้ได้นะ คำว่า "อยาก" (สูตรคุณวิทย์) วางไว้ ลืมมันไปชั่วคราวก่อน เอาเรื่องจิตตัวเดียวให้รอดกันก่อน แต่ถ้าจิตรอดแล้ว ทุกอย่างท่านก็จะรอดตามมา
    เพราะท่านนอกจากมีศีล มีธรรมอยู่ภายในจิตแล้ว ท่านก็ยังมีสติปัญญาแหลมคมมากยิ่งๆขึ้นไป

    ขอบพระคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  3. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    โมทนา สาธุ คนนี้ลูกศิษย์ใครคร๊า
    คุณครูตรวจสอบสภาวจิตด่วนค่า
    รู้สึกว่าจิตท่านจะยกขึ้นเบื้องต้นแล้วน๊า
    หรือว่าคุณปรีชายังไม่มีครูฝึกประจำ
    ตอบครูเพ็ญด้วยค่าจะได้จัดครูฝึกให้
    โมทนา สาธุอีกรอบค่า
     
  4. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ อาจารย์ที่เคารพรักทุกๆ ท่าน
    วันนี้ขอรายงานนิดส์นึงก่อนเข้านอนนะค่ะ
    เมื่อเช้านี้ตอนตื่นนอนก็นึกถึงพระได้ทันทีตอนรู้สึกตัวตื่นนอนแต่ยังไม่ได้ลืมตานะค่ (ก็เป็นแบบนี้มาได้ประมาณสักอาทิตย์แล้วค่ะ) แต่เมื่อเช้านี้ พอนึกถึงพระแล้ว ก็ลุกขึ้นมานั่งหันหน้ามองภาพพระที่ตั้งไว้ด้านหัวเตียง นั่งมองท่านไปใจเบาๆ สบายๆ แล้วหลับตาลงก็ยังระลึกถึงภาพพระนั้น คิดว่าจะนั่งทำสมาธินึกถึงภาพพระนี้สัก 10-15 นาที พอลืมตาขึ้นที่ไหนได้ปาเข้าไปครึ่ง ชม. ตกใจมากเพราะความรู้สึกมันแค่แป๊ปเดียว แป๊ปเดียวจริงๆ รีบลุกจากเตียง มาเตรียมตัวไปทำงาน ปรากฎว่าเข้างานสายไป 5 นาที อิๆ พอถึงตรงนี้ ทำให้ดิฉันไปนึกถึงธรรมมะ ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้เล่าไว้เกี่ยวกับ บทสวดพระคาถาเงินล้าน ที่ท่านบอกว่า พอตื่นมาตอนเช้าตรู่ก่อนบิณฑบาตร ท่านได้สวดพระคาถาเงินล้านเพียงจบเดียวเท่านั้น พอลืมตาขึ้นมาฟ้าสว่างโล่ ท่านตกใจคว้าบาตรออกไปบิณฑบาตรแทบไม่ทัน ทันก็มาคิดว่า นี้เราว่าเราสวดแค่จบเดียวเท่านั้นน่ะ มันปาเข้าไปตั้ง 2 ชม.เลยเหรอ..ประมาณนี้แหล่ะค่ะ

    ส่วนภาพพระในระหว่างวัน ก็ยังติดค่ะ แต่ก็ยังไม่ชัดเหมือนเดิม :-D
     
  5. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    การจัดการกับ..กิเลสกามราคะ

    การจัดการกับ..กิเลสกามราคะ

    อ่านครูกับศิษย์คุยกันนะครับ
    ----------------------------------------------------------
    ลูกศิษย์ถาม:
    ขอเพิ่มเติมครับ
    และใจผมตอนนี้ที่ผมต้องการมากที่สุดคือเรื่องการพึงพอใจในรสสัมผัสครับผมว่าตอนนี้บางครั้งอยู่ๆก็มีขึ้นมาเฉยๆ พยายามดูภาพซากศพก็ช่วยได้ครู่เดียวครับ

    ครูตอบ:
    เอ้า..งั้นก็"จัดหนัก"ให้
    อสุภะกรรมฐาน10
     
    ก็ให้นึกว่าสิ่งที่เราพึงใจน่ะ เช่นผิวพรรณส่วนโน้นส่วนนี้(ของใครคนหนึ่ง) ที่เราชอบสัมผัสตามที่คิดนั่นแหล่ะ
    แล้วอยู่ๆกลายเป็นอสุภะ(เข้าหมวดอสุภะกรรมฐาน10แล้วนะ) จากผิวพรรณที่ขาวนวลนุ่มเรียบหอมชื่นใจที่สุดเลยเริ่มไม่มีเลือดมาเลี้ยง เริ่มแข็ง บวม เปลี่ยนเป็นสีเขียว ลิ้นจุกปาก ลูกกระตาทะลักออกมาจากเบ้าตา เลือดกำเดาไหลออกจากปากและจมูก.. ผิวเริ่มปริแตกแยกออกมา นำ้เหลืองเลือดไหลซิบๆออกมา.. เริ่มจะเละเฉอแฉะไปหมดแถมเน่าเหม็นส่งกลิ่นไปทั่วแทบจะอวกแตกเลย.. เริ่มมีแมลงวันมาตอมเพียบและหนอนมาไชชอนไปทั่วเนื้อหนังมังสานั้นๆมีหนอนออกมาเป็นล้านๆตัวเลยนัวเนียรอบร่างกายนั้นๆ.. ผ่านไปก็เหลือเศษเนื้อนิดหน่อยติดอยู่ที่กระดูกแล้วก็แห้งเหี่ยวติดกระดูกไป.. เห็นกระดูกเป็นสีขาวปนขุ่นๆหน่อยทั้งตัวเลยมี กระโหลก ฟัน ขากรรไกรล่าง กระดูกต้นคอ ซี่โครงเป็นซี่ๆเลย กระดูกสันหลัง กระดูกแขน กระดูกมือและนิ้วมือ กระดูกเชิงกราน กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง กระดูกเท้าและนิ้วเท้า.. ผ่านไปก็เริ่มผุกร่อน ค่อยๆป่นละเอียดลงๆๆตลอดทั่วกองกระดูก ป่นละเอียดลงๆจนเป็นผงธุลีกองระเกะระกะอยู่ที่พื้นดิน.. มีสายลมมาพัดและฝุ่นผงธุลีนี้ก็ค่อยๆปลิวไปกับสายลม.. ปลิวไปๆๆๆจนหมดสิ้น "ไม่เหลืออะไรเลย" แล้วบอกกับตัวเองว่า นี่แหล่ะชีวิตเกิดขึ้นมาจากเหตุและปัจจัย จึงยังความไม่เที่ยง เป็นไปตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์นั่นคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    อนิจจัง - ความไม่เที่ยง
    ทุกขัง - ความที่ทนต่อสภาพเดิมไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแปลงเสื่อมสลายหายไปในที่สุด
    อนัตตา - ความไม่มีตัวตน สุดท้ายก็เหลือแค่ "ความว่าง" ความว่างเปล่า.. 
    ก็เป็นอันจบกรรมฐานกองนี้..
    อันนี้เขาเรียกว่า"อนุโลม" คือไปขาเดียว
    แล้วก็ให้ทำย้อนกลับเรียกว่า"ปฎิโลม" (คือไล่จากลมพัดฝุ่นผง กระดูกย้อนกลับไปหาผิวพรรณเต่งตึงใหม่อีก)
    ทำเช่นนี้ อนุโลม-ปฎิโลม อยู่เนืองๆ + ฌาน4 รับรองตัดสังโยชน์ข้อ"กามราคะ" เด็ดขาด.. เห็นสาวสวยก็เห็นเป็นศพเป็นโครงกระดูกเลย
     
    สามารถนำมาประยุกต์กำหนดให้ซากศพเป็นตนเอง แล้วก็ไล่อนุโลม-ปฎิโลม ไปมาช้าๆไม่ต้องรีบมาก เพื่อกำราบนิวรณ์5ได้เช่นเดียวกัน.. กำจัดความฟุ้งซ่านได้ดีมากๆเลย.. ก่อนทำสมาธิยาวๆ..
     
    อันตัวเรานี้ก้าวหน้าการฝึกกรรมฐานก็มาจาก "อสุภะ10กรรมฐาน" นี่แหล่ะทำตามว่าทีเดียวควบ10กรรมฐานเลย
    หมั่นเจริญให้มาก ปัญญาเกิดแบบโคตะระแน่นปึกๆเลย.. 
    อานิสงค์: ละสักกายทิฏฐิได้ง่าย ละตัวกูของกูได้ง่าย ความจริงแล้วมันช่วยให้ละได้เยอะมากๆเลย
     
    ลูกศิษย์ตอบ:
    อา  นึกภาพตามเล่นเอาผมจุกที่คอเลยครับ ฮิๆๆๆ ขอบคุณครับ

    ----------------------------------------------------------

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นด้วยเทอญ..สาธุสวัสดี
     
  6. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    สังกัดผมเองครับ
    ปล้ำกันมาสักพักแล้วครับ
    อีกไม่นานครับ ผมเห็นเค้าแล้ว
    ในทีมผมยังมีพร้อมยกอีกหลายคน
    รอรับได้เลยยยยยยย
     
  7. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157

    คนดีจำต้องฝึก

    dannce_


    เราต้องการของดี
    คนดี
    ก็จำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นการฝึกไปไม่ได้
    งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น
    ฝึกงาน ฝึกคน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ
    นอกจากตายแล้ว จึงหมดการฝึก
    คำว่า
    ดี จะเป็นสมบัติของ ผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    [​IMG]
     
  8. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    เมื่อวานได้ไปเยี่ยมพี่สาวมาค่ะ เริ่มเดินได้นิดหน่อยแต่ยังต้องมีคนช่วยประคองอยู่ เห็นข้างหลัง ผิวหนังซีกขวาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เป็นจุดๆๆบางที่เริ่มดำคล้ำ ส่วนซีกซ้ายยังคงขาวไม่เป็นดำๆคล้ำๆเลย มองไปแล้วก็ให้นึกถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทันที ถามพี่ว่ายังได้หัดจำภาพพระอยู่หรือเปล่า เธอพยักหน้า มองเห็นภาพพระไหม ก็พยักหน้าอีก จึงบอกพี่ว่าพยายามทำทุกเวลา ทำให้ได้มากที่สุดนะ เธอรับปากแต่ไม่รู้จะทำได้มากแค่ไหน ซึ่งแสงจันทรคิดว่าดีกว่าไม่ได้ทำเลย ต้องใช้เวลาฝึกไปเรื่อยๆๆ


    คำว่า "จิตเกาะพระ" เป็นคำที่สั้น เข้าใจง่าย พุ่งตรงเข้าสู่ประเด็นได้ทันที เจตนารมณ์คือ การโน้มนำจิตขึ้นสู่ที่เบื้องสูงเพ่งพระไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว เพราะพุทธศาสนิกชนต่างก็เคารพนับถือบูชาพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว แนวทางพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามีว่าอย่างไร ให้ปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นมิใช่หรือ? หลุดพ้นจากโลกธรรม8 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร และตรงเข้าสู่นิพพาน ซึ่งแนวทางพระธรรมมีหลายอย่างตามแต่บุคคลแต่ละคนจะถูกจริต เจตนาเป็นเครื่องบ่งชี้ ดังนั้นคำว่า "จิตเกาะพระ" จะเป็นคำปรามาสพระพุทธเจ้าได้อย่างไร เป็นการลบหลู่ตรงไหน หากแต่บุคคลที่กล่าวเช่นนั้นออกมาเพราะไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือเข้าใจแต่ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นสร้างกระแส เหมือนที่คนในปัจจุบันชอบกระทำกัน การเบี่ยงเบนหรือสร้างเรื่องเพื่อให้บุคคลอื่นเข้ามาคล้อยตามสิ่งที่ตนเองพูด ซึ่งอาจจะมีเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นดูแลแค่จิตตนเองให้ดี มีสติตลอดเวลาก็เพียงพอแล้ว ใครจะคิด จะพูด จะทำอย่างไรก็ปล่อยเค้าไป ทุกกรรมย่อมส่งผลต่อผู้กระทำเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว เพราะนั่นคือกฎแห่งกรรม ใช่ไหมค่ะครูทุกท่าน
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ภัยพิบัติ กับ จิตวิบัติ


    ปัจจุบันมีเรื่องราวของ "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ" เกิดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละเดือน/ปี
    บางครั้งเป็นความร้อนแรงแล้งสุดขั้ว หลายครั้งเป็นพายุลมฟ้าถล่มดินทลาย แผ่นดินไหว หิมะตกผิดฤดูกาล
    และแม้กระทั่งน้ำท่วมใหญ่ในหลายประเทศ ซึ่งเหตุการณ์ใกล้ตัวเหล่านี้
    นี่ยังไม่ได้นับน้ำแข็งขั้วโลกที่ยังละลายเพิ่มขึ้นทุกวัน

    ที่นี้เราหันกลับมาดูภัยพิบัติทางจิตมนุษย์กันบ้าง
    โดยเฉพาะเรื่องจิตสาธารณะจึงเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี จนทำให้ความเป็นสังคมเมือง
    ความเป็นระบบทุนนิยมกลับมากัดกินจิตใจให้เสียไปได้เหมือนเดิม หรือแย่กว่าเดิม
    สาเหตุหลักใหญ่ใจความก็อยู่ที่ จิตมนุษย์เราไม่มีศีลกันนี่เอง
    คือ ถ้าพวกเราไม่มีศีลกันแล้ว จึงมักทำอะไรแบบไม่รู้ตัว หรือการกระทำใดๆก็ตามที่ เรียกว่าไปเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือนร้อนทั้งทางกายหรือจิตใจนั้น
    มันเป็นบาปทั้งนั้น เป็นการต่อบาปต่อกรรม โดยเฉพาะกรรมไม่ดีต่อกันไป ไม่รู้จักจบสิ้น
    เพราะในเมื่อภายในจิตใจมนุษย์ไม่สงบกัน แล้วสิ่งภายนอก หรือคนอื่นๆจะอยู่อย่างสงบกันได้อย่างไร

    จิตพิบัติ หรือ จิตวิบัติ
    คือ ความเสื่อมของจิต ความเสียหายของจิต เหมือนจะเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ
    ทั้งๆที่ภัยพิบัติก็ยังมาไม่ถึง แต่คนขาดความตระหนัก ขาดการสำนึกที่ดีต่อสังคม บ้านเมือง
    แต่เราต้องการความงดงามทางจิตใจมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ลาภ เกียรติ ยศ
    หรือ %เงินเดือน

    ว่าไปแล้ว ภัยพิบัติธรรมชาตินี่ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ ภัยพิบัติภายในจิตของมนุษย์กันนะ
    ได้แก่ พายุอารมณ์ เช่น ความโกรธ
    นั่นเกิดขึ้นก็เพราะว่า พวกเรามีสติไม่มากกัน จึงเป็นเหตุให้จิตต้องตกต่ำ หรือต้องวิ่งไปตามกระแสโลก
    และเป็นเหยื่อของกิเลส เป็นทาสของอารมณ์ตนเองและผู้อื่น

    ปล.ว่าจะพูดภัยพิบัติ กับ จิตวิบัติ มาตั้งแต่เริ่มแรกก่อนจะตั้งกระทู้แล้ว
    จะได้สมชื่อของกระทู้ จิตพร้อมรับ? ภัยพิบัติ
    ลืมทุกที ก็เลยสื่อเน้นแต่แก่นก่อน นั่นก็คือ จิต แต่ก็น่าจะถูกต้องแล้วมั้ง
    คือจิตของคนจะต้องมาก่อน ก่อนอะไร ก่อนภัยบิบัติจะมาถึงตัวของพวกเรา
    เพราะถ้าพวกเราไม่ได้เตรียมจิตกันก่อนนะ แต่ถ้าเหตุการณ์วิกฤติเกิดขึ้นกัน ยิ่งพวกที่สติมีน้อยจนถึงปานกลางจะไปรอดกันไหม๊
    ก็ลองคิดกันดูเอา
    อย่างอื่นไม่สำคัญเท่าจิตใจหรอก และความไม่แน่นอนนั้น มีมากกว่าความแน่นอนเสียด้วย

    แต่ถ้าพวกเราทำจิตเกาะพระกัน จึงเท่ากับฝึกสติ ฝึกจิตกันไปในตัวแล้ว
    เพราะฉะนั้นผู้ที่ฝึกทำจิตเกาะพระสำเร็จก่อน จึงมีประโยชน์กว่าผู้ที่ยังไม่ได้ฝึก หรือผู้ที่ฝึกแต่ยังฝึกไม่สำเร็จ

    นี่ไง๊หล่ะผมจึงบอกผู้ที่ทำสำเร็จแล้ว อย่าเป็นจิตเห็นแก่ตัวกันนะ เมื่อเราไม่ทุกข์ ไม่อยากกลับมาเกิดกันแล้ว
    เราก็หันกลับมาช่วยกันยกจิต แต่ถ้าช่วยไม่ได้ ก็ขอให้มาช่วยให้กำลังใจกับผู้ที่กำลังปฎิบัติกัน
    ให้พวกเรานึกเสียว่า พวกที่กำลังฝึกอยู่นี้ เมื่อชาติก่อนเขาอาจจะเป็นคนที่เรารัก
    เช่น เป็นคุณพ่อ คุณแม่ เป็นแฟน เป็นลูก เป็นพี่เป็นน้องกัน หรือเป็นญาติกันมาก่อน

    แต่ถ้าท่านรู้อย่างนี้แล้ว ขอถามหน่อย ท่านจะนั่งดูดายกันไหม๊?
    และผมจะมาเปิดกระทู้เพื่ออะไร เอามันงั้นหรอ มีแต่เสมอตัว
    แต่ทำไมผมมาทำหน้าที่ตรงนี้หล่ะ ผมเอาเวลาไปทำสมาธิ หรือไปนอนเล่น นั่งเล่นไม่ได้กว่าหรอ
    ผมมาสนใจยกจิตทำไม
    ผมพูดอยากให้ผู้ฝึกตระหนกถึงความรับผิดชอบจิตตนเอง มิใช่ทำเพื่อใครเลย
    ที่ผมบอกมานี้ เตือนกันมานี้ก็เพื่อตัวของท่านเองล้วนๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผมเลย

    และทุกวันนี้ผมก็รู้สึกผิดกับครูเพ็ญเหมือนกันนะว่า แค่ครูเพ็ญสอนธรรมะผมก็นับว่า ผมโชคดีแล้ว
    นี่ผมมาทำให้ครูเพ็ญเดือนร้อนหนหักใหญ่เลย ปกติท่านจะตอนหัวค่ำ สวดมนต์ ทำสมาธิตามประสาของท่านไป
    แต่มาบัดนาว ทุกๆท่านรู้บ้างไหม๊? บางท่านนอนหลับก้นโ่งไปแล้ว แต่ครูเพ็ญต้องมานั่งตอบโจทย์ ตอบปัญหา
    โดยเฉพาะปัญหาการทำจิตเกาะพระ ซึ่งเป็นวิชาจะว่านอกตำราก็ใช่ ต้องมาตอบคำถามให้
    และคุณรู้บ้างไหม๊? ว่าครูเพ็ญตอบไปกี่ร้อยฉบับแล้ว
    เอาเฉพาะผมคนเดียวก็อ่วมแล้ว แต่เมื่อก่อนมีผมคนเดียว

    แต่ตอนนี้มีคนสักกี่คนที่เห็นใจครูเพ็ญ ครูที่รักของผมบ้าง
    เพราะครูเพ็ญมีค่ามากกว่าชีวิตผมเสียอีกนะ

    ครูเพ็ญครับ ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ ครูเพ็ญจะต้องสบายและผมสามารถตายแทนครูได้นะ
    เพราะครูจะต้องเป็นกำลังสำคัญสำหรับจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระต่อไป
    และผมทำหน้าที่แบบครูไม่ได้หรอก
    เพราะคุณครูเพ็ญมีค่าสำหรับผมมาก
    ครูเพ็ญของผม ก็คือ ปู...ปูชนียบุคคล
    ท่านคือ อริยบุคคลที่ผมกราบไหว้ท่านได้อย่างสนิทใจที่สุด

    ความในใจของผมก็มีเท่านี้เอง
    ขอให้พวกเราปฎิบัตินำความสงสัยกัน
    หรือขณะปฎิบัติจิตเกาะพระ ก็ขอให้พวกเรามีสตินำจิต แต่มิใช่หมายถึงไปบังคับจิตนะ
    เพราะมีอยู่อย่างเดียวที่จะทำให้เรารู้เรื่องจิตของตนเอง นั่นก็คือ สติ
    เมื่อคุณมีสติกันมาก คุณก็จะรู้จักจิตของตนเองมากขึ้น และต่อไปก็จะรู้ว่าจิตของตนเองนั้น อยู่ที่ไหน ทำอะไร
    และในที่สุดคุณก็จะได้จิตเดิมแท้กลับคืนมา
    นั่นก็หมายถึง ความนิ่ง ความสงบ ความเยือกเย็น ความสุขกายสบายใจ นั่นเอง

    สวัสดี
    จบ.2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  10. natzone007

    natzone007 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +60
    สวัสดีครับครับทุกท่าน ครูเพ็ญบอกว่าให้นัทเข้ามาดูในบอร์ดด้วยเผื่อได้อะไรเพิ่มเติม ยังไงก็รายงานตัวนะครับ^^
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    กระทู้นี้เปรียบเสมือนดอกไม้ริมทาง

    เพราะเห็นผึ้งขยันมาดื่มด่ำน้ำหวานเกษรดอกไม้
    เมื่อดื่มด่ำ อิ่มเปรมปรีย์กันแล้ว ท่านจึงบินจากดอกไม้นี้ไป

    นึกออกกันยัง?
    ผู้ที่เกาะขอบกระทู้ของพวกเราทุกๆวัน นั่นไง๊!
    พวกเธอมารับน้ำหวาน มารับธรรมะจากที่นี่กันน่ะ
    แต่บางวันก็ได้รับน้ำหวานชื่นช่ำ เย็นใจตามๆกันไป
    แต่บางวันก็เป็นน้ำผึ้งเดือนห้า คือหวานปนขมนิดๆ

    พวกเธอทั้งหลาย อย่ามัวติดตาม เฝ้าคอยดูความสำเร็จของคนอื่นๆอยู่เลยนะ
    กล้าๆหน่อย แล้วจะรุ่ง
    แค่นึก แค่ดูนั้นไม่มันหรอก สู้กระโดดลงมาเล่น หรือปฎิบัติกันเลยดีก่า
    ให้มันรู้เหลือง รู้แดงกันไปเลย
    เอ๊ะ พูดคล้ายการเมืองยังไงไม่รู้
    ไม่เอาดีก่า การเมือง การมุ้ง ยุ่งตาย...

    สตินะ..สติ (สติคุณอยู่ไหน)
    อย่าอยากนะ..เลิกอยากกันเมื่อไหร่ ก็ได้เมื่อนั้น สำเร็จเมื่อนั้น
    ทำ ทำ ทำไป และก็ทำ ทำ ทำไป...สรุปแล้วทำลูกเดียว(สูตรสำเร็จคุณลูกพลัง)
    ปฎิบัตินำความสงสัยก่อน
    เดี๋ยวจะได้คำตอบทีหลัง
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    น้องนัท เธอเข้าผิดกระทู้รึป่ะ?
    ถ้าเธอจะเข้ามาเอานะ ไม่มีหรอก เธอได้ไปแล้ว

    เพราะกระทู้นี้ พี่นั้นมีแต่ให้....ฮ่าๆ ล้อเล่นนะ
    จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน พักเดี๋ยวหนึ่งซิครับ...
    เอาธรรมะมาฝากพี่ๆก่อนไป

    งั้นเธอก็เป็นเพื่อนกับหมอริท เดอะสตาร์ น่ะสิ! เพราะอยู่ที่เดียวกัน
    เป็นไง๊พี่ภูของเธอ มีเรื่องไรที่ไม่รู้มั่ง+
    สอดทั้งทางโลก และทางธรรมเลย
    บอกมา ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กรกฎาคม 2012
  13. lobsterkiss

    lobsterkiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +325
    [​IMG]


    [​IMG]

    มาดื่มน้ำให้ชื่นใจกันเถอะ

    พี่ภู พี่เพ็ญ ทุกท่าน พักดื่มน้ำให้ชื่นใจหน่อยน้าา

    (deejai)
     
  14. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    และทุกวันนี้ผมก็รู้สึกผิดกับครูเพ็ญเหมือนกันนะว่า แค่ครูเพ็ญสอนธรรมะผมก็นับว่า ผมโชคดีแล้ว
    นี่ผมมาทำให้ครูเพ็ญเดือนร้อนหนหักใหญ่เลย ปกติท่านจะตอนหัวค่ำ สวดมนต์ ทำสมาธิตามประสาของท่านไป
    แต่มาบัดนาว ทุกๆท่านรู้บ้างไหม๊? บางท่านนอนหลับก้นโ่งไปแล้ว แต่ครูเพ็ญต้องมานั่งตอบโจทย์ ตอบปัญหา
    โดยเฉพาะปัญหาการทำจิตเกาะพระ ซึ่งเป็นวิชาจะว่านอกตำราก็ใช่ ต้องมาตอบคำถามให้
    และคุณรู้บ้างไหม๊? ว่าครูเพ็ญตอบไปกี่ร้อยฉบับแล้ว
    เอาเฉพาะผมคนเดียวก็อ่วมแล้ว แต่เมื่อก่อนมีผมคนเดียว

    แต่ตอนนี้มีคนสักกี่คนที่เห็นใจครูเพ็ญ ครูที่รักของผมบ้าง
    เพราะครูเพ็ญมีค่ามากกว่าชีวิตผมเสียอีกนะ

    ครูเพ็ญครับ ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ ครูเพ็ญจะต้องสบายและผมสามารถตายแทนครูได้นะ
    เพราะครูจะต้องเป็นกำลังสำคัญสำหรับจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระต่อไป
    และผมทำหน้าที่แบบครูไม่ได้หรอก
    เพราะคุณครูเพ็ญมีค่าสำหรับผมมาก
    ครูเพ็ญของผม ก็คือ ปู...ปูชนียบุคคล
    ท่านคือ อริยบุคคลที่ผมกราบไหว้ท่านได้อย่างสนิทใจที่สุด

    ความในใจของผมก็มีเท่านี้เอง



    กรุณาอย่าคิดเช่นนั้นพี่ภู ที่เพ็ญอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะความเสียสละของพี่ภูมิใช่หรือ?

    อันที่จริงครูเพ็ญคนนี้ควรที่จะละสังขารไปตั้งแต่เมื่อต้นปีแล้ว แต่ด้วยบุญบารมีของพี่ภู เมื่อท่านยกจิตแล้วท่านก็กลับมาช่วยครูเพ็ญที่แสนดื้อด้านคนนี้

    พี่ภูบอกให้ครูเพ็ญทำจิตเกาะพระ แต่ครูเพ็ญนี้ก็โง่เหลือหลาย เกาะไม่เป็น วางอารมณ์ไม่ถูก พี่ภูก็อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีก บอกว่าครูเพ็ญต้องยกจิตนะ

    ครูเพ็ญก็บอกท่านว่าครูเพ็ญยกแน่แต่คงใช้เวลาอีกเป็นปีอย่างช้าก็คงอีก 2-3 ปี พี่ภูบอกว่าทนรอไม่ไหวหรอก จิตเกาะพระนี้ไวมาก ครูเพ็ญยกจิตขึ้นนิพพานตามผมมาเดี๋ยวนี้เลย

    ครูเพ็ญก็ ฮ้วย อ้ายอิหญั๋งมาเร่งข้อย ก็ข้อยทำจิตเกาะพระบ่เป๋น ครูเพ็ญฮู้จักแต่สุขวิปัสสโก ชำนิชำนาญในการตัดกิเลสด้วยปัญญา และทำสมาธิสั่งสมบารมี แล้วมันทำจั๋งได๋ล่ะจิตเกาะพระเนี่ย พี่ภูอธิบายมาซิ อารมณ์มันเป็นยังไง

    พี่ภูบอก ไม่รู้ ครูก็นึกถึงพระสิ เกาะ ๆ ไปเถอะ

    ฮ้วย อิหญั๋งมาพูดง่ายจ๊ะอี๊ ข้าเจ้าบ่เข๋าใจ๋ ทำบ่ได้ ทำบ่ได้เด๊ดขาด

    ครูเพ็ญก็เสียงแข็งเพราะทำจิตเกาะพระไม่เป็น พี่ภูก็อธิบายไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นเข้าใจสักกะอย่าง แต่พี่ภูนี้ก็ตื๊อเป็นเลิศ ครูเพ็ญทำจิตเกาะพระไม่ได้ท่านก็ไม่ยอมรามือ

    ท่านโทร.ข้ามประเทศมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถามว่าครูเพ็ญทำจิตเกาะพระได้หรือยัง ครูเพ็ญก็ตอบว่ายังไม่ได้ค่ะ หนูทำไม่เป็น...

    พี่ภูเพียรพยายามตื๊อพูดกับครูเพ็ญอยู่เป็นนานสองนาน ตะล่อมแล้วตะล่อมอีก ครูเพ็ญก็ยังโง่หลาย จนพี่ภูต้องแอบไปอธิษฐานจิตกับท่านพ่อบอกว่าครูเพ็ญดื้ออ่ะ ผมเอาไม่อยู่แล้ว ท่านพ่อช่วยด้วย

    เหอะๆ มาเล่นไม้ตายกับเรา ก็ได้เรื่องเลยจิทีนี้ ครูเพ็ญก็ตะหงิด ๆ รำคาญพี่ภูจิ ก็ท่านเล่นตื๊อให้ทำจิตเกาะพระไม่เลิก แล้วเราจะทำยังไงหว๋า เอ มันเกาะยังไง อารมณ์เป็นแบบไหน วุ้ยงง กลับไปสุขวิปัสสโกเหมือนเดิมดีฝ่า

    แต่ในที่สุดก็แพ้ลูกตื๊อของพี่ภู 555 เพียรโทร.มาตื๊อให้เราทำจิตเกาะพระจนสำเร็จ พี่ภูก็เลยเปลี่ยนฐานะจากศิษย์เป็นที่ปรึกษาครูเพ็ญขณะทำจิตเกาะพระ

    ขอบอกว่าพี่ภูน่ารักมากเลย ท่านใจเย็นกับครูเพ็ญมาก ทั้งที่ท่านเป็นคนใจร้อน เบื่อง่าย แต่ท่านก็อดทนกับครูเพ็ญเหลือหลาย ครูเพ็ญรู้นะว่าพี่ภูแอบบ่นจนกระบุงโกยเกือบไม่ทัน

    จนในที่สุดครูเพ็ญเริ่มเข้าใจและเรียนรู้อารมณ์จิตเกาะพระ ด้วยเป็นดวงจิตที่ต้องรู้ละเอียด เมื่อทำจิตเกาะพระก็ยังไม่ทิ้งละเอียด เออ เอาเข้าไป แม้จะทำจิตเกาะพระก็ยังละเอียดอยู่ จนพี่ภูเอือมระอาไปหลายรอบ แต่พี่ภูก็ยังอดทนและทนอด(แอบตีก้นครูเพ็ญในเมลไปหลายรอบ ในฐานะที่เธอดื้อด้านและโง่ที่สุดในโลก เกิดมาไม่เคยเจอใครดื้อและโง่อย่างนี้ เฮ้อ เหนื่อย)

    แต่งานนี้ครูเพ็ญได้ที่ปรึกษาดีคือครูภู ในที่สุดครูเพ็ญก็สามารถยกจิตสำเร็จ และได้มาทำหน้าที่เป็นครูสอนธรรมะตามที่ให้สัจจะกับครูภูไว้ว่า

    "เราสองคนจะช่วยกันสร้างบ้านรากแก่นแห่งโพธิญาณ และจะช่วยกันยกจิตลูกหลานของสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำและครูบาอาจารย์ทุกท่านกลับนิพพานกันให้มากที่สุด"

    ครูเพ็ญรู้สิว่านี่มันไม่ใช่งานเล็ก ๆ ตายละหว๋าแล้วตรูจะไหวไหมเนี่ย แถมเรายังเป็นครูละเอียด สอนใครลวง ๆ ลวก ๆ ไม่ได้หรอก สอนใครคนนั้นต้องผ่าน ไม่ผ่านครูเพ็ญจะเคี่ยวเข็ญจนผ่าน เพราะเราเสียเวลามาสอนท่านก็เพื่อให้ท่านสำเร็จมรรคผล มิใช่มาทำเล่น ๆ สนุก ๆ ทำทิ้ง ทำทิ้ง (ไม่ใช่ฟันแล้วทิ้งนะ) แบบนั้นไม่เอา ไม่ใช่นิสัยครูเพ็ญ

    แต่ปัญหามีอยู่ว่า ครูเพ็ญกำลังจะตายเพราะหมดอายุขัย แล้วครูเพ็ญจะไปช่วยพี่ภูได้สักกี่มากน้อย พอพี่ภูรู้ความจริงพี่ภูเอาชีวิตเป็นเดิมพัน อุทิศอายุขัยให้ครูเพ็ญ 10 ปี!!!

    ครูเพ็ญอึ้งจนเกือบพูดอะไรไม่ออก ซาบซึ้งในน้ำใจของศิษย์รักและพี่ชายที่แสนดี ท่านให้ขนาดนี้แล้วเราจะใจจืดใจดำ ไม่ยอมรับน้ำใจของท่านได้อย่างไร ครูเพ็ญจึงรับเชิญเจริญอิทธิบาทสี่เป็นครูสอนธรรมะ และจะอยู่ร่วมสร้างบ้านปฏิบัติธรรมตามที่พี่ภูใฝ่ฝันให้สำเร็จในชาตินี้ ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายสำหรับเราทั้งสองคน

    และต่อมาเมื่อครูดัชทราบเรื่องก็อุทิศอายุขัยให้ครูเพ็ญอีกหนึ่งปี น้องหนูจะให้อีกแต่พี่เพ็ญบอกว่าไม่รับแล้ว แค่นี้ก็มากพอที่จะอยู่ทำสัจจะตามที่รับปากพี่ภูได้แล้ว

    หลายท่านคงสงสัยว่าเขาให้และต่ออายุขัยกันอย่างไร เรื่องพิธีกรรมทางโลกครูเพ็ญไม่ขอพูดถึง เพราะมันช่วยได้เพียงเล็กน้อย เล็กน้อยจริง ๆ แต่ท่านที่ช่วยเชื่อมอายุขัยให้ครูเพ็ญคือท่านพ่อ ถ้าพี่ภูไม่ขอ ท่านพ่อไม่ช่วย ครูเพ็ญก็ไม่รอด

    แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ครูเพ็ญจะอยู่เพื่อความสุขสบายส่วนตนได้อย่างไร ยิ่งเห็นคนดิ้นรนอยากจะออกจากทุกข์ แถมยังมาศรัทธาจิตเกาะพระ แม้จะเป็นส่วนน้อย แต่นับได้ว่าทุกดวงจิตที่หลุดพ้นนั้นยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยายใด ๆ ในโลก

    ที่กล่าวมาทั้งหมด แค่จะบอกพี่ภูว่าอย่าคิดมาก พี่ภูไม่ได้ทำอะไรให้เพ็ญเดือดร้อน แต่มันเป็นหน้าที่ของเราสองคนที่จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน และเพ็ญเคยบอกพี่ภูแล้วว่าเพ็ญเป็นคนรักษาสัจจะ ทำอะไรทำจริงจัง ทำเล่นไม่เป็นหรอก จิตนะไม่ใช่ขันธ์ห้า

    ใครต้องการออกจากทุกข์ครูเพ็ญช่วยเต็มที่ ยิ่งตอนนี้เรามีบุคลากรที่มีคุณภาพระดับจิตบุญร่วมด้วยช่วยกัน ครูเพ็ญยิ่งไม่กลัวเหนื่อย(บางทีมีแอบเกเรบ้างนิดหน่อย ^^) ก็เป็นไปตามเหตุและปัจจัยล่ะนะ

    พี่ภูยกย่องครูเพ็ญเหลือหลาย แต่จะมีใครรู้บ้างว่าคนที่เอาบุญมาค้ำครูเพ็ญอยู่ข้างหลังก็คือพี่ภูกับคุณแม่สุมาลี ท่านทั้งสองปิดทองหลังพระ เพื่อจะช่วยกันตกแต่งพระให้งามทั้งองค์ ทั้งสองท่านเป็นปูชนียบุคคลสำหรับครูเพ็ญด้วยเช่นกัน

    ครูเพ็ญขอกราบท่านทั้งสองด้วยความรักและบูชาเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตที่เหลืออยู่ก็เพื่อทำงานให้พระพุทธศาสนา เพื่อท่านพ่อสมเด็จพ่อองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เพื่อพี่ภู เพื่อคุณแม่สุมาลี เพื่อบ้านรากแก่นแห่งโพธิญาณ และอยู่เพื่อช่วยยกจิตลูกหลานที่ปรารถนาจะตามพวกเราขึ้นนิพพานเท่านั้นเอง วัตถุประสงค์อื่นนั้นไม่มีสำหรับเรา.
     
  15. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->natzone007<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6357256", true); </SCRIPT>
    สวัสดีครับครับทุกท่าน ครูเพ็ญบอกว่าให้นัทเข้ามาดูในบอร์ดด้วยเผื่อได้อะไรเพิ่มเติม ยังไงก็รายงานตัวนะครับ^^<!-- google_ad_section_end -->



    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->lobsterkiss<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6357504", true); </SCRIPT>
    [​IMG]


    [​IMG]

    มาดื่มน้ำให้ชื่นใจกันเถอะ

    พี่ภู พี่เพ็ญ ทุกท่าน พักดื่มน้ำให้ชื่นใจหน่อยน้าา

    (deejai)<!-- google_ad_section_end -->


    โมทนา สาธุ ลูกนัท กับลูกนอร์ทมาแล้ว

    แม่ดีใจหลายเด้อ

    ลูกนัทชวนลูกฟ้ามาด้วยนะ

    แล้วก็เรียกพี่สาวของพวกเธอมาด้วย

    ไม่เห็นหน้าลูกหว้าชักคิดถึง

    ออกจากวิปัสสนาหรือยังหน๋อลูกหว้าจ๋า

    พี่เพ็ญคิดถึง!!!

    นับจากวันนี้ไปสิ่งที่ลูกนัทกับลูกนอร์ทจะต้องทำคือหน้าที่ในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางจิตและแบ่งปันประสบการณ์ทางธรรม

    เพราะพวกเธอคือจิตบุญ มิใช่จิตเห็นแก่ตัวที่จะเอาตัวรอดขึ้นนิพพานไปตัวคนเดียว

    พวกเธอต้องช่วยกันนำพาดวงจิตของเพื่อนและญาติพี่น้องของพวกเธอกลับนิพพานด้วย

    เหมือนที่พี่ลูกหว้าเคยทำสำเร็จมาแล้ว

    ลูกนัทกับลูกนอร์ทแม้จะยังมือใหม่หัดขับ แต่พี่เพ็ญกล้าการันตีว่าภูมิรู้ภูมิธรรมของท่านไม่ธรรมดา

    พี่เพ็ญขอให้ลูกนัทกับลูกนอร์ทช่วยกันแนะนำผู้ที่หลงเข้ามาทำจิตเกาะพระ และช่วยเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ให้เจริญสืบไปด้วยเทอญ

    ซ้อมจิตซ้อมธรรมไปสักพักก่อนนะ พอให้จิตคล่องอีกหน่อย เดี๋ยวพี่เพ็ญจัดลูกศิษย์ให้

    555 ไม่เอาก็จะยัดเยียดล่ะ เพราะครูไม่พอกับศิษย์อ่ะ ตอนนี้ครูคนหนึ่งอัดลูกศิษย์เข้าไปคนละ 4-10 ฮ่าๆ ทำกันปายด้าย จิตบุญซะอย่าง สู้ตายค่ะ ^^
     
  16. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุกับท่านอาจารย์ของเราทั้งสองอย่างสูงยิ่ง..
    ดวงจิตลูกพลังขอกราบแทบเท้าดวงจิตท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยครับ..

    จากหยดนำ้เล็กๆสองหยดบนปฐพี..
    มาวันนี้แตกแขนงเป็นลำธารน้อยๆ29สายธาร..
    ไปวันหน้าก็จะเติบใหญ่เป็นมหานที..
    นำพาเหล่าอริยชนขึ้นสู่แดนนิพพานมหาสมุทรอันไพศาล..
     
  17. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    อ่านแล้วเป็นไงครับ

    ไม่ใช่ ตา ยาย 2 คน นั่งชมกันนะครับ

    ผมอ่านแล้ว ไม่รู้จะพูดอะไร ... มันตัน มันเต็ม มันตื้น

    เอางี้แล้วกัน

    "ที่สุด"

    ท่านไม่ได้ทำเพียงลำพังแล้วนะครับ
    ผมและจิตบุญทุกท่าน และที่กำลังจะตามมาอีกนับล้าน....

    กองทัพเรือของเราจะไม่จมครับท่านพ่อ ท่านแม่

    ธรรมชาติสวัสดี

    วิทย์ จบ.11
     
  18. pseudo-venus

    pseudo-venus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +59
    อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ ชัดเจนแจ่มแจ้ง (แถมมีอาการคลื่น..ตามมาด้วย อิอิ)
    ปกติแค่เห็นหนอนผักผลไม้ไม่กี่ตัวก็วิ่งหนีสี่คูณร้อยแล้ว
    นี่หนอนซากศพมาเป็นล้านๆ...ไม่ไหวอ่ะ ตัวใครตัวมันดีกว่า
    แต่เป็นวิธีที่ดีมากๆเลยนะคะ จะน้อมนำไปปฏิบัติค่ะ
     
  19. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตอนนี้ผมกำลังทำจิตไม่ให้ยุ่งกับใคร ให้ใส่ใจตัวเอง หาความเลวของตัวเอง หาไปหามาโห มันเยอะดีจัง แล้วก็ฆ่ามันซะ แต่จะทำยังไงดีครับ
    ผมได้อ่านบทความของท่านอาจารย์ทุกท่านก็นับถือจิตใจจริงๆครับ เพราะการสอนคนนั้นต้องยอมรับว่าเหนื่อยมาก แต่ท่านก็สละเวลามาสอนพวกเราได้ ผมขอน้อมจิตกราบทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2012
  20. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    [​IMG]

    ธรรมโอวาทเพื่อพระนิพพาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน


    พรหมวิหาร ๔

    ๑.ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน
    พยายามทรงอารมณ์จิตให้อยู่ในพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติ


    คิดว่าเราจะมีความรักในคนอื่นและสัตว์อื่นนอกจากตัวเรา เสมอด้วยตัวเรา
    เราจะมีความสงสาร เกื้อกูลเขาให้เป็นสุขตามกำลังที่เราพึงจะทำได้
    เราไม่มีอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่น เห็นใครได้ดีก็พลอยยินดีตาม
    ถ้าสิ่งใดเป็นเหตุเกินวิสัยด้วยอำนาจกฎของกรรมหรือกฎของธรรมดาเกิดขึ้น
    เราจะไม่มีความหวั่นไหวในจิต


    นี่อารมณ์อย่างนี้ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททรงไว้ดี
    ก็จัดว่าเป็นศูนย์รวมกำลังใจที่มีความสำคัญที่สุด อันจะพึงก้าวเข้าไปสู่ความดี


    ๒.ถ้าจิตของเราทรงอยู่ใน พรหมวิหาร ๔ แล้ว
    มีอะไรบ้างที่มันจะเกิดขึ้น นั่นก็คือ
    ศีลบริสุทธิ์ ไม่ต้องระมัดระวังศีล ความเป็นผู้มีเหตุมีผล
    มีความเคารพในองค์สมเด็จพระทศพลก็มีพร้อมบริบูรณ์


    เพราะอะไร
    เพราะคนที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็แสดงว่ามีความเคารพในพระพุทธเจ้า
    มีความเคารพในพระธรรม มีความเคารพในพระสงฆ์
    เพราะว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทรงแนะนำให้จิตอยู่ในขอบเขตนี้

    เรามีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์ เป็นต้น
    เราจึงมีศีลบริสุทธิ์ เราจึงรู้จักอายความชั่ว เกรงกลัวความชั่ว
    จึงได้มีการประกอบความดี คือ จิตทรงพรหมวิหาร ๔
    มีหิริและโอตัปปะ นึกถึงความตายเป็นอารมณ์


    อยู่ที่ไหนก็มีแต่ความเยือกเย็น มีแต่ความเป็นสุข
    เราก็เป็นสุข บุคคลอื่นก็เป็นสุข
    เพราะกายไม่เสียปากไม่เสีย ทั้งนี้เพราะว่าใจไม่เสีย
    ถ้ากายเสีย ปากเสีย ก็แสดงว่าใจมันเสีย เสียมากจนล้นมาถึงกาย ถึงวาจา
    นี่เป็นอันว่าถ้าทรงคุณธรรมอย่างนี้ได้ ความเป็นพระโสดาบันย่อมปรากฏ




     

แชร์หน้านี้

Loading...