นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ประเดิมด้วยเรื่องนี้แล้วกัน น่าสนใจนิ

ทะเลสาปเชียงแสน
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติทะเลสาบเชียงแสนมีเนื้อที่ทั้งหมด 2,711 ไร่ ประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เมื่อปี พ.ศ. 2528

เดิมทะเลสาบเชียงแสนเป็นเพียงหนองน้ำขนาดเล็ก จนมีการสร้างฝายกั้นทางน้ำ ทำให้น้ำเอ่อล้น จนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ หรือ หนองบงคาย อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงแสนตามทางหลวงหมายเลข 1016 สายเชียงแสน-แม่จัน ไปประมาณ 5 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายกิโลเมตรที่ 26 เข้าไปอีก 1.5 กิโลเมตร ในฤดูหนาวมีฝูงนกน้ำอพยพมาอาศัยที่ทะเลสาบแห่งนี้ และยังมีทิวทัศน์สวยงามมากเวลาพระอาทิตย์ตกซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกกันเป็นจำนวนมาก

สำหรับท่านที่กำลังหาสถานที่ท่องเที่ยว โดยสามารถเดินทางมายังทะเลสาบเชียงแสนได้จากเส้นทางต่อไปนี้
สามารถเดินทางจากสถานีขนส่งจังหวัดเชียงรายเดินทางมาตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 ถึงทางแยกไปอำเภอเชียงแสน ระยะทาง 33 กิโลเมตร เปลี่ยนเส้นทางไปใช้ทางหลวงหมายเลข 1016 อำเภอแม่จัน – อำเภอเชียงแสน ถึงกิโลเมตรที่ 27 ณ บ้านกู่เต้า เปลี่ยนไปใช้เส้นทาง ร.พ.ช. สายบ้านกู่เต้า – ดอยงาม ถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย ระยะทางอีก 2 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด จากจังหวัดเชียงราย – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย ประมาณ 62 กิโลเมตร

ตำนานทะเลสาบเชียงแสน

ในสมัยน่านเจ้า มีกษัตริย์เชื้อสายไทยน้อยครองดินแดนส่วนหนึ่งในมณฑลยูนนาน แต่ดินแดนดังกล่าวถูกรุกรานจากชาวจีนอยู่เสมอ
ลุปีระกา พศ. ๑๑๒๐ กษัตริย์ดังกล่าวมีราชบุตรเจ็ดองค์ ราชบุตรองค์สุดท้องมีชันษาได้ ๑๗ ปี เป็นนารายณ์มหาโพธิสัตว์จุติลงมา มีความรู้ปรีชาญาณมากกว่าราชบุตรองค์อื่น พระราชบิดาจึ่งได้เลือกชัยภูมิ ณ บริเวณทะเลสาปเชียงแสนปัจจุบันให้มาสร้างบ้านแปลงเมือง ราชบุตรอพยพมากับประชาชน ๑๐๐,๐๐๐ ครอบครัว สร้างอาณาจักรศรีสัตนาคนหุตเชียงแสนขึ้น มีเมืองเชียงแสนเป็นราชธานี ได้สมโภชเป็นกษัตริย์มีพระนามว่า พญาสิงหนวัติ (ทรงเป็นพระนารายณ์มหาโพธิสัตว์องค์ที่ ๒ จุติลงมา)

การก่อสร้างเมืองเสร็จในเจ็ดปี มีพญานาคคู่บารมีนามศรีสัตตนาคราชแปลงเป็นชีปะขาวมาช่วยวางแผนออกแบบเมืองจนสำเร็จ พร้อมมอบลูกแก้วควรเมืองให้เจ็ดลูก

ต่อมาพญาสิงหนวัติมีราชบุตรเจ็ดองค์
ราชบุตรองค์โตมีพระนามว่าพระมหาธิราช (มาบังเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ครูบาศรีวิชัยในกาลต่อมา) ได้ครองเมืองต่อจากพระราชบิดา มีลูกแก้วใส(ขนาดเท่าลูกฟุตบอล)เป็นลูกแก้วศักดิ์สิทธิคู่เมืองจากนครใต้บาดาล ดลบันดาลให้ชาวเมืองอยู่เย็นเป็ยสุข น้ำท่าพืชพันธ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ น้ององค์อืนๆไปสร้างเมืองลูกอีก ๗ เมือง หลวงปู่สิม และหลวงปู่ปาน ก็ได้เป็นน้องของพระมหาธิราชทั้งสิ้น

หลายรัชกาลล่วงไป ลุพศ. ๑๓๐๗ นครเชียงแสนมีอายุ ๑๘๗ ปี ผู้ครองเมืองคือพระเจ้าศรีธราทิตย์กิตติศักดิ์ เป็นศิขรีสูร (อสูร) บนสวรรค์ลงมาเกิดจองเวรกับพระนารายณ์โพธิสัตว์ ผู้ครองเมืองมีมเหสีนามพระนางยศวดี ผู้ครองเมืองไม่อยู่ในธรรม ในปีนั้นชาวเมืองจับปลาไหลเผือกยักษ์ได้ตัวโตเท่าลำตาล เป็นสัตว์พิเศษลูกหลานพญานาคสีสัตนาคราช แทนที่จะมีปัญญาพิจารณาผู้ครองนครและชาวเมืองกลับร่วมกันแบ่งเนื้อปลาบริโภค เว้นยายหอมผู้เดียว

ในตอนเย็นของวันดังกล่าวมียายหอมได้พบมาณพหนุ่มผู้หนึ่ง มารพหนุ่มกล่าวกับยายหอมว่า “คืนนี้ยายได้ยินเสียงอะไรอย่าออกมาดูให้อยู่แต่ในบ้าน” เหตุการณ์ผ่านไปรุ่งเช้ายายหอมออกมาหน้าบ้านพบว่าบ้านเมืองดดยรอบจมหายไปกลายเป็นทะเลสาปเชียงแสนปัจจุบัน บริเวณบ้านยายหอมที่รอดมาได้กลายเป้นดอนแม่หม้าย เป็นที่ตั้งของวัดพระธาตุศรีโยนกในปัจจุบัน

 

ว้า...อย่างนี้ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยซิคะ

 

ท่าน ประธาน ชื่อ ใครค่ะ ไม่คุ้นเลยค่ะ...

 

รายพระนามพระชายาของพญานาคศรีสุทโธ ได้มาหกท่านแล้ว เหลืออีกหนึ่งให้การบ้านทิพย์อักษรไปหามาครับ(เดี๋ยวไม่ร่วมด้วย ช่วยกัน ) ต่อไปเราก็แค่หาว่าใครมีบุตร กี่คน อยู่หรือไป

 

ให้ทิพย์อักษร ช่วยเรื่อง ลูก ดีกว่าค่ะ...

ใช่ตามนี้รึเปล่าค่ะ..แต่จะเรียงอันดับไม่ถูกนะคะ

1. ศรีปทุมมาเทวี

2.ศรีรัตนมณีเทวี

3. ศรีกมลทิพย์ เทวี

4. สิรินาท เทวี

5.ศรีบวรทัตเทวี..

6. ..............

7. .............


แล้ว ศรีสุดาจันทร์ทิพย์ รวมด้วยรึเปล่าค่ะ....

 

คุรุวาโร ไม่รู้หรอกว่า ที่อื่นเขาเอาชื่อพระชายานั้นมาจากไหน ส่วนคุรุวาโรก็ถามเอาจากพญานาคในเมืองนั้นนะครับ ค้านได้นะครับ เพราะว่า ยังไม่ได้พบพญาศรีสุทโธอีกครับ และก็ยังไม่ได้ถามเทวดา เมธาวี ที่ทำหน้าที่อยู่ตรงนั้นครับกระทู้ของเราเป็นแบบ ร่วมด้วย ช่วยกัน ค้านได้ครับ ทิพย์อักษรครับ

 

สวัสดีทุกท่าน ทุกนามค่ะ ....

เข้ามาถึงก็เจอเรื่องราวเข้มข้นเลย อิอิ

รอฟังหนอ

*********************************

ปล. พี่นุ๊กคะ ฟ้ามุ่ยคิดว่าคำชะโนดนี่อยู่ที่หนองคายมาตลอดเลยนะนี่

สงสัยคงจะมิได้เป็นลูกเป็นหลานชาวปยานาคเป็นแน่แท้ แหะๆ แต่ก็รักชาวปยานาคนะคะ

 

แล้วไปทราบมาจากไหนล่ะคะ สอบถามจากชาวเมืองเหรอคะ

 

คุรุวาโรอาจจะต่างจากคนอื่นตรงที่ว่า สามารถบังคับความรู้สึกในฌานนั้นได้ครับฉะนั้นก็สามารถจดจำเรื่องราวของโลกทิพย์นั้นได้ ถ้ายังไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างอื่นครับ รายชื่อนั้นก็คงจะแตกต่างจากที่อื่นแน่นอนครับ เพราะคุรุวาโรก็บอกแล้วว่าไปถามเอาจากนาคีตนหนึ่งมาครับ ทิพย์อักษรชอบก๊กไว้ มีรายชื่อใครบ้างก็เล่ามาครับ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วง วิเคราะห์ ครับ ไม่จำเป็นจริงๆไม่อยากเรียก เทพหยั่งรู้มาถามครับ

 

อ๋อ...ไปถามมาจากกิ๊กนี่เอง แต่ชื่อสิรินาทเนี่ย รู้สึกว่าจะชื่อโหลนะคะ
ขออนุญาต เพราะว่าคุณคุรุวาโร เปิดทางให้เอง
พี่รั้งช่วยแสดงรายชื่อลูกๆ ของท่านปู่ศรีสุทโธ ด้วยค่ะ ของแต่ละชายาด้วยนะ
แต่เอ...สงสัยอีกแล้ว ว่าแต่ละคนเี่นี่ยกำเนิดแบบโอปาติกะ หรือว่าอย่างไร?

 

รั้งมีชื่อ ที่ได้มาจาก พระรูปหนึ่ง ที่ จ. หนองคาย

เจ้าปู่ ศรีสุทน สุริยเมตไตย กับ ท่านย่า สุภัค นาคราช..

คู่นี้ไม่ทราบว่า เป็น ท่านใด ...


ส่วนรายชื่อลูก มีแต่ของ ท่าน ศรีสุดาจันทร์ทิพย์ ค่ะ ...

ท่าน สุจิตรา เทวี

ท่าน วรรณศรี มณีรัตนามายาเทวี

ท่าน มณีจันทร์

ท่าน พิมมายา .....

นอกนั้น ยังไม่มีรายชื่อ ขึ้นมาให้ค่ะ...

 

งั้นตามใจสมุนาเทวีแล้วกัน คือ เอาตามรายชื่อทิพย์อักษรก็ได้ครับ คุรุวาโร ยังไงก็ได้ครับ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าเขาจากภพภูมิของพญานาคมาแล้ว คุรุวาโรจะไม่ไปสอบถามที่ภพภูมิให้นะครับ เพราะไม่อยากเห็น คนที่ถูกทรมานนะครับ และบรรยากาศก็ไม่น่าภิรมย์สักเท่าไหร่นะครับ และอีกอย่างไม่ถามเทพหยั่งรู้นะครับ เพราะเทพธิดาเขาห้าม ครับ เราก็ทำเท่าที่ได้แล้วกันครับ

 

ท่าน ประธาน ค่ะ คุณ นุ๊ก ค่ะ เรามาช่วยค้นหาความจริงดีกว่าค่ะ

รายชื่อที่รั้งได้มานั้น ก็สุดจะพิลึกค่ะ ได้จากสื่อ มาตลอดแต่พอได้

พบกับ บุคคลนั้นๆแล้ว ก้ให้รู้สึกสนิทสนม คุ้นเคยเหมือนเราเป็น

ครอบครัวเดียวกัน ...การได้รายชื่อนั้น มักได้แบบกระชั้นชิด ไม่รู้

ตัวว่าใครเป็น ใครมาก่อน จะมีผู้มาแจ้งทาง พีเอ็ม และตามไปพิสูจน์

จึงจะ คอนเฟิร์ม ได้ค่ะ....

 

เจ้าปู่ ศรีสุทน สุริยเมตไตย กับ ท่านย่า สุภัค นาคราช..สองชื่อนี้ พรุ่งนี้ให้คำตอบ แต่ ทิพย์อักษร ต้องเล่าเรื่องราว รายชื่อลูกๆมาให้ นราวดีฟังบ้าง(ถ้านราวดีอยากรู้ แต่ถ้าไม่นราวดีไม่อยากรู้ ก็ไม่ต้องเล่าครับ)

 

แล้วตามความต้องการของคุณคุรุวาโร ต้องการเพิ่มงานหรือลดงานล่ะคะ
อย่ามาอ้างเราดีกว่า ถามความเห็นสมาชิกดีกว่ามั้ยคะ จะจริงจังอะไรกันมากมาย
ถ้าเลือกเฉพาะที่ยังอยู่ในภพภูมิ ข้อมูลที่ได้รับมาก็ไม่ 100% น่ะซิคะ
เหมือนรู้ครึ่งๆ กลางๆ รู้แล้วก็เหมือนไม่รู้ นอกจากลูกตามเชื้อสายวงศ์วาน
แล้วก็ยังมีลูกที่รับอุปการะอีกตั้งมากมายก่ายกอง หากันจนเวปล่มแน่นอน

 

ขอยกตัวอย่าง หนึ่ง ท่านนะคะ...

มีน้องคนหนึ่งที่ ตามอ่านบทความรั้งจากทุกเวป ที่รั้งลงเรื่องราว

เธอมักมาอนุโมทนา แบบเงียบๆ มาระยะหนึ่งเธอพีเอ็มมาเล่าให้ฟัง

เรื่องเธอ ไปนั่งปฏิบัติธรรม ที่วัด มเหยงศ์ จ. อยุธยา เธอได้พบ ( ในสมาธิ )กับ

ชายคนหนึ่ง เดินมาหา และเรียกเธอว่า ลูก .... ชายผู้นี้ เหมือนเป็น

นักบวช และ มักมาหาเธอ บ่อยๆ ในนิมิตร .. น้องคนนี้ สงสัยตัวเอง กับ

คำที่เรียก เรียกเธอจึงเก็บความสงสัย มาถามรั้ง....

จากนั้น คืนนั้น รั้งฝันและได้รู้ว่า ..เธอคือ ..ท่านสุจิตรา เทวี ลูกของ

ท่าน ปู่ ศรีสุธาโภชน์ กับ ท่าน ศรีสุดาจันทร์ทิพย์ ... ปัจจุบันเธอทำงาน ใน

ตำแหน่งระดับ สูงในบริษัท ยักษ์ใหญ่ของประเทศ จึงไม่เอ่ยนาม จริงเธอ ค่ะ....

 

เห็นทีว่า...คงต้องหาโลโก้ "อยากรู้หนอ" เป๊ะไว้ตรงหน้าผากแล้วล่ะคะ ^^

 

ท่าน วรรณศรีมณีรัตนา มายาเทวี ....

ท่านนี้ ..เป็นน้องคนหนึ่ง ที่ติดตาม อ่านเรื่องราวและ เล่าให้ฟัง

ทาง พีเอ็ม ว่า.. เธอมักพบ ชายท่านหนึ่ง ซึ่งต่อมาทราบว่า เป็น

ท่านปู่ ศรีสุทโธนาคราช มักมาบอกเธอให้เร่งเพียรปฏิบัติ (น้องคนนี้ ดื้อมาก)

ใช้ชีวิต เสเพล มาระยะหนึ่ง ..ต่อมาหลังจากปู่ศรีสุทโธ มาหาบ่อยๆและเธอเริ่ม

ปฏิบัติ อย่างจริงจัง จึงทราบว่า ผู้ที่มาเยี่ยมเธอประจำนั้น คือ ท่านพ่อเธอ แต่เธอ

ยังไม่ทราบว่า เธอคือ ผู้ใด รั้งจึงบอกเธอว่า ครั้งต่อไป ให้ถามเลย ...และก็เป็น

ตามคาด เธอเซ้าซี้ จึงทราบว่า เธอ..คือ ท่าน วรรณศรี ...และปู่ศรีสุทโธได้บอกว่า

วรรณศรี ได้ แต่งงาน กับ ท่านภุชงค์ และได้สถาปนา เป็น ..

วรรณศรีมณีรัตนามายาเทวี.... ปัจจุบัน ท่านนี้ พำนัก อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์และ

ตั้งใจว่ากลับไทย เที่ยวนี้ จะมาบวชชีแล้วจะไม่สึก เลยค่ะ....ตามที่ปู่ศรีสุทโธ บอกไว้....

 

ท่าน มณีจันทร์ ..

คนนี้ได้รับรู้เรื่องราว น้อยมากค่ะ อาจด้วยว่าเธอยังเป็นเด็ก ที่ไม่สนใจ

ในเรื่องเหล่านี้นะคะ แต่ คุณแม่ของน้องพาเธอไปปฏิบัติธรรมและพระที่

สอนสมาธิ เห็นได้บอกกับ คุณแม่ของเธอว่า อดีต น้องคนนี้ คือ ท่านมณีจันทร์...

 

ท่านพญาภุชงค์นาคราชเองก็มีพระชายาหลายองค์เหมือนกันใช่มั้ยคะพี่รั้ง