เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    มีแค่ 2 รายการนี้ที่พี่หนุ่มจะจัดส่งให้วันนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2013
  2. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    ขอบคุณน้องเอกมากค่ะ...._/\_
     
  3. pichedv

    pichedv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +949
    แสดงว่าไม่ควรแขวนรวมกับพระชัยเทวฤทธิ์ฝังยันต์ดวงชะตา ก้นอุดผงพรายกุมารใช่มั้ยครับ อีกอย่างผมตั้งใจว่าจะเลี่ยมพระสมเด็จรุ่นสุดท้ายของท่านโดยด้านหลังจะติดพระพุทธโธน้อย หรือพระสมเด็จมงคลมหาลาภของคุณแม่บุญเรือนไว้ด้วยเนื่องจากสร้อยผมมีห่วงเดียวไม่อยากเลี่ยมแยก อย่างนี้ก็ไม่เหมาะใช่ไหมครับ...ขอบคุณมากครับ
     
  4. nuns

    nuns เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +626
    พี่พอจะมีแบ่งให้บูชาไหมครับ

    พี่พอจะมีแบ่งให้บูชาไหมครับ ถ้ามีขอจองครับ ช่วยแจ้งทาง pm ด้วยครับ
     
  5. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    ตารางอันนี้ไม่ update พอดีเมื่อเช้าทำงานแล้วเครื่องคอมพ์มันป่วยค่ะ

    รายการนั้น คุณพาภาสได้โอนเงินบูชาแล้วตั้งแต่ 23-07-55 ค่ะ
     
  6. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    พี่เขาไม่อยู่ ดิฉันขอตอบรับแทนนะคะ ไฟล์ภาพที่ส่งมาได้รับแล้วค่ะ ขอบพระคุณมาก และวันนี้ได้โอนชำระ
    1 ปลัด หลวงพ่อตัด หมายเลข8...2500<O:p
    2 พระพุทธกวัก ปี 2499 วัดสารนารถ...2000<O:p
    3 พระผงหลวงปู่ดู่ พิมพ์หลวงปู่ทวด แช่น้ำชา...6000<O:p
    4 พระสมเด็จรุ่นแรก กรุวัดลาดบัวขาว ปี 2485 องค์ที่ 4 และ 9...17000

    <O:pรวม27500 บาท ตามใบโอนนี้ ที่อยู่ตาม PMค่ะ<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ekkorn9

    ekkorn9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +5,592
    ขอแบ่งปันประสบการณ์ครับ สมเด็จรุ่นแรก หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต

    เรื่องพานครู ขันธ์ 5
    เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เอาเท่าที่ภูมิธรรม ผมได้เรียนรู้มาจากอาจารย์นะครับ พานครู ขันธ์ 5 เปรียบเสมือน สื่อ แทนระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ คนทุกคนเกิดมาก็มีครูบาอาจารย์ทุกท่าน คราวๆนะครับ
    พานครู ขันธ์ 5 เหมือน ไมค์ตัวหนึ่ง ที่เราจะหยิบพาน ยกขึ้นจรดหน้าผาก มาสวดมนต์ บทอัญเชิญ พระเครื่อง เพื่อให้ท่านได้รับรู้ หรือเป็นทางลัด ให้ท่านรับรู้ถึงคำอธิษฐานของเรา เพราะเวลาท่านรับ ท่านรับที่พานครู ขันธ์ 5 เสมือน เราถ่ายทอดคำอธิษฐานผ่านพานครู ขันธ์ 5 แล้วครูบาอาจารย์ท่านมารับที่พานครู ขันธ์ 5 ครับ คล้าย กับการที่เราต้องมีสื่อ ในการจุดธูป เพื่อบอกกล่าว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่นกันครับ
    พานครู ขันธ์ 5 หาซื้อได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไปครับ ตามรูป ราคาประมาณ 350 บาท ซื้อเอง ขอบารมีครูบาอาจารย์ให้ท่านสงเคราะห์ให้ก็ได้ครับ บอกผ่าน จุดธูปต่อหน้าหิ้งพระ น้อมขอบารมีครูบาอาจารย์ที่เราศรัทธา นึกให้ท่านเป็นกายทิพย์มาประสิทธิ์ พานครู ขันธ์ 5 และรับกับมือท่านเอง โดยกำหนดจิตนึกเอาเองครับ
    หรือ อีกวิธี หากมีครูบาอาจารย์ที่ท่านสงเคราะห์ให้ ก็ให้ท่านเชิญให้ครับ แต่เวลารับ ท่านจะวางไว้ที่หิ้งพระ ให้เรากราบพระ และหยิบเอง ต่อหน้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครับ
    ในรูป พานครู ขันธ์ 5 ให้ใส่เงิน 108 บาท และสามารถนำพระเครื่องครูบาอาจารย์ที่เราศรัทธา หรือเป็นสร้อยที่สวมใส่ประจำ แขวน หรือ วางที่พานครู ขันธ์ 5 ได้ครับ
    เวลามีงานบุญ ก็นำเงิน 108 บาท ไปทำบุญได้ครับ และนำ เงิน 108 บาทใหม่มาใส่แทนครับ
    หากสิ่งใดไม่เหมาะสม ผมกราบขอประทานโทษด้วยนะครับ ด้วยความเคารพต่อทุกท่าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ธัญญ์นิธิ

    ธัญญ์นิธิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,794
    ค่าพลัง:
    +6,030
    ขอบคุณ คุณ moo noi มากมากครับ :cool:(f)
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    นำเอาปัฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯมาให้ดูครับ
    ขอคัดบทความเรื่องปัฐวีธาตุในชีวิตของคนที่ใช้บูชา
    .......................................................
    คัดมาจากหนังสือประสบการณ์เรื่องวิญญาณของคุณทองทิว สุวรรณทัต
    เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปคุยกับ คุณณัฐชัย หงษ์ยนต์ ผู้จัดทำหนังสือ "ประมวลประวัติและภาพวัตถุมงคล ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต" ที่มีเนื้อหาสาระและภาพประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด คุณณัฐชัยได้เล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดแก่ตัวคุณณัฐชัยให้ผู้เขียนฟังอยู่สองเรื่อง ซึ่งขออนุญาตนำมาเปิดเผยเล่าสู่กันฟังดังนี้
    เรื่องแรก ได้แก่ความฝัน กล่าวคือ อยู่ๆ คุณณัฐชัยก็ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณ มาร้องเรียกให้ไปอยู่ด้วยกัน เสียงเรียกนี้แม้เมื่อตื่นจากความฝันก็ยังได้ยินอยู่ นัยว่าคุณณัฐชัยเคยเป็นคนชาวบ้านบางระจันที่เคยรบกับพม่าร่วมกับเจ้าของ เสียงมาอย่างโชกโชน และด้วยเหตุนี้ชาวบ้านบางระจันจึงเรียกร้องให้คุณณัฐชัยกลับไปอยู่กับพวกเขา เหมือนเดิมอีกครั้ง
    ความฝันดังกล่าวมิใช่เกิดขึ้นคืนเดียวแล้วก็จางหายไป แต่เป็นความฝันที่เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอีกนับเป็นปีๆ จนคุณณัฐชัย อดทนไม่ไหวก็พาบุตรและภรรยาขึ้นรถไปยังอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
    เมื่อไปถึงยังสถานที่ค่ายของชาวบ้านบางระจันเคยตั้งอยู่ คุณณัฐชัยก็มีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านเก่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูคุ้นลูกหูลูกตาไปหมด ซึ่งถ้าพูดไปทางธรรมะก็หมายถึง สัญญาเก่า คือ ความทรงจำมั่นหมายมั่นหวนกลับมาโดยมิคาดฝัน
    แต่คุณณัฐชัยยังมีสติ จึงจุดธูปปักกลางแม่ธรณี แล้วบอกว่า ถึงตัวเคยเป็นชาวบ้านบางระจัน เคยรบทัพจับศึกกับพม่าร่วมกับพี่น้องชาวบางระจันทั้งหลายมาก็จริง แต่เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ ปัจจุบันนี้มันคนละภพคนละชาติกันแล้ว จะให้ไปอยู่ร่วมกันอีกก็คงจะไม่ได้ แต่คุณณัฐชัยจะทำบุญถวายสังฆทาน อุทิศกุศลให้แก่บรรดาชาวบางระจันที่ล่วงลับไปทุกตัวตน
    ครั้นอธิษฐานดังนี้เรียบร้อย คุณณัฐชัยก็พาบุตรภรรยาขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ในใจก็คิดว่าหมดเรื่องหมดราวแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอตกกลางคืน คุณณัฐชัยหลับไปงีบเดียวก็ฝันว่า มีคนตะโกนร้องเรียกให้คุณณัฐชัยกลับบ้านเหมือนเดิม
    เสียงเรียกคุณณัฐชัยดังเข้าไปในหูอยู่หลายปีก็ยังไม่หายจนหมดหนทางที่จะแก้ไขอยู่แล้ว ก็พลันนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมจนสามารถติดต่อกับ "พ่อปู่"ได้
    คุณณัฐชัยก็เดินทางไปหาเพื่อนคนดังกล่าว และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พลางขอให้เพื่อนช่วยเหลือสักครั้ง
    เพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมได้ฟังความทุกข์ของคุณณัฐชัยแล้วก็พาคุณณัฐชัยเข้าห้องพระ นั่งทำสมาธิติดต่อ "พ่อปู่" อยู่ครู่ใหญ่ก็บอกคุณณัฐชัยว่า เรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นคนละภพคนละชาติกันแล้ว แต่คุณณัฐชัยนั้น เคยเป็นระดับหัวหน้า ถึงจะตายไปแล้วเกิดใหม่ พวกลูกน้องที่ยังจงรักภักดีก็ยังอาลัยอยากให้ไปอยู่เป็นหัวหน้าพวกเขาเหมือนเดิม เรื่องถึงได้ยุ่ง
    วิธีแก้ก็คือ ให้หาพวงมาลัยสี่ชายที่ปลายผูกด้วยดอกจำปามาหนึ่งพวงแล้วให้คุณณัฐชัยจุดธูปเก้าดอกปักลงที่พระแม่ธรณี บอกกล่าวพวกเขาเสียว่ามันเป็นเรื่องชาติเดิม ภพเดิม ตนได้มาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้วจะหวนกลับไปร่วมไม่ได้ ได้แต่จะทำบุญอุทิศกุศลไปให้เท่านั้น
    พออธิษฐานเสร็จก็ให้เด็ดดอกจำปาทั้งสี่ดอก ขว้างไปทั้งสี่ทิศ ทุกอย่างก็จะเงียบหายไปไม่เกิดขึ้นอีก
    คุณณัฐชัยกลับบ้านก็มาปฏิบัติตามคำแนะนำของ "พ่อปู่" นับแต่นั้นก็ไม่มีใครมาร้องเรียกให้กลับไปบางระจันอีก
    a8a8a8a8a8a8a8a8a8a
    เรื่องที่สอง นี้เกิดขึ้นกับคุณณัฐชัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ในสมัยคุณณัฐชัยประสบแต่วิบากกรรม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขาดทุนไปหมด จนเกือบจะหมดทุนอยู่แล้วจะเหลียวหน้าไปหาใครก็ไม่มี จะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่เห็น
    เผอิญเงยหน้าไปมองรูปถ่ายของท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ตั้งไว้บนที่สูง คุณณัฐชัยซึ่งหมดหนทางแล้วก็จุดธูปสามดอกปักที่กระถางธูป แล้วกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์บอกกล่าวว่าเจ้าคุณนรฯว่า ตนกำลังอับจนข้นแค้น ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ทำมาหากินก็ขาดทุนย่อยยับ ขอให้เจ้าคุณนรฯ โปรดเป็นที่พึ่งชี้หนทางสว่างให้พ้นจากความมืดมิดในครั้งนี้ด้วยเทอญฯ
    กราบเจ้าคุณนรฯ เสร็จ ด้วยความอ่อนใจในโชคชะตาของตน คุณณัฐชัยก็เอนตัวลงนอนบนเตียงหมดเรี่ยวแรง
    พอเคลิ้มไปได้หน่อยเดียว ก็ปรากฏมีพระรูปหนึ่งยิ้มอยู่บนเหนือศีรษะถามว่า "มีทุกข์อะไรหรือ"
    ในฝันหรือช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น คุณณัฐชัย รีบลุกขึ้นนั่งพับเพียบกราบลงไปแทบเท้าของท่าน แล้วเล่าถึงความทุกข์ยากของตนให้ท่านฟัง แล้วขอให้ท่านช่วยโปรดด้วยเถิด พระรูปนั้น หรือที่แท้จริงคือ เจ้าคุณนรฯได้บอกแต่เพียงว่า
    "ทำไมมีของดีแล้วไม่รู้จักใช้ ก็ก้อนกรวดหรือปฐวีธาตุที่มีอยู่นั่นไง"
    เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ คุณณัฐชัยก็แหวกหน้าอกเสื้อควักก้อนกรวดขนาดปลายนิ้วก้อยหุ้มด้วยพลาสติกสี่เหลือง เลี่ยมทองจับขอบ ออกมาให้ผู้เขียนชมบอกว่า "นับแต่วันที่ผมนำปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯแขวนติดตัว ก็ค่อยกระเตื้องขึ้นจนพอมีกินมีใช้ในทุกวันนี้แหละครับ"
    อันก้อนกรวดที่ว่านี้ กล่าวกันว่าเป็นวัตถุมงคลที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกเพื่อต้องการมอบให้คุณโกศล ปัทมะสุนทร หลานชายของท่านซึ่งเป็นบุตรของนางเลื่อนน้องสาวของท่านเอง ทั้งนี้เนื่องจากคุณโกศล เคยเอ่ยปากขอของดีจากท่าน แต่ท่านไม่มีให้ แต่ก่อนที่จะมรณภาพเพียง 6 วัน ท่านได้บอกแก่คุณโกศลว่า ถ้าอยากได้ของดีให้ไปเก็บก้อนกรวดที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการมาท่านจะเสกให้
    แต่คุณโกศลสงสัยก็ถามว่า ถ้าที่บางบ่อไม่มี จะไปเอาที่ชลบุรีหรือสมุทรสงครามได้ไหม ท่านก็บอกว่าไม่ได้ ต้องที่บางบ่อเท่านั้น เพราะชื่อเป็นสิริมงคล เป็นบ่อเงิน บ่อทอง และจังหวัดสมุทรปราการก็เป็นชื่อที่ไพเราะ
    คุณโกศลก็รีบไปหาก้อนกรวดนำไปให้ท่านปลุกเสกครั้งแรกเก้าก้อน ซึ่งท่านเจ้าคุณนรฯ ใช้เวลาปลุกเสก 15 นาที ก็ส่งให้คุณโกศลให้นำไปแจกลูกหลานห้อยคอ ทั้งบอกให้คุณโกศลไปเอาก้อนกรวดจากบางบ่อมาให้ท่านปลุกเสกอีก คราวนี้มีผู้ทราบเรื่องเป็นจำนวนมากก็พากันไปขอก้อนกรวดจากคุณโกศล จนท่านเจ้าคุณนรฯ ทำการปลุกเสกให้คุณโกศลที่นำก้อนกรวดมาถวายเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2514 ซึ่งเป็นของดี ชุดสุดท้ายจริงๆ
    พอรุ่งขึ้น ท่านเจ้าคุณนรฯ ก็มรณภาพ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    คุณลุงประมุข ผู้เป็นเจ้าของปัฐวีธาตุทั้งหมดชุดนี้ซึ่งท่านได้รับมานานมากแล้วตั้งแต่ท่านเจ้าคุณยังไม่ละสังขารและเก็บรักษาไว้อย่างหวงแหนในกล่องแบบโบราณอย่างดีจนถึงบั้นปลายชีวิต จึงได้แบ่งให้มาในส่วนที่เหลือทั้งหมด เพื่อจะได้กระจายไปสู่คนที่มีศรัทธาในตัวท่านเจ้าคุณนรฯ ถือเป็นปัฐวีธาตุชุดสุดท้ายของท่านเจ้าคุณฯ ที่มีผู้เก็บรักษาไว้เป็นกลุ่มเป็นก้อน ในวงการพระเครื่องระดับใหญ่ๆบนห้างรู้เรื่องนี้กันดี ต่างแบ่งไปคนละชิ้นสองชิ้นจากทั้งหมดนับยี่สิบชิ้น ใช้ใส่ในขันน้ำมนต์ร่วมกับศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือนก็ดีเยี่ยมโดยมีผู้ลองนำไปรักษามะเร็งได้ผลชัดเจนมาหลายรายเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง ใช้แขวนป้องกันภัยก็ดีมาก ต้องกราบขอบคุณคุณลุงผู้มีน้ำใจอย่างยิ่ง
    .........................................................................................................................................................................................................
    ก่อนที่ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ (ธมฺมวิตกฺโก) ท่านจะมรณภาพ เหมือนว่าท่านจะรู้ตัวมาก่อน ท่านจึงพูดกับคุณปลัดผู้เป็นหลานว่า หลานจงไปเก็บก้อนกรวดที่บางบ่อมา ลุงจะทำของดีให้ คุณปลัดจึงได้เรียนถามท่านว่า ผมจะเก็บที่อื่นได้ไหม ท่าน ฯ บอกว่าไม่ได้ คุณปลัดจึงสงสัยว่าเหตุใดท่านฯ จึงมีความประสงค์เช่นนั้น

    ดูเหมือนท่าน ฯ จะรู้ว่าคุณปลัดมีความสงสัย ท่าน ฯ จึงได้อธิบายว่า อันธรรมตากรวดที่อำเภอบางบ่อนั้น ชื่ออำเภอก็เปรียบเหมือน บ่อเงิน บ่อทอง และถือเคล็ดว่าจังหวัดสมุทรปราการด้วย คำว่าปราการ เปรียบเหมือนเป็นเกราะป้องกันภยันตรายต่าง ๆ นั้น บางครั้งท่านจะเรียกก้อนกรวดว่า [FONT=&quot]“[/FONT]เพชร-พลอย[FONT=&quot]” [/FONT]และท่านยังได้อธิบายต่อไปว่าก้อนกรวดนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือเรียกว่า [FONT=&quot]“[/FONT]คดดิน[FONT=&quot]” [/FONT]ตามธรรมดามนุษย์เราจะถือว่าของที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เช่น [FONT=&quot]“[/FONT]คดปลวก[FONT=&quot]” [/FONT]ที่เกิดขึ้นในจอมปลวก คนโบราณท่านถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกจึงได้เจาะจงให้หลานชายท่านไปเก็บของสิ่งนี้มา

    ในรุ่งขึ้นคุณปลัดก็ลืมเสียท่านฯ จึงได้ย้ำอีกว่าจงรีบไปหาเก็บมานะ เดี๋ยวจะไม่ทันการ คุณปลัดเองก็ไม่ได้สังหรณ์ใจในคำพูดเช่นนี้ คุณปลัดได้กราบเรียนท่าน ฯ ว่า ผมผ่านไปมาทุกวันไม่เห็นมีกองกรวดที่ไหนเลย ท่านฯ จึงพูดว่าไปหาให้ดีเถอะ มีแน่ ๆ ที่บางบ่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ที่ท่านฯ ไม่เคยออกจากวัดไปไหนมาก่อนเลย เหตุไฉนท่านฯ จึงรู้ว่ามีกองกรวดอยู่ คุณปลัดเองก็ขับรถเข้าออกอยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่เคยเห็น หรืออาจจะเป็นเพราะคุณปลัดไม่ได้เอาใจใส่เองก็อาจจะเป็นได้ และที่ท่านได้เอ่ยปากว่าจะทำของดีให้นั้น ก็ทำให้คุณปลัดรู้สึกประหลาดใจบ้าง เพราะตามปกติท่านก็ไม่เคยให้สิ่งใดแก่คุณปลัดไว้บูชาเลย และตนเองก็เคยทราบว่าท่านมักจะไม่ปลุกเสกของให้ใครง่าย ๆ เพราะท่านเคยพูดกับคุณหมอสุพจน์ ศิริรัตน์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งคุณหมอสุพจน์ได้นำผงสมเด็จจากกรุวัดจักรวรรดิ (สามปลื้ม) บดละเอียดใส่บาตรไปไว้ทิศใต้ฐานชุกชีในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทร์ ฯ เป็นเวลา ๑ ไตรมาส ตอนเอากลับท่านได้พูดกับคุณหมอสุพจน์ว่า ผงนี้ท่านปลุกเสกให้สำเร็จแล้ว ถ้าจะนำไปทำพระ ก็ไม่ต้องนำมาให้อาตมาปลุกเสกอีก เพียงแต่นำไปเข้าพิธีที่ไหนก็ได้ จะได้ผลเท่ากัน อาตมาเองก็ไม่อยากที่จะปลุกเสกให้นัก เพราะถ้าพระของอาตมา ที่ปลุกเสกให้ตกไปอยู่กับใคร ถ้าผู้นั้นประกอบแต่กรรมดี ผู้นั้นก็จะได้รับแต่ความเจริญก้าวหน้า แต่ถ้าผู้ใดที่ประพฤติในทางที่ไม่ชอบจะเป็นกำลังหนุนให้ประพฤติมิชอบยิ่งขึ้น แต่ไม่นานก็ได้รับผลกรรมนั้น ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงไม่อยากปลุกเสกให้กับผู้ใด นอกจากท่านพระครูอุดมคุณาทรเท่านั้น (ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ)

    ฉะนั้นเมื่อคุณปลัดโกศลมานึกถึงคำนี้ ก็ให้แปลกใจเป็นอันมาก ที่จู่ ๆ ท่านก็ให้ไปเก็บก้อนกรวดให้ และบอกว่าจะทำของดีด้วย ก็คิดว่าจะต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่เร่งเร้าเป็นอันขาด และของดีที่ท่านได้เคยปลุกเสกให้ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ ซึ่งสมัยยังเป็นพระครูอุดมฯ อยู่ ก็ก่ออภินิหารศักดิ์สิทธิ์มากแก่ผู้ที่ได้รับไปบูชา จนเป็นที่เลื่อมใสในศรัทธาแก่มหาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในต่างประเทศก็เคยปรากฏว่าฝรั่งถึงกับนั่งเครื่องบินมาขอบูชาพระเครื่องของท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณก็ยังเคยมี และคุณปลัดเองก็เคยมาขอกับเจ้าคุณลุงเหมือนกัน แต่ท่านได้บอกว่าเฉพาะที่ตัวท่านแล้วไม่เคยมีพระเครื่องเลย ถ้าอยากได้ก็ให้ไปขอท่านเจ้าคุณอุดมฯ ซึ่งเป็นผู้สร้าง และท่านยังกำชับอีกด้วยว่า อย่าไปเอาของเขาฟรี ๆ นะ ต้องบริจาคเงินด้วยเพื่อเขาจะได้นำไปสร้างกุศล นี่ก็เป็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกไม่ยอมให้ญาติพี่น้องหรือลูกหลานของท่านไปรบกวนคนอื่น ๆ

    ในวันรุ่งขึ้นตรงกับวันอาทิตย์ คุณปลัดโกศล พร้อมด้วยภรรยาคือคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร และ พ.อ. วรสนธิ วรเสียงสุขา (เดิมชื่อ พ.อ.สนธิเสียงสุขา) แต่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ท่านได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลให้ใหม่โดยเติม วร เข้าที่หน้าชื่อและนามสกุล ทั้งสามได้นำเอารถส่วนตัวออกเที่ยวตระเวนหาก้อนกรวดจนทั่วท้องที่บางบ่อก็ยังไม่พบเลยสักก้อน จนกระทั่งขับรถจะออกมาทางบริเวณปากทางจะเข้าตัวอำเภอบางบ่อ ซึ่งตรงนั้นใกล้กับสะพานคลองเจ้า (พระองค์เจ้าไชยยานุชิต) จึงพบกองทรายเข้ากองหนึ่ง ทั้งสามจึงจอดรถเข้าไปค้นหาดูก็พบ
    คุณปลัดรู้สึกดีใจมาก จึงเลือกเก็บก้อนกรวดเป็นนาน และได้มาทั้งหมดประมาณ ๒ กำมือ ใส่ถุงพลาสติกเล็ก ๆ ได้ ๓ ถุง จึงนำไปชำระล้างจนสะอาดดี

    รุ่งขึ้นตรงกับวันจันทร์ที่ ๔ มกราคม จึงได้นำก้อนกรวดใส่ภาชนะ คือพาน และมีผ้าขาวปักดอกไม้ต่าง ๆ ปูรองอยู่ใต้พาน นำก้อนกรวดวางไว้จำนวน ๙ ก้อน ซึ่งคุณปลัดได้กะไว้สำหรับครอบครัวพอดี ตามจำนวนที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกท่านสั่งไว้ คือของบุตรคุณปลัด ๗ คน และคุณปลัดพร้อมด้วยภรรยาอีกรวมเป็น ๙ คนพอดี
    ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ได้ปลุกเสกให้โดยรับไว้ในมือ เสกอยู่นานประมาณ ๑๘ นาที จึงเป็นอันเสร็จพิธี ท่านได้มอบให้กับคุณปลัดโกศล และบอกให้ไปเลี่ยมให้ลูก ๆ ห้อยคอไว้ จะเกิดสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ และท่านได้สั่งให้ปลัดโกศลไปนำก้อนกรวดมาอีกท่านจะเสกให้
    รุ่งขึ้นในวันอังคารที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ คุณปลัดก็ได้สั่งภรรยา คือคุณจำเนียร ปัทมสุนทร (ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ของท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก) ซึ่งคุณจำเนียรได้เดินทางไปพร้อมกับภรรยาของข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่งแห่งอำเภอบางบ่อ (สำหรับผู้นี้ไม่ประสงค์จะออกนาม ด้วยเกรงว่าจะถูกรบกวน เรื่องปฐวีธาตุ) เพียง ๒ คน เพราะคุณปลัดโกศลไม่ว่างเพราะติดราชการ จึงได้มอบหมายให้ภรรยาจัดการแทน ซึ่งเก็บได้อีก ๑ ถุงพลาสติก และได้นำไปชำระล้างอีกอย่างเคยพร้อมกับนำใส่ถาดพลาสติก และรวมทั้งของที่เก็บไว้เมื่อครั้งก่อนอีก ๓ ถุง รวมเป็น ๔ ถุง จากนั้นจึงได้นำไปให้ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกปลุกเสกอีก

    ภายหลังจากที่ท่านได้ทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยและได้รับการชำระแผลจากนายแพทย์ไพบูลย์เป็นที่เรียบร้อย คุณปลัดโกศลจึงได้นำมาให้ท่านช่วยปลุกเสกให้ภายในพระอุโบสถ โตยท่านใช้เวลาบริกรรมปลุกเสกให้อย่างตั้งใจ เป็นเวลาเท่ากับครั้งแรก และครั้งนี้ท่านก็ได้อธิบายให้คุณปลัดโกศลฟังว่า [FONT=&quot]“[/FONT]ของดีที่มีคุณค่ามาก[FONT=&quot]” [/FONT]เรียกว่า [FONT=&quot] “[/FONT]พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ[FONT=&quot]” [/FONT]หมายความว่ามีจิตเมตตา ถึงใครจะเหยียบย่ำทำสิ่งใดก็ไม่ว่า ประดุจพ่อแม่ของเราที่รักลูก จะมีแต่ความเมตตากรุณาต่อลูกทุกคน แม้ลูกจะกระทำสิ่งใดผิดก็จะให้อภัยเสมอ ฉะนั้นก้อนกรวดนี้จึงมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หากจะมอบให้กับใคร ก็จงให้แก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาเท่านั้น เพราะสิ่งของนี้มีค่ายิ่งกว่าเพชรพลอย และให้ผู้ที่เขารับไป จงนำก้อนกรวดนี้วางไว้ตรงกลางรูปใบโพธิ ส่วนรูปใบโพธินั้นให้เอากระดาษแข็งหรือจะเป็นโลหะ ทองเหลืออง ทองแดง เงินหรือทองคำก็ได้ ให้ตัดเป็นรูปใบโพธิ ให้เขียนเป็นตัวอักขระขอมตัว [FONT=&quot]“[/FONT]อุณาโลม ๙ ชั้น[FONT=&quot]”[/FONT] อยู่ด้านบน หางตัว [FONT=&quot]“[/FONT]อุ[FONT=&quot]”[/FONT] ชี้ตรงไปจดปลายใบโพธิ ส่วนใต้ตัว [FONT=&quot]“[/FONT]อุ[FONT=&quot]” [/FONT]ลงไปให้เขียนเป็นอักขระภาษาไทยก็ได้ว่า [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT]สำหรับใต้ตัว [FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT]ลงไปก็ให้เขียนชื่อของผู้ที่เป็นเจ้าของก้อนกรวดนั้น พร้อมกับนามสกุลด้วย แล้วจึงนำก้อนกรวดวางลงตรงกลางใบโพธิที่เขียน แล้วนำไปเลี่ยมห้อยคอ จะเกิดสิริมงคลแก่คนห้อย

    สำหรับพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุท่านได้ย้ำเสมอว่า มีทั้งหมด ๙ คำด้วยกัน พร้อมกันนั้นท่านยังได้นับนิ้วมือให้ดูอีกด้วยดังนี้:-
    ๑. พระ
    ๒. พ่อแม่
    ๓. ธอ
    ๔. ระ
    ๕. ณี
    ๖. ปะ
    ๗. ฐะ
    ๘. วี
    ๙. ธาตุ
    และเป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ท่านชอบทำอะไรต้องลง ๙ เสมอ เช่น การบูชาพระ ท่านชอบบูชาด้วยดอกบัว ๙ ดอก รูปก็ ๙ ดอกเช่นกัน ท่านอาจจะถือเคล็ดการก้าวหน้าเสมอก็เป็นได้ เช่นการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ของท่าน ท่านจะไม่ละความพยายามที่จะให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปเสมอ ท่านไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ เลย ถึงแม้ท่านจะได้รับความทุกขเวทนาจากโรคภัย แต่ท่านก็ยังยิ้มเสมอ แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้มีความอดทนอย่างยอดเยี่ยมไม่มีพระภิกษุองค์ใดจะมีความมานะอย่างท่าน
    และเป็นที่น่าแปลกใจยิ่ง ที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกรู้สึกกระวนกระวายมาก ที่จะให้คุณปลัดโกศลไปนำก้อนกรวดมาในครั้งนี้ แถมยังกำชับเสียหนักแน่น ไม่ให้ไปเอาจากที่อื่น จำเพาะจะต้องที่อำเภอบางบ่อแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งท่านได้ย้ำอย่างผิดสังเกตมาก แต่ก่อนมีแต่จะถูกผู้อื่นขอร้อง รบกวนให้ปลุกเสกของตลอดมา จนบางครั้งท่านยังตำหนิเอา เช่นเมื่อคราวที่พระมหารูปหนึ่ง ได้นำเหรียญกลมใส่ตะลุ่มแล้วเอาผ้าปิด เพื่อกันผู้อื่นเห็น เข้าไปขอร้องให้ท่านช่วยอธิษฐานให้ในพระอุโบสถ ตอนหลังจากทำวัตรเรียบร้อย ขณะนั้นคุณปลัดโกศลและภรรยา และผู้อื่นอีกหลายท่านอยู่ในที่นั่นด้วย ท่านได้ตำหนิเอาว่า เอ ท่านมหานี้รบกวนจริง ๆ ปลุกเสกไม่รู้จักหมดจักสิ้นกันเสียที บางรายก็จะถูกถามเอาว่า จะปลุกเสกเอาไปเพื่อประโยชน์อะไร [FONT=&quot]?[/FONT]

    แต่ถ้าเพื่อการกุศลทางศาสนา ดังเช่นที่ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ ท่านก็ยินดีที่จะปลุกเสกให้ เพราะท่านเคยพูดไว้ตอนหนึ่ง เมื่อคราวที่ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ [FONT=&quot]([/FONT]สมัยยังเป็นพระครู[FONT=&quot]) [/FONT]ได้นำพระเครื่องใส่พานไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้ ท่านได้พูดกับพระมหาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่และอยู่ในที่นั้นด้วยว่า คุณไม่มีความสามารถที่สร้างได้สำเร็จเหมือนพระครูอุดม ฯ เขาที่ท่านพูดดังนี้ เพราะพระมหารูปนี้ได้เคยไปขอร้องให้ท่านปลุกเสกของให้ และมหารูปนี้ปัจจุบันก็ยังอยู่ แต่ผู้เขียนจะไม่ขอออกชื่อ ท่านยังบ่นอีกว่า แหม พวกคุณนี่รบกวนกระทั่งคนเจ็บคนป่วย แต่ถ้ามีผู้ใดจะให้ปลุกเสกของเพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหรือสาธารณประโยชน์ ท่านจะไม่ปริปากบ่นเลย สำหรับผู้ต้องการจะหาประโยชน์ใส่ตน ต้องถูกท่านไล่ให้กลับไปอย่างไม่ไว้หน้า ฉะนั้นพระที่ต้องการจะสร้างพระไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้ เมื่อรู้ดังนี้จึงไม่ค่อยมีใครที่จะเข้าใกล้ท่าน เพราะท่านเองก็ไม่เคยจัดสร้างพระเครื่องเลย ไม่เหมือนกับคณาจารย์อื่น ๆ

    โดยปรกติท่านก็ไม่เคยมีพระเครื่องไว้แจกผู้อื่นเลย แม้แต่ญาติพี่น้องหรือลูกหลานของท่าน ท่านก็ไม่มีให้ซึ่งเราก็ย่อมรู้ได้ว่าท่านเป็นพระที่ไม่ยอมสร้างสมอะไรทั้งสิ้นไม่ บางท่านได้ทราบมาว่าท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกเคยแจกพระเครื่องเป็นรูปเหรียญด้านข้างรูปไข่ เรื่องนี้ผู้เขียนขอค้าน เพราะท่านไม่เคยมีเหรียญไว้แจกเลย อาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ ผู้เขียนต้องขออภัยด้วย และยังมีบางท่านว่าท่านได้มอบพระเครื่องไว้ให้โดยล้วงออกมาจากในย่ามตอนลงพระอุโบสถ และลงใบหนังสือพิมพ์เสียด้วย แต่ผู้เขียนมาคิดดูและไตร่ตรองอยู่เป็นนานก็คิดไม่ตกว่าจะเป็นจริง เพราะตามธรรมดาผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านถือย่ามเลย แม้แต่รูปถ่ายท่านก็ไม่เคยถือย่าม ดังนั้นเหตุใดท่านจะถือย่ามลงทำวัตร แม้แต่พระที่มีกิจธุระเวลาทำวัตร ท่านก็ยังไม่ถือย่ามเข้าพระอุโบสถ นอกจากพระคณาจารย์ที่มาจากที่อื่น โดยได้รับการนิมนต์มานั่งปรกท่านจึงจะถือมา ดังนั้นผู้ที่ว่าท่านได้ล้วงย่ามนำพระออกมาแจก ผู้เขียนเข้าใจคงมีการเข้าใจกันผิดก็เป็นได้

    แต่ว่าในกรณีที่ท่านได้สั่งปลัดโกศลหลานท่านให้รีบไปนำก้อนกรวดมาให้ แล้วท่านก็ยังติดตามผลที่ท่านสั่งเสมอ เหมือนกับว่าท่านยังมีห่วงกังวลอะไรสักอย่าง ตั้งแต่ท่านได้ปลุกเสกพระเครื่องตลอดมา ท่านไม่เคยได้พูดอวดอ้างสรรพคุณของที่ท่านปลุกเสกให้ แต่มาคราวนี้ท่านก็ได้อธิบายให้หลานชายท่าน คือ ปลัดโกศลฟัง จะว่าเป็นการอวดอ้างของท่านเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ เป็นของชิ้นแรกที่ท่านได้ให้หลานชายท่านนำมาและเป็นของสิ่งแรกที่ท่านได้ประคองปลุกเสกโดยหันหน้าเข้าหาสิ่งของนั้น แต่.........อะไรจะไม่ตื่นเต้นเท่ากับท่านได้พูดว่า [FONT=&quot]“[/FONT]ก้อนกรวดนี้ขลังมาก สามารถที่จะคุ้มครองป้องกันนิวเคลียร์ได้อีกด้วย[FONT=&quot]” [/FONT] และยังป้องกันไฟได้อีกเช่นกัน พร้อมทั้งยกนิ้วชี้ขึ้นกระดกสำทับอย่างกลัวจะไม่เชื่อ
    เมื่อท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ปลุกเสกก้อนกรวดเสร็จในตอนเย็นของวันอังคารที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ แล้วท่านก็ได้มอบก้อนกรวดที่ปลุกเสกทั้งหมดแก่คุณปลัดโกศล ขณะนั้นลูกศิษย์ลูกหาที่เฝ้าดูท่านเจ้าคุณธมมฺวิตกฺโกอยู่ในพระอุโบสถที่มี จิตศรัทธาในตัวพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกต่างก็ลุกฮือเข้ามารุม ล้อมขอของดีจากคุณปลัดโกศลกันยกใหญ่ ซึ่งปลัดโกศลก็ได้แจกแก่ผู้ที่เข้ามารุมล้อมโดยทั่วหน้ากันทุกคน ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกเห็นดังนั้น จึงบอกแก่ปลัดโกศลให้ไปเอาก้อนกรวดมาอีก ท่านยินดีที่จะเสกให้

    รุ่งขึ้นตรงกับวันพุธ ที่ ๖ มกรากม ๒๕๑๔ คุณปลัดโกศลติดราชการ จึงได้มอบหมายให้คุณจำเนียรซึ่งเป็นภรรยาไปเก็บก้อนกรวดแทนอีกเช่นเคย ในครั้งนี้ก็ได้มีผู้ที่ได้ร่วมสมทบไปอีก รวม ๔ ท่านด้วยกัน เท่าที่จำได้ก็คือ คุณจำเนียร ปัทมสุนทร พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง และนายทหารยศร้อยเอกซึ่งเป็นนายแพทย์ทหารบกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าทั้งสองท่าน พร้อมกับผู้สมทบติดตามไปอีก ๑ ท่านแต่จำชื่อไม่ได้ จากนั้นทั้ง ๔ ท่าน จึงขับรถมุ่งไปยังท้องที่อำเภอบางบ่อ . โดยเก็บจากสถานที่จุดเดิมนั่นเอง เหมือนกับจะมีอะไรมาดลจิตใจทำให้แต่ละคนที่ไปด้วยกันต่างก็พยายามจะหาก้อนกรวดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าคงจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นทั้ง ๔ ท่านจึงได้ขอยืมตะแกรงร่อนจากคนงานที่นั่นมาช่วยกันร่อนเอาทรายออก เหลือนอกนั้นจึงคัดเอาก้อนกรวดที่งาม ๆ เท่าที่จะหาได้ เมื่อถึงตอนนี้อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงภาพคนที่แต่งตัวดี ๆ มียศเป็นนายทหาร แต่ไปยืนถือตะแกรงร่อนทราย เหมือนกับจะหาสิ่งของที่ทำตกอย่างนั้นแหละ ถ้าผู้ที่ขับรถผ่านไปมาพบเห็นเข้า และรู้ว่าที่มาร่วมกันเพื่อต้องการแต่เพียงก้อนกรวด เขาก็จะคิดว่าพวกนี้คงจะเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ คงจะมาค้นคว้าอะไรสักอย่างเป็นแน่ และคงจะเป็นที่สงสัยแก่ชาวบ้านในย่านนั้นและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา มีบางคนสงสัยมากถึงกับเข้าไปถามก็มี และก็ได้รับคำตอบจากคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทรไปว่า [FONT=&quot] “[/FONT]ท่านให้มาเก็บ[FONT=&quot]” [/FONT]ซึ่งคุณจำเนียรก็อดที่จะสงสารคนที่สงสัยไม่ได้ เพราะคำตอบที่ได้รับคนฟังย่อมไม่รู้เรื่อง ก็ได้แต่ดูเขาเก็บเพชรพลอยกันโดยมิได้เสียดายแม้แต่น้อย

    เมื่อเก็บได้จนเป็นที่พอใจแล้วจึงได้พากันกลับ พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง แยกส่วนที่เลือกมาได้ไว้เป็นของแต่ละคน โดยหวังที่จะให้ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกปลุกเสกให้ ส่วนคุณนายจำเนียร ปัทมะสุนทร พอถึงบ้านก็จัดเตรียมชำระล้างก้อนกรวดเป็นอย่างดี
    พอวันรุ่งขึ้นตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๑๔ โดยคุณปลัดโกศลก็ได้เตรียมก้อนกรวด แต่คราวนี้ไม่กล้าจะนำไปมาก เพราะเกรงว่าท่านเจ้าคุณลุงจะหนักด้วยเหตุท่านต้องยกไว้ในอุ้งมือตลอดเวลาในการบริกรรม [FONT=&quot]“[/FONT]ปลุกเสก[FONT=&quot]” [/FONT]สำหรับก้อนกรวดนั้นคุณปลัดโกศลได้จัดไว้ในถุงพลาสติกและใส่ไว้ในถาดเหมือนอย่างเดิม และถุงนี้เองที่เป็นถุงสุดท้ายที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกได้พยายามนั่งบริกรรมปลุกเสกให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะมรณภาพ เมื่อปลุกเสกเสร็จท่านก็ปรารภว่า [FONT=&quot]“[/FONT]วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย เหนื่อยเหลือเกิน[FONT=&quot]” [/FONT]นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ท่านเปล่งไว้ในโบสถ์ แล้วท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกก็รีบรุดกลับกุฏิท่านทันที นี่คือการปลุกเสกก้อนกรวดหรือเพชรพลอยของท่านเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ โดยไม่มีใครได้เฉลียวใจในคำพูดของท่านเลย ทั้ง ๆ ที่วันนั้นก็มีหลายท่านนั่งร่วมอยู่ในพระอุโบสถด้วย

    สำหรับเรื่องปฐวีธาตุนี้คุณปลัดโกศลเป็นคนรอบคอบมาก เพราะเรื่องปฐวีธาตุเป็นเรื่องใหญ่ในปัจจุบันนี้ และเป็นการยากที่จะดูให้รู้ได้ เพราะก็เหมือนก้อนกรวดธรรมดานั่นเอง ครั้นจะใช้วิธีดูทางในก็เป็นของลึกลับ เดี๋ยวจะพบแบบที่เขาพบกันเมื่อปี พ.ศ..๒๕๐๘ ที่เขาเรียกกันว่า ยำใหญ่ ฉะนั้นคุณปลัดโกศลจึงได้ทำบัญชีหรือที่เรียกกันว่า การขึ้นทะเบียนนั่นเอง เพราะผู้ที่ได้รับไปคุณปลัดโกศลได้จดรายชื่อ นามสกุล ไว้หมด จดแม้กระทั่งของที่ได้รับไปจำนวนเท่าไหร่ วันไหน ซึ่งดูก็รู้ว่าคุณปลัดเป็นบุคคลที่รอบคอบดีจริง แต่รายชื่อนั้นถ้าใครสงสัยว่าจะได้รับของแท้หรือไม่ก็ลองโทรไปถามคุณปลัดโกศลหรือคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทรดูก็ได้ หรือถ้าเป็นการรบกวน ก็โทรไปที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็ได้ แต่ผู้เขียนไม่สามารถที่จะนำรายชื่อของผู้ได้รับมาลงได้ เพราะเจ้าของที่ได้รับปฐวีธาตุบอกว่ากลัวจะมีคนไปรบกวน จึงขอสงวนนาม และเคยมีหลายท่านถามผู้เขียนว่า ปฐวีธาตุนั้นมีจริงเท่าไหร่กันแน่ ผู้เขียนก็ได้เรียนถามไปทางคุณปลัดโกศลดูแล้ว ก็ได้ทราบว่า ปัจจุบันนี้ คุณปลัดมีเหลือทั้งหมดจำนวน ๑ ถุง จะคำนวณออกมาก็หลายร้อยก้อน เพราะเมื่อคราวที่มอบให้ พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง คราวที่เสร็จพิธีครั้งสุดท้าย โดย พ.ต.ไพบูลย์ได้ใช้มือกำมาจากในถาด ๑ กำ เมื่อนับดูได้จำนวน ๕๓ ก้อน ซึ่งถ้าเรามาคำนวณกันจริง คุณปลัดโกศล ปัทมสุนทร ก็ให้ภรรยาไปเก็บมาก็หลายครั้งด้วยกัน ฉะนั้นรวมแล้วก็จำนวนมากพอดู

    และคุณปลัดโกศล พร้อมด้วยภรรยา คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ก็เป็นผู้มีจิตเป็นมหากุศล คือมีผู้ที่มารับปฐวีธาตุจากคุณทั้งสองและช่วยทำบุญอุทิศ ไปถึงท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกด้วย คุณปลัดโกศล และภรรยาก็ได้นำเงินไปร่วมการกุศลกับท่านเจ้าคุณพระอุดมสารโสภณ รวมทั้งสิ้นก็หลายครั้งด้วยกัน เป็นเงินประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาทเศษ ดังนั้น เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ซึ่งเป็นวันเปิดป้ายโรงเรียน [FONT=&quot]“[/FONT]นวมราชานุสรณ์[FONT=&quot]” [/FONT]นครนายก คุณปลัดโกศล พร้อมด้วยคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร จึงได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับพระราชทานเข็มทองคำ จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเกียรติแก่คุณปลัดโกศล และคุณนายจำเนียร และสกุลปัทมสุนทรเป็นอย่างสูงยิ่ง และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ยิ่ง

    นี้คือผลแห่งการกระทำความดีของบุคคลในครอบครัว จึงได้รับผลของการกระทำในครั้งนี้ สมดังที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกซึ่งเป็นหลวงลุงของบุคคลทั้งสอง ได้สอนไว้เสมอและไม่ว่าใครก็ตามที่ไปพบและนมัสการท่าน ท่านจะสอนเสมอว่า [FONT=&quot]“[/FONT]จงทำแต่กรรมดีนะ[FONT=&quot]” [/FONT]สำหรับผู้ที่ได้รับปฐวีธาตุครั้งหลัง คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ได้ห่อใส่ผ้าไนล่อนบางตาเม็ดพริกไทยสีเขียวใบไม้ ผูกด้วยไหมญี่ปุ่น สีเหลืองสวยงามน่ารักมาก คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ได้เล่าว่า เขียวเหลือง นั้นเป็นสัญลักษณ์ของวัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งเจ้าคุณลุงได้กล่าวไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • photo.JPG
      photo.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.8 KB
      เปิดดู:
      86
    • photo(2).JPG
      photo(2).JPG
      ขนาดไฟล์:
      153.3 KB
      เปิดดู:
      96
    • photo(9).JPG
      photo(9).JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.3 KB
      เปิดดู:
      78
    • photo(8).JPG
      photo(8).JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.2 KB
      เปิดดู:
      76
    • photo(3).JPG
      photo(3).JPG
      ขนาดไฟล์:
      92.2 KB
      เปิดดู:
      107
    • photo(5).JPG
      photo(5).JPG
      ขนาดไฟล์:
      105.7 KB
      เปิดดู:
      90
  11. ekkorn9

    ekkorn9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    795
    ค่าพลัง:
    +5,592
    ขอแบ่งปันประสบการณ์ครับ สมเด็จรุ่นแรก หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต

    กราบขอขมา ขอเจริญศรัทธา กราบขออนุญาต หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต
    กราบขอเผยแพร่ เป็นสาธารณะ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา

    ท่านบอกกับผมว่า "ให้มันดู พิจารณากันเอง" ผมไม่ได้กล่าว หรือ เจตนาที่ไม่ดี หรือ ดูหมิ่นนะครับ ท่านบอก กับผมเช่นนี้

    ด้วยความเคารพ ผมไม่สะดวกที่จะแก้ไขให้ดีพร้อม จริงๆครับ หากไม่เหมาะสม ผมกราบอโหสิกรรม ซึ่งกันและกัน ตั้งแต่บัดนี้ สาธุๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ของดีที่ซ่อนเร้น ...อีกอย่างหนึ่งของอำเภอแกลง

    เหรียญนี้สร้างในปี2512 ในหลวงเสด็จเททองรูปหล่อด้วยพระองค์เอง ในพิธีปลุกเสกนั้น ลพ.คง วัดวังสรรพรส ปลุกเสกน้ำมนต์เดือดเห็นกันทั่วจนท่านโด่งดังไปทั้งภาคตะวันออก หลังจากเสร็จพิธีลุงสรวง(ปัจจุบันอายุเจ็ดสิบกว่าปี) ซึ่งเป็นกรรมการของศาลกรมหลวงชุมพรปากน้ำประแสร์และเป็นคณะผู้จัดสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ ได้นำไปให้หลวงปู่ทิมปลุกเสกเพิ่มอีกนับเดือนที่วัดละหารไร่ เหรียญเงินสวยๆกว่าแสนแล้วเพราะประสบการณ์ชาวตังเกที่นำไปแขวนลุยย่านน้ำอื่นๆ ศรัทธาหลวงปู่ทิม นับถือเสด็จเตี่ยก็มองๆดูกันได้ครับ ปี2512 ลป.ทิม ยังไม่มีเรื่องอะไรที่วุ่นวายมาข้องเกี่ยวในวัด ทุกอย่างทำแบบคนบ้านนอกที่มีศรัทธาเป็นที่ตั้งจริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    มีอยู่ไม่กี่ชิ้นครับ จะแขวนติดไว้ที่สำนักงานและที่บ้านพัก
    หากใช้คู่กับทัพพีกวักลาภของคุณแม่ได้ ก็จะเห็นผลได้อัศจรรย์
    ลองสอบถามไปทางคนพื้นที่นะครับ เผื่จะมีคนยอมแบ่งให้สักลูกหนึ่ง
    หากยังไม่ได้อย่างไรและยังต้องการ สอบถามมาทางpm อีกครั้งนะครับ
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    เหรียญหลังยันต์ของหลวงพ่อกวย ชัยนาทแบบรมดำ สวยมาก

    นำมาแบ่งให้ประมูลครับ
    เหรียญรมดำจะหายากกว่าแบบรมน้ำตาล
    เหรียญนี้รมดำมาแต่เดิม สวยและสมบูรณ์มากแบบประกวดได้รางวัล
    รุ่นนี้มีประสบการณ์มาก น่าแขวนและน่าสะสม โดยเฉพาะสวยแบบนี้

    สามารถประมูลได้ตั้งแต่เวลานี้ สิ้นสุด เวลา 18.00 ของวันนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    พี่หนุ่มครับองค์นี้มีห่วงเดิมอยู่ด้วยไหมครับ
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ห่วงเดิมไม่อยู่ครับ ไม่อยากเอาห่วงเหรียญอื่นมาใส่ ทั้งๆที่ทำง่ายนิดเดียว
     
  17. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    ขอบคุณมากครับพี่หนุ่ม ที่บอกอย่างตรงไปตรงมาครับ
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    คืนนี้ดึกๆหากฝนไม่ตกหนัก จะนำของดีหายาก ราคาเบา มาลงให้บูชาเป็นกรณีพิเศษ
    ลองแวะเข้ามาดูกันนะครับ
     
  19. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,487
    ค่าพลัง:
    +88,402
    แวะมา ไม่ทันเห็นว่ามีใครเปิด ขอเปิดเบาๆ ที่ 5000 บาทครับ
    เชิญท่านอื่นๆ มาต่อยอดครับ

    ไม่ทันอ่านกติกา หากผิดพลาดพลั้งไปขออภัยด้วยครับ
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,872
    ทดลองส่งหน่อย สมัครยากมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...