เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ไม่ทราบว่า จอมยุทธท่านนี้อยู่ประเทศอะไรครับ(sing)

 

คุ้มค่าแห่งการรอคอยจริงๆๆค่ะ เพราะเป็นคนที่ฝันทุกคืนอยู่แล้ว (b-wow) ที่นี้จะได้ลองทำตามวิธีนี้ดูว่าจะเป็นยังไงบ้าง....มารออ่านต่อนะค่ะ (sing)

 

สาวๆที่นี่คงฝันเก่งๆเยอะ..แต่มีหนุ่มชื่อขึ้นต้นว่า F คนนึงไม่ยอมเล่า อิอิ
บอกว่าฝันมากและจำได้มาก แต่พอจะพิมพ์แล้วหยุดเฉยๆเลย..ฝันเห็นสมเด็จฯโต ด้วย เป็นยังไงมาเล่าหน่อยครับ --


ขออนุญาตเอาฝันที่คุณ F เล่าให้ฟัง..มาให้เพื่อนๆอ่าน เป็นตัวอย่างฝันแบบคมชัด..

เคยฝันหลายปีแล้<WBR>วนะ
มีคนหน้าตาคล้าย<WBR>ๆ แบบนั้น (คล้ายองค์จตุคามฯ) ผมยาวรวบข้างบน ไม่ใส่เสื้อ
เดินมาหา ถือพระพุทธรูปทอ<WBR>งคำ องค์ใหญ่ มามอบให้
บอกว่า ข้ามาจาก โยนก ข้าเป็นห่วงเจ้า<WBR>ไม่มีเวลามาคุ้ม<WBR>ครอง เลยเอาสิ่งนี้(พ<WBR>ระพุทธรูปทองคำ) มาให้
เอาไว้คุ้มครองต<WBR>ัวเองนะ
หน้าตาหล่อมาก เหมือนกับรูปจตุ<WBR>คามเลย ตอนเห็นรูปชัดๆ นึกถึงความฝันนี้<WBR>้เลย

 

พี่มีดไวมากเลยค่ะ พึ่งโชว์หนังสือให้แคทดูเมื่อวันอาทิตย์นี้เอง ลงกระทู้เมื่อวาน วันนี้กระทู้ปาไป 9 หน้าแล้ววววว......พี่ๆๆไวกันมากเลย ต้องไปหาซื้อมาอ่านบ้างแล้ว....(glass)

 

นึกว่าจะตกขบวนแล้วครับผม แต่อยู่ๆเหมือนมีอะไรดลใจให้ลองเปิดเข้ามาดูใหม่จนได้อ่าน เดี๋ยวต้องไปหาหนังสือของท่าน มาอ่านเพิ่มแล้วเรา

 

เอ่อ เออ....อย่าเพิ่งไปซื้อหนังสือกันมากมายขนาดนั้นนะครับ
รอไปซื้อพิมพ์ครั้งที่สอง ก่อนก็ได้ อิอิ

เพราะผมยังไม่ได้ออกไปซื้อเรย
มอไซด์ มันโก่งราคา เรยไม่จ้างมัน
กะว่าวันอาทิตย์ว่างๆ จะไปซื้อเอง

ยังไงก็เหลือให้ถึงมือผมบ้างสักชุดนะครับ

 

อ่านทบทวนการฝึกกันอีกครั้ง..


วิธีการง่ายๆที่เป็นธรรมชาติ ทำได้ด้วยการฝึกฝน ก่อนนอนทุกคืนให้นั่งสมาธิโดยนั่งบนเตียงในท่าที่พร้อมจะขยับตัวลงนอนได้โดยง่าย โดยที่สมาธิไม่ขาด คือขยับตัวน้อยที่สุดในขณะทียังหลับตาอยู่แล้วล้มตัวลงนอน-พร้อมหลับ-พร้อมฝันต่อไปได้เลย

การนั่งสมาธิ หากใครคุ้นเคยกับการฝึกปฏิบัติแบบอานาปานสติ คือกำหนดลมหายใจเข้าออก ก็ให้ใช้วิธีที่คุ้นเคยนั้น หากใครยังไม่เคยทำสมาธิมาก่อนเลย ให้ทำด้วยวิธีง่ายๆดังนี้คืิอ นั่งในท่าที่สบายพร้อมล้มตัวลงนอนหลับอย่างที่ว่า แล้วให้...

กำหนดจิตไว้ ณ จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว หรือตาที่สาม กำหนดตัวรู้ไว้ตรงนั้น และตั้งจิตว่า จะขอฝันเพื่ออะไร อย่าขอหลายอย่างเกินไปนะคะ ไม่งั้นจะกว้างเกินไปเหมือนเหวี่ยงแห และในขณะเดียวกันก็อย่าขอสั้นเกินไป

เพราะจะ เหมือนการใส่ keyword คำเดียว ไม่เจาะจง ข้อมูลที่ได้จะขึ้นมาสะเปะสะปะมากมายจนจำไม่หมดเหมือนเวลาเรา search google ด้วย keyword ที่ไม่รัดกุมโดยใส่ keyword คำเดียว มักได้ website ขึ้นมาหลายแสน web หาอะไรไม่เจอ ตัวอย่างการตั้งจิตขอรู้ :

1. ขอเรียนรู้ธรรมชาติความเป็นจริงของตัวตน
2. ขอเรียนรู้การรักษาโรคด้วยตนเอง
(ข้อนี้หากขอเพื่อใช้รักษาผู้ที่เรารักหรือเมตตา จะทำได้ง่ายเพราะอารมณ์ของเราจะจดจ่ออย่างมากโดยอัติโนมัติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอรักษาโรคให้ลูก ให้พ่อแม่ หรือคนรักคนใกล้ตัว)
3.ขอเรียนรู้ถึงปัญหาที่แท้จริงของสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ และขอรู้ทางแก้
(ข้อนี้ขอรู้ถึงปัญหาของผู้อื่นที่เรารักและอยากช่วยเหลือเขา มักทำได้โดยง่ายเช่นกัน)

ไม่ว่าคุณๆต้องการรู้อะไร อย่างแรกที่จะต้องทำคือ ต้องมีความเชื่อและศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองว่า จิตวิญญาณของเรามีความรู้ความสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับจิตวิญญาณรวมและต้นกำเนิดของความรู้ หากปราศจากความเชื่อนี้ แม้จะเผชิญกับข้อมูลความรู้มากมายในความฝัน ก็จะจำไม่ได้หรือหากจำได้ก็จะไม่เห็นความสำคัญและความหมายที่ปรากฏ

หากจะใช้ความฝันให้ได้ประโยชน์จริงๆ จำเป็นต้องจดเมื่อตื่นขึ้นมา โดยหัดจดฝันอย่างซื่อตรงที่สุดที่จะทำได้ อย่าพยายามตีความหมายให้ดู make sense หรือเป็นเหตุเป็นผล เพราะจะทำให้ความเป็นจริงที่ได้สูญหายหรือบิดเบือนไปหมด ไม่ว่าความฝันที่จดจำได้จะดูเสมือนไร้สาระเพียงใดก็ตาม ให้จดประสาซื่อ คืออย่าพยายามแก้ไขให้มีสาระ

ประสบการณ์ในความฝันส่วนมาก ปรากฏเป็นสัญญลักษณ์ เป็นรหัส หรือเป็นอุปมาอุปมัย แม้บุคคลต่างๆที่ปรากฏในความฝัน ก็เป็นตัวแทนของบุคลิกภาพ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ตัวอย่างเช่น เพื่อนเก่าซึ่งมีนิสัยนักเลง กล้าได้กล้าเสีย อาจเป็นบุคลิกภาพที่แสดงออกถึงภาวะของจิตวิญญาณของตัวคุณเอง
ให้จดความฝันประสาซื่อ แล้วขีดเส้นใต้คำที่สะดุดใจไว้ทุกคำ จากนั้นให้ถอดรหัสคำเหล่านั้นไปตาม"ความรู้สึก"และอารมณ์ของตนเอง (ไม่ใช่ตามธรรมเนียมหรือวัฒนธรรม) จากนั้นอ่านความฝันใหม่อีกรอบโดยทดแทนคำเหล่านั้นด้วยความหมายที่เรารู้สึกว่ามันใช่

แรกๆอาจจะจำความฝันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ต่อไปจะมีความหมายขึ้นเรื่อยๆค่ะ อย่าใจร้อน เพราะเรามีเวลาฝึกทุกคืนนะคะ

ตื่นขึ้นตอนเช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ทันทีที่รู้สึกตัวว่าตื่น อย่าเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ปลุกสติสัมปชัญญะให้ตื่น กล่าวได้ว่าทำจิตให้ตื่น แต่ปล่อยให้กายหลับต่อ อย่าปลุกกาย ภาวะดังกล่าวนี้ ขอแนะนำให้ทุกท่านที่ฝึกสมาธิมานานแต่เข้าภวังค์สมาธิได้ยาก ให้ลองทำ เพราะภาวะดังกล่าวนี้คือ การคงสภาวะจิตให้อยู่ในภวังค์สมาธิทันทีที่ตื่น

หลักการของการทำสมาธิคือ การทำให้ร่างกายหลับ แต่จิตตื่น ดังนั้นเรานำเอาหลักการนี้มาปฏิบัติกลับทางทุกเช้า คือทำให้จิตตื่น แต่คงสภาพกายให้หลับต่อ ทำได้ง่ายกว่าการนั่งสมาธิและเข้าภวังค์ด้วยซ้ำไป เพราะโดยธรรมชาติแล้ว

จิตจะตื่นก่อนกายทุกเช้าอยู่แล้ว หากเราไม่รีบขยับกาย การฝึกทำเช่นนี้ ก็เพื่อฝึกให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าปิด - หรือหยุดทำงาน ทั้งที่สติสัมปชัญญะพร้อมที่จะรับรู้ ทำให้สติสัมปชัญญะรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสที่หก หรือประสาทสัมผัสภายใน หรือรับรู้โดยตรงด้วยจิตวิญญาณ

ระหว่างที่ยังไม่ขยับกาย แต่จิตตื่นแล้ว ให้ทวนฝัน ด้วยการ"จับอารมณ์" เป็นอย่างแรก เช่น อารมณ์อะไรค้างอยู่บ้าง มีอารมณ์ขัน อารมณ์รัก อารมณ์โกรธ ให้ทบทวนจับอารมณ์ให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก แล้วความฝันจะกลับมาได้ง่ายขึ้นกว่าที่จะพยายามคิดทบทวนเรื่องราวความฝันทั้งหมด หากจับได้เลือนราง อย่าท้อใจ จับแต่อารมณ์ไว้ก่อน บางครั้งกว่าที่จะจำความฝันได้อาจล่วงเลยไปช่วงสายๆ ผุดขึ้นมามากมาย

หากฝึกฝนเช่นนี้เป็นกิจวัตร จะจำความฝันได้มากมาย ผู้ที่นอนขี้เซา คือนอนยาว 6-8 ชั่วโมงรวด หายจ้อยไปทั้งคืนไม่รู้ไปไหนมาบ้าง ให้หัดดื่มน้ำมากหน่อย แล้วตื่นเข้าห้องน้ำทุก 3-4 ชั่วโมง คนนอนไว ให้กำหนดจิตด้วยการจับตาดูนาฬิกาว่าเข้านอนกี่โมง กำหนดจิตว่าจะนอนหลับ 3 ชั่วโมง แล้วจะตื่นมาดูนาฬิกาอีก ตั้งนาฬิกาไว้ในตำแหน่งที่แค่ลืมตาก็เห็นได้ในความมืด กำหนดจิตให้ตื่นได้ทุก 3-4 ชั่วโมง ทำบ่อยๆทุกคืน จะทำให้สติสัมปชัญญะคมชัด หลับช่วงสั้นไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงจะจำความฝันได้มากกว่านอนรวดเดียวจนเช้า คุณๆที่ฝึกเข้าห้องน้ำทุก 3-4 ชั่วโมง ต่อไปหายนอนขี้เซา ก็เลิกดื่มน้ำมาก หันมาใช้วิธีตื่นมาดูนาฬิกาได้ค่ะ

วันนี้ข้ามฟ้ามาฝากให้ฝันกันก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาคุยต่ออีก หากว่ากำลังเล่าเรื่องเก่ารู้ๆกันอยู่ ก็ต้องขอโทษที่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวน คงไม่ว่ากัน



หากได้อ่านหนังสือเล่มแรก แล้วฝึกฝันตามนี้ สิ่งที่จะได้คือ เมื่อเผชิญกับความฝันซึ่งคิดว่าไม่มีความหมายมาก่อน จิตจะรู้ว่ากำลังเผชิญกับสิ่งที่มีความหมายและทำให้จดจำความฝันได้ดีขึ้น พรุ่งนี้จะคุยให้ฟังต่อว่า กำหนดจิตอย่างไรในความฝัน ที่จะรู้เห็นตัวตนในฝัน แยกกับตัวตนยามตื่น คือเห็นตัวตนของตนเองได้กว้างกว่าการเป็นบุคคลตัวตนเดียว ร่างเดียว !

 

ตาที่สามอยู่หว่างคิ้ว..ไม่ใช่ตรงหน้าผากครับ (ย้ำ..)
สมัยก่อนได้บอกใบ้ไว้แล้ว จุด"ตาที่สาม"นี้เป็นความลับสุดยอด..
เดี๋ยวนี้แพร่หลายและเป็นที่ทราบกันดี คงเพราะถึงปลายยุค ต้องเฉลยข้อสอบให้หมด

- แจกันและกิ่งหลิว พอนึกออกนะครับว่าหมายถึงอะไร? ปริศนาธรรมของเจ้าแม่กวนอิม...(จมูก+คิ้ว)
- ไม้กางเขนพระเยซู เมื่อทาบบนใบหน้ามนุษย์ก็อยู่ตรงจุดตัดกากะบาทพอดี
- การไหว้พระแบบพุทธ.. เมื่อมือจรดหน้าผากปลายนิ้วชี้จะชี้ไปตรงจุดนั้นพอดี

 

ไอ้หย๊า...คนแถวนี้น่ากัวเจง ๆ กระทู้วิ่งเร็วมากเลย ไอ้เหมียวตามอ่านไม่ทันเล๊ย เพราะ555

***** นอนแผ่ ... สามสลึง ขาดไปสลึงนึง....เลยไม่เต็มบาทสักที 555*****

 

ต่อมไพนีล...เป็นตัวรับรู้ (จิตหยาบ) เป็นช่องทาง รับ-ส่ง เข้า-ออก ของคลื่นพลังงาน..
มีรูเล็กๆ เหมือนรูเข็มด้วยสังเกตดีๆจะเห็นครับ หรือเอาแสงไฟฉายส่องจะเสียวแปลบๆ
ต่อมพิทูอี่ทารี่ อยู่ทางด้านหลังไปหน่อย..จิตอันบริสุทธิ์ของเราสถิตย์ตรงนั้น..
เป็นศูนย์กลาง นั่งเป็นประธานหรือตัวตนที่แท้จริงของเราเอง.บริเวณศูนย์กลางกระหม่อม (จักระที่ 7)
เอามาเสริมกันเล็กน้อย..ระหว่างรอความรู้ใหม่ครับ

 

สงสัยเมื่อคืนจะหลับลึกนะครับ อิอิ

 

อืมม...หมาเร็ว.....ได้เลยค่ะ ตะกว่ามันจะไปถึงหนังสือถึงหมดแล้ว ลองดูภาระกิจที่มันทำสิค่ะ....ภาพสุดท้ายนี่ตั้งท่าเตรียมพร้อมค่ะ

 

ท่าจะไม่ทันการ..นะน้องแคท!
เจอรถซิ่งพี่ Falkman วิ่งตัดหน้าเหมาไปหมดแผงแล้วคับ!

 

เคยถามพระอาจารย์ชยางกูร วัดป่าโนนจ่าหอม อุบลราชธานี ว่า
ฐานของจิตอยู่ที่ไหน ขอรับ

ท่านบอกว่า อยู่ตรงตำแหน่งตาที่สาม ลึกเข้าไป ตรงจุดตัดกลางกระหม่อมลงมา...โอ้โห...ช่างสอดคล้องต้องกัน อะไรจะขนาดนั้น
อย่างงี้ ไม่เรียกว่า มิติเปิด แล้วครับ เขาเรียก มิติระเบิด
จุดเร้นลับ ถูกเปิดเผย.....ผู้สำเร็จอภิญญาจะปรากฏ

 

(b-wow)

(b-wow)

 

เป็งอาไรไปแร้ว หนู๋เหมียว ฮิฮิฮิ 555+

อาการแบบนี้ จะทำให้ ตาที่สาม ต๊กกะใจ ปิดประตูสนิท นะ

 

เห็นหลายวิชา หลายสำนักพูดถึงจุดนี้กันมากนะ
รู้แล้วอุบไว้ อิอิ..จริงๆเปิดเผยได้แล้วครับ มิติระเบิดอย่างพี่เม้าส์บอกจริงๆ

 

ฮี่ ๆๆ คือจะกระซิบข้างหูลุงเม้าส์ว่า เคยมีอาการว่ามีคล้ายเกลียวคลื่นหมุนรอบ ๆ หัว แล้วแทรกลงใจกลางกระหม่อม กะมีอาการเต้น ตุ๊บ ๆ ตรงกลางเหนือคิ้วทั้สงสองข้างเล็กน้อย

กำลังคิดว่า ถ้า 2 จุดนี้ เกิดอาการพร้อม ๆ กัน ไอ้เหมียวคง (((((((ตูม))))))(b-green)

ปล. ตอนนี้มีการตุ๊บ ๆ ตรงท้ายทอยอีก เป็นมาระยะหนึ่ง ... วานช่วยตอบคลายสงสัย

 

ตอนแรกคิดว่าตาที่สามจะอยู่แนวตั้งเหมือนพระศิวะ พอดีคุรุโคมฉายให้ความกระจ่างว่าอยู่แนวนอน ถ้าอยู่แนวตั้งเปิดมาไฟไหม้ทั้งโลกแน่เลย (โอ๊ะ โย๊ะ โหย๋ว) แค่นึกนะเนี่ยอาจารย์ก็ตอบทันที