มีคำถามอยากจะรบกวนทุกท่านใน webboard ช่วยไขความจ่างด้วยครับ

บุคคลที่ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลนั้น จะต้องไม่บรรลุธรรมใดๆในเขตที่เป็นศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์อื่นใช่รึไม่ครับ
ประมาณว่า ณ ปัจจุบันถ้าบุคคลนั้นตั้งความปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตนั้นจะต้องไม่บรรลุธรรมใดๆในเขตศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดมใช่รึเปล่าครับ รึว่าคนที่บรรลุโสดาบันแล้วก็สามารถตั้งความปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ครับ รบกวนด้วยครับ

 

พระอริยเจ้าตั้งแต่ พระโสดาบันขึ้นไป เป็นผู้ยินดียิ่งในความสิ้นไปแห่งกิเลสตัณหาอุปทาน ยิ่งกว่าการได้เป็นพระพุทธเจ้า

ส่วนพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ยินดียิ่งในการเป็นพระพุทธเจ้า มากกว่าการสิ้นไปแห่งตัณหาอุปทาน

ดังนั้น พระโพธิสัตว์จึงไม่บรรลุเป็นพระอริยะเพราะไม่มีฉันทะในการกำจัดอวิชชาเนื่องจากเป็นผู้ปราถนาภพและภาวะวิเศษ คือ การได้เป็นพระพุทธเจ้า

ป.ล. นี้เป็นความเชื่อของเถรวาท ส่วนมหายานจะเชื่อว่าพระอริยะจะสามารถเป็นพระพุทธเจ้าได้ ส่วนตัวผมเชื่อตามแนวเถรวาท

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

อย่าไปคิดมาก

พระพุทธองค์ตรัสชัดเจนว่า เหตุที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้าคือความ กตัญญูต่อมารดา

พระพุทธองค์ ระบุ ธรรมชื่อ กตัญญูตัวเดียว โดยยกเรื่อง พระมหาชนก
ประกอบธรรมเทศนาบทนั้น

ดังนั้น

ธรรมอื่นที่ไม่ใช่เรื่อง กตัญญู เหล่านั้น ไม่ใช่เหตุของการเป็นพระพุทธเจ้า

อย่างเช่น มีการถามว่า

พระโพธิสัตว์ อาศัยการสดับธรรมะจาก พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ หรือ !?

ก็ตรึกไปสิว่า ธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆเกี่ยวอะไรกับ กตัญญู หรือเปล่า

ถ้าไม่เกี่ยว ก็ตอบได้ทันทีว่า ไม่ใช่สำเร็จเพราะ อาศัยฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
องค์ก่อนๆ แต่เป็นเพราะ ธรรมชื่อ "กตัญญู" ต่างหาก ไม่มี ฏีกาเป็นอื่น!!

ที่นี้ วกมาคำถามของ จขกท ที่ถามว่า ต้องไม่บรรลุ หรือ บรรลุ หรือว่าต้อง
อาศัยสดับธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นให้เป็น โสดาบัน หรือ อนาคามีพิเศษ
เสียก่อน อะไรนี้ ก็โกยคำถามทิ้งได้เลย

เพราะไม่ใช่ "ธรรมชื่อกตัญญู" อยู่ดี

************

ไม่เชื่อดูปฏิปทา มหาบพิตรสมภารเจ้าผู้มีพระคุณอันประเสริฐ( ในหลวง) สิ

พระองค์ท่าน จาริกไปถามคำถามจาก พระ มากมาย ต่างคนก็ต่างตอบกันไป
แต่สุดท้ายเนี่ยะ ....................

พระองค์ท่านรู้คำตอบนั้น ชัดเจน กว่าใคร


*****************

ปล. บทที่ว่าด้วย เพราะเหตุกตัญญูจึงทำให้เป็นมหาบุรุษ หาข้อธรรมอ้างอิงไม่เจอ
จำได้แต่ว่า เป็นบทที่ ตรัสตอบแก่พระอานนท์ที่ถามว่า "ด้วยเหตุประมาณเท่าใด จึง
ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า"

ส่วนตอนนี้ หากค้น หรือ ถามหาเอาจากอากู๋ ก็กลายเป็นว่า ยกเรื่องสุวรรณสามบ้าง
หรือ ยกเรื่องสมัยพระพุทธองค์พบพระอุทุมพรสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อ 4อสงไขย แสนมหากัป
บ้าง

 

ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในกลาลต่อไป ต้องถึงพร้อมด้วย ธรรมสโมทาน ๘
ย่อมสำเร็จพร้อมเพราะธรรมสโมธาน (การประชุมแห่งธรรม) ๘ ประการ คือ
๑. มนุสฺสตฺต เมื่อตั้งความปรารถนา ต้องเป็นมนุษย์
๒. ลิงฺคสมฺปตฺติ ลิงคสมบัติ คือเป็นเพศชาย
๓. เหตุ คือสร้างกุศลมาก การปฏิสธิมาด้วยไตรเหตุ
๔. สตฺถารทสฺสน พบพระพุทธเจ้าและได้รับพยากรณ์
๕. ปพฺพชฺชา บวชเป็นภิกษุ
๖. คุณสมปตฺติ บริบูรณ์ด้วยคุณ คือ ฌานสมาบัติและ อภิญญา
๗. อธิกาโร การกระทำกุศลอันยิ่งใหญ่ การบริจาคชีวิตให้เป็นทานเพื่อพระสัมมาสัมโพธิญาน
๘. ฉนฺทตา พอใจเพื่อการตรัสรู้ในสัมมาสัมโพธิญาณ

จึงจะได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ถึงแม้ผู้นั้นจะฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันตก็ไม่ปรารถนา

 

สิ่งที่คุณถามมา คำว่าเขตที่เป็นศาสนา นั้นไม่ทราบว่าคุณหมายถึงอะไร
ถ้าคุณหมายถึง ผู้สำเร็จธรรม จะไม่สำเร็จธรรมเมื่อยังมีศาสนาอื่นๆอยู่ เข้าใจอย่างนั้นเข้าใจผิดขอรับ
คุณลองหันไปดูประวัติศาสนาต่างๆดูซิขอรับ
ศาสนาพุทธ เกิดขึ้นในยุค หรือในเขตของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาคริสต์ เกิดขึ้นในยุค หรือในเขตของ ศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ,ศาสนาพุทธ
ศาสนาอิสลาม เกิดขึ้นในยุค หรือในเขตของ ศาสนา พราหมณ์-ฮินดู,ศาสนาพุทธ,ศาสนาคริสต์
ศาสนาซิกส์ เกิดขึั้นในยุค หรือในเขตของ ศาสนาพราหมห์ฮินดู
นิกายต่างๆหรือลัทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนพุทธกาล ก็ล้วนเกิดขึ้นในยุคหรือในเขตของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
อนึ่ง ศาสดาแห่งศาสนา จะบังเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ มนุษย์มีความเสื่อมโทรม ศีลธรรมทางศาสนาไม่สามารถเข้าถึงจิตใจของมนุษย์เกินกว่าปกติ หรือมนุษย์มีกิเลส มากเกินขีดที่กำหนด นับเอาได้จากสภาพอากาศ เป็นต้นไป ฯลฯ ศาสดาแห่งศาสนา ก็จะบังเกิดขึ้น เพื่อปรับปรุงแก้ไข ความเสื่อมโทรมของมนุษย์ ด้วยหลักธรรมทางศาสนา ไม่จำเป็นว่า จะอยู่ในยุคหรืออยู่ในเขตของศาสนาใดใด เพราะจักรวาล ไม่ได้เป็นของศาสนา แต่จักรวาล มีผู้ดูแลอยู่ อันนี้ถ้าจะเล่าเรื่องก็ยาวไป แถมยังอาจถูกมองว่า บ้า.......ขอรับ

 

จขกท. ไม่เข้าใจจึงถามผู้รู้ แต่คนตอบไม่เข้าใจในคำถาม เลยตอบไม่ตรงประเด็นหลัก
รบกวนขอทราบเป็นธรรมทานแก่ผมเถอะว่า จักรวาลนี้ ใครที่เป็นผู้ดูแลอยู่ ขอสั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ นะครับ อย่าให้ยาวเป็น 8 ปี โดยที่ไม่มีสาระใด ๆ

 

ที่เขาเล่ากันมา ว่าศาสนาจะเสื่อมและไม่มีผู้คนศรัทราในพุทธศาสนาแล้ว ถึงจะมีพระพุทธเจ้าคนใหม่เกิดขึ้น เพราะจะนำความรู้ทางธรรมะที่สูญหายไปเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ จากความรู้และปัญญาที่มีอยู่เดิม และออกทำการเผยแพร่หลักธรรมคำสอนใหม่ เพราะของเดิมมันสูญหายไปหมดแล้ว ให้ทุกคนได้พบแสงสว่างทางปัญญาแห่งธรรมครั้งใหม่
สำหรับพวกที่หวังว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในชาตินี้ก็หวังต่อไปเถอะครับ เพราะศาสนาเดิมความรู้ธรรมของเดิม ยังไม่สูญสิ้น คุณจะรีบมาเกิดกันชาตินี้ทำไม ไปตายก่อนครับ แล้วค่อยไปเกิดอีกประมาณ 2000 ปีข้างหน้า

 

เอางี้แล้วกันนะ ถ้าบรรลุพระโสดาบันแล้วก็ไม่มีโอกาสได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วละ
พระโพธิสัตว์จะทรงฌานสมาบัติอภิญญายังไงก็ได้
แต่จะบรรลุธรรมไม่ได้ บรรลุเมื่อไหร่ ก็เข้าโหมดสาวกภูมิ มุ่งตรงพระนิพพานอย่างเดียว

อย่างพระสมัยนี้ บางองค์เราก็สงสัยว่าท่านเป็นพระอริยะหรือเปล่า
เพราะจริยาบางอย่างท่านดีเหลือเกิน แต่บางอย่างก็เกินไปสำหรับพระอริยะ
เลยสับสน
บางที บางท่านก็หวังพระโพธิญาณ ท่านก็เลยมุ่งไปทางนั้น
คือมุ่งสงเคราะห์คน เกื้อหนุนให้เขาได้สวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ
ก็ตัวท่านเองยังไม่ได้หวังพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ท่านก็เลยหันๆหัวไปทางนั้น
เราจะไปว่าหรือปรามาสก็ไม่ถูกเหมือนกัน

 

อย่าไปกล่าวอย่างนั้น

อย่าไปกล่าวว่า โพธิสัตว์ ไม่มุ่งตรงต่อนิพพาน

การปฏิบัติของ โพธิสัตว์มุ่งตรงต่อนิพพาน เสมอ และ มากกว่า บุคคลปรกติ

ยิ่งกว่านั้น สภาวะธรรมภายนอกแบบเดียวกัน สาวกภูมิ ก็มองเห็นสภาวะ
ได้ในระดับหยาบๆ คือ กำหนดรู้ทุกข์ได้ด้วยวิธีฟังจากเขามา ส่วนพุทธภูมิ
นั้นประสบชะตากรรม สภาวะธรรมแบบเดียวกัน แต่ สามารถกำหนดรู้ทุกข์
ได้โดยไม่ต้องอาศัยการฟังจากใคร อยู่เสมอ

เช่น สมัยพระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระรอก แล้วน้ำท่วม กระรอกนั้นก็กำหนดรู้
ทุกข์และหายอุบายนำออกโดยการเอาหางวิดน้ำให้หมดจากผืนแผ่นดิน เพื่อ
หาลูกๆ ( สาวกภูมิทั้งหลายนั่นแหละ ) ..... แล้ว พระอินทร์ก็จำแลงแปลง
กายลงมา ชี้ทุกข์ให้กระรอกฟัง เท่านั้นแหละ ด่ากลับเลย ว่ามาเสือกอะไรใน
การกำหนดรู้ทุกข์ ลำพังกระรอกโพธิสัตว์ก็สามารถกำหนดรู้ทุกข์ได้ โดย
ไม่ต้องฟังใคร ....ซึ่ง พระอินทร์ก็ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก...ว่ากำหนดรู้ทุกข์อีท่
าไหนอยู่....ไม่มีทางมีปัญญาเข้าใจได้....ได้แต่ถอยกลับไปอย่างสัตวจน
ปัญญา...........

จะเห็นว่า พุทธวิสัยนั้น คนธรรมดาเข้าใจไม่ได้ ไม่มีทางเข้าใจได้ ทำได้
อย่างมากก็ ตู่ว่าโพธิสัตว์โง่ อะซิ ที่ไม่ฟังความคิดความเห็นแม้จากเทวดา

จะเห็นว่า ประสบทุกข์สัจจ ความพลัดพราก เหมือนกัน แต่ วิธีกำหนดรู้นั้น
ต่างกัน วัดกันแต่ อาศัยฟังตามคนอื่น กับ พิจารณาด้วยกำลังของตน เท่า
นี้ก็ต่างกันแบบอจิณไตยแล้ว

การไปกล่าวว่า โพธิสัตว์ไม่มุ่งตรงต่อนิพพาน จึงเป็นการกล่าวที่ไม่ถูกต้อง
สร้างเวรกรรมให้กับตัวเองส่งผลให้ต้อง งมหามรรค หรือ ฟังมรรคแล้วก็ไม่เข้า
ใจเปล่าๆ

**************

ปล. หมายถึง โพธิสัตว์จริงๆนะ พวก กระดี้กระด้าหลงปลื้มแบบขาดสติ ขาด
ปัญญา แบบแฟนคลั่ง บ้าๆบอๆ ไปวันๆ ไม่นับ

จุดเริ่มต้นออกสตาร์ทการเป็น โพธิสัตว์ เกิดจาก ความกตัญญู รู้คุณพ่อแม่

แต่ จุดเริ่มต้น โพธิสัตว์ กุดถัง จะเริ่มจากความคลั่งไคล้ ไหล หลง !

 

ทำไมไปติดสมมุติตรงนั้นละครับ
หากคิดว่าเป็นอยู่คือก็ติดแล้วครับ
เอาเป็นว่าสมัยไหนก้ตามหากคนสัตว์พืช
มีความรักดีและปรารถนาดีต่อกันอยากในสิ่งที่ถูกที่ควร
ไม่เบียดกัน
คำว่าเบียดนี้ทางเขามีให้เดินทางเขาทางเราเคารพกัน

เบียนนี้คือการทำให้ยิ่งใหญ่กว้างขึ้น
โลภ รัก อยาก

มีที่ดินไม่พอตัดต้นไม้
สัตว์ไม่มีที่อยู่
แมลงครับหนอนออกมากินข้าว......เพลี้ย

ดังนั้นเจตนาดีต่อกันไหมครับ
คือทำให้ได้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

ถามกลับว่า
แค่สมมุติว่า....เป็น....อยู่....คือ....แล้วเป็นอะไรจบแล้วครับ
ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วครับ

 

มีคำถาม 3 คำถาม
1.ใช่
2.ใช่
3.ไม่ได้

 

หากปรารถนาในการเป็นพระพุทธเจ้า จะไม่อาจบรรลุโสดาบันได้จนกว่าจะถึงชาติสุดท้ายที่ลงมาตรัสรู้ แต่หากเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อาจจะตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วเข้าสู่พระนิพพานเลยก็เป็นได้

ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับ

 

เด็กทารกเกิดมาทำมือยังไง ?

นั่นแหละครับ คำตอบ

 

อือม.. ผมใช้คำว่า
มุ่งตรงพระนิพพานอย่างเดียว...
ความหมายอาจจะแคบไปหน่อย หรือตีความได้หลายอย่าง

ความหมายก็คือ การสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
ไม่ได้มุ่งพระนิพพานอย่างเดียว
แต่ต้องมุ่งที่จะโปรดสัตว์ ขนสัตว์ข้ามวัฏสังสารด้วย
ส่วนสาวกภูมินั้น จะแตกต่างออกไป

เรื่องอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องอธิบายเป็นเรื่องๆ คำถามของเขาถามว่า
ถ้าเป็นพระโสดาับันแล้วจะตั้งจิตเป็นพระพุทธเจ้าได้มั้ย
ก็ต้องตอบว่าไม่ได้ เพราะถ้าเป็นพระโสดาบันแล้ว จะมาตรัสรู้อีกไม่ได้
ตรงนี้ต้องไปดูที่องค์พระโสดาบัน ซึ่งจะแตกต่างจากพระโพธิสัตว์

เรื่องมุ่งพระนิพพาน จะใช้คำว่าพระพุทธเจ้ามุ่งพระนิพพานอย่างเดียว
อย่างนี้ใช้ไม่ได้
แต่ถ้าเป็นสาวก สามารถใช้ได้ เพราะกิจหลักของสาวกคือ มุ่งตรงเข้าสู่พระนิพพาน
กิจย่อยอย่างอื่น.. ก็แล้วแต่อธิษฐานจิตหน้าที่ของท่าน

ส่วนวิสัยของพระโพธิสัตว์.. แบบละเอียดนั้น
คงต้องให้พระโพธิสัตว์หรือพระพุทธเจ้ามาอธิบายแล้วละครับ

 

ขอขอบคุณทุกท่านมากๆเลยครับ สำหรับทุกคำตอบ นะครับ มันทำให้ผมได้ข้อคิดและความรู้เพิ่มขึ้น