WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

แผ่นดินไหวอิเหนา 5.4 เขย่า “หมู่เกาะเครื่องเทศ” ยังไม่พบความเสียหาย
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ(ยูเอสจีเอส) รายงานวันนี้ (2) ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.4 ใกล้กับหมู่เกาะตานิมบาร์ ในจังหวัดมาลูกู หรือ “โมลุกกะ” ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 5.4 ในครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ทะเลบันดาเพียง 9.7 กิโลเมตร ห่างจากเมืองซาอุมลากิบนเกาะยัมเดนา ในหมู่เกาะตานิมบาร์ ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของจังหวักมาลูกูของอินโดนีเซียไปทางเหนือราว 114 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเกาะอัมบน ราว 484 กิโลเมตร อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาดปานกลางครั้งนี้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณจังหวัดมาลูกู หรือ “หมู่เกาะเครื่องเทศ” ของอินโดนีเซีย ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางภูมิศาสตร์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยหมู่เกาะในแถบนี้ ซึ่งปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 2 ล้านคนต้องเผชิญกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ รวมถึง การปะทุของภูเขาไฟมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 500 ปีที่ผ่านมา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เหยื่อเชื้อมรณะอีโบลาระบาดในยูกันดาพุ่ง 16 ศพ
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ยอดผู้เสียชีวิตจากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ทางตะวันตกของประเทศยูกันดาทางตะวันออกของทวีปแอฟริกาได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 16 ราย หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในพื้นที่เมื่อวันพุธ (1) อย่างไรก็ดี ทางการยูกันดาคาดว่า ช่วงที่เลวร้ายที่สุดของการระบาดได้ผ่านพ้นไปแล้ว

รายงานข่าวระบุว่ายังมีผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีกอย่างน้อย 18 รายถูกแยกกักบริเวณไว้ เพื่อรอดูอาการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตคิบาเล ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบการระบาดของเชื้อมรณะเป็นครั้งแรกขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่เพื่อคัดแยกผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อและให้คำแนะนำแก่ชาวบ้านที่เหลือในพื้นที่เกี่ยวกับมาตรการป้องกันที่จำเป็นแล้ว อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ ทางการแพทย์ยังไม่มีวิธีการรักษาผู้ที่ติดเชื้ออีโบลาซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อผ่านทางการมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรวมถึงการสัมผัสกับของเหลวของร่างกาย เช่น น้ำลาย ของเหลวจากการอาเจียน อุจจาระ เหงื่อ เลือด และน้ำอสุจิ

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในพื้นที่คาดว่า การระบาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ จะไม่ร้ายแรงเท่ากับการระบาดเมื่อปี ค.ศ.2000 ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อถึง 425 รายและมากกว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตในครั้งนั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลยูกันดาเพิ่งออกมายืนยันการระบาดของเชื้ออีโบลาในประเทศของตนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุต้นตอของการระบาดอยู่ที่เขตคิบาเลซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกัมปาลา เมืองหลวง ไปทางตะวันตกราว 170 กิโลเมตร

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

พิษ! "ซาวลา"ถล่มไทเป ส่งผลเกิดถนนถล่มฝังหนุ่มเคราะห์ร้าย 1 ราย
ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เมืองซานเชียร์ ชานกรุงไทเป เผยให้เห็นหนุ่มเคราะห์ร้ายคนหนึ่ง เดินอยู่บนถนน จู่ๆ พื้นถนนและทางเท้าเกิดถล่มเป็นหลุมขนาดใหญ่ หนุ่มเคราะห์ร้ายร่วงหล่นพร้อมสิ่งปรักหักพังลงไปฝังทั้งเป็นหนุ่มเคราะห์ร้าย หน่วยกู้ภัยรุดค้นหาร่างหนุ่มดังกล่าว พบว่าเสียชีวิตภายใต้ซากปรักหักพังของทางเท้า
ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น วิ่งหนีเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด หลังเกิดถนนถล่มเพิ่มอีก ขณะยืนรายงานข่าว
นอกจากดินถล่มแล้ว พิษของไต้ฝุ่นซาวลา ยังทำให้เกิดน้ำท่วมในเมืองวูจี เขตอี้หลาน เป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านต้องลุยน้ำสูงระดับหน้าอก ออกไปยังที่ปลอดภัย เนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง

 

ภาพจากกล้องวงจรปิดในไต้หวัน เผยให้เห็นชายหนุ่มเคราะห์ร้ายค<WBR>นหนึ่งเดินอยู่บนถนนตามลำพัง และจู่ๆ พื้นถนนและทางเท้าก็เกิดถล่มเป็<WBR>นหลุมขนาดใหญ่ หนุ่มเคราะห์ร้ายร่วงหล่นลงไปพร<WBR>้อมกับสิ่งปรักหักพังจากทางเท้า<WBR>ที่ถล่มลงไปฝังเขาทั้งเป็น ขณะที่ผู้สื่อข่าวสาวสถานีโทรทั<WBR>ศน์ท้องถิ่น วิ่งหนีเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหว<WBR>ิด หลังเกิดถนนถล่มเพิ่มขึ้นอีกทาง<WBR>ด้านหลังขณะยืนรายงานข่าว ทั้งนี้ เป็นผลจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น<WBR>ซาวลาที่พัดถล่มไต้หวัน. - สำนักข่าวไทย


Newsmania

 

น้ำโขงขึ้นสูงการก่อสร้างทางชะงัก


เครื่องจักร เครื่องมือของบริษัทสยามเกเบียนประเทศไทยจำกัด ที่ใช้ในการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 211 (หนองคาย -เลย) กิโลเมตรที่ 74 + 400 ถึง 74 + 550 ซึ่งเป็นถนนริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่บริเวณภูพาน ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย ที่ที่ถูกน้ำโขงกัดเซาะทำให้ผิวจราจรทรุดหายไปเกือบทั้งหมด ต้องจอดนิ่งและหยุดทำงานทันทีเนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นจนท่วมคันดินที่ทางบริษัททำไว้กั้นน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำท่วมหน้าไซด์งานจนไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก

การก่อสร้างทางสายนี้ กรมทางหลวงได้รับงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณ 18 ล้านบาท โดยทำการขุดชั้นดินลงไป 12 เมตร แล้ววางกล่องเกเบียนแบบขั้นบันได 2 ชั้น ๆ แรกสูง 5 เมตร ชั้นที่ 2 สูง 7 เมตร ระยะทาง 150 เมตร โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน และสิ้นสุดโครงการภายใน 180 วัน (ประมาณกลางเดือนตุลาคมปีนี้)

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า การวางกล่องเกเบียนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและสามารถวางได้แล้ว 8 ชั้น แต่ในช่วง 2-3 วันมานี้ระดับน้ำโขงได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ววันละ 40-50 เซนติเมตร ทำให้ระดับน้ำโขงท่วมคันดินกั้นและท่วมหน้างานจนไม่สามาถดำเนินการต่อไปได้อีก ต้องรอจนกว่าระดับน้ำโขงจะลดลง ซึ่งจากนี้ไปจนถึงเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ระดับน้ำโขงสูงอยู่ จึงไม่มั่นใจว่างานจะแล้วเสร็จทันตามสัญญาหรือไม่ ซี่งขณะนี้ทางหมวดการทางสังคมได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับรถที่สัญจรไปมาเท่านั้น โดยห้ามรถที่มีน้ำหนักเกิน 15 ตันวิ่งผ่าน ส่วนรถเล็กสามารถผ่นไปมาได้ตามปกติ

ขณะที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย เวลา 11.00 น.ระดับน้ำโขงวัดได้ 10.89 เมตร ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นชั่วโมงละ 1-2 เซนติเมตร อยู่ในระหว่างการติดตาม เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและทางจังหวัดได้ทำประกาศแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

พายุฝนกระหน่ำเมืองตราดบ้านเสียหายสวนยางพาราโค่นล้ม


นายไพรัช สร้อยแสง ปลัดฝ่ายความมั่นคงอ.เมืองจ.ตราด นายพงษ์ศํกดิ์ อนันต์ กำนันต.ตะกาง นายสวัสดิ์ นิติสมบัติ ผญบ.ม.5ต.ตะกาง นางสุภา คำเสนา ผญบ.ม.3ต.ตะกาง นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายกอบต.แหลมกลัด พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนกว่า 20 คน เดินทางสำรวจให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฝนตกหนัก ลมพัดแรง จนทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายกว่า 20 หลังคาเรือนและสวนยางพารา สวนผลไม้ ได้รับความเสียหายกว่า100ไร่ หลังเดินทางสำรวจในพื้นที่ตำบลตะกางพบว่าบ้านเรือราษฎรได้รับความเสียหายหลังคากระเบื้องถูกลมพัดปลิวหายและตัวบ้านได้รับความเสียหายบางส่วนจำนวน 8 หลังคาเรือน สวนยางพาราได้รับความเสียหายต้นยางพาราถูกลมพัดโค่นล้มจำนวนนับพันต้น โดยมีสวนของนางบุญล้อม สามารถ บ้านเลขที่ 50ม.3 ต้นยางโค่นล้มกว่า 350 ต้น เป็นต้นยางอายุกว่า 10 ปีและกำลังกรีดยางพาราได้แล้ว

ส่วนที่ที่ตำบลแหลมกลัดมีบ้านเรือนราษฎรชาวบ้านได้รับความเสียหายจำนวน 12 หลังคาเรือนสวนยางพารา และสวนผลไม้ได้รับความเสียหายไม่มากนัก ตำบลชำรากมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียพร้อมทั้งสวนผลไม้บ้างเล็กน้อย ในเบื้องต้นองค์กรปกครองสว่นท้องถิ่นให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการมอบกระเบื้องมุงหลังคาเป็นการเบื้องต้นก่อน ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งของต่างๆที่ได้รับความเสียหายจากเหตุพายุฝนในครั้งนี้อยู่ระหว่างการสำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป ชาวบ้านที่ประสพเหตุบอกว่า ลมพายุเกิดขึ้นในช่วงที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ออกไปทำบุญวันอาสาฬหบูชาที่วัดใกล้บ้านกันเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านบอกว่าพายุพัดมาเร็วและแรงมาก บิดต้นยางขาดและหักโค่นเป็นลักษณะพายุหมุน มาเร็ว ไปเร็ว แต่ทิ้งความเสียหายให้ชาวบ้านในวันอาสาฬหบูชาวันนี้

 

รู้ไหมว่า...ทำไมหัวใจเต้นผิดจังหวะ?
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หลายคนอาจจะไม่คุ้นกับโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ แต่เชื่อแน่ว่าหลายคนคงคุ้นกับชื่อโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ แล้วรู้หรือไม่ว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร ส่งผลร้ายแรงต่อหัวใจและชีวิตแค่ไหน หาคำตอบเรื่องของหัวใจเหล่านี้ได้จาก “ศ.นพ.ดร.นิพนธ์ ฉัตรทิพากร” นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นปีล่าสุดและเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไฟฟ้าของหัวใจรายแรกของไทย

ศ.นพ.ดร.นิพนธ์ ฉัตรทิพากร ประธานกรรมการบริหารศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าหัวใจเป็นอวัยวะที่มีการทำงานของไฟฟ้าเยอะมาก และเมื่อเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attrack) ผู้ป่วยมักเสียชีวิต โดยสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นเกิดจากการเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรงของหัวใจ

การเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรงของหัวใจนั้นเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเนื่องจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ซึ่ง ศ.นพ.ดร.นิพนธ์ กล่าวว่า เส้นเลือดหัวใจที่มักพบการอุดตันบ่อยคือหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจห้องล่างซ้าย เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไม่พอ ผิวกล้ามเนื้อหัวใจมักมีการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้า สร้างไฟฟ้าขึ้นเอง ทำให้หัวใจเต้นอย่างผิดจังหวะ และบีบตัวไม่ได้ ทำให้หมดสติเพราะเลือดสูบฉีดไปสมองไม่ได้

“สมองเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบเร็วที่สุดเพราะเป็นส่วนที่ขาดเลือดไปเลี้ยงได้ในเวลาที่สั้นมาก เมื่อเลือดไม่ได้เลี้ยงสมองทำให้ผู้ป่วยหมดสติ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงมักเสียชีวิตในเวลา 2-3 นาที อาการเดียวกันนี้ยังพบได้ในคนที่ถูกไฟฟ้าดูดรุนแรง ซึ่งผู้ถูกไฟฟ้าดูดไม่ได้เสียชีวิตเนื่องจากได้รับกระแสไฟฟ้าแต่เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ” ศ.นพ.ดรนิพนธ์

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางไฟฟ้าของหัวใจกล่าวอีกว่า ทราบกันมาเป็นเวลา 100 ปีแล้วว่าเมื่อหัวใจหยุดเต้นหรือเต้นผิดจังหวะ จะต้องใช้ไฟฟ้าแรงสูงชาร์จกระตุ้นหัวใจ แต่ปัญหาคือเราไม่ทราบว่าหัวใจจะเต้นผิดจังหวะเมื่อไร จึงต้องฝังอุปกรณ์เครื่องช็อคหัวใจแบบอัตโนมัติในตัวผู้ป่วย เครื่องดังกล่าวจะวัดการเปลี่ยนแปลงไฟฟ้าในหัวใจ เมื่อพบความผิดปกติก็จะชาร์จไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจ

นอกจากนี้ในการชาร์จหัวใจจากภายนอกด้วยไฟฟ้าแรงสูง แม้ผู้ป่วยจะฟื้นหรือรอดตายจากอาการหัวใจหยุดเต้น หัวใจก็ได้รับความเสียหายจากการกระตุ้น ศ.นพ.ดร.นิพนธ์จึงทำวิจัย เพื่อหาวิธีที่จะลดความแรงของไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จหัวใจ หนึ่งในงานวิจัยที่กำลังศึกษาอยู่คือ การศึกษาผลจากยาบางชนิดต่อการลดความแรงไฟฟ้าในการชาร์จหัวใจ ซึ่งผู้ปวยโรคหัวใจมักมีโรคเบาหวานร่วมด้วย และพบว่ายาเบาหวานบางตัวสามารถลดความแรงไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจลงได้ 30% แต่ยาบางอย่างกลับไปเพิ่มความแรงในการกระตุ้นหัวใจได้ รวมถึงโอเมกา 3 และกระเทียมก็มีส่วนช่วยลดโอกาสการเต้นผิดจังหวะของหัวใจ ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา

สำหรับ ศ.นพ.ดร.นิพนธ์นั้นเพิ่งได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นประจำปี 2555 จากมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมกับ ศ.ดร.ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ศ.ดร.ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

​

พายุไต้ฝุ่นซาวลา เคลื่อนตัวเข้าสู่ไต้หวันแล้วเมื่อช่วงเช้า และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นเป็น 23 คน และมีผู้ที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนเกือบ 1 แสน 8 หมื่นคน


2 ส.ค. 55 พายุไต้ฝุ่นซาวลา ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดอยู่ที่ 155 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ไต้หวัน และทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ทางการคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะสูงกว่านี้ และจะทำให้มีฝนตกหนักไปจนถึงสัปดาห์หน้า อิทธิพลของพายุ ทำให้ต้นไม้หักโค่นลงมาบนถนน ขัดขวางการจราจรในบางจุดในกรุงไทเป และชาวไต้หวันในหลายพื้นที่ต้องตื่นมาพบน้ำที่ท่วมระดับข้อเท้า และทั้งเกาะแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เนื่องจากโรงเรียนเกือบทุกแห่งหยุดการเรียนการสอน ร้านค้า และสถานที่ต่าง ๆ ปิดทำการ รวมถึงตลาดหุ้น ทางการได้เร่งอพยพประชาชนราว 600 คน ในเมืองนิว ไทเป ทางเหนือและทางตะวันออกของเกาะไต้หวันแล้วเช่นกัน
ส่วนที่ฟิลิปปินส์ ผลจากน้ำท่วมสูงเป็นเวลา 5 วัน จากพายุไต้ฝุ่นซาวลา ทางภาคเหนือและกลางของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 23 คน โดยเหยื่่อส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำที่เข้าท่วมบ้านเรือน , ดินถล่ม และถูกไฟช้อต นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านเกือบ 1 แสน 8 หมื่นคน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ใน 22 เมือง
พายุไต้ฝุ่นซาวลา ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 7 ที่พัดกระหน่ำฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดคลื่นในทะลซัดข้ามคันกั้นน้ำ เข้าท่วมหลายพื้นที่ในเมืองมะนิลา เมืองหลวงของประเทศเมื่อวานนี้ และหลายๆ เมืองที่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวทางตอนเหนือของมะนิลา และเมืองตามแนวชายฝั่ง ยังมีน้ำท่วมสูงระดับเอว บวกกับน้ำทะเลหนุนสูงเมื่อช่วงเช้านี้ ทำให้น้ำที่ท่วมขังไม่สามารถระบายออกไปได้
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประกาศเตือน ให้ระวังการระบาดของโรคฉี่หนู ซึ่งอาจจะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่านี้ โดยมีการระดมหมอเข้าไปดูแลผู้อพยพในค่ายพักพิง เพื่อป้องกันการระบาดของโรค
ฟิลิปปินส์ เคยเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของโรคฉี่หนูในกรุงมะนิลา เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 249 คน จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 3,300 คน

 

วันที่ 02 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 10:46 น. ข่าวสดออนไลน์
<!-- End share twitter -->

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295><TBODY><TR><TD height=21 width=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD height=21 width=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
"น่าน" ฝนยังตกต่อเนื่องตามหมู่บ้านบนเขาสูง-ดินสไลด์ทำถนนเสียหาย


วันที่ 2 ส.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าสด" รายงานว่า ถนนทางเข้าหมู่บ้านเชื่อมระหว่างบ้านปางแก ตำบลทุ่งช้าง และบ้านมณีพฤกษ์ ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน หลัก กม.ที่ 10-15 ได้รับความเสียหายจากดินที่สไลด์ลงมาปิดเส้นทาง มีสภาพเป็นดินโคลน และลื่น โดยเฉพาะเวลาช่วงฝนตกหนัก ทำให้การสัญจรของชาวบ้านในหมู่บ้านปางแก และหมู่บ้านมณีพฤกษ์ เป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งช้าง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้ปรับหน้าดินของถนนแล้ว แต่เมื่อรถวิ่งผ่านก็ยิ่งทำให้ถนนเป็นหลุมโคลนมากยิ่งขึ้น ทำให้เพิ่มความลำบากในการเดินทางเข้าออกระหว่างหมู่บ้านของชาวบ้าน 2 หมู่บ้านดังกล่าว ที่จะต้องใช้ถนนเส้นทางหลักสายนี้เป็นทางผ่านเข้าออกเท่านั้น และยังเป็นเส้นทางที่ใช้ผ่านเข้าพื้นที่ทำการเกษตรด้วย


นอกจากนี้เด็กนักเรียนก็ได้รับความยากลำบากในการเดินทางไปโรงเรียน โดยพบว่าถนนตลอดทั้งสายความยาวกว่า 23 กิโลเมตรที่เชื่อมโยงออกไปยังตัวอำเภอและตัวจังหวัด ยังมีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นถนนทางเขาลาดชันคดเคี้ยว และมีเพียงสองช่องจราจร ซึ่งชาวบ้านที่ใช้สัญจรต้องคอยหลบหลีกหลุมบ่อบนถนนที่มีดินลื่นไหล ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย


โดยถนนเส้นทางดังกล่าว เดิมเป็นความรับผิดชอบขอบทางหลวงชนบทแต่ได้ถ่ายโอนภาระกิจให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งช้าง รับผิดชอบดูแล แต่เนื่องจากทาง อบต.ไม่มีงบประมาณเพียงพอจึงได้เพียงแต่นำดินภูเขาบริเวณใกล้เคียงมาถมให้ใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งเมื่อฝนตกลงมาอีกก็กลายเป็นดินโคลนยิ่งเพิ่มความลำบากในการใช้รถใช้ถนนให้กับชาวบ้านและผู้สัญจรเพิ่มมากยิ่งขึ้น

 

จีนออกมาโต้เรื่องข้อกล่าวหานักกีฬาใช้สารกระตุ้น

<!--
<iframe width=300 height=50 src="getVaja.php?id=644020" marginwidth="0" marginheight="0" vspace="0" hspace="0" frameborder="0" align="middle" scrolling="no"></iframe>-->


<!---->

เจ้าหน้าที่ทางการจีน ได้ออกมาตอบโต้ข้อสงสัยเรื่องนักกีฬาจีน ที่เดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้สารกระตุ้น โดยระบุว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ขาดความรับผิดชอบและไม่ยุติธรรม

ชาวจีนจำนวนมาก ต่างไม่พอใจต่อข้อกล่าวหาที่ว่า เย่ ซือเหวิน เงือกสาวเจ้าสระวัย 16 ปี อาจจะใช้สารกระตุ้น เนื่องจากเธอสามารถคว้าเหรียญทองมาอย่างง่ายดายเกินไป ถึง 2 เหรียญ โดยหลังจากทำลายสถิติโลก ในการแข่งขันว่ายเดี่ยวผสม 400 เมตร ผู้บริหารระดับสูงของสมาคมโค้ชอเมริกัน ก็ตั้งตำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในความสามารถของเธอ ที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นอย่างเหลือเชื่อ

นายหวัง ต้าเหว่ย รองประธานสมาคมกรีฑาของจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการดูแลการฝึกซ้อมของนักกีฬาที่เมืองลี้ดส ทางตอนเหนือของอังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า สื่อและคนที่กล่าวหาว่านักกีฬาจีนเป็นพวกไม่มีความรับผิดชอบ และการตั้งข้อสงสัยเหล่านี้ ไม่เป็นธรรมตอ่นักกีฬา มันเป็นเรื่องที่ทำให้นักกีฬาเจ็บปวดอย่างมาก เมื่อพวกเขาถูกกล่าวหาว่า ใช้สารกระตุ้นด้วยการตัดสินตามความเข้าใจของตัวเองโดยปราศจากหลักฐานใด ๆ

ความเห็นของนายหวัง มีขึ้นในเวลาเพียงหนึ่งวัน หลังจากสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ หรือ ฟีน่า ระบุว่าฟีน่าอยากที่จะทำให้มีความชัดเจนว่า ไม่ได้มูลความจริงเลยที่จะมาให้การสนับสนุนข้อกล่าวหาเหล่านี้ที่นำเข้ามาพัวพันกับผลงานของเย่ ซึ่งได้ปฎิบัติตามกฎข้อบังคับการควบคุมสารกระตุ้นของ ฟีน่า ทุกอย่าง โดยเข้ารับการตรวจเป็นจำนวน 4 ครั้งในรอบ 12 เดือนล่าสุด รวมไปถึง 2 ครั้ง ก่อนการแข่งขันโอลิมปิกรอบคัดเลือก เมื่อปี 2012 ด้วย และนายหวังได้ยืนยันว่า นักกีฬาจีนทั้งลู่และลาน ไม่มีการใช้สารกระตุ้นอย่างแน่นอน แต่ก็เสนอว่า คณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ควรจะกำหนดกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์กว่านี้ ในการกำกับดูแลการแข่งขัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาตามมาอีก

 

จีนเตรียมรับมือพายุซาวลา-ดอมเรย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2555 10:57 น.

       มณฑลฝูเจี้ยน และเจ้อเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่นซาวลา กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ คาดว่าทำให้เกิดกระแสลมแรงและฝนตกหนัก ชาวประมงและคนงานท่าเรือ 60,000 คน ต้องออกจากพื้นที่เสี่ยง เรือทุกชนิดต้องกลับเข้าฝั่งเพื่อหลบภัย ทางการท้องถิ่น ประกาศเตือนภัยพายุระดับ 2
        ทหารและอาสาสมัคร ช่วยกันสร้างแนวป้องกันน้ำ โดยนำกระสอบทรายและอิฐมาเรียง ขณะที่ประชาชนพากันซื้อข้าวของจำเป็น เพื่อสำรองไว้ใช้
        ขณะเดียวกัน มณฑลซันตง และเจียงซู ทางภาคตะวันออก เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่นดอมเรย ที่จะพัดผ่านเช่นกัน
        สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น ระดับสีแดง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากทั้งหมด 4 ระดับ ทางการท้องถิ่นมีคำสั่งให้เรือประมง 66,000 ลำ กลับเข้าฝั่ง และอพยพประชาชน 31,000 คนออกจากพื้นที่เสี่ยง

 

พายุซาวลาอ่อนกำลังเป็นโซนร้อน หลังถล่มเกาะไต้หวันเกือบอัมพาต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 สิงหาคม 2555 02:05 น.




พายุไต้ฝุ่น “ซาวลา” กระหน่ำใส่ไต้หวันด้วยลมพายุรุนแรงและฝนตกหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน และบังคับให้ทั่วทั้งเกาะแห่งนี้อยู่ในสภาพถูกปิดตายเมื่อวันพฤหัสบดี(2) โดยเที่ยวบินทั้งระหว่างประเทศและภายในไต้หวันเองร่วมๆ 200 เที่ยวถูกยกเลิก ส่วนการซื้อขายในตลาดการเงินก็ถูกสั่งระงับ สำหรับในภาพนี้เป็นสภาพน้ำท่วมภายหลังฝนหนักที่เมืองอู่ฉี ทางชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะ ก่อนที่ไต้ฝุ่นลูกนี้จะมาถึงไต้หวัน ก็ได้กระหน่ำใส่ฟิลิปปินส์มาก่อนแล้ว สังหารผู้คนในแดนตาการล็อกอย่างน้อย 23 คน

       เอเอฟพี - พายุซาวลาพัดพาเอาลมกระโชกแรงและฝนตกหนักถล่มไต้หวัน คร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้วอย่างต่ำ 6 รายและเกือบทั้งเกาะต้องอยู่ในภาวะชะงักงันเมื่อวันพฤหัสบดี (2) ทีมช่วยเหลือและสื่อมวลชนเผย
       
       เที่ยวบินทั้งนานาชาติและภายในประเทศเกือบ 200 เที่ยวบินต้องถูกยกเลิกและเจ้าหน้าที่สั่งระงับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สืบเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
       
       เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าถึงสะพานเทียบเครื่องบิน 2 อัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน พังถล่มลงมาและได้ก่อความเสียหายเล็กน้อยแก่เครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินไชน่า แอร์ไลน์ส
       
       ไต้ฝุ่นที่เคลื่อนตัวช้าๆ นี้ ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนในฟิลิปปินส์มาแล้วอย่างน้อย 23 ราย ได้ลดกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน หลังจากขึ้นฝั่งเป็นครั้งที่ 2 บริเวณทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันเวลาประมาณ 14.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 13.00 น.) สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางไต้หวันระบุ
       
       “ประชาชนควรอยู่ในความเฝ้าระวังต่อไป แม้ว่าซาวลาจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วในช่วง 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา และคาดหมายว่าจะยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของเกาะในวันนี้” เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาเตือน
       
       ซาวลาขึ้นฝั่งเกาะไต้หวันครั้งแรกที่เมืองฮัวเหลียน ณ เวลา 03.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 04.20 น.) ก่อนจะเคลื่อนตัวกลับสู่ทะเลในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา
       
       ทั้ง ซาวลานับเป็นไต้ฝุ่นลูกแรกที่ซัดถล่มเกาะไต้หวันในปีนี้ โดยอิทธิพลของมันก่อให้เกิดฝนตกหนักในทางภาคเหนือและตะวันออก รวมถึงยังจุดชนวนดินถล่มหลายจุด จนทำให้ทางการต้องอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยมากกว่า 1,500 คน
       
       กระทรวงกลาโหมซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งกำลังพลมากกว่า 45,000 นายอยู่ในความเตรียมพร้อม ได้เคลื่อนยานยนต์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดค้างจากปัญหาอุทกภัยในเมืองอี๋หลาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ ขณะที่ทางศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกลางเผยว่าโดยรวมแล้วมีกว่า 50,000 ครัวเรือนที่ต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าและเกือบ 7,000 ครัวเรือนที่ไม่มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค
       
       สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางไต้หวันบอกว่า พายุลูกนี้ยังจะส่งผลประทบต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า ณ เวลาประมาณ 19.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 18.15 น.) ซาวลา อยู่ห่างจากกรุงไทเปราว 60 กิโลเมตรและเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมุ่งหน้าสู่จีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยความเร็ว 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

แม่น้ำเมยมีระดับสูงขึ้นมาก


เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่า น้ำในแม่น้ำเมยมี ระหว่างชายแดนไทย - พม่า ด้านจังหวัดตาก มีระดับน้ำสูงขึ้นมาก หลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องอีก ส่งผลให้ประกอบการขนส่งสินค้านำเข้า และส่งออก ต่างย้ายสินค้าไปยังจุดที่ปลอดภัย สำหรับเมฆฝน เป็นเมฆฝนที่ลอยมาจากฝั่งประเทศพม่าเข้าสู่อำเภอแม่สอด บางครั้งเกิดพายุทั้งลม และฝน โดยมีลมกระโชกแรงมาก

นายสำรวย ป่าตาล ผู้ประกอบการคลังอนุมัติที่ 1 หรือ ท่าเรือขนส่งไปมาฝั่งพม่า บ้านห้วยม่วง ตำบลท่าสายลวด เปิดเผยว่า การส่งสินค้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนัก และตกต่อเนื่อง ระดับน้ำเมยขึ้นสูงกว่า 3.50 เมตร ส่งผลให้การขนถ่ายสินค้าทางเรือที่แม่น้ำเมยต้องรอคิว ล่าช้าไป ซึ่งมีท่าส่งสินค้าบางแห่ง ไม่สามารถให้รถบรรทุกสินค้าไปจอดได้ต้องมาใช้บริการท่าขนส่งนี้แห่งเดียว

 

น้ำทุ่งเอ่อท่วมบ้านริมคลองสาขาแม่น้ำยม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลกระทบจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดพิจิตร และกำแพงเพชร ติดต่อกันหลายวันส่งผลให้มีน้ำสะสมจำนวนมากตามพื้นที่ต่างๆของจังหวัดพิจิตร ตามลำคลองสาขาของแม่น้ำยมสายต่างๆระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมีสีขุ่นแดง ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยม ที่ไหลผ่าน 4 อำเภอของจังหวัดพิจิตร คือ อำเภอสามง่าม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอบึงนาราง และอำเภอโพทะเล มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2- 3 วันที่ผ่านมาระดับน้ำยม สูงขึ้นเกือบ 2 เมตร และผลจากน้ำทุ่งจากด้านอำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ที่ไหลบ่าทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถระบายลงแม่น้ำยมได้ทันเนื่องจากคลองมีขนาดเล็ก และน้ำในแม่น้ำยมมีระดับที่สูงส่งผลให้น้ำเอ่อเข้าท่วมขันบ้านเรือนประชาชนกว่า 40 หลังคาเรือน ในพื้นที่หมู่ที่ 11 บ้านปากคลอง ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม

สำหรับพื้นที่บ้านปากคลอง ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม เป็นอีกพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำติดริมกับคลองรังนก ซึ่งเป็นคลองที่รับน้ำจากทุ่งกำแพงเพชร ส่งผลให้ถูกน้ำท่วมเป็นประจำ เนื่องจากทุกครั้งที่มีน้ำจำนวนมากไหลมาจากกำแพงเพชร น้ำก็จะท่วมพื้นที่บ้านปากคลอง โดยเฉพาะปีนี้ที่น้ำท่วมพื้นที่เป็นครั้งที่สามแล้ว

 

ชาวไต้หวันเก็บกวาดซากปรักหักพังจากฤทธิ์"ซาวลา"
ชาวไต้หวันเริ่มเก็บกวาดซากปรักหักพัง หลังถูกพายุไต้ฝุ่นซาวลา พัดถล่มทำให้เกิดฝนตก น้ำท่วมหนัก
แม้ว่าไต้ฝุ่นซาวลาอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน แต่ตั้งแต่บ่ายวานนี้ อิทธิพลของพายุลูกดังกล่าวที่ยังเคลื่อนตัวอยู่ในไต้หวัน รวมทั้งฝนที่ตกกระหน่ำ ยังมีผลให้น้ำท่วมหลายพื้นที่ จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากพายุซาวลา แล้ว 5 คน สูญหาย 2 คน หลังจากคร่าชีวิตคนในฟิลิปปินส์ มากถึง 37 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำเรือยาง และยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบก เข้าไปช่วยเหลือประชาชนหลายร้อยคนที่หนีน้ำท่วม
มีรายงานว่า ที่สนามบินไทเป ต้องยกเลิกเที่ยวบิน เพราะเกรงอันตรายจากไต้ฝุ่นซาวลา หลายสิบเที่ยวบิน ขณะที่อ่างเก็บน้ำใหญ่ ทั้ง 7 แห่ง ต้องระบายน้ำออกจำนวนมหาศาล เพื่อป้องกันน้ำท่วม

 

ยอดเหยื่อ “ไต้ฝุ่นซาวลา” ในฟิลิปปินส์พุ่ง 37 ศพ ฝนยังตกต่อเนื่อง
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=718><TBODY><TR><TD vAlign=top width=718 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ชาวฟิลิปปินส์กำลังเลือกเก็บขยะที่ถูกคลื่นพายุซัดลอยมาติดชายหาดกรุงมะนิลา เมื่อวันพุธ(1)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นซาวลาถล่มฟิลิปปินส์พุ่งเป็น 37 รายแล้ว ขณะที่ฝนซึ่งยังตกหนักคาดว่าจะทำให้สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงขึ้น รัฐบาลฟิลิปปินส์แถลง วันนี้(3)

ฝนในฤดูมรสุมยังคงซัดกระหน่ำหมู่เกาะตอนเหนือและตอนกลางของฟิลิปปินส์ ทำให้หลายเมืองจมอยู่ใต้น้ำเป็นวันที่ 6 แล้ว แม้ว่าไต้ฝุ่นซาวลาจะเคลื่อนไปสู่เกาะไต้หวันแล้วก็ตาม

รายงานเบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตเพียง 23 ราย แต่หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเรือน เบนิโต รามอส เปิดเผยว่า ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเข้ามาเพิ่มเติม ประกอบด้วยวัยรุ่น 11 คนที่จมน้ำเสียชีวิตตามภาคต่างๆของฟิลิปปินส์ เมื่อวานนี้(2)

“เป็นไปได้ว่า เด็กเหล่านั้นอาจชอบใจที่เห็นคลื่นสูง จึงลงไปโต้คลื่นเล่น แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge)” รามอส ให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุว่า ยอดเหยื่อพายุคาดว่าจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เนื่องจากยังมีคนจมน้ำหายไปอีก 4 คน ทางตอนเหนือของประเทศ

รามอส ซึ่งเป็นประธานสภาบรรเทาความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุว่า แม้ไต้ฝุ่นซาวลาจะเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ไปแล้ว แต่ยังส่งอิทธิพลให้มีฝนตกหนัก จึงอาจเกิดดินถล่มหรือน้ำท่วมฉับพลันตามมาอีกได้

พื้นที่ชายฝั่งของกรุงมะนิลายังคงมีน้ำท่วมระดับหัวเข่าจนถึงวันนี้(3) เจเรมี เด โอ แคมโป จากสำนักงานควบคุมอุทกภัยประจำกรุงมะนิลาเผย

“ชุมชนเหล่านี้อยู่ติดกับอ่าวมะนิลา และเมื่อน้ำทะเลขึ้นมาก็จะท่วมไปทั้งหมด” เขากล่าว

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=660><TBODY><TR><TD vAlign=top width=660 align=center> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=629><TBODY><TR><TD vAlign=top width=629 align=center> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เสื่อม ผู้สื่อข่าวบีบีซีล้อแชมป์ว่ายน้ำหญิงจีนเป็นนัก"สวิงเกอร์" อดีตผอ."กูเกิลจีนฯ"ออกโรงขอโทษ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรณีเย่ ชีเหวิน แชมป์นักว่ายน้ำหญิงจีนประเภทเดี่ยวผสม 400 เมตร วัย 16 ปี ซึ่งถูกตะวันตกรุมโจมตีว่าเก่งเกินกว่าที่จะเป็นไปได้ ล่าสุด กระแสโจมตีเงือกสาวน้อยคนนี้ยังไม่ยุติ โดยนายจิม เน้าท์ตี้ ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่มีชื่อเสียงในการวิจารณ์อย่างเกินจริง และพูดถึงที่เงือกสาวรายนี้คว้าเหรียญทองดังกล่าวได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับเรียกขานเงือกสาวน้อยผู้นี้ว่าเป็น"Swinger" หรือล้อเลียนจากคำว่า"Swimmer"

​

ขณะเดียวกัน นายไข่ฟู ลี อดีตผู้บริหารของเว็บไซต์"เว่ยป๋อ"เซิร์สเอ็นจิ้นชื่อดังของจีน ได้ขออภัยที่เขาเป็นชนวนให้เกิดการทะเลาะกันต่อกรณีชัยชนะของเย่ ชี เหวิน หลังจากที่เขาได้โพสต์รายละเอียดคำพูดของนายจอห์น นีโอลาร์ด โค้ชว่ายน้ำสหรัฐที่บอกว่า"ไม่มีทางเป็นไปได้"ที่เย่ ชีเหวิน จะสามารถว่ายน้ำได้เร็วกว่าผู้ชาย หลังจากเธอทำสถิติว่ายน้ำทำเวลาเร็วไรอัน ลอชเต้ แชมป์ฝ่ายชายของสหรัฐ โดยนายไข่ฟูได้โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่อีเมล์ ของโค้ชสหรฐ แก่ชาวจีน และว่าการโจมตีของโค้ชอเมริกันเป็นเรื่องไม่ใว้หน้า และเขาเป็นเพียงหัวหน้าทีมโค้ชว่ายน้ำของสหรัฐ แต่ไม่ได้เป็นโค้ชทีมว่ายน้ำโอลิมปิกของสหรัฐ

รายงานระบุว่า กรณีชัยชนะของเงือกสาวน้อยจีนทำให้ชาติตะวันตกยังตั้งข้อกังขาว่า เธออาจใช้สารกระตุ้น และสื่อบางรายยังโยงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นชัยชนะที่มาจากผลผลิตของโรงงานแห่งการทรมานเด็กเพื่อให้กลายเป็นนักกีฬาจีนในอนาคต ที่ต้องถูกฝึกอย่างหนัก

<!--อ่านล่าสุด คน--><!-- FB COMMENT --><!-- <tr> <td align="right" valign="top" colspan='2'>
<fb:comments href="" num_posts="3" width="560"></fb:comments> <script src="http://connect.facebook.net/en_US/all.js#appId=186740354700554&xfbml=1"></script> </td> </tr> --><!-- END FB COMMENT --><TABLE style="MARGIN-TOP: 10px; MARGIN-BOTTOM: 5px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD height=105 vAlign=top width=325 align=center><!-- Start Banner 300x100 Slot1 --></TD><TD height=105 vAlign=top width=325 align=center><!-- Start Banner 300x100 Slot2 --></TD></TR></TBODY></TABLE>เสื่อม ผู้สื่อข่าวบีบีซีล้อแชมป์ว่ายน้ำหญิงจีนเป็นนัก"สวิงเกอร์" อดีตผอ."กูเกิลจีนฯ"ออกโรงขอโทษ : มติชนออนไลน์