WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ฮือฮา ฮ่องกงเจอหมอกพิษครั้งรุนแรงที่สุด ทุบสถิติปี 1999-ทางการเตือนปชช.อยู่แต่ในบ้าน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ฮ่องกงต้องเผชิญกับภาวะหมอกมลพิษครั้งรุนแรงที่สุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยรุนแรงกว่าปี 1999 ขณะที่ทางการฮ่องกงต้องเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงหมอกมิษ และควรอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะผู้มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ ผู้สูงอายุ และเด็ก ๆ

รายงานระบุว่า หมอกพิษดังกล่าวทำให้ท้องฟ้าฮ่องกงถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาจนกลายเป็นสีเทา แม้ว่าอากาศจะดีและมีแสงแดดจ้า โดยหมอกดังกล่าวกระทบหนักในบริเวณเขตตอนกลางของย่านการค้าฮ่องกง ซึ่งมีบริษัทข้ามชาติและบริษัทแบรนด์สินค้าหรูดังตั้งอยู่ ขณะที่นักต่อสู้ปัญหามลพิษได้ตำหนิภาวะหมอกพิษนี้มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีโรงงานปล่อยควันพิษเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศแก้ไขปัญหาคุณภาพอากาศเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี หลังจากผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยฮ่องกงชี้ว่า ภาวะมลพิษของฮ่องกงทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนกว่า 3 พันคนต่อปี

 

โดยสถานีวิทยุ จส.100 รายงานเมื่อเวลา 15.48 น. ว่า ได้เกิดเหตุถนนทรุดตัวบริเวณ ถ.แจ้งวัฒนะ ก่อนถึงแยกหลักสี่ประมาณ 100 เมตร หน้าห้างไอทีสแควร์กว้าง 3 เมตร ลึก 1.5 เมตร


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบ พร้อมกับสั่งปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งขอให้ประชาชนที่ต้องการใช้เส้นทางดังกล่าวเลี่ยงขึ้นสะพานหลักสี่ หรือเข้าซอยสำนักงานเขตหลักสี่ เพื่อออกถนนกำแพงเพชร 6 บริเวณข้างวัดหลักสี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปีนี้ หลายพื้นที่กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุถนนยุบตัว 3แห่ง จุดแรกคือ บริเวณถนนแยกวิทยุ ถนนพระราม 4 บริเวณใต้สะพานไทย-เบลเยียม จุดที่ 2 ถนนเจริญกรุง จุดที่ 3 บริเวณหน้าหอศิลป์ กรุงเทพมหานคร แยกปทุมวัน ถนนพญาไท


ขณะที่ คุณนลินี ศิริเกตุ ผู้สื่อข่าววอยซ์ ทีวี รายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงระบุว่า ช่วงเช้าได้มีการเอาแอสฟัลมาเท หลังพบว่าเป็นรอยร้าว พอตกเย็นถนนยุบตัว


ด้าน นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้รับรายงานเหตุถนนยุบแล้ว บอกพื้นที่อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง สั่งการให้สำนักการโยธาประสานกับกรมทางหลวง ขณะที่กทม.ได้ตรวจสอบถนนทุกเส้นทางแล้ว อยากให้กรมทางหลวงตรวจสอบเส้นทางแบบ กทม.เพื่อป้องกันอันตราย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ จากกรมทางหลวงได้ทยอยนำรถซ่อมบำรุงมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อดำเนินการซ่อมให้เสร็จภายในคืนนี้

​

 

ชาวจำปาหล่อผวาถนนสไลด์ลงเจ้าพระยา
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อ่างทอง - ชาวบ้าน ต.จำปาหล่อ เมืองอ่างทอง ผวาถนนริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาทรุดยาวกว่า 20 เมตร ด้านปลัดอำเภอรุดตรวจสอบ พร้อมประสาน ปภ.เร่งตอกเข็มป้องกัน

วันนี้ (3 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 1 ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง ว่า ถนนคันดินได้สไลด์ลงแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นระยะทาง 50 เมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนางนัสทยา ทับตรง อายุ 44 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่ดินถนนสไลด์ตัวลงแม่น้ำเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (2 ส.ค.) ถนนลูกรังริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นคันกั้นน้ำสูงกว่า 4 เมตร ได้เกิดการทรุดตัวลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นระยะทางยาวกว่า 50 เมตร โดยจุดดังกล่าว อยู่ติดกับบริเวณที่เกิดดินสไลด์ตัว จนชาวบ้านต้องย้ายบ้านหนีไปกว่า 10 หลัง และเป็นรอยต่อระหว่างเขื่อนเรียงหินเก่า ทำให้ชาวบ้านกลัวว่าถนนจะพังไปทั้งเส้น และจะส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ รวมไปถึงหากถึงฤดูน้ำหลาก ก็ไม่สามารถที่จะกั้นน้ำได้

ขณะที่ นายฉัตรชัย เย็นทรวง ปลัดอำเภอเมืองอ่างทอง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าว และประสานงานไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดอ่างทอง เพื่อที่จะหาวิธีในการป้องกันการสไลด์ของดินในบริเวณดังกล่าว โดยคาดว่า น่าจะนำเสาเข็มมาปักเพื่อป้องกันการสไลด์ของดิน และถนนซึ่งเป็นคันกั้นน้ำ ส่วนในระยะยาว คงต้องรองบประมาณในการสร้างเขื่อนเรียงหินถาวรต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คอสะพานทรุด! ข้างคลองเปรมประชากร คาดจากเหตุน้ำท่วมใหญ่



คอสะพานทรุดข้างคลองเปรมประชากร ขนาดความลึก 1.50 เมตร กว้างประมาณ 1.50 เมตร ยาว 2.50 เมตร จนท.ปิดการจราจรแล้ว คาดจากเหตุน้ำท่วมใหญ่...

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ส.ค.  พ.ต.ท.บดินทร์ ผาสุข รอง ผกก.ป.สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุคอสะพานทรุดตัวเป็นโพรงขนาดใหญ่เท่ารถเก๋ง 1 คัน เหตุเกิดที่บริเวณคอสะพานข้ามคลองเปรมประชากร ข้างห้างไอทีแสควร์ ถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้า แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมฝ่ายจราจร เจ้าหน้าที่ฝ่ายการโยธา สำนักงานเขตหลักสี่ และนายอดุลย์ บุญเรือง หัวหน้างานซ่อมบำรุงฝ่ายจราจร สงเคราะห์ แขวงการทางกรุงเทพ กรมทางหลวง

ที่เกิดเหตุเป็นคอสะพาน มี 2 ช่องจราจร ที่ช่องซ้ายสุดพบเป็นโพรง และผิวจราจรที่ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กทรุดลงไป มีขนาดความลึก 1.50 เมตร กว้างประมาณ 1.50 เมตร ยาว 2.50 เมตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายจราจร สน.ทุ่งสองห้อง จึงต้องรีบปิดการจราจรทันที ด้วยการนำแผงเหล็กมากั้น เพราะเป็นช่วงคอสะพานขาลง ซึ่งไม่สามารถมองเห็นจากระยะไกล ประกอบกับช่องทางขวามือที่ยังไม่ทรุดพังลงไป ก็ไม่มีพื้นดินรองรับอยู่เลย พร้อมที่จะพังลงได้ทุกเมื่อ



พ.ต.ท.บดินทร์ เปิดเผยว่า มีการแจ้งเหตุพบการชำรุดตรงบริเวณจุดนี้มาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นถนนเป็นรอยแตกร้าวทรุดตัวเล็กน้อย จึงประสานงานสำนักงานเขตหลักสี่ นำยางมะตอยมาเททับ จนสามารถให้รถวิ่งผ่านไปได้ สำหรับวันนี้ก็มาดูตั้งแต่ช่วงสาย พบมีการทรุดตัว จึงเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดจนบ่าย ก็ไม่สามารถรองรับน้ำหนักรถยนต์ได้ ทรุดตัวลงไปอย่างเด่นชัด จึงรีบสั่งปิดการจราจร เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน

ทั้งนี้ ได้ให้รถยนต์ รถ จยย.ที่ประสงค์ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 10/1 แล้วไปออกตรงบริเวณวัดดอนเมือง อีกทางให้ขึ้นสะพานลอยข้ามแยกหลักสี่มุ่งหน้าไปวงเวียนบางเขน แล้วกลับรถมาถนนวิภาวดีรังสิต ไปใช้สะพานกลับรถที่หน้าสโมสรตำรวจ เพื่อเข้าถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ต่อไป



ด้านนายอดุลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ ได้ประสานงาน ผอ.แขวงการทางกรุงเทพ เพื่อนำเครื่องมือหนักมาซ่อม ด้วยการขุดถนนทั้งสองเลนเพื่อเปิดหน้างานประมาณ 14 ตารางเมตร แล้วนำทรายถมลงไปบดอัด จากนั้นเทคอนกรีต ซึ่งคาดว่าต้องปิดซ่อมนานเป็นวัน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่ามาจาก 2 เรื่องคือ ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปีที่แล้วทรายใต้ถนนได้ไหลลงไปในคลองเปรมฯ อีกสาเหตุมาจากเมื่อปีที่แล้วก็เคยมีท่อประปาขนาดใหญ่ตรงบริเวณนี้แตก ก็อาจทำให้ทรายไหลออกไปได้.

โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

3 สิงหาคม 2555, 19:56 น.

 

ไต้ฝุ่นสองลูกเข้าถล่มจีน อพยพคนราว 5 แสน เตือนฝนตกหนักและดินถล่มในหลายพื้นที่
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ ช่างภาพชาวจีนคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพคลื่นทะเลที่บ้าคลั่ง เมืองไถโจว มณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเยนซี--พายุไต้ฝุ่นซาวลา และไต้ฝุ่นดัมเรย์ เข้าถล่มบริเวณชายฝั่งของจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ในระหว่างคืนวานนี้ จนถึงช่วงเช้าวันนี้ (3 ส.ค.) อพยพคนราว 5 แสน เตือนฝนตกหนักและดินถล่มตามมาในหลายพื้นที่

สื่อจีนรายงาน วานนี้ (2 ส.ค.) “ไต้ฝุ่นดัมเรย์” ลูกที่ 10 ในรอบปี เข้าปะทะบริเวณหมู่บ้านเฉินจยากั่ง ตำบลเสียงสุ่ย ในมณฑลเจียงซู จนถึงเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง โดยบริเวณใกล้ศูนย์กลางมีความแรงลมระดับ 12 (126กิโลเมตร/ชั่วโมง)

มณฑลเจียงซู ต้องอพยพประชาชนกว่า 56,000 คนที่ทำงานในทะเลและบริเวณแม่น้ำฉังเจียง (แยงซีเกียง) รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายหาดอีกกว่า 50,000 คนด้วย

ทางด้าน “ไต้ฝุ่นซาวลา” นั้น เข้าพัดถล่มในหมู่บ้านฉินอี่ว์ เมืองฝูติ่ง มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) เมื่อเวลา 06.50 น. วันนี้ (3 ส.ค.) บริเวณศูนย์กลางมีความแรงลมระดับ 10 (90 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ซึ่งก่อนหน้านี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้ได้เข้าพัดถล่มเมืองฮวาเหลียน ในไต้หวันมาแล้ว

ด้วยซาวลาที่โหมกระหน่ำเข้ามาในบริเวณชายทะเล ทำให้ชาวประมงกว่า 60,000 คน ต้องอพยพออกจากมณฑลฝูเจี้ยน และต้องยกเลิกการบริการเรือข้ามฝากและเที่ยวบินต่างๆ

เจ้าหน้าที่ในมณฑลฝูเจี้ยนส่งข้อความมากกว่า 25.5 ล้านข้อความ ไปยังประชาชน เพื่อแจ้งเตือนภัยจากพายุไต้ฝุ่นซาวลานี้

สำนักงานควบคุมอุทกภัยและบรรเทาความแห้งแล้งแห่งชาติจีน แจ้งเตือนว่า ไต้ฝุ่นทั้งสองลูกนี้ สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วม และดินโคลนถล่มได้มากกว่า 10 แห่งในมณฑลเจียงซู มณฑลอันฮุย และมณฑลเหอหนัน รวมทั้ง เมืองหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน และเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง

นอกจากนี้ ยังแจ้งเตือนเรื่องลมพายุแรงและฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 4 วันได้

ในเวลาต่อมา เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยาจีน รายงานว่า ในตอนสายวันนี้ “ซาวลา” ได้ลดระดับกลายเป็นพายุโซนร้อนแล้ว โดยศูนย์กลางอยู่ที่เมืองฝูอัน มณฑลฝูเจี้ยน มีความแรงลมระดับ 9 (23 เมตร/วินาที) คาดว่า จะเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยคืนนี้จะไปถึงมณฑลเจียงซี อย่างไรก็ดี ระดับความแรงลมจะค่อยๆ ลดลง

สำหรับ “ดัมเรย์” นั้น ก็ลดความแรงเป็นพายุโซนร้อน ในตอนสายวันนี้ และคาดว่าจะเคลื่อนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 15 - 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง และลดระดับความแรงลงเช่นเดียวกัน

แจ้งเตือนการเกิดพายุฝนในระดับสีเหลือง

สื่อจีนรายงานว่า เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยาของจีน แจ้งเตือนพายุฝนอยู่ในระดับสีเหลือง และคาดว่า ในช่วงสองวันนี้ (3-4 ส.ค.) จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในบริเวณมณฑลเจ้อเจียง มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเจียงซู มณฑลอันฮุย มณฑลหูเป่ย มณฑลซานตง มณฑลเหอเป่ย เมืองเทียนจิน มณฑลเหลียวหนิง และมณฑลจี๋หลิน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ คลื่นลูกใหญ่จาก “ไต้ฝุ่นดัมเรย์” เข้าพัดถล่มชายฝั่งเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง เมื่อวันที่ 3 ส.ค. (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ ถนนในมณฑลเจียงซู ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังถูก “ไต้ฝุ่นดัมเรย์” เข้าพัดถล่ม เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ ต้นไม้หักโค่นทับรถยนต์คันหรูคันหนึ่ง ในมณฑลเจียงซู ซึ่งได้รับผลกระทบจาก “ไต้ฝุ่นดัมเรย์” เช่นกัน (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ คลื่นลูกยักษ์ในเมืองไห่หนิง มณฑลเจ้อเจียง ซึ่งได้รับผลกระทบจาก "ไต้ฝุ่นซาวลา" พัดกระหน่ำ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480><TBODY><TR><TD vAlign=top width=480 align=center> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ แผนที่แสดงระดับพื้นที่ที่เกิดพายุฝน ซึ่งได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นทั้งสองลูก ทางกรมอุตุนิยมวิทยาจีน ประกาศการเกิดพายุฝนอยู่ในระดับสีเหลือง เมื่อวันที่ 3 ส.ค. (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สาวจีนผวา! หนุ่มโรคจิตเดินไล่กอดบนถนน


<!-- CSS = "article-detail partners" -->


เว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศ ไลฟ์ลีค ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอของผู้ใช้ชื่อ Lake8737 นำมาโพสต์เพื่อเตือนภัยสังคมที่เกิดขึ้นบนท้องถนนของประเทศจีน

คลิปดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมากนัก แต่ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน บนถนนใจกลางเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งมีพฤติกรรมยืนอยู่บนทางเท้าริมถนน มีลักษณะคล้ายกับชายสติไม่สมประกอบหรือชายโรคจิต จะเดินเข้าไปโผกอดเหยื่อที่เป็นผู้หญิงจากทางด้านหลัง
หนุ่มโรคจิตคนดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเลือกเหยื่อเป็นหญิงสาวที่เดินถนนอยู่เพียงลำพัง โดยเขาจะเดินตามไปทางด้านหลังหญิงสาว ก่อนจะเข้าโผแบบที่เหยื่อสาวไม่ทันได้ตั้งด้วย ซึ่งเหยื่อบางรายมีอาการตื่นตกใจ กรีดร้อง และวิ่งหนีไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนดังกล่าว ยังไม่มีรายงานว่าเป็นผู้ใดและเป็นชายสติไม่สมประกอบจริงหรือไม่ แต่กลายเป็นหนึ่งภัยสังคมบนท้องถนนในเมืองใหญ่ของประเทศจีนไปอีกกรณี

 

น้ำเชี่ยว!พัดไกด์ทัวร์ทีลอซูดับ

โพสต์เมื่อ : 03 ส.ค. 2555, 17:34 น. หมวดหมู่ : ข่าวเด่น
ไกด์หนุ่มโดดน้ำช่วยลูกทัวร์ตกเรือยางขณะล่องลำน้ำแม่กลองกลับจากทีลอซู ก่อนเจอกระแสน้ำเชี่ยวพัดจมเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นาย สุชาติ ทีคะสุข นายอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจาก นักท่องเที่ยวและญาติของ นาย พิชัย ยอดแก้ว อายุ 38 ปี  บ้านเลขที่ 179 บ.แม่กลองใหม่ ม. 1 ต.แม่กลอง อ.อุ้มผาง จ.ตาก ซึ่งมีอาชีพให้บริการนำเที่ยวอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากว่า นายพิชัยได้นำนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งนั่งเรือยางท่องเที่ยวล่องลำน้ำแม่กลองเพื่อไปเที่ยวชมน้ำตก ทีลอเร และทีลอซู ซึ่งอยู่ห่างจาก ตัวอำเภออุ้มผางประมาณเกือบ 30 กิโลเมตร

ขณะเดินทางกลับได้เกิดอุบัติเหตุมีนักท่องเที่ยวตกจากเรือยาง ลงไปในลำน้ำแม่กลอง ซึ่งนายพิชัย ได้ว่ายน้ำเข้าไปช่วยเหลือเอาตัวนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนเรือยางเป็นผลสำเร็จ แต่นายพิชัย ได้ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไปต่อหน้าต่อตากลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งเพื่อนในกลุ่มไกด์ ที่มาด้วยได้ออกติดตามหาตัวแต่ไม่พบร่างของนายพิชัย คาดว่ากระแสน้ำพัดพาหายไประยะทางไกลและเสียชีวิตแล้ว จึงได้เดินทางด้วยเท้าออกมาจากพื้นที่ และเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุ้มผาง และนายอำเภออุ้มผาง

ทั้งนี้หลังได้รับแจ้งทางนายอำเภออุ้มผางได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภออุ้มผาง จำนวน 2 ชุดปฎิบัติการณ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผางและ กำลังพล จาก ร้อย ตชด.347  นำเรือยาง จำนวน 3 ลำออกค้นหา

อย่างไรก็ตามการออกค้นหาร่างของนายพิชัยของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากช่วงวันที่ผ่านมามีฝนตกหนักติดต่อกัน และกระแสน้ำในแม่น้ำแม่กลองเชี่ยวกราก ระดับ 4 – 5 ซึ่งนับเป็นระยะที่มีอันตรายสูง อีกทั้งระยะห่างจากบริเวณสถานที่ที่เกิดเหตุในลำน้ำแม่กลองใกล้น้ำตกทีลอเรประมาณ 800 เมตร เป็นสถานที่เรียกว่าถ้ำน้ำมุด โดยลำน้ำแม่กลองทั้งสายจะลอดลงไปใต้ภูเขาระยะทางประมาณ ภูเขาจำนวน 2 ลูกเรียงติดกันและจะไปทะลุออกไปยังพื้นที่หมู่บ้านแม่จันทะ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตากออกไปยังเขตทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งขณะนี้ได้ประสานกับ พ.ต.ท. ชัยวรุต พร้อมญาติ ผบ.ร้อย ตชด. 347 อ.อุ้มผาง ส่งการให้ จนท. หน่วย ตชด. 347 ที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ใกล้หมู่บ้านแม่จันทะ ระดมกำลังกันออกค้นหาอีกด้านหนึ่งแล้ว

ขณะเดียวกันได้แจ้งเตือน กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภออุ้มผาง หากจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางหรือล่องแพ ในพื้นที่ ให้มีการประสานขอข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เจ้าของพื้นที่ เพื่อเป็นการวางมาตรการณ์รักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนนี้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งในช่วงเกิดฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่

 

คนร้ายบุกอาละวาดกรงนกสวนสัตว์ออสซี จับหักคอตายสยอง 9 ตัว
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512><TBODY><TR><TD vAlign=top width=512 align=center> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพี - เกิดเหตุคนร้ายบุกอาละวาดสวนสัตว์แห่งหนึ่งในออสเตรเลีย ทำให้นก 9 ตัว ซึ่งในจำนวนนั้นมีนกแก้วสวิฟต์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ตัวหนึ่ง ต้องตายในสภาพคอหัก หรือหัวขาด ขณะที่มีสัตว์อีกมากกว่า 60 ตัวสูญหาย

ดิก วอร์เรน เจ้าของสวนสัตว์แทสมาเนียเล่าว่า เขาพบนกหัวขาดเหล่านั้น เมื่อเขาเปิดสวนสัตว์ในเวลาเช้าวันศุกร์ (3) ที่ผ่านมา โดยประตูกรงสัตว์ต่างๆ ถูกงัด กลอนประตูถูกตัด มีนกหาย และตายเป็นจำนวนมาก

"ไม่ว่าพวกเขาแค่จับนกเหล่านั้น แล้วเอาหัวพวกมันกระแทก หรือหักคอพวกมัน แต่นั่นก็เป็นภาพน่าสลดเกินกว่าที่จะมอง" วอร์เรนเผยกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี และว่า "ผมแทบใจสลายที่เห็นพวกมัน คนเราทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร"

ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า สัตว์จำนวนหนึ่งหลบหนีออกจากกรงขัง โดยส่วนใหญ่ถูกจับกลับไปได้แล้ว พร้อมกับบอกว่า เลื่อยไฟฟ้า 2 เครื่องถูกขโมยไปจากสวนสัตว์ด้วย

ขณะที่ นกแก้วสวิฟต์หายาก 2 ตัว นกกระตั้วหางเหลือง 1 ตัว และควอลล์ แมวพื้นเมืองกินเนื้อ 5 ตัว ยังคงอยู่ในระหว่างหลบหนี โดยนับว่าเป็นความเสียหายครั้งร้ายแรงสำหรับโครงการขยายพันธุ์สัตว์ของสวนสัตว์แห่งนี้ทีเดียว

"เรากำลังพยายามเพิ่มจำนวนสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ และเราเพิ่งสูญเสียส่วนที่ดีของโครงการนี้ไป" คอร์ทนีย์ แมคเมฮอน ผู้ดูแลโครงการกล่าว

นอกจากนี้ สวนสัตว์แห่งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงขยายพันธุ์แทสมาเนียน เดวิล สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากเนื้องอกใบหน้าที่ติดต่อกันได้ โดยแมคเมฮอนยืนยันว่าเจ้าสัตว์ดุร้ายดังกล่าวไม่ได้หลุดออกไปแต่อย่างใด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

หวั่นแล้งหน้าวิกฤต-หลังเขื่อนสิริกิติ์ถูกสั่งปล่อยน้ำ/แม้มีน้ำไหลเข้าน้อย

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อุตรดิตถ์ - ผลจากพายุวีเซนเต ทำน้ำเข้าอ่างเขื่อนสิริกิติ์วันละกว่า 64 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงแรก แต่ล่าสุดลดลงเหลือ 13.8 ล้านต่อวัน แถมมีคำสั่งปล่อยน้ำกว่า 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเริ่มพรุ่งนี้(5 ส.ค.) หวั่นหากปีนี้พายุไม่เข้ามากเหมือนปีที่แล้ว ปีหน้าเกษตรกรไทยเจอภัยแล้งหนักแน่

รายงานข่าวจากจังหวัดอุตรดิตถ์ แจ้งว่า พายุวีเซนเต ที่พัดผ่านพ้นภาคเหนือไปแล้วเรือกสวน ไ ร่ นา ต่างได้รับความชุ่มฉ่ำถ้วนหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ฝนทิ้งช่วงมากว่าครึ่งเดือน นาข้าวที่แตกระแหงกลับชุ่มฉ่ำน้ำ นอกจากนี้ยังทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์วันละกว่า 64 ล้านลูกบาศก์เมตรในช่วงแรก และปัจจุบัน มีน้ำไหลเข้าอ่างวันละกว่า 13 ล้านลูกบาศก์เมตร

จนถึงวันนี้(4 ส.ค.55) เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำที่กักเก็บอยู่เพียง 4,447.74 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 46.77 % เท่านั้น ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีน้ำกักเก็บ 7,889.82 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับ 82.96 %

อย่างไรก็ตามทางกรมชลประทานและหน่วยงานป้องกันอุทกภัยแห่งชาติ ยังคงสั่งปล่อยน้ำลงท้ายเขื่อนวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร และในวันที่ 5 ส.ค.55 จะมีการเพิ่มปริมาณปล่อยน้ำกว่า 13 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อรอรองรับน้ำใหม่ที่จะมาในฤดูฝนของปีนี้ ด้วยทุกๆปีจะมีฝนตกชุกมีน้ำไหลเข้าอ่างในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน จึงเชื่อว่า ปีนี้พื้นที่ต้นน้ำก็จะมีฝนตกหนักเช่นกัน

แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ปรากฏว่า ยังไม่มีพายุฝนหนักต้นน้ำน่านเลย จึงมีการวิตกกันว่า หากไม่มีพายุฝนเข้ามามากอย่างทุกปี ประกอบกับหลายฝ่ายที่กังวลกับปัญหาน้ำท่วมภาคกลางรีบปล่อยน้ำในเขื่อนหลักกันอย่างมากมายกว่าทุกๆปีแล้ว ฤดูแล้งปีหน้า จะเกิดวิกฤตแล้งรุนแรงมากขึ้นก็เป็นได้

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แตกตื่น! พบปืน-ระเบิดที่หมอชิต ผู้โดยสารหนีโกลาหล
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบวัตถุคล้ายระเบิดและอาวุธสงครามจำนวนหนึ่ง ที่บริเวณชานชาลาที่ 57 สถานีขนส่งผู้โดยสารสายเหนือ (หมอชิต) โดยเชื่อว่าเป็นของบุคคลที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดกับรถประจำทาง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสารที่อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก ก่อนจะพากันวิ่งหนี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันพื้นที่โดยรอบ และรอกองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้น ยังไม่มีความชัดเจนว่าอาวุธดังกล่าวเป็นของใคร หรือนำมาจากที่ใด

 

มะกันเตือนพายุ “เอร์เนสโต” จ่อกลายเป็นเฮอริเคนใน 48 ชั่วโมง แถมพบพายุอีกลูกก่อตัวกลางแอตแลนติก
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - พายุเขตร้อน “เอร์เนสโต” ในทะเลแคริบเบียนอาจทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุเฮอริเคนภายใน 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า ขณะที่มันเคลื่อนตัวผ่านจาเมกา มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกสู่หมู่เกาะเคย์แมน และคาบสมุทรยูกาตันของเม็กซิโก ขณะเดียวกันพบพายุลูกใหม่ชื่อ “ฟลอเรนซ์” ก่อตัวขึ้นกลางมหาสมุทรแอตแลนติก


รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ ในเมืองไมอามี มลรัฐฟลอริดา วันนี้ (5) ระบุว่า พายุเอร์เนสโตซึ่งพัดผ่านจาเมกาในทะเลแคริบเบียน ยังคงเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางตะวันตก สู่หมู่เกาะเคย์แมนของอังกฤษ และคาบสมุทรยูกาตันของเม็กซิโก โดยเป็นที่คาดกันว่าพายุลูกนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นอย่างช้าๆ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมงข้างหน้าจนอาจกลายเป็นพายุเฮอริเคนที่มีความเร็วลมที่ศูนย์กลางอย่างน้อย 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหากพายุลูกดังกล่าวกลายเป็นเฮอริเคนในอีก 2 วันข้างหน้า จะส่งผลกระทบต่อการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบริเวณอ่าวเม็กซิโกมากน้อยเพียงใด

พายุเอร์เนสโตซึ่งก่อตัวขึ้นทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียนตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ได้สร้างความเสียหายแก่หลายประเทศในแถบนี้ซึ่งส่วนใหญ่มีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะ ไม่ว่าจะเป็นเซนต์ ลูเชีย, อรูบา, คูราเซา, โบแนร์, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ, เปอร์โตริโก และจาเมกา ตลอดหลายวันที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า พบการก่อตัวของพายุเขตร้อนอีกลูกหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า “ฟลอเรนซ์” เมื่อวันเสาร์ (4) ทางด้านตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติก และพายุลูกนี้ซึ่งมีความเร็วลมที่ศูนย์กลางอยู่ที่ราว 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าทางตะวันตก โดยล่าสุดอยุ่ห่างจากหมู่เกาะเคปเวิร์ดราว 960 กิโลเมตร ถือเป็นพายุลูกที่ 6 ในปีนี้ที่เกิดขึ้นในฤดูเฮอริเคนประจำปีของทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ 1 มิถุนายน-30 พฤศจิกายน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อิสราเอลซุ่มพัฒนาขีปนาวุธสกัดกั้น “แอร์โรว์” ป้องกันภัยคุกคาม “อิหร่าน-ซีเรีย”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 สิงหาคม 2555 15:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=620><TBODY><TR><TD vAlign=top width=620 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพแสดงการทำงานของขีปนาวุธสกัดกั้นนำวิถี แอร์โรว์ (ภาพ: Army Technology) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์ - รัฐบาลอิสราเอลเร่งพัฒนาศักยภาพระบบป้องกันขีปนาวุธ แอร์โรว์ ทู เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอิหร่านและศัตรูอื่นๆ ในภูมิภาค โดยมีสหรัฐฯ คอยให้การสนับสนุน เจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมอาวุโสของอิสราเอลเผย วันนี้ (5)

ขีปนาวุธสกัดกั้นนำวิถี “บล็อก 4” ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด, เรดาร์ และเทคโนโลยีที่จะเชื่อมโยงแอร์โรว์เข้ากับระบบป้องกันของสหรัฐฯ กำลังถูกติดตั้งในกองทหารปืนใหญ่ของอิสราเอล ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการนานหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเผย

ขีปนาวุธแอร์โรว์เริ่มใช้งานเป็นครั้งแรกในปี 2000 โดยถูกออกแบบเพื่อทำลายขีปนาวุธจากฝ่ายศัตรู ในระดับความสูงพอที่ขีปนาวุธนอกแบบ (non-conventional) จะเกิดการระเบิดโดยไม่เป็นอันตราย

นอกจากปมขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทุกวันนี้อิสราเอลยังเริ่มเป็นกังวลว่าสงครามภายในซีเรียจะบีบให้รัฐบาลดามัสกัสนำอาวุธเคมีและขีปนาวุธสกั๊ดออกมาใช้ในอีกไม่ช้า

อิสราเอลขู่จะโจมตีทั้ง 2 ชาติก่อนที่จะเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียเอง ซึ่งหมายความว่าสงครามในตะวันออกกลางจะขยายขอบเขตออกไปอีก และขัดกับเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการไขข้อขัดแย้งด้วยวิธีทางการทูตมากกว่า

โครงการพัฒนาขีปนาวุธแอร์โรว์เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กับโบอิ้ง ซึ่งรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา หวังว่าอาวุธชนิดนี้จะช่วยให้อิสราเอลไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม

ด้านอิหร่านซึ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ต้องการครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ตามที่ตะวันตกกล่าวหา ประกาศจะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลอย่างแน่นอน ขณะที่ซีเรียก็ยอมรับเมื่อเดือนที่แล้วว่ามีอาวุธเคมีอยู่ในครอบครองจริง แต่จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเพื่อป้องกันการรุกรานจากภายนอกเท่านั้น

เตหะรานยังมีพันธมิตรเป็นกลุ่มอิสลามิสต์ในเลบานอนและฉนวนกาซา ซึ่งสามารถยิงใส่อิสราเอลได้ทันทีหากเกิดสงครามขึ้น นอกจากนี้ ขีปนาวุธพิสัยใกล้ของอิหร่านก็ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

อิสราเอลยังมีระบบป้องกันทางอากาศ ไอเอิร์น โดม (Iron Dome) ซึ่งพัฒนาขึ้นเองในประเทศเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยใกล้ และกำลังเตรียมพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ “แอร์โรว์ ทรี” ซึ่งจะเริ่มใช้งานจริงได้ภายในปี 2014-2015

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สัตวแพทย์ยัน "กระต่าย" ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับหมา-แมว
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบข่าวเท่านั้น</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> สัตวแพทย์ ยันกระต่ายติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้ ชี้เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นเดียวกับสุนัข และแมว ระบุกระต่ายที่ติดเชื้อในพื้นที่จอมทองนั้น ต้องเช็คประวัติว่าถูกสุนัขบ้ากัดหรือไม่ รวมทั้งดูสภาพแวดล้อม

สัตวแพทย์ภิรมย์ พวงหัตถ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์และคน กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ในประเทศไทยนั้นมีสัตว์ 3 ชนิด ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า โดยอันดับ 1 คือ สุนัข พบสูงถึง ร้อยละ 96 อันดับ 2 คือ แมว ร้อยละ 3 และอันดับที่ 3 คือ กระต่าย พบร้อยละ 1 ทั้งนี้ เชื้อพิษสุนัขบ้า หรือเรบีส์ไวรัส (RABIES VIRUS) นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด แต่จะเกิดมากที่สุดกับสุนัข ส่วนสัตว์ชนิดอื่นๆ ทั้งกระต่าย และแมว เมื่อตรวจแล้วจะพบว่าเกิดจากการถูกสุนัขบ้ากัดทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น การติดเชื้อบ้าของกระต่ายที่เกิดขึ้นในเขตจอมทอง ต้องสืบค้น และสืบประวัติว่ากระต่ายดังกล่าวว่าถูกสุนัขบ้ากัดหรือไม่ และได้รับเชื้อมาจากที่แห่งใด โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น และแหล่งที่มาของกระต่าย และล่าสุด กทม.ได้ส่งเชื้อไปตรวจที่ศูนย์เฝ้าระวังโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ไวรัสระหว่างสัตว์สู่คน ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ แล้ว คาดว่าจะรู้ผลว่าเป็นเชื้อชนิดใด ในอีก 7 วัน

สัตวแพทย์ภิรมย์ กล่าวต่อว่า สำหรับโรคพิษสุนัขบ้ามี 2 สายพันธุ์ สายพันธุ์แรก คือ สายพันธุ์สุนัข และ แมว ซึ่งพบในเมืองไทย แต่สายพันธุ์ที่ 2 คือ สายพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งในไทยยังไม่เคยเกิด พบมากที่สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง แพร่เชื้อเร็ว และมีกลไกการเกิดโรคลึกลับ ยากแก้การควบคุม ซึ่งสายพันธุ์นี้จะอยู่ในสัตว์ประเภทค้างคาว อย่างไรก็ตาม บรรดาคนรักสัตว์เลี้ยงไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนถ้าจะเลี้ยงในบ้านทั้งแมว กระต่าย ควรจะฉีดยาป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี

</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>5 สิงหาคม 2555 18:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

น้ำท่วมฉับพลันอินเดียตาย 34


เกิดน้ำท่วมฉับพลันในรัฐอุตตระขันธ์ของอินเดียทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 คนนับเป็นอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 30 ปีของรัฐนี้ เจ้าหน้าที่อินเดียเปิดเผยวันนี้ว่า จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 34 คนแล้วจากน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่แถบภูเขาในรัฐอุตตระขันธ์ทางภาคเหนือของประเทศเมื่อคืนวันศุกร์และวิตกว่าอาจยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 40 คน

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืนวันศุกร์ ทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันในวันเสาร์ ทำลายบ้านเรือนพังเสียหายหลายร้อยหลัง สะพานถูกซัดพังทลายไปกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก และถนนสายหลักได้รับความเสียหาย นอกจากนี้มีรายงานว่าคนงาน 23 คนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งหนึ่งจมน้ำตายหลังกระแสน้ำซัดเข้าท่วมโรงไฟฟ้าในวันเสาร์ และมีนักแสวงบุญชาวฮินดูราว 700 คนติดค้างอยู่ตามศาสนสถานหลายแห่งในพื้นที่ประสบภัย เนื่องจากน้ำท่วมถนนหลายสาย ทำให้หมู่บ้าน 80 แห่งถูกตัดขาดจากภายนอก นอกจากนี้ชาวบ้านเกือบ 200 ครอบครัวได้รับการอพยพออกจากพื้นที่ราบต่ำ

ส่วนพื้นทีภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่ประสบน้ำท่วมเมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตกว่า 120 คนและประชาชนเกือบ 6 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน