WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

อุตุฯสหรัฐ เผย ก.ค. ร้อนสุดรอบ 117 ปี

10 ส.ค. 55 08.02 น.


องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ แถลงว่า อากาศร้อนจัดเมื่อเดือนก่อน ทำให้ภาวะแห้งแล้งกินพื้นที่ประเทศแล้วร้อยละ 63 อุณหภูมิเฉลี่ยบนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ ยกเว้น เกาะฮาวายและรัฐอะแลสกาเมื่อเดือนกรกฎาคม เฉลี่ยที่ 77.6 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 25.3 องศาเซลเซียส) สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของทั้งศตวรรษที่ 20 และลบสถิติเดือนกรกฎาคม 2479 ที่ 77.4 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 25.2 องศาเซลเซียส) สภาพอากาศร้อนและแล้งทำให้เดือนกรกฎาคมเดือนเดียวเกิดไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ไปกว่า 5 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐโคโลราโด ซึ่งอยู่ในเขตตะวันตกตอนกลาง (มิดเวสต์) ขณะที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเนวาดา และรัฐทางตะวันตกมีฝนตกหนัก  เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยบรรยากาศแห่งชาติ ระบุว่า การที่สภาพอากาศทำสถิติใหม่บ่อยครั้งและแต่ละครั้งกินเวลานานสะท้อนว่าเป็นผลของภาวะโลกร้อน รวมถึง ปรากฏการณ์เอลนิโญและลานีญา

 

อึ้ง! พบจุดปริศนาบนพื้นผิวดาวอังคาร



อึ้ง! พบจุดปริศนาบนพื้นผิวดาวอังคาร
พบจุดปริศนาบนเส้นขอบฟ้า จากภาพถ่ายดาวอังคารโดยยานสำรวจคิวริออสซิที ขององค์การนาซา แต่ 2 ชั่วโมงต่อมาหายไร้ร่องรอย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (9 ส.ค.) พบจุดปริศนาที่ภาพถ่ายดาวอังคารของยานสำรวจ “คิวริออสซิที” ขององค์การนาซา (องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ) ซึ่งเพิ่งจะร่องลงจอดได้สำเร็จ เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะที่ยานสำรวจ “คิวริออสซิที” กำลังแล่นอยู่บนพื้นผิวดาวอังคารซึ่งเป็นเคราะห์ดวงที่ 4 ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ พบว่ามีจุดหรือรอยเลือนราง แต่เห็นชัดอยู่บนเส้นขอบฟ้า แต่ 2 ชั่วโมงหลังจากส่งภาพนี้มาแล้ว จุดที่ว่าก็หายไปจากจอภาพอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งทฤษฎีหนึ่งที่ดูน่าสนใจมากที่สุด ระบุว่า เป็นชิ้นส่วนของยาน “สกายเครน” ยานที่ประกบด้านบนของยานสำรวจ “คิวริออสซิที” ซึ่งจะดีดออกไป หลังจากปล่อยยานสำรวจ “คิวริออสซิที” ขณะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และ ตกบนพื้นผิวดาวอังคารที่อยู่ห่างออกไปจากจุดตก ขณะที่อีกทฤษฎีหนึ่งระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าเลนส์สกปรก หรืออาจจะเป็นเพียงฝุ่นพัดรุนแรงในระยะไกลเท่านั้น

ทั้งนี้ นาซาจะยังคงตรวจสอบภาพถ่ายดาวอังคารจากยานสำรวจ “คิวริออสซิที”ต่อไป โดยก่อนหน้านี้ ยานสำรวจไวกิ้ง 1 เคยถ่ายภาพพื้นผิวดาวอังคารเมื่อปี 2519  แสดงให้เห็นแนวหินขนาดใหญ่ ซึ่งดูคล้ายใบหน้าของคน เพราะมีทั้งตา จมูก และ ปาก

 

โสมขาวคลื่นความร้อนทำคนตาย14คนใน2ด.
10 ส.ค. 55 08.05 น.


กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ แถลงว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม มีผู้เสียชีวิตเพราะคลื่นความร้อนแล้ว 14 คน ในจำนวนนี้ 11 คน เสียชีวิตในช่วง 2 สัปดาห์ หลังจาก ทางการประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ส่วนที่ กรุงโซล อุณหภูมิสูงทะลุ 35 องศาเซลเซียสมา ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ด้าน กระทรวงอาหาร เกษตร ป่าไม้ และประมงแถลงว่า มีสัตว์เศรษฐกิจล้มตายกว่าล้านตัว ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม  ประกอบด้วย ไก่ 967,156 ตัว เป็ด 41,660 ตัว นกกระทา 6,000 ตัว หมู 518 ตัว และวัว 6 ตัว ขณะเดียวกัน อากาศร้อนจัด ทำให้สาหร่ายในแม่น้ำเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว กรุงโซล ต้องประกาศเตือนภัยสาหร่ายเป็นครั้งแรก ในรอบ 4 ปี หลายจุดของแม่น้ำฮัน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำดื่มของเมือง  

 

ภาพน้ำท่วมจีน ของคุณ falk man วานนี้ เมื่อเวลา07.06pm ภาพที่ 8 ..มี"ผู้หญิงคนหนึ่งข้ามถนนท่ามกลางสายฝน"ติดภาพเทวดาทั้งภาพเลย น่าจะรู้ว่าที่ไหนของปักกิ่ง..น่าทึ่งมากๆ..ภาพนี้ ติดไปทั่วโลกเลย..

 

กระทู้ที่ #22498 จ้า มีเทวดาติดอยู่ ภาพที่ 8

 

ภาพนี้เหรอครับ

 

ใช่แล้วจ้า..ดู ที่ภาพดวงกลม ๐ มีหลายดวงมากๆ ไม่ใช่ไอน้ำหรอก..

 

..เท่าที่เห็น(ตาเนื้อ)จะต้องใช้แสงแฟรชของกล้องช่วย จะเห็นเป็นละอองเพชรมีประกายระยิบระยับ ( คนแก่ที่ไม่ได้ปฏิบัติบางคน..ก็สามารถเห็นได้เลยโดยไม่ต้องใช้แสงช่วย..) เมื่อถ่ายแล้วจะปรากฏในภาพถ่ายเป็นดวงกลมๆเช่นนี้แหละ.. ภาพนี้มีทั้งละอองเพชรและดวงกลมเลย..น่าจะเป็นที่ที่มีพระบรมสารีริกธาตุ .พระธาตุ.หรือหรือสิ่งสำคัญทางพระศาสนาอยู่

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ศูนย์ควบคุมโรคมะกันเผย พบผู้ติดเชื้อ “หวัดหมู” อย่างน้อย 145 ราย นับแต่ก.ค.ที่ผ่านมา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 17:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ยืนยัน พบผู้ติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัดหมู” ในสหรัฐฯแล้ว 145 ราย นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

รายงานข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9) ซึ่งอ้างข้อมูลของซีดีซี ที่เป็นหนึ่งในหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พบการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูในมนุษย์แล้วอย่างน้อย 145 ราย โดยทั้งหมดเป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ “เอช 3 เอ็น 2 วี” ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1ที่เคยระบาดไปทั่วโลกเมื่อ 3 ปีก่อน

ดร.โจเซฟ เบรซี ผู้เชี่ยวชาญด้านไข้หวัดใหญ่ของซีดีซี ซึ่งมีฐานอยู่ในมลรัฐจอร์เจียของสหรัฐฯระบุว่า ยังไม่ทราบสาเหตุของการติดเชื้อที่แน่ชัด แต่ผู้ป่วยทั้ง 145 ราย ต่างมีประวัติเคยสัมผัสกับหมูไม่ทางตรงก็ทางอ้อมในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ดร. เบรซียืนยันว่า สถานการณ์ของโรคดังกล่าวในขณะนี้ยังไม่อยู่ในขั้นที่สาธารณชนต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด

ข้อมูลของซีดีซีระบุว่า มลรัฐอินดีแอนาเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ เอช 3 เอ็น 2 วี มากที่สุดในขณะนี้ ถึง 113 รายจากทั้งหมดที่พบ 145 รายทั่วประเทศ รองลงมา คือมลรัฐโอไฮโอ 30 ราย ส่วนที่มลรัฐฮาวายและอิลลินอยส์พบผู้ติดเชื้อรัฐละ 1 ราย โดยในจำนวนดังกล่าว ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเด็ก และมีเพียง 2 รายเท่านั้นที่ต้องถูกนำตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1ซึ่งพบการระบาดครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโกในช่วงเดือนเมษายนปี 2009 ก่อนลุกลามไปทั่วโลกนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 18,000 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทวีปแอฟริกา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงจากการระบาดในครั้งนั้นอาจสูงถึงกว่า 294,500 คน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350><TBODY><TR><TD vAlign=top width=350 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวใต้ทะเลอิเหนานอกฝั่งสุมาตรา 5.3 ยังไม่พบความเสียหาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 12:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานวันนี้ (10) ว่า เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.3 ใกล้กับเมืองซินาบัง บนเกาะซิเมอูลู นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 5.3 ครั้งนี้อยู่ลึกลงไปใต้ทะเลเพียง 23.3 กิโลเมตร ห่างจากเมืองซินาบังบนเกาะซิเมอูลู ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะสุมาตรา โดยจุดที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองซินาบัง ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 20,000 คนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 92 กิโลเมตร

เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ จากแผ่นดินไหวระดับปานกลางนอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียในครั้งนี้ อย่างไรก็ดี มีรายงานซึ่งไม่มีการยืนยันว่าแรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ในบางพื้นที่ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวราว 536 กิโลเมตรเช่นกัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฟิลิปปินส์ยังอ่วม 80% ของ “มะนิลา” จมน้ำ ยอดเหยื่อพุ่งอย่างน้อย 60 ศพ แนวโน้มสูงขึ้นอีก</TD><TD vAlign=baseline width=102 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 10:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งใหญ่ของฟิลิปปินส์ ซึ่งทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศต้องจมอยู่ใต้น้ำ ได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 60 รายแล้ว และยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอีก ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของทางการฟิลิปปินส์ในวันนี้ (10)

รายงานข่าวซึ่งอ้างข้อมูลจากสภาการจัดการและการลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 60 ราย โดยมีแนวโน้มที่จำนวนเหยื่อจากภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้จะยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อไป และยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 7 คนซึ่งยังไม่ทราบชะตากรรม

ขณะเดียวกัน ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักยังส่งผลให้กว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่ในเขตตัวเมืองของกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศ ที่เป็นบ้านของประชาชนกว่า 16.3 ล้านคนต้องจมอยู่ใต้น้ำ

ข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าวของฟิลิปปินส์ยังระบุว่า จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมล่าสุดได้เพิ่มจำนวนเป็นกว่า 2.44 ล้านคนแล้ว เพิ่มจากยอดเดิมที่ 2.1 ล้านคน ที่เพิ่งมีการประกาศไปเมื่อวันพฤหัสบดี (9) ที่ผ่านมา ขณะที่ประชาชนอีกราว 362,000 คนต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพเข้าไปอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น่านยังน่าห่วง!จนท.เร่งสูบน้ำออกเมืองสู้-หลังน้ำน่านเพิ่มระดับไม่หยุด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 20:54 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>น่าน- เมืองน่าน สถานการณ์ยังน่าห่วง เทศบาลเมืองน่าน เร่งสูบน้ำออกสู้ระดับน้ำน่านที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยชั่วโมงละ 20 เซนติเมตร ป้องกันเขตเศรษฐกิจ ขณะที่ชาวบ้านในเขตชุมชนเร่งเก็บของขึ้นที่สูงแล้ว ปภ.เตือน 600 กว่าหมู่บ้านเสี่ยงเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมทุกเมื่อ

รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งว่า วันนี้(10 ส.ค.55) สถานการณ์น้ำในจังหวัดน่านยังน่าห่วง โดยระดับน้ำในแม่น้ำน่านได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเฉลี่ยชั่วโมงละ 20 เซนติเมตร ที่บริเวณสถานีวัดระดับน้ำ N 1 เชิงสะพานพัฒนาภาคเหนือ กาดแลงฝั่งเขตเทศบาลเมืองน่าน โดยเมื่อเวลา 15.00 น. จุดวัดระดับน้ำ N 64 (ผาขวาง) 5.48 ม. และที่ N1 (กาดแลง อ.เมือง) 6.32 ม. ซึ่งจุดวิกฤตอยู่ที่ 7 เมตร ทำให้ประชาชนแตกตื่นพากันไปดูน้ำ ที่บริเวณริมน้ำเป็นจำนวนมาก

ด้านนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ได้สั่งการให้เร่งสูบน้ำออกจากเขตเทศบาลเมืองน่านโดยด่วน โดยใช้เครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง เพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้ายังเขตเศรษฐกิจใจกลางเมือง ขณะที่ชุมชนที่อยู่ริมน้ำน่าน ซึ่งถูกน้ำท่วมซ้ำซาก ก็ได้เตรียมขนของมีค่าขึ้นยังที่ปลอดภัยแล้ว

นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ทุกระยะเนื่องจากทางตอนเหนือตัวจังหวัดยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในป่า ซึ่งไม่มีอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำได้ เบื้องต้นได้สั่งปิดประตูระบายน้ำทุกบานจำนวน 11 บาน และเร่งระบายน้ำออก หากไม่สูบน้ำออกช่วงนี้น้ำจะเข้าท่วมในชุมชนสูงถึงกว่า 30 เซนติเมตร แต่เครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ 3 เครื่องยังไม่เพียงพอถ้าน้ำยังขึ้นเรื่อยๆ จึงจะประสานกับชลประทานจังหวัด และ ปภ.น่าน ขอเครื่องสูบน้ำมาเพิ่มอีก

ขณะที่นายนิเวศน์ พูลสวัสดิ์ นายอำเภอท่าวังผา พร้อมด้วยนายเอกกฤต จิตตางกูร รักษาการณ์หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน และนายแหลมทอง สุทธไชย นายก อบต.ริม ได้ออกสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำป่าหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ต.ริม อ.ท่าวังผา ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำที่สุด และเป็นพื้นที่รับน้ำของอำเภอท่าวังผา หลังมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน รวมทั้งปริมาณน้ำแม่น้ำน่านและลำน้ำสาขาต่างๆ เพิ่มปริมาณสูงขึ้นต่อเนื่อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดเสี่ยงสำคัญ คือ แนวคันริมน้ำน่าน บ้านนาเตา ต.ริม ที่เป็นแนวคันดินความสูง 5 เมตร กั้นริมแม่น้ำน่านกับชุมชนบ้านนาเตา ซึ่งปี 2549 น้ำท่วมใหญ่ของจังหวัดน่าน พบว่า ปริมาณน้ำสูงกว่าคันดินถึง 3 เมตร และเข้าท่วมชุมชนหลังคันดินทั้งหมด แต่หากทำแนวคันกั้นน้ำ ขยายหน้ากว้าง 8 เมตร และเพิ่มสูงขึ้นอีก 3 เมตร รวมเป็น 8 เมตร ก็จะสามารถป้องกันภัยน้ำท่วมชุมชนหลังแนวคันดินได้ 4 หมู่บ้าน คือบ้านนาเตา บ้านป่าไคร้ บ้านท่าค้ำ 1 และบ้านท่าค้ำ 2 ได้

นอกจากนี้ ยังพบว่า สะพานคอนกรีตเสริมข้ามลำน้ำริม บ้านเชียงแล ม.6 ซึ่งมีสภาพเสียหายหนักตั้งแต่เกิดอุทกภัยปี 2554 จากอิทธิพลของพายุนกเต็น ทำให้โครงสร้างสะพานทรุดตัว จนชาวบ้านไม่มั่นใจที่จะใช้ข้าม เนื่องจากเกรงว่าสะพานจะรับน้ำหนักไม่ไหวและพังลง ทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

ด้านนายเอกกฤติ จิตตางกูร รักษาราชการแทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกระยะ โดยเฉพาะปริมาณน้ำทางอำเภอตอนเหนือของจังหวัด ซึ่งมีฝนตกในป่าเขาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปภ. ได้มีการแจ้งเตือนภัยเกี่ยวกับระดับน้ำ โดยมีเกณฑ์การเตือนภัยปริมาณน้ำฝน ที่มีความเสี่ยง ตามลำดับ ได้แก่ อ.เชียงกลาง ระดับปกติ ,อ.ท่าวังผา อ.เมืองน่าน -และอำเภอเวียงสา อยู่ในเกณฑ์เฝ้าติดตามสถานการณ์

ขณะที่หมู่บ้านที่มีความเสี่ยงภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดน่าน ถึงกว่า 600 หมู่บ้าน ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน ได้แจ้งผ่านหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ประชาชนที่อาศัยที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้ เอกสารสำคัญ ไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมกับติดตามความเคลื่อนไหวและประสานงานกับ ปภ.น่าน และติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ยันแผ่นดินไหวอุตรดิตถ์ไม่กระทบ “เขื่อนแควน้อย”</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 19:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE> พิษณุโลก - ผอ.เขื่อนแควน้อยยันแผ่นดินไหวอุตรดิตถ์ไม่กระทบถึงเขื่อน เหตุยังห่างไกล แถมไม่รุนแรง

วันนี้( 10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเกิดแผ่นดินไหวบริเวณอําเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อเวลา 08.01 น. จุดศูนย์กลางอยู่ บริเวณอําเภอบ้านโคก ที่ละติจูด 18.19 องศาเหนือ ลองจิจูด 101.00 องศาตะวันออก ขนาด 3.1 ตามมาตราริกเตอร์ บางคนมองว่าเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก ที่อยู่ใกล้กับจุดแผ่นดินไหวดังกล่าวอาจได้รับผลกระทบด้วย

ล่าสุดนายสมหวัง ปารสุขสาร ผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงและรักษาเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน กล่าวว่า แผ่นดินไหวที่เกิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นไม่มีผลกระทบต่อเขื่อนฯ แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้อยู่ในแนวร่องของการไหว

ทั้งนี้ เขื่อนมีจุดวัดแผ่นดินไหวบริเวณท้ายเขื่อนแควน้อย หากเกิดผลกระทบทางเขื่อนก็จะมีการรายงานทันที อีกทั้งทางสำนักชลประทานที่ 3 ได้มีการตรวจอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าหากมีผลกระทบก็จะมีการรายงานมาทางเขื่อนอย่างแน่นอน

“ยืนยันว่าแผ่นดินไหวที่ จ.อุตรดิตถ์ยังไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด” นายสมหวังกล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไข้เลือดออกป่วยสะสม 29,490 ราย ตาย 28 ราย สถานการณ์เริ่มดีลดลง 22%</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 15:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320><TBODY><TR><TD vAlign=top width=320 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> สธ.เผยโรคไข้เลือดออกปีนี้ มีผู้ป่วยสะสม 29,490 ราย ตาย 28 ราย โวลดลงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 22% สั่ง สสจ.ทุกจังหวัดกำจัดยุงลายต่อเนื่อง ย้ำแพทย์รักษาเด็กและผู้ใหญ่เข้มตรวจวินิจฉัยและรักษา แนะ ปชช.พบเด็กไข้สูงติดต่อเกิน 2 วัน หากกินยา-เช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลด ขอให้นึกถึงไข้เลือดออก และรีบพาไปพบแพทย์

วันนี้ (10 ส.ค.) ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำลงพื้นที่โรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์โรคไข้เลือดออก และนำเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. รณรงค์กำจัดยุงลายในตำบลบ่อผุดว่า สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกทั้งประเทศช่วง 8 เดือนปีนี้ พบผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 - 7 สิงหาคม 2555 รวม 29,490 ราย กว่าร้อยละ 99 รักษาหาย มีเสียชีวิต 28 ราย คิดเป็นอัตราป่วยตายร้อยละ 0.09 สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2555 แนวโน้มลดลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านร้อยละ 22 จำนวนผู้ป่วยสะสมมากที่สุดที่ภาคกลาง 10,959 ราย รองลงมาคือภาคอีสาน 8,054 ราย ภาคใต้ 5,702 ราย และภาคเหนือน้อยที่สุด 4,775 ราย โดยที่เกาะสมุย มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 337 ราย ร้อยละ 32 เป็นชาวพม่า เสียชีวิต 1 ราย อัตราป่วยสะสม 3 อันดับแรกได้แก่ ตำบลบ่อผุด 217 ราย รองลงมาตำบลมะเร็ด 39 ราย และตำบลแม่น้ำ 38 ราย

นพ.สุรวิทย์กล่าวด้วยว่า โรคไข้เลือดออกสามารถพบได้ทุกวัย โดยผู้ป่วยในปีนี้ส่วนใหญ่จะพบในเด็กโต อายุต่ำกว่า 12 ปี อาการเด่นของโรคไข้เลือดออก ที่ต่างจากไข้หวัดคือจะมีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และไข้จะสูงติดต่อกัน 2 ถึง 7 วัน ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาเจียน ส่วนใหญ่จะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูกไหล ขอให้ประชาชนสังเกตลักษณะไข้ หากกินยาลดไข้ประเภทพาราเซตามอลแล้ว หรือเช็ดตัวลดไข้แล้วไข้ไม่ลงใน 2 วัน ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก ให้พาไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ป้องกันอาการช็อคซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้แพทย์ที่รักษาเด็กและรักษาผู้ใหญ่เข้มงวดในการตรวจวินิจฉัย โดยหากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วซึ่งมีประมาณ 1,200 ทีม ลงควบคุมการแพร่ระบาดทันที

“กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ กลุ่มเด็กเล็ก ทั้งในศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียน และอนุบาล เนื่องจากยุงลายจะกัดในเวลากลางวัน ต้องให้เด็กนอนในมุ้ง และต้องกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง” รมช.สาธารณสุขกล่าว

นพ.สุรวิทย์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ สธ.ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทุกแห่งเร่งควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งฤดูฝนเป็นช่วงระบาดของโรคนี้มากที่สุด ได้เน้นหนักกำจัดลูกน้ำยุงที่ยังอยู่ในแหล่งน้ำขังต่างๆ และกำจัดยุงตัวเต็มวัย เพื่อตัดวงจรและลดจำนวนยุงไม่ให้เป็นตัวการแพร่เชื้อไปสู่คนได้ มาตรการปราบยุงลาย ที่เน้นหนักคือ 5 ป. ได้แก่ ปิดฝาตุ่มน้ำ, เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุก 7 วัน, ปล่อยปลากินลูกน้ำ, ปรับปรุงสภาพแวดล้อม และปฏิบัติเป็นประจำ พร้อมขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน อาสาสมัครสาธารณสุข ที่สำคัญคือประชาชน ให้ช่วยกันดำเนินการอย่างพร้อมเพรียงกันและถูกวิธี

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุฝนกระหน่ำกำแพงเมืองจีน ด่าน "ต้าจิ้งเหมิน" พังยับ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 11:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=469><TBODY><TR><TD vAlign=top width=469 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สภาพการพังทลายของด่าน ‘ต้าจิ้งเหมิน’ กำแพงเมืองจีนในเมืองจาง จยาโขว่ มณฑลเหอเป่ย สืบเนื่องจากความแรงของพายุฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง (ภาพ เอเยนซี) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเยนซี--กลุ่มสื่อจีนรายงานว่า ด่าน 'ต้าจิ้งเหมิน' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองจีน ตั้งอยู่ในเมืองจาง จยาโข่ว ได้พังทลายลง หลังจากที่พายุฝนรุนแรงพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ด้านตะวันตกของด่านฯ เสียหายเป็นระยะทางประมาณ 36 เมตร คิดเป็นพื้นที่ราว 792 ตารางเมตร นอกจากนี้ ด้านตะวันออกของด่านฯ ก็มีรอยร้าวยาวประมาณ 15 เมตร คิดเป็นพื้นที่เกือบ 360 ตารางเมตร

แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต จากการพังทลายของกำแพงเมืองจีนแห่งนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 6 สค.หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานเหตุกำแพงเมืองจีนพังทลาย ก็รีบรุดไปในที่เกิดเหตุและได้ทำการตรวจสอบทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดตามมา และเตรียมแผนฟื้นฟูเพื่อการอนุรักษ์ในขั้นต่อไป

ทั้งนี้ กำแพงเมืองจีนถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่มีอายุกว่าสองพันปี ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 1987 มีความยาวกว่า 7,000 กิโลเมตร พาดผ่านหลายมณฑลในจีน สำหรับด่านต้าจิ้งเหมินเคยได้รับการบูรณะซ่อมแซมสองครั้ง ได้แก่ ในปี 1981 มีการซ่อมแซมบริเวณกำแพงเชิงเขาไท่ผิงด้านทิศตะวันตกของด่านฯ และในปี 1995 ก็มีการซ่อมแซมพื้นผิวขนาดใหญ่ของกำแพงด้านตะวันตกที่ได้พังลงมา

ด่านต้าจิ้งเหมิน(大境门)ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเมืองจาง จยาโข่ว มณฑลเหอเป่ย เป็นที่รู้จักเทียบเท่าด่านกำแพงเมืองจีนอื่นๆ เช่น ด่านซันไห่กวน จวีหยงกวน และจยา ยวี่กวน ตามประวัติศาสตร์เป็นด่านที่มีความสำคัญด้านการค้าขายกับต่างประเทศ โดยเป็นจุดเริ่มต้นของ “เส้นทางสายไหม” ด้านเหนือ ที่ตัดผ่านทุ่งหญ้าและเมืองหลวงอูลานบาตอร์ในประเทศมองโกลเลีย สิ้นสุดที่เมือง Kyakhta เมืองสำคัญทางการค้าแถบชายแดนรัสเซีย ถนนสายนี้มีความยาวทั้งสิ้น 2,150 กม. มักเรียกกันว่า “ถนนชา” (茶马古道) เนื่องจากเป็นเส้นทางขนส่งชาที่เลื่องชื่อ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=540><TBODY><TR><TD vAlign=top width=540 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สภาพสมบูรณ์ของด่าน ‘ต้าจิ้งเหมิน’ ก่อนถูกพายุฝนซัดกระหน่ำ (ภาพ-เอเจนซี่)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โบอิ้งลำยักษ์ของบินมาเลย์เสยท้ายบินจีน แพนหางแตกเดี้ยง ขณะขึ้นบินที่ผู่ตง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>10 สิงหาคม 2555 16:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ เครื่องแอร์บัสของสายการบินอีสเทิร์น แอร์ ถูกเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียเสย แพนหางของเครื่องฯ เสียหาย ภาพวันที่ 9 ส.ค. (ภาพซินหมินหวั่ง)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเยนซี—เกิดเหตุเครื่องบินลำเขื่องของสายการบินแดนเสือเหลืองชนเสยท้ายเครื่องแอร์บัสของไชน่า อีสเทิร์น แพนหางแตกเดี้ยง ที่สนามบินนานาชาติผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้ คาดว่าอาจจะเป็นเพราะทางเชื่อมกับจุดจอดเครื่องบินแคบเกินไป ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ

สื่อจีนรายงาน วานนี้ (9 ส.ค.) เวลา 16.47 น. ขณะที่เครื่องบินรุ่น A340－600 สายการบินไชน่า อีสเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MU583 กำลังรอขึ้นบินไปยังลอสแองเจลิส ก็ถูกเครื่องบินลำยักษ์โบอิ้ง 777 - 200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ชนเสยท้ายที่แพนหางขึ้นลงของเครื่องฯ บริเวณทางเชื่อมลานจอดเครื่องบินกับทางเข้าประตู F9 สนามบินนานาชาติผู่ตง นครเซี่ยงไฮ้

กัปตันเครื่องบินท่านหนึ่ง กล่าวว่า “สำหรับสาเหตุนั้น ผมคาดว่า เนื่องจากบริเวณทางเชื่อมนั้นแคบมาก ประมาณ 30 เมตร ส่วนเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียฯ เป็นเครื่องรุ่นโบอิ้ง 777 - 200 ขนาดของปีกกว้างราวๆ 50 - 60 เมตร ถือเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ ขณะเครื่องฯ เลี้ยวนั้น ปีกอาจจะเกินแนวทางเชื่อม ทำให้ไปเสยท้ายเครื่องบินของอีสเทิร์นแอร์”

“ตอนนั้น ตัวฉันโอนเอนไปมา เหมือนกับมีแผ่นดินไหว” ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเครื่องฯเที่ยวบิน MU583 เล่า ตอนนั้นเธอกำลังปิดตาหายใจลึก เตรียมตัวก่อนที่เครื่องบินจะขึ้นบิน แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจ เธอและผู้หญิงที่นั่งข้างเกาะกันแน่น

เจ้าหน้าที่สนามบิน เผย เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์นั้น เป็นเที่ยวบินที่ MH389 ยังสามารถบินต่อไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ส่วนเครื่องบินของไชน่าอีสเทิร์นต้องแล่นกลับมาที่อาคารผู้โดยสารเพื่อตรวจสอบก่อน และได้เปลี่ยนเครื่องบินลำอื่นมาบินแทน

ขณะนี้ ตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ และอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนต่อไป

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=639><TBODY><TR><TD vAlign=top width=639 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=636><TBODY><TR><TD vAlign=top width=636 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จากภาพ ร่องรอยความเสียหายของแพนหางด้านซ้ายของไชน่าอีสเทิร์น เพื่อความปลอดภัยจึงต้องเปลี่ยนเป็นลำใหม่แทน ภาพวันที่ 9 ส.ค. (ภาพเอเยนซี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> <CENTER><EMBED height=370 name=sinaplayer type=application/x-shockwave-flash pluginspage=http://www.macromedia.com/go/getflashplayer width=480 src=http://you.video.sina.com.cn/api/sinawebApi/outplayrefer.php/vid=83250555_1802518255_O0O2TiJpDGLK+l1lHz2stqkP7KQNt6nkgWq2vlOsJwtcQ0/XM5GRYd8C4CzTBdkEqDhATJs9cP4j0hg/s.swf allowFullScreen="true" allowScriptAccess="always"></EMBED>
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

จีน เขื่อนทรุด น้ำท่วมดับ 10 บาดเจ็บ 27
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2555 19:24น.

เขื่อนทรุดในภาคตะวันออกของจีน ตาย 10 บาดเจ็บ 27 ราย ในระหว่างที่หลายเมือง กำลังเผชิญน้ำท่วมจากพิษไต้ฝุนไห่ขุย
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ในวันนี้ได้เกิดเหตุ เขื่อนเฉิน เจีย เคง ที่จังหวัดซีเจียง อยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ทรุดตัว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บอีก 27 ราย พร้อมกับมีน้ำท่วม หลังจากเกิดการทรุดของตัวเขื่อน
ทั้งนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญของจังหวัด ได้มีการเร่งมือในการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน หวั่นเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ในบางส่วน เพราะมีหลายพื้นที่ฝนตกหนัก ในเขตเจ้อเจียง และจังหวัดอันฮุย เนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นไห่ขุย

 

พิษณุโลกฝนตกลมกรรโชกหนักต้นไม้โค่นทับรถเก๋งหวิดดับ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำอย่างแรง ก่อนจะเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่เมืองพิษณุโลก ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่หลายจุด เนื่องจากท่อระบายน้ำไหลไม่ทัน นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้รับแจ้งเหตุต้นไม้ล้มทับรถเก๋ง ที่บริเวณถนนพุทธบูชาริมแม่น้ำน่าน ต.ในเมือง มีคนติดอยู่ภายใน จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เทศบาลและกู้ภัยรุดไปช่วยเหลือ ในจุดเกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีดำ ทะเบียน ศษ-3665 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมฟุตปาท หน้าสนามเด็กเล่น ตรงข้ามโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี สภาพถูกต้นหางนกยูงขนาดใหญ่ ซึ่งไม่มีรากแก้วโค่นล้มทับรถพังเสียหาย หลังคายุบกระจกหลังแตก แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ โดยมี

จ.ส.อ.ไพรวัลย์ วงษ์อ่อน อายุ 44 ปี ทำงานอยู่ฝ่ายข่าวกรองทหาร ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมืองพิษณุโลก เป็นเจ้าของรถอยู่ในบริเวณเกิดเหต กล่าวว่า ปกติทุกวันตนจะขับรถยนต์คันดังกล่าวมารับลูกสาวที่เรียนอยู่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีทุกวัน วันนี้ได้ขับมารับลูกเช่นเคย พอดีบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่ว่างจึงขับรถเข้าไปจอดรอลูกสาว ระหว่างนั้นได้เกิดมีลมพัดอย่างแรง และมีฝนตกลงโปรยปรายเล็กน้อย จึงได้เข้าไปนั่งในรถเปิดเพลงฟังรอลูกสาว ปรากฏว่าต้นหางนกยูงได้ล้มลงทับรถของตนพอดี โดยไม่ทันจะรู้ตัวก่อน จากนั้นฝนจะตกลงมาอย่าง ตนตกใจมาก เพราะตอนแรกไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พยายามจะออกทางประตูหน้าด้านคนขับ แต่กิ่งไม้ทับขวางอยู่ จึงปีนออกทางประตูหลัง และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ก่อนหน้านี้มีรถจักรยานยนต์มาจอดหน้ารถยนต์ตนหนึ่งคัน โชคดีที่ขับออกไปก่อน

ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครพิษณุโลก ได้นำเครื่องมือมาช่วยตัดกิ่งไม้ออกจากรถ และเคลียร์ผิวทางจราจร เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็นเลิกเรียน การจราจรกำลังติดขัดอย่างหนัก จึงต้องเร่งเคลียร์เพื่อเปิดเส้นทาง