นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สิ่งที่ผู้ศึกษาธรรมมักสงสัยและสับสนกันอย่างที่สุด คือ ถ้าเห็นกายใจไม่ใช่ตัวตน แล้วเหตุใดจึงยังมีราคะ โทสะ โมหะอยู่ ความเห็นอนัตตาของพระโสดาบันกับพระอรหันต์แตกต่างกันอย่างไร

    ตรงนี้ ถ้าดูภิกษุนามว่าเขมกะกล่าวไว้ในเขมกสูตร ว่าด้วยความไม่มีตนในขันธ์ ๕ ก็อาจเข้าใจกระจ่างและหายสงสัย ท่านกล่าวกะเหล่าภิกษุร่วมสมัยว่าอย่างนี้…

    ไม่กล่าวว่าตัวเรามีอยู่ในรูป ทั้งไม่กล่าวว่าตัวเรามีนอกเหนือจากรูป ไม่กล่าวว่าตัวเรามีอยู่ในเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้งไม่กล่าวว่าตัวเรามีอยู่นอกเหนือจากเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่เข้าใจว่าตัวเรามีในอุปาทานขันธ์ ๕ (ทั้งที่ก็ไม่ได้พิจารณาเห็นว่าอุปาทานขันธ์ ๕ นี้เป็นเรา)

    แล้ว ท่านเขมกะก็กล่าวเปรียบกับกลิ่น จะเป็นกลิ่นดอกบัวก็ดี กลิ่นดอกบัวหลวงก็ดี กลิ่นดอกบัวขาวก็ดี กลิ่นดอกบัวเหล่านั้นไม่ควรกล่าวว่ากลิ่นเป็นของใบ กลิ่นเป็นของสี หรือว่ากลิ่นเป็นของเกสร โดยที่ถูกต้องกล่าวว่ากลิ่นเป็นของดอก ซึ่งฉันใดก็ฉันนั้น ท่านไม่กล่าวว่าตัวเรามีในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ รวมทั้งไม่กล่าวว่าตัวเรามีอยู่ในสิ่งอื่นนอกเหนือจากขันธ์ทั้ง ๕ ประการเหล่านี้ แต่ที่รู้สึกว่า ‘เรามี’ เป็นเพียงอุปาทานอันเกิดจากการประชุมขันธ์เท่านั้น รู้ทั้งรู้ว่าตัวเราเป็นเพียงอุปาทาน แต่ก็ยังถอนมานะไม่ได้ ยังมีความยินดีเต็มใจในการเกิดอุปาทาน รวมทั้งยังไม่อาจทำลาย ‘ความไม่รู้’ หรืออวิชชาอันเป็นที่สุดของกิเลสลงได้

    สรุปคืออุปาทานในขันธ์ ๕ ของอริยเจ้าชั้นต้นๆนั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ถ้าว่าตามความเห็นแล้ว หรือหากให้พูดแล้ว ท่านจะไม่กล่าวเลยว่าในขันธ์ ๕ มีตัวตน หรือนอกขันธ์ ๕ แม้กระทั่งนิพพานเป็นตัวตน อริยเจ้าผู้รู้จักนิพพานย่อมไม่มีความเห็นผิด เพียงแต่ยังถอนรากแห่งราคะและโทสะไม่ได้ ยังถอนมานะว่าเราเป็นนั่นเป็นนี่ไม่ได้ เพราะยังเอาชนะความอยากไม่ได้ อวิชชาจึงบังจิตได้อยู่ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือดูขันธ์ ๕ เกิดดับไปเรื่อยๆจนกว่าจะถอนกิเลสได้หมดนั่นเอง

    แต่ถึงแม้พระโสดาบัน ยังถอดถอนกิเลสไม่ได้ พวกท่านก็รู้ว่าสิ่งใดดีที่สุด รสใดเลิศสุด เพราะมหาสุญญตาเป็นสัจจะที่ปรากฏให้รู้ได้ไม่จำกัดกาล จะสองพันปีก่อน จะเป็นปีนี้ หรือจะเป็นกี่ล้านปีข้างหน้า ก็ยังคงปรากฏความเป็นรสอันเหนือรสอยู่เช่นนั้น รสแห่งความว่างในนิพพานวิเศษกว่ารสหวานชื่นอื่นใดอย่างเทียบกันไม่ติด เพราะรสแห่งความกำหนัดในวัตถุกาม และแม้รสแห่งความหวานชื่นในฌาน ต่างเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ หวงแหนไว้ เหนี่ยวรั้งไว้ ซึ่งที่สุดก็ไม่อาจเป็นไปได้ดังใจ สิ่งปรุงแต่งทั้งหลายย่อมแปรปรวนไปเป็นธรรมดา แต่รสแห่งความว่างจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่ต้องรักษา ไม่ต้องหวงแหน ไม่ต้องเหนี่ยวรั้งแต่อย่างใด เพราะนิพพานไม่มีการมา ไม่มีการไป ไม่มีความเคลื่อนแม้น้อยเท่าน้อย เพราะธรรมชาติแห่งความเป็นนิพพานไม่มีกาลเวลา จึงปราศจากการตั้งต้นเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่มีการแปรปรวน และไม่มีอะไรไปทำให้ดับลง

    นิพพานไม่มีการมาการไป หมายถึงไม่มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    มีแต่ธรรมชาติแบบนิพพานที่ปราศจากกาล เป็นคนละระนาบกับสังสารวัฏที่เป็นของปรุงแต่ง

    แสดงกระทู้ - ๗ เดือนบรรลุธรรม (ดังตฤณ) • ลานธรรมจักร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    พี่นุ๊ก นู๋เจอพี่ตอนนู๋กำลังออกจากวัดอ่ะดิ สงสัยเราไม่ได้นัดมาเจอเวลาเด๋วกัน คุ้นๆว่าเห็นโรงทานแจกข้่าวต้มอีกแล้ว อ่ะคะ
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    *ที่สุดของการถือสา*

    *เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา จะสรุปได้ว่าอะไร *พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปว่าใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า

    *สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น*
    ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า '

    * การปล่อยวาง*


    '
    ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง '*มีความว่าง*' มาแต่เดิม คนที่หลงกอด '
    * ความว่าง*' โดยคิดว่าเป็น '*ความมี*' ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกคน แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่าทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้หมดเรี่ยวหมดแรงเ­หมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ ก็เล่นถือเอาทุกเรื่องเป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่ ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก ถ้าไม่ถือเอาไว้ก็คงไม่เหนื่อยแต่ก็นั่นแหล่ะ บางคน'* วาง* ' ไม่เป็น มีจิตฟุ้งซ่านต้องการจะเป็นธุระไปเสียทั้งหมด ก็ต้องแลกเอากับผลลัพธ์ที่ทำให้เหน็ดเหนื่อย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 125238.jpg
      125238.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      57
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นู๋น่ะ พุทธจริตนะจ๊ะ ทำบุญทั้งยามหลับยามตื่น ชื่นชมจริงๆ เอาข้าวต้มถวายเจ้าที่ๆ บ้านบ้างนะคะ สงสัยว่าจะชอบ คริคริ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    *มีเรื่องเล่าชวนคิดเรื่องหนึ่งว่า *

    พระบวชใหม่รูปหนึ่งเดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณเพื่อเดินผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆ นั่นเอง จู่ๆ มีชายผู้หนึ่งใส่สูท ผูกเนคไท สวมแว่นตาดำ เดินเข้ามาหาท่าน พร้อมชี้หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย พระรูปนั้นตกตะลึง รีบเดินหนีแต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว

    แต่เสียงด่าทอของเขายังก้องอยู่ในโสตประสาทของท่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ

    เมื่อกลับมาถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลางฝูงชนพระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้า­แดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชายคนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ และตนก็จำได้ว่าตั้งแต่บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด คิดมาถึงขั้นว่าตนไม่ผิด แต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์ แต่ตกถึงเช้าวันจันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ

    เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประคองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม ท่านพยายามสอดส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่าวันนี้จะต้องถามให้รู้เรื่องว่าเหตุใดจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์­ที่แล้ว ยิ่งพยายามค้นหากลับยิ่งไม่พบ

    ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อไป จนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด

    ระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝัน พระหนุ่มทอดสายตาไปพบกับชายคนหนึ่ง สวมสูท ผูกเนคไท ใส่แว่นตาดำ ท่านอุทานในใจว่า "อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์ "

    ภาพที่เห็นคือ ชายแต่งตัวดีคนนั้น นอนหลับหมดสติอยู่ข้างศาลเจ้าแม่แห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่พอท่านพยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆเขาจึงเริ่มรู้สึก­ตัวตื่นขึ้นมา

    พอเห็นท่านเท่านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า
    " ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้าฯ บัดนี้พระองค์ทรงกลับมาครองพาราณสีอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ ..." ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆพลันที่ท่านประเมินได้ว่าชายแต่งตัวดี คนที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคนแต่งตัวดีเท­่านั้น ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึนอยู่ในใจของท่านมานานถึงสามวันก็อันตรธานไปอย่­างง่ายดายชนิดไร้ร่องรอย

    ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน แต่กับคนปกติ
    ทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้อง...เอาเรื่องราว...ให้...ถึงที่สุด

    *เราบ้าหรือเปล่า ?*
     
  6. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    พี่นุ๊ก นู๋อยู่คอนโดที่สิงคโปร์ จะไหว้ยังไงอ่ะคะ ตั้งที่ระเบียงเหรอคะ ตั้งแต่ย้่ายมา 2 ปีกว่า ไม่เคยไหว้เลย เคยแต่ไปทำบุญที่วัดไทยแล้วกรวดนำ้ระลึกถึงอย่างเดียว
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คอนโด มีห้องกลางหรือบริเวณที่เราใช้สวดมนต์ไหว้พระหรือเปล่าคะ ถ้ามีใช้ตรงนั้นเลยค่ะ ด้วยการหาโต๊ะเล็กๆ มาวาง ปูด้วยผ้าขาว แล้วเอาของทั้งหมดวางลงบนโต๊ะ มีผลไม้และของหวาน ดอกไม้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือของที่ชอบ จุดธูปเทียนบอกกล่าวค่ะ ทำทุกวันพระหรือวันเกิดของตัวเองก็ได้ค่ะ แต่ถ้าทำแล้วจะต้องทำให้สม่ำเสมอ ห้ามหลงลืม

    ที่ระเบียงก็ได้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  8. A-ya

    A-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    685
    ค่าพลัง:
    +2,549
    ปกตินู๋สวดมนต์ในห้องนอนคะ กังวลว่าถ้าเริ่มทำแล้วต้องทำตลอด นู๋กลัวจะลืม ทำแบบเดิมก่อนละกันคะ
     
  9. kulthida

    kulthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    527
    ค่าพลัง:
    +4,622
    สวัสดีค่ะทุกๆคนเมื่อคืนฝันที่จำได้ฝันเห็นว่ามีคนถามผู้ชายคนหนึ่งเหมือนอยากลองว่า
    กุมารของเขาให้หวยได้ไหมตอนที่เขากำลังเขียนเลขมองเห็นเด็กแต่งตัวเหมือนกุมาร
    ชุดสีเหลืองยืนชะโงกหน้าไปดูผู้ชายคนนั้นเขียนและอีกฝั่งของโต๊ะมีผู้หญิงใส่ชุดสไบ
    สีฟ้าๆสองคนยืนชะโงกหน้าไปดูผู้ชายคนนั้นเขียนเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจเดินผ่านไปค่ะ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ที่ทำงาน พี่จะถวายทุกวันพระค่ะ ปกติตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยทำ ไม่เคยถวายอะไรเลย ได้แต่สวดมนต์แล้วก็แผ่เมตตา แต่ก็ไม่เป็นประจำ จนเจ้าที่ท่านรู้แล้ว ถูกต่อว่าเหมือนกันค่ะ เค้ามีสมบัติมากมายที่พร้อมจะร่วมทำบุญกับเรา เพียงเราหันไปปฏิบัติดูแลเอาใจใส่ ตายายก็พร้อมจะให้ทันที แต่เราก็เฉยเมินกับสิ่งนั้นซะ

    แต่ที่ทำงานที่เชียงใหม่นี้ เค้าชอบค่ะ พี่จะถวายผลไม้ ดอกไม้ให้ทุกวันพระ
    แต่ก็มีติมา...เรื่องไม่กรวดน้ำ เพราะพี่ไม่ชอบทำอะไรที่เป็นพิธีรีตอง ใช้ใจอย่างเดียว
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แงๆ :'( ทามมายความฝันของเราช่างผิดทิศผิดทางจากพวกพ้องอ่ะ
    อีกคนก็ไปทางบุญกุศล อีกคนก็ไปทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ส่วนเราไปทางกิเลสล้วนๆ
     
  12. kulthida

    kulthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    527
    ค่าพลัง:
    +4,622
    อันนั้นความฝันค่ะแต่ถ้าในชีวิตจริงนี่ก็ยังมีกิเลสอยู่มากมาย
    ถ้ามีคนมาบอกว่ากุมารให้หวยเลขนั้นเลขนี้นี่จะหูผึ่งเลยค่ะ

    ปกติก็กรวดน้ำแห้งเหมือนคุณนุ๊กเลยค่ะแต่มีพระและคนปฏิบัติดี
    ท่านบอกมาว่าบางทีตอนเราจะอุทิศบุญให้เขาเราฟุ้งซ่านในตอนนั้น
    การกรวดน้ำให้พระแม่ธรณีเป็นพยานบุญจะดีมากกว่าค่ะ
    แต่ถ้าจิตเราเป็นสมาธิกรวดน้ำแห้งเขาก็ได้รับเร็วค่ะ
    ทำแบบไหนก็ได้บุญทั้งนั้นค่ะเอาตามที่เราสะดวกค่ะ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ค่ะ คุณกุล พระครูบามาทีไร ก็จะบอกใ้ห้กรวดน้ำให้เจ้าที่ และที่ทำอยู่น่ะดีแล้ว
    เหลืออย่างเดียวที่ไม่เคยทำคือกรวดน้ำ จะไปกรวดได้ยังไงล่ะ เที่ยงคืนตีหนึ่ง
    ศาลเจ้าที่น่ะอยู่ที่หน้าสำนักงาน แต่เจ้าที่ดันมาอยู่ที่หน้าห้องเรา เป็นเนินดินพูนๆ
    คล้ายจอมปลวกค่ะ เราก็สวดมนต์แผ่บุญแผ่เมตตาให้ตลอดนะ

    ชอบฝันเห็นแต่กิเลสค่ะคุณกุล เหมือนมาทดสอบเวลาที่หลับ สอบกับจิตใต้สำนึกเลย
    ทุกเรื่องของมาร ตั้งแต่ กิเลสมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร และเทวบุตรมาร เจอกันทุกวัน
    ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ยังไม่ชี้ขาดลงไปค่ะ

    ตอนนี้ เจอตัวเป้งเลยอ่ะ เทวฤทธิ์กับราชเทวา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  14. dirtygirl

    dirtygirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2012
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +1,351
    สู้ๆ ค่ะ พี่ขาาา ^^ :cool:
    แวะมาก่อนแอบไปนอนนะขอรับ (k)
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้ วันพระไม่มีนิทาน มาคุยเรื่องมารกันดีกว่า...

    ก่อนอื่นเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักมารของพระพุทธศาสนากันดีแล้ว แต่คงยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายเกี่ยวกับมาร

    วันนี้จะนำเรื่องการปราบมาร มาให้อ่านกันนะ

    เราพูดกันว่า มารคือกิเลส ตัณหา อุปาทาน
    เราพูดกันว่า มารคืออวิชชา มารคือทุกข์และสมุทัย
    มารคือ กิเลสมาร ขันธมาร มัจจุราชมาร อภิสังขารมาร

    พระไตรปิฎกบอกว่า มารมี 9 (ขุ จูฬ 30/427/203)
    1. ขันธมาร 2. ธาตุมาร 3. อายตนะมาร 4. คติมาร 5. อุปบัติมาร 6. ปฏิสนธิมาร 7. ภวมาร 8. สังสารมาร และ 9. วัฏฏมาร

    ยังเข้าใจถึงเรื่องมารอีกมากมาย ไม่ว่าอะไรต่อมิอะไร เป็นมารทั้งนั้น เพื่อยุติความให้สั้น ขอสรุปว่าการปฏิบัติทางญาณทัสสนะ ไม่ว่าอะไร ถ้าไม่ขาวและไม่ใส ถือว่าเป็นมารทั้งนั้น

    การปราบมาร ก็คือ การกระทำใด ๆ ให้ความไม่ขาวไม่ใสดับไป และทำให้เกิดความขาวความใสขึ้นแทน
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรื่องของมารที่ควรทราบ

    1. รูปร่างหน้าตาของมาร (ลักษณะ) 2. ที่อยู่ที่อาศัยของมาร 3. วิธีการปกครองของมาร 4. เทือก เถา เหล่ากอ ของมาร 5. วิธีปราบมาร (วิธีรบ)

    เป็น การศึกษาคู่ต่อสู้ ว่าเขามีความเป็นมาอย่างไร รูปร่างหน้าตา ที่อยู่อาศัย และอะไรหลายอย่าง ทราบได้มากยิ่งเป็นประโยชน์ ส่วนวิธีต่อสู้ของเรา เป็นความรู้และวิธีการของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้...

    ควรทำความเข้าใจ 5 เรื่อง
    1. ลักษณะธาตุธรรม 3 ฝ่าย

    ก. กุศลาธัมมา คือ ภาคกุศล กาย ขาวใส ดวงธรรมขาวใส
    ข. อกุศลาธัมมา คือ ภาคมาร กาย ดำ ดวงธรรมดำ
    ค. อัพยากตาธัมมา กาย สีตะกั่ว ดวงธรรมสีตะกั่ว

    กาย ไม่ว่าเป็นกายอะไร ตั้งแต่กายหยาบถึงกายละเอียด (กายมนุษย์ถึงธรรมกายพระอรหัตต์)
    กายละเอียด แต่ละกาย เป็น เถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด ... นับไม่ถ้วนลักษณะ
    ที่ เราทราบก็มี 3 ฝ่าย แต่ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ใช่กุศลาธัมมา ไม่ใช่อกุศลาธัมมา และไม่ใช่อัพยากตาธัมมา เป็นสีสันนานาชนิด เรียกว่า สารพัดธาตุสารพัดธรรม จัดเป็นธรรมภาคมารด้วย เขามารบกับเราด้วย เราจึงมีศึกหลายด้าน

    แต่เดิมเรารบกับภาคดำและภาคกลาง เดี๋ยวนี้เรารบกับสารพัดธาตุสารพัดธรรมด้วย
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ที่อยู่ที่อาศัยของมาร

    ก. อยู่ในกาย คืออยู่ใน กาย ใจ จิต วิญญาณของเราเอง เขามีนิพพาน ภพ 3 โลกันต์ของเขา
    ข. อยู่นอกกาย คืออยู่ในอายตนะภายนอก อยู่ในอากาศโลก ขันธโลก อยู่ในธาตุ 6 พูดง่าย ๆ ว่าอยู่ทั่วไปในอะไร ๆ เป็นอยู่ได้ทั้งนั้น

    อย่างหยาบ เราเห็นได้
    อย่างละเอียด รู้เห็นไม่ได้ เป็นว่างไปหมด เราเรียก เหตุว่าง ต้องทำความว่างให้หยาบขึ้นมา เราจึงจะเห็น นิพพาน ภพ 3 โลกันต์ และเห็นกาย
    ความว่างมีนับเป็นชั้น ๆ เป็นเถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด ... นับไม่ถ้วน ละเอียดยิ่งนัก

    ปัญหาที่เรารบไม่สุดปกครอง ก็คือ คำนวณเท่าไร ไม่สุดเหตุว่าง ต่อเมื่อทำว่างให้หยาบ เราจะเห็นบ้านเมืองของมารเขาว่า เขาอยู่กินกันอย่างไร ทำงานอะไรกัน

    การได้มรรคผลนิพพาน
    หมายความว่า ทำลายมารในกาย ใจ จิต วิญญาณ ของตัวเราเองหมดสิ้นไป และป้องกันไม่ให้มารในอายตนะภายนอกเข้ามารบกวนตัวเอง คือ มารภายนอกส่งมา แต่กาย ใจ จิต วิญญาณของเราไม่ตอบรับ เท่านั้น

    แต่มารในอายตนะภายนอกยังมีอยู่ เพียงแต่หาโอกาสไม่ได้ สำหรับผู้ที่ละสังโยชน์ได้ แต่กับใครอื่นมารในอายตนะภายนอกตามไปรังควาญตลอดไป

    ดังนั้นมารในพุทธกาลยังมีอยู่บริบูรณ์ เพียงแต่เปิดทางให้พระพุทธองค์และสาวกบางส่วนผ่านไปเท่านั้น
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วิธีปกครองของมาร

    การปกครองมี 2 อย่าง
    ก. ปกครองใหญ่ คือ ปกครองธาตุธรรม ได้แก่ ปกครอง.....
    ข. ปกครองย่อย คือ ปกครองภพ 3 ใครที่อยู่ในภพ 3 เขาปกครองหมด

    แปลว่า เขาปกครองหมด คือ ปกครองธาตุธรรมและปกครองสัตว์โลก ทิพย์ พรหม อรูปพรหม จักรพรรดิ กายสิทธิ์ด้วย

    มารปกครองด้วยอะไร
    ปกครองด้วยเครื่อง คือ เอาธาตุ 6 มาหมุนซ้ายทับทวีจนละเอียด จึงให้เครื่องไปทำอะไรได้สารพัด จะให้แก่ เจ็บ ตาย ข้าวยากของแพงอย่างไร รบราฆ่าแกงอย่างไร เขาทำได้ทั้งนั้น สัตว์โลกแก่ เจ็บ ตาย จนเราพิจารณากันว่าเป็นอนิจจัง

    เทือกเถาเหล่ากอของมาร
    มารเขามีพระพุทธเจ้า ทั้งในแบบธรรมกาย (อนุปาทิเสสนิพพาน) และกายมนุษย์ (สอุปาทิเสสนิพพาน) มีทิพย์ พรหม อรูปพรหม จักรพรรดิ กายสิทธิ์ สัตว์โลก

    มีทั้งรูปแบบหยาบ คือ มองเห็นด้วยรู้และญาณทัสสนะ และรูปแบบละเอียดคือมองไม่เห็น จนเป็นเหตุว่าง

    บริวาร คือ เทือกเถาเหล่ากอ มีมากมายและมีอยู่ทั่วไปทั้งเร้นลับและเปิดเผย
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วิธีปราบมาร

    การปราบ คือ การกระทำ 2 อย่าง ได้แก่

    ก. ทำให้กาย ใจ จิต วิญญาณของเราสะอาด มีความขาวและใสสว่าง นั่นคือการทำในกมลสันดานตนเอง
    ข. การทำให้กิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่มีอยู่ในอายตนะภายนอกหมดสิ้นไป (มารในสาธารณะทั่วไป)

    การทำงาน 2 อย่างตามที่กล่าว มีวิธีทำอย่างธรรมดาและอย่างพิสดาร คือ

    แบบธรรมดา เพียงเดินวิชาลำดับดวงธรรมและลำดับกาย ตั้งแต่กายมนุษย์ถึงธรรมกายพระอรหัตต์ละเอียด เป็นอนุโลมปฏิโลม กาย วาจา ใจของเราก็จะสะอาด เกิดความสงบระงับ

    หากจะฝึกละสังโยชน์ ก็ลองทำไปทีละกาย ใช้เวลาพากเพียรทำ เราก็ทำได้ เพียงแต่ระวังกิเลสที่จะมาจากอายตนะภายนอก ไม่ให้มากำเริบในกาย วาจา ใจ ของเรา เป็นวิชามรรคผลส่วนตัว

    แบบพิสดาร จะเดินวิชาตามแบบธรรมดาไม่ได้ เพราะอายตนะภายนอกส่งทุกข์ สมุทัยเข้ามา อายตนะภายในของเราออกรับ จำเป็นต้องต่อสู้กัน ถึงขั้นอายตนะภายนอกดับทั้งหมด

    อวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่มีอยู่ในอายตนะภายนอกนั้นมากมาย ละเอียดสุดประมาณ จำเป็นต้องทำวิชาที่เรียกว่า รบ หรือ อาสวักขยญาณชั้นสูง หรือเรียกว่า “ปราบมาร”

    จากหนังสือ วิชาธรรมกายชั้นสูง
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    สาธุจร๊าา..555555+ โมทนากับธรรมทาน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป.(ทานกลางวันยัง? ถามทั่วๆไปน่ะ ไม่เจาะจงบุคคล เพราะไม่รู้จักใคร)

    หลงเข้ามา คงไม่เป็นไรนะจ๊ะ...อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเขลา
     

แชร์หน้านี้

Loading...