ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

พี่จัดเต็มตามคำสั่ง อิอิ ..จะได้ทราบที่มาที่ไปว่า ความจริงแล้ว เราล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีต

ปีนี้จึงได้มาสร้างบุญใหญ่ด้วยกันค่ะ เป็นเหตุให้เราได้รู้จักกันจากบุญนี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ phuya และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

โอ้ ชาติภพนี่ซับซ้อนนัก...ชักปวดหัว...

แต่แหม...ณยามาลย์ = พลอย เฌอมาลย์ ไหมคะ? อิอิอิ
เห็นเขียนคล้ายกัน อยากสวยกะเขามั่งอ่ะ

และ...ต้องเรียกพี่ Phuya ว่าพี่หญิงด้วยสิคะเนี่ย อิอิอิ

 

ประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร ตอนที่ ๑ ..

ย้อนหลังก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า มีนครบาดาลนามว่า “พญาปัญจปุญญานาคราช” มีพระมเหสีนามว่า “พระนางมายารัศมี”ทรงมีพระโอรสที่จุติบนตักของพระองค์ พร้อมกัน ๒ องค์ พระนามว่า “เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช” (อ่านว่า นะ-คะ-ริน-เด-ชะฯ) และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช (อ่านว่า นะ-คะ-เรด-ละ-ภาฯ) เจ้าชายทั้งสองมีรูปร่างงดงามมาก มีผิวพรรณสีเหลืองทอง และลักษณะคล้ายกัน

เมื่อครั้นที่ทั้งสองพระองค์จุติ เกิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งนครบาดาล โหราจารย์แห่งนครบาดาล ทำนายว่า “เจ้าชายทั้งสองที่มาจุตินั้นมีบุญญาธิการมาเกิดจะทำให้นครนี้ เจริญรุ่งเรือง”

หลังจากโหราจารย์ทำนายไม่นาน ก็พบว่า มีสมบัติต่าง ๆ ปรากฏเกิดขึ้นจนเต็มท้องพระคลังของเมือง และเกิดวิมาณแก้ว ๓ หลังงดงามวิจิตรตระการตาแตกต่างกันออกไป พร้อมมีดวงแก้วมณีปรากฏขึ้นในวิมานของทั้งสองพระองค์ สร้างความปลื้มปิติแก่ “พญาปัญจปุญญานาคราช”เป็นอย่างมาก

ความนี้ได้ทราบไปถึง “พญาภุชงค์นาคราช” (กาลนั้น สมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า ได้เสวยพระชาติเป็นพญานาค นามว่า “พญาภุชงค์นาคราช”)ซึ่งเป็นจอมกษัตริย์แห่งนครบาดาลทั้ง ๗ เมือง จึงได้ให้พระโอรสทั้งสองเข้าเฝ้า พร้อมดวงแก้วมณี

พญาภุชงค์นาคราชมีพระสหายสนิท ๑๖ พระองค์ “ท่านพญาปัญจปุญญานาคราช” นั้นได้เป็นหนึ่งในพระสหายนั้นนอกจากนี้ท่านยังเป็นพระสหายสนิทของ“ท่านพญาศิรสีห์นาคราช”อีกด้วย..

“พญาปัญจปุญญานาคราช” นั้น ได้ปกครองบ้านเมืองด้วยความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขเรื่อยมา

ต่อมา ท่านพญาภุชงค์นาคราชได้ทราบข่าวจากพญาโภคนาคราช ซึ่งเป็นพระสหายอีกพระองค์หนึ่งว่า...

“กาลนี้ ได้ปรากฏพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว”

ท่านพญาภุชงค์นาคราชได้ทราบด้วยญาณทัสสนะของพระองค์ว่า พระองค์เคยปรารถนาพระโพธิญาณมาแต่กาลก่อน จึงปรารถนาจะอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามายังนครพิภพ เพื่อถวายภัตตาหารเป็นเวลา ๗ วัน จึงได้เรียกบรรดากษัตริย์แห่งนครบาดาลทั้ง ๗ เพื่อประชุมปรึกษาหารือ
ท่านพญาปัญจปุญญานาคราช พร้อมทั้งพระสหายของพญาภุชงค์นาคราชได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย มีข้อสรุปว่า จะมีการแบ่งงานกันทำแยกออกเป็น..
๑. คณะที่ทำหน้าที่ไปอาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ คณะ โดยมีพญาภุชงค์นาคราช พญาโภคนาคราช พญาปิณฑวนาคราช พญาโยชนนาคราช พญาชารวางค์นาคราช และคณะผู้ติดตามอีกจำนวนมาก ได้ไปอาราธนาพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

๒. พญาอัศดงนาคราช พญาศรีสรรเพ็ชญ์นาคราช พร้อมพระสหายอีก ๔ องค์ ทำหน้าที่บันดาลเสนาสนะทิพยวิมาน สำหรับรองรับพระพุทธวิปัสสี และพระสาวก

๓. ส่วนพญาศิรสีห์นาคราช พญาปัญจปุญญานาคราช และพระสหายที่เหลือ รับหน้าที่บอกกล่าวงานบุญแก่พญานาคราชทั้งหลาย

เมื่อประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านพญาภุชงค์นาคราช พร้อมคณะที่ทำหน้าที่อาราธนาพระพุทธเจ้าได้แทรกแผ่นดินขึ้นไปอาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

“ข้าฯ แต่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าฯพระพุทธเจ้าได้ทราบถึงพุทธานุภาพแห่งพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดไปสงเคราะห์แก่เหล่านาคราชทั้งหลายในนาคพิภพเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด ยังอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ขอพระองค์ได้โปรดเสด็จโปรดสัตว์โลกที่ยังไม่พ้นทุกข์ ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้าฯ”

องค์สมเด็จพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงนิ่งเสีย จึงเท่ากับว่าพระองค์รับการอาราธนาในครั้งนั้น ยังความปลื้มปิติใจแก่พญาภุชงค์นาคราชเป็นอย่างมาก จึงได้กล่าวต่อไปว่า..

“อีก ๗ วันข้างหน้า ข้าพระองค์ฯ จะมีผู้นำราชรถ และขบวนรับเสด็จมารับพระองค์ และพระสาวกพระพุทธเจ้าข้าฯ”

พญาปัญจปุญญานาคราช เมื่อกลับจากการประชุมใหญ่แล้ว จึงได้เรียกเจ้าชายทั้งสอง และเสนาอำมาตย์ มาเพื่อรับทราบภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพญาภุชงค์นาคราช


ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai


หมายเหตุ ....


พญาปิณฑวนาคราช–ท่าน widya<O</O
พญาชารวางค์นาคราช- คุณ mooom
ท่านพญาศิรสีห์นาคราช -คุณประพาฬพงศ์

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ

 

ประวัติดวงแก้วนครินทร์รัตนภูเบศวร์–ดวงแก้วนคเรศวร์มหิศร ตอนจบ..

จากนั้น เมื่อเจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชได้ทรงทราบข่าวการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า เกิดความปลื้มปิติใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำบุญนั้น เป็นไปตามความปรารถนาของพระโอรสทั้งสอง

เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม จึงได้ขออนุญาตพระบิดา เพื่อเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๗ วันและพญาปัญจปุญญานาคราชได้อนุญาตตามความประสงค์ของพระโอรสทั้งสอง

เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช ได้ตั้งใจจะอธิษฐานเรียกจักรแก้วสีขาวอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ของพระองค์ในอดีต เพื่อมาช่วยเหลืองานในครั้งนี้ และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชได้อธิษฐานเรียกพระขรรค์สีเงินยวงอันเป็นธาตุกายสิทธิ์ของพระองค์ขึ้นมาเช่นกันครั้นครบกำหนด ๗ วัน ธาตุกายสิทธิ์ทั้งสองได้ขึ้นมาตามความปรารถนา

หลังจากการอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมาแล้ว เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช จึงได้นำดวงแก้วคู่บารมีของแต่ละพระองค์

จากนั้นจึงได้การติดตามผู้มีบุญมาเข้าร่วมถวายภ้ตตาหารด้วยวิธีมโนมยิทธิ โดยแยกกายออกพร้อมกันเป็นหมื่นกายในขณะจิตเดียว เมื่อสำเร็จตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแล้ว เจ้าชายทั้งสองได้ขออนุญาตพระราชบิดาเข้าญาณสมาบัติ รอเวลาที่จะถวายภัตตาหาร

ก่อนถึงวันที่กำหนดเจ้าชายทั้งสองได้ออกจากสมาบัติ และพระราชบิดา ไดเเตรียมตัวรับการเสด็จของพระพุทธเจ้า และพระสาวก พร้อมพญานาคเมืองอื่น ๆ

เมื่อถึงวัน พญาภุชงค์นาคราชได้มอบหมายให้พญาโภคนาคราช และคณะนำราชรถไปรับเสด็จองค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมพระสาวกมายังนาคพิภพ

กาลนั้นมนุษย์และพญานาคสามารถไปมาหาสู่กันได้โดยไม่เป็นอันตราย เนื่องจากมนุษย์ในยุคนั้นเป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ จึงทำให้มีผู้ร่วมถวายภ้ตตาหารมากมาย

ครั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาถึง เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช เมื่อเห็นพระวรกาย และรัศมีกายส่งสว่างขององค์พระพุทธวิปัสสี เกิดความปลื้มปิติใจ จึงเนรมิตกายของตนให้เป็นพรมสีแดง เพื่อรองรับพระบาทของพระพุทธเจ้า และพระสาวก

เมื่อเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช ได้เห็นพระเชษฐาตั้งจิตเช่นนั้น จึงได้เนรมิตกายเป็นพรมสีทอง รองรับพระบาทของพระพุทธเจ้า และพระสาวกเช่นกัน

เมื่อเหล่ามนุษย์ พญานาค และนาคานาคีทั้งหลายได้เห็นดังนั้น ต่างโมทนาสาธุการกันถ้วนหน้า เมื่อพระพุทธเจ้าได้ประทับในที่สมควรแล้ว ท่านได้ให้คำพยากรณ์แก่เจ้าชายทั้งสองว่า..

“ในอนาคตกาลเจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราชจะได้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณในมัณฑกัปป์หนึ่งในอนาคตกาล

โดยเจ้าชายนครินทรเดชะ จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าต้นกัป และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภะจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าท้ายกัปป์ หากทั้งสองไม่ละความปรารถนานั้น”

เมื่อชนทั้งหลายได้สดับฟังแล้ว ต่างโมทนาสาธุการทั้งสิ้น จากนั้นพระพุทธเจ้าได้รับภัตตาหารในนาคพิภพ และตรัสเทศนา เป็นเวลา ๗ วันตามคำอาราธนาแห่งท่านพญาภุชงค์นาคราช และได้ให้คำพยากรณ์แก่พญาภุชงค์นาคราช พญานาคโพธิสัตว์ รวมทั้งพญาปัญจปุญญานาคราช มีทั้งสิ้น ๗,๐๐๐ องค์

เมื่อละโลกแล้ว พญาปัญจปุญญานาคราช เจ้าชายนครินทร์เดชนาคราช และเจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต และเวียนว่ายตายเกิดตามกำลังบุญบารมีของแต่ละพระองค์

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ยังมีเรื่องต่อค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจักรของคุณ naraksa ค่ะ รู้สึกว่า มันพันกันไปมายังงัยไม่รู้ค่ะ อิอิ

วันนี้ ขอเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ รู้สึกจะใช้พลังมากไป เขียนไปก็ต้องเช็คเพิ่มเติมว่า ถูกต้องหรือไม่ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

เจ้าชายนคเรศวร์ลาภนาคราช (อ่านว่า นะ-คะ-ริน-ละ-ภาฯ)

พี่น้ำใสหนูอ่านได้ว่า นะ-คะ-เรด-ลา-ภะ-นาคราชหนูอ่านผิดหรือเปล่าคะ
วันนี้ได้อ่านเรื่องเล่ายาวจุใจเลยค่ะขอบคุณมากๆค่ะ

 

อ่านว่า นะ-คะ-เรด-ลา-พะ ค่ะ ขออภัยพี่เขียนคำอ่านผิดค่ะ :'( เด๋วแก้ให้นะคะ แค่จำชื่อแต่ละท่านก็ปวดหัวแย้ว อิอิ..

เด๋วมีเรื่องต่อกันอีกนะคะ

Numsai

 

..ขออนุโมทนาบุญกับคุณ kanus ด้วยค่ะ

แม้ประมูลในคราวนี้ไม่ได้ แต่คุณ kanus ก็มีน้ำใจร่วมบุญโอนปัจจัยไปที่
บัญชีร่วมบุญกฐินบรมจักรพรรดิ ธ.ไทยพาณิชย์

ดิฉันตั้งใจว่า หากมีดวงแก้วสีเขียวที่มาใหม่ จะขอมอบแก่ คุณ Kanus ให้เพื่อเป็นที่ระลึกในการร่วมบุญครั้งนี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ kanus อีกครั้งค่ะ

Numsai

 

เรียกเพิ่ม เรียกคุณ am12 ว่าน้องชายคนดี อิอิอิ
เอาตังค์มาให้พี่สาวยืมหน่อยจิ๊ อิอิอิ ล้อเล่นค่ะ


หลังจากนั้น ณยามาลย์เทวีก็ไปจุติเป็นพระธิดาของพญาศรีสรรเพชญ์นาคราช
นามว่าปทุมวดีเทวีซึ่งเป็นน้องสาวของพญาปฐพีวิศาท...
แล้วก็ไปแต่งงานกับสัตยาสิทธิ์นาคราชพระโอรสของท่านพ่อโภคะนาคราช...
โอ้หนอ...ชาติภพช่างยาวนาน
ฟังแล้วเหนื่อยค่ะกับการเวียนว่ายตายเกิด


ส่วนพญาปฐพีวิศาทเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไรต่อไป โปรดติดตามค่ะ

 

วันนี้ใช้พลังงานเยอะดูแลสุขภาพด้วยนะคะพี่น้ำใส

(f)(f)(f)(f)(f)


พี่น้ำใสคะเคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กแฝดยังแบเบาะ

แล้วมีครุฑอยู่ตนหนึ่งคอยจ้องจะมาเอาเด็กแฝดไปไหมคะแล้วเมืองนั้นได้ป้องกันเต็มที่

จัดเวรยามไว้แต่ก็ยังพลาดมีอยู่วันหนึ่งครุฑนั้นก็ได้โฉบมาลักเอาเด็กแฝด

ทั้งสองนั้นพอบินขึ้นฟ้าไปยังไม่สูงมากกรงเล็บของครุฑได้ทำเด็กทารก

ล่วงลงมาคนหนึ่งส่วนอีกคนหนึ่งครุฑได้นำไปเลี้ยงไว้และเมื่อโตเป็นหนุ่ม

ก็ได้กลับมาครองเมืองที่เคยจากมาเมื่อแบเบาะน่ะค่ะ

(แบบว่าชอบดูละครจักรๆวงศ์ๆค่ะเลยอยากทราบว่ามีเหตุการณ์อย่างนี้ไหมค่ะ)

 

พญาครุฑมาโฉมเอาเด็กไปเลี้ยงไม่มีค่ะ มีแต่โฉมเอาไปเป็นภรรยา อิอิ..

Numsai

 

อิอิอิค่ะพี่น้ำใสแหม....ใครกันนะเสน่ห์ต้องตาต้องใจพญาครุฑ.........

สงสัยต้องไปถามคุณเพชรซี่บางทีเธออาจจะรู้ว่าคือใครที่เสน่ห์แรง.........

 

ขอโมทนาบุญกับคุณkanus ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ วันนี้ได้อ่านเรื่องราวที่พี่น้ำใสอุตส่าห์นำมาเล่าแล้วค่อยเข้าใจขึ้นมาบ้าง ขอโมทนาในธรรมทานด้วยครับ

 

ถ้าเหนื่อยกับการเวียนว่ายตายเกิด แสดงว่าจะไม่อยากเกิดอีกแล้วใช่ไหมน้องหญิง

 

..ประวัติจักรสมันตไตรคีรี..

​

ย้อนหลังไปกว่า ๖๑ กัปก่อนยุคขององค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า มีภูเขาสามลูก นามว่า“ไตรคีรี”ภายใต้เขาสามลูกนี้มีเมืองบาดาลอยู่ภายไต้การปกครองของ “ปฐพีวิศาทนาคราช” พญาปฐพีวิศาทนาคราชนั้น เป็นพระโอรสองค์ที่ ๒ ของพญาศรีสรรเพชรนาคราช
มีพระมเหสีอันเป็นที่รัก นามว่า”สิริวิมลมาลา” พระนางสิริวิมลมาลานั้นเป็นนาคมาณวิกาที่มีความงดงามดุจนางเทพอัปสร

ก่อนที่จะได้นางสิริวิมลมาลามาเป็นมเหสีนั้น ท่านพญาปฐพีวิศาทถึงกับต้องประลองกับกษัตริย์แห่งนาคพิภพถึง ๖ เมืองท่านพญาปฐพีวิศาทได้ชนะเหล่ากษัตริย์นาคทั้งหลายด้วยพระปรีชาสามารถ

กล่าวถึงพญาศรีสรรเพชรนาคราช ผู้เป็นพระบิดา ได้ปกครองเมืองปัญจพชรนคร ขณะนั้นพระองค์มีพระโอรส-ธิดา อยู่ ๓ องค์ คือ

-หยาดทิพย์เทวี
-พญาภูมบดีนาคราช
-พญาปฐพีวิศาท

ซึ่งพญาภุมบดีนาคราช และได้อภิเษกกับศศิมาณวิกา ซึ่งเป็นพระราชธิดาองค์ที่ ๒ ของพญาโภคนาคราชได้ปกครองอีกเมืองหนึ่ง

ส่วนหยาดทิพย์เทวีนั้น ได้อภิเษกกับพญาโยชนมงคล ซึ่งเป็นพระโอรสของพญาโยชนนาคราช อันเป็นพระสหายอีกพระองค์หนึ่งของพญาศรีสรรเพ็ชร

ส่วนพญาปฐพีวิศาทนาคราช พญาศรีสรรเพ็ชรได้ให้ปกครองในแถบไตรคีรี ซึ่งอยู่ไกลออกไป เป็นดินแดนที่ใกล้กับแดนของพญาครุฑ ในเวลานั้น พญาครุฑ และพญานาคมิได้เป็นศัตรูกันแต่อย่างใด พญาปฐพีวิศาท จึงมีสหายเป็นพญาครุฑ และมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

กาลต่อมาพญาศรีสรรเพ็ชรก็มีพระธิดามาจุติอีกพระองค์หนึ่ง นามว่า ปทุมวดี เนื่องจากนางขณะที่นางจุติมีดอกบัวมารองรับไว้

วันหนึ่งพญาปฐพีวิศาทนาคราชได้ขึ้นไปฟังเฝ้าท้าวสักกเทวราช ณ.สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้พบท้าวจักรภูษานาคราชได้เนรมิตจักรแก้วขึ้นไปถวายแด่ท้าวสักกเทวราช
หลังจากท้าวสักกเทวราชได้ให้พรแล้วเกิดความสว่างไสวไปทั่วทั้งสามภพ ทำให้ท่านพญาปฐพีวิศาทนาคราชได้เกิดความเลื่อมใสปรารถนาที่จะอธิษฐานเนรมิตจักรแก้วขึ้นมาจึงได้ใช้ญาณทัสสนะแห่งตนระลึกถึงความดีที่ตนทำและทราบว่าการจะเนรมิตจักรแก้วได้นั้น ต้องเข้าสมาบัติถึง ๖๑ กัป
หลังจากได้เข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วได้กลับมายังภพบาดาล ณ. เขาไตรคีรีจึงได้กล่าวกับพระสิริวิมล

เมื่อพระนางทราบถึงความต้องการของพระสวามีด้วยความที่นางรักพระสวามีมาก ไม่ปรารถนาจะแยกจากกัน นางได้แต่ร่ำไห้แทบจะขาดใจ แต่ด้วยปฏิธานความปรารถนาอันสูงส่งของพระสวามี นางจึงยอมตัดใจด้วยความจำเป็นจึงตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า ..

“แม้พญานาคทั้งหลายสามารถต่ออายุของตนนานชั่วกัปชั่วกัลล์ได้แต่หม่อมฉันมิทราบถึงวิบากแห่งตน ในคราวที่ท่านปฐพีวิศาท ได้ออกจากฌานสมาบัติขอให้กัน และได้ครองคู่กัน

ไม่ว่านางจะอยู่ในตระกูลใด หรือภพภูมิใดก็ตามขอให้ข้าพเจ้าได้ครองคู่กับพระสวามีแห่งตน และขอเป็นหนึ่งในดวงใจเพียงผู้เดียวแห่งท่านปฐพีวิศาทนาคราชทุกภพทุกชาติไป”

จากนั้นนางจึงได้เตรียมน้ำหอมน้ำปรุง ซึ่งทำด้วยดอกไม้นานาพันธุ์แห่งนาคพิภพ ล้างเท้าท่านพญาปฐพีวิศาทโปรยด้วยดอกไม้ของหอม จากนั้นนางจึงทำการเวียนทักษิณา ๓ รอบ

แล้วนางก็กลั้นใจตายทันที ด้วยเหตุแห่งการบูชาสามีนางได้ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ส่วนท่านพญาปฐพีวิศาท ได้ระงับซึ่งความโศกเศร้าหวังเพียงเพื่อการปรารถนาอธิษฐานจักรแก้ว เพื่อบูชาท้าวสักกเทวราชอันเป็นจอมราชาแห่งเทวดาทั้งหลายในยุคนั้น

จึงได้มอบหมายงานแก่เหล่าเสนานาคทั้งหลายแจ้งความปรารถนาแห่งตน สั่งการให้พระอนุชานามว่า “สิตีนาคราช”เป็นผู้ดูแลเมืองต่อไป
จากนั้นท่านได้เข้าไปในที่วิเวกอธิษฐานซ่อนกายจากเหล่ามาร หรือเหล่าครุฑทั้งหลาย รวมทั้งเหตุภัยต่าง ๆและได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๖๑ กัป

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

..ประวัติจักรสมันตไตรคีรี..ตอน ๒..

กล่าวถึงพระธิดาปทุมวดีนั้น เป็นสหายรักกับ รักขมาณวิกา และสิริวิมลมาลา นอกจากนี้ยังมีสหายสนิทอีก ๒ ตนที่จุติมาเวลาใกล้เคียงกัน หลังจากที่รักขมาณวิกาได้จุติไปทุกคนก็โศกเศร้า ต่อมาสิริวิมลมาลาได้จุติไป

ทำให้ปทุมวดี ได้เก็บตัวเข้าสมาบัติจนได้ตะบะแก่กล้า ต่อมานางได้พบพระฤษีผู้เป็นอาจารย์ และได้สอนวิชาเล่นแร่แปรธาตุ จนเชี่ยวชาญ นางจึงดำเนินรอยตามพระเชษฐา จึงเข้าสมาบัติอธิษฐานจักรแก้วสีชมพู โดยใช้เวลา ๕๑ กัปป์ ก่อนยุคพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า

กล่าวถึงนางสิริวิมลมาลาหลังจากได้เกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วก็ได้เวียนว่ายตายเกิดอีกหลายพันชาติก่อนที่จะมาเกิดในยุคพระสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า “พระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า”

นางได้ลงมาเกิดในตระกูลเศรษฐีใหญ่เมืองปัจจปุตตนคร นามว่า “ท่านวิมุติเศรษฐี”ท่านวิมุติเศรษฐีนั้น เป็นสหายกับท่านปุตตกานต์เศรษฐี ซึ่งมีธิดา ๓ คนคือ “ศศิกานต์ –ปราญชลี-กุลธีร์”

เดิมทีท่านวิมุติเศรษฐีไม่มีบุตรธิดาจึงได้ขอธิดาคนรองนามว่า “ปราญชลี” มาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่อายุได้ ๓ เดือนซึ่งปราญชลีนี้คือ รักขมาณวิกา หรือพระธิดาของพญาโภคนาคราชกลับชาติมาเกิดนั่นเอง

หลังจากได้นำปราญชลีมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมได้ไม่นาน ภรรยาของท่านวิมุตติเศรษฐีก็เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาเมื่อครบกำหนดได้กำเนิดธิดาอีกองค์ขึ้นมา นามว่า “สิริมาลา”

เนื่องจากในวันแรกเกิดของสิริมาลานั้นเกิดเหตุอัศจรรย์มีดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานส่งกลิ่นหอมทั่วทั้งเมืองท่านวิมุติเศรษฐีจึงได้ให้ชื่อว่า “สิริมาลา”แปลว่า“ดอกไม้แห่งความเป็นมงคล”

ท่านเศรษฐีได้เลี้ยงดูปราญชลีและสิริมาลามีจนมีอายุครบ ๑๗ ปี และ๑๖ ปีตามลำดับทั้งสองได้เติบโตมาเป็นสาวงาม เป็นที่รักของคนทั่วไป
นางปราญชลีมีลักษณะสุขุมนุ่มลึก เฉลียวฉลาดและใจบุญเช่นเดียวกับท่านปุตตกานต์เศรษฐี ผู้เป็นบิดาที่แท้จริง

ท่านวิมุติเศรษฐีได้มอบหมายให้นางดูแลโรงทานทั้ง ๔แห่งที่ตั้งไว้เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ทุกข์ยากหนึ่งปีนางจะได้รับอนุญาตในการเดินทางไปเยี่ยมท่านปุตตกานต์เศรษฐีและครอบครัวครั้งหนึ่ง

ส่วนนางสิริมาลานั้น มีความงดงาม ดุจเทพอัปสรอีกทั้งมีความสามารถในการฟ้อนรำ อันงดงามนางมักชอบทำน้ำอบน้ำปรุงถวายสมณชีพราหมณ์อยู่เสมอท่านเศรษฐีและภรรยาจะรักและเอ็นดูธิดาทั้งสองมาก จึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา

กล่าวถึงท่านพญาปฐพีวิศาทนั้น หลังจากครบกำหนด ๖๑ กัป จึงได้ออกจากสมาบัติจึงตั้งจิตอธิษฐานเนรมิตจักรแก้ว จากนั้นได้นำไปถวายแด่พระอินทร์ หลังจากได้พร ๘ประการจากพระอินทร์แล้ว จึงได้นำไปประดิษฐาน ณ. พระเจดีย์แห่งนาคพิภพตามธรรมเนียมปฏิบัติของจักรแก้วนาคราชต่อไป

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วพญาปฐพีนาคราชได้ระลึกถึงนางสิริวิมลมาลา อดีตมเหสีแห่งตนจึงใช้ทิพยจักขุญาณตรวจดูว่า นางสิริวิมลมาลา ไปจุติอยู่ที่ใด ทราบว่านางได้จุติเป็นบุตรสาวของท่านวิมุตติเศรษฐีในเมืองปัญจปุตตนคร จึงคิดติดตามนำนางกลับมาอภิเษกสมรสอีกครั้ง

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

...จักรสมันตไตรคีรี..ตอนจบ..

​

เมื่อถึงเมืองปัญจปุตตนคร ได้ปลอมเป็นพ่อค้าเร่ ขายเครื่องประดับของหอมรวมทั้งดอกไม้แห้งจากนาคพิภพที่นางสิริวิมลมาลาชื่นชอบจากนั้นมุ่งตรงไปยังบ้านท่านวิมุตติเศรษฐี เพื่อร้องขายเครื่องประดับด้วยอำนาจแห่งคำอธิษฐาน และบุพกรรมเก่า เสียงพ่อค้าเร่(แปลง)เร่ขายเครื่องประดับได้ยินไปถึงเรือนของนางสิริมาลา(หรือนางสิริวิมลมาลาในอดีตชาติ)

นางรู้สึกคุ้นเคยเสียงของพ่อค้าเร่ทำให้เกิดจิตปฏิพัทธ์ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้านางจึงได้ให้คนสนิทพาพ่อค้าเร่เข้ามาในเรือนของตน เมื่อพ่อค้าเร่(แปลง)ได้มาถึงนางยิ่งรู้สึกนึกรักเมื่อเห็นหน้า ครั้นได้กลิ่นหอมของดอกไม้แห้งแห่งนาคพิภพนางได้ระลึกถึงความหลังในอดีตได้ทันที

นางสิริมาลา จึงได้แจ้งแก่พ่อค้าเร่(แปลง) หรือพญาปฐพีนาคราชว่า นางได้มีคู่หมั้นซึ่งได้หมั้นหมายมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ความรักที่นางมีต่อพญาปฐพีนาคราชอาจจะไม่สมหวังและอีกไม่นานทั้งคู่จะต้องเข้าพิธีแต่งงาน
นางจึงได้เข้าไปไปบอกกับท่านวิมุตติเศรษฐีว่านางไม่สามารถแต่งงานกับคู่หมั้นได้ เพราะนางได้ตกหลุมรักกับพ่อค้าขายเครื่องประดับทำให้ท่านวิมุตติเศรษฐีไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นดังนั้นท่านพญาปฐพีวิศาทนาคราช จึงได้แสดงตนว่า ตนคือพญานาคราชแห่งเขาไตรคีรีซึ่งห่างจากเมืองท่านเศรษฐีไปทางเหนือถึง ๑๖ โยชน์ได้ตามหามเหสีแห่งตนที่ได้มาจุติเป็นมนุษย์และเล่าความจริงให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องคำอธิษฐานของนางสิริวิมลมาลาในอดีตให้ฟังพร้อมมอบแก้วแหวนเงินทองเพื่อสู่ขอนางสิริมาลาแต่งงานทันที

ท่านเศรษฐีเมื่อทราบความจริงจึงได้อนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานกันจากนั้นจึงให้คนถือสาส์นขอโทษเรื่องการแต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีอีกเมืองพร้อมทั้งส่งเครื่องบรรณาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการชดเชยไปให้แก่บุตรชายเศรษฐีจากนั้นจึงแจ้งข่าวมงคลแก่ชาวเมืองทั้งหลาย เพื่อจัดพิธีแต่งงานของนางสิริมาลาอีก ๗วัน

ส่วนบุตรชาย สหายของท่านวิมุตติเศรษฐี นามว่า “อุปการ” ครั้นทราบข่าวการยกเลิกแต่งงานจึงได้มาบ้านวิมุตติเศรษฐีในวันแต่งงานของนางสิริมาลาเมื่อพบหน้านางสิริมาลาก็เกิดความรักขึ้น และเสียใจที่ไม่ได้ครองคู่กับนางเมื่อกลับเมืองของตนก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องของนางสิริมาลาปรารถนาจะได้นางมาเป็นคู่ครอง ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับจนร่างกายผ่ายผอมสุดท้ายอุปการมานพ ก็ตรอมใจตาย ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า..

“เกิดชาติหน้าหนใดขอให้ได้เป็นคู่ครองของนางสิริมาลา ได้รักและครองคู่กับนางในอนาคตกาล”

ส่วนนางสิริมาลานั้นหลังจากเข้าพิธีแต่งงานกับพญาปฐพีวิศาทนาคราชแล้ว จึงได้ไปอยู่ที่เขาไตรคีรีต่อไป..
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

มาเกาะติดขอบจอ...รออ่านหนอค่ะ

 

ตามมาเกาะบ้าง แบบมุกมิก อิอิ

 

คุณกุล เอ๊ ยังไง มาทักเขาได้นา สาวงามอื่นอีกถมถืด ฮี่ๆ เอ๊ะ หรือว่าคุณกุลของเขา จับตัวเขาได้จากทิพยจักขุญาณ แง :'(