คำถามจากผู้เริ่มต้นปฎิบัติทำอย่างจริงจังครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย littlejazz, 31 สิงหาคม 2012.

  1. littlejazz

    littlejazz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +224
    คือผมก็ชอบทางด้านนี้มาตั้งแต่เล็กแล้ว เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษมาตั้งแต่เล็ก แต่พึ่งจะมีใจที่จะปฎิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจเหมือนกันถึงให้คิดเรื่องนี้ ผมแค่รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตมนุษย์ส่วนใหญ่ทุกวันนี้ มีแต่เรื่องของผลประโยชน์ เงินๆทองๆ มีแต่คนอยากนู่นอยากนี่เพิ่มไปไม่รู้จักจบสิ้น เบื่อคนที่ชอบเห็นสิ่งไม่ดีๆ ว่าเป็นของทันสมัย พอเราเตือนก็โดนด่ากลับอีกว่าคนเชยๆอย่างผมไม่เข้าใจหรอก -_-' เถียงไม่ออกครับ เพราะเราก็ไม่เคยเข้าผับบาร์ ไม่มีข้อมูลไปแย้งเค้า มีปัญหากระทบกระทั่งกับใคร เราก็ไม่ไปเอาเรื่องเค้าถ้าไม่จำเป็น ก็หาว่าเราขี้ขลาด ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมมนุษย์ที่มีโอกาสสร้างกุศลได้มากกว่าภพอื่นทำไมไม่เอาเวลาไปศึกษาธรรม สร้างกุศลกัน บ่นกันมาเยอะขออภัยด้วยครับ มันอัดอั้นจริงๆ 5555 คำถามที่ผมจะถามคือว่า
    1. การปฎิบัติธรรมเจริญวิปัสสนา สามารถอ่านหนังสื่อแล้วปฏิบัติได้หรือไม่ครับ หรือต้องไปตามสถานปฎิบัติธรรมที่เปิดสอนอย่างเดียวเลยครับ (ถ้ามีหนังสือแนะนำด้วยจะดีมากๆเลยครับ ผมมีแต่ mp3 เอาไว้ฟังหน้านี้ครับ http://www.kanlayanatam.com/audio/lp_jarun/lp_jarun.htm )

    2. ปกติผมจะลองนั่งสมาธิก่อนนอนของวันธรรมดา สิ่งที่เกิดอย่างหนักเลยคือ "ง่วงครับ" ง่วงอย่างมาก ถึงมากที่สุด นั่งแป๊ปเดียวเผลหลับไปซะแล้ว มีวิธีที่ทำให้ไม่ง่วงมั้ยครับ หรือผมควรลองเปลี่ยนเวลานั่งเป็นตอนเช้าๆวันหยุด ที่ได้พัผ่อนมาเต็มที่แล้วตอนกลางคืนดูครับ

    3. ทำไมคนทั่วไปชอบมองคนที่ชอบนั่งสมาธิ สนใจศึกษาธรรม เป็นพวกงมงาย เชยๆ ดูไม่น่าคบหละครับ อันนี้อัดอั้นจริงๆนะครับ ตอนนี้เพื่อนผมน้อยมากเลย เขาไปเที่ยวผับ ไปกินเหล้า ไปวิ่งตามศิลปินกัน แต่ผมชวนเพื่อนไปวัด ทำไมผมถึงโดนด่าว่าบ้า ไม่มีใครมากับผมเลย นี่กว่าที่บ้านจะยอมรับก็ต้องใช้เวลาพอสมควร พอพูดเรื่องธรรมะนิดเดียวก็ขำกันแล้ว หาว่างมงาย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คือตัวผมก็ไม่มีใครมาบอกให้เข้าหาธรรมมะแบบนี้ แต่ผมก็ชอบเองได้ แล้วผมก็คิดว่าทุกคนก็น่าจะคล้ายๆกัน แต่ความเป็นจริงคือไม่ใช่เลย ถ้าคนไหนไม่เอา ก็ไม่เอาเลยจริงๆ ไม่แตะอะไรที่เป็นธรรมมะเลย ไม่อยากให้เค้าเสียเวลาไปโดยไม่ได้เอาบุญติดตัวอะไรไปเลย สงสารพวกเค้าน่ะครับ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี

    ได้มาพูดคุยกับพี่ๆในนี้ค่อยมีความรู้สึกว่าพูดภาษาเดียวกันหน่อยครับ อยากมีเพื่อนไปปฎิบัติธรรมบ้าง คอยแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิคงจะดีไม่น้อยเลย ยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบทุกๆคำตอบนะครับ ขอบคุณครับ
     
  2. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อนุโมทนา สาธุๆๆ

    1. วิปัสสนา ฝึกเบื้องต้นเองได้ครับ แต่ยังไงก็แนะนำให้มีครู ไม่งั้นเดี๋ยวหลงทางเข้าป่า หรือไปติดของแปลกๆ เข้า... พระอาจารย์ที่เก่งๆ จะตรวจสอบจิตเราได้โดยตรง รู้สภาวะจิตเราโดยตรงครับ ทำให้ไม่หลงทาง

    2. ลองเปลี่ยนเป็นตอนเช้าดูก็ดีครับ ส่วนก่อนนอน นี่ทำสมาธิจนหลับไปเลยก็ได้ครับ

    3. กรรมเป็นเรื่องอจินไตย อย่าไปคิดมากครับ ผู้ที่ยังไม่ถึงเวลา เหตุปัจจัยไม่พร้อม ยังไงก็ไม่ได้มาทางธรรมเข้าถึงแก่นแท้พุทธศาสนาครับ
     
  3. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน คาดหวังให้คนใกล้ตัวชอบเหมือนที่เราชอบ..แต่มันไม่ใช่เลย..เราควรช่วยตัวเองก่อน เมื่อกำลังใจของเราแข็งแรง เราจะมีคำตอบให้กับทุกคำถามค่ะ
     
  4. ปัญจทสเทพา

    ปัญจทสเทพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +143
    ข้อ๑. ลองไปหาสถานปฏิบัติธรรมที่ชอบ(อธิฐานจิตขอให้เจอ ก็ได้) แล้วก็ไปขอกรรมฐาน ไปปฏิบัติถือศีล ณ ที่ นั้นจะ๓วัน ๗วัน ก็แล้วแต่ เพื่อพอเป็นแบบอย่างหรือ แนวทาง จากนั้น จึงค่อยมาปฏิบัติเองที่บ้านก็ได้ (แต่จากประสบการณ์ถ้าไปปฏิบัติที่สถานปฏิบัติที่เคร่งๆ จะทำให้เราอยากกลับไปปฏิบัติที่นั้นอีกครั้ง)

    ข้อ๒.ผมก็มีบ้างช่วงแรกๆ จนบางครั้งไม่รู้ว่ากำลังภาวนา หรือกำลังฝัน พอเวลาผ่านไปช่วงหลัง อาการง่วงนี้มันก็หายไปเฉยๆ(ที่ง่วงอาจเป็นเพราะอ่อนเพลียก็ได้) คำแนะนำนะครับ ผมจะทำตอนหลังอาบน้ำเสร็จน่ะครับ สดชื่น โปร่งสะบาย

    ข้อ๓.ข้อนี้เป็นเหมือนกันเลยครับ ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นธรรมดาของยุคนนี้(ช่วงท้ายขาลงของอายุไขยกัป) ยุคของ "ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน" ยุคที่คนดีมีน้อย คนเลวมีมาก
     
  5. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    พูดถึงความง่วง เราใช้วิธีลืมตา เบิ่งตาให้กว้างๆ คือลืมตากำหนดลมหายใจ แล้วพยายามทำหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ อีกอย่างคือไม่สวดมนต์ยาว ยิ่งสวดยาว สังเกตุว่าจะเพลีย พอต่อด้วยสมาธินี้จะง่วงง่าย
     
  6. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    จะเชื่อผม มั้ยล่ะ....
    ผม แนะนำแบบนี้นะ..หา อ่าน หาฟังเทศนา พระ หลายๆ องค์ ก่อน..
    แล้วสรุปให้ใจตนว่า เราชอบแนวทางไหน....

    การ ที่คุณท นั่งภาวนา แล้วหลับ เกิดจาก จิต ซึม เคลิบเคลิ้ม เป็นผผลจากการรู้ อารมณ์เดียว...ที่ ยัง ไม่มีสติ ตั้งมั่น.....

    หาก จะ ทำภาวนา แบบ ให้จิตตั้งมั่น และ ไม่ง่วงนอน ผม ว่า ควรเจริญสติ
    แบบเคลืี่อนไหว...ให้ไป ลองเข้า เวบ วัด โสมพนัส..ดู คุณ พิม ที่กูเกิลได้เลย...

    ที่นั้น มี การ ทำ สติ แบบเคลื่อนไหว ใช้ ความรู้สึกตัวเป็นหลัก
    หาก จะหัด แบบ ดูสภาวะ..ผม แนะนำให้ ศึกษา ของ หลวงพ่อ ปราโมทย์..ที่ เวบ วิมุตติ ดอทคอม

    การที่คุณ มีจิตคล้อยมา ทางธรรม นั้น นับเป็น มหากุศลแล้ว...ยินดีด้วยครับ...จิตคุณ มี อำนาจ จาก ภพเก่า..มากระตุ้น..ให้เกิด ฉันทะ.และการที่คุณมองออกว่า ชีวิตคนเรา ไร้สาระ..นั้นเกิด จาก อดีตชาติ คุณ เคยบำเพ็ญมาแล้ว..อตีตาสัญญาเกี่ยวกับ ไตรลักษณ์ ได้เข้า ครอบงำ จิตคุณ..ทำให้คุณ รู้สึกว่า คนเรา อยู่ กันในสังคม แบบ ไร้สาระ คุณ เลยคิด อยากออก มาจากสังคม

    ยินดีด้วยครับ...กุศลส่งคุณแล้ว หมั่นศึกษาไป นะครับ....คุณ มี จิต ที่ น้อม หา พระรัตนตรัยแล้ว...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2012
  7. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    ผม แนะนำให้คุณ ลองอ่าน หนังสือ วิถีแห่งความรู้แจ้ง...

    ที่ เวบ วิมุตตติก่อน....แล้วลอง ฟัง หลวงพ่อ ปราโมทย์ ท่นน เทศนา เรื่องการ ภาวนา...แนว จิตตานุปัสสนา...หาก คุณ เข้าใจ ธรรม ที่ท่าน แสดงได้...
    คุณ ไปไกลแน่ๆ.....

    แนวทางของท่าน นั้น..เป็นเส้นตรงเส้น นึงทีเดียว...
    การ เจริญสติ ด้วยการ ดูสภาวะ..และ มีการ นั่งภาวนา เสริมด้วย
    จิต คุณ จะดิ่งแน่...ผม อ่าน ความตั้งใจของคุณ แล้ว นับว่า ประเสริฐ...

    ขอ ให้ พบสิ่งที่ต้องการ โดยเร็ววันครับ...
     
  8. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    การภาวนา ในแบบ หลวงพ่อ จรัล...นั้น...

    นับเป็น การทำสมถะ ที่ดี..แบบนึง....แต่หาก ว่า ใครไม่ เข้าถึงฌาณ ก้ ไม่อาจ นำจิตมาดุสภาวะได้...มันกระท่อนกระแท่น...แม้ แต่ องค์ ท่าน หลวงพ่อ จรัลเอง...ท่านน ก้ ผ่านมา ด้วย อิทธิ วิธี..ท่าน ภาวนา การเห็นหนอๆ..ท่าน ได้ ฌาณ แล้ว...การกำหนด จิตของท่าน จึงทะลุ ทุกกรณี.....แต่ การ เดิน วิปัสสนาผม ไม่แน่ใจ..ว่าท่าน จะไปถูก ทางมั้ย แต่ผม ไม่ ฝึกแนวท่าน สอนครับ....

    การ นั่งภาวนา ด้วย การ ทำฌาณ...นั้น..สมควร อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์..มาก เมื่อใด ที่ได้ฌาณ..คนที่ทำได้ ไม่อาจปรับจิตปรับใจในการ มองลงใน รูป ขันธ์ ตนเอง ได้ง่ายๆ..เพราะ การกำหนด ฌาณ..ในกำลัง ที่ มอง รูป และนาม ให้เห็นไตรลักษณ์ จำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์ คอย กำกับ...

    ส่วนใหญ่ จะหลงกันเยอะ..คนทำฌาณ จะได้ ฤทธิ์ กันมาก และส่วนใหญ่ ก็ หลงไป..ยิ่งใคร ที่หัด จนเกิด อัปปนา..แล้วหาก ไม่มีครู กำกับ บางคนหลงไปคิดว่า ตนเองเก่ง จนหา คนเปรียบยาก.และ จะเข้า ศึกษา อารมณ์ รูป นาม ยากมาก..เพระา จิตนั้นนิ่งจนเหมือน ไร้สภาวะ..ผม บอกตรงๆนะ ในนี้หลายๆคน ก็ คุย ทำนองนั้น ทั้วงที่ไม่ได้ฌาณ ด้วยว้ำไป....แต่ ไปดู ครูบาอาจารย์มา และ คิดๆ เอา..และเอามาคุย ฟุ้งในนี้...

    อารมณ์ ของการ เห็นสภาวะธรรม..ไม่ใช่ จะรู้กันได้ง่ายๆ..
    มันติด ใน อารมณ์ เดิมๆ..ความ ที่คนเรา มีอัตตามาก และ ไม่เข้าใจว่า แค่ ลด อัตตา ก้ เข้าใจธรรมได้..ฟังเหมือนง่าย แต่ ยาก ครับ

    เป็นเรื่องกุศล ที่เคยสะสมมา...คนส่วนใหญ่ จึง ชอบ ที่จะนั่ง สมาธิกันเป็นพื้นฐาน ซึ่ง จะว้าไป ก้ ดี ครับ..แล้ว แต่ บารมีใคร บารมี มัน...

    ลองๆ ทำแบบที่ผม แนะนำ ไปได้ผลอย่างไร มา คุยถามกัน ได้ ในนี้ครับ
     
  9. kartoonyna

    kartoonyna ว่างเปล่า เฉยชา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +129
    เป็นความรู้ที่ดีมากๆค่ะ
    เพราะเป็นอาการเดียวกะเจ้าของกระทู้เลย
    นั่งแล้วง่วง ก้อเลยนอนสมาธิซะเลย อิอิ

    เพราะเป็นคนที่ใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก
    กลางวันทำงาน กลางคืนเรียน เสาร์-อาทิตย์ช่วยเหลือคนอื่น
    ปกติจะสวดมนต์ ไหว้พระ เช้า-เย็น ปกติ
    เวลานั่งสมาธิจะเป็นช่วงหลังเรียนและทำงานเสร็จก้อราวๆ 6 ทุ่ม
    เปงช่วงเวลาง่วงสุดๆพอดี
    นั่งอย่างมาก 20 นาที ละค่อยๆล้มตัวหลับไปเลยค่ะ

    จริงๆก้ออยากไปหาครู อาจารย์เหมือนกันนะคะ
    แต่ไม่รู้จะไปหายังไง
    ก้อได้แต่อ่านๆไปทั่วๆ
    ตอนนี้หลงทางไปแล้วรึป่าวไม่รู้!!!
     
  10. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ก็ดีนะคะ อาการหลายๆอย่างก็เป็นตามที่พระอาจารย์ท่านเทศน์ไว้ค่ะ ลองหาฟังดูให้ความรู้มากๆ
     
  11. littlejazz

    littlejazz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +224
    อนโมทนาบุญทุกท่านด้วยนะครับ สำหรับคำแนะนำ ได้มีคนคุยในเรื่องๆเดียวกับที่ผมกำลังสนใจ นับว่าเป็นบุญของผมมากเลยครับ นึกว่าจะต้องอยู่ไปคนเดียว มึนๆไปอย่างนี้ตลอดซะแล้ว ขอบคุณทุกๆท่านมากจริงๆครับ
     
  12. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    เห็นอะไรก็ย้อนมาดูใจตนเองบ่อยๆแล้วกัน ไม่ต้องไปโทษเขาหรอกเขาแสดงให้เห็น แล้วน้อมมาดูตัวบ่อยๆ
    ไม่ใช่ว่าตัวเองดีกว่าเขานะ เอามาสอนตัวเราให้ได้ แล้วจะขอบคุณเขาเองแหละ
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .................ข้อ3นะครับ....วิจิกิจฉา คือ ยังไม่มั่นใจ หรือ ทิฎฐิที่ยังคลอนแคลน ว่า ดีจริงหรือเปล่า...เหมือนเข็มตาชั่ง มันยังสวิงระหว่างฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที....ถ้าคุณเห็นค่าหรือ ปิติ สุข อุเบกขา จากการปฎิบัติจริง...คงไม่ต้องการยืนยันหรือเห็นด้วยจากคนรอบข้างเลย.:cool:
     
  14. Lind

    Lind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +339
    เรามีความรู้น้อยนิด แต่ขอแนะนำตามที่เราเข้าใจนะคะ
    1. เราฟังเสียงสอนธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แล้วชอบมาก ฟังแล้วเป็นจริงตามนั้น เช่น ถ้าคนเรามีพรหมวิหาร 4 ศีลก็จะรักษาได้ เพราะหากมีความเมตตากรุณาช่วยเหลือคนอื่น ยินดีในความดีความสำเร็จของคนอื่น ไม่อิจฉา ก็จะไม่คิดจะเบียดเบียนทำร้ายใคร แล้วเสียงสอนปฏิบัติธรรมก็สามารถปฏิบัติตามได้จริงๆ ลองเข้าไปดูนะคะที่ luangpor.com
    หรือในเว็บพลังจิต ก็เข้าไปในเว็บบอร์ดอภิญญา สมาธิ ค่ะ

    2. ความง่วง เราต้องเอาชนะให้ได้ เพราะเป็นหนึ่งในนิวรณ์ 5 อุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าทางธรรม แล้วการทำสมาธิ สามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ทุกเวลา เช่น รู้ลมหายใจเข้าออกเป็นปกติ ทรงภาพพระ รูปไหนก็ได้ค่ะ

    เราก็ชอบง่วงเวลาจะทำความดี บางครั้งก็เอาชนะได้ บางครั้งก็แพ้ ผลการปฏิบัติเลยไม่ถึงไหน นิวรณ์เป็นความจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอน กราบขอบพระคุณค่ะ

    3. ทำความดี แล้วมีคนด่า นี่แหละ แสดงว่า เรามาถูกทางแล้ว
    ความดี ต้องแยกแยะคนดี คนชั่ว ออกจากกันได้ชัดเจน
    ปกติ คนดี คนชั่ว ไม่มีป้าย ไม่มีเครื่องหมาย แต่สิ่งที่แสดงออก ของคนที่เป็นคนละขั้วกัน
    ก็คือความรู้สึกเป็นศัตรูกันโดยไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองกันเป็นส่วนตัว
    อันนี้ถือว่าเป็นการแบ่งขั้ว ด้วยจิตของคนเอง
    เมื่อไหร่ทำดีแล้วมีคนด่า แสดงว่า เรากับเขา เป็นคนละพวก คนละขั้ว
    ทำดี แล้ว คนชั่วชม แสดงว่า สิ่งที่เราทำนั้น มันต้องชั่ว คนชั่วถึงได้ชม
    ต้องพิจารณาตัวเอง ได้เลยว่า เราเหมือนคนที่ชม
    แต่ถ้าทำดีแล้ว คนชั่วด่า คุณว่า คุณจะเลือกแบบไหน
    อยากให้คนชั่ว ชมพอใจ หรือ อยากให้ด่า
    อยากเป็นคนละพวก กับคนชั่ว หรืออยากเป็นพวกเดียวกัน
    บางคนเกิดมา อยากแต่จะให้ คนชม ก็พระพุทธเจ้า ท่านก็บอกแล้วว่า คนเรา
    เกิดมาเพื่อให้เขาด่า เขานินทา คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
    พระพุทธเจ้า ท่านโดนมาหนักกว่าเราเยอะ
    ลองอ่านพระไตรปิฏก จะรู้ว่า ทำไมท่านได้เป็นพระพุทธเจ้า
    แล้วใครที่ด่า ที่ล่วงเกินท่าน ไม่เห็นได้ดีกว่าท่านเลยสักคน
    มีแต่ เห็นวนเวียนอยู่แต่อเวจี กับ โลกันต์
    คำสอนจากอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ (www.baansuanpyramid.com)
    เห็นว่าเกี่ยวข้องกัน เลยคัดลอกมาให้อ่าน

    ขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  15. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    ตามที่คุณ BankBankBank แนะนำก็น่าสนใจครับ เจ้าของกระทู้ หรือผู้สนใจปฏิบัติควรมีครู การหาครูนี่สำคัญที่สุด ลองศึกษาดูหลายๆที่แล้วเลือกที่เหมาะกับเรา เพราะบารมีสะสมแต่ละคนไม่เหมือนกัน เคยฝึกมาไม่เหมือนกัน ความเกี่ยวข้องกับอาจารย์ มีสถานที่ปฏิบัติตั้งร้อยกว่าที่ที่เขาตั้งกระทู้ไว้ searchดูได้

    แนวทางสำหรับหลวงพ่อจรัญ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกฌานมาก่อนด้วยครับ
    เคยอ่านท่านเทศน์ไว้ แนวทางของท่านเป็นทั้งสมถและวิปัสสนาควบคู่กัน
     
  16. juna

    juna Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +32
    การทำวิปัสนากัมมัฎฐาน อ่านจากหนังสือได้ แต่ไม่ดี เพราะระดับฌานและญานยังไม่ถึง จะกลายเป็นวิปัสนึก วิปัสนู สีลพตุปาทาน มิจฉาทิฎฐิได้ง่าย
    ถ้าจะให้ดีควรเริ่มจากการทำสมาธิสักสิบถึงยี่สิบนาที ให้จิตใจเบาสบายสงบได้สติและไร้กังวลกังขาเสียก่อน แล้วเริ่มด้วย การปัจเวกขณะหรือพินิจพิจารณาในสิ่งที่มีอยู่ของร่างกายและความเจริญจนถึงเสื่อม ระลึกถึงที่มาของสิ่งที่เรามีอยู่หรือระลึกถึงคุณของผู้ให้ ใช้เวลาในการพิจารณาให้พอประมาณอย่านานเกินไป แล้วจึงกระทำสมถฯ หากเหนื่อยหรือง่วงจากท่านั่งก็เปลี่ยนเป็นยืน เดิน และนอน ตามแต่ที่เราคิดว่า ทำให้ใจเราสงบ
    หากท่าเหล่านั้นไม่สามารถเอาชนะนิวรณ์ได้ ก็ฝึกใช้มนสิการ คือ รูปานิมิต และ อรูปานิมิต เป็นต้น
    การฝึกวิปัสนาฯในเบื้องต้นนั้น สามารถฝึกได้แม้ในขณะปฎิบัติงาน เช่น อาหาเรปฎูลสัญญากัมมัฎฐาน อสุภะกัมมัฎฐาน พุทธา ธัมมา สังฆา มรณา กายคตานุสติกัมมัฎฐาน เป็นต้น
    สติ สัมปชัญญะ สมาธิ สามารถมีได้ตลอดเวลา ขอเพียงท่านมีวิริยะแรกๆอาจจะเหนื่อยยาก แต่นานๆกลับง่ายซะจนชิน ชินซะจนเป็นกิจวัตรประจำวัน พอมองออกสู่สังคมของคนที่ไม่เป็นอย่างเรา จึงเห็นความแตกต่าง และกำลังจะนำเราไปสู่ทุกขภูมิ เราตามกิเลสไม่ทันหรอกครับเพราะเรายังไม่ถึงขั้นอริยะ แต่พึงตั้งสติและพิจารณามองดูอารมณ์ ความคิด ปฎิกิริยาของร่างกาย อย่าให้หลงเข้าไปสู่หนทางของกิเลสได้ง่ายๆ ด้วยเหตุที่วิชชาอันน้อยนิดท่วมปัญญาที่ยังอ่อนแรงอยู่ อคติ มานะ ทิฎฐิ อิสสา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อายคนทั้งโลกเพราะเราเห็นแล้วว่าเราชั่ว เป็นต้น จงจับศีลไว้ให้มั่น เพราะศีลนั้นทำให้เกิด หิริโอตตัปปะ ศึกษาศีลให้เข้าใจให้เป็นไปในทางสัมมาทิฎฐิ
    สุดท้ายนี้ ขอให้ท่านเจริญๆนะ สาธุ
     
  17. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    1. การปฎิบัติธรรมเจริญวิปัสสนา สามารถอ่านหนังสื่อแล้วปฏิบัติได้หรือไม่ครับ หรือต้องไปตามสถานปฎิบัติธรรมที่เปิดสอนอย่างเดียวเลยครับ

    ๑. ต้องทั้งสองอย่างครับ เพื่อให้ได้ความรู้ที่ถูกต้องแล้วนำไปปฏิบัติได้ตลอดเวลา ต้องรู้อารมณ์ของวิปัสสนานั้นคืออะไรก่อน ไม่งั้นจะเสียเวลาในการตั้งใจปฏิบัติจริงแต่ผลไม่เกิด อารมณ์ของวิปัสสนาคือ วิปัสสนาภูมิ ๖ ได้แก่ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ สัจจะ ๔ อินทรีย์ ๒๒ ปฏิจจสมุปบาท ต้องรู้ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับ

    2. ปกติผมจะลองนั่งสมาธิก่อนนอนของวันธรรมดา สิ่งที่เกิดอย่างหนักเลยคือ "ง่วงครับ" ง่วงอย่างมาก ถึงมากที่สุด นั่งแป๊ปเดียวเผลอหลับไปซะแล้ว มีวิธีที่ทำให้ไม่ง่วงมั้ยครับ หรือผมควรลองเปลี่ยนเวลานั่งเป็นตอนเช้าๆวันหยุด ที่ได้พักผ่อนมาเต็มที่แล้วตอนกลางคืนดูครับ

    ๒. ก็ต้องเปลี่ยนมาเจริญวิปัสสนาซิครับ ตามที่ชอบวิปัสสนาไม่เคยทำให้ไครง่วงเลย เจริญวิปัสสนานั้นอยู่ในอริยาบท ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ทั้งนั้นครับ

    3. ทำไมคนทั่วไปชอบมองคนที่ชอบนั่งสมาธิ สนใจศึกษาธรรม เป็นพวกงมงาย เชยๆ ดูไม่น่าคบหละครับ อันนี้อัดอั้นจริงๆนะครับ ตอนนี้เพื่อนผมน้อยมากเลย เขาไปเที่ยวผับ ไปกินเหล้า ไปวิ่งตามศิลปินกัน แต่ผมชวนเพื่อนไปวัด ทำไมผมถึงโดนด่าว่าบ้า ไม่มีใครมากับผมเลย นี่กว่าที่บ้านจะยอมรับก็ต้องใช้เวลาพอสมควร พอพูดเรื่องธรรมะนิดเดียวก็ขำกันแล้ว หาว่างมงาย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คือตัวผมก็ไม่มีใครมาบอกให้เข้าหาธรรมมะแบบนี้ แต่ผมก็ชอบเองได้ แล้วผมก็คิดว่าทุกคนก็น่าจะคล้ายๆกัน แต่ความเป็นจริงคือไม่ใช่เลย ถ้าคนไหนไม่เอา ก็ไม่เอาเลยจริงๆ ไม่แตะอะไรที่เป็นธรรมมะเลย ไม่อยากให้เค้าเสียเวลาไปโดยไม่ได้เอาบุญติดตัวอะไรไปเลย สงสารพวกเค้าน่ะครับ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี

    ๓. อันนี้เป็นเรื่องธรรมดาแหละครับสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ และเข้าไม่ถึงธรรม ย่อมมองเห็นความแตกต่างกันออกไป คนที่ชอบเที่ยวชอบกินก็จะได้พวกที่ชอบเที่ยวชอบกินเช่นเดียวกัน คนที่ชอบธรรมะก็จะได้พวกที่ชอบธรรมะเช่นเดียวกัน เหมือนวัวกับควายขังคอกเดียวกันแต่พอปล่อยให้ออกไปกินหญ้ากลางทุ่งนาจะเห็นว่า ควายก็แยกไปอยู่กลุ่มควาย วัวก็แยกไปอยู่กลุ่มวัว วัวกับควายจะไม่ปะปนกันครับ

    ได้มาพูดคุยกับพี่ๆในนี้ค่อยมีความรู้สึกว่าพูดภาษาเดียวกันหน่อยครับ อยากมีเพื่อนไปปฎิบัติธรรมบ้าง คอยแนะนำเรื่องการนั่งสมาธิคงจะดีไม่น้อยเลย ยังไงก็ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบทุกๆคำตอบนะครับ ขอบคุณครับ
     
  18. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมมีเรื่องเล่าเพียงเล็กน้อยครับ เกี่ยวกับข้อ 3 ที่คุณกล่าวมานั้น เมื่อสมัยผมเป็นวัยรุ่น

    ผมก็เข้าไปปฎิบัติธรรม ตอนนั้นอายุ 18 ครับ ทางบ้านก็ว่าผมทำไปทำไม บ้าหรือเปล่า

    เพื่อนๆก็เป็นอย่างที่คุณกล่าวมาครับ ชวนไปดื่มเหล้า ชวนไปเล่นการพนัน ชวนไปติดยาเสพติด

    หากเราไม่ทำอย่างที่เพื่อนชวน ก็จะบอกว่าเราใจไม่ถึง ขี้ขาด แม้แต่เรื่องชกต่อยกัน

    ผมก็เป้นไปตามเพื่อนครับ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ แต่ก็ไม่ได้เลิกปฎิบัติธรรม เคยพูดคุยบ่อยครั้ง

    เพื่อนก็บอกว่าเวลากินเหล้าไม่คุยเรื่องนี้ สรุป ไม่มีใครชื่นชอบ แต่ผมก็ยังไม่เลิกปฎิบัติ

    จนมาถึงปัจจุบันนี้ มีหลายคนที่เริ่มมีแนวความคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้นดี แต่เป็นเรื่องยากสำหรับเขา

    เดี๋ยวนี้ไม่มีใครว่าผมงมงาย ไม่มีใครว่าผมบ้าอีกแล้ว ผมได้เลิกอบายมุขทุกอย่าง ไม่เล่นการพนัน ไม่ดื่มเหล้า

    ไม่สูบบุหรี่ ไม่ยุ่งยาเสพติด อย่างที่เคยเสพมา ผมสูบบุหรี่วันหนึ่งก็เป็นซอง สองซอง ครับ

    กินเบียร์คนเดียว 6-7 ขวด กินเหล้าคนเดียวหนึ่งกลม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เสพมาเป็น 10 กว่าปีครับ

    ขณะนี้ผมมุ่งมั่นแต่การปฎิบัติธรรม รักษาศีล ผู้คนหันมาพูดจาดี ด้วยต้องการเข้ามาสานสัมพันธ์กับผม

    แต่ไม่มีใครมาว่าผมงมงายที่ปฎิบัติธรรมอีก และ มีเพื่อนมากมาย เพียงแต่ผมไม่ออกไปคบค้าสมาคมด้วยเท่านั้นเองครับ

    ผมชื่นชอบอยู่กับบ้าน ทำงานที่ผมทำอยู่เสมอ ทำความสะอาดรถ ซักเสื้อผ้า เล่นดนตรี เพียงเท่านี้เวลาก็หมดไปหนึ่งวันแล้วครับ

    เวลาที่เหลือในการทำสิ่งทั้งหลาย คือ การปฎิบัติธรรม ด้วยการเฝ้าดู จิต ตนเอง รับรู้ตนเอง

    ในขณะที่ทำสิ่งเหล่านั้น ก็ไม่ได้ว่างเว้นจากการดูจิตเลยครับ ผมไม่แคร์สายตาของชาวบ้าน

    ผมทำอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ จนผู้คนเขายอมรับไปโดยปริยายครับ อีกสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือ อำนาจแห่งเงินตราครับ

    เมื่อก่อนฐานะทางบ้านผมยากจนมากครับ ไม่ว่าผมจะทำดีอย่างไร ก็มีแต่คนต่อว่าครับ แม้แต่การปฎิบัติธรรมก็ตาม

    แต่ขณะนี้ทางบ้านผมเริ่มมีฐานะขึ้นมาเล็กน้อย มีแต่คนเห็นว่าสิ่งที่ผมทำนั้นดี เพราะทำแบบผมจึงมั่งมีครับ

    โลกธรรม 8 เป้นสิ่งที่ผู้คนหลงไหลครับ อย่าได้สนใจมาก เพราะชีวิตนั้นมีเกิดย่อมมีตายครับ

    สาธุครับ
     
  19. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ๑ ฟังเทศน์ฟังธรรมเป็นเรื่องดี อ่านหนังสือเป็นเรื่องดี แต่เวลาติดขัดหรือสงสัย ก็ต้องหาคนแก้ ก็คือครูบาอาจารย์ แต่ผมเองก็ไม่มีเป็นตัวเป็นตน เพราะที่ฟังๆอยู่ท่านมรณภาพไปหมดแล้ว ก็เลยยึดแบบนี้ คือ ดูศีล ดูสมาธิ ดูปัญญาของเราว่าได้แค่ไหนเท่าที่ท่านสอนหรือยัง อย่าคิดมาก อย่าหาข้ออ้าง ระงับนิวรณ์ให้ได้เป็นปกติ มีศีลเป็นบรรทัดฐาน ถ้า โลภ โกรธ หลง มันลดลง ก็พอใช้ได้

    ๒ จริงๆแล้วเวลาที่ดีที่สุดคือเช้ามืดครับ นอนให้เต็มที่ แล้วจัดเต็มไปซะ
    ส่วนกลางคืน สวดมนต์จบก็นอนภาวนาไปเรื่อยๆ หลับก็หลับไปครับ

    ๓ หลักเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรมก็คือ ลดการสนใจคนอื่นลงบ้าง
    โลกธรรม ๘ ยังไงก็หนีไม่พ้น
    เอางี้ดีกว่า ตอนนี้เขาชอบเพลงเกาหลีกัน เราไม่ชอบ คนอื่นก็มองเขาแปลกๆ
    เราก็มองเขาแปลกๆ แต่จริงๆ แล้วก็ทางใครทางมันจริงมั้ยครับ
    ช่วยไม่ได้ก็ไม่ต้องช่วย พรหมวิหาร๔ ตัวสุดท้ายคือตัวปัญญา
    คือ อุเบกขา เมื่อพิจารณาแล้วว่าช่วยไม่ได้ช่วยไม่ไหว ก็ให้ไหลไปตามกฏแห่งกรรม
    เอาตัวเองให้รอดก่อนครับ
    ไม่มีใครมาถามหาวิถีทางแห่งความรวยจากคนจน
    สร้างอริยทรัพย์ให้มาก แล้วจะเจอกัลยาณมิตร
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอาจาก สามข้อ รวบเป็นหนึ่งก่อนเลย

    จาก สามข้อ นี่ ค่อนข้างจะบอกได้ว่า เจ้าของกระทู้ ต้องการศึกษาธรรม
    เพื่อเอาไป "ข่ม" เขา ยิ่ง ข่ม เขาไม่ได้ ก็ยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ ศึกษา ลง
    มือปฏิบัติ ..............

    ซึ่ง จัดว่าดี ตรงที่ มาลงมือปฏิบัติ

    แต่ จัดว่าเลวสุดๆ หาก ทำนิดทำหน่อย ก็เที่ยวไป งง ว่า ทำไมเขาไม่มา หรือ ไม่ฟังเรา

    และ จะพอดี หากเราปฏิบัติไปอีกสักนิด.............ทุกครั้งที่จะไป ชักชวนเขา ให้ทำอีก
    สักนิด ลงมือปฏิบัติอีกสักจิ๊ดเดียว ก็อาจจะ ชวนเขามาได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากก็ได้.....
    ของมันไม่แน่

    ที่นี้ ถ้า แยกตอบ รายข้อ

    ข้อ 3 เนี่ยะ สังเกตไหม พระพุทธองค์ สอนบอกแก่ภิกษุว่า จะเทศนาธรรมแก่
    ใคร เราจะต้อง เทศนาธรรมในเชิงตอบแทนบุญคุณเขา นั่นก็คือ เราต้องทำ
    ตัวให้เลี้ยงง่ายก่อน บิณฑบาตรอาหารเขาก่อน ให้เขาเลี้ยงดูก่อน

    เพราะอะไร

    เพราะ เราต้องการ ยกความเป็น อรหันต์จากเขา ก่อน

    แล้วอยู่ดีๆ เขาจะเป็น อรหันต์ได้ไง แค่ ให้เขา เลี้ยงดูอุ้มชูเราก่อน

    ก็ง่ายๆ หลักการเดียวกัน กับ อรหันต์ในบ้าน คือ พ่อแม่

    พูดอีกแง่คือ เขาต้องผูกกรรมกับเราในเชิง เป็นปัจจัยให้เกิดเป็นพ่อแม่
    ของเราเสียก่อน นั่นคือ เขาให้อาหารเรากิน ............ นี่ แค่นี้เองก็
    จะยกความเป็น อรหันต์ให้กุมจิตเขาได้

    เสร็จแล้ว เวลา ลูก หรือ คนที่เขาเลี้ยงมากับมือ เนี่ยะ ทำดี เขาจะรู้สึก
    ว่า เขาเลี้ยงถูกคน เขาจะภูมิใจที่เลี้ยงลูกได้ดิบได้ดี ดีกว่าเขา ....ทีนี้
    เขาก็จะอยากรู้ว่ จะต้องลงมือปฏิบัติอย่างไร ถึงจะดีอย่างเราได้ เมื่อนั้นเขา
    ก็จะ คอยมานั่งใกล้ มาเองนะ ไม่ต้องชวน .....เนี่ยะ ให้คอยสังเกตดีๆ

    เราทำตัวดีๆ ให้เป็นผู้ว่าง่าย เลี้ยงง่าย พอเขา เห็นเราดี บ่อยๆ แล้ว คนๆ
    นั้นเริ่มเข้ามาหาเรา มานั่งใกล้เรา ไปด้วยกับเรา อันนี้ ก็ให้ ดูโอกาสให้ดี
    ค่อยๆ แยบ โดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่างไรเรื่อยๆ ทำดีเรื่อยๆ สักนิ๊ดๆ ไว้

    แล้วเขาถึงจะ ฟัง สิ่งที่เราพูด

    ********************

    ข้อ 2 และ ข้อ 1 หากคุณ ทำตามข้อ 3 เข้าใจใน ข้อ 3 ข้อ 1 และ 2 ก็เอา
    บวกกันเป็นผลลัพธ์เท่ากันได้เลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...