จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุกับดวงจิตบุญ ดวงที่ 76 ค่ะ
    (ไม่แน่ในว่า โมทนาไปรึยัง แต่โมทนาอีกคงไม่เป็นไรนะ)
     
  2. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    เมื่อคืน กระผมสวดมนต์และนั่งสมาธิตามปกติทุกคืน หลังจากสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็นั่งสมาธิทำกรรมฐานต่อ เมื่อกำหนดลมหายใจภาวนาพุทธโธ ไปได้สักพักหนึ่งจนรู้สึกว่าทุกอย่างเงียบสงบจิตไม่คิดปรุงแต่งอะไรในจิตคงมีแค่สติรู้ที่ลมหายใจเข้าและออกที่แผ่วเบา จนเหมือนแทบไม่มีการหายใจ ในสภาวะนี้เองจิตก็ระลึกไปถึงภาพแห่งสมเด็จองค์พุทธปฐม ที่มีกายเป็นแก้วใสเป็นเป็นพระวิสุทธิเทพ ประทับนั่ง สวยงามเห็นได้จำได้ติดแน่นอยู่ในจิต ในขณะนั้นไม่มีความรู่้สึกอื่นใด แค่รู้เพียงอย่างเดียวว่า นิมิตนี้เห็นเพียงกายพระวิสุทธิเทพที่เป็นผลึกแก้วใสเพียงเท่านั้นเอง เมื่อพิจารณาดูไปสักพักหนึ่งจิตผมก็มีข้อพิจารณาว่า การที่จะให้จิตเรา ทรงอารมณ์อุคหนิมิตนี้ต่อเนื่องตลอดทั้งทิวาและราตรีนี้ควรจะทำอย่างไร

    และในทันใดนั้นเหมือนมีเสียงก้องกังวาลในโสตประสาทผมได้ยินแจ่มชัดว่า
    หากเจ้าปราถนาจะทรงอุคหนิมิตนี้ให้ตั้งอยู่ทรงอยู่ได้ทั่วทิวาราตรีกาลนั้น เจ้าควรพิจารณาก่อนว่า แค่เพียงทุกทิวาราตรีแค่เพียงช่วงเวลาที่เจ้าเจริญสมาธินี้ เจ้ากระทำอุคหนิมิตนี้ให้ถึงที่สุดหรือยัง เจ้าสามารถทำให้อุคหนิมิตนี้ดำรงตั้งมั่นได้ดีพร้อมหรือยัง หากแค่การเริ่ม
    ต้นนี้เเจ้าทำได้แล้ว เจ้าควรทำให้ต่อเนื่องสมบูรณ์ขึ้นยิ่งขึ้นได้อีกเป็นลำดับถัดไป
    สุดท้ายการรักษาสภาวะอุคหนิมิตนี้ควรรักษาอย่างไร หากเจ้าปฏิบัตืไปอีกสักวาระหนึ่งเจ้าจะพบคำตอบเอง
    ท้ายที่สุดแล้วการจะทรงอุคหนิมิตกายทิพย์แห่งพระวิสุทธิเทพนี้จะสามารถทรงอุคหนิมิตนี้ได้ตลอดกาลทั้งทิวาและราตรีนี้ได้อย่างไร เจ้าคงเข้าใจคำกล่าวของเราดีน่ะ

    จบคำกล่าวนั้นกระผมก็พิจารณาทบทวนดูแล้วว่าอันข้อพิจารณาของกระผม
    มีอยู่ว่าทำอย่างไรจิตผมจึงจะทรงอารมณ์อุคหนิมิตภาพกายทิพย์ของพระวิสุทธิเทพได้ตลอดทั้งทิวาและราตรีต่อเนื่อง และเหมือนจะได้คำตอบว่า
    การจะทรงอารมณ์อุคหนิมิตนี้ เราควรดูก่อนว่าแค่เพียงการที่เรานั่งสมาธิภาวนาก่อนนอนทุกคืนแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมงของกระผมนี้ กระผมควรกระทำให้อคหนิมิตนี้เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องสมบุรณ์ ก่อน และหากเราทำตรงนี้ได้สมบุรณ์ดีแล้ว เมื่อเราฝึกตรงนี้ดีแล้ว ฝึกให้จิตทำการงานตรงนี้แจ่มชัด จนชำนาญแล้วการจะกำหนดอุคหนิมิตแห่งกายพระวิสุทธิเทพย่อมกระทำได้โดยง่ายต่อไป ทุกที่ทุกเวลา เพราะจิตเราได้ฝึกมาดีแล้วชำนาญแล้ว ครับสาธุ เอวังก็มีด้วยประการฉนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2012
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หากเจ้าปฏิบัตืไปอีกสักวาระหนึ่งเจ้าจะพบคำตอบเอง
    โมทนาสาธุ สมาธิท่านดีมาก แต่ท่านอยากได้สมาธิในขณะที่ท่านทำสมาธิอยู่นั้น ใช่ไหม๊? นี่แหล่ะผมถึงพยายามอยากให้นักภาวนา หรือผู้ปฎิบัติธรรม ลองหันมาทำจิตเกาะพระบ้าง แล้วจะได้คำตอบ แต่ท่านกำลังจะได้คำตอบเองแล้ว แต่ผมไม่อยากบอกกับท่านตอนนี้ ไม่อยากให้ท่านรู้ก่อน ผมอยากให้ท่านรู้จากผลจากการปฎิบัติของท่านเองจะดีกว่า ผมบอกได้เลยว่าจิตท่านพร้อมมานานเหลือเกิน พร้อมตั้งแต่ผมไปชวนท่านมาตั้งแต่กระทู้ใครไม่ทราบ ผมจำไม่ได้แล้ว ที่ผมชวนท่่านมาลงธรรมาทานที่นี่บ้าง แล้วท่านก็มาตามคำขอ และท่านก็หายไปเลย และท่านก็กลับมาใหม่ แต่ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน เป็นอันว่าสมาธิของท่านได้หมด แต่ผมอยากให้สติท่านเป็นผู้ตอบกับตัวของท่านจะดีกว่า ทำไปๆ ทำลูกเดียว ท่านมีหมดแล้ว ท่านพร้อมแล้ว แต่ท่าน(จิต)กำลังรอความต่อเนื่อง หรือทรงฌานทุกทิวาราตรีเท่านั้น จิตของท่านจะเข้าสู่โหมดวิปัสสนาโดยอัตโนมัติเอง(สักวัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2012
  4. Kimzo

    Kimzo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,046
    ขอบคุณทุกคนมากนะคะ..ดิฉันจะตั้งใจฝึกปฏิบัติจิตพร้อมและจิตบุญต่อไปและอนุโมทนาบุญกับทุกคนด้วยค่ะ
    ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังค้นหาความสงบสุขที่แท้จริงจงสำเร็จและเข้าใจในแก่นแท้ของโลกนี้ได้โดยเร็ววันด้วยเทอญ....สาธุ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทำไมต้องปฎิบัติ ปฎิบัติทำไม
    จะได้มีดวงตาเห็นธรรม คือเห็นสัจจะธรรม คือเห็นความจริง เห็นความจริงอะไร ก็ทุกอย่างที่อยากรู้อยากเห็น หรือจะได้เลิกโง่เขลา จะได้มีปัญญาความคิดเป็นของตนเอง ไม่ต้องไปเชื่อใคร ไม่ต้องไปถามใคร จะได้เลิกตามหาพระอรหันต์ พระอรหันต์มีอะไรไม่เหมือนกับพวกเธอ และเธอไม่มีอะไรเหมือนพระอรหันต์ เห็นมีแต่จิตท่านเท่านั้นที่เป็นอรหันต์ นอกนั้นไม่มี ก่อนท่านจะเป็นอรหันต์ ท่านก็เคยหลงเหมือนกับพวกเรามาก่อนทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนี้ท่านเลิกหลงแล้ว ท่านพบสัจจะธรรมแล้ว มีแต่พวกเราที่ไม่รู้จักดูจิตตนเอง สนใจจิตตนเอง มัวแต่ไปสนใจที่ไม่ใช่เรื่องจิตตนเอง ไปสนใจกายหรือสิ่งภายนอกกาย ไปสนใจคนอื่น ไปสนใจดูจิตคนอื่นว่าเขากำลังคิดอะไรกับเราบ้าง คนเรายุ่งเพราะว่าจิตไม่นิ่ง คนเราทุกข์เพราะจิตไม่นิ่ง สรุปแล้วจิตไม่นิ่งของผู้นั้นเอง ทีี่ยุ่งวุ่นวายหรือรู้สึกเป็นทุกข์กันทุกวันนี้ เพราะไม่รู้จักจิตของตนเอง ก็เลยไม่รู้จักตนเอง และพลอยไม่รู้จักกับผู้อื่นๆตามไปด้วย ก็เลยไปโทษผู้อื่นอยู่ร่ำไป ไม่เคยโทษตนเองเลย เรายุ่งเราทุกข์คนเดียวไม่พอ เรายังพาคนอื่นยุงและทุกข์ตามกันไปอีก สร้างเวรสร้างกรรมกันทุกวัน ไม่ว่าดีหรือไม่ดี จะมากหรือน้อย ก็แล้วแต่กิเลสจะพาจิตกันไป ตราบใดผู้ที่ยังไม่นำจิตของตนเองไปฝึกฝนให้ดี ก็นับได้ว่าผู้นั้นยังประมาทอยู่ดี ผมอยากจะบอกผู้คนส่วนใหญ่หันมาดูจิต และเดินจิตด้วยมรรคมีองค์แปด(ศีลสมาธิปัญญา) หันมาปฎิบัติธรรม หันมารักษาศีล พูดได้ไม่อายแต่คนจิตหยาบเกินไปเขาจะพากันไม่เชื่อ ได้แต่ทำใจอุเบกขาไป เพราะผมเข้าใจทุกอย่างกับผู้ที่ไม่รักษาศีล ไม่ทำภาวนา ว่าทำไมพวกเขาไม่ยอมทำกัน แต่ถ้าเห็นพระอรหันต์ที่ไหน ชอบที่จะไปกราบไหว้บูชากันนะ หรือเวลาที่มีความทุกข์ก็ชอบไปวัดไปวา ไปหาพระ ไปอาบน้ำมนต์ ไปแก้กรรมสารพัดที่จะไปทำกัน แล้วที่สุดมันหายทุกข์กันไหม๊ แถมเสียเงินเสียทอง เสียเวลา บางคนเสียตัว เจ็บใจไปก็มากมาย เพราะความโง่เขลา เบาปัญญาที่กล่าวไปแล้ว มัวไปหลงตามสามี/ภรรยา หลงไปตามภรรยาน้อย/สามีน้อย หลงไปกับกิ๊ก หลงเพลิดเพลินจำเริญใจ ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนจะไขว่คว้ากันมาหรือต้องตามใจของตนทุกอย่าง หลงกันเข้าไป โง่งมงายกันเข้าไป ตั้งแต่เช้ายันค่ำ บางคนตายไปก็ยังไม่เลิกหลง ตายไปก็ยังมาพาคนที่ยังไม่ตายหลงตามไปด้วย เมื่อตายกันไปแล้วจะไปไหนได้ไกลทีนี้ ก็กลายเป็นผีสัมภเวสีกันน่ะสิ เพราะครั้งก่อนที่ยังมีลมหายใจ ไม่ยอมฝึกจิต ไม่ยอมฝึกที่มาที่ไปของจิต ส่วนคนที่ฝึกมาดีแล้ว ก็พยายามทรงจิตกันให้ดี อย่าทำจิตตก อย่าทำจิตหลุด อย่าลืมสติ พยายามจิตทรงฌานเป็นอย่างต่ำ มิฉะนั้นแล้วจะหาว่าไม่เตือน โดยเฉพาะจิตบุญปลอม คือชอบทำจิตหลุด(จิตต่ำกว่าฌาน๑) ผลก็คือ สติห่างจิต จิตห่างพระ กันเมื่อไหร่ จิตจะไปที่ไหนไม่ต้องมาถาม บอกใบ้ให้นิดนึงก็ได้ ใกล้อบายภูมิ เพราะจิตหลงไปอยู่ในเขตแดนมนุษย์โลก จิตรักความสงบ แต่เมื่อใดผู้ที่ไม่มีสติ จิตก็จะไม่นิ่ง เมื่อจิตไม่นิ่ง เราก็จะหาความสงบสุขไม่ได้เลย สุขทางโลกก็แค่แป๊บเดียวเอง เมื่อเทียบกับความทุกข์นั้นมีมากกว่าความสุขเป็นไหนๆ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ธรรมะจริง อวิชชาเต็มตัวก็หลงตามหาสุขจากภายนอกกาย ภายนอกจิตของตนเอง แต่ถ้าใครรู้ตัวก็ได้โปรดนำจิตเกาะพระ เกาะพระนิพพานกันเสีย แต่ถ้าเมื่อไหร่สัญญาณนกหวีดเป่าหมดเวลา หรือตาย แล้วท่านจะไปทำอะไรได้ทัน ต่อให้ญาติพี่น้องนำพระประธานมาตั้งใกล้ตัวก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะกลัวตายอย่างเดียว จิตมุ่งลงสู่อบายภูมิอย่างเดียว คือจิตกำลังเศร้าหมอง จิตสุดท้ายนี้สำคัญมาก แต่ถ้าใครมั่นใจก่อนตายว่า ข้าพเจ้ามีทั้งศีล มีทั้งธรรมประจำใจกันแล้ว ท่านไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใดๆ โดยเฉพาะผู้ที่ปฎิบัติจิตเกาะพระ ส่วนใหญ่มีที่ไปกันหมดแล้ว นอกเสียจากพวกจิตบุญที่ชอบทำจิตหลุดฌาน แต่ก็ยังดีกว่าผู้ไม่ได้ฝึกจิต รู้ตัวเหมือนกันแต่มันจะช้าเท่านั้นเอง เพราะจิตผ่านวิปัสสนาแล้ว ก็ไม่เป็นห่วง ห่วงแต่ผู้ที่มีอินทรีย์ยังอ่อนอยู่ อินทรีย์อ่อนก็ขอให้ขยันฝึกสติให้มากกันต่อไป อย่าไปทอดทิ้ง เมื่อเจ้าตายไป เจ้าจะนึกถึงจิตเกาะพระ แต่ถ้าใครนึกได้ เจ้าไม่ต้องกลัวจะมีผู้นำทางให้กับพวกเจ้าเอง เจริญในธรรมทุกๆท่าน...สาธุ


    *จิตบุญเริ่มนัดพบแล้ว สายภาคเหนือ สายกทม. สายภาคใต้ เมื่อไหร่จะเป็นสายอิสาน?
    จิตบุญเริ่มออกนอกกระทู้กันแล้ว ท่านผู้ชม!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2012
  6. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932

    ก็โมทนาสาธุด้วยกันท่านTPC
    นับว่าเป็นผู้มีทุนเดิมอยู่ไม่น้อย อย่างนี้ไม่นาน.. ไม่นานแน่..

    แหม่..ด้วยความที่เป็นครูนะ คือมันคันน่ะ..อดไม่ได้ ที่อยากจะให้เดินมรรคให้ไวยิ่งๆขึ้นและตรงทางน่ะ
    ว่าแล้วก็ขอเลยแล้วกัน..ซัก 3ประเด็นคือ
    1. การเข้าฌานโดยกรรมฐานเดิม(อานาปาน+พุทโธ) จนถึงฌาน3 แล้วจึงมากำหนดภาพพระเป็แก้วใส(ภาพพระก็ยืนยันเช่นกันเป็นฌาน3) คือเปลี่ยนกรรมฐานตอนฌาน3(จากอานาปาน+พุทโธ-->พุทธานุสสติ+กสิน) นั้นไม่ผิด.. สามารถทำได้ครับแต่..
    ข้อแนะนำคือว่าให้เราวางกรรมฐานอานาปาน+พุทโธ ลงชั่วคราวไปก่อนในระหว่างที่ฝึกจิตเกาพระนี้(ไม่ต้องกังวล..คนขี่จักรยานเป็นแล้ว เข้าป่าไปซัก10ปี ออกมาก็ยังขี่จักรยานเป็นอยู่ดีนะครับ) แล้วทำกรรมฐานจิตเกาพระอย่างเดียวไปเลย ตามที่คุณครูของเราสอนมานะครับ มิฉะนั้นแล้ว..นอกจากจะช้าเสียเวลาแล้ว ก็จะเอาดีไม่ได้ซักอย่างเลยนะครับ

    2. เป้าหมายในการทำสมาธินั้นก็คือ ทรงฌานสูง(ฌาน4) เพื่อเป็นบาตรฐานพร้อมนำไปใช้งานวิปัสสนาต่อไป
    การทรงอุคหนิมิตไว้นั้น ก็ดีอยู่(อย่าลืม นิมิตนั้นก็ไม่เที่ยง..) มีสติตามดูต่อไป เมื่อจิตนิ่งมากยิ่งๆขึ้นก็จะกลายเป็นปฎิภาคนิมิต
    (เป็นแก้วใสมีแสงประกายพฤกษ์ออกมา) จิตเริ่มก้าวเข้าสู่ฌาน4หยาบ จิตจะสงบนิ่งทรงตัวแล้วก็จะเพิกนิมิตทั้งหมดหายไป
    ดังนั้นการทรงแค่อุคหนิมิตนั้นจึงเป็นการทรงฌานแบบคงที่(ทรงฌาน3ค้างเอาไว้) มิให้จิตเดินดิ่งลงไปต่อเนื่องเพื่อที่จะทรงฌานสูงต่อไป นั้นไม่ใช่เป้าหมายนะครับ ให้เอาสติตามจิตเข้าไป จนเมื่อสติ+จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะเข้าถึงฌาน4ได้นั่นเอง

    3. การทรงฌานจะต้องต่อเนื่องตลอดเวลานาที ทั้งในระหว่างวันตอนทำกิจการงานหรือทุกๆอริยาบทตลอดวันนั่นเอง
    การที่จะทำเช่นนั้นได้ เราจะต้องหมั่นมีสติระลึกนึกถึงพระให้ได้อยู่ตลอดเวลา(เบื้องต้นทุกๆ10นาทีตลอดทั้งวันทั้งคืน) 
    คือให้เน้นระลึกนึกถึงพระให้บ่อยๆถี่ๆก่อน "เป็นหลัก"
    ส่วนว่าจะเห็นภาพพระหรือไม่นั้นยังไม่ใช่สาระสำคัญคือเห็นก็ดี ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร แต่เอาว่าจิตเราเกาพระอยู่ก็แล้วกัน
    บ่อยๆถี่ๆเป็นหลัก ทุกๆ10นาทีหรือถ้าทำได้ยิ่งกว่านั้นก็จะสำเร็จเร็วขึ้น
    ทำไปๆ..เมื่อจิตเราสามารถเกาะพระได้จนเป็นออโต้แล้ว เดี๋ยวภาพพระก็จะมาปรากฎให้เห็นเอง
    ทำไปแบบเบาๆสบายๆชิวๆ ไม่เครียดไม่เพ่งแรงๆนะครับ

    เมื่อถ้าจิตสามารถเกาะพระได้จนเป็นออโต้แล้ว จิตเขาก็จะทรงฌานในระหว่างวันภายใต้อริยาบทต่างๆไปได้เอง
    ผู้ปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระ ถูกฝึกให้เป็นนักรบหน่วยซีล(รบได้ทั้งบนบกและในน้ำ)คือทั้งลืมตาและหลับตา
    ส่วนนักรบแบบหลับตาปี๋(ทำสมาธิแค่1-2ชม.ต่อวัน) นั้นยังน้อยเกินไปและที่สำคัญคุณพี่"กิเลส"เขาไม่มาตอนเรานั่งหลับตาปี๋หรอกครับ แต่เขาจะมาตอนเราลืมตาสดๆนี่แหล่ะ
    นี้แล.. จึงคือเหตุผลที่เราจะต้องฝึกทรงฌานในระหว่างวันภายใต้อริยาบทต่างๆให้ได้

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แหม๊ พี่ภูก็คันปากเหมือนกัน แหม๊ท่านกล่าวได้ถูกธรรม ถูกใจดำเหลือเกิน โดนกลางอกเลยครับ เอาไปสิบ...ถึงว่าผมลืมอะไร ลืมพูดคำนี้นี้แหล่ะ ที่นักภาวนาหรือผู้ปฎิบัติอื่นๆไม่มีเหมือนกับจิตเกาะพระ ก็คือ จิตทรงฌานต่อเนื่อง ในที่นี้หมายถึง จิตจะต้องทรงฌานได้ทั้งกลางวัน ทั้กลางคืน และทั้งลืมตาและก็หลับตาด้วย(บางท่านทรงฌานในขณะที่กายหลับ แต่จิตไม่หลับ คือขยันวิปัสสนาเหลือเกิน) มิใช่ทรงฌานเฉพาะหลับตาปี๋เหมือนครูลูกพลังกล่าวมานั้น ตรงนี้แหล่ะที่ผมกล้าพูด กล้ายืนยัน ต่อให้ท่านได้ฌานสี่ทุกคืน แต่ถ้าฌานถอยเมื่อไหร่นะ จิตหลุดทุกที หรือตะบะแตกทุกที ผีเข้ากิเลสเข้าทุกที เพราะฌานเองก็ไม่เที่ยง ที่เราเรียกกันว่า หินทับหญ้า หรือว่าข้านั่งทับกิเลสชั่วคราว นั่นเอง

    ขนาดพระพุทธเจ้า จิตของพระองค์ท่านไปได้ถึงฌาน๘ ก็ยังไม่ทรงตรัสรู้ เพราะฌานเป็นแค่ฐานหรือเป็นแค่ยานนำทางให้จิตหลุดพ้นเท่านั้นเอง แต่จิตจะหลุดพ้นนั้น จะต้องอาศัยจิตที่ทรงฌานอย่างต่อเนื่อง จิตถึงจะเข้าสู่ความว่าง จิตถึงจะผ่านวิปัสสนาญาณไปได้โดยง่าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2012
  8. Kimzo

    Kimzo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +1,046
    ขอบคุณมากค่ะเข้าใจเพิ่มเติมเยอะเลยแสดงว่าผู้คนที่ปฏิบัติธรรมทุกวันนี้้หลงผิดหรือมีวิธีปฏิบัติธรรมที่ผิดกันเยอะใช่ไหมคะ?

     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เอ่ออย่าได้กล่าวแบบนั้นกับผู้ปฎิบัติเลยครับ เดี๋ยวจะไปโดน ไปกระทบจิตผู้ปฎิบัติที่ยังมีอัตตาหรือมานะหลงเหลืออยู่ เดี๋ยวท่านจะร้อนภายในกันเสียเปล่าๆ เราจะต้องคอยระวังมิให้ไปกระทบกับผู้ปฎิบัติท่านอื่นจะดีกว่า เอาอย่างนี้ดีกว่านะ จะขอยกผมเป็นตัวอย่างคนเดียวที่เมื่อก่อนเคยเดินทางอ้อม หลงทาง หลงผิดเองดีกว่า หรือว่าผู้อื่นปฎิบัติตามแนวของเขาอยู่นั้นยังดำเนินไปยังไม่สุดทาง เพราะจริตคนเราไม่เหมือนกัน เผื่อจะตามหาจริตกันเจอ หรือหากองกรรมฐานที่ถูกกับตนเอง แค่หาวิธี แค่ทำให้จิตตนเองนิ่งได้ก็แย่แล้ว ที่ผมกล่าวไปนั้น หรือสำหรับผู้ที่ปฎิบัติธรรมที่รู้ตนเองว่า ไม่ค่อยเจริญในธรรมหรือไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าในการปฎิบัติเท่าที่ควร จึงอยากมาแนะ อย่าได้หาว่ามาสั่งสอนกันเลย นึกเสียว่าเรามาช่วยผู้ปฎิบัติธรรมกัน ช่วยกันแนะ ช่วยกันยกระดับจิตกัน ที่นี่มีแต่ให้โดยมิได้หวังผลสิ่งใดๆตอบแทน ไม่ต้องการมีผู้คนต้องมารักและเคารพ เทิดทูล หรือบูชาครับ อยากให้ผู้ปฎิบัิติเดินทางตรงเข้าสู่มรรคผลนิพพานโดยเร็วพลัน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกเราเดินทรงตรงไม่อยากให้เดินทางอ้อม ไม่อยากให้เอาแค่เปลือก อยากให้เอาแต่แก่น แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนะ เพราะก่อนจะถึงแก่นก็ต้องผ่านเปลือกนอกเสียก่อนจึงจะถึงแก่นกันทีหลัง เหมือนคนที่ได้ญาณก็ต้องผ่านฌานมาก่อน หรืออรหันต์ก็ต้องเป็นปุถุชนมาก่อน สรุปแล้วจิตจะต้องเดินทางไกล ไกลทั้งโลกนี้และโลกหน้า แต่จริงๆแล้วเดินมาตั้งหลายภพชาติแล้ว แต่ใครจะมารู้สึกตัวกันเมื่อไหร่ จะเลิกหลงกันเมื่อเท่านั้นเอง ที่กล่าวมาทั้งปวงนี้ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ไปถึงปฎิบัติบูชากันหรือไม่ แต่ถ้าใครยังไปไม่ถึงก็น่าเห็นใจยิ่งนัก ได้โปรดเมตตากันด้วย แค่นั้นเขาก็แย่แล้ว ทุกข์มากแล้ว รู้ตัวนะว่าทุกข์น่ะ แต่ก็เหมือนกรรมมันบังก็ต้องทนทุกข์อยู่อย่างไปก่อน จนใครทำกรรมดีมากกว่ากรรมชั่ว หรือใครสามารถหยุดกรรมชั่วแล้วหันมาทำแต่กรรมดีอย่างเดียว อันหลังนี้เข้าท่าดี เพราะทำบุญหหนีกรรม แต่ไม่มีผู้ใดหนีกรรมกันได้ นอกเสียจากนำจิตเหนือโลก เหนือขันธ์ห้า หรือทำจิตอรหันต์ไป ขึ้นพระนิพพานกันเมื่อไหร่ยกหนี้ให้จำเลยไป แต่ผมว่าคนที่กำลังบ้าทำบุญภายนอกนั้นน่ะ ทำอีกนิดเดียวเดี๋ยวใกล้จะพ้น หมายถึงจิตจะอยากปฎิบัติบูชา(ปฎิบัติธรรม)แล้ว สังเกตดูกันนะก่อนจิตจะทำภาวนาเราจะต้องหัดสวดมนต์ก่อน และเริ่มทำสมาธิเป็นบ้าง เมื่อกำลังใจถึง หรือบุญบารมีถึงพร้อม เดี๋ยวอยากปฎิบัติธรรมไปเอง ดีนะที่ผมเห็นทุกข์เสียก่อน แต่ถ้าไม่รู้สึกทุกข์จะมีวันนี้ไหม๊ก็ยังมิทราบ เงินสิบล้านก็หาซื้อมิได้ ก็คือ ความสงบสุขภายในจิตของตนที่ว่ามานี้ พี่ภูขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่าน ได้มีโอกาสเจริญอริยมรรค คือขอให้นำจิตมาเดินตามศีล สมาธิ ปัญญากันนี้นะ ทางอื่นหลงหมด...

    ปล. เอ๊ะผมรู้สึกว่ามีคนใหม่ๆเข้ามากันเรื่อยๆ ใครส่งพวกเธอมากันหรอ? อย่าบอกนะว่า สาวกจิตเกาะพระ(Dhammanee)...eiei
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2012
  10. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    จุดหมายแท้ของการปฏิบัติธรรม เพื่อความพ้นทุกข์ทางใจอย่างเดียวเท่านั้น.......

    - อยู่กับกิเลสได้ โดยใจไม่เป็นทาสของกิเลส
    - อยู่กับทุกข์ทางกายได้ โดยไม่ทุกข์ใจ
    - อยู่กับงานวุ่นได้ โดยใจไม่วุ่น
    - อยู่กับการรีบ ด้วยใจสบาย
    - อยู่กับความสมหวังและความผิดหวังได้ โดยใจไม่ทุกข์
    - อยู่กับโลกได้ ด้วยใจเป็นธรรม กายส่วนกาย ใจส่วนใจแค่อาศัยกันอยู่เท่านั้นเอง
    - อยู่กับหน้าที่ โดยไม่ยึดหน้าที่ เพียงแต่ทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ในขณะปัจุบันนั้น ที่ทำไม่ได้ก็ปล่อยไป
     
  11. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    2. เป้าหมายในการทำสมาธินั้นก็คือ ทรงฌานสูง(ฌาน4) เพื่อเป็นบาตรฐานพร้อมนำไปใช้งานวิปัสสนาต่อไป
    การทรงอุคหนิมิตไว้นั้น ก็ดีอยู่(อย่าลืม นิมิตนั้นก็ไม่เที่ยง..) มีสติตามดูต่อไป เมื่อจิตนิ่งมากยิ่งๆขึ้นก็จะกลายเป็นปฎิภาคนิมิต
    (เป็นแก้วใสมีแสงประกายพฤกษ์ออกมา) จิตเริ่มก้าวเข้าสู่ฌาน4หยาบ จิตจะสงบนิ่งทรงตัวแล้วก็จะเพิกนิมิตทั้งหมดหายไป
    ดังนั้นการทรงแค่อุคหนิมิตนั้นจึงเป็นการทรงฌานแบบคงที่(ทรงฌาน3ค้างเอาไว้) มิให้จิตเดินดิ่งลงไปต่อเนื่องเพื่อที่จะทรงฌานสูงต่อไป นั้นไม่ใช่เป้าหมายนะครับ ให้เอาสติตามจิตเข้าไป จนเมื่อสติ+จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็จะเข้าถึงฌาน4ได้นั่นเอง


    นี่แหละครับที่ผมอยากได้ยินจากปากท่านครูอาจารย์ทั้งหลายผู้เป็นนักปฏิบัติย่อมกล่าววิถีแห่งจิตได้ละเอียดลึกซึ้งเพราะด้วยอาศัยว่าทำมามากแล้วรู้สภาวะแห่งจิตที่กำลังเคลื่อนไปสู่ระดับฌาณ4 เป็นอย่างดีครับ เป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งนะของการปฏิบัติ

    ทีนี้ผมทราบแล้วครับ
    คล้ายเหมือนเราฝึกกสิน ทำนองนั้น เมื่ออุคหนิมิตเกิด เมื่อเราสามารถกำหนดอุคหนิมิตได้แจ่มชัดสมบูรณ์ดีแล้ว ก็กำหนดตามดูตามรู้อุคหนิมิตนี้ไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ปรุงแต่ง เมื่อจิตมีกำลังมากพอ ปฏิภาคนิมิตย่อมเกิดขึ้นของมันเองตามลำดับ เมื่อปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้นต่างๆนานาก็จะยังให้จิตมีปฏิสัมพันธ์ จนที่สุดจิตเมื่อวิปัสสนาตามรู้ตามดูปฏิภาคนิมิตดังกล่าวที่แปลเปลี่ยนไปต่างๆนานาและสุดท้ายปฏิภาคนิมิตนี้ย่อมถึงที่สุดเสื่อมลงเปลี่ยนไปดับไปไม่จีรังยั่งยืน สุดท้ายจึงเข้าใจว่า

    ชาวจิตเกาะพระนั้น ก็ด้วยอาศัย สติและจิตรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยอาศัยอำนาจแห่งกายทิพย์แห่งพระวิสุทธิเทพ เพื่อเป็นเครื่องเกาะยึดเป็นอุคหนิมิตก็ดี ปฏิภาคนิมิตก็ดี เพื่อให้จิตเข้าถึงฌาณ4 อย่างหยาบก็ดีหรือ ปานกลางและละเอียดต่อไป

    ต่อจากนี้ถัดไปผมคงต้องไปปฏิบัติต่อว่า สภาวะจิตในขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร
    สติและจิตพร้อม การตามรู้ตามดูจะเห็นอะไรบ้าง ปัญญาจะเกิดขึ้นกับผมอย่างไรบ้างครับ
    ท้ายสุดขอขอบคุณในคำสั่งสอนชี้แนะอันยอดเยี่ยมของคุณครูภูและคุณครูลุกพลังด้วยครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ

     
  12. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและโมทนากับจิตบุญดวงที่76 พร้อมคุณหมอด้วยนะค่ะ
     
  13. imdee

    imdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +141
    ขอรบกวนคุณครูทุกท่าน ดิฉันติดตามมานานหลายเดือน ได้แต่แวะเข้ามาดู เห็นคนยกจิดหลายคนแล้ว แต่ก็พยายามเอาจิตดูพระมาตลอด แต่เพ่ิงอยู่หว่างคิ้วไม่ทราบถูกต้องไหมคะ นึกได้ก็นึกถึงพระแต่ไม่ถี่ บางครั้งจิตรู้สึกปิติอยู่ ก็จะมีิสิ่งที่อยู่แวดล้ิอมมาทำให้จิตตก ก็พยายามทำความรู้สึกรู้สู้กับกิเลสและสิ่งที่เข้ามาทดสอบ ไม่ทราบว่าที่ทำนี้ถูกต้องหรือยังคะ ภาพที่จับบางก็นึกภาพพระใส บางทีก็นึกถึงองค์ปฐมพุทธรักษาคะ ขอคำแนะนำด้วยคะ ขออนุโมทนาบุญกับคุณครูทุกท่านคะ
     
  14. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ การทำจิตเกาะพระนั้นทำจิตให้สบายๆดูรูปพระที่ชอบด้วยใจที่เคารพและศรัทธา ไม่จำเป็นที่จะต้องเพ่งใดๆทั้งสิ้นนะค่ะ

    บางครั้งจิตรู้สึกปิติอยู่ ก็จะมีิสิ่งที่อยู่แวดล้ิอมมาทำให้จิตตก ก็พยายามทำความรู้สึกรู้สู้กับกิเลสและสิ่งที่เข้ามาทดสอบ
    ตอนนี้สติยังมีไม่มากพอจึงทำให้มีอาการจิตตก เมื่อถูกกระทบ ควรฝึกนึกถึงพระบ่อยๆตลอดเวลา ให้สมาธิเกิด สติจะมากขึ้นและจะตามทันกิเลส ยามที่ถูกกระทบจะรู้จักการปล่อยวาง ไม่เกิดอาการจิตตกอีกต่อไปค่ะ
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เอาของคุณภูมาฉายซ้ำซะเลย
    วิธีปฏิบัติทำจิตเกาะพระในเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย
    โดยภูทยานฌาน2

    การดูภาพพระไม่ต้องเพ่ง แค่ดูเฉย ๆ เหมือนดูภาพถ่ายทั่วไป ดูบ่อย ๆ ดูทุกวัน จะวันละกี่เวลาก็ได้ ขณะมองดูภาพให้มองดูรายละเอียดขององค์พระนิดหนึ่งว่ามีอะไรสะดุดตาเราบ้าง เช่น พระพักตร์
    เศียร ไหล่ คอ แขน มือ นิ้ว ตา ปาก จมูก อก ท้อง หน้าตัก ขา เท้า เครื่องประดับ แท่นที่ประทับ และอื่น ๆ ดูแล้วก็ไม่ต้องจำ

    เมื่อมองดูภาพแล้วถ้ารู้สึกว่ามีใจรักจุดใดของพระเป็นพิเศษ หรือมีใจรักชอบพระองค์ใดเป็นพิเศษ ก็ให้ระลึกถึง ณ จุดนั้นบ่อย ๆ

    การระลึกถึงภาพพระ เมื่อใจนึกถึงภาพใดแล้วก็ให้ทำใจจดจ่อหรือจดจ้องอยู่ ณ จุดนั้นจนกว่าจิต
    จะผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายขึ้น อาการที่ใจผ่อนคลายหรือรู้สึกสบายนั้นเป็นอาการจิตเข้าฌาน หรือจิต
    ทรงสมาธิอย่างต่ำ ๆ มาถึงตรงนี้ถ้าจิตไม่อยากจับภาพพระก็ไม่ต้องไปบังคับจิต ปล่อยไปตามสบาย

    การทรงฌานต่ำ ๆ ในเบื้องต้นนี้จะทรงอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิตผู้ฝึกฝน แต่ส่วนใหญ่เมื่อเริ่มฝึกใหม่ ๆ ก็เหมือนกันทุกคนคือจิตไม่นิ่ง ในเมื่อมันไม่นิ่งเราก็จะทำให้มันนิ่ง
    ด้วยการระลึกถึงภาพพระ หรือจุดใดจุดหนึ่งของพระอยู่บ่อย ๆ แม้จะเป็นการนิ่งในระยะสั้น ๆ ก็ถือได้ว่าจิตเข้าฌานหรือจิตเป็นสมาธิแล้ว และถ้าทำให้จิตเข้าฌานยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี มิมีอะไรเสียหาย

    ถ้าคนที่ไม่เคยทำจิตเกาะพระ ใหม่ ๆ จะทำไม่ได้เพราะไม่รู้จะเกาะอย่างไร เกาะตอนไหน เอาอย่างนี้ เรามาเริ่มต้นด้วยการฝึกทำจิตเกาะพระเป็นเวลาก่อนก็แล้วกัน ตั้งเวลาไว้ให้อย่างนี้

    1. ก่อนนอนเมื่อล้มตัวลงนอนหลับตา แต่ความรู้สึกยังไม่หลับ ให้เอาสติไปมองหาพระที่เราถูกใจ หรือติดตาติดใจ หรือรักชอบเป็นพิเศษ เห็นภาพไหนชัด หรือเห็นส่วนไหนของท่านชัดที่สุด
    ก็ให้มองตรงจุดนั้น เอาสติไปจดจ้องหรือจดจ่ออยู่กับองค์พระหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพระ (สติก็คือจิตตัวหนึ่ง) จนกว่าจิตจะเกิดอาการคลายจิตแล้วมีความรู้สึกเบาสบายตามมา เหมือนตอนเราเข้าฌาน ตัวจะเบา ๆ ชา ๆ ว่าง หวิว ใช่ไหม ความรู้สึกคล้ายกัน เพียงแต่เราเปลี่ยนวิธีเข้าฌานจากภาวนาพุท – โธ มาเป็นดูภาพพระเข้าฌานแทน ให้มองดูภาพพระหรือจุดใดจุดหนึ่งของพระจนกว่าจะหลับไป

    2. ตื่นนอนแต่ยังไม่ลืมตา ก็ให้นำสติไปมองหาภาพพระก่อน ทำเหมือนเมื่อคืนก่อนหลับทุกอย่าง เมื่อจิตสบายหรือจิตทรงฌานจึงค่อยลุกไปทำธุระส่วนตัว
    3. ก่อนทานอาหารเช้าให้ระลึกถึงภาพพระที่จำได้แล้วแผ่เมตตาให้อาหารที่เราทาน แม้ว่าจะทานกาแฟเพียงถ้วยเดียวก็ให้แผ่เมตตาก่อน แผ่เมตตาให้ใครก็แผ่เมตตาให้
    คนปลูกกาแฟและต้นกาแฟ การแผ่เมตตาให้อาหารก็ทำเช่นเดียวกันใครที่เกี่ยวข้อง
    เราระลึกแผ่เมตตาให้หมดทุกคนหรือสัตว์ทุกตัว

    การระลึกแผ่เมตตาก็เช่น ขอให้คนปลูกข้าว คนสีข้าว คนหุงข้าว คนทำอาหารในมื้อนี้จงมีแต่ความสุขความเจริญ และขอให้อาหารในจานนี้ อาหารทั้งหมดบนโต๊ะนี้จงมีความบริบูรณ์พูนสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป เราขออุทิศบุญกุศล
    ของเราให้หมดด้วยกัน อย่างนี้เป็นต้น หรือท่านจะระลึกแผ่เมตตาว่าอย่างไรก็ย่อมทำได้
    มิมีอะไรผิด เพียงแต่ขอให้จิตในขณะแผ่เมตตานั้นเป็นกุศล คือไม่คิดร้ายกับใครก็เป็นพอ

    4. ก่อนทานอาหารกลางวันก็ทำเช่นเดียวกัน
    5. ก่อนทานอาหารเย็นก็ทำเช่นเดียวกัน
    6. ก่อนจะสวดมนตร์ไหว้พระก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)
    7. ก่อนจะนั่งสมาธิประจำวันก็ทำเช่นเดียวกัน(ถ้ามี)

    เริ่มต้นลองทำเป็นเวลาอย่างนี้ก่อน เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถระลึกถึงพระได้วันละหลายเวลา เมื่อทำแล้วได้ผลเป็นประการใดช่วยบอกเล่าให้ทราบด้วยค่ะ จะได้แนะนำกันต่อไป

    การทำจิตเกาะพระเป็นการทำกรรมฐาน-พุทธานุสสติ แต่แทนที่เราจะนั่งภาวนาเฉย ๆ
    เหมือนเราฟังวิทยุ คือหลับตาฟังก็ยังได้ยินแต่มันไม่เห็นภาพนะ เราก็มาฝึกระลึกดูภาพด้วย คล้ายกับเราขยับฐานะขึ้นมาหน่อย คือ มีโทรทัศน์ดูกับเขาด้วย จึงได้ยินทั้งเสียงและได้ชมทั้งภาพ ที่กล่าวมาเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างสักเล็กน้อย

    การทำจิตดูภาพพระในช่วงแรกจะเป็นการนึกหรือระลึกถึง เหมือนเรานึกถึงภาพวิวที่เรา
    เคยเห็นแล้วประทับใจ หรือรูปดารา รูปนักร้อง รูปคนที่เรารัก หรือรูปสิ่งของที่เรารัก
    และชอบเป็นพิเศษ เราเพียงใช้อุบายนี้มาช่วยให้จิตจดจำและระลึกถึงภาพพระบ่อย ๆ

    เมื่อจิตชินกับภาพพระ ต่อไปจิตจะนึกหรือระลึกถึงพระได้เอง ภาษาสมมุติท่านว่าอัตโนมัติ หรือเป็นไปโดยมิต้องกำหนด คือเมื่อเวลาใดที่จิตมันว่าง หมายถึงว่างโดยตัวจิต มิใช่รอให้ขันธ์ห้า(ร่างกาย)ว่างการว่างงานนั้นไม่ใช่นะ เมื่อจิตว่างหรือคิดถึงพระ
    จิตก็จะวิ่งเข้าไปหาภาพพระเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน
    ขออธิบายสักเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการจิตทรงฌานหรือจิตเป็นสมาธิ
    ให้สังเกตว่าถ้าจิตทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌานจิตจะมองหาภาพพระได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ถ้าหลุดจากฌานจะมีอาการว่าจิตส่งสายออกไปในกระแสโลกมาก จิตจะรู้สึกอึดอัด
    หงุดหงิด และรำคาญ ก็ให้รู้ว่าหลุดฌานหรือฌานเสื่อมแล้ว ก็ให้เริ่มต้นจับภาพพระขึ้นมาใหม่ มองดูภาพพระไปจนกว่าจิตจะเบาสบาย ถ้าจิตเข้าฌานแล้วให้สังเกตที่ลมหายใจ
    ลมหายใจจะเบา ละเอียด เย็น

    ให้ฝึกทำตามที่แนะนำไปก่อน ถ้ามีเวลาว่างช่วยรายงานผลให้ทราบด้วย จะได้เห็นความก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติด้วย และจะได้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้

    ขอให้ท่านจงมีจิตตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     
  16. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    อะจึ๋ยย.. นี่..พูดจาแบบด่วนสรุปแบบนั้นไม่ได้นะครับ เดี๋ยวจะเป็นการไปปรามาสท่านๆผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบและเป็นสัมมาทิฏฐิเข้าให้.. บาปกรรมนะครับ
    ผู้ปฎิบัติธรรมทุกสายทุกสำนัก ที่เขาสอนเรื่องอริยมรรคคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ล้วนแต่ถูกต้องทั้งนั้นแหล่ะครับ
    เพราะว่าการเดินตามครรลองขององค์พระศาสดา ซึ่งอริยมรรควิธีนั้นเป็นแก่นแห่งพุทธศาสนาเลยนะครับ

    ส่วนการปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระนั้น มีความแตกต่างจากสายอื่นๆอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
    นั่นก็คือ"การทรงฌานสูงอย่างต่อเนื่อง24ชม." เท่านั้นเอง..

    ยกตัวอย่างว่า
    เพื่อนเราเขาก็ทำงานตอนกลางวัน กลับถึงบ้านทำกิจส่วนตัวแล้วเสร็จ จึงเริ่มนั่งสมาธิก่อนนอน1ชม.(ทำทุกวันไม่มีขาด) เขาก็สามารถที่จะทรงฌานได้วันละ1ชม.คือสะสมกำลังฌานสมาบัติได้1ชม.
    แต่ผู้ปฎิบัติจิตเกาะพระเราทรงฌานได้24ชม.คือว่าเราทรงฌานในระหว่างวันแล้วก็ทำกิจการงานไปด้วย (คือเราฝึกแยกกายแยกจิตเป็นน่ะ..ว่างั้นเถอะ) กายก็ทำกิจการงานไป ส่วนจิตก็เกาพระไป ตอนหลับกายก็หลับพักผ่อนไป แต่จิตก็เกาะพระไปทรงฌานไป มันจึงทำให้เราสามารถทรงฌานสะสมกำลังฌานสมาบัติได้24ชม.นั่นเอง (ที่แตกต่างกันก็แค่นี้แหล่ะครับ.. หลักๆนะครับ)
    เราทรงฌานไป1วัน เพื่อนเราต้องนั่งสมาธิไป24วัน เพื่อให้สะสมกำลังฌานให้ได้เท่าเรานะครับ
    เราทรงฌานไป10วัน เพื่อนเราต้องนั่งสมาธิไป240วัน เพื่อให้สะสมกำลังฌานให้ได้เท่าเรานะครับ
    นี่ถ้าเราเกาพระไปซักเดือนนึง เพื่อนเราต้องนั่งสมาธิแบบนั้นไปถึง2ปีเลยนะครับ เพื่อให้กำลังฌานเท่าเทียมกัน(สมมุติว่าเท่าก็แล้วกัน.. ซึ่งความจริงมันไม่เท่ากันนะครับคือว่ามันจะต้องใช้เวลามากกว่า2ปีอีก สืบเนื่องมาจากความต่อเนื่องและความเข้มแข็งของกำลังฌานนะครับ)
    สิ่งที่แตกต่างก็คือ
    1. เราทำมากกว่าเพื่อนเรา24เท่าตัว (นี่ก็คือการเร่งความเพียรมากกว่าเพื่อนเรา24เท่าตัว)
    2. เราได้ความต่อเนื่อง(non-stop mode) เพื่อที่จะวิปัสสนาต่อสู้กับกิเลสได้ตลอดทุกเวลานาที แต่เพื่อนเราพอถอยฌานออกมา เจอกิเลสเข้าก็ตั้งป้อมต่อสู้โดยการทำวิปัสสนาเหมือนกันแต่ว่า..ไม่มีกำลังฌาน!ณ.ขณะนั้นๆนั่นเอง
    (การทำวิปัสสนาโดยขาดกำลังแห่งฌานสมาบัติเป็นบาตรฐานแล้ว พระท่านเรียกว่า"วิปัสสนึก" ไหนเลยจะไปตัดกิเลสได้?)
    ที่เห็นบางท่านทำมาเป็นสิบๆปีก็ยังไม่เห็นตัดกิเลสได้อย่างเด็ดขาด ทำได้เพียงแค่ลดให้เบาบางลงเท่านั้นเอง จึงเป็นเหตุให้เพื่อนเราเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมในขั้นที่สูงๆได้ หรือทำไปจนแก่ตัวแล้วก็ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรจะเป็น เพราะด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น
    ท่านก็สามารถนำไปพิจารณาตรองดูเอาเองเถิด..


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  17. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    อย่าเลย พี่ภู ใครมาเจอกระผม จะบอกว่าผมเป็นคนบ้า เลอะเทอะ ไร้สาระแก่นสาร แถมมีคนบอกว่า ซกมกอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพราะการใช้ชีวิตประจำผมจะเล่นไปเรื่อย รักสนุก แซวคนโน้นที แซวคนนี้ที แต่นั้นมันเป็นแค่เปลือก ใจของเรามีแต่ธรรมะ มีแต่พระพุทธเจ้า อันเป็นที่รักยิ่งของเรา

    ถ้าเป็นไปได้ขอให้คนที่ห้องนี้ไปพบเจอกันในภายภาคหน้าก็ดีน่ะ
     
  18. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ค่ะ ครูดัชชี่ คนส่วนมากตัดสินกันด้วยรูปลักษณืภายนอก หากเรานุ่งขาวห่มขาว นิสัยเรียบร้อย พูดเนิบๆ อาจมีคนเชื่อเรามากกว่านี้(อันนี้ไม่ได้ลบหลู่ท่านใดนะคะ) สงสัยเราเกิดเป็นยักษืมาก่อนในชาติใกล้ๆนี้ แต่อาจเป็นยักษืบำเพ็ญ อิอิdannce_
     
  19. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    พี่เพ็ญมีเรื่องขำ ๆ ของตัวเองในเมลมาเล่าให้ดู

    จิตบุญท่านหนึ่งสอนลูกวัยรุ่นทำจิตเกาะพระ

    ลูกก็ทำจิตเกาะพระไป หนุกหนานกับพระอยู่ในจิต

    แต่คุณพ่อส่งการบ้านแทนลูกมือเป็นระวิงเลยอ่ะ ฮา

    ใครไม่ขำเราขำอยู่คนเดียว อิอิ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ข่าวเด็ด! ข่าวด่วน! เพิ่งไปรับมา

    แหม๊ผมรอวันนี้มานานมากแล้ว ได้ผลแฮ๊ะ ผมส่งจิตลิ๊งค์ไปหาท่านพ่อแล้วก็วกมาหาจิตครูเพ็ญ อยากจะบอกตรงๆว่าให้ครูเพ็ญเล่าประสบการณ์จิตเกาะพระในแนวทางของครูเพ็ญให้หน่อย 555 เหมือนผมโทรศัพท์ไปบอกกล่าวกับครูเพ็ญเลย ก็เลยแอบนำมาลงเป็นธรรมทานให้พวกเราอ่านกันซะเล๊ยยย... (เชิญรับชม)

     

แชร์หน้านี้

Loading...