WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

ผมว่าถ้าเจอจังๆซัก2ลูกก็พอครับ ไม่ต้องถึง13-14ลูกหรอก ><

ถ้าตกเหนือเขื่อนไม่ห่วงเลยครับ ห่วงเฉพาะที่ตกใต้เขื่อนอ่ะครับ ++

 

__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->C5 - War Room Falkman

 

ฝนมันก็ตกตามปกติของมันนั่นแหละ...เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้บนภูเขาไม่มีป่าไม้เหมือนเมื่อก่อนพอฝนตกลงมาเท่าไหร่มันก็ไหลลงที่ต่ำเท่านั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสเข้าไปช่วยหมู่บ้านที่ถูกน้ำป่าไหลหลากที่หมู่บ้านๆนึงในอ.วังชิ้น สินค้าOTOP ของหมู่บ้านคือไม้สักแปรรูป ตอไม้แต่ละละตอนี่ขนาด2-3คนโอบก็มี ทำให้เอะใจว่า..นี่ขนาดตอไม้ยังไม่เหลือแล้วต้นไม้ที่คอยดูดซับน้ำมันจะเหลือเหรอ....ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความแรงของน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านจึงรุนแรงขนาดนั้น.....กรรมคือผลของการกระทำ ที่ตกทอดมาถึงลูกถึงหลาน

 

ถูกต้องนะคร้าบ เห็นด้วยอย่างยิ่ง อย่าไปโทษคนอื่นเลยคับ ถ้ารู้จักโทษตัวเองกันมากขึ้นผมว่าอะไรๆ จะดีขึ้นเยอะเลยบ้านของเรา

 

หลายวันที่ผ่านมาฝนตกหนัก ขนาดบนทางด่วนยังท่วมจนเห็นชัดเจน
ที่กทม.ระบายน้ำไม่ทันก็ไม่ต้องโทษใครเลย ทิ้งขยะกันมั่วไปหมด
เศษขยะไปอุดท่อตรงขอบฟุตบาท ใครไม่เคยเห็นลองไปเดินดูตอนตกหนักๆ
ว่ามีพวกขยะลอยไปปิดทางเข้ามั้ย ตรงไหนไกลวินมอไซต์ก็ท่วม
ถ้าใกล้ๆพวกวินเขาจะสังเกตุเห็นก็จะเดินไปเขี่ยออก บริเวรนั้นก็จะระบายไว
อย่างปากซอยหอที่ผมอยู่ ต้องตกหนักจริงๆถึงจะท่วมขัง เพราะมันต่ำ
แต่มอไซรับจ้างอยู่ตรงนั้น ก็ช่วยกันเขี่ยออก พอฝนหยุดแปปนึงน้ำก็ไปหมด

 

ปภ.เผยมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 11 จว.-ประสบภัยแล้ง 4 จว.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2555 11:44 น.

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า พื้นที่ประสบอุทกภัย 11 จังหวัด ได้แก่ จ.ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ และ จ.ปราจีนบุรี รวม 43 อำเภอ 232 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 142,537 คน
ส่วนภาวะฝนทิ้งช่วง ปัจจุบันมีพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้งแล้ว 4 จังหวัด 41 อำเภอ 310 ตำบล 3,497 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 850,000 คน ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมพร้อมรับสถานการณ์และแจ้งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 4-5 วันนี้



กนอ.มั่นใจน้ำไม่ท่วมนิคมฯ-เล็งทุ่มงบ 190 ล.ซื้อระบบป้องกัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2555 13:22 น.

นายสมคิด แท่นวัฒนกุล รองผู้ว่าการ ฝ่ายปฏิบัติการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงภาพรวมการดูแลป้องกันปัญหาน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ นิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางชันและนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เป็นต้น ว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมแน่ โดย กอน.เตรียมงบประมาณไว้ประมาณ 190 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อระบบป้องกันน้ำท่วมชั่วคราว ที่สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ และการทำอี-ออคชั่น คาดว่าจะสามารถทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างผู้ชนะการประมูลได้ในเดือนตุลาคมนี้ และเริ่มดำเนินการก่อสร้าง แต่จะไม่ทันกับน้ำที่จะหลากมาในฤดูฝนนี้

ดังนั้น ในฤดูฝนนี้แต่ละนิคมอุตสาหกรรม จะใช้ระบบป้องกันน้ำท่วมเดิมไปก่อน ซึ่งยังคงมีสภาพที่แข็งแรงพอที่จะป้องกันน้ำได้ ซึ่งเขื่อนดินป้องกันน้ำท่วมที่มีอยู่นี้มีการก่อสร้างมานานนับ 10-20 ปีแล้ว และมีการเสริมความแข็งแรงมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ในปีที่ผ่านมาน้ำหลากมากกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องเสริมความสูง และความแข็งแรงในบางช่วงเพิ่มขึ้น

ส่วนปริมาณน้ำหลากที่จะมาถึงในฤดูฝนปีนี้ กนอ.เชื่อมั่นว่าจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา จึงเชื่อมั่นว่าจะดูแลนิคมอุตสาหกรรมไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมได้ ส่วนการจัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมถาวรสำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเองนั้น จะมีการลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมถาวร มีความสูงแตกต่างกันไปตามลักษณะความสูงต่ำของพื้นที่แต่ละนิคม แต่จะมีความสูงที่ระดับน้ำท่วมสูงสุดในรอบ 70 ปี บวกความสูงเพิ่มอีก 50 เซนติเมตร เพื่อให้มั่นใจได้ว่า จะสูงเพียงพอที่จะป้องกันน้ำท่วมเท่ากับปี 2554 ได้ เพราะหากน้ำสูงเท่ากับปี 2554 ยังมีระดับความสูงของระบบป้องกันน้ำท่วมเหลืออยู่อีก 50 เซนติเมตร

พร้อมกันนี้ กนอ.ยังเตรียมความพร้อมของระบบเฝ้าระวังภัยน้ำท่วม โดยจัดงบประมาณลงทุนระบบเฝ้าระวังอีกประมาณ 200 ล้านบาท



น้ำป่าทะลักท่วมสระแก้วระลอก 2 ขยายวงกว้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2555 14:53 น.

จากกรณีพื้นที่ จ.สระแก้ว เริ่มมีฝนตกและน้ำท่วมฉับพลัน เป็นครั้งที่ 2 ของพื้นที่ หลังจากที่น้ำลดไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด ได้รับรายงานจาก ปภ. จังหวัด ว่า อำเภอวัฒนานคร มีพื้นที่ถึง 11 ตำบล อำเภอวังน้ำเย็น มี ตำบลคลองหินปูน อำเภออรัญประเทศ มี ตำบลหันทราย หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 9 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 10 และ ตำบลบ้านด่าน อำเภอเมืองสระแก้ว ขณะนี้ก็กำลังเตรียมรอรับน้ำจากสายเหนือ โดยเฉพาะ ตำบลสระขวัญ ล่าสุด คลองพญานาค เข้าท่วมในเขตพื้นที่ 4 หมู่บ้าน ของบ้านพร้าวหมู่ที่ 1 บ้านจิก หมู่ 7 บ้านเมือง หมู่ที่ 5 บ้านสระลพ หมู่ที่ 4 ของ ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร โดยเฉพาะ ถนนสายวัฒนานคร-คลองหาด ช่วงบริเวณโรงเรียนบ้านพร้าว ตำบลวัฒนานคร รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เช่นเดียวกับที่เส้นทับไทย-หนองขาว ที่รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้เช่นเดียวกัน ขณะนี้ ปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีน้ำไหลทะลักเข้ามาอยู่ และยังมีการกำหนดพื้นที่เพิ่มเติมอยู่

 

ดินถล่มปิดทับถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม จนท.ตั้งกรวยเตือน ปชช.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กันยายน 2555 14:55 น.

ส่วนที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ได้เกิดดินภูเขาริมถนน ซึ่งรับน้ำไว้เป็นจำนวนมาก สไลด์ตัวลงมาริมถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม ช่วงกิโลเมตรที่ 24 ขาเข้าเมืองลำปาง ในเขตตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ส่วนจุดที่ดินสไลด์บริเวณดังกล่าวนั้นมีทั้งหมด 5 จุด และห่างกันประมาณ 100-200 เมตร ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำกรวยพลาสติกมาวางไว้ เพื่อเตือนประชาชนให้ระวังแล้ว



เตือนหลายอ.ในสระแก้ว ระวังน้ำป่า-โคลนถล่ม

นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้เตือนเรื่องระวังภัยน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยระบุในวันที่ 16-17 กันยายน2555 อาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ในอำเภอเมือง ตาพระยา วังสมบูรณ์ วังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้จะเกิดน้ำล้นตลิ่งในอำเภอเมือง และอำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว ระมัดระวังและติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างใกล้ชิดต่อไป


เร่งระบายน้ำในคลองรังสิต หลังฝนตกหนักหลายวัน

17 ก.ย. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้ทำการเดินเครื่องสูบน้ำจำนวน 9 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำจากในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ให้ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากระดับน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เอ่อสูงน้ำ สาเหตุเนื่องมาจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันหลายวันและมีน้ำที่ระบายออกมาจากประตูระบายน้ำคลองระพีพัฒน์ลงมาในคลองรังสิตเป็นจำนวนมาก
นายมนตรี มณีวงศ์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 ปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ทำการเดินเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูเก่า 5เครื่อง และประตูใหม่ จำนวน 4 เครื่อง ทั้งนี้เนื่องจากว่าระดับน้ำในคลองรังสิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากการที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ รวมทั้งมีการระบายน้ำจากคลองระพีพัฒน์ ผ่านคลองหนึ่ง มารวมที่คลองรังสิตอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นกว่าประมาณกว่า10-20 ซม. ซึ่งบางส่วนที่เป็นที่ต่ำ อย่างเช่นศาลเจ้าคลองหนึ่ง และบ้านเรือนที่อยู่ในริมในบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ระดับน้ำในคลองรังสิตด้านในตัวประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จะต่ำกว่าด้านนอกประตูประมาณ 50 ซม. ซึ่งเราได้เร่งเดินเครื่องสูบน้ำตลอดเวลา จนทำให้เครื่องสูบน้ำบางส่วนเสียหาย แต่ก็ได้เร่งให้ช่างเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมแล้ว ทั้งนี้คาดว่าเราจะสามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงขึ้นจนประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ตลาดรังสิต ทำให้มีน้ำท่วมขังอยู่ในตลาดสดหลายแห่งเนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน โดยเฉพาะตลาดสดสุชาติ ซึ่งอยู่ติดกับประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ นั้น มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 20-30 ซม.โดยพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของต้องใช้เรือขนส่งสินค้าให้ลูกค้าที่มาซื้อของ.

Tweet

 

อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงรอดน้ำเพิ่ม

สถานการณ์น้ำ จ.นครราชสีมา ฝนที่ตกลงต่อเนื่องและเจ้าหน้าที่อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงหยุดส่งน้ำทั้งระบบ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เดิมเดือนสิงหาคมปริมาณน้ำกักเก็บอยู่เพียง 11 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุอ่าง ในช่วงเดือนกันยายนฝนตกลงมาต่อเนื่องปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 51.49 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 46.96 และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น ทางสำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ประเมินว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำลำพระเพลิงในช่วงฤดูแล้งปีหน้า

ส่วนปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง ทั้งอ่างเก็บน้ำลำตะคอง ลำพระเพลิง ลำมูนบน และลำแซะ มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเพียงอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่ระดับน้ำต่ำกว่าร้อยละ 30 เนื่องจากยังจำเป็นต้องส่งน้ำเพื่อการอุปโภค - บริโภค และรักษาระบบนิเวศน์



พายุไต้ฝุ่นซันบาพัดกระหน่ำเกาหลีใต้

พายุไต้ฝุ่น ซันบา ซึ่งมีความแรงลม 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนเข้าสู่แผ่นดินแถบชายฝั่ง ทางใต้ของเกาหลีใต้ในวันนี้ ด้วยความเร็วลมประมาณ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วประเทศ ส่งผลให้เที่ยวบินกว่า 200 เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในประเทศและการให้บริการเรือโดยสารเฟอร์รี่ต้องถูกยกเลิก และเตือนให้เรืออีก 2 พันลำ อยู่ห่างจากเส้นทางพายุ และแม้ว่าพายุจะลดความแรงลมไปอยู่ในระดับปานกลาง มีรัศมีของตาพายุที่ 400 กิโลเมตร แต่ความรุนแรงยังคงเทียบได้กับพายุไต้ฝุ่น บอละเวน ที่พัดกระหน่ำเกาหลี เมื่อเดือนที่แล้ว

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลี ประกาศว่า พายุซันบาพัดเข้าสู่เมืองเยียวซู ในจังหวัดเชือนลาที่อยู่ทางใต้ ตอนประมาณเที่ยงวัน หลังจากพัดเข้าสู่เกาะเชจูในช่วงเช้า ทำให้บ้านเรือน 1 หมื่นหลังคาเรือนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ถนนได้รับความเสียหาย และมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกไปยังนอกชายฝั่งเมืองซ้อคโช ในจังหวัดกังวอน ความรุนแรงของพายุ ยังทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ถอนรากป้ายชื่อธุรกิจและป้ายโฆษณาต่าง ๆ ปลิวหายไปตามลม และยังทำให้ไฟจราจรขัดข้อง

ประชาชนราว 1,000 คน ที่เสี่ยงจะได้รับอันตรายจากพายุ ได้ถูกนำไปยังที่หลบภัย และอีก12,000 คน ในอีกหลายพื้นที่ได้รับคำแนะนำให้อพยพ เจ้าหน้าที่หลายหมื่นคน อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และตรวจสอบสนามบินทั้ง 15 แห่งทั่วประเทศเป็นพิเศษ รวมทั้งโรงเรียนทางใต้หลายพันแห่ง ได้ปิดการเรียนการสอนจนถึงวันนี้ด้วย


แม่น้ำท่าจีนสุพรรณหนุนสูง ท่วมริมฝั่ง 3 อำเภอ

นายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำท่าจีนที่เพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ โดยมีอิทธิพลมาจากฝนตกหนัก ได้ส่งผลกระทบให้กับ เขต อ..เมือง อ.บางปลาม้า และ อ.สองพี่น้อง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มค่อนข้างต่ำ โดยขณะนี้พบว่าพื้นที่ซึ่งเกิดน้ำท่วมเริ่มขยายวงมากขึ้น โดยเส้นทางน้ำที่เข้าสู่กาญจนบุรี จะมีด้วยกันใน 3 ทาง คือ ทางภาคตะตันตก จากเทือกเขาเมืองกาญจนบุรี ส่วนที่สองน้ำจากทางภาคเหนือ จากเจ้าพระยาผันเข้าสู่ประตูน้ำพลเทพ จ.ชัยนาท และ จ.อุทัยธานี จะใหลลงเข้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนด้านฝั่งตะวันออก จะได้รับผลกระทบจากแม่น้ำน้อย ดังนั้นสุพรรณบุรี จะรับน้ำหลักๆมาจาก 3 ทางดังกล่าว

"ได้ประสานผู้นำชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีนทั้งหมด ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ส่วนพื้นที่ถนนหรือแนวถนนตรงไหนที่สามารถเป็นคันกั้นน้ำไม่ให้ท่วมเข้าเขตเศรษฐกิจสำคัญหรือเขตชุมขนได้คงต้องมีการวางแผนกัน ส่วนหน่วยงานราชการที่สำคัญโดยเฉพาะโรงพยาบาลเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีนถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมค่อนข้างจะสูง จะต้องมีการวางแนวป้องกัน นอกจากนี้ในเรื่องของทางภาคเกษตรได้ประสานงานเกษตรตำบลทุกๆตำบล เพื่อวางแผนว่าพื้นที่ใดมีการเก็บเกี่ยวและเป็นพื้นที่เสียงอันดับต้นๆ ก็จะต้องเร่งในการเก็บเกี่ยว เพราะขณะนี้พื้นที่บางส่วนยังไม่ได้เก็บเกี่ยวจึงอาจมีผลกระทบต่อชาวนาได้" นายสรชัด กล่าว


น้ำระลอกใหม่ท่วมพิษณุโลกกินพื้นที่ 60,000 ไร่

พิษณุโลก -ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก เผยมวลน้ำลูกใหม่จากจังหวัดสุโขทัย เข้าพิษณุโลก กินพื้นที่เสียหายกว่า 60,000 ไร่ ท่วมสูงกว่า 1 เมตร
นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์น้ำจังหวัดสุโขทัยท่วมอีกระลอก นั้นและมวลน้ำดังกล่าวจะเดินทางมาถึงพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก คือ อ.บางระกำ อ.พรหมพิรา และ อ.เมือง ในวันพรุ่งนี้(18 ก.ย.) และจะส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมสูงขึ้นอีก 50-70 ซม. บางพื้นที่ลุ่มต่ำก็จะท่วมสูงกว่า 1 เมตร และทางจังหวัดพิษณุโลก ได้ประเมินความพื้นที่เสียหายนี้ระลอกใหม่นี้ไม่ต่ำ 60,000 ไร่ ซึ่งจะเพิ่มขึ้นจากน้ำท่วมเดิมที่ท่วมเพียง 22,500 ไร่เท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว มีบ้านเรือนประชาชนที่เดือดร้อนกว่าพันครัวเรือน

ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก กล่าวอีกว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมรับมือกับน้ำลูกใหม่นี้ พร้อมกับให้ผู้นำท้องที่ตรวจสอบสถานการณ์บ้านเรือนของประชาชนตนเองอย่างใกล้ชิด หากเดือดร้อนจากน้ำท่วมก็ให้รายงานตลอด 24 ชม.อีกทั้งในวันที่ 17 กันยายน จะมีการประชุมหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำงบประมาณผู้ว่าราชการจังหวัด มาทำการช่วยเหลือในพื้นที่ประกาศให้เป็นประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และ อ.เมือง เป็นการด่วน

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ประท้วงในจีนเดือดพล่าน บ.ญี่ปุ่นปิดรง.หนีเหตุรุนแรง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กันยายน 2555 15:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กลุ่มผู้ประท้วงได้พลิกรถยนต์ญี่ปุ่นในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง วานนี้ (16 ก.ย.) (ภาพ-เอเยนซี่) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสท์/เอเยนซี--วานนี้ (16 ก.ย.) การประท้วงต่อต้านรัฐบาลญี่ปุ่นกรณีซื้อเกาะเตี้ยวอี๋ว์ ปะทุเดือดในหลายเมืองใหญ่ของจีน บางแห่งกลายเป็นการจลาจล ทำให้ตำรวจต้องใช้กำลังและแก็สน้ำตาควบคุมเหตุการณ์

การประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นที่เป็นไปอย่างไร้เหตุผลนี้ กระทบถึงธุรกิจหลายส่วนของญี่ปุ่นที่อยู่ในจีน แคนนอน พานาโซนิคต้องปิดโรงงานชั่วคราว

สื่อจีนรายงาน (17 ก.ย.) เมื่อวานนี้ถือเป็นวันที่ 2 ที่กลุ่มประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นก่อการจลาจลในกว่า 12 เมืองใหญ่ของจีน ทำให้นายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกฯ ญี่ปุ่น ต้องออกมาเร่งให้จีนปกป้องบริษัทและอาคารสถานทูตของญี่ปุ่น

กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านญี่ปุ่นทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองเซินเจิ้น เมืองก่วงโจว มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) และเมืองชิงเต่าของมณฑลซานตง

ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลก่วงตง เวลาประมาณ 08.00 น. วานนี้ ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันบนถนนเซินหนันซึ่งเป็นถนนหลักในเมืองฯ 2 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขว้างปาสิ่งของ ขวดน้ำ บางคนยังทุบทำลายรถยนต์ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของเจ้าหน้าที่รัฐ จนเวลา 11.00 น. เหตุการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น ตำรวจจึงต้องยิงแก๊สน้ำตา และใช้เครื่องฉีดน้ำเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม

ในเมืองก่วงโจว มณฑลก่วงตง ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปในล็อบบี้โรงแรมกว่างโจว การ์เด้น และทำลายร้านอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากโรงแรมฯ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานกงสุลญี่ปุ่น จึงกลายเป็นจุดรวมพลของผู้ประท้วงมากกว่า 10,000 คน แม้ว่าตำรวจจะร้องขอให้ออกไปแล้วก็ตาม ผู้ประท้วงหลายร้อยคนก็ยังคงปักหลักหน้าโรงแรมฯ

ยังมีผู้ประท้วงกว่า 12 คน ปีนขึ้นไปบนหลังคาของประตูทางเข้าโรงแรมฯ โบกสะบัดธงชาติจีน ร้องเพลงชาติ และตะโกนว่า “เกาะเตี้ยวอี๋วเป็นของจีน ญี่ปุ่นออกไปจากจีนซะ” แต่ทั้งหมดก็ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้ได้

ร้านอาหารและซุปเปอร์มาร์เก็ตของญี่ปุ่นหลายแห่ง ถูกทำลาย และโดนปล้นเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ากลุ่มประท้วงบางกลุ่มจะเรียกร้องให้ชุมนุมอย่างสงบแล้วก็ตาม

ในเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง โรงงานพานาโซนิค บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ถูกลอบวางเพลิง

ในเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ตำรวจปะทะกับผู้ชุมนุมอย่างน้อย 2,000 คน ที่พยายามเข้าไปในสถานกงสุลสหรัฐฯ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=388><TBODY><TR><TD vAlign=top width=388 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กลุ่มผู้ประท้วงหน้าห้างจัสโก้ชูป้าย “ไอ้ยุ่นออกไปซะ” (ภาพ-AFP)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ธุรกิจญี่ปุ่นปิดชั่วคราว ยอดขายสินค้าญี่ปุ่นลดฮวบ

สำนักข่าวซินหลังรายงานวันนี้ (17 ก.ย.) กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่น อาทิ แคนนอน พานาโซนิค และบริษัทไลอ้อน ที่มีโรงงานในก่วงตง เจียงซู ซานตง และเมืองเซี่ยงไฮ้ ต้องหยุดงานชั่วคราว ระหว่างวันที่ 17-18 ก.ย. เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน

นายชิกะ โตชิโน่ ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการบริษัทนิสสันมอเตอร์ กล่าวว่า เนื่องด้วยข้อพิพาทเหนือเกาะเตี้ยวอี๋ว์ระหว่างจีนและญี่ปุ่น ทำให้ส่งผลกระทบถึงยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในจีน และยังมีสินค้าญี่ปุ่นอื่นๆ เช่น กล้องถ่ายรูปยี่ห้อโซนี่ พานาโซนิค แคนนอน ต่างก็มียอดขายลดลงในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สายการบินออลนิปปอนแอร์เวย์สรายงานว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินจากจีนไปญี่ปุ่นมากขึ้น รวมทั้งโรงเรียนสำหรับชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในจีนหลายแห่ง ทั้งในกรุงปักกิ่งและเมืองเซี่ยงไฮ้ ต่างยกเลิกการเรียนการสอนเช่นกัน

นอกเหนือจากการเดินขบวนประท้วงญี่ปุ่นในเมืองใหญ่ๆ กลุ่มสื่อจีนที่เป็นของรัฐ และภาคธุรกิจ ก็ร่วมขบวนต่อต้านฯครั้งนี้ อาทิ

งดเผยแพร่โฆษณาสินค้าญี่ปุ่น 3 วัน: สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีน (China Central Television: CCTV) มีหนังสือแจ้งให้ช่องซีซีทีวี 1 (ช่องทั่วไป) ซีซีทีวี4 (ช่องที่เผยแพร่ในเอเชีย ยุโรปและอเมริกา โดยใช้ภาษาจีน) และช่องข่าว ระงับการฉายโฆษณาสินค้าญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 15-16 ก.ย.ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์คนหนึ่งเผยว่า “เนื่องจากช่องซีซีทีวี1 - 4 เป็นช่องหลัก บริษัทญี่ปุ่นมักจะลงโฆษณากับสองช่องนี้” และก่อนหน้านี้ โทรทัศน์ดาวเทียมกุ้ยโจวก็ได้ระงับโฆษณาสินค้าของบริษัทญี่ปุ่นเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ย.เช่นกัน

ลูกทัวร์ยกเลิกทัวร์ญี่ปุ่น: สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวคังฮุยของจีน แถลงว่า บริษัททัวร์หลายแห่งทั่วจีนทั้งในกรุงปักกิ่ง และเมืองหนันจิงในมณฑลเจียงซู ระงับการจำหน่ายของที่ระลึกญี่ปุ่นและงดจองทัวร์ญี่ปุ่น รวมทั้งลูกทัวร์ชาวจีนต่างก็ยกเลิกทัวร์ด้วย

นายจง ฮุย ประธานธุรกิจการท่องเที่ยวต่างประเทศ กล่าวว่า “นักท่องเที่ยวต้องการยกเลิกทัวร์เพราะต้องการคว่ำบาตรญี่ปุ่น หรือหวั่นเรื่องความปลอดภัยนั้น เหล่าบริษัททัวร์ต่างก็เข้าใจดี ต่อให้บริษัทต้องขาดทุน พวกเขาก็ต้องเคารพการตัดสินใจของลูกค้า”

กระแสพิพาทกรรมสิทธิเหนือเกาะเตี้ยวอี๋ว์ระหว่างจีนและญี่ปุน เริ่มคุกรุ่นขึ้นเมื่อยามฝั่งญี่ปุ่นจับกุมกลุ่มรณรรงค์พิทักษ์เกาะฯ ชาวจีนที่ล่องเรือไปเหยียบเกาะเตี้ยวอี๋ว์ (19 ส.ค.) และยิ่งร้อนแรงเมื่อญี่ปุนแถลงการซื้อเกาะเล็กเกาะน้อยในบริเวณหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์เมื่อต้นสัปดาที่แล้ว

ทั้งนี้ เกาะเตี้ยวอี๋ว์ในภาษาจีน หรือเซนกากุในภาษาญี่ปุ่นนั้น ตั้งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก บริเวณน่านน้ำเกาะฯ เป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญทางยุทธศาสตร์ และยังเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมหาศาล

ฝ่ายจีนอ้างอธิปไตยเหนือเกาะฯ มาตั้งแต่ราชวงศ์หมิง (พ.ศ. 1911) อย่างไรก็ตาม เกาะฯ ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับในเวทีสากลว่า เป็นของญี่ปุ่นที่ได้ผนวกรวมเข้าไปในปีพ.ศ. 2438 ทำให้จีนและญี่ปุ่นพิพาทกรรมสิทธิเหนือเกาะฯ นี้มาจนถึงปัจจุบัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้ประท้วงในฉางซา มณฑลหูหนัน ปล้นห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นก่อนจุดไฟเผา ทำให้เกิดควันโขมงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ามองเห็นได้ในระยะไกล ในวันที่ 15 ก.ย. (ภาพ-เอเยนซี่) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=375><TBODY><TR><TD vAlign=top width=375 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผู้ประท้วงในฉางซา มณฑลหูหนัน เผาห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในวันที่ 15 ก.ย. (ภาพขเอเยนซี่)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไต้ฝุ่นซันปาถล่มจีน เรือประมงหลายพันลำกลับเข้าฝั่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กันยายน 2555 16:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>กระแสลมแรงจัดจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซันปา ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วลม 75-102 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดกระหน่ำพื้นที่แถบชายฝั่งมณฑลเจ้อเจียง ทำให้เรือประมงหลายพันลำที่ลอยลำกลางทะเลต้องกลับเข้าฝั่ง
ขณะที่กรมประมงในท้องถิ่นประกาศเตือน ห้ามเรือประมงออกเดินทางในช่วงนี้ หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นซันปา ซึ่งเป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 16 เคลื่อนเข้าถล่มพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของจีน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาของจีนประกาศว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซันปาจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ในพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงเหนือของจีนทั้งในวันนี้และพรุ่งนี้
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวโผงเผงเดือนร้อนหนัก น้ำขังเริ่มเน่า-ส่งกลิ่นเหม็น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กันยายน 2555 16:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดอ่างทองขณะนี้เริ่มที่จะลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีบ้างพื้นที่ในของตำบลโผงเผงที่มีน้ำสูงประมาณ 40 เซนติเมตร นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มประสบปัญหากับน้ำท่วมที่เริ่มเน่า และส่งกลิ่มเหม็น ซึ่งทาง อบจ.โผงเผง ได้ส่งเจ้าหน้าที่นำสาร EM ดำเนินการช่วยเหลือโดยด่วนแล้ว
ขณะเดียวกัน ลำน้ำชียังคงทะลักเข้าท่วมอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตรแล้ว ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 2,000 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่ง อบจ.ได้เร่งส่งเรือเข้าไปเหลือประชาชนที่ถนนถูกตัดขาดแล้ว พร้อมประกอบอาหารแจกจ่ายราษฎรแล้วเช่นเดียวกัน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แม่น้ำน่าน-แม่น้ำยม เพิ่มระดับ เตือนคนพิจิตรเฝ้าระวัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กันยายน 2555 10:20 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>พิจิตร - น้ำน่านที่เมืองชาละวันเพิ่มระดับสูงขึ้น หลังน้ำเหนือไหลบ่า จนต้องลดการระบายน้ำยมลงน้ำน่าน หวั่นทะลักล้นท่วมบ้านเรือน-เรือกสวนไร่นาชาวบ้าน

วันนี้ (17 ก.ย.) นายประเวศน์ ศิริศิลป์ ผู้อำนวยการชลประทาน จ.พิจิตร เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขต จ.พิจิตร ว่า น้ำระลอกใหญ่ที่ไหลมาจาก จ.สุโขทัย เข้า อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ไหลเข้า จ.พิจิตร ในแม่น้ำยม ส่งผลให้วันนี้ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ อ.สามง่าม มีระดับสูงขึ้นอีก 4 ซม. เข้าท่วมในที่ลุ่มของ ต.รังนก อ.สามง่าม แต่ชาวบ้านมีการเตรียมความพร้อม จึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก

ขณะเดียวกันได้พยายามระบายน้ำส่งผ่านคลอง DR 2.8 ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ให้ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน เพื่อลดปริมาณน้ำในแม่น้ำยมด้วย

แต่ปรากฏว่าพอปล่อยน้ำจากแม่น้ำยม ขณะที่น้ำจากแม่น้ำน่านทางภาคเหนือไหลเข้ามาสมทบ ทำให้แม่น้ำน่านมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและมีสีแดงขุ่น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นน้ำป่าที่ไหลหลากมา

ล่าสุด ขณะนี้น้ำในแม่น้ำน่านต่ำกว่าตลิ่งไม่ถึง 1 เมตรแล้วในเขต อ.บางมูลนาก ชาวบ้านเกรงว่า น้ำจะทะลักเข้าท่อระบายน้ำที่อยู่ต่ำ จึงได้มีการเอากระสอบทรายมากั้นทำเป็นแนวกันน้ำ รวมถึงชลประทานพิจิตรได้ประสานงานขอให้มีการลดระดับการระบายน้ำจากแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่านด้วยเช่นกัน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อชาวลุ่มน้ำน่าน

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แม่น้ำวังลำปางหนุนสูง ชาวบ้านก่ออิฐประตูบ้านกลางดึก

เวลา 01.00 น.วันที่ 17 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์เฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ อ.เถิน และ อ.แม่พริก ที่เกิดจากมวลน้ำก้อนใหญ่จากพื้นที่ตอนเหนือตั้งแต่ อ.แม่เมาะ เกาะคา และ สบปราบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำวังสูงถึง 4.48 เมตร ทำให้ไหลเข้าท่วมสะพานข้ามแม่น้ำวัง "เมืองเถิน 100 ปี" หมู่ 4 บ้านล้อมแรด ซึ่งเป็นใช้เป็นทางข้ามไปยังหมู่ 6 บ้านหนองบัว ใช้การไม่ได้แล้ว เทศบาลตำบลล้อมแรด ต้องประกาศเตือนประชาชนให้ขนย้ายสิ่งของ รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ตามตลิ่ง ขึ้นไปอยู่ในที่ปลอดภัย
โดยชาวบ้านล้อมแรด พากันแตกตื่นตั้งแต่กลางดึก ต่างขวัญผวาว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำเหมือนปี 2554 อีกครั้ง หลายครอบครัวที่มีที่อยู่อาศัยใกล้กับริมแม่น้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านขายของ ได้นำอิฐบล๊อคที่เตรียมไว้ในบ้านก่อนหน้า นำมาก่อเป็นกำแพงสูงประมาณ 60 ซม.เพื่อสร้างพนังกั้นน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำไหลเข้าบ้าน และร้านค้า ซึ่งจะทำความเสียหายแก่สินค้าที่รอจำหน่ายเสียหาย
ด้านนายวานิช วิเชียรนุกุล รองนายกเทศมนมตรีตำบลล้อมแรด ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เทศบาลฯ จัดกำลังเฝ้าจับตาตรวจเช็คระดับน้ำในแม่น้ำวัง และรายงานทุกครึ่งชั่วโมงเพื่อประเมินสถานการณ์ เนื่องจากระดับน้ำใกล้จุดวิกฤต ซึ่งเหลือเพียง 52 ซม.ที่จะทำให้เกิดน้ำไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยขณะนี้ได้ขนกระสอบทราบไปกั้นพื้นที่เสียงตามจุดสำคัญ เช่น ทางระบายน้ำไหลออกแม่น้ำวัง เพื่อป้องกันน้ำไหลเข้ามาในหมู่บ้าน และติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบเอาน้ำที่ไหลเข้าท่อระบายน้ำออก เพื่อป้องกันน้ำท่วมโรงเรียนในพื้นที่


ระนองเร่งซ่อมแซมถนนชำรุดเหตุฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก

ระนอง - ระนอง เร่งซ่อมแซมถนนหนทางที่ชำรุดเสียหายจากเหตุฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก
นายเชาวลิต นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า จากสภาวะฝนที่ตกหนัก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วงที่ผ่านมาในเขตพื้นที่ จ.ระนองพบว่าได้สร้างความเสียหายให้กับสิ่งสาธารณประโยชน์โดยเฉพาะถนนหลายสาย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางสัญจร รวมถึงเกิดปัญหาในการขนส่งสินค้า ผลผลิตทางการเกษตร ช่วงที่ผ่านมาทาง ปภ.ระนองได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการซ่อมแซมเส้นทางที่ได้รับความเสียหายจากเหตุฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน โดยเร่งดำเนินการซ่อมแซมในช่วงที่ฝนหยุดตกซึ่งขณะนี้สามารถดำเนินการได้หลายเส้นทางแล้ว
นายเชาวลิต กล่าวอีกว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดระนองพบว่าจากสภาวะฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดระนองตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.55 ถึงปัจจุบัน มีราษฏรได้รับความเดือดร้อน 250 คน รวม 60 ครัวเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์เสียหายถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกกระแสน้ำเซาะขาด และชำรุดเสียหายรวม 8 สาย ท่อกลม คสล. 6 แห่ง สะพานลวดสลิง 1 แห่ง พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อ.กะเปอร์ เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าทะลักเข้าท่วมพื้นที่ 5 ตำบลของ อ.กะเปอร์ ประกอบด้วย ต.บางหิน,ต.บ้านนา,ต.เชี่ยวเหลียง,ต.ม่วงกลวง และ ต.กะเปอร์ โดยบางหมู่บ้านพบมีน้ำท่วมสูงประมาณ 50-60 ซม. นอกจากนี้ยังเกิดน้ำท่วมขังบนถนนในเขตพื้นที่ อ.เมืองระนอง โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองระนองหลายจุดเหตุเพราะมีน้ำจากลำคลองเอ่อท่วมถนนในหลายเส้นทางช่วงฝนตกหนักลำคลองระบายน้ำไม่ทัน
นายเชาวลิต กล่าวด้วยว่า จังหวัดระนองจะยังคงเฝ้าระวังสภาวะฝนตกหนักต่อไปอีกในระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย.55 นี้ เนื่องจากจังหวัดระนองยังคงได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ลมพัดแรงกระโชกบางช่วง ดังนั้นเพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรงในทะเล อันอาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ทาง ปภ.ระนองจึงได้ประสานให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังคงเตรียมพร้อมตลอด 24 ชม. เพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พิสูจน์พบ “น้ำแข็งแห้ง” เป็นหิมะตกบนดาวอังคาร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>17 กันยายน 2555 14:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพวาดจำลองเมฆคาร์บอนไดออกไซด์แข็งที่ตกเป็นหิมะบนขั้วใต้ของดาวอังคาร (นาซา/สเปซด็อมคอม/ Christine Daniloff)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ข้อมูลจากยานอวกาศนาซาที่โคจรรอบดวงดาวอังคารระหว่างฤดูหนาวบนดาวเคราะห์ดังกล่าวในปี 2006 ถึง 2007 และพบว่ามี “น้ำแข็งแห้ง” เป็นหิมะตกบนขั้วใต้ของดาวแดง ซึ่งนับเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวเท่าที่ทราบในระบบสุริยะที่มีปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่แปลกประหลาดนี้ เพราะยังมีหิมะจากน้ำปกติตกที่อีกขั้วของดาว

ข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ได้จากยานมาร์สรีคอนเนซองส์ออร์บิเตอร์ (Mars Reconnaissance Orbiter) หรือยานเอ็มอาร์โอ (MRO) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่ามีหิมะตกบนดาวอังคารจากกลุ่มเมฆที่อยู่รอบๆ ขั้วใต้ของดาวอังคาร

โดยขั้วใต้ของดาวอังคารนั้นเป็นแหล่งของคาร์บอนไดออกไซด์เย็นหรือ “น้ำแข็งแห้ง” ที่ปกคลุมตลอดทั้งปี ซึ่งสเปซด็อทคอมอ้างความเห็นจากนักวิจัยว่า การค้นพบนี้อาจช่วยอธิบายได้ว่า น้ำแข็งแห้งเหล่านั้นก่อตัวขึ้นและคงอยู่ได้อย่างไร

พอล เฮย์เน (Paul Hayne) หัวหน้าทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการจรวดขับเคลื่อนความดัน (Jet Propulsion Laboratory) หรือเจพีแอล (JPL) ของนาซา ในพาซาดีนา แคลิฟอร์เนีย แถลงว่าการตรวจพบครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้บทสรุปในที่สุดว่า มีเมฆหิมะคาร์บอนไดออกไซด์หรือหิมะน้ำแข็งแห้ง

เฮย์เนบอกว่าพวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมฆที่ปกคลุมดาวอังคารเหล่านั้นมีองค์ประกอบเป็นคาร์บอนไดออกไซด์หรือเกล็ดน้ำแข็งของบรรยากาศดาวอังคาร และเมฆเหล่านั้นหนาพอที่จะตกเป็นหิมะบนพื้นผิวดาวเคราะห์

อย่างไรก็ดี การค้นพบดังกล่าวแสดงว่าดาวอังคารนั้นมีหิมะ 2 ชนิดที่แตกต่างกัน โดยเมื่อปี 2008 ยานลงจอดฟีนิกซ์ (Phoenix lander) ของนาซาได้สำรวจพบหิมะน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำอย่างที่เราบนโลกคุ้นเคยนั้นตกใกล้ๆ ขั้วเหนือของดาวแดง

เฮย์เนและทีมของเขาได้ศึกษาข้อมูลที่บันทึกด้วยอุปกรณ์ชื่อ มาร์สไคลเมตซาวน์เดอร์ (Mars Climate Sounder) ของยานเอ็มอาร์โอ ระหว่างฤดูหนาวทางชั้วใต้ในปี 2006-2007 โดยเครื่องมือดังกล่าวนั้นได้วัดความสว่างของความยาวคลื่นในย่านแสงที่ตามองเห็นและแสงอินฟราเรดรวม 9 ความยาวคลื่น ซึ่งช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้คุณลักษณะที่สำคัญของอนุภาคและก๊าซของบรรยากาศดาวอังคาร อย่างเช่น ขนาดและความควบแน่น เป็นต้น

ด้าน เดวิด คาส (David Kass) ผู้ร่วมวิจัยจากเจพีแอลเช่นกันกล่าวว่า หลักฐานที่ชี้ว่ามีหิะตกบนดาวอังคารคือข้อมูลที่ระบุอนุภาคของน้ำแข็งแห้งซึ่งใหญ่พอที่ตกสู่พื้นผิวของดาวอังคารได้ อีกหลักฐานคือเมื่อเครื่องมือบนยานชี้ตรงไปที่ขอบฟ้าแทนที่จะชี้ลงสู่พื้นผิวดาวอังคารนั้น ให้ข้อมูลสเปกตรัมอินฟราเรดที่เป็นลักษณะเฉพาะของอนุภาคน้ำแข็งแห้ง และวิธีดังกล่าวยังแยกได้ระหว่างอนุภาคน้ำแข็งแห้งในบรรยากาศกับน้ำแข็งแห้งบนพื้นผิว

อย่างไรก็ดี นักดาราศาสตร์ยังไม่มั่นใจเต็มที่ว่าน้ำแข็งแห้งที่ปกคลุมขั้วใต้ดาวอังคารอย่างถาวรนั้นทับถมกันได้อย่างไร ซึ่งขั้วใต้ของดาวอังคารเป็นจุดเดียวที่มีน้ำแข็งแห้งปกคลุมพื้นผิวตลอดทั้งปี ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่าน้ำแข็งแห้งเหล่านั้นอาจจะมาจากหิมะ หรืออาจเกิดจากการแข็งตัวของอากาศที่ระดับพื้นผิวดาวเคราะห์ก็เป็นได้

การที่น้ำแข็งแห้งจะตกสู่พื้นได้นั้นต้องมีอุณหภูมิต่ำถึง -125 องศาเซลเซียส ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพื้นผิวดาวอังคารนั้นหนาวเย็นแค่ไหน และการศึกษาของนักวิจัยครั้งนี้จะตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารเจอร์นัลออฟจีโอกราฟิสิคัลรีเสิร์ช (Journal of Geophysical Research)

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700><TBODY><TR><TD vAlign=top width=700 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แผนที่แสดงการทับถมของหิมะน้ำแข็งแห้งบนดาวอังคาร (สเปซด็อมคอม/นาซา/เจพีแอล)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ฝนถล่มน้ำหลากท่วมสระแก้ว 2 อำเภอ สั่งปิด 3 โรงเรียน

ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ได้จัดกำลัง จนท.ทหารพรานออกช่วยเหลือและตรวจสอบระดับน้ำที่ไหลมาตามคลองพรมโหด จนเอ่อเข้าท่วมสะพานบ้านท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นอกจากนี้น้ำในลำคลองพรมโหด ซึ่งเป็นคลองกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา ได้เอ่อสูงขึ้นจนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของราษฎร ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว น้ำในลำคลอง ได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงพื้นสะพาน ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวเขมร และชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ต่างวิตกกังวลเกรงว่าน้ำอาจสูงขึ้นเรื่อยๆจนท่วมสะพานกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา ได้ ส่วนโรงเรียนบ้านท่าข้าม ต.ท่าข้ามฯได้ประกาศปิดโรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน หลังน้ำเริ่มไหลเข้าในพื้นที่โรงเรียน นักเรียนเร่งเดินทางกลับบ้านกันจ้าระหวั่น

ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลังเกิดฝนตกหนักมา 2-3 วัน ทำให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.วัฒนานคร และ อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.วัฒนานคร,ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร กลางดึกทำให้ถนนหลายสายมีน้ำท่วมสูงกว่า 80 ซม.รถไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ บ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำ โรงเรียนบ้านหนองจิก ต.ท่าเกวียน ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 30 ซม.โรงเรียนต้องสั่งปิดเรียน 3 วัน นอกจากนี้น้ำยังไหลเข้าท่วมถนนสุวรณศร ซึ่งเป็นถนน 4 เลนสายหลักจากอำเภออรัญประเทศ เข้า กทม.บริเวณหน้าวัดหนองคุ้ม ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว สูงประมาณ 30 ซม.ยาวประมาณ 100 เมตร รถวิ่งผ่านไปมาต้องใช้ความระมัดระวัง

ส่วนอำเภออรัญประเทศ น้ำที่ไหลหลากมาจาก อ.วัฒนานคร ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านด่าน น้ำท่วมสูงกว่า 30 ซม. โรงเรียนต้องสั่งปิดเรียนเป็นเวลา 3 วัน นอกจากนี้น้ำที่ไหลหลากมาจาก อ.วัฒนานคร ลงสู่ลำคลองพรมโหด ซึ่งเป็นลำคลองผ่านพื้นที่ อ.อรัญประเทศ น้ำได้ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ต.เมืองไผ่ ต.คลองน้ำใส ต.ฟากห้วย และ ต.ท่าข้าม และน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท.หลายหน่วยงานเช่นทหารจากกองกำลังบูรพา,หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12,หน่วยกู้ภัยอรัญประเทศ , จนท.อำเภออรัญประเทศ และ จนท.เทศบาลเมืองอรัญประเทศ ระดมกำลังออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเป็นการเร่งด่วน



วัดโพสพผลเจริญสูบน้ำออกจากวัดรับมือน้ำท่วม

วัดโพสพผลเจริญ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พระครูไพศาล วัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดโพสพผลเจริญ และลูกศิษย์ ได้จัดหาซื้อเครื่องสูบน้ำจำนวน 2 เครื่องมูลค่าโดยรวมประมาณ 100,000 กว่าบาท มาสูบน้ำออกจากวัดเพื่อป้องกันน้ำท่วม เนื่องจากวัดตั้งอยู่ในพื่นที่ต่ำและติดกับคลอง 2 ทำให้น้ำในคลอง 2 ไหลเข้ามาภายในวัดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับทางวัดยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงกลัวว่า ถ้าน้ำท่วมวัดจะทำให้มีผลกระทบกับเต่าและปลาที่ทางวัดดูแลอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ให้พระลูกวัดและลูกศิษย์ช่วยกันสูบน้ำออกจากวัด


สระแก้วฝนถล่มน้ำหลากท่วม 2 อำเภอ

สะรแก้ว- ฝนตก 2 วันซ้อน น้ำหลากเข้าท่วมจังหวัดสระแก้ว 2 อำเภอ หลายพื้นที่ สั่งปิด 3 โรงเรียนน้ำสูงเกือบ 50 ซม.
ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา(ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา) ได้จัดกำลัง จนท.ทหารพรานออกช่วยเหลือและตรวจสอบระดับน้ำที่ไหลมาตามคลองพรมโหด จนเอ่อเข้าท่วมสะพานบ้านท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นอกจากนี้น้ำในลำคลองพรมโหด ซึ่งเป็นคลองกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา ได้เอ่อสูงขึ้นจนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของราษฎร ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว น้ำในลำคลอง ได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงพื้นสะพาน ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวเขมร และชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ด่านพรมแดนอรัญประเทศ ต่างวิตกกังวลเกรงว่าน้ำอาจสูงขึ้นเรื่อยๆจนท่วมสะพานกั้นพรมแดนไทย-กัมพูชา ได้ ส่วนโรงเรียนบ้านท่าข้าม ต.ท่าข้ามฯได้ประกาศปิดโรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน หลังน้ำเริ่มไหลเข้าในพื้นที่โรงเรียน นักเรียนเร่งเดินทางกลับบ้านกันจ้าระหวั่น
ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลังเกิดฝนตกหนักมา 2-3 วัน ทำให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.วัฒนานคร และ อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.วัฒนานคร,ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร กลางดึกทำให้ถนนหลายสายมีน้ำท่วมสูงกว่า 80 ซม.รถไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1 หมื่นไร่ บ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังคาเรือนจมอยู่ใต้น้ำ โรงเรียนบ้านหนองจิก ต.ท่าเกวียน ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 30 ซม.โรงเรียนต้องสั่งปิดเรียน 3 วัน
นอกจากนี้น้ำยังไหลเข้าท่วมถนนสุวรณศร ซึ่งเป็นถนน 4 เลนสายหลักจากอำเภออรัญประเทศ เข้า กทม.บริเวณหน้าวัดหนองคุ้ม ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว สูงประมาณ 30 ซม.ยาวประมาณ 100 เมตร รถวิ่งผ่านไปมาต้องใช้ความระมัดระวัง
ส่วนอำเภออรัญประเทศ น้ำที่ไหลหลากมาจาก อ.วัฒนานคร ได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ ต.บ้านด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านด่าน น้ำท่วมสูงกว่า 30 ซม. โรงเรียนต้องสั่งปิดเรียนเป็นเวลา 3 วัน นอกจากนี้น้ำที่ไหลหลากมาจาก อ.วัฒนานคร ลงสู่ลำคลองพรมโหด ซึ่งเป็นลำคลองผ่านพื้นที่ อ.อรัญประเทศ น้ำได้ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ ต.เมืองไผ่ ต.คลองน้ำใส ต.ฟากห้วย และ ต.ท่าข้าม และน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท.หลายหน่วยงานเช่นทหารจากกองกำลังบูรพา,หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 12,หน่วยกู้ภัยอรัญประเทศ , จนท.อำเภออรัญประเทศ และ จนท.เทศบาลเมืองอรัญประเทศ ระดมกำลังออกช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเป็นการเร่งด่วน

 

เริ่มใช้ป้ายทะเบียน ตัวเลขนำหน้าอักษร 1 กก เดือน พ.ย. นี้


เขียนโดย nuntarat โพสต์เมื่อ วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2555 เนื้อหานี้อยู่ในหมวด ข่าวทั่วไป, ข่าวเด่นประจำวัน, ข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจ


(ตัวอย่างป้ายทะเบียนแบบใหม่)
นายอัษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า คาดว่าแบบเลขทะเบียนรถยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะหมดลงในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทาง ขบ.ได้เตรียมพร้อมการใช้ทะเบียนรูปแบบใหม่ที่มีตัวเลข 1 หลัก นำตัวอักษร 2 ตัว ตามด้วยตัวเลขไม่เกิน 4 ตัว และชื่อจังหวัดไว้แล้ว
ทั้งนี้ ขนส่งทางบก(ขบ.) จะเริ่มจดทะเบียนจากหมวด 1กก มีหมวดเลขทะเบียนทั้งสิ้น 5,634 หมวด จะสามารถใช้จดทะเบียนรถใหม่ได้อีกนานถึง 157 ปี คิดเป็นจำนวนรถทั้งสิ้น 56,334,366 คัน
สำหรับทะเบียนรถที่ใช้ปัจจุบัน ถึงหมวด ฆร แล้ว และยังเหลืออีก 20 หมวด แต่ละหมวดจะจดทะเบียนรถได้10,000 คัน ในขณะที่โครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ทำให้ขณะนี้มีรถใหม่เข้าจดทะเบียนจำนวนมากเฉลี่ยเดือนละ 50,000 คัน จากเดิมที่มีรถใหม่จดทะเบียนเฉลี่ยเดือนละ 20,000 คัน ส่งผลให้มีการใช้เลขทะเบียนรถยนต์เพิ่มขึ้นเดือนละ 5 หมวดอักษร จากเดิมเดือนละ 2 หมวดอักษร ทำให้คาดการณ์ว่าแบบเลขทะเบียนรถยนต์แบบปัจจุบันที่ใกล้จะหมดแล้วจะหมดเร็วขึ้น
Mthai News