พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

อยากทราบด้วยคนครับผม

 

ตอบคำถามนู๋ก่อนจิ ไม่งั้นไม่เอามาให้อ่านน้า..าา<!-- google_ad_section_end -->
วันนี้เข้าฌานไม่ได้ครับ เพราะไปโรงพยาบาลมาเยี่ยมคนป่วยครับ ขอตอบไปเป็นวันพรุ่งนี้นะครับ ส่วน เรื่องที่ให้โหวต ให้เวลาถึงสองทุ่ม ถ้ามีไม่ครบ ห้าคนก็น่าจะขอข้ามไปครับ เพราะเป็นประสพการณ์ของคนๆหนึ่งครับ

 

เค้าแจ้งฟามประสงค์แย๊วน๊าาาาา

 

สี่คนแล้วคร๊าาาา ขออีกหนึ่งเท่านั้นนนนนน

 

สวัสดีคะ พี่ๆทุกท่าน ท่านประธาน พี่รั้ง พี่นุก พี่มิก พี่แต พี่ฟ้ามุ่ย พี่ฝ้าย และพี่ๆทุกคนคะ

เมื่อเช้านอนทำสมาธิ โดย พุทโธ
และท่อง อิทธิ ฤทธิ พิกานัง ทิสวานะตัง ไปเรื่อยๆ
แล้วก็....
ไปยืนอยู่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้น แต่เป็นลางๆ มองไม่ค่อยชัด
มีคนกลุ่มนึง ประมาณ 5-10 คน ทั้งหญิงและชาย กำลังนั้งคุยกันเหมือนกำลังประชุมกันคะ
แล้วมีผู้หญิงคนนึง ผมยักศก ยาวประบ่า รูปร่างท้วม ผิวขาว เดินมา จับมือ แล้วจูงมือเดินไปหากลุ่มคนนั้น
แล้วผู้หญิงคนนั้นพูดว่า มาแล้วเหรอคะ น้องจ๊ะโอ๋ พี่ๆ เขารออยู่
โอ๋ก็ถามกลับไปว่า พี่เป็นใครคะ แล้วรู้จักชื่อนู๋ได้ยังไง และ พี่ๆกลุ่มนั้นเขาทำอะไรกันคะ
ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า ....

พี่ชื่อ........... อยู่ที่กระทู้พญานาค ในเว็บพลังจิตไงคะ น้องสาว และพี่ๆ เขากำลัง คุยกันเรื่องภัยพิบัติ

 

ครายอ่ะ น้องจะโอ๋ ทามมายต้องมีจุดๆๆๆๆๆ

 

ยกสองแขนด้วยคนคร้าา

 

อยากฟังด้วยคนนะขอรับ

 

ยกมือชูจั๊กกะแร้อีก 1 เสียงค่ะ

 

แหะๆ จำไม่ได้ มันติดอยู่ที่ปากอ่ะคะ

ผมยาวประบ่า ยักศก ผิวขาวแต่ไม่ขาวมาก คงจะสูงประมาณ160cm
เพราะพี่เขาเตี้ยกว่าโอ๋เยอะ รูปร่างท้วม

 

อยากฟังคร่า... ^^

 

ประสบการณ์ สนทนาธรรมกับเทวดาที่วัดหลังถ้ำ (วัดป่า) อ.พิบูลมังสาหา

(เป็นเรื่องเล่าของคนๆ หนึ่งนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

เรื่องมีอยู่สั้นๆว่า สถานที่นี้ มีเทวดาหลายมิติ เช่น พญานาค นาคา นาคี พญาครุฑ กินรี กินนร ชาวบังบด คนธรรพ์ หิมพานต์ และรุกขเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าที่มากมายสถิตบริเวณวัด<wbr>และรอบนอกค่ะ เพราะว่าที่นี้เป็นมิติทับซ<wbr>้อน 3 มิติ

ตอนกลางวันก็ธรรมดาแต่อากาศ<wbr>ดีมาก ตอนกลางคืนก็เป็นบรรยากาศอี<wbr>กมิติเลยค่ะ ใครมาที่นี้ต้องได้รับประสบ<wbr>การณ์กันแบบของจริงทุกราย ที่นี้เหมาะักับคนที่ขอบศึก<wbr>ษาและบำเพ็ญศีลบำเพ็ญจิต ศีล สมาธิ ปัญญาแบบจริงจัง เพราะเทวดาที่นี้เคร่งครัดใ<wbr>นเรื่องศีลมากค่ะ ผู้น้อยเองเจอมากับตัวค่ะ มาหาผู้น้อยตัวเป็นๆ กันทุกค<wbr>ืนเลยค่ะ

ผู้น้อยได้แต่สำนึกขอขมากรร<wbr>ม ขออโหสิกรรมกับพวกเขาและขอบ<wbr>คุณพวกเขาที่มาเยี่ยมเยียนผ<wbr>ู้น้อยทุกคืน เพราะว่ามีผู้มีตาทิพย์เมตตาผู้น้อย<wbr>ว่า สถานที่นี้คือ บ้านเกิดของผู้น้อยในอดีตชา<wbr>ติ

เทวดาที่มาหาผู้น้อยทีนี้ล้<wbr>วนเป็นบรรพบุรุษและเครือญาต<wbr>ิกับผู้น้อยทั้งนั้น ผู้น้อยเคยเกิดเป็นพญานาคที<wbr>่มีกายสีเขียวและเลื่อมใสศร<wbr>ัทธาในธรรมะ จึงมีความประสงค์อันแรงกล้า<wbr>ที่จะบวชเป็นพระภิกษุ แต่ผู้<wbr>น้อยได้แอบหนีออกมาจากเมือง<wbr>บาดาลแบบดื้อๆ ซึ่งเป็นการทำ<wbr>ผิดกฎอันมหันต์ของเมืองบาดา<wbr>ล

 

จึงถูกคำสาปให้ผู้น้อยมาเกิ<wbr>ดเป็นกะเทยเพื่อไม่ให้ผู้น้<wbr>อยบวชพระได้เลยในชาตินี้ เบื้องบนจึงดลใจให้ผู้น้อยก<wbr>ลับมาขอขมา ขออโหสิกรรมในถ้ำแห่งหนึ่งใ<wbr>กล้วัด และขอขมากรรมกับเทวดา ญาณทิพย์ทั้งหลายที่มาหาผู้<wbr>น้อยตอนกลางคืน ผู้น้อยแปลกใจว่า ทุกครั้งที่ขอขมากรรมกับเหล<wbr>่าเทวดาที่มาหาผู้น้อยช่วงด<wbr>ึก ทำไมผู้น้อยถึงน้ำตาไหลไม่ห<wbr>ยุดแล้วได้ยินเสียงพวกเขาตอ<wbr>บรับแบบว่า

พวกเขายินดีอโหสิกรรมให้ผู้<wbr>น้อย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้น้อยเกิดเบื่อโลก เบื่อเรื่องของมนุษย์ แล้วจิตหนึ่งอยากออกธุดงธ์ใ<wbr>นป่าเขาหรือตามถ้ำ อาการเป็นแบบนี้มาตลอด ชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับพญาน<wbr>าคมากๆมาตั้งแต่เด็ก ญาณทิพย์ทั้งหลายที่นี้ใจดี<wbr>มากๆค่ะ ถึงมาแบบเสียงดังๆก็ตาม การที่จะสัมผัสสื่อสารกับพว<wbr>กเขาได้ที่นี้ ไม่ต้องถึงกับมีญาณสมาธิสูง<wbr> เพียงแค่ทำใจให้สงบ หลับตาสบายๆ คือ อยู่อย่างเงียบสงบแล้วจะได้<wbr>ดูอาไรดีๆค่ะ ห้ามนอนนะคะ ไม่งั้นไม่ได้สื่อกับพวกเขา

แต่พวกเขามากันทุกคืนเลยค่ะ<wbr>จนผู้น้อยเองไม้ได้หลับนอนม<wbr>าสี่คืน เพราะหากนอนแล้ว ก็จะโดนปลุกด้วยเสียงของวัต<wbr>ถุกระทบพื้นศาลาที่ดังๆ เหมือนความจริงมากเลย มาทั้งเสียงและการสัมผัสการ<wbr>เคลื่อนไหว แต่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องใช้ความรู้สึกที่สงบสัม<wbr>ผัสเอาค่ะ

 

ครบแล้วจร้า ท่านอา

เหลาด่วนนนนนน

 

ผู้น้อยก็เจอคืนแรก คือ พญาครุฑ พญานาคและอื่นอีกค่ะ ส่วนคนธรรพ์ก็จะมาบรรเลงดนต<wbr>รีโบราณให้ฟังทุกคืนค่ะ เป็นเสียงฆ้องที่ไพเราะและเ<wbr>พลินมากๆเลยค่ะ แล้วก็ที่นี้ เทวดาชอบฟังธรรมะจากเรามากค<wbr>่ะ คือ สิ่งที่ผู้น้่อย ติดตัวมาที่จะมาแบ่งปันกับพ<wbr>วกเขาได้ ก็คือ ธรรมะที่ผู้น้อยได้รับจากเบื้องบน จากคำสอน พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท<wbr>่านั้นเองค่ะ ก็นำธรรมะไปพูดกับพวกเขา ผู้น้อยเล่าให้พวกเขาฟังเรื่อง การปรกโปรดสามโลก พระศรีอาริย์ อนุตตรธรรม และ การบำเพ็ญจิต การปฎิบัติธรรม และการได้พบกับพระวิสุทธิอา<wbr>จารย์ในยุคขาว

ผู้น้อยก็บอกไปพอคร่าวค่ะ แต่ที่สังเกตคือ พวกเขายินดีรับฟังอย่างตั้ง<wbr>ใจจริงๆ ค่ะ คือ ตอบรับผู้น้อยด้วยเสียงหรือ<wbr>ภาษาที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์ค่ะ<wbr> แต่ละคืน แต่ละกลุ่มของเทวดาที่มาเยี<wbr>่ยมผู้น้อยช่วงกลางคืน ระหว่างนั้นที่ผู้น้อยสนทนา<wbr>ธรรมะกับพวกเขา ก็รู้สึกเหมือนเบื้องบนเติม<wbr>ปัญญาให้ผู้น้อยค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้น้อยบอกพวกเขาคือ พวกเขาไม่มีกายสังขารซึ่งผู<wbr>้น้อยเห็นใจพวกเขามาก แล้วเลยเสนอให้พวกเขามาช่วย<wbr>งานธรรมะของธรรมกาลยุคขาวที<wbr>่ไหนก็ได้ สถานธรรมไหนก็ได้ที่มีงานปร<wbr>ะชุมธรรมหรือมีงานรับธรรมะ ให้พวกเขาดลจิตใจ นำพาคนบุญ ลุกหลานที่มีกายเนื้อมารับธ<wbr>รรมะและร่วมบำเพ็ญ สร้างบุญกุศล

ก็จะทำให้พวกเขาได้มีบุญที่<wbr>จะได้เกิดกายเป็นมนุษย์ เกิดในครอบครัวของผู้บำเพ็ญ<wbr>ธรรมในธรรมกาลยุคขาว หรือ อาจได้ไปฟังธรรมกับพระศรีอา<wbr>ริย์ที่ลานธรรมเบื้องบน หรือ อาจได้รับธรรมะจากพระวิสุทธ<wbr>ิอาจารย์ หรือ อาจได้มีลูกหลานที่เป็นมนุษ<wbr>ย์ได้รับธรรมะ สามารถเพิ่งบุญจากลูกหลานได<wbr>้นั่นเอง ผู้น้อยบอกพวกเขา พวกเขาก็ทำเสียงแบบปิติมากค<wbr>่ะ แล้วก็มาเฝ้ามาจ้องมองใกล้ผู้น้อยทุกคืน

 

ต่อๆๆ คะพี่นุ๊ก กำลัง ม่วน อิอิ

 

คืนแรก อาจกลัวมากเพราะไม่เคยประสบ<wbr>แบบนี้มาก่อน แต่พอพวกเขามาถึง พวกเขาก็ไม่ทำอันตรายผู้น้อ<wbr>ยหรือแตะต้องตัวเราเลย ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของพว<wbr>กเขาเท่านั้นและเสียงการคลา<wbr>นมาหาผู้น้อยและเสียงเครื่อ<wbr>งแต่งกายที่ทำจากโลหะกระทบก<wbr>ับพื้น ผิวศาลา หรือ เสียงฮึมฮับ เสียงการไอ เสียงการพุดคุยกัน เสียงนกร้อง เสียงดนตรีที่ไพเรา เสียงเท้าเดินมาหาผู้น้อย เสียงการกระพือปีกบิน เสียงตอบรับ พวกเขาคลานหมอบมาหาผู้น้อย ผู้น้อยแทนที่จะกลัว กลับเกิดจิตสงสารพวกเขาเหลื<wbr>อเกินและสวดมนต์หมีเล่อเจิน<wbr>จิงตอบแทนพวกเขาไป ทุกครั้งที่สวดจบ จะได้ยินเสียงเทวดาหรือพญาน<wbr>าคท่านหนึ่งคายลูกแก้วมาให้<wbr>ผู้น้อย

ท่านคายไว้ข้างๆกายผู้น้อย แต่ลูกแก้วนี้ เป็นทิพย์ ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยกายเ<wbr>นื้อจร้า ผู้น้อยจึงสาธุรับไป ผู้น้อยกลับมองว่า วิญญาณหรือญาณทิพย์ ไม่น่ากลัวเท่ากับมนุษย์เลย<wbr> อีกอย่างเวลาที่ผู้น้อยพูดถ<wbr>ึงเรื่องการถือศีลกินเจ พวกเขาชอบมากๆเลยค่ะ ผู้น้อยก็ขอร้องพวกเขาให้ดล<wbr>ใจมนุษย์ให้เลิกฆ่าสัตว์เพื<wbr>่อเป็นอาหารแต่จิตสัมผัสผู้<wbr>น้อยกำลังบอกว่า เทวดาจริงๆไม่กล้าเข้าใกล้ม<wbr>นุษย์ที่กินเนื้อสัตว์เพราะ<wbr>กลิ่นตัวเหม็นมากๆ มีแต่พวกวิญญาณอสุรหรือสัมภ<wbr>เวสีเท่านั้นที่ยังเสพเนื้อ<wbr>สัตว์อยู่ ผู้น้อยได้ความมาแบบนั้น

เพราะในโลกมิติของพวกเขา พวกเขาก็ได้รับการชี้เ้แนะเ<wbr>รื่องนี้เหมือนกันจากพระอริ<wbr>ยเจ้าเพราะว่า พวกเขาเคร่งครัดในศีล พวกเขาจะไม่เบียดเบียนชีัวิ<wbr>ตของใครเลย

บางคืน พอพวกเขามา ผู้น้อยจะสวดหมีเล่อเจินจิง<wbr>ให้พวกเขาฟัง พวกเขาสื่อมาว่า เป็นบทสวดที่ฟังแล้วเบาสบาย<wbr>จิตญาณเหลือเกิน ช่างไพเราะมากเหลือเกินแล้ว<wbr>ผู้น้อยก็แผ่บุญในการสวดหมี<wbr>เล่อให้พวกเขาไป พวกเขา็ดีใจกันมากเลยค่ะ แล้วผู้น้อยถามพวกเขาก่อนวั<wbr>นที่จะกลับว่า พวกท่านทั้งหลาย ยินดีช่วยงานธรรมกาลยุคขาวห<wbr>รือไม่ พวกเขาก็ตอบรับด้วยเสียงในภ<wbr>าษาของพวกเขาค่ะ แต่ผู้น้อยเข้าใจว่า พวกเขายินดีค่ะและดีใจที่มี<wbr>ข่าวดีจากเบื้องบนแบบนี้

 

พวกเขารับรู้ได้ทันทีถึงบาร<wbr>มีพระโองการสวรรค์และบารมีข<wbr>องพระอาจารย์จี้กง แล้ววันหนึ่งผู้น้อยไปนั่งส<wbr>มาธิ สวดหมีเล่อ 9 จบ บนโขดหินริมแม่น้ำมูล (ดูรูปนะคะ) แล้วแผ่บุญไปให้กับชาวบาดาล<wbr> และเหล่าญาณทิพย์ทั้งหลายใน<wbr>อาณาเขตนั้น อีกทั้งเปืดเพลงพระโอวาทจาก<wbr>มือถือให้พวกเขาฟัง ทันใดนั้น ผู้น้อยก็มองไปเห็นก้อนเมฆส<wbr>องก้อน ก้อนหนึ่งเป็นรูปลักษณ์ของพ<wbr>ระศรีอาริย์และอีกก้่อนหนึ่<wbr>งก็คือ พระอาจารย์จี้กง ซึ่งเหมือนที่ผู้น้อยเห็นตา<wbr>มสถานธรรมเลยค่ะ จึงทราบทันทีว่า เทวดาทั้งหมดที่นั่นรับทราบ<wbr>การปรกโปรดสามโลกแล้ว เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเ<wbr>ป็นหลักฐาน พอถึงวันกลับกรุงเทพ

ผู้น้อยมองไปที่ท้องฟ้าอีก ก็เห็นก้อนเมฆก้อนหนึ่งเป็น<wbr>รูปพญานาคหรือมังกรหลายองค์<wbr>เลยค่ะ ไม่แน่ใจ แต่ว่า เหมือนพญานาคมากทั้งส่วนหัว<wbr>และส่วนหาง ผู้น้อยก็ลิมถ่ายรูปไว้ิีอี<wbr>ก ทีนี้ พอตอนนั่งรถออกมา กำลังจะไปสถานีรถไฟวาริน ผู้น้อยได้ถ่ายก้อนเมฆไว้ รูปก็ออกมาเหมือนพญาครุฑ มากค่ะ แต่เชื่อไหมว่า ทุกคืน พญาครุฑและเหล่ากินรี กินนรจะบินมาหาผู้น้อยที่มุ<wbr>้ง เสียงของนก ปีกษาทั้งหลายที่ไำพเราะมาก<wbr> รับรองไม่ได้ยินเสียงแบบนี้<wbr>ในโลกมนุษย์ นกที่บินมาหาทุกคืน มีแสงสีขาว สว่างจ้าเลยค่ะ บินช้าๆผ่านผู้น้อยไปมา พอตอนเช้า จะมีนกตนหนึ่งร้องเป็นเสียง<wbr>สัญญาณว่า พวกเขาจะกลัีบมิติของพวกเขา<wbr>แล้ว พอนกร้องเสียงสัญญาณ เทวดาทั้งหลายก็จางหายไปค่ะ

แล้วคืนหนึ่ง ตอนตีสามจะได้ยินเสียงพระลึ<wbr>กลับสวดมนต์ให้ค่ะ เหมือนอวยพรเราเลยค่ะ แต่ว่าผู้น้อยมองหาแหล่งที่<wbr>มาของเสียง กลับไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงกังวาลไปรอบศ<wbr>าลา ผู้น้อยได้แต่สาธุๆๆๆในจิตก<wbr>ับเสียงสวดมนต์ที่ได้ยิน ซึ่งบทสวดนี้ ไม่มีในโลกมนุษย์ค่ะ วันหนึ่งที่ทำวัตรเย็นแล้วน<wbr>ั่งสมาธิ 10 นาทีกับกลุ่มชาวบ้าน ก็มีเสียงสวดมนต์ก้องในหูข้<wbr>างซ้ายผู้น้อย เป็นบทสวดที่ไม่เคยได้ยินมา<wbr>ก่อนเลยค่ะ แล้วก็ดังเรื่อยๆจนกระทั่งห<wbr>ลวงพี่บอกให้โยมทุกคนออกจาก<wbr>สมาธิ เสียงจึงหายไปแล้วผู้น้อยก็<wbr>ถามโยมว่า ได้ยินเสียงสวดมนต์กันไหม ชาวบ้านบอกว่า ไม่ได้ยินเสียงอาไร

 

แต่ผู้น้อยไปที่นี้ ก็เพื่อสวดหมีเล่อเจินจิงให<wbr>้พวกเขาเท่านั้น แล้วก็ยังได้ทราบว่า เทวดาทั้งหลายต่างก็อยากช่ว<wbr>ยงานการปรกโปรดสามโลกกันทั้<wbr>งนั้น ซึ่งพวกเขายินดีที่จะช่วยหน<wbr>ุนงานธรรมค่ะ ทุกวันนี้ ผู้น้อยก็ยังสัมผัสสื่อมาจา<wbr>กพวกเขานะคะถึงแม้ว่าผู้น้อ<wbr>ยจะอยู่กรุงเทพฯ ก็ตาม ที่สำคัญคือ ผู้น้อยได้ไปผูกบุญสัมพันธ์<wbr>กับชาวบ้านและแม่ชีทีนี้ ซึ่งก็มีแม่ชีสนใจไปรับธรรม<wbr>และศึกษาธรรมค่ะ แม่ชีเล่าให้ผู้น้่อยฟังว่า<wbr> ปู่ฤาษีนารอดพาแม่ชีถอดจิตไ<wbr>ปกราบพระบาทพระอาจารย์จี้กง<wbr>แล้วพระอาจารย์จี้กง ก็ได้ให้แม่ชีเห็นอดีตชาติว<wbr>่า แม่ชีและผู้น้อยเคยเป็นพี่น<wbr>้องฝาแฝดกัน จึงมีบุญสัมพันธ์ต่อกัน แล้วจู่ๆ ปู่ฤาษีก็อนุญาตให<wbr>้แม่ชีไปรับธรรมะได้และศึกษ<wbr>าหนทางธรรมนี้ต่อไป

เมื่อถึงบุญวาระ แม่ชีบอกว่า พระอาจารย์จี้กงยิ้มเก่ง ท่านชอบหัวเราะแล้วเมตตาบอก<wbr>แม่ชีว่า ให้แม่ชีไปรับธรรมะ ฉุดช่วยเหล่าจิืตญาณ ญาณทิพย์ เทวดาทั้งหลายที่นี้ นำงานธรรมะส่งเสริมชาวบ้านท<wbr>ี่นี้ได้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับแม่ชีว่า จะมีความตั้งใจและศรัทธาจริ<wbr>งใจหรือไม่ แต่ที่สำคัญค่ะ ที่เทวดาทั้งหลายต้องการให้<wbr>ข้าพเจ้าทำให้พวกเขาคือ ให้ไปบอกมนุษย์ว่า

พวกเขามีอยู่จริงเพียงแต่ว่<wbr>า มนุษย์มองไม่เห็น เมื่อมองไม่้เห็น จิตไม่ละเอียดพอ ก็มีมนุษย์มากมายทั่วโลก โดยเฉพาะ สื่อออนไลน์ มีมนุษญ์บางกลุ่มที่ปรามาส ลบหลู่เทพเทวา ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางรายชอบหลงตนเองว่ามนุษย์<wbr>สูงส่งกว่าเทวดาทั้งหลายทั้<wbr>งๆที่ศีลยังไม่บริสุทธิ์ได้<wbr>จริืง จึงสร้างมโนกรรม มีจิตอกุศล ลบหลู่ ไม่เชื่อว่าเทวดารับรู้ความ<wbr>คิด การเคลื่อนไหวของมนุษย์ทุกอ<wbr>ย่าง ตามเว็ป youtube ก็มีมนุษย์คนไทยและชาติิื่อ<wbr>ิ่นพูดจาหยาบคาย ต่ำทรามไปถึงเทวดา พวกเราผิดหวังกับมนุษย์สมัย<wbr>นี้มาก มีศาสนามากล่อมเกลาแต่กิเลส<wbr>ก็หนาอยู่เหมือนเดิม จิตยิ่งมีสกปรกมากกว่าเดิม ยิ่งมาก ยิ่งดื้อและรู้มากเกินไป อวดฉลาด อวดรู้ว่าตนเองรู้ธรรมะเยอะ<wbr> รู้จริงงั้นหรือ มนุษย์หลายคนศึกษาธรรมก็ยัง<wbr>ไม่เข้าใจธรรมะเลย

แค่รู้เฉยๆ หากเข้าใจธรรมะ ก็จงหยุดสร้างกรรม หยุดจิตอกุศลของพวกท่านซะสิ<wbr> ทำไมยิ่งรู้ ยิ่งสร้างกรรมชั่วเล่า ทำไมไม่หยุดเสียที นี้หรือคือคนที่เข้าใจธรรมะ<wbr> หากเข้าใจ จงดำเนินออกมาจริงๆ อย่ามัวสวมหน้ากากอยู่เลย อย่าคิดนะว่า จะได้ไปเทวโลก ไม่ได้ไปง่ายๆหรอกนะ บุญที่ทำกันน่ะเป็นบุญภายนอ<wbr>กเท่านั้น บุญจริงกุศลแท้มันเกิดจากจิ<wbr>ตที่สะอาด เจตนาที่บริสุทธิ์ ให้ความสุขกับคนอื่น ไม่ใช่เพื่อความสุขของตนเอง<wbr> สุขปลอมๆ รู้ตัวกันบ้างไหม สุขที่เกิดจากการปรุงแต่งเท<wbr>่านั้น คนมากมายได้แต่ทฤษฎีธรรมเท่<wbr>านั้น ปัญญาที่ได้มาจากปัญญาของคร<wbr>ูบาอาจารย์ ของคนอื่น หาใช่ปัญญาที่ได้มาจากตนเอง<wbr>ไม่ อยากมีปัญญา ก็ต้องปฎิบัติเอง ทดลองเอง สอบเอง ผู้รู้ธรรมจริง เขาศึกษาตนเอง จากชีวิตจริง

ประสบการณ์จริง ด้วยตัวของเขาเอง ไม่ใช่ copy ปัญญากันมาจากตำราหรือคำพูด<wbr>ครูหรือคนอื่นที่เล่าต่อกัน<wbr>มา คนที่รู้ไม่จริงหรืออวดรู้ม<wbr>ากทั้งๆที่ยังไม่เข้าถึง กิเลสหนาอยู่เยอะ ส่วนมากจะทำเป็นสั่งสอนคนอื<wbr>่นทั้งๆที่ตนเองไม่เคยนำไปป<wbr>ฎิบัติจริงในชีวิตจริงเลย แค่ศีลก็ยังไม่ปฎิบัติได้หม<wbr>ดทุกข้อแล้วจะอวดว่าตนเข้าถ<wbr>ึง เข้าใจธรรมะได้อย่างไรกันเล<wbr>่า

 

ว้าววว มีคนคิดถึงหนูด้วย ดีจายยจัง จุ๊บบบ