จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    ขออนุโมทนากับจิตบุญ ดวงที่๙๐ และครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ...สาธุ
    จุ๋ม จบ ๘๔

     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาสาธุ ธรรมาทานของคุณหมอด้วยครับ และผมขยายตัวหนังสือให้ใหม่ จะได้อ่านง่ายขึ้น
     
  3. Patcharawan

    Patcharawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +3,980
    กราบสวัสดีครูวิทย์ค่ะ
    จุ๋มกับน้องอรไม่ค่อยได้เจอกันค่ะ น้องเค้าอยู่ Hamburg ส่วนจุ๋มอยู่ Bremerhaven..ส่วนใหญ่เจอกันในเฟสค่ะ น้องอรคงมี Downline แถว Hamburg ส่วนจุ๋มวันพุทธนี้จะพาพี่ฟ้ารายงานตัวนะคะ
    ไม่ทราบว่าเรือครูวิทย์ลูกศิษย์เต็มลำหรือยังเอ่ย ?:z6
     
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ลูกขอกราบหลวงปู่ดู่ด้วยเศียรเกล้าขอรับ...
    ขอโมทนาสาธุกับคุณจารุณีด้วย มาให้ธรรมาทานกับพวกเรา สาธุๆ

    ผู้ใดคิดมาก เป็นที่มาของทุกข์และเป็นทุกข์
    ผู้ใดดูจิตก็ยิ่งเห็นทางดับการทุกข์ แต่ถ้ายิ่งดูจิตมากเป็นการดับทุกข์ตนเองได้
    บอกกันไปแล้วไงว่า สติมากจิตจึงจะนิ่งมากได้ หรือจิตจะเป็นเป็นสมาธิ จิตเกิดปัญญา เพราะฉะนั้นแล้วจิตบุญทั้งหลาย นอกจากจะรักษาศีลละเอียดกันได้แล้ว ย่อมไม่เผลอสติ หรือขยันทำจิตหล่นฌานกัน
    จิตคนเรานั้น ห้ามความคิดไม่ได้ แต่จะห้ามกันได้ที่ดวงจิต คือจะต้องทำดวงจิตให้นิ่งให้ได้ นั่นก็คือ สร้างสติให้เป็นนิจ เป็นนิสัย เกิดความเคยชินเหมือนเราถึงเวลาทานข้าวก็ต้องทาน ไม่ทานก็ไม่ได้หิว ไม่มีเรี่ยวแรง จิตก็เหมือนกัน คนเรานั้นใช้พลังจิตไปกับกิเลสมาก ที่ที่พวกเรากำลังส่งจิตออกนอกกันอยู่นั้น ก็กำลังใช้พลังงานจิตกันแล้ว ประหยัดพลังจิตโดยการ อย่าไปคิด อย่าไปวิ่งตามกิเลสมัน ขอให้เราสังเกตุก่อนและหลังความโกรธกันดูนะ จะเห็นได้ชัด หลังโกรธหรือความโกรธหายไปแล้ว ทำไมเราเหนื่อยจัง เอ่อน่ะ คนเรานี่ย่อมโง่มาก่อนฉลาดกันทั้งนั้นแหล่ะ ก็อย่าไปว่ากัน คนที่ฝึกจิต ฝึกจนจิตเป็นผู้ดูให้ได้ แต่ถ้าตราบใดที่จิตยังไม่นิ่งก็ไม่เกิดปัญญา หรือจิตก็เป็นผู้ดีที่ดีไม่ได้ เช่นกัน
    พี่ภูนี่เสียนิสัยนะ เห็นธรรมอะไรไม่ได้เลย แปลเป็นธรรมของตนเองไปหมดเสียทุกอย่าง ก็เดี๋ยวนี้เหมือนได้ดวงตาใหม่ หรือกลับดวงตายังไงไม่ทราบนะ เห็นอะไรเป็นธรรมไปหมด เห็นอะไรเป็นธรรมดาไปหมด จิตที่มันอยู่ข้างในมันเห็นกิเลสนะ มันขำกลิ้งเลย แถมว่า ข้ารู้แล้ว ข้าเห็นแล้ว นึกๆเหมือนพ่อมด แม่มดเลย ฮ่าๆ
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาบุญกับคุณแม่ละเอียด จิตบุญ 90 ศิษย์ครูเพ็ญและแม่ชีปาลิดา
    ครูละเอียดตัวจริงเสียงจริงมาแว้ววว
    น้องแหววอยู่ไหน เกาะขอบกระทู้หน่อย อย่าไปเกาะนิมิตมาก เดี๋ยวจิตจะหล่น จิตบุญอย่า(ขยัน)ส่งจิตออกนอก
    แต่ถ้าเพื่อความไม่ประมาท ให้ขยันจิตทรงฌานเข้าไว้ จิตเขาจะได้ชิน


    พี่ภู อย่าไปรั้งจิตผู้ปฏิบัติจิ จิตเขาก็เดินไปตามมรรคของเขา เรื่องอินทรีย์เป็นเรื่องของการสร้างบารมีจิต เพราะฉะนั้นทุกอย่างเดินไปตามมรรค จิตที่ยกขึ้นพระนิพพานอินทรีย์ท่านเต็มสมส่วนทุกคน ไม่มีใครยิ่งหย่อนไปกว่าใคร

    พี่ภูไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น ไปกักกันจิตผู้ใดดอก เพียงแค่เตือนจิตที่กำลังยกไว ยกไวน่ะดีแต่ที่จะเตือนกันก็คือ สติอย่าห่างจิตนะลูกน่ะ ฮ่าๆ ภาษสมมุตินี่จะต้องระวัง คำพูดก็เหมือน ก่อนพูดเราเป็นนายมัน แต่เมื่อไหร่เราพูดออกไปแล้ว คำพูดนั้นมันจะกลับมาเป็นนายเรา เห่อๆ พยายามพูดให้น้อยดีก่า จะได้ผิดน้อยหน่อย ไม่พูดมีหวังอกอีแป้นจะแตกอีก

    นึกแล้วเชียว ถึงว่าครูเพ็ญพร่ำมาก เป็นเพราะอาหารน้องฟ้านี่เอง แต่ถ้าเป็นอาหารพี่นะ ท่านจะไม่พร่ำมาก แต่ท่านจะนอนมาก เพราะปวดท้อง ทานเยอะ ฮ่าๆ

    พี่ภู กำลังใจท่านจึงสูง อินทรีย์ท่านแก่กล้าเข้มข้น (ข้อความเดิมครูเพ็ญ)
    พี่ภูน่ะ นอกจากกำลังใจสูง ยังสูงวัยด้วย และนอกจากอินทรีย์แก่กล้า ธาตุดินน้ำลมไฟก็ยังแก่เข้าไปเข้าทุกๆวันเลย และในขณะที่อ่านหรือมีคนกำลังพูดชมอยู่นี่นะ สติพี่ภูมันมาเป็นกองทัพ มันมาทำไม ก็มันมาขวางจิตพี่ภูมิให้ไปหลงใหลในคำชื่นชมหรือคำยอ กิเลสอันละเอียดนี้มันติดมากันแทบจะทุกคนเลยนะ พวกเราระวังกันให้ได้ นอกจากพวกเราละทุกข์กันได้แล้ว เราก็ต้องละสุขกันทีหลัง แม้นกระทั่งคำชม คำเยิน อย่าให้จิตหลงไปรับมาเด็ด เมื่อมีสิ่งใดๆกระทบจิต ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าไว้ก่อนเลย เพราะเมื่อพระพุทธเจ้าท่านมาเมื่อไหร่ ท่านมิได้มาแต่ตัวลำพัง แต่ท่านจะมากับกฎไตรลักษณ์ด้วย เพราะพี่ภูจะหมายถึงว่า ทุกสิ่งที่มากระทบจิต โดยเฉพาะจิตบุญย่อมไม่เหมือนจิตปุถุชนแน่ๆ เพราะถูกฝึกจิตมาเยี่ยมแล้ว แต่จบกิจไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่ที่ผู้ใดประมาทเอง ประมาทในที่นี้หมายถึง จิตบุญชอบเผลอสติเหมือนปุถุชนหรือคนทางโลกที่เขาเป็นกัน จิตใครจิตมันนะ เมื่อมีสิ่งใดมากระทบ เราจะเฉยได้ทำใจได้ ก็ต่อเมื่อ จิตนิ่งหรือจิตเป็นสมาธิ เป็นฌาน เพราะอะไร เพราะว่าเรามีอินทรีย์ครบ อินทรีย์แก่กล้าได้ เพราะเราไม่ค่อยเผลอสติ จริงอยู่สตินั้นก็ไม่เที่ยง ถึงได้พยายามให้พวกเราเน้นสร้างสติกันนั่นไงหล่ะ หรือเผลอให้น้อยที่สุด คนไม่เผลอสตินั้น ไม่มีในโลกหรอก แต่จะขึ้นอยู่ที่ว่า ผู้ใดเผลอสติน้อยกว่ากันเท่านั้น ยิ่งพระอรหันต์อรหันต์ยิ่งแล้วใหญ่เลย เมื่อไม่มีกิจสงฆ์อันใด ว่างเมื่อไหร่ ท่านมิได้แอบไปนอนน่ะ พระอรหันต์ท่านจะนอนพักผ่อนน้อยมาก เพราะเวลาท่านจะหนีไปทำสัญญเวทยิตนิโรธ(เข้านิโรธสมาบัติ)หรือเข้าไปดับสัญญกับเวทนา เพราะท่านมีอายุมาก กายย่อมผุพังเป็นธรรมดา เมื่อกายขยันผุพังนี้ แต่ถ้าไม่นำจิตเข้านิโรธนี้ ท่านก็จะทนทุกขเวทนาที่เกิดกับสังขารขันธ์นี้นี่เอง สรุปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก พวกกบหรือปลาที่จำศีลอยู่ในโคลนหรือดินแข็ง และจะรอจนกว่าหน้าฝนจะมาถึงใหม่ ถึงจะมีโอกาสหากินต่อไป

    สำหรับพระที่มีทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกนั้น บางท่านมีมากกว่าฆราวาสเสียอีก อันนี้ใครอย่าได้หลงไปตำหนิท่านในใจกันนะ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา แต่จะเป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม อย่าคิดว่าทำอะไรไม่ดีแล้วคนอื่นจะมองไม่เห็นนะ เพราะพระมีศีลมากกว่าฆราวาส แต่ถ้าท่านรักษาศีลใจ(ศีลข้อเดียว)ไม่ได้ ต่อให้ศีลมีมากกว่า ๒๒๗ ข้อ ท่านก็รักษาไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปดูว่าศีลใครครบหรือไม่ครบ ผู้ปฎิบัติที่ดีจะต้องมีวินัยตนเอง ก็คือ ดูที่จิตตนเองพอแล้ว ศีลใครก็ศีลมัน ดูแลกันเอง เพราะไม่มีผู้ใดมาดูศีลแทนกันหรอก ขนาดจิตกับศีลของตนเองก็ยังไม่ค่อยจะดู ไม่ค่อยจะสนใจกันเลย แต่พอมีความทุกข์ขึ้นมานะ จะเป็นจะตายให้ได้เลย มันน่าไหม๊...

    นึกว่าจิตบุญหรือพระอรหันต์ นึกว่าท่านไม่มีทุกข์หรือ ทุกข์มีแน่ ทุกข์มิได้หายไปไหน เพราะตราบใดที่ยังมีขันธ์ ๕ อยู่ เพียงแต่ท่านฝึกจิตมาดี ต่อให้ท่านเป็นพระอรหันต์ แต่ถ้าเผลอสติเมื่อไหร่ บอกไปแล้วว่า กิเลสหรือทุกข์จะเข้ามาเสียบแทนพอดี เหมือนคนยิ่งเร่งรีบก็ยิ่งช้าอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อไหร่มีสติกันมากๆหรือสติเกิดบ่อย กิเลสหรือทุกข์ก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็นนัก เพราะตินี้เองที่ทำให้จิตของเรานิ่งและรู้เท่าทันกิเลสทั้งปวง แต่รู้เท่าทันเฉยๆไม่ได้ แต่ต้องรู้และวางด้วย บอกไปแล้วทุกธรรมหรือทุกสิ่งที่มากระทบจิตนั้น จะต้องลมหรือจบที่ไตรลักษณ์ตัวสุดท้ายก็คือ อนัตตา
    (โดยเฉพาะคนที่หลงไปโกรธ ไปตำหนิ ไปนินทาว่าร้ายคนอื่น หลงไปเบียดเบียนกัน ขอให้ดูธรรม อนัตตาตรงนี้กันให้มากๆ เพราะในเมื่อจิตรู้ว่า เราทุกคนต่างล้วนไม่มีตัวตนอยู่จริง เดี๋ยวก็จะตายกันทั้งหมดนี้ แล้วพวกเรามัวหลงไปทำในสิ่งที่กล่าวไปแล้ว..ทำไมกัน)

    ขอเสริมธาตุวิตามินกับผู้ปฎิบัติหน่อย หรืออินทรีย์ ๕ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา)
    จิตบุญต่างก็มีอินทรีย์ครบกันหมดแล้ว ยังแต่จะรักษาให้ครบและยืนยาวเท่านั้นเอง ไม่ใช่จิตยกหรือจบกิจแล้ว ให้ท่านลืมสติกันนะ บอกไปแล้วให้ท่านจงหมั่นสร้างสติให้เกิดความเคยชินดั่งที่ท่านถึงเวลาทานข้าว ท่านก็ต้องทานข้าว ไม่ทานก็หิวเพราะร่างกายต้องการพลังงาน จิตท่านก็เหมือนกันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานจิตเหมือนกัน จิตถูกใช้พลังงานทุกวันเพียงแต่ท่านไม่รู้ว่าจิตมันไปเอาพลังงานจากที่ไหน ผู้ที่รู้ได้ก็คือพวกที่ดูจิตเป็น ได้แก่ อาหารของจิตก็คือ สตินี่เอง เพราะถ้าไม่มีสติมากพอ จิตก็จะไม่นิ่ง เมื่อจิตไม่นิ่ง จิตก็ไม่สามารถเป็นสมาธิหรือฌาน เพราะจิตนิ่งหรือจิตทรงฌานนี้เอง ก็คือ ที่พักจิต ที่ที่แห่งนี้ก็คือ ที่ชาร์ตพลังงานจิตนั่นเอง พวกเราจะเห็นได้จากคนเหนือโลก หรือพระเกจิดังขึ้นไปนั้น ท่านก็ใช้พลังจิตตรงนี้กัน เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ชอบดูจิต สร้างสติมากจนเคยชิน ทุกคนก็ใช้กำลังฌานหรือพลังจิตนี้ไปทำงานในโลกทิพย์กันได้หลายอย่าง เช่น รักษาโรค อุทิศบุญกุศลให้ญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว เสกพระ เป่ายันต์ ทำน้ำมนต์ สั่งฟ้าสั่งฝน บังคับสิ่งต่างๆได้ดั่งใจ ก็เพราะกำลังฌานหรือพลังจิต นี่แหล่ะ ส่วนใครอยากให้เป็นเช่นไร ก็ใช้พลังจิตนี้บ่อยๆกันนะ

    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, ทิวลิปขาว, Kim_UoonSo+, Patcharawan, newwave1959

    สวัสดีทุกๆท่าน
    สำหรับคนนอนดึก(ลูกหว้า คุณพี่นิวเวป) คุณพี่นิวเวปและลูกหว้าสู้ๆนะ
    +ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณจุ๋ม คุณหน่อย
    และหวังว่าสบายดีทุกๆท่านนะครับ

    sleeping_rb
     
  7. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,079
    ค่าพลัง:
    +10,246
    _/\_ สาธุ
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๙๐ และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ
     
  8. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาสาธุกับ จิตบุญ90 และครูผู้ฝึกสอนด้วยครับ ..... สาธุ

    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  9. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    รับทราบครับผม
    ส่งมาได้เลยครับ
    สงสัยช่วงนี้จะโกอินเตอร์ มากันสายต่างประเทศทั้งนั้น อิอิ
    เรือผมรับได้เรื่อยๆครับ ไม่มีปัญหา ส่งมาเลยครับ
    ไม่ได้รับเฉพาะต่างปะเทศนะครับ ในประเทศ ใครอยากเรียนกับผมก้อ ส่ง PM มาได้เลยครับ
    ยินดีต้อนรับทุกดวงจิตครับ

    เราจะเดินไปด้วยกัน


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  10. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    เหอะๆๆ 55555555555555

    พี่ภูเจอคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว

    อิอิศึกจ้าว 2 ฝั่งมหาสมุทร (อเมริกา - อังกฤษ)

    อนาคต คงได้เห็น 2 ท่าน นี้ ขึ้นเวทีบรรยายธรรมคู่กันแน่ๆ อิอิ


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
  11. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ข้าพเจ้าเกรงว่าตัวจะไม่เปียกอย่างเดียวนะสิครับ
    กลัวจะจมไปด้วยกันทั้ง 2 คน
    กลายเป็นการสามัคคีกันแบบผิดๆนะครับ

    พระท่านสอนไว้แล้ว ว่าให้ละวาง ..... วางนะไม่ใช่ทิ้ง
    เมื่อท่านผ่านแล้ว จะนำของหรือคนที่วางไว้นำขึ้นไปส่ง
    ก้อไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

    การวางกำลังใจนั้น สำคัญยิ่งนัก .....
    ถึงความสามารถจะเท่ากัน บารมีเทียบกัน บุญเสมอกันแต่ถ้าวางกำลังใจไม่ได้ ..... ท่านก้อไม่สามารถทำได้เช่นอีกคนนึงนะ อย่าลืม .....

    ทุกสิ่งเกิดจากใจ และจบที่ใจ

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    _/\_ สาธุ ๆ ๆ
    ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๙๐ และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยค่ะ

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จิตเป็นประธาน

    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นประธาน
    มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จด้วยใจ
    ถ้าบุคคลมีใจ อันโทษประทุษร้ายแล้ว
    จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม เพราะทุจริต ๓ อย่างนั้น
    ทุกข์ย่อมตามเขาไป เหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคตัวลากเกวียน

    ฉะนั้นธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นประธาน
    มีใจประเสริฐที่สุด สำเร็จแล้วด้วยใจ
    ถ้าบุคคลมีใจผ่องใสแล้ว
    จะพูดก็ตาม จะกระทำก็ตาม เพราะสุจริต ๓ อย่างนั้น
    สุขย่อมไปตามเขา เหมือนเงาไปตามตัว

    ฉะนั้น สัตว์โลกอันจิตย่อมนำไป
    ย่อมกระเสือกกระสนไปเพราะจิต สัตว์ทั้งหมดทีเดียว
    ย่อมเป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่ง คือจิต

    ͸Ժ
     
  14. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    จิตพระอรหันต์เป็นเช่นไร – พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช

    “…เราเห็นไหม จิตกับอารมณ์มันเกาะเข้าไปด้วยกัน
    ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์นะ เวลาจิตเสวยอารมณ์ “เกาะ”
    แต่ถ้าพระอรหันต์นะ สักแต่ว่าเสวยไปงั้นแหละ
    สักแต่มีอารมณ์นะ จิตกับอารมณ์ไม่กระทบกันนะ
    แต่ไม่ได้แยกกัน ไม่ได้แยกชั้นนะ
    จิตอยู่นี่ อารมณ์อยู่นี่

    พวกเราเวลาจิตกับอารมณ์แยกกัน
    รู้สึกไหม จิตเป็นสองชั้น
    ของพระอรหันต์ไม่ได้แยกชั้นนะ
    แต่ไม่กระทบกัน

    เหมือนอากาศ ในอากาศนี่มีคลื่นวิทยุอยู่
    อยู่ด้วยกันตรงนี้นะ แต่มันไม่กระทบกัน
    มีแสงสว่างผ่านมาในอากาศใช่ไหม มันไม่กระทบกัน
    มันอยู่ด้วยกันแหละ แต่มันไม่กระทบกัน

    ท่านเลยเทียบบอก เหมือนลิ้นงูอยู่ในปากงู
    ลิ้นงูก็อยู่ในปาก อยู่ด้วยกัน แต่ไม่กระทบกัน
    เหมือนดอกบัวอยู่ในน้ำ ไม่เปียกน้ำ
    เหมือนดอกบัวอยู่พ้นน้ำ เลยออกมาจากน้ำไหม
    ไม่ได้อยู่ออกจากน้ำ ก็อยู่กับน้ำนั่นแหละ
    แต่ดอกบัวไม่เปียกน้ำ

    จิตที่มันฝึกดีแล้วนะ มันแยกออกจากอารมณ์นะ
    มันไม่ได้แยกอย่างที่เรานึก แบบเป็นชั้นๆ ไม่ใช่
    ไม่ได้แยกแบบน้ำกับน้ำมัน มันรวมอยู่ด้วยกันนะ
    เหมือนออกซิเจนที่รวมอยู่ในน้ำ
    อยู่ด้วยกันอย่างนั้นหนะ ไม่กระทบกันหรอก

    แต่สำหรับพวกเรา ถ้าไม่ถึงขีดสุดนะ
    จิตเข้าไปเกาะบ้าง จิตแยกออกมา
    ถ้าแยกก็แยกแบบขนมชั้นหนะ แยกเป็นชั้นๆ
    แยกได้หลายชั้นด้วยนะ ถ้าหยาบมากก็ต่ำมาก
    รู้สึกไหม หนักๆ โสโครก
    พอประณีตขึ้นนะ โอ้ยชั้นมันสูงขึ้นนะ
    มันเลื่อนชั้นได้นะ มันเลื่อนได้ทั้งหมดหนะ ๓๑ ชั้น
    ขนมชั้นนี่ใหญ่นะ

    แต่เราไม่ต้องเรียนมากขนาดนั้นหนะ
    เราดูของจริงเข้าไป
    ดูของจริง เรียนรู้ความจริงเข้าไปเรื่อย
    สุดท้ายจะเห็น มีแต่สภาวะ
    จะมีกี่ชั้นมันก็แค่สภาวะ
    ก็แค่รูปกับนาม…”



    หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
     
  15. PlaiifarPP

    PlaiifarPP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +1,194


    ต้องเรียกว่าไปชมบารมีพี่เพ็ญกับพี่ดัชมากกว่าค่ะ
    ครูเพ็ญใจดี๊ ใจดี ได้ฟังธรรมเเถมได้ฟังประวัติการปฏิบัติของพี่ๆจิตบุญรุ่นเเรกๆด้วย คุยกันเพลินเลยค่ะ
    ส่วนครูดรรชนี่ตัวจริงดูหวานมาก นิ่มๆ เเต่ทำไมจิตเรวจัง 555 เเถมหน้าเดกอีก ขนาดมีน้องเเพทกับธัญญาเเล้วนะเนี่ย เหนเเล้วอยากฝึกโยคะบ้าง จะได้หน้าเด็กๆ 555 
    ครูเพ็ญเลี้ยงขนมกับข้าวซะอิ่มเรยย ขุนฟ้าจิงๆ
    พาเพื่อนไป ไม่ได้หวังให้เพื่อนได้ฝึกอะไรหรอกนะคะ รายนี้ไม่ยอมเชื่ออะไรหมดใจง่ายๆ บอกอะไรไปก็ฟังนะ เเต่เลือกเชื่อเฉพาะอันที่เคยรู้มาเท่านั้น เเต่โดนครูเพ็ญกระทุ้งจิต เเย๊บๆเข้าไป สุดท้ายเลยเอ่ยปากถามวิธีการฝึก กลายเป็นนักเรียนเปียผมไปเรียนกับพี่ดรรชเเละพี่เพ็ญซะงั้น เเล้วฟ้าเปนพี่เลี้ยงคอยให้น้ำ ให้สปริ้น(เเบบนักมวย) 5555
    เเหม อยากเจอพี่จิตบุญทุกคนเลย เมื่อไหร่เราจะได้เจอกัน(ตัวเป็นๆ)ซะทีน้อ 555
     
  16. เมธญา

    เมธญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +1,584
    ขออนุโมทนาก้บจิตบุญ90 และครูผู้สอนทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    "คนชอบเที่ยว ชอบแวะ"
    มาอ่านทางนี้ฯ​

    เรื่องของการไปเที่ยว สมัยก่อนอาตมาฝึกมโนมยิทธิได้ใหม่ๆ แวะทุกที่เลยนรกทีละขุม สวรรค์ทีละชั้น พรหมทีละชั้นเลย พอทำไปๆ รู้สึกเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ
    มีใครเคยไปธุสเจดีย์ซึ่งอยู่พรหมชั้นที่ ๑๖ บ้าง ? พวกเราคงไม่รู้จักกันหรอก เพราะไม่ช่างสงสัยเหมือนกับอาตมา จำไว้เลยนะว่า สวรรค์มีจุฬามณีเจดีย์สถานเป็นที่สำคัญที่สุด คือ เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วกับพระเมาลีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่ในพรหม ๑๖ ชั้น มีธุสเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานผ้าครองของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อครั้งที่ท่านสละออกเพื่อนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อยู่ที่อกนิษฐพรหม(รูปพรหมชั้นที่ ๑๖) ถือว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของพรหมเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ถ้าใครไม่เคยไป ก็ไปกราบชมซะ..จะได้รู้ว่าที่อาตมาพูดนั้นไม่ได้นอกตำราเลย เพียงแต่ว่าเราจะไปถึงหรือเปล่าเท่านั้น

    เมื่อไปเข้าบ่อย ๆ ความรู้สึกกลับจืดไปเฉย ๆ รู้สึกเหมือนกับว่ากี่ครั้ง ๆ ก็มาแค่ตรงนี้ แล้วสถานที่ที่จะไปก็ลดลงไปเรื่อย เหลือแค่ไปกราบท่านปู่ท่านย่า กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ไปกราบพระที่จุฬามณี แล้วก็ไปที่พระนิพพานเลย ที่อื่นไม่แวะแล้ว

    จากที่เคยแวะกราบท่านปู่สหัมบดีพรหมเป็นประจำ ก็กลายเป็นว่า ถึงเวลาก็น้อมจิตอัญเชิญท่านไปที่พระนิพพาน แล้วก็กราบท่านที่นั่น ตอนหลังด้วยความขี้เกียจมากเข้า แม้แต่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็ไม่ไปแล้ว ถึงเวลาก็ขึ้นพระนิพพาน แล้วน้อมจิตอัญเชิญท่านทั้งหลายขึ้นมา แล้วกราบท่านทีเดียวทั้งหมดข้างบนพระนิพพานนั้นเลย

    มานั่งคิดถึงตัวเองอยู่ตั้งนานว่า นี่เราเพี้ยนไปหรือเปล่า ? เทวดาพรหมท่านไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนพระนิพพาน แล้วทำไมเวลาเราเชิญท่านจึงมาได้ ? เพิ่งจะมาทราบตอนที่หลวงพ่อเทศน์เรื่องชวน เทวดา นางฟ้า พรหม ไปพระนิพพาน

    ด้วยกำลังของแต่ละท่านจริง ๆ แล้ว ถึงจะสามารถไปได้ แต่ว่าโดยมารยาทและโดยบุญบารมีของท่านแล้ว ชั้นที่สูงกว่ามีสิทธิ์ที่จะลงมาชั้นที่ต่ำกว่าได้ ส่วนท่านที่อยู่ชั้นที่ต่ำกว่า ถ้าไม่ได้รับเชิญให้ขึ้นไปชั้นที่สูงกว่า จะขึ้นไปไม่ได้ อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่า การที่ตัวเองทำด้วยความขี้เกียจ ก็คือสิ่งที่หลวงพ่อท่านทำเพื่อสงเคราะห์พรหมเทวดาเป็นประจำอยู่แล้ว

    นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือ ในระยะสุดท้ายแทบจะเหลือแต่พระนิพพานที่เดียวเป็นที่ไป
    .........
    ที่กล่าวมาถึงตรงจุดนี้ จะเปรียบเทียบให้ฟังว่า การที่เราจะหลุดพ้นไปพระนิพพานได้ เราต้องจับจุดความเป็นพระโสดาบันให้ได้ก่อน เรายึดพระโสดาบันเป็นหัวหาด พระโสดาบันก็มีตั้ง ๓ ระดับ ก็คือ สัตตะขัตตุปรมะ ท่านจะเกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์...ขึ้นไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ทั้งหมด ๗ ครั้ง ครั้งสุดท้ายก็ไปพระนิพพานเลย

    แล้วพระโสดาบันแบบโกลังโกละ เกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม ๓ ครั้งเท่านั้น จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์ แล้วจึงไปพระนิพพาน และเอกพีชี ยังอุตส่าห์ลงมาเกิดได้ ลงมาเป็นมนุษย์แล้วก็ไปพระนิพพานเลยทีเดียว

    เห็นไหมว่า ในแต่ละระดับจิตของท่าน การแวะจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ ที่แวะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่แวะสำหรับท่านหมดลงไปเรื่อย ๆ..!

    เราลองมาเปรียบเทียบกับตัวเราเองว่า ปัจจุบันที่แวะของเรายังเยอะเท่าเดิมหรือว่าน้อยลงไปเรื่อย ๆ ? ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ลดน้อยถอยลงหรือว่ามีแต่มากขึ้น ๆ ?

    ถ้ามากขึ้น ก็จะร้อยรัดให้เราอยู่มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าลดน้อยถอยลงไปได้ โดยเฉพาะพวกที่จะไปพระนิพพาน กำลังใจจะรวบรัด เล็งเป้ามุ่งตรงอย่างเดียวเลย จบแล้วจบกัน ไม่เอาอย่างอื่นอีกแล้ว

    ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ เราก็จะตรวจสอบความก้าวหน้าของเราเองได้ด้วยว่า กำลังใจปัจจุบันของเราอยู่ในลักษณะไหน ? อย่างที่เมื่อคืนบอกว่า เราตรวจสอบตัวเองด้วยอิทธิบาท ๔ หรือสัมมัปปธาน ๔ ก็ได้

    แต่นี่ให้ตรวจสอบง่าย ๆ ด้วยนิสัยของเราว่า เวลาไปไหน ยังเป็นลูกคุณช่างแวะอยู่หรือเปล่า ? ถ้ายังเป็นอยู่ ให้รู้ไว้เลยว่า แวะมากเท่าไร ถ้าเปรียบไปแล้วก็คือเกิดมากเท่านั้น ได้ยินแล้วสยองบ้างไหม ? กรณีนี้บังคับไม่ได้นะ จะไปคิดว่าเราเองไม่แวะแล้วเราจะเกิดน้อยลง..ก็ไม่ใช่

    ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กลายเป็นคนที่ว่า นอกจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว ที่่อื่นไม่เอา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นพัฒนาการที่ค่อย ๆ ปรับปรุงตัวของเราเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุด พอไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว ก็แวะพระนิพพานที่เดียวพอ

    ถาม : กรณีที่เดินทางเพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมายอยู่แล้ว ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าตั้งเป้าไว้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น จะไม่มีอารมณ์อยากแวะที่ไหนจริง ๆ ขอยืนยัน

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่สามารถที่จะรู้แล้วทำอย่างนั้นได้ ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กำลังใจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้น จะเป็นประเภทวิ่งผ่านไป ไม่ได้แวะแล้วรู้สึกเสียดาย

    ไม่ใช่บังคับให้ทำอย่างนั้นและไม่ใช่เป็นแนวทางว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพียงแต่เล่าประสบการณ์แล้วเปรียบเทียบให้ฟังว่า การปฏิบัติที่ผ่านมามีลักษณะเป็นอย่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบตามทุกอย่าง แต่ขณะเดียวกันอะไรที่รุงรังมากเรื่อง ถ้าสามารถตัดให้น้อยลงได้ ก็จะเป็นคุณแก่ตัวเองอย่างมหาศาล

    ที่มา:
    คนชอบเที่ยว ชอบแวะ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไพร่ฟ้าหน้าใส เอ๊ย ลูกฟ้าแห่งสยาม! เธอเป็นใครกันเนี๊ย!
    ป่านนี้พี่ภู..พ่อภู ก็ยังบ่ได้ป๊ะกันแหมสักเตื้อ จิตบุญจะ ๑๐๐ ดวงแล้ว
    ลูกฟ้า ถ้าพี่ภูไปหาครูเพ็ญนะ พี่ภูพ่อภูจะไปขอสมัครเรียนจิตเกาะพระกับท่าน ดูดิ ว่าจะจำพี่ภูได้ก่อ...ฮ่าๆ
    Surprise!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2012
  19. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ขอบคุณมากๆค่ะพี่ภู ยิ่งงงยิ่งดีค่ะ:cool: ประโยชน์คือช่วยตัดเรื่องฟุ้งซ่านได้ทันที^_^

    ดาวค่ะ
     
  20. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ท่านเพ่ค้าบบบบบบบบ .....

    ก่อนไปแอ่วเจียงใหม่ๆๆๆๆๆ แวะมาเลี้ยง ส้มตำ น้ำตก คอหมูย่าง กระผมกับน้องหนูด้วยเน้อออออ

    รอครูลูกพลังบ่ไหวแล้วจ้าาาาาา 55555

    สายอังกฤษ อเมริกา เยอรมัน หรือ ยุโรป มาเมืองไทยแล้วจะให้รองรับอะไร บอกกล่าวกันได้นะครับ .....

    กาย ไกล กัน ..... แต่ จิต ชิด กัน


    จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม
     

แชร์หน้านี้

Loading...