ภาวนาให้ได้ผลดีต้องโง่มากๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุโขสุขี, 7 ตุลาคม 2012.

  1. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    912
    ค่าพลัง:
    +1,469
    <DD>การภาวนานี่ ถ้าจะให้ได้ผลดี ต้องโง่มากๆ หน่อย ถ้าขืนฉลาดแล้วเป็นอุปสรรคกั้นอยู่นั่น


    <DD>ตัวอย่าง ญาติผู้ใหญ่ของหลวงพ่อคนหนึ่งอ่านหนังสือไม่ออก สวดมนต์ไม่เป็น แกก็มาบ่นว่า "โอ๊ย...เกิดมาชาตินี้ทำไมโง่ นักหนาน้อ"

    <DD>"มันโง่อย่างไร"


    <DD>"จะไม่โง่อย่างไร สวดมนต์ก็ไม่เป็น ฟังเทศน์ก็ไม่รู้เรื่อง ท่านเทศน์ภาษาไทย เราเป็นลาว เราก็ฟังภาษาไทยไม่ออก"
    แกว่า

    <DD>ถามแกว่า "สวด 'พุทโธ' คำเดียวได้ไหม"

    <DD>"ได้!"


    <DD>"เอ้า! ถ้างั้นสวด 'พุทโธ' คำเดียว"


    <DD>แกก็สวดของแกอยู่นั่นทั้งกลางวันกลางคืน ตื่นเวลาไหน แกก็สวด บางทีแกบอกว่านอนหลับแล้วก็ยังสวดพุทโธอยู่

    <DD>อยู่มาวันหนึ่ง หลวงพ่อกำลังจะลงทำวัตรเช้าตอนตี ๔ แก บุกขึ้นไปบนกุฏิ พอเห็นแกโผล่ขึ้นไป

    <DD>"อ้าว! โยม มาทำไมล่ะ ผู้หญิงยิงเรือมาหาพระเจ้าพระสงฆ์ เวลาค่ำคืนไม่งามนะ"

    <DD>"โอ๊ย! มันทนไม่ไหว"


    <DD>"ทำไมทนไม่ไหว"


    <DD>"ทำไมหัวใจคนมันจึงลุกเป็นไฟได้"


    <DD>เราก็รู้ทันทีว่าจิตของแกสงบเป็นสมาธิ

    <DD>ถามว่า "มันลุกเป็นไฟแล้วมันร้อนหรือเปล่า"

    <DD>"ไม่ร้อน มันเย็นสบาย เกิดมาไม่เคยพบกับความสุขอย่าง นี้เลย เดี๋ยวนี้มันก็ยังลุกอยู่นะ"


    <DD>"เออ... ถ้ามันไม่ร้อน ก็ปล่อยให้มันลุกอยู่นั่น"


    <DD>ภายหลังมา ถามทีไรๆ

    <DD>"หัวใจมันยังลุกเป็นไฟอยู่หรือเปล่า"

    <DD>เดี๋ยวนี้มันยิ่งลุกแรง บางทีจนตกใจว่านั่งอยู่ในศาลานี่ ความสว่างไสวมันเต็มศาลาไปหมด"


    <DD>อันนั้นจิตแกเป็นสมาธิ แล้วถามว่า

    <DD>"จิตมันลุกเป็นไฟแล้ว มันยังท่องพุทโธอยู่หรือเปล่า"

    <DD>"มันไม่ท่อง มันหยุด หยุดนิ่ง แล้วก็รู้...มีความสุขหาที่เปรียบไม่ได้เลย เกิดมาไม่เคยเจอความสุขอย่างนี้สักที"


    <DD>จนกระทั่งแกตาย เวลาจวนจะตายนี่ ไปถามแก

    <DD>"เดี๋ยวนี้หัวใจมันยังลุกเป็นไฟอยู่หรือเปล่า"

    <DD>"เดี๋ยวนี้มันยิ่งลุกแรง มันไม่ได้ไปไหน"


    <DD>"แล้วพิจารณาดูอายุขัยหรือยัง มันหมดหรือยัง"


    <DD>"หมดไปนานแล้ว คอยฟังคำสั่งเท่านั้น"


    <DD>"อ้าว! จะให้ฉันสั่งให้ตายหรือ"


    <DD>"ก็อย่างนั้นสิ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ คนนั้นต้องสั่ง"


    <DD>"ถ้าแกแน่ใจว่าอายุขัยแกหมดแล้ว เอ้า! ฉันสั่งนะ แต่ว่า ไม่ใช่วันนี้นะ ให้งานเสร็จก่อน"


    <DD>วันนั้นเป็นงานวันบูรพาจารย์ วันที่ ๒ (ธันวาคม) พองาน เราเสร็จคืนวันที่ ๓ แกตื่นเช้ามาวันที่ ๔ แกก็ไป

    จากเว็บPalungdham.com : พลังธรรม -นำแสงสว่างสู่จิตใจมวลมนุษย์
    </DD>
     
  2. ปาวา

    ปาวา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +5,946
    "เกิดมาทำไมโง่" ชั่งมัน
     
  3. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอเสริมครับ ประสบการณ์ตัวผมเลย ผมภาวนาพุทโธ เคยไปวัด(แต่กะจะไปทําทานนั่งสมาธิ แต่ไม่รู้จักคําว่านฌานสมาบัติ มีปิติไรพวกนี้เลยนะครับ) อ่อ ผมวัยรุ่น15ขวบก็เล่นเกมตามธรรมดาของผม แต่ก็อยากทําบุญเพราะอ่านธรรมมา แล้วเห็นว่าจริงแหะ กรรมมีจริง ต่อเลยนะครับแต่มั่นใจว่า พระพุทธเจ้า เคยเป็นเจ้าชาย ออกบวช สุขจะตายเป็นเจ้าชาย แต่พระโพธิสัตว์ออกบวช แล้วพอพระโพธิสัตว์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แล้วไม่กลับไปครองเรือง เลยคิดว่ามันต้องสุขแน่ๆ แล้วพระสมัยนี้(เอาพระดีๆนะครับ) ยังออกบวช ศีลก็หลายข้อ ถ้าไม่ดีจะบวชอยู่ทําไม มันต้องดีแน่ๆ

    ตอนนั้น มีศรัทธา มั่นใจ ตัวนิวรณ์(คือสิ่งที่กั้นความดี เป็นธรรมเลว มีห้าอย่างผมเอาตัววิกิจอิจฉามา) แล้วไม่มีอารมณ์ อยากได้ฌานนั้นฌานนี้(ตอนนั้นไม่รู้จัก อ่อตัวอยากได้ก็ทําให้จิตไม่สงบไม่เป็นฌานเหมือนกัน)

    ภาวนาพุทโธไม่ถึง สิบนาที จิตเข้าถึงฌาน1 (เพิ่งมารู้ตอนอ่านเวปนี้) แล้วสุขมากไม่มีไอะไรมาเทียบได้ จริงๆ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แต่ๆไปมา กิเลสยังมีอยู่หนิหว่า

    อ่อผมลองคิดดูฌาน คือแบบว่ากดกิเลสลงไป แล้วคิดดูพระอริยเจ้าที่ท่านตัดกิเลสหมดนี่ จะสุขขนาดไหน นิพพาน ปรมัง สุงขขัง ครับ

    สรุปนะครับ อย่าให้มีอารมณ์อยากได้ฌานนั้นฌานนี้(ตัวผมก็ยังไม่ได้ทรงฌานเลย จิตไม่เป็นฌาน สักที แต่อย่าอยากละกันครับจะดีเอง ผมเชื่อ) หรือ ขอเพิ่มเติม สมมุติท่านฝึกมา แต่เครียด ก็เอาแบบนี้ละกัน วันนี้ทําได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น (อ่านมาจากหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมา) แล้วค่อยเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ทํานานชินไปเอง (อ่อขอเสริม ก่อนอนจับลมหายใจก็ได้ครับหรือภาวนาพุทโธก็ได้แล้วหลับไปก็ได้ครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  4. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029
    ผมว่าอย่าใช้คำว่าโง่ดีไหม ให้ใช้คำว่าอย่าใช้ตัวนึกคิดไปมากกว่ามันจะทำให้ฟุ้ง ควรทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิปลงอารมณ์บ่อยๆ เช่น โลภะโทสะโมหะ นิวรณ์5 ขันต์5 เป็นต้น ตั้งอยู่กุศลธรรมเบื้องต้นคือศีลให้ครบถ้วน แล้วค่อยเลือก กรรมฐาน 40 ตามจริตของแต่ละบุคคล ค่อยๆภาวนาไปคับ จับพองยุบที่ท้องก็ได้คับ อย่าไปวังได้โน่นนี่ เดวก็จะเห็นธรรมเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    คนที่แสดงธรรมนั่นหนะ ไม่ใช่เจ้าของกระทู้เน้อ... แต่เป็นหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เห็นด้วยกับคุณ อินทรบุตรครับ..
    .หลวงพ่อท่านสอนได้ถูกแล้วครับ..คือ ถูกธรรม ไม่ใช่ว่าจะให้ถูกตามใจเรานะครับ..


    ถูกตามใจเราเป็นการถูกตามความเห็นของเรา..มันไม่ใช่ความถูกที่แท้จริง
    .มันยังสามารถพลิกไปพลิกมาได้ ไม่เหมือนที่หลวงพ่อท่านได้กล่าวครับ..
     
  7. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    ที่โง่ ไม่ได้หมายถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลวงพ่อพุธ ท่านคงให้ทำไปแบบไม่ต้องคิดมาก
    ไม่ต้องสงสัยมาก เลยรวมๆ ลงเป็นคำว่า โง่ คนละความหมายกับคำว่า "ไอ้โง่"
     
  8. iceage

    iceage Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +69
    คนโง่โชคดี
    คนฉลาดกลับสิ้นไร้ไม้ตอก
    คนฉลาดที่โง่ คนโง่ที่ฉลาด
    สิ่งที่คนโง่ได้มาด้วยความยากลำบาก
    พรสวรรค์กับความโง่
    คือเปลือกนอกกับเนื้อใน
    .......................................
    ฮิ้ววววววววววววววววววว....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2012
  9. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    จำได้ครั้งหนึ่ง สมัยที่หลวงพ่อปานท่านเริ่มสอนกรรมฐานให้กับหลวงพ่อฤาษีลิงดำและเพื่อน
    ก่อนจะสอนท่านบอกว่า ให้เรียนกรรมฐานกับท่านแบบคนโง่ๆ

    อ่านถึงตรงนี้แล้วผมรู้สึกว่าอยากเรียนกรรมฐานกับท่านจริงๆ
    เพราะผมอยากเรียนแบบโง่ๆ ท่านให้ทำอะไรก็ทำ ท่านให้คิดก็คิด สบายดี

    เบื่อความฉลาด เพราะฉลาดทีไรมันไม่พ้นวิสัยนรกสักที
     

แชร์หน้านี้

Loading...