ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun 2555 ด้วยค่ะ ขอให้สำเร็จตามความปรารถนาทุกประการค่ะ

    Numsai
     
  2. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ไหน ๆ ก็รอดชีวิตมาแล้ว ขอเม้าท์ให้ฟังเรื่องเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ป่วยในครั้งนี้เพื่อเป็นธรรมทานนะคะ


    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน คืนหนึ่งได้ฝันไม่ค่อยดีนัก
    ฝันไปว่าเดินทางไปที่ไหนซักที่ เสร็จแล้วยกมือเกาหัว
    ปรากฏว่าที่หัวมีตะปูอันเบ้อเริ่มติดฝังอยู่
    ตะปูขนาดใหญ่ เป็นสนิมด้วย ใหญ่ประมาณ 4 นิ้วมือคน
    จับคลำดู เลยดึงตะปูออก มีแผลฟกช้ำเล็กน้อย เลยใช้มือกด ๆ แผล แล้วแผลก็หาย...

    เมื่อตื่นนอนขึ้นมาจึงเข้าใจว่าตนเองโดนของ...
    แต่ปรากฎว่าในตอนเช้ามืดได้ตื่นขึ้นมาเพื่อเจริญพระกรรมฐาน
    กลับพบกับเงาดำ ๆ ข้างหิ้งพระ เงาดำนั้นมีรูปร่างเหมือนคนค่ะ
    แต่เป็นสีดำ มืดทึบ ไม่มีแสงสว่าง เงานั้นได้ยืนจ้องมองดูตนเอง
    พร้อมกล่าวว่า "กูไม่ยอมให้อภัยเด็ดขาด กูจะจองเวรมึง"

    มาพูดอย่างงี้มีหรือเราจะกลัว ๕๕๕ ตาลก็ไม่ได้สนใจค่ะ
    คิดว่าบางทีเราอาจจะอุปทานไปเองก็ได้ แต่พอเจริญพระกรรมฐานเสร็จก็รู้สึกว่าเขาน่าสงสารจัง
    อย่างไรก็ดี จริงหรือไม่จริง เราก็รู้สึกว่าเขาน่าสงสารที่ตกอยู่ในห้วงกิเลส กล่าวคือ โทสะ
    ทำให้ไม่สามารถไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้นได้ เขาเองก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายกับเรา
    ดังนั้นจึงได้แผ่เมตตาให้เขาค่ะ...
     
  3. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    หลังจากนั้นมาก็พบเห็นเงาดำนี้ตลอด
    จึงคิดถึงความฝัน และคิดว่าตนเองคงจะโดนของจริง ๆ ซะแล้ว
    และเจ้าเงาดำนี่คงมีใครสักคนส่งมาลองวิชาแน่ ๆ
    (ประมาณว่าเป็นภูตพรายอะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ...คิดไปเอง อิอิ)


    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันเสาร์ห้าค่ำจึงได้ถือโอกาสจัดอาหารคาวหวานและผลไม้เก้าอย่าง
    ไหว้บูชาครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ไหว้ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่
    ประกอบกับเป็นวันเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุน
    จึงตั้งใจรับยันต์อยู่ที่บ้าน คิดไว้ว่าที่รับคราวก่อนอาจจะเสื่อมไปแล้ว
    และเป็นสาเหตุทำให้ตนเองโดนของ...


    ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีอาการไม่ปกติแล้วคือ
    รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดกระดูก มึนงง
    จากนั้นก็อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าเพื่อทำน้ำมนต์ปัดไล่อวิชชาทั้งหลายทั่วบ้าน


    แต่ก็ปรากฎว่าอาการก็ไม่หายเสียที แถมทำท่าจะเป็นหนักขึ้น
    เริ่มหายใจไม่ออก บางครั้งต้องอ้าปากหายใจแทน
    จึงทานยาและเผลอหลับไป ก่อนหลับไปนั้นได้นิมิตไปว่า...
     
  4. เพชร2545

    เพชร2545 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    454
    ค่าพลัง:
    +4,248
    รออ่านอย่างใจจดใจจ่อค่ะน้องน้ำตาล ขอให้สุขภาพแข็งแรงหายป่วยไว ๆนะค่ะ
     
  5. Paktawadee

    Paktawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,570
    ขอให้พี่ตาลหายป่วย สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
     
  6. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เห็นตนเองนั้นหยิบเต่าตัวหนึ่งขึ้นมา...และวางลงบนไฟเพื่อเผาทั้งเป็น
    เต่าตัวนั้นกำลังร้องไห้ และทุกข์ทรมานแสนสาหัส
    เพราะกำลังถูกย่างไฟทั้งเป็นจากน้ำมือมนุษย์ชายสามคน
    และในขณะที่เต่ายังไม่ตาย ก็เอามีดแทงเต่าไปหนึ่งครั้ง...โหดจริง ๆ นะเรา


    เมื่อตื่นขึ้นมาจึงได้แผ่เมตตาให้เต่าตัวนี้ค่ะ
    ชาติภพผ่านไปแล้วนะ ถึงแม้เราจะทำผิดจริง แต่เราก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้
    เรายอมรับผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัวทุกประการ และยอมชดใช้ในสิ่งที่ตนเองทำเอาไว้
    ถ้าท่านแค้นเรามาก ก็จงเอาชีวิตเราไปเสียเถิด
    หากเราตายไปตอนนี้เราก็ไม่เสียใจอะไร นอกจากจะเสียใจว่าไม่ได้ทำบุญเพิ่มอีกแล้ว


    ความอาฆาตแค้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราไม่ได้พูดเพียงเพราะว่าท่านแค้นเรา
    หากหมายถึงทั่ว ๆ ไป และหากท่านยังแค้นเคืองมิยอมปล่อยวาง
    คนที่ได้รับโทษก็คือตัวท่าน เพราะความโกรธได้เผาทำลายจิตใจท่านเสียหมด
    และแทนที่ท่านจะได้เสวยผลบุญอันเป็นทิพย์เพราะได้ไปบังเกิดเป็นเทวดาจากการอนุโมทนาบุญกับเรา
    ท่านกลับต้องมาทุกข์ทรมาน...ลองตรองให้ดีว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ท่านสมควรจะได้รับ...


    เมื่อเกลี้ยกล่อมเงาดำนั่นเสร็จก็เห็นเงาดำนั้นสั่นสะท้านคล้ายจะร้องไห้
    ดูเหมือนว่าทำนบนั้นเริ่มทะลาย แต่อาการก็ยังไม่หายดี...
     
  7. Paktawadee

    Paktawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,570
    หนูดีมีความฝันมาเล่าให้อ่านเล่นๆ รออ่านประวัติลูกแก้วจากพี่น้ำใสคะ:cool:

    ฝันว่าได้เหาะอยู่ในอากาศเพื่อไปทำงาน และได้เห็นวัว ควาย รวมมีอยู่5ตัว
    ในความฝันได้เงินจากทำงานเป็นเช็ค 320,000 ฿ ก็เลยนำเช็คดังกล่าวไปไถ่ชีวิต วัว ควาย ได้2ตัว
    เหลืออีก3ตัว เจ้าของบอกว่าเอาไว้รอบหน้าก็ได้เพราะการไถ่ชีวิตต้องใช้เงินเยอะมันแพง
    นี้อาจเป็นผลของการกินแจไม่กินเนื้อสัตว์ปีนี้ตั้งใจกิน ก็เลยคิดว่า
    วัว ควายทั้งหลายท่านคงอโหสิกรรมให้กันเป็นบางส่วน คิดเองนะคะอิอิ


    ความทุกกลัวรอยยิ้ม หนูดี :)
     
  8. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    อาการเริ่มเป็นหนักขึ้นเรื่อย ๆ
    แต่ก็ยังสงสัยว่าตนเองนั้นโดนของจริงหรือเปล่า จึงได้โทรถามที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
    ท่านที่ปรึกษาได้บอกว่า ตะปูที่โดนหัวนั้นหมายถึงเจ้ากรรม ไม่ได้โดนของนะจ้ะ
    จึงมาร้องอ๋อภายหลัง สรุปพี่เงาดำคือเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตพยาบาทหมายจะบีบชีวิตน้อย ๆ ให้ตายคามือนี่เอง


    ตัวเริ่มร้อนเหมือนมีไฟสุมข้างใน แต่พอแตะหน้าผากตนเองก็ไม่ร้อน
    รู้สึกแปลกใจอาการของตัวเองมาก ๆ ก่อนนอนก็ทานยาและกำหนดจิตถึงพระอัศดงฤาษีค่ะ
    ในขณะที่ติดต่อตนเองก็นอนกระสับกระส่ายไปมา นอนไม่ค่อยหลับ
    ต้องอ้าปากหายใจทางปากหลายครั้งเพราะหายใจทางจมูกไม่ออก
    รู้สึกเหมือนโดนบีบคอ ตัวก็ร้อน ...


    และในขณะที่กำลังเคลิ้มจะหลับก็พบกับพระฤาษีท่านหนึ่ง ผิวขาวอมชมพู ผมและหนวดขาวโพลนทั้งศีรษะ
    ท่านกล่าวว่า "ให้เจริญอาณาปาณสติกรรมฐาน เพราะกรรมฐานกองนี้จะช่วยบรรเทาความทรมานทางกายได้"


    จึงเริ่มนับลมหายใจตามที่ตนถนัด เมื่อทำไปได้สักครู่ก็ไม่ปรากฎอาการทางกาย
    คือไม่รับรู้ความทรมานที่เกิดขึ้นกับกาย จึงรู้สึกผ่อนคลายและเผลอหลับไปในที่สุด
     
  9. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    โผล่มาได้เรื่องพอดี ให้กำลังใจเพื่อนสาวนะ หายดีแล้วชิมิตัว เรื่องกรรมนี่น่ากลัวจริงๆนะ โดนมาหลายคราว หนักๆทั้งนั้น เข้าใจเป็นอย่างดีเลย บางทีก็สาเหตุมันมี แต่เราไม่ได้ผิด (ครั้งเดียว) แต่ก็เหมือนเขาผูกใจไม่ชอบ ถ้าเราไปผูกกรรมกับเขา มันก็จะยืดยาวไม่จบสิ้น ดังนั้น ขอปล่อยตามแต่ใจท่านเถิด เอ่อ บ่นไรอีกแล้วเนี่ย
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของน้องน้ำตาลด้วยค่ะ อ่านแล้วก็ได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่าง กรรมใดใครก่อ ดีหรือชั่วก็ตาม กรรมนั้นย่อมส่งผลไม่ช้าก็เร็ว

    ขอเป็นกำลังใจให้น้องตาลด้วยค่ะ

    บุญรักษาค่ะ

    Numsai
     
  11. Nakraksa

    Nakraksa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    3,481
    ค่าพลัง:
    +14,350
    ว่าแต่แหม หมายจะบีบชีวิตน้อยๆให้ตายคามือ นี่มันคล้ายๆเรื่องฉันเลย แงๆๆ
     
  12. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ตื่นนอนขึ้นมาเมื่อเช้าอยากจะเป็นไส้เดือนมากค่ะ เพราะเลื้อยได้ อิอิ
    คือมันปวดหลัง ปวดเอวไปหมด ต้องอ้าปากพะงาบ ๆ หายใจอีก
    ทั้งที่ไม่มีเสมหะแต่ก็หายใจไม่ออก ไม่รู้เป็นอะไรสิ
    ตัวก็ร้อนกว่าเดิม ร้อนข้างในเหมือนมีไฟสุม ความร้อนได้ดันลูกตาทำให้ปวดกระบอกตามาก

    สมองสลึมสะลือแต่ก็ต้องมาทำงานในวันนี้เพราะไม่มีคนเฝ้าออฟฟิศ
    และเดี๋ยวก็ร้อน เดี๋ยวก็หนาวเป็นพัก ๆ จนกระทั่งเวลาประมาณสิบโมงเช้าวันนี้
    จู่ ๆ ก็นิมิตเห็นชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาหา และบอกว่าจะมาลาแล้ว
    เราก็เลยอุทิศบุญให้ตามสัญญา และท่านก็กลายเป็นเทวดาแพรวพราวไปเลยค่ะ...


    เมื่อท่านเจ้ากรรมจากไปแล้วก็ปรากฏว่า เริ่มหายใจได้คล่องและสะดวกขึ้น
    ตัวหายร้อนในทันทีทันใด ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลก
    หายปวดหัว ปวดตาทันที และหายปวดเอวปวดหลังค่ะ
    ต้องขอบคุณท่านที่อโหสิกรรมให้ มิเช่นนั้นอีกไม่นานคงได้ไปเฝ้าลุงพุฒิที่สำนักพยายมแน่


    วาระกรรมส่งผลร้อน ๆ ค่ะเลยนำมาเล่าให้ฟังเป็นอุธาหรณ์
    หวังว่าคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
    สำหรับตาลแล้วกรรมใหม่ไม่ทำแล้วค่ะ แค่ฆ่าเต่าตัวเดียวยังขนาดนี้เลย
    ตอนนี้ตาลก็ดีขึ้นมากค่ะ แทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อเช้าเกือบจะตาย ๕๕๕
    ยังมาซ่าที่นี่ได้อีกนานนะคะ อิอิ
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ช่วงนี้ก็โดนกระหน่ำกันหลายท่านค่ะ ครูบาอาจารย์ท่านว่า หากเราสร้างบุญใหญ่ โดยเฉพาะบุญกฐินครั้งนี้ สร้างพระประธานด้วย เจ้ากรรมนายเวร จึงก็ไม่ยอม เพราะบุญใหญ่สำเร็จแล้ว ย่อมทำให้ผลกรรมชั่วบางอย่างส่งผลไม่ได้ เจ้ากรรมก็เลยรีบทวงก่อนซะหนักเลย



    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ช่วงก่อน ๑๑.๔๕ น. ได้ไปกราบโลงแก้วของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง ที่วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร วัดท่าซุงค่ะ

    หลังจากขอขมาเสร็จ อยู่ ๆ ก็เห็นหลวงพ่อยืนอยู่ และกล่าวด้วยความเมตตาว่า..

    "ลูกเอ๋ย...หากอกุศลกรรมมันส่งผลก็ตั้งใจว่า แม้กรรมนั้นเราไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่เราเกิดร่วมกัน อาจจะมีผลกระทบบ้าง ขอให้อดทนใช้มันไป

    แต่อย่างหนึ่งที่พ่ออยากบอกว่า อย่าท้อแท้ในการทำความดี ขอให้มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย อย่าทิ้งเด็ดขาด เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกพ้นภัยได้

    หากถึงวาระ ทุกอย่างก็คลี่คลายไป ขอให้ลูกมีกำลังใจ อดทนต่อไป อย่างน้อย เราก็ได้ชื่อว่า ฝึกขันติบารมี พ่อขอเป็นกำลังใจให้นะ"

    เมื่อกล่าวจบ ภาพหลวงพ่อฯ ก็หายไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประกาศว่า วิหารได้ปิดแล้ว จึงเดินทางกลับไปบ้านสบายใจอีกครั้ง เพื่อถวายเครื่องบูชาครูแด่ท่านจิตโตค่ะ

    น้ำตาแห่งความปิติใจเกิดขึ้นมา อย่างน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครูบาอาจารย์ท่านไม่ทิ้งเรา

    ขอน้อมกราบและถวายบุญทุก ๆ บุญแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เพื่อเป็นสังฆบูชา และถวายแด่ครูบาอาจารย์

    ขออนุโมทนาบุญกับน้อง Naraksa และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ความฝันนี้เป็นการบอกเหตุว่า เจ้ากรรมบางส่วนเริ่มทะยอยอโหสิกรรมให้ค่ะ ขออนุญาตย้อนเรื่องราวของน้องหนูดีนิดนึงนะคะ

    ก่อนหน้านี้หลายปี น้องหนูดีเป็นโรคไมเกรน ขั้นรุนแรงมาก บางครั้งเวลาอาการกำเริบต้องเข้าไปนอนโรงพยาบาลค่ะ หลังจากที่น้องได้ฝึกมโนมยิทธิแล้ว ก็ได้ระลึกได้ว่า....

    ในอดีตชาติ ตนเองเคยเป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ เคยฆ่าสัตว์ใหญ่มามาก ทั้งฆ่าเอง และสั่งให้ผู้อื่นฆ่า กรรมที่เคยทุบหัวสัตว์ใหญ่ ส่งผลให้เป็นโรคไมเกรนเรื้อรังหลายปี รักษาไม่หาย

    ปัจจุบัน หลังจากที่ตั้งใจสวดมนต์และเจริญกรรมฐาน อาการต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้น มีเพียงอาการเป็นระยะ ๆ ไม่ทรมานเหมือนแต่ก่อนค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องหนูดีในการทานเจ และทุก ๆ บุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เจ้ากรรมนายเวรโรคภูมิแพ้..ตอน ๑ ..

    ก่อนจะเล่าประวัติของพระเกษรีฤาษีต่อไปนะคะ ไหน ๆ น้องน้ำตาลเล่าเรื่องเจ้ากรรมแล้ว ขอเล่าเรื่องเจ้ากรรมของตนเอง ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นโรคประจำตัวมานาน

    โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา มีหน้าที่ตรวจนับเงินสดของบริษัทฯ เวลาที่น้อง ๆ แคชเชียร์นำเงินมาให้ ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจนับอีกครั้งก่อนจะนำส่งธนาคาร

    เหตุที่ต้องทำเอง เนื่องจากเป็น policy ของบริษัท ฯ ที่เจ้าหน้าที่ชาวไทย ต้องตรวจนับเงินสด และนำส่งธนาคารด้วยตนเอง

    ในช่วงประเทศกัมพูชานั้น เรื่องของการเงินไม่ค่อยปลอดภัยนัก หลาย ๆ บริษัท มีปัญหาการถูกดักปล้นเงิน ก่อนนำส่งธนาคาร และการทุจริตจากพนักงาน local แต่บริษัทฯ ที่ดิฉันทำหน้าที่อยู่นั้น ไม่เคยพบเรื่องดังกล่าวเลย ตลอดอายุงาน
    ทำหน้าที่นี้อยู่เกือบ ๑๐ ปี เงินที่นั่น เป็นเงิน USD และเงิน Riel หมุนเวียนภายในประเทศ โดยไม่มีการเก็บเพื่อไปทำลาย กรณีเงินเก่าเลย ทำให้เงินสกปรกมาก ๆ ค่ะ

    มาจากประเทศกัมพูชาแล้ว ดิฉันก็ได้นำโรคภูมิแพ้กลับมา รักษากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญโรคในโรงพยาบาลมีชื่อในกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง คุณหมอก็บอกว่า ..

    "ทำใจเถอะนะครับ โรคนี้ไม่หายหรอก จะเป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิต แต่หมอจะให้ยาที่ดีที่สุดเลยนะครับ " ฮือ ๆ ให้กำลังใจกันมากเลย

    หลังจากได้ฝึกมโนมยิทธิมาหลายปี เมื่อปี ๒๕๕๔ เกิดความคิดว่า โรคภูมิแพ้ที่เราเป็นต้องมีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน จึงกำหนดจิตกราบพระที่พระนิพพานเสร็จ จึงขออาราธนาบารมีพระขอดูว่า เกิดจากกรรมใด..

    ...เห็นเพียงภาพชายฉกรรจ์ หลายคนเป็นเงาดำ ยืนอยู่ในน้ำ แต่จากนั้นก็มีภาพคล้ายฉากสีดำมาทับภาพนั้นไม่ให้เห็นต่อไป..

    จึงทราบว่า กรรมนี้คงเป็นกรรมหนักอย่างแน่นอน จึงตั้งจิตขออโหสิกรรม จากนั้นเวลาทำสมาธิก็แผ่เมตตาเรื่อย ๆ พร้อมกันนั้น ก็รักษาโรคตามอาการไป
    (ยังมีต่อ..)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
  16. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ขอบพระคุณทั้งสองท่านค่ะ
    ตอนนี้ยังไม่หายดีแต่สบ๊ายยยกว่าเมื่อคืนเยอะมากกกกก

    โมทนาสาธุบุญกับน้องหนูดีด้วยค่ะ
    เรื่องกรรมนี่หนักหนาสาหัสจริง ๆ
    เป็นกำลังใจให้นะคะ
     
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เจ้ากรรมนายเวรโรคภูมิแพ้..ตอน ๒ ..

    ก่อนจะเล่าเรื่องโรคภูมิแพ้ ขอย้อนไปหลายปี ขณะนั้นยังทำงานอยู่ที่กัมพูชา คืนหนึ่งได้ไปนอนค้างที่บ้านพี่สาว แถบจ.สมุทรปราการ ก่อนนอนดิฉันมักจะสวดมนต์ไหว้พระเสมอ ๆ และภาวนาพุท-โธ จนหลับ ขณะล้มตัวนอน คล้าย ๆ ตัวเองอยู่ในภวังค์ (จำได้ว่า ยังไม่หลับ แต่เห็นภาพซ้อนกับความจริง)

    เห็นภาพเป็นผู้หนึ่ง แต่งตัวคล้ายนักรบ นอนเอกเขนกอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นภาพบ่าวไพร่กำลังหุงหาอาหารด้วยหม้อดิน

    จากนั้นได้ยินเสียงควบม้ามาแต่ไกล เสียงม้าร้องชัดมาก ๆ และมีท่านผู้หนึ่งขี่ม้ามายืนตรงหน้า ภาพที่เห็นชายผู้นั้นแต่งชุดนักรบดำใส่หมวก ชายผุ้นั้นรีบลุกขึ้นมาทันที คล้ายท่านผู้นั้นเป็นนาย

    จากนั้นก็พนมมือขึ้น ท่านผู้นั้นประกาศด้วยเสียงที่มีอำนาจว่า..

    "...จงฟัง มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้าย เราจะทุบหม้อข้าวทิ้ง และจะเข้าตีเมืองจันทร์...."

    สิ้นเสียงนั้น ภาพก็ตัดเป็นเห็นชายผู้นั้นขี่ม้า ถือดาบ ฟันฆ่าข้าศึกตายไปหลายคน จากนั้นก็รู้สึกว่า เสียวแปลบที่คอ (ไม่มีความเจ็บปวด) และรู้สึก หัวตนเองหลุดจากบ่า หล่นลงพื้น ม้าที่ใช้ขี่ก็ล้มลง จึงทราบว่า ชายผู้นั้น คือ ตนเอง เสียงม้าร้องดังก้อง และรู้สึกตัว ภาพต่าง ๆ ก็หายไป

    หลังจากนั้นได้ไปกราบหลวงปู่สวัสดิ์ วัดจันทร์ใน กรุงเทพฯ ได้กราบเรียนถามท่านเรื่องนี้ หลวงปู่ฯ บอกว่า ...

    "เป็นอดีตชาติของลูกเองจ๊ะ ท่านให้ย้อนอดีตได้จะได้แก้ไขได้"

    จึงกราบเรียนถามท่านว่า ในภาพ ผู้ที่แต่งตัวเป็นนักรบชุดดำนั้นใช่พระเจ้าตากหรือไม่เจ้าคะ หลวงปู่ไม่พูดอะไร ก็ได้แต่ยิ้ม และพยักหน้า

    ภายหลังหลวงปู่ฯท่านก็ได้มรณภาพลง ก่อนท่านมรณภาพได้ร่วมบุญปิดทองพระประธานในโบสถ์ วัดจันทร์ในกับท่าน และร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระสีวลีกับท่านด้วยค่ะ

    เมื่อย้ายกลับมาเมืองไทย และได้ฝึกมโนมยิทธิ หลังจากที่เห็นภาพชายฉกรรจ์วันนั้นแล้ว ก็ทราบว่า เจ้ากรรมไม่อโหสิกรรมให้ จึงได้พยายามแผ่เมตตาให้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีหวัง โรคนี้ทรมานมาก เวลาหน้าหนาว หรือหน้าฝน จะหายใจไม่ออก แสบจมูก มีน้ำมูก บางครั้งน้ำตาไหล


    เมื่อแผ่เมตตาไปเรื่อย ๆ ในวันหนึ่งขณะที่นั่งสมาธิ ก็ปรากฏภาพชายที่ถูกมัดกับหลักอยู่ในน้ำ ประมาณ ๓๐ กว่าคน ภาพที่เห็นเป็นท้องทะเลกว้าง มีน้ำขึ้นน้ำลง เวลาน้ำขึ้น น้ำทะเลเข้าตาเข้าจมูกจะแสบทรมาน
    จึงทราบในนิมิตว่า..

    .. ตนเองเคยเป็นทหารระดับนายกอง และได้จับผู้ที่เป็นไส้ศึกให้กับพวกเขมรสมัยนั้น เมื่อจับได้จึงถูกทรมานในน้ำ จากนั้นก็นำไปมัดไว้ในทะเล จนคนเหล่านั้นขาดใจตาย...

    ต่อมาเมื่อไปหาหมอด้วยโรคภูมิแพ้ หมอได้ให้ยาหยอด เมื่อใช้ยานั้น รู้สึกแสบทรมานมาก และอยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพชายผู้หนึ่ง แต่งตัวใส่เสื้อแขนสั้น สีเหลือง นุ่งจูงกระเบน สีเขียวแถบทอง แบบคนโบราณ ตัดผมทรงมหาดไทย นั่งเคี้ยวหมากปากแดง และหัวเราะ พร้อมกับพูดว่า ..

    "เป็นไง ..ทรมานมั๊ย จำได้มั๊ยที่เคยทำกับพวกกรูไว้ มึงจำได้หรือเปล่า มันทรมานมาก ยังงัยพวกกรูก็ไม่อโหสิให้..หรอก" จึงกล่าวกับท่านผู้นั้นว่า..

    "เราขออภัยเราผิดไปแล้ว เราทำตามหน้าที่" ท่านผู้นั้นก็ยกเท้าให้ พร้อมพูดว่า " ส้น....ทำตามหน้าที่หรอ ความจริงพวกกรูก็ยอมรับผิดแล้ว ฟันคอขาดก็ตายเหมือนกัน ทำให้ต้องให้พวกกรู ทรมานอย่างนั้นด้วย"

    ขณะที่ท่านพูดก็เห็นภาพดังกล่าวปรากฏขึ้น ท่านเจ้ากรรมพูดต่อไปว่า "ยังงัย กรูก็ไม่อโหสิให้.หรอก" จึงกล่าวว่า "ไม่เป็นไรหรอก เรารู้ว่า เป็นกรรมของเรา เราก็ต้องรับ แต่อย่างไรเราก็จะทำบุญให้พวกท่านนะ ท่านจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น"

    จากนั้นก็ได้พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ท่านเหล่านั้น ตลอดมา จนกระทั่งคืนหนึ่ง ก็ได้ฝันไปว่า..

    หลังจากที่ตนเองถูกฟันคอขาดที่เมืองจันทรบุรีแล้ว วิญญาณนักรบผู้นั้น มีจิตที่กล้าแข็งมาก เฝ้าติดตามทัพของพระเจ้าตากไปจนสิ้นสุดการเดินทัพ และก่อสร้างกรุงธนบุรีสำเร็จ

    จากนั้นภาพนั้นก็หายไป และรู้สึกว่า ตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ อึดอัดมาก รู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งออกมาสู่ที่สว่าง เห็นภาพชายกลางคนผู้หนึ่ง แต่งตัวคล้ายคหบดี และได้ประกาศว่า

    " ...เฮ้ย กูได้ลูกชายโว๊ย พวกมึง หาเหล้ายามาเลี้ยงฉลอง กูได้ลูกชาย กูจะตั้งชื่อให้มันว่า ไอ้ดวงดี"

    ภาพนั้นได้หายไป และมีได้ยินเสียงเป็นชายกล่าวว่า ต่อมานายดวงดีเติบโตเป็นหนุ่ม ร่างกายกำยำ เข้ารับราชการทหารในสมัยรัชกาลที่ ๑ และเห็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดี ผิวสีน้ำผึ้ง ไม่ใส่เสื้อ ยืนอยู่

    หลังจากนั้นก็ตกใจตื่น เมื่อตื่นแล้วจึงนั่งสมาธิถามครูบาอาจารย์ว่า ภาพที่ฝันนั้นเป็นอุปทานหรือไม่ ท่านบอกว่า เป็นอดีตของดิฉันเองให้รู้เหตุแห่งกรรม ท่านได้กล่าวว่า

    "ภาพที่เห็นคือตอนที่เกิดจากนั้น เมื่อโตเป็นหนุ่มไปรับราชการทหาร และได้เป็นแม่ทัพนายกอง และมีหน้าที่สอบปากคำข้าศึก และผุ้คิดขบถในเวลานั้น ได้สร้างกรรมหนัก โดยการทรมานผู้ที่เป็นไส้ศึกให้กับเขมร ๓๕ คนเพราะ เห็นแก่สินจ้างรางวัล โดยมีผู้มียศเป็นพระยาผู้หนึ่งเป็นหัวหน้า โดยนำคนเหล่านั้นไปผู้ไว้กับหลักในทะเลให้น้ำขึ้นลง จนเสียชีวิต"

    เมื่อทราบเหตุ จึงตั้งจิตว่า กรรมนี้แม้ทำเพื่อชาติ แต่เกิดจากโทสะ ทำให้ก่อกรรมหนัก เราจะไม่ขอความเมตตาจากท่านทั้งหลาย ผู้เป็นเจ้ากรรม แต่เราเพียงแต่แผ่เมตตาให้ท่านได้เคลื่อนไปภพภูมิที่ดีกว่าเท่านั้น

    จากนั้นจึงทำบุญแผ่เมตตาไปเรื่อย ๆ ต่อมาก็พบว่า เริ่มมีเจ้ากรรม ๔-๕ ท่านบ้าง ๑๐ ท่านบ้าง มาบอกว่า " พวกผมไม่จองเวรกับท่านแล้วขอรับ ผมไม่อยากอยู่ในห้วงทุกข์ ผมไปเกิดดีกว่า"

    อาการภูมิแพ้ลดความทรมานลงเรื่อย ๆ ดีขึ้น มีเพียงบางครั้งที่กำเริบขึ้นมา แต่หายใจคล่องขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงต้นเดือนตค.ที่ผ่านมา ท่านจิตโต ได้จัดบายศรี ขอขมาเจ้ากรรมขึ้น

    ปรากฏ ภาพท่านเจ้าพระยาผู้นั้น มาบอกว่า "พวกผมจะอโหสิกรรมให้ท่านนะ แต่ท่านต้องเป็นเจ้าภาพบวชพระให้พวกผม ๓ รูป" จึงบอกกับท่านว่า " ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา บุญบวชพระหายาก อาจจะต้องออกพรรษาก่อน จะทะยอยทำให้พวกท่าน ขอให้ท่านรับบุญอื่น ๆ ก่อนนะเจ้าค่ะ" ท่านก็ได้รับปาก

    เป็นเรื่องแปลกว่า อาการภูมิแพ้เริ่มดีวันดีคืน เกือบจะเข้าสู่สภาวะปกติ ยกเว้นเวลาอดนอน ซึ่งก็ไม่ทรมานเหมือนเก่าแล้วค่ะ


    ขออุทิศผลบุญแห่งธรรมทานครั้งนี้ แก่เจ้ากรรมทั้ง ๓๕ ดวงจิต ขอให้ท่านทั้งหลายมีภพภูมิที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากการให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้ด้วยเถิด สาธุ..

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เหตุแห่งการพลัดถิ่นไปต่างแดน

    ท่านได้บอกว่า เหตุที่ต้องพลัดถิ่นไปอยู่ในประเทศกัมพูชากว่า ๑๑ ปีนั้น มาจาก ๒ ส่วน คือ...

    ๑.กรรมที่เคยเป็นนักรบ และทำให้ครอบครัวผู้อื่นต้องพลัดพรากจากกัน

    ๒.ต้องไปสงเคราะห์บริวารเก่า สมัยขอมนั่นเอง

    เรื่องนี้ก็เหตุอยู่ค่ะ ดิฉันไปทำงานในกัมพูชาเรียกว่า มีชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างสุขสบาย รายได้ก็ดี มีเงินเก็บ

    เป็นที่รักของน้อง ๆ ชาวกัมพูชา เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากดิฉันไม่เคยคิดแยกชนชั้นว่า เป็นคนไทย หรือคนกัมพูชา มักจะคอยให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง และให้คำปรึกษากับน้อง ๆ เสมอ ตลอดทั้งการพาทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำให้หลายคนก็เข้าทางธรรม และมีความสุขในชีวิต

    แต่สิ่งที่ประเทศกัมพูชาให้ไม่ได้คือ ความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เมื่อกลับมาแล้วก็ไม่ผิดหวัง ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี ได้สร้างบุญใหญ่หลายครั้ง การปฏิบัติก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป และได้พบกัลยาณมิตรที่ดีอย่างทุก ๆ ท่านค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ทำบุญด้วยน้ำ..แด่พระนางอันตระเตวี...

    Phnom_penh_palace.jpg


    ขอเล่าเรื่อง ขณะที่ทำงานอยู่ประเทศกัมพูชานั้น คืนหนึ่งดิฉันฝันเห็นแผ่นดินสีแดง แห้งแล้งมาก ๆ มีดินแยกแตกระแหง มีผู้คนเดินเป็นแถวยาว รูปร่างผอม มีแต่กระดูก แยกไม่ออกว่า เป็นชายหรือหญิง หากไม่พูดด้วย พบจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด

    ในฝันดิฉันได้เข้าไปถามว่า พวกท่านมาทำอะไร มีผู้หนึ่ง เป็นหญิงตอบว่า มาตักน้ำดื่ม ดิฉันเห็นน้ำนั้น คล้ายน้ำเลือดน้ำหนอง จึงรู้สึกสะอิดสะเอียน ก็บอกท่านผู้นั้นว่า ทำไมน้ำขุ่นจัง ที่บ้านฉันนะ แค่น้ำอาบก็สะอาดน่ากินกว่านี้เยอะ จึงบอกว่า "เอางี้มั๊ย จะเอาน้ำที่บ้านมาให้พวกท่าน" และถามว่า ถ้าจะเอามาให้จะให้ที่ใครละ เราไม่รู้จักชื่อท่าน

    สตรีผอมแห้งผู้นั้นกล่าวว่า "ให้แก่จันทรเทวี(อ่านว่า จัน-ทะ-ระ-เท-วี และบริวาร"

    รุ่งขึ้นเป็นวันพระ ตรงกับวันเสาร์จึงได้ชวนเพื่อน ๆ ที่ทำธุรกิจส่วนตัวไปทำบุญกัน ครั้งนั้น ได้ถวายแต่น้ำทุกชนิดเพียงอย่างเดียว เช่น น้ำดื่ม น้ำเปรี๊ยว ไวตามินต์หลายลัง แด่หลวงตา หลวงตาท่านได้ถามว่า

    "ลูกเนี๊ยะ จนเจี๊ยดไทยนา โมวทะเวอร์บ็อนนี๊ เตร็าการทะเวอร์ออยเนี๊ยะนา" แปลว่า ท่านเป็นคนไทยหรอ มาทำบุญครั้งนี้ ทำให้ใคร

    ตอบท่านไปว่า "ขะยม(ดิฉัน)ยูลซ็อบ(ฝัน) ทาไซรัยมาเนี๊ยะ จ็องออยทะเวอร์บ้อนตึ๊กโต๊วออยกีกะน๋า" แปลว่า ดิฉันฝันเห็นหญิงผู้หนึ่งต้องการให้ทำบุญด้วยน้ำไปให้เจ้าค่ะ

    ท่านบอกว่า ออยนึกด้อลกีน๊า ตะมาน็องออยปรวล แปลว่า ให้นึกถึงเขานะ อาตมาจะให้พรนะ

    จากนั้น ท่านก็เริ่มให้พร อนิจจา วัฒสังขารา... (ในกัมพูชา การให้พรจะให้บทนี้ แทนบทยะถา..ฯ และไม่มีการกรวดน้ำเหมือนบ้านเราค่ะ)

    ดิฉันและเพื่อน ๆ จึงต้องซื้อน้ำและมากรวดเองภายหลังทำบุญกับหลวงตา ฯ ระหว่างกรวดน้ำ ได้ตั้งจิตว่า หากฝันที่เห็นนี้เป็นจริง และท่านจันทรเทวีได้รับบุญ ขอให้มาบอกกับข้าพเจ้าทางใดทางหนึ่งด้วย สาธุ...

    Apsara2.jpg


    เป็นเรื่องแปลกว่า ทำบุญวันเสาร์ ในเช้าวันอังคารประมาณตี ๕ เกือบหกโมง อยู่ ๆ ก็เกิดแสงสว่างขึ้นในห้องนอน

    ดิฉันเห็นภาพอัปสราท่านหนึ่งงดงามมาก เอวบางร่างเล็ก แต่งตัวโชว์สะดือ เห็นกำไลแขน และกำไลข้อเท้างดงามมาก คล้ายอัปสราที่นครวัต แต่ไม่ได้เปลือยอก มีผ้าบาง ๆ ปิดบังอกไว้ ไม่สวมมงกุฏ

    เธอยิ้มให้ และพูดด้วยแต่ดิฉันไม่เข้าใจภาษาของเธอ เพียงแต่ทราบว่า ภาพที่เห็นคือ พระนางจันทรเทวีนั่นเอง ภาพนั้นปรากฏประมาณ ๒-๓ นาที แล้วค่อย ๆ เลือนหายไป เห็นเพียงห้องนอนของดิฉันเอง

    หลังจากวันนั้นดิฉันได้เล่าให้น้องชาวกัมพูชาฟัง และถามว่า สมัยก่อนมีคนชื่อว่า จันทระเทวีหรือไม่ น้องหญิงคนนั้นได้ไปค้นประวัติศาสตร์บอกว่า

    มีกษัตริย์หญิงนางหนึ่งมีนามว่า อันตระเตวี(อ่านตามภาษาเขมร) เธอเป็นกษัตริย์นักรบหญิงคนเดียว กล้าหาญมาก เมื่อกล่าวนามกษัตริย์ผู้นี้ ดิฉันรู้สึกว่าเคยเป็นญาติของเธอมาก่อน

    แม้เหตุการณ์จะผ่านไปกว่า ๑๐ ปี ดิฉันยังจำภาพนั้นได้เสมอไม่เคยลืมเลือนค่ะ

    ขอผลบุญแห่งการให้ธรรมทานครั้งนี้ จงบังเกิดแก่พระนางอันตระเตวี และบริวารด้วยเถิด สาธุ...

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai

    ปล. ภายหลังได้มาฝึกมโนมยิทธิ ทราบว่า ดินแดนที่เห็นแห้งแล้งนั้น เป็นแดนเปรตขุมหนึ่ง เหตุที่ดิฉันได้ไปช่วยดวงจิตกลุ่มนี้ เนื่องจากเคยเป็นญาติกันมาก่อน เมื่อบุญได้ช่อง จึงทำให้ฝันเห็น และทำบุญให้ดังกล่าวค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ...ชีวิตเฉียดความตาย..

    หากจะเล่าถึงเรื่องเจ้ากรรมนายเวร ก็อดนึกถึงเรื่องหนึ่งไม่ได้ คือ

    ขอย้อนไปตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งอายุได้ ๒๓ ปี ดิฉันมีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจรั่วคือหัวใจห้องหนึ่งปิดไม่สนิท ทำให้เกิดการเหนื่อยหอบง่าย หายใจไม่ออกและอาจจะขาดอากาศหายใจได้ในที่สุด

    วันหนึ่งช่วงก่อนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โรคนี้เคยกำเริบแล้วไม่ปรากฏอาการจนดิฉันเข้าใจว่าโรคนี้หายแล้วอยู่ๆ โรคนี้ก็เกิดกำเริบขึ้นมา

    วิหารอุรวดี1.jpg

    ในขณะที่ดิฉันกำลังทำความสะอาดในวิหารอุราวดีโดยลำพังไม่มีใครผ่านมาเลยเกิดอาการหายใจขัด ๆหมดเรี่ยวแรง ลมหายใจเริ่มแผ่วลง ๆรู้สึกว่า ตนเองจะต้องตายในไม่ช้า จึงได้เพ่งมองพระพุทธชินราชแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า..
    <O:p</O:p
    หากแม้ลูกหมดบุญในวันนี้ลูกขอบุญกุศลที่ทำมาตั้งแต่ต้นชาติ ให้ลูกได้เกิดเป็นชายในชาติต่อไปขอให้ได้บวชตลอดชีวิตด้วยเถิด
    <O:p</O:p

    แล้วค่อย ๆกำหนดหายใจเข้าออก ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดทีละน้อยๆเห็นสายใยชีวิตเริ่มจะขาดเกิดความรักตัวกลัวตายขึ้นในใจ เริ่มดิ้นรนพร้อมตั้งจิตอธิษฐานนึกถึงพระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์ว่า..

    หลวงพ่อเจ้าคะช่วยลูกด้วย ลูกยังไม่อยากตาย ลูกยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ของลูกเลยถ้าลูกตายแล้วใครจะดูแลพ่อแม่

    ปรากฏเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมากระแสเย็น ๆ ออกมาจากพระพุทธรูปแล้วแผ่ซ่านมาที่กายดิฉัน ความรู้สึกเจ็บปวดร่างกายอันตรธานหายไปดิฉันรู้สึกง่วงนอน และหลับลงไปในที่สุด

    หลังจากที่ดิฉันรู้สึกง่วงนอนและหลับลงระยะเวลาไม่ทราบว่า เป็นเวลานานเท่าใดอยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแหบแห้งคล้ายชายชรา แต่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาพูดว่า....ตื่นเถอะลูกถึงเวลาเรียนแล้ว

    เสียงนั้นดิฉันยังจำได้เสมอและคิดว่าความรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้ตาย คงเป็นอุปทานไปเองและไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง (ยังมีต่อค่ะ...

    ************

    หมายเหตุ ขณะนั้นดิฉันไม่เคยรู้จักสมเด็จองค์ปฐม และเข้าใจว่า พระพุทธรูปในวิหารอุรวดีนั้น คือ พระพุทธชินราช ขณะนั้นยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ด้วยความชอบพระองค์นี้ ดิฉันมักจะพูดคุยกับพระพุทธรูป มีเรื่องเล่าให้ท่านฟังทุกวัน (ประมาณว่า ไม่กล้าเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าให้พระฟังแทน เพราะท่านตอบเราไม่ได้) และไปทำความสะอาดองค์พระ และรอบ ๆ บริเวณเสมอ จนภายหลังทำให้นักศึกษาหลายท่านได้มาร่วมบุญต่าง ๆ จนเป็นหมู่คณะ ภายหลังทราบว่า พระพุทธรูปในวิหารนั้น คือ สมเด็จองค์ปฐม นั่นเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2012
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...