ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ภาพที่ถ่ายในกล้องเดียวกัน ภาพต่อเนื่องกัน ในเวลาเดียวกัน อาจเป็นคนละแบบก็ได้

    บางครั้งภาพที่ถ่ายได้ ก็มีหลากหลายสี หลายลักษณะ ปรากฏปะปนกันไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ภาพนี้ จะเห็นความเป็นภาพสามมิติค่อนข้างชัดเจน เพราะภาพจะนูนออกมาจากภายในดวงปริศนาค่อนข้างมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ในบางภาพ มีบางสิ่งกำลังพุ่งลงมาเป็นจำนวนมาก ติดเข้ามาในภาพด้วย


    (ล่าง) ประมวลภาพบางส่วนเพิ่มเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2007
  4. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    - เป็นภาพแปลก ๆ ที่หลายคนอยากเห็น พี่สุดใจก็เลยนำมาโพสต์ให้ชม

    - แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร มันก็อยู่ในธรรมชาติทั้งนั้น ไม่มีอะไรน่ายึดถือจริงจัง

    - สิ่งที่ควรทำในปัจจุบัน....... คือการดูเข้าไปในจิตของตนเองในขณะนี้ เพื่อรู้ให้เท่าทันขันธ์ห้า รู้ให้เท่าทันความคิด ความรู้สึกของเราเองในปัจจุบัน เพื่อเป็นเกราะป้องกันความทุกข์ที่จะเข้ามาเยื่ยมเยียน วิปัสสนาในขณะยืน เดิน นั่ง นอน ให้เห็น "ความเป็นเช่นนั้นเอง" ของธรรมชาติ เป็นอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นประโยชน์ตน

    - ส่วนสิ่งอื่นภายนอก มันเป็นกลไกของธรรมชาติ ที่จะจัดสรรไปตามหน้าที่ แม้การออกไปเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่น นั่นก็ถูกต้องตามกลไกของธรรมชาติ ที่ต้องให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว แต่ขณะที่เตรียมการเพื่อช่วยเหลือนั้น ต้องได้ประโยชน์ตนควบคู่กันไป คือพิจารณาว่าไม่ได้มี "ตัวเรา" เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือความช่วยเหลือนั้นเป็น "ของเรา" เพราะเราคือธรรมชาติ ก็ให้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติกันไป ตามความเหมาะสม เมื่อเราปล่อยวางตัวตน ไปพร้อม ๆ กับการทำงาน ความทุกข์ก็จะไม่เกิด

    - เพราะไม่ว่าผลของงานนั้นจะสำเร็จหรือไม่ เราก็ไม่อาจที่จะกำหนดให้ได้ตามความปราถนาของเรา ความอยากในสิ่งที่ต้องการ เป็นตัวตัณหาตัวหนึ่ง เป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ เมื่ออยากให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วไม่ได้อย่างที่เราอยาก เราก็จะเกิดทุกข์

    - เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเรื่อง อริยสัจ 4 ก็คือสอนเรื่อง ความทุกข์ และการดับทุกข์ ดังนั้นสิ่งใดที่จะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เราควรพิจารณา

    - เพียงแต่เมื่อทำเต็มกำลังแล้ว อาจจะยังไม่บรรลุผลตามที่ต้องการในขณะนี้ ก็แก้ปัญหาไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น ไม่ใช่ไปทุกข์ กับสิ่งที่มันยังไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ


    "การทำตัวเองให้เป็นทุกข์ ไม่ใช่การแก้ปัญหา"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2007
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อนุโมทนาครับพี่สุดใจ..เอาธรรมะมาฝาก..
    ทุกเรื่องล้วนเป็นธรรมชาติครับ ฝึกจิตให้กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมคือเป้าหมายสูงสุด ถูกต้องแล้วครับ
     
  6. ๋Zeus@

    ๋Zeus@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,960
    สำหรับท่านอื่นๆ ที่คิดว่ากลุ่มเขากะลา ดูบ้าๆ เพี้ยนๆ
    ผมก็เคยดิดเช่นนั้น...
    หลังจากพบกันครั้งแรกที่ sanook.com และติดตามความเพี้ยนเรื่อยมา
    ด้วยความที่หลักฐานทยอยพิสูจน์ออกมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
    ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว กลับเป็นกลุ่มที่มีความชัดเจนทางลักฐานมากที่สุดในโลก
    กลุ่มนี้ถือเป็น ข้อมูลสำคัญที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา

    ล่วงเลยมาเกือบสิบปี...น้องๆใหม่ของเว็บ Palungjit โปรดใช้วิจารณญานของตน ว่า...
    ศึกษา UFO มากี่ปี พิสูจน์ด้วนตนเองมากี่ครั้ง เพื่อมิให้ขัดข้องหมองใจตนเอง

    เพราะทุกท่านของทีมเขากะลา ไม่ยึดมั่นถือมั่นมานานแล้ว
    กลัวแต่จะกระทบใจตัวท่านเอง แล้วเศร้าหมองเปล่าๆ

    คำถามว่า UFO มีจริงไหม ทีมเขากะลาและหลายๆ คน รวมทั้งผม
    ก้าวข้ามคำถามนี้มานานเกือบสิบปีแล้ว...

    สิ่งที่เหลืออยู่ให้ค้นกันต่อคือ ทำอย่างไรให้อยู่รอด
    ใ้ห้ดวงจิตไม่เศร้าหมอง...ไม่ดิ่งลงอบายภูมิ...

    มีกี่วิธี สายไหนบ้าง ทางไหนเหมาะกับใคร
    บัวเหล่าไหน สอนแบบไหน ฝึกแบบไหน
    แบบไหนเร็ว แบบไหนช้า

    ณ.วันนี้
    กราบขอบคุณ จ่าเชิด คุณวาสนา คุณสุดใจ และทุกๆท่าน
    ที่ชี้นำให้คนอย่างผม หันมารักษาศีล ฝึกสมาธิ เข้าออกฌาน ตามกำลังของตน

    เมื่อก่อนผมได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไม UFO กับจิตมันเกี่ยวกัน
    ปัจจุบัน เมื่อพบสมาธิ พบฌาน จึงได้เข้าใจ ว่ามันเป็นของมีจริง
    เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็น "ธรรมชาติ" นั่นเอง...
     
  7. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    การสร้าง Crop Circles
    :love: ​

    [vdo]http://palungjit.org/attachments/a.204624/[/vdo]​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2007
  8. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ประสบการณ์จริงจากเชียงราย กับ UFO

    - ความจริงวันนี้ พี่สุดใจคิดว่าจะตอบกระทู้ ที่หลายท่านมีความสงสัยได้สอบถามมาในกระทู้นี้ แต่ตอนนี้ขออนุญาตแทรกเรื่องประสบการณ์จริงจากท่านนี้เข้ามาก่อน เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนเคยเจอะเจอกับประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว ซึ่งคงพอนำไปพิจารณาเทียบเคียง
    <O:p</O:p</O:p
    - กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้รับข้อความจาก webmaster www.UFOThailand.org ว่ามีผู้สนใจเรื่องของกลุ่มเขากะลา มาโพสต์ในเว็ปไซด์นี้ และอยากจะให้ทางกลุ่มฯ เข้าไปใช้พื้นที่ในเว็ปไซด์นี้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้สนใจ UFO ในประเทศไทย <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - โดยเว็ปมาสเตอร์ UFOThailand.org ได้มีการประสานงานกับหลายกลุ่มในประเทศไทยไว้แล้ว จึงได้จัดทำพื้นที่ไว้ให้แต่ละกลุ่ม นำข้อมูลที่ต้องการเผยแพร่ รวมทั้งขั้นตอนการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว มาลงในเว็ปไซด์ได้เลย ตามพื้นที่ภายในเว็ปไซด์ที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว
    <O:p</O:p
    - ซึ่งกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ก็ได้กล่าวขอบคุณ webmaster.UFOThailand.org และยินดีอย่างยิ่งที่จะนำข้อมูล รวมทั้งประวัติการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว รวมทั้งข้อมูลทั้งหมดไปรวบรวมไว้ ณ เว็ปไซด์ของท่าน ในโอกาสต่อไป <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - Webmaster.UFOThai.org ได้กรุณาส่งข้อความ ของท่านผู้หนึ่งที่โพสต์ไว้ในเว็ปไซด์ของท่าน มาให้กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ได้รับทราบ จึงขอนำข้อความดังกล่าว มาให้ผู้สนใจได้รับทราบด้วย
    <O:p</O:p
    คือผมเป็นคนนึงที่สนใจมนุษย์ต่างดาวมากๆๆๆมาตลอดอยู่แล้วและเชื่อเสมอว่าเคยเกิดเป็นมนุษย์ต่างดาว
    ครั้งหนึ่งผมเห็นลูกไฟสีสว่างนวลๆกระพริบถี่ สามครั้ง บินตรงผ่านหัวไปแล้วเลี้ยวทำมุม เก้าสิบ องศาหายไปหลังตึก ตั้งแต่นั้นมาผมก็สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจึงพยายามติดต่อ
    ไม่แน่ใจว่าเป็นอุปทานหรือเปล่า วันนั้นนั่งสมาธิอยู่มีเสียงเรียกผม ผมก็ถามว่าใคร ก็บอกว่าชื่อ ซิราซิทัล มาจากดาวอังคาร (ภายหลังมาอ่านเรื่องของคุณเทพนมคิดว่าคนที่ดาวอังคารต้องมีคำว่าซิทัลตามหลังทุกคนหรือเปล่าไม่รุ้)
    ผมเลยคุยต่อไป ถามว่าทำไมมาติดต่อผมเขาบอกว่าเพราะจิตใจผมมันอยากให้เขาติดต่อมา แล้วก็บอกว่าเก้าแสนปีที่แล้วผมเคยเกิดที่ดาวพลูโต เป็นฑูตระหว่างดวงดาวทำงานสมานฉันดวงดาวต่างๆได้ดีเลยถูกส่งมาช่วยโลกมนุษย์เพื่อช่วยให้คนนั้นเปิดใจรับมากขึ้น และพัฒนาระดับจิตใจมนุษย์เพื่อมนุษย์จะได้เข้าร่วมสหภาพทางช้างเผือกในเร็ววันขึ้น

    แถมบอกอีกว่าผมเป็นคนที่654ที่ซิราซิทัลติดต่อด้วยในโลกนี้ แล้วเขาก็นัดเวลาผมมาคุยอีกทีวันนี้(วันที่27)ตอนเที่ยงตรง ผมก็ออกมานั่งกลางแจ้งก็ได้รับติดต่อมา ผมก็ขอให้เอายานผ่านมาเยี่ยมเยียนได้มั้ยเขาก็บอกว่าเที่ยงครึ่งละกัน แล้วผมเลยไปเรียกน้องที่ฝึกสมาธิด้วยกันออกมานั่งรอเที่ยงครึ่งก็ยังไม่มา พอเที่ยงสี่สิบสองเห็นแสงวับๆเหมือนสะท้อนมาจากอะไรสักอย่างอยู่บนท้องฟ้าแล้ววับหายเข้าไปในเมฆรูปทรงเหมือนเม็ดข้าวลอยได้ แล้วผมก็ไม่เห็นอีกแต่น้องที่มานั่งด้วยกันเห็นอีกประมาณสองสามรอบบริเวณเดิมวนไปวนมาสักพักแล้วก็หายไป
    ผมเลยพยายามติดต่ออีกครั้งตอนเย็น แต่ติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีสมาธิรึเปล่า
    <O:p</O:p</O:p
    หลังจากพี่สุดใจได้รับข้อความนี้แล้ว ได้ติดต่อไปยังท่านที่ส่งข้อความนี้มา จึงได้รับ e
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2007
  9. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ใน 600 กว่าคน มี100 คนที่เล่นเวปพลังจิต

    บางคนยังไม่รู้ตัว ตอนนี้คงรู้แล้ว.. อะจ้ากก ไม่น่าบอก
     
  10. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    - พี่สุดใจ คงต้องขอเล่าต่อจากกระทู้ที่แล้วอีกสักนิด เพราะเป็นข้อมูลต่อเนื่องที่มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน<O:p</O:p
    จากกระทู้ที่ผ่านมา คุณ bestaboy ได้เล่าว่า มีครั้งแรกได้รับการสื่อสารจากดาวอังคาร ซึ่งได้สื่อผ่านมาและนัดหมายให้ออกไปดูยานอวกาศตอนเที่ยงครึ่ง<O:p</O:p
    และ แฟนของคุณ bestaboy ก็ได้ฝันว่าตนเองได้พบกับมนุษย์จากดาวศุกร์ ดังรายละเอียดที่เล่าผ่านมาแล้วนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จากการที่ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ติดต่อนัดหมาย กับมนุษย์ต่างดาวที่สิงห์บุรีนั้น หลายท่านอาจจะไม่ทันสังเกตในบริเวณการทำพิธีดังกล่าว ที่มีโต๊ะหมู่บูชาอยู่กลางบริเวณงาน และมีพระพุทธรูป 4 องค์ บนโต๊ะหมู่บูชานั้น และ จ.ส.อ.เชิด ได้ทำพิธีสักการบูชาพระรัตนตรัย ก่อนที่จะมีการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว และได้มีการนำยานอวกาศมาปรากฏให้เห็นตามที่นัดหมายนั้น
    บางท่านอาจสงสัย ทำไมต้องมีพระพุทธรูปถึง 4 องค์
    <O:p</O:p
    จริง ๆ แล้ว เราก็ได้จัดเตรียมพระพุทธรูปซึ่งมีอยู่แล้วในห้องพระ 1 องค์ เพื่อเป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้าในโลกมนุษย์ เป็นองค์ประธาน และได้เดินทางไปบูชาพระพุทธรูปเพิ่มอีก 1 องค์ และได้อัญเชิญคลื่นจิตของ พระเจ้าผู้วิเศษฯ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดทางจิต ของดาวโลกุกะตาปากะดิกอง มาประทับในพระพุทธรูปองค์นั้น ซึ่งท่านตรัสรู้ในกฏของธรรมชาติแล้ว แต่ยังมิได้ปรินิพาน ยังมีกายเนื้อที่จะสั่งสอนมนุษย์บนดาวดวงนั้นอยู่ และเป็นผู้มีความเจริญทางจิตสูงสุดในดาวดวงนั้น ซึ่งนำคลื่นจิตมาร่วมอนุโมทนาด้วย

    ซึ่งทางพุทธศาสนาเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่า มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้มากมาย มากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทร ดังนั้น ดวงดาราต่าง ๆ ที่มีความเจริญทางจิต ก็ย่อมมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้เช่นกัน
    <O:p</O:p
    ดังนั้น เราจึงได้จัดเตรียมพระพุทธรูปไว้ 2 องค์เพื่อร่วมในพิธี
    <O:p</O:p
    - แต่ในวันที่ 29 ธันวาคม 2540 ( ถ้าจำวันคลาดเคลื่อนก็ต้องขออภัยด้วย เพราะผ่านมา 10 ปีแล้ว) ช่วงกลางคืน จ.ส.อ.เชิด นั่งสมาธิอยู่ในห้องพระ บอกว่า มีญาณของมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร จะมาร่วมอนุโมทนาด้วย ในวันที่นัดหมายจานบินวันที่ 3 มกราคม 2541 ที่สิงห์บุรี และท่านเป็นผู้นำทางจิตสูงสุดจากดาวอังคาร ซึ่งท่านบอกว่า เป็นผู้ประเสริฐแห่งดาวอังคาร

    ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น จึงได้ไปบูชาพระพุทธรูปมาอีก 1 องค์ และอัญเชิญคลื่นจิตของผู้ประเสริฐแห่งดาวอังคาร เข้าร่วมในพิธีด้วย

    และในคืนวันที่ 2 มกราคม 2541 คืนก่อนวันนัดหมาย จ.ส.อ.เชิด ได้รับการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาวจากดาวศุกร์ ว่าจะมาร่วมอนุโมทนาด้วย พ่อจึงบอกกับเราว่า ผู้นำสูงสุดทางจิตจากดาวศุกร์ จะมาร่วมอนุโมทนาด้วย ให้เราไปบูชาพระพุทธรูปมาเพิ่มอีก 1 องค์ ซึ่งรุ่งขึ้นเราก็ได้ไปบูชาพระพุทธรูปมาเพิ่มอีก 1 องค์ รวมเป็น 4 องค์

    ดังนั้น ในวันที่ 3 มกราคม 2541 ที่สิงห์บุรี จึงมีพระพุทธรูปรวม 4 องค์ คือองค์แทนของโลกมนุษย์ จากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง จากดาวอังคาร และจากดาวศุกร์ ร่วมในพิธีในวันนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - ซึ่งในขณะนั้น เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ที่มาร่วมในพิธีนั้น มียานอวกาศหรือไม่ ? เพราะเรารู้จักแต่ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง ที่นำยานอวกาศมาให้เห็นเพียงดาวเดียวเท่านั้น
    <O:p</O:p
    - ซึ่งในเวลาต่อมาภายหลัง เราจึงได้รู้ว่า ดาวอังคารได้ติดต่อกับ ดร.เทพนม เมืองแมน มานานแล้ว และปี 2542 จึงได้รู้ว่า ดาวอังคารและดาวศุกร์ ได้มีการติดต่อกับกลุ่มบุคคลที่จังหวัดเพชรบุรีมานานแล้วเช่นกัน จนตั้งเป็น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2007
  11. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    การสื่อสารกับ 9 ดวงดาว

    - สิ่งที่ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว บางครั้งเราเองที่อยู่ใกล้ชิด และรับทราบมาตลอด ยังเชื่อได้ยาก ยังเคยถามบ่อย ๆ ว่า จริงหรือเปล่านี่ ? แต่ท่านก็บอกอย่างใจเย็นว่า ก็ทำไปตามนั้นแหละ ก็เขาสื่อมาอย่างนี้

    <O:p</O:p
    - และหลายเรื่องที่ท่านบอก ก็จะเริ่มมีความกระจ่างตามมาเรื่อย ๆ แม้บางครั้ง อาจจะใช้เวลานานสักหน่อย แต่ทุกเรื่องมีคำตอบทั้งนั้น


    - และมีครั้งหนึ่งที่ท่านรับการสื่อสารที่เขากะลา บอกว่า ได้รับสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว เขาบอกว่ามาจาก ดาวลูกไก่ เป็นมนุษย์ที่อยู่ในกลุ่มดาวนั้น


    - อันนี้ เราเป็นลูกเราก็ยังขำ ถามว่า จริงหรือเปล่าพ่อ เพราะชื่อดาวของพ่อเริ่มจะแปลกขึ้นทุกที ท่านก็ยังพูดขำ ๆ ว่า ก็เขาบอกอย่างนั้น สงสัยจะมา 7 คน (เพราะมีนิทานของเราเรื่องลูกไก่ทั้ง 7 ที่ไปเกิดเป็นดาว)

    - แต่หลังจากนั้นอีก 2 ปี ในเดือนธันวาคม 2543 พี่สุดใจ กับคุณวาสนา ได้เดินทางไปร่วมงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นที่วิทยาลัยรัชภาคย์ ในกรุงเทพฯ และได้พบกับ ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน ที่จัดบูธมนุษย์ต่างดาวในงานนั้น และพบกับมิสเตอร์จอห์น ฮอร์เน็ต ด้วย ในวันนั้นผู้ที่สนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา ก็ได้มาสอบถามข้อมูลเป็นจำนวนมาก


    - และในเย็นวันนั้น ดร.เทพนม บอกว่ามนุษย์ต่างดาวนัดหมายจะนำจานบินมาให้ชมด้วย เราจึงได้อยู่ร่วมกับท่าน ซึ่งหลายท่านในเว็ปไซด์นี้ ก็คงอยู่ร่วมในคืนวันนั้นเช่นกัน


    - เนื่องจากในวันนั้น ฟ้าปิดมาก เมฆลอยต่ำ แต่เราก็อยู่ร่วมกับท่าน จนประมาณเกือบสองทุ่ม ได้มีคนรวมกลุ่มกันร้องบอกว่า มนุษย์ต่างดาวมาเข้าร่างแหม่ม แล้วมาเชิญ ดร.เทพนมให้ไปสื่อสารหน่อย


    - ซึ่งในจำนวนผู้ที่มารอชมจานบินในคืนนั้น ได้มีแหม่มต่างชาติ 2 คน มารอชมอยู่ด้วย และได้มีคลื่นบางอย่างมาผ่านร่างแหม่มคนนั้น จึงแสดงอาการถูกควบคุม ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ดร.เทพนม จึงไปสื่อสารทางจิตกับมนุษย์ต่างดาวที่ผ่านร่างนั้น ว่ามาจากไหน และท่านก็บอกว่า เขาบอกว่ามาจาก ดาวลูกไก่ นำจานบินมาร่วมกับดาวอังคาร ที่จะมาปรากฏให้เห็นในคืนนี้ด้วย ให้ ดร.เทพนม บอกคนที่รอดูว่า เขามาตามนัดแล้ว แต่ลงมาไม่ได้ ลอยอยู่ด้านบนเหนือเมฆ มนุษย์มองไม่เห็นเพราะเมฆหนามาก จึงส่งคลื่นผ่านร่างแหม่มคนนี้เพื่อมาบอก ซึ่งนี่เป็นคำบอกเล่าของ ดร.เทพนม เองในคืนนั้น และสักพักคลื่นนั้นก็ออกไป คนที่มารอชมต่างก็ทยอยกันกลับ


    - เมื่อเรากลับมาถึงนครสวรรค์ เราก็ไปบอกพ่อว่า พ่อ ดาวลูกไก่ ที่พ่อสื่อ มีจริงนะ เขาผ่านร่างฝรั่งมาบอก ดร.เทพนม ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะน่าขำ แต่มันก็เกิดขึ้นจริง เราจึงเริ่มมั่นใจว่า บางสิ่งที่พ่อรับสื่อมานั้น มันถูกต้อง แต่อาจจะเชื่อยากสักหน่อย คงต้องใช้เวลา
    <O:p</O:p

    - สรุปแล้ว บริเวณกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว มีมนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารผ่าน จ.ส.อ. เชิด มาทั้งหมด 9 ดวงดาว
    <O:p</O:p

    - ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง (เป็นยานลำใหญ่สีเงิน ลักษณะเป็นจานสามเหลี่ยม จะมีไฟหลายสีหมุนรอบด้านล่าง บางครั้งจะเป็นไฟสีขาวสว่างมาก วิ่งจากซ้ายไปขวา และจากขวาไปซ้ายสลับไปมา)
    <O:p</O:p

    - ดาวพลูโต (เป็นยานสีส้มเรืองแสงออกมาจากตัวยาน ลำจะเล็กมาก ลอยไปมาให้เห็นเสมอ)<O:p</O:p

    - ดาวอังคาร

    - ดาวศุกร์

    - ดาวเสาร์<O:p</O:p

    - ดาวนพเคราะห์ (เป็นยานสีเงิน หมุนแบบควงสว่าน มีพลังงานออกมาจากด้านหลัง)

    - ดาวลูกไก่<O:p</O:p

    - ดาวจระเข้

    - ดาวฤกษ์ (เป็นยานสีแดงจ้าออกมาจากภายในลำยาน มีสีเดียว) ได้เห็นบนเขากะลา เขาสื่อสารว่ามาจากดาวฤกษ์ และจะนำยานมาให้ชม จึงไปรอดูที่ลานด้านหน้าเขา เห็นยานเป็นดวงกลมสีแดงจัด ลอยจากขอบฟ้าด้านขวามือสุด พุ่งไปทางบึงบอระเพ็ด ด้วยความเร็ว และหายไปบริเวณเหนือบึงบอระเพ็ด เห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น (เห็นกัน 5 คน)

    (พี่สุดใจกล่าวลักษณะยานฯ ข้างต้น เฉพาะจากดาวที่พี่สุดใจเห็นด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนดาวดวงอื่น ที่ท่านอื่นเห็นจำนวนมากนั้น อาจจะเป็นจากหลายดวงดาว เพราะแต่ละท่านบรรยายลักษณะแตกต่างกัน)


    - ขอเสริมอีกสักนิด ภายหลังจากนั้น วันที่ 11 เมษายน 2541 วันที่ ดร.เทพนม เมืองแมน เดินทางมาเขากะลา ได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ได้เดินทางไปพบ ดร.เทพนม บอกว่า เขาได้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว มาจากดาวเสาร์ ซึ่งในวันนั้น อาจารย์ท่านนั้นได้นำภาพวาดมนุษย์จากดาวเสาร์มาให้ ดร.เทพนม ดูด้วย ซึ่งภาพวาดนั้นร่างเล็ก ๆ ตัวยาว ๆ ศรีษะค่อนข้างแหลม และมีข้อมูลที่สื่อสารมาอีกหลายข้อ ซึ่ง ดร.เทพนม ก็ได้ถ่ายวีดีโอ ภาพเหล่านั้นไว้ อาจารย์ท่านนั้นไม่เคยรู้จักเขากะลามาก่อน แต่ก็ได้ร่วมเดินทางไปเขากะลา กับคณะฯ ดร.เทพนม ด้วย ดังนั้น ดาวเสาร์ที่พ่อรับการสื่อสารมา ก็มีจริง

    สำหรับอาจารย์ท่านนี้ คุณ mead ก็คงรู้จักเช่นกัน

    (ภาพบน) บริเวณกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว ซึ่งจะมีพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่ละองค์ จะเป็นองค์แทนแต่ละดวงดาว จะมีชื่อของผู้นำทางจิตของแต่ละดวงดาวปรากฏอยู่ ซึ่งท่านได้นำคลื่นจิตผ่านมาอนุโมทนากับมนุษย์โลก

    (ภาพกลาง) ภายในบูธของ ดร.เทพนม ในงานวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติครั้งที่ 5 และในคืนนี้ ได้มีคลื่นจากดาวลูกไก่ผ่านร่างของชาวต่างชาติ

    (ภาพล่าง) คนซ้ายสุด อาจารย์ที่ติดต่อกับดาวเสาร์ ขณะให้ข้อมูล กับอาจารย์เทพนม เมืองแมน
    <O:p</O:p


    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2007
  12. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    จานบินวิเคราะห์ ตอน ทฤษฏีสเป๊สวาล์ว
    ดนน์ รัตนทัศนีย​


    ทฤษฏีของ ศ.จ. เฮอร์แมน มีชื่อว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กันยายน 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    อาจารย์ที่ติดต่อมนุษย์ดาวเสาร์ได้หมายถึง"อาจารย์ทอง" ใช่มั๊ยครับพี่สุดใจ
    เคยพาคุณอลงกรณ์กับคุณนัท(สิงห์บุรี)ไปที่บ้านอาจารย์ทองด้วยกัน
    พอลงจากรถได้ไม่ทันไร ก็แหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้า..รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ข้างบน
    แล้วก็พบครับ เป็น"จานบินทรงซิการ์" รูปทรงผอมยาวมาก เคลื่อนผ่านหลังคาบ้านอาจารย์ทองพอดิบพอดี..เปล่งแสงสว่างในตัวสีทองส้มๆ ยาวเรียวแบบแท่งดินสอไม่มีปีก ตอนที่เห็นราวๆบ่ายโมงครับ..บันทึกภาพไว้ไม่ทันครับ กล้องผมซูมได้แต่ไม่เห็นลำตัวมันเบลอๆ เสียดายลำนี้มาก..ไม่งั้นคงมีหลักฐานเพิ่มอีกชิ้นที่เป็นทรงซิการ์ด้วยครับ...เรื่องของอาจารย์ทองที่ท่านเล่าให้ผมฟัง ถึงขนาดลงมาเดินอยู่นอกบ้าน-ในบ้านท่านเลย มาติดอุปกรณ์บางอย่าง และแอบดูมนุษย์ว่าทำกิจกรรมอะไรบ้าง..เหมือนเป็นงานของเค้ายังไงนี่ล่ะครับ รายนี้ผมว่าเค้ามาแปลกดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2007
  14. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ป้าดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!

    อะไรมันจะสุดยอดขนาดนี้ครับคุณ Mead
    อยากพบอาจารย์ทองบ้างครับ ท่านไม่มาบรรยายในงานวิทยาศาสตร์ทางจิตบ้างเหรอครับ อ.เทพนมก็มาบรรยายทุกปี คุณน้าสุดใจก็เริ่มบรรยายแล้ว เมื่อปีที่แล้ว (ปีนี้ขึ้นบรรยายอีกนะครับ อิอิ) สุดยอดครับ


    สําหรับผู้สนใจ ---->>>
    เรื่องย่อๆของอ.เทพนม
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=90106
    เรื่องยูเอฟโอทั่วๆไป
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=87985
     
  15. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    734
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    จิตคือพุทธะ
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล​


    ".........สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในจักรวาล มีนับไม่ถ้วนรวมแล้วมี รูปกับนาม สองอย่างเท่านั้น นามเดิม ก็คือ ความว่างของจักรวาล เข้าคู่กันเป็น เหตุเกิด ตัวอวิชชา เกิดเหตุก่อ ที่ใดมีรูป ที่นั้นต้องมีนาม ที่ใดมีนาม ที่นั้นต้องมีรูป รูปนามรวมกัน เป็นเหตุเกิดปฏิกิริยา ให้เปลี่ยนแปลงตลอดกาล และเกิดกาลเวลาขึ้น คือรูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหว และหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย รูปเคลื่อนไหวได้ ต้องมีนาม ความว่างคั่นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้

    เมื่อสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ สรรพสิ่งของวัตถุ สสารมีชีวิต และไม่มีชีวิตจึงต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไตรลักษณ์ เกิด ดับ สืบต่อทุกขณะจิตไม่มีวันหยุดนิ่งให้คงทนเป็นปัจจุบันได้

    จิต วิญญาณ ก็เกิดมาจาก รูปนามของจักรวาล มันเป็นมายาหลอกลวงแล้วเปลี่ยนแปลงให้คนหลง จากรูปนามไม่มีชีวิต เปลี่ยนมาเป็นรูปนามที่มีชีวิต จากรูปนามที่มีชีวิต มาเป็นรูปนามมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ แล้วจิตวิญญาณก็เปลี่ยนแปลงแยกออกจากกัน คงเหลือแต่ นามว่างที่ปราศจากรูป นี้ เป็นจุดสุดยอดของการหลอกลวงของรูปนาม

    ต้นเหตุเกิดรูปนามของจักรวาลนั้น เป็นเหตุเกิด รูปนามพิภพ ต่างๆ ตลอดจนดวงดาวนับไม่ถ้วน เพราะไม่มีที่สิ้นสุด รูปนามพิภพต่างๆ เป็นเหตุให้เกิด รูปนามพืช รูปนามพืชเป็นเหตุให้เกิด รูปนามสัตว์ เคลื่อนไหวได้ จึงเรียกกันว่า เป็นสิ่งมีชีวิต

    ความจริง รูปนามจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตมันก็เคลื่อนไหวได้ เพราะมันมีรูปกับนาม เป็นเหตุเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาอยู่ในตัว ให้เคลื่อนไหวตลอดกาล และ(เกิด) การเปลี่ยนแปลง บางอย่าง เรามองด้วยตาเนื้อไม่เห็น จึงเรียกกันว่าเป็นสิ่งไม่มีชีวิต

    เมื่อรูปนามของพืชเปลี่ยนมาเป็นรูปนามของสัตว์ เป็นจุดตั้งต้นชีวิตของสัตว์ และเป็นเหตุให้เกิด จิต วิญญาณ การแสดง การเคลื่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดกรรม

    สัตว์ชาติแรกมีแต่สร้างกรรมชั่ว สัตว์กินสัตว์ และ(มี)ความโกรธ โลภ หลง ตามเหตุ ปัจจัย ภายนอกภายในที่มากระทบ กรรมที่สัตว์แสดง มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ อย่าง ไปกระทบกับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ อย่าง แล้วมาประทับ บรรจุ บันทึก ถ่ายภาพ ติดอยู่กับ รูปปรมาณู ซึ่งเป็น สุขุมรูป แฝงอยู่ในความว่าง เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาได้ ที่แฝงอยู่ในความว่างระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั้นไว้ได้หมดสิ้น

    เมื่อสัตว์ชาติแรกเกิดนี้ ได้ตายลงมี กรรมชั่ว อย่างเดียว เป็นเหตุให้สัตว์ต้องเกิดอีก เพื่อให้สัตว์ต้อง ใช้หนี้ กรรมชั่วที่ได้ทำไว้ แต่สัตว์เกิดขึ้นมาแล้วหายอม ใช้หนี้เกิด กันไม่ มันกลับ เพิ่มหนี้ ให้เป็น เหตุเกิด ทวีคูณ ด้วยเพศผู้เพศเมียเกิดเป็น สุขุมรูป ติดอยู่ใน ๕ กองนี้ เป็นทวีคูณจนปัจจุบันชาติ

    ดังนั้น ด้วยอำนาจกรรมชั่วในสุขุมรูป ๕ กอง ก็เกิดหมุนรวมกันเข้าเป็น รูปปรมาณูกลม คงรูปอยู่ได้ด้วยการหมุนรอบตัวเอง มิหยุดนิ่ง เป็นคูหาให้จิตใจได้อาศัยอยู่ข้างใน เรียกว่า รูปวิญญาณ หรือจะเรียกว่า รูปถอด ก็ได้ เพราะถอดมาจากนามระวางคั่น ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง ซึ่งเป็นสุขุมรูปแฝงอยู่ในความว่าง รูปวิญญาณ จึงมีชีวิตอยู่คงทนอยู่ ยืนนานกว่า รูปหยาบ มีกรรมชั่วคอยรักษาให้หมุนคงรูปอยู่ ไม่มีเทพเจ้าองค์ใดฆ่าให้ตายได้ นอกจาก นิพพาน เท่านั้น รูปวิญญาณจึงจะสลาย

    ส่วนการแสดงกรรมของสัตว์ที่ประทับอยู่ในสุขุมรูป มีรูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย ๕ กองนั้นรวมกันเข้าเรียกว่า จิต จึงมี สำนักงานจิต ติดอยู่ในวิญญาณ ๕ กอง รวมกันเป็นที่ทำงานของ จิตกลาง แล้วไปติดต่อกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ภายนอก ซึ่งเป็นสื่อติดต่อของจิต ดังนั้น จิต กับ วิญญาณ จึงไม่เหมือนกัน จิตเป็นผู้รู้สึกนึกคิด ส่วนวิญญาณเป็นคูหาให้จิตได้อาศัยอยู่ และเป็นยานพาหนะพาจิตไปเกิด หรือจะไปไหนๆ ก็ได้ เป็นผู้รักษา สุขุมรูป รูปที่ถอดจากรูปหยาบ มีรูปเพศผู้ เพศเมีย รูป ตา หู จมูก ลิ้น กาย อยู่ในวิญญาณไว้ได้เป็นเหตุเกิดสืบภพต่อชาติ

    เมื่อสัตว์ตาย ชีวิตร่างกายหยาบของภพภูมิชาตินั้นๆ ก็หมดไปตามอายุขัย (ของ) ชีวิตร่างกายหยาบของภูมิชาตินั้นๆ ส่วนชีวิตแท้ รูป ปรมาณู วิญญาณ จะไม่ตายสลายตาม จะต้องไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ ตามเหตุปัจจัยของวัฏฏะหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย

    ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณหมุนรอบตัวเอง นี้เอง เป็นเหตุให้จิตเกิดดับ สืบต่อ คอยรับเหตุการณ์ภายนอกภายในที่มากระทบ จะดีหรือชั่วก็สะสมเข้าไว้ เป็นทุน เหตุเกิด เหตุดับ หรือปรุงแต่งต่อไป จนกว่า กรรมชั่ว-เหตุเกิด จะหมดไป ชีวิตแท้-รูปถอดหรือวิญญาณ ก็จะหยุดการหมุน รูปสุขุม-รูปวิญญาณ ซึ่งเกิดมาจากกรรมชั่ว สืบต่อมาแต่ชาติแรกเกิด ก็จะสลายแยกออกจากกันไป คงรูปอยู่ไม่ได้ มันก็กระจายไป ส่วนกิจกรรมดี ธรรมะที่ติดอยู่กับวิญญาณ มันก็จะกระจายไปกับรูปปรมาณู คงเหลือแต่ความว่างที่คั่นช่องว่างของรูปปรมาณูทุกๆ ช่อง ฉะนั้น โดยปราศจากรูปปรมาณู ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน.........."

    :love: ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กันยายน 2007
  16. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    มนุษย์ต่างดาว จากดาวเสาร์


    ใช่ค่ะคุณ mead เป็นท่านเดียวกันกับที่คุณกล่าวถึง
    พี่สุดใจ ขอเล่าเพิ่มเติมต่อจากข้อความของคุณ mead นะคะ

    อาจารย์ทองเล่าว่า คืนหนึ่งประมาณเที่ยงคืน กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้อง ซึ่งมีระเบียงยื่นออกไปด้านนอก ขณะนั้น สายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็ก ๆ รูปร่างผอมสูง แขน ขา ยาว และศรีษะค่อนข้างแหลม ยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก พอเห็นเช่นนั้นก็ค่อนข้างตกใจ แต่ไม่สามารถขยับตัวได้ และเสียงของทีวีที่กำลังดูอยู่นั้น ก็ถูกตัดเสียงไป คงมีแต่ภาพที่ยังเปิดค้างอยู่

    อาจารย์ทองนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นขยับตัวไม่ได้ ร่างเล็กนั้นสื่อสารมาโดยไม่ได้เป็นคำพูด แต่อาจารย์ทองสามารถเข้าใจข้อความที่ร่างนั้นสื่อสารมา เพราะเป็นความเข้าใจในสมอง และร่างนั้นก็สื่อสารข้อความมาอีกหลายข้อ ถึงการมาติดต่อสื่อสารด้วย จากนั้นก็มีจานบินลำเล็ก ๆ มารับโดยดูดลอยขึ้นไป จากนั้น เสียงทีวีก็กลับดังขึ้นตามปกติ ท่านก็ขยับตัวได้ จึงรีบไปบันทึกข้อความที่ได้รับจากมนุษย์ต่างดาว ที่บอกว่ามาจาก "ดาวเสาร์" พร้อมทั้งวาดภาพรูปร่างของมนุษย์ต่างดาวที่ท่านเห็น ซึ่งพี่สุดใจก็ได้เห็นพร้อมกับ ดร.เทพนม และกำลังคิดว่าเคยขอ copy จากท่านไว้แผ่นหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน ถ้าพี่สุดใจหาพบ จะนำมาโพสต์ให้ชมนะคะ

    สำหรับดาวเสาร์ ที่พ่อเคยสื่อสารไว้ก่อนหน้านี้ เขาบอกว่า เขามาเรื่องเกี่ยวกับชีวภาพ เพราะเขาเป็นดาวที่มีความผู้เชี่ยวชาญด้านของชีวภาพ จึงมาเตรียมการสำรวจเกี่ยวกับ พวกพืชที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร พวกสารเคมีในดิน หรือสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของพืช ให้มีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ในเวลาวิกฤต และภายหลังที่เป็นยุคต้องฟื้นฟู การปลูกพืชเพื่อต้องการผลผลิตนั้นจะไม่ต้องใช้เวลานานมากเกินไป ไม่เช่นนั้นมนุษย์จะขาดแคลนอาหารกัน

    ซึ่งตรงกับที่อาจารย์ทองได้บอกไว้ ว่าหลังจากนั้นมนุษย์จากดาวเสาร์ จะมาสื่อสารหลายครั้ง และนำจานบินของเขาซึ่งลำเล็ก ร่อนลงมาอยู่เหนือบ้านอาจารย์ทองเป็นประจำ และมนุษย์ต่างดาวจะเดินไปยังหลังบ้านอาจารย์ซึ่งมีต้นไม้ขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เหมือนทำการทดลองอะไรบางอย่างอยู่เสมอ เมื่อเขาไปแล้วอาจารย์ก็จะไปสังเกต แรก ๆ ก็ไม่ได้เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เริ่มพบว่าต้นไม้ในรั้วบ้านเริ่มโตผิดปกติ ใบใหญ่มาก และโตเร็วมาก และการให้ผลผลิตก็เร็วตามไปด้วย เหมือนมีการใช้สารบางอย่างเร่งการเจริญเติบโต ใบจะใหญ่กว่าปกติเกือบ 3 เท่าทีเดียว

    อย่างที่เคยกล่าวไว้แล้วว่า แต่ละดวงดาวมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านต่างกัน ดังนั้นการเตรียมการของแต่ละดวงดาว ก็ย่อมต่างกัน และไม่จำเป็นจะต้องมารวมอยู่ ณ จุดเดียวกัน และการช่วยเหลือก็ต้องครอบคลุมทุกด้านด้วย

    เหมือนประเทศเรา ยังมีทั้งศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิจัยทางเทคโนโลยี ศูนย์วิจัยพลังงาน ศูนย์วิจัยพืช หรือศูนย์วิจัยอื่น ๆ มากมาย ก็เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น ดังนั้น การที่มนุษย์ต่างดาวต้องลงมาเก็บตัวอย่างในโลกมนุษย์ไปก่อนตามโครงการขั้นที่ 1 นั้น เพราะมันจำเป็น ต้องนำมาวิเคราะห์ วิจัย เพื่อทำสารเคมี หรือผลิตสิ่งต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับมนุษย์ เพื่อดำเนินโครงการการช่วยเหลือในแต่ละด้านต่อไป

    เพราะมนุษย์อาจไม่สามารถทานแค๊ปซูลอย่างเขาได้ จึงต้องมีการทานสารอาหารแบบมนุษย์ แต่ต้องมีการช่วยเหลือด้านเร่งผลผลิตให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อให้ทันต่อความต้องการด้านอาหารของมนุษย์

    เราไม่รู้หรอกว่าการเตรียมการของมนุษย์ต่างดาวมีอะไรบ้าง มนุษย์ต่างดาวบอกว่า อย่าไปอยากรู้อะไรมากเลย เพราะถึงจะรู้หรือไม่รู้ เขาก็ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้ารู้แล้วทำให้ฟุ้งซ่าน ก็อย่ารู้เสียดีกว่า

    แต่ที่ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน และกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) "จำเป็นต้องรู้" เพราะว่าต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เรื่องของโครงการความช่วยเหลือ และเรื่องของเทคโนโลยีของเขา กับบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องในโครงการ เพราะเขาได้ทำตัวอย่างไว้หลายอย่างกับบุคคลอื่นจำนวนมาก เพื่อที่มนุษย์ที่ต้องการพิสูจน์ ก็จะมีพยานยืนยันข้อมูลเหล่านั้นในแต่ละจุด

    ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต่างดาวกล่าวไว้ก็คือ

    "ลองย้อนไปดูเวปไซด์ UFOatKAOKALA ที่ให้ "แจ้งเพื่อทราบ" ไปยังมนุษย์โลกซิ ไปดูข้อความด้านบนสุด ก่อนเข้าเวปไซด์ที่เขียนไว้ว่า "ความสำเร็จของมนุษย์ต่างดาวในการสื่อสารกับมนุษย์โลกผ่านทางประเทศไทย" มีความหมายอย่างไรบ้าง? ไปคิดเอาเอง"

    พี่สุดใจอาจเล่าเสริมเรื่องของคุณ mead ค่อนข้างยาวไปสักนิด แต่ก็เพื่อให้ท่านที่สนใจได้มีมุมมองที่กว้างขึ้นอีก เมื่อเริ่มมีพยานบุคคล ปรากฏเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และหลายท่านก็ไม่ได้อยากที่จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหรอก แต่ถึงเขาจะอยากหรือไม่ มนุษย์ต่างดาวก็ต้องมาติดต่อตามโครงการที่วางไว้นานแล้ว ไม่ว่าแต่ท่านเหล่านั้นจะทราบหรือไม่ก็ตาม

    นี่คือสิ่งที่หลายต่อหลายท่านให้ความสนใจ ดังนั้นหลายคณะ ที่ไปเขากะลา จึงได้มีการเดินทางไปบ้านอาจาย์ทองในระยะนั้น และสิ่งที่คุณ mead เห็น ว่ามีวัตถุ "รูปทรงซิการ์" ลอยอยู่เหนือบ้านอาจารย์ในวันที่เดินทางไปนั้น ก็เป็นยานใหญ่ ที่ลอยอยู่ตามจุดต่าง ๆ และเป็นที่เก็บยานฯ ลำเล็กๆ ไว้ภายใน เพราะยานลำเล็กจะลอยอยู่บนโลกมนุษย์โดยอิสระในเวลานานมากไม่ได้ ต้องเข้าที่เก็บ ยานใหญ่ลำหนึ่งจะบรรจุยานลำเล็กได้หลายลำ แล้วแต่ขนาดของยานลำใหญ่ และจะปล่อยยานลำเล็กออกมาปฏิบัติภารกิจในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ละคราวไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2007
  17. LaVio

    LaVio Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    48
    ค่าพลัง:
    +85
    ผมเคยเห็นตอนเรียน ม.2 นานมากแล้ว หลังบ้านเ้ก่าผมเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ผมเห็นวัตถุเหมือนรูปเมล็ดข้าวแต่มนกลมหัวท้าย สีขาวมีลักษณะสะท้อนแสงเล็กน้อย
    ลอยอยุ่นิ่งไกลจนเห็นความกว้างเท่าเล็บมือ อยู่นานมาก เป็นชั่วโมงทีเดียว ฟ้าวันนั้นก็ไม่มีเมฆสักนิด จำได้ว่าเข้าไปกินข้าวในบ้านออกมาแล้วยังอยู่ มองอยู่นานจนไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเป็นบอลลูนกระมัง(สมัยนั้นมันมีที่ไหนบอลลูนในไทยมาทราบเอาตอนโต)

    กับอีกครั้งตอนโตแล้วเรียนจบ ขึ้นไปเดินเล่นบนดาดฟ้าตอนกลางคืน ดึกแล้วหล่ะครับแต่นอนไม่หลับ ผมเห็นลุกไฟคล้ายดาวตกแต่พุ่งเร็วมากกว่าดาวตกทั่วไปลักษณะพุ่งจากดินขึ้นสู่ท้องฟ้า ในระยะไกลแต่ชัดเจนมาก

    ด้วยความสัตย์จริงไม่ได้แต่งเรื่อง แค่อยากเล่าสู่กันฟังครับ
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    มี vdoที่นักบินอวกาศภาพถ่าย"ยานแม่ทรงซิการ์"ได้ด้วยครับ
    บินผ่านท้องฟ้า มีแสงเรืองรอบตัวเหมือนที่เห็นมาก ต่างกันที่สีเท่านั้นเองครับ
    http://www.ufoarea.com/aas_flyingrods.html

    [vdo]http://www.ufoarea.com/flyingrods.wmv[/vdo]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2007
  19. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    - ณ ช่วงเวลานี้ ที่เขากะลาไม่มีใครอยู่เลย เนื่องจากก่อนหน้านั้น บนเขากะลา เป็นสำนักสงฆ์ มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาประจำอยู่รูปหนึ่ง ชื่อหลวงตาลี และเมื่อประมาณปี 2543 ท่านอายุมากแล้ว 80 กว่า และไม่ค่อยแข็งแร็ง ท่านจึงลาสิขาบท กลับไปอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี

    กลุ่มเขากะลา ในขณะนั้น ก็ได้เดินทางไปฝึกนอกสถานที่ต่อจากนั้นหลายปี จึงไม่ได้ขึ้นไปอยู่ประจำบนเขากะลาอีก แต่ได้เดินทางไปเป็นบางครั้ง เมื่อมีคณะบุคคลต้องการเดินทางไปเยี่ยมเยียน สภาพเขากะลา จึงดูค่อนข้างรก ดังภาพที่นำมาให้ชมนั้น

    ดังนั้น หากต้องการเดินทางไปนครสวรรค์ พี่สุดใจก็ยินดีพาไปนะคะ แต่ควรมีรถส่วนตัวเดินทางไปกัน ไม่จำกัดว่ากี่ท่าน มีบางครั้งท่านที่สนใจจะไปคนเดียว เราก็พาไปนะคะ โดยทีมเราจะร่วมเดินทางไปด้วย 2 - 3 คน แต่ต้องมียานพาหนะส่วนตัวไป เพราะระยะทางเข้าไปถึงเขากะลาจะไม่มีรถประจำทางผ่าน ถ้านั่งรถโดยสารไป ต้องเดินเข้าไปไกลมาก ไม่ต่ำกว่า 6 กิโลเมตรจากปากทางเข้า

    ท่านต้องเตรียมเครื่องนอนไปเองนะคะ หรือถ้าไม่นอน อยากนั่งสมาธิ เราก็มีเสื่อ และเก้าอี้ผ้าใบให้ท่านได้นั่งเล่น นอนเล่น ดูสิ่งต่าง ๆ ที่จะมาปรากฏเอง

    เรื่องอาหาร ท่านต้องนำอาหารกันไปเอง ซึ่งอาหารจะหาซื้อได้ที่สถานีรถไฟนครสวรรค์ เพราะเป็นทางผ่านก่อนไปเขากะลา มีขายมากมายให้เลือก และนำไปทานกันบนเขา

    หากท่านใดประสงค์ที่จะเดินทางไป กรุณาติดต่อพี่สุดใจโดยตรง โดยส่งข้อความมาใน ข้อความส่วนตัวถึงพี่สุดใจ ในกระทู้นี้นะคะ เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือหากต้องการเดินทาง จะได้นัดหมายกันค่ะ

    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ยินดีต้อนรับทุกท่าน สวัสดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2007
  20. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451


    ขอบคุณค่ะ ที่ยังจำได้ และยังให้ความสนใจติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดมา

    ตอนนี้ พี่สุดใจกำลังให้คุณดุษฎี สมาชิกร่วมฝึกท่านหนึ่ง ช่วยตัดภาพให้กระชับลง เพราะบางช่วงตั้งกล้องถ่ายไว้นาน หลายนาที จึงต้องให้ตัดเฉพาะช่วงที่เห็นชัดเจน เพื่อนำมาให้ชมกัน

    หากได้ภาพที่ตัดให้สั้นลงคลิปละ 1 - 2 นาทีเรียบร้อยแล้ว มีปัญหาตรงที่พี่สุดใจโพสต์คลิปวีดีโอ UFO ไม่เป็น แต่บังเอิญได้น้องคนหนึ่งในเว็ปไซด์นี้ ยินดีอาสาช่วยเหลือ โดยจะนำคลิปวีดีโอภาพต่าง ๆ มาโพสต์ลงในกระทู้นี้ให้ ซึ่งพี่สุดใจก็ขอขอบคุณอย่างยิ่ง ในความมีน้ำใจในครั้งนี้

    คาดว่า น่าจะเป็นอาทิตย์หน้า คงจะได้ทยอยชมกัน โดยเฉพาะภาพเปิดมิติที่คุณให้ความสนใจ รับรองได้ชมแน่นอนค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...