<<<<<<<______คนส่องพระ ______>>>>>>>

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย อั๋นวัดสาม, 22 ตุลาคม 2012.

  1. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    สวยทุกองค์เลยคร้าบบบบบพี่บอยcatt7
     
  2. nawin2530

    nawin2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +957
    สวยทุกองค์เลยคร้าบบบบบพี่บอยcatt7
     
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    หลวงพ่อทอง หรือหลวงพ่อวัดเขาตะเครา พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดเกาะแก้ว ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี จัดสร้างพุทธาภิเษกที่วัดเขาตะเคราปี ๒๕๓๖ และนำมาให้ญาติโยมบูชาที่วัดเกาะแก้ว ยังมีเหลือให้เช่าบูชา
     
  4. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]


    หลวงพ่อแปลก วัดปากปรน จังหวัดตรัง พระเกจิผู้สืบสานวิชาสายวัดเขาอ้อจาก
    พ่อท่านปาล และพ่อท่านนำ ชินสังวโร


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    ท่านแปลกสมชื่อมากๆจนชาวตรังรู้จักกันดี ท่านเป็นคนที่หาศพสุดท้ายจากเหตุการณ์ที่น้ำตกกระช่องเจอ ซึ่งถ้าหลายๆท่านได้ดูข่าวจะเห็นได้ว่า ศพสุดท้ายหาอย่างก็หาไม่เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงเชิญหมอบ้านมาทำพิธีแล้วก็หาไม่เจอ จนสุดท้ายได้นิมนต์หลวงพ่อแปลก ซึ่งเมื่อหลวงพ่อแปลกมาถึงที่น้ำตก ท่านก็ได้เดินไปชี้ศพ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นก็เป็นที่ฮือฮากันมาก คนมามุงดูเต็ม
    ท่านเลยบอกคนที่พาท่านมาว่าท่านอยากกลับวัด แต่ด้วยความวุ่นวายของญาติๆ ณ ตอนนั้นทำให้มีคนไปส่งท่านช้า ท่านจึงเดินกลับวัดเอง ครับ เดินกลับวัดเอง เมื่อคนที่พาท่านมารู้ดังนั้นก็ตามหาท่านหาอย่างไรก็หาไม่เจอ จึงตัดสินใจขับรถกลับวัด พอไปถึงวัด ปรากฎว่า ท่านได้เดินทางมาถึงแล้ว...แปลกสมชื่อมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  5. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]


    วัดศรีสวรรค์สังฆาราม
    (วัดถือน้ำ)
    ............................................................................................................

    วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ)
    เลขที่ ๑๑๔ บ้านถือน้ำ หมู่ที่ ๒ ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินวัด
    จำนวน ๓๓ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา ทิศเหนือติดที่ดินนายเกลี้ยง รุ่งรัตน์ ทิศใต้จรดที่ดิน ร.ต.หล่ำ ชาญธัญการ
    ทิศตะวันออกติดที่ดินนางฟื้น สิมมาขันธ์ และทิศตะวันตกติดกับทางสาธารณะและแม่น้ำเจ้าพระยา ตามเอกสาร
    ส.ค. ๑ เลขที่ ๙

    พื้นที่ตั้งวัด
    เป็นที่ราบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันออก อยู่ห่างจากที่ตั้งหน่วยมณฑลทหารบกที่ ๓๑ ค่ายจิรประวัติ
    ประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร วัดศรีสวรรค์สังฆาราม เดิมมีชื่อว่า "วัดถือน้ำ" ได้สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๐
    เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของทางราชการประจำทุกปี ต่อมาทางราชการได้สร้างศาลหลักเมืองขึ้น
    จึงได้ย้ายไปประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาที่ศาลหลักเมือง นามวัดจึงได้เปลี่ยนเป็นวัดศรีสวรรค์สังฆาราม แต่ชาวบ้านยังนิยม
    เรียกนามเดิมว่า "วัดถือน้ำ" อยู่ตลอดมา

    ปูชนียวัตถุ
    ที่มีคู่กับวัดแต่โบราณกาลคือวิหารซึ่งเป็นอุโบสถหลังเดิมมีขนาดกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๑๔ เมตร มีพระประธานประจำ
    อุโบสถ ๑ องค์เป็นพระพุทธรูป เนื้อปูนลงรักปิดทองขนาดหน้าตัก ๔ ศอก ๑ คืบ พุทธลักษณะสมัยอู่ทอง แต่ปัจจุบันได้
    ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นพุทธลักษณะสมัยสุโขทัย และยังประดิษฐานอยู่ในวิหาร

    ประวัติบุษบก สมัย ร.๕
    เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประภาสต้นครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๔๙ ประมาณเดือนสิงหาคม ขาล่อง
    เสด็จพระราชดำเนินถึงปากน้ำโพได้พระราชทางบุษบกไว้แก่วัดถือน้ำ ทางวัดได้เก็บรักษาไว้ระยะหนึ่ง ต่อมาได้ทำเรื่อง
    ขอขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร มีเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรมาดู แล้วแจ้งว่าจะขอไปไว้ในกรุงเทพฯ แต่หลวงพ่อไม่ยอมให้
    ไปเรื่องการขอขึ้นทะเบียนจึงเงียบไป ไม่มีใครสานต่อทางวัดจึงเก็บรักษาไว้ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ของผู้ที่สนใจต่อไป
    ประวัติต้นพิกุล-บุนนาค-สารภี-ลำดวน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดถือน้ำ
    เพื่อประกอบพิธีตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถวัดถือน้ำ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ และในหลวงได้ทรงปลูกต้นพิกุล
    ส่วนพระราชินีทรงปลูก ต้นบุนนาค ในการเสด็จครั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเจ้าหญิงจุฬาภรณ์
    วลัยลักษณ์ ได้เสด็จฯ มาในครั้งนี้ด้วย และเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์มาในการทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและ
    ทรงยกฉัตรเหนือยอดเจดีย์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี และ
    ได้ทรงปลูกต้นสารภีลำดวน เป็นที่ระลึกไว้ด้วย

    ประวัติกุฏิ ภปร.
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๙) เสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดถือน้ำ เพื่อประกอบพิธีตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถวัดถือน้ำ
    เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ พระองค์ทอดพระเนตรเสนาสนะในวัดถือน้ำแล้ว รู้สึกว่ามีความขาดแคลน
    จึงพระราชทางเงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท แก่ หลวงพ่อสมควร เพื่อใช้สร้างกุฏิ ภปร. หลวงพ่อสมควร จึงบอกบุญญาติโยม
    ช่วยสมทบเงิน จึงสร้างกุฏิจนแล้วเสร็จ

    ประวัติอนุสาวรีย์ม้าญี่ปุ่น
    เมื่อครั้งสมัยประเทศไทย - ประสบสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยมีกองทหารญี่ปุ่นได้เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทยทำสงคราม
    รวมทั้งเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ด้วย ต่อมาญี่ปุ่นแพ้สงคราม นายกองทหารญี่ปุ่นจึงสั่งให้ทำลายทุกสิ่งที่มีอยู่
    รวมทั้งม้าจำนวนประมาณ ๔๐ ตัวที่เหลืออยู่ก็ต้องฆ่าให้ตายด้วยนายทหารญี่ปุ่นจึงจำใจต้องยิงม้าทุกตัวแล้วฝังไว้บริเวณ
    เชิงเขาเขียว เมื่อนายกองทหารญี่ปุ่นกลับไปถึงประเทศของตนแล้วจิตใจก็ยังนึกถึงแต่เหตุการณ์ที่ได้ฆ่าม้าเหล่านั้นตลอดเวลา
    ทำให้มีอาการทรมานมากนายกองทหารญี่ปุ่นจึงได้เดินทางกลับมาเมืองไทยแล้วมาทำบุญอุทิศแผ่ส่วนกุศล และสร้าง
    อนุสาวรีย์ม้าไว้ที่วัดถือน้ำถึง ๒ แห่ง ซึ่งนายกองทหารญี่ปุ่นได้เดินทางมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ถึง ๕ ครั้ง และได้มอบของที่ระลึก
    ไว้แก่พระณรงค์ คนฺธสีโล คือ เครื่องคิดเลขและปากกา ปัจจุบันนายกองทหารญี่ปุ่นอายุประมาณ ๘๒ ปี

    วิหารวัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ)
    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก เดิมเป็นอุโบสถ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่ทรงวิหารเป็นศิลปะสมัยอู่ทอง พระประธานเป็น
    พระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองศิลปะอู่ทอง (ปัจจุบันได้ถูกซ่อมเป็นศิลปะสุโขทัย) แต่เดิมเป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา
    ของทางราชการ

    ต่อมาทางวัดได้สร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาเมื่อสร้างอุโบสถเสร็จแล้วได้
    ขอพระราชทางอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วย
    พระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินทางประกอบพิธีฝังลูกนิมิตอุโบสถ ทรงรับเชิญเสด็จพระราชดำเนิน
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๙ เมื่อทรงประกอบพิธีฝังลูกนิมิตอุโบสถเสร็จแล้วได้เสด็จพระราชดำเนินเข้าไป
    พักผ่อนพระราชอิริยาบถภายในวิหาร ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และได้ทรงพระราชปรารภกับหลวงพ่อสมควรฯ
    เจ้าอาวาสว่า "ควรจะรักษาอุโบสถหลังเก่านี้ไว้เป็นวัตถุโบราณ ทุกวันนี้ของเก่าหาดูไม่ค่อยได้แล้ว"เพื่อเป็นการสนองพระราชประสงค์
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ หลวงพ่อสมควรจึงได้ชักชวนศิษยานุศิษย์ อุบาสก อุบาสิกา พุทธศาสนิกชนร่วมกัน
    บูรณปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๒๕ ซึ่งเป็นปีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี ถวายเป็นพระราชกุศลแก่
    พระมหากษัตริย์ในราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้ทรงทำนุบำรุงประเทศชาติศาสนาให้เจริญวัฒนาจนตราบเท่าทุกวันนี้
    พระสยามเทวาธิราช เป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชอาณาจักรไทยหล่อด้วยทองคำทั้งพระองค์ สูงขนาด ๘ นิ้วฟุต
    ทรงเครื่องต้น พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์มีสัดส่วนงดงามมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ แห่งราชจักรีวงศ์
    โปรดให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ นายช่างเอกเป็นผู้ปั้นและหล่อขึ้นไว้สักการะบูชา ทรงถวายพระนามว่า"พระสยามเทวาธิราช"
    การที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นไว้สักการบูชานี้ ก็ด้วยทรงพระราชดำริ
    เห็นว่าประเทศไทยของเรานี้ มีเหตุการณ์สำคัญๆ หวุดหวิดจะเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นไปได้
    ทุกครั้งตลอดมา ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งคอยพิทักษ์รักษาอยู่แน่นอน จึงได้โปรดให้สร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้น
    ประจำพระราชอาณาจักรดังกล่าวแล้ว

    ในวโรกาสที่ได้มีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    ให้อัญเชิญพระสยามเทวาธิราชออกมาประดิษฐาน ณ บุษบกหน้ามุขเด็จ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเพื่อให้ประชาชนชาวไทย
    ได้เข้าถวายสักการบูชาเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ ๗-๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ ทั้งนี้เพื่อความเป็นศิริมงคลและความร่มเย็นเป็นสุข
    ของพระราชอาณาจักรไทย

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทางพระบรมราชานุญาต
    ให้วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (ถือน้ำ) ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ สร้างพระสยามเทวาธิราชหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์
    ประทับยืน พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ชัย พระหัตถ์ซ้ายทรงเครื่องต้นขัตติยาภรณ์เหมือนองค์จริง นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
    แก่พสกนิกรชาวจังหวัดนครสวรรค์อย่างหาที่สุดมิได้

    ได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้าง ตามหนังสือสำนักราชเลขาธิการ ที่ รล ๐๐๐๒/๖๐๕๑ ลงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๒๕
    พระมหาเจดีย์ พระมหาเจดีย์กาญจนภิเษก สร้างเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสทรงครองราชย์
    ครบ ๕๐ ปี พ.ศ.๒๕๓๙ องค์พระมหาเจดีย์ รอบฐานกว้าง ๒๒ เมตร ยาว ๒๒ เมตร สูง ๔๕ เมตร ชั้นล่างสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์
    ชั้นบนประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง มีพระพุทธชินราชหน้าตัก ๕๙ นิ้ว พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ
    พระพุทธรูปที่สำคัญของประเทศ และพระพุทธรูปสามสมัย คือ สุโขทัย เชียงแสน และอู่ทอง รวมทั้งสิ้น ๙ องค์
    ยอดพระมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และวัตถุมงคลของหลวงพ่อสมควร โดยวางศิลาฤกษ์เมื่อ
    วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
     
  6. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]


    พ่อท่านแปลก วัดปากปรน จังหวัดตรัง
    พระเกจิอาจารย์ สายเขาอ้อ

    พ่อท่านแปลก แปลกที่ว่า พระเกจิอาจารย์ สายเขาอ้อ องค์นี้เก่งจริง แต่ไม่มีใครรู้จักมากนัก ท่านแอบเร้นสงบวิเวกอยู่ที่ วัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ทั้งวัดมีท่านอยู่เพียงองค์เดียว สมถะ วิเวก เรียบง่าย น่านับถือ มองดวงตาของท่านแจ่มใสเป็นประกาย แสดงให้เห็นถึงญาณสมาบัติอันกล้าแกร่ง มีเพียงคนใน จังหวัดตรัง และใกล้เคียงไม่มากนักที่รู้ว่า พ่อท่านแปลก มีอภินิหาร และแก่กล้าพุทธาคมอย่างยิ่งยวด หลายครั้งหลายหนที่ผู้คนประสบพบเห็นอภินิหารของท่านอย่างน่าอัศจรรย์
    ผู้เขียนเดินทางไปพบ พ่อท่านแปลก ครั้งแรก เพื่อพิสูจน์ว่าท่านเดินไปท่ามกลางสายฝนแต่ไม่เปียก ตามที่เพื่อนผู้หนึ่งซึ่งเคยเดินไปพร้อมกับท่านแต่เปียกฝนเล่าให้ฟัง เพื่อดูว่ามีข้อเท็จจริงเพียงใด แต่วันนั้นไม่พบท่าน มีคนมาหารับไปช่วยผู้ประสบเคราะห์กรรมบางอย่างที่พัทลุง นับจากวันนั้นนับเดือน จึงมีโอกาสไปพบท่าน ด้วยการอำนวยความสะดวกอย่างดียิ่งจาก พ.ต.อ.จักรภาณุ ฤทธิ์สุนทร ผู้กำกับการ สถานีตำรวจอำเภอเมือง จังหวัดตรัง และได้พบเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์หลายประการ ซึ่งจะนำมาถ่ายทอดให้ท่านผู้อ่าน ลานโพธิ์ ได้รู้จักพระเถระผู้มีความน่าศรัทธาเลื่อมใสอีกองค์หนึ่งของภาคใต้
    พ่อท่านแปลก เกิดในสกุล ชูเท้า ที่บ้านร่มเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478 บิดาชื่อ นายปาน ชูเท้า มารดาชื่อ นางคุ้ม ชูเท้า เมื่อวัยเยาว์ได้ช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนาอยู่ที่บ้านตำบลร่มเมือง จนมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่ วัดกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ จึงเกิดความสนใจ วิชาเวทมนต์ คาถาอาคม และ ไสยศาสตร์ แขนงต่างๆ มาก พยายามเสาะหาครูบาอาจารย์ศึกษา จนไปพบ อาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ ได้เรียนวิชาการต่างๆ มามากมาย เมื่อออกพรรษาบิดา-มารดาให้ลาสิกขามาช่วยงานทางบ้านทำนาต่อไป จึงต้องสละเพศบรรพชิตทั้งที่จิตใจฝักใฝ่จะอยู่ต่อ

    เมื่อมาช่วยงานทางบ้านมีเวลาว่างๆ ก็หันไปแสวงหาอาจารย์เรียนรู้ วิชาทางไสยศาสตร์อยู่เสมอ จนได้พบกับพระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ ที่บ้านควนขนุน ได้รับการชี้แนะแนวทางเวทมนต์วิทยาคมมากมาย ต่อมามีครอบครัวและเมื่ออายุได้ 33 ปี เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก เพราะมีจิตใจใคร่ทางธรรมอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก จึงตัดสินใจลาครอบครัวออกอุปสมบทตามความตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2510 โดยมี พระครูมุทิตานุรักษ์ วัดท่าแค เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูนิเทศน์ธรรมวินัย วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาผัน วัดโคกโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ปุสฺสเทโว ณ พัทธสีมา วัดควนขี้แรด แล้วจำพรรษา ณ วัดควนขี้แรด พัทลุง ได้หนึ่งพรรษา จึงไปอยู่ วัดดอนปรัง แล้วไปจำพรรษาที่ วัดควนโตนด จากนั้นไปอยู่ วัดบางขัน ต.ห้วยไทร อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อค้นคว้าเรียนวิชา สายเขาอ้อ กับ หลวงพ่อปาน อีกครั้งหนึ่ง จนเรียนรู้ชำนาญสามารถปฏิบัติได้เห็นจริง จึงธุดงค์ข้ามจังหวัดจากพัทลุง หาความสงบวิเวกบนเขาพับผ้า อยู่ในป่าเพื่อฝึกจิตให้กล้าแข็ง ปฏิบัติธรรมจนถึง พ.ศ.2512
    >>>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  7. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    จึงธุดงค์มาถึง วัดปากปรน กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง พบว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่ มีกุฏิเก่าๆ และศาลาผุพังกับป่ารกทึบสงบวิเวก จึงได้จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดปากปรน เพียงองค์เดียว วัดปากปรน ครั้งนั้นเป็นป่าที่สงบตรงกับความต้องการของท่าน มีสัปปายะที่ดีในการบำเพ็ญภาวนา ระหว่างจำพรรษาอยู่ วัดปากปรน เริ่มมีชาวบ้านผ่านมาเข้าไปกราบนมัสการ และเริ่มรู้จักท่านมากขึ้น เพราะนอกจากวิชาคาถาอาคมและไสยศาสตร์แล้ว ท่านมีความชำนาญในตำรารักษาโรคด้วยสมุนไพรอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากระหว่างที่ท่านธุดงค์อยู่บนเขาพับผ้านั้น มีชาวบ้านซึ่งพบตำรารักษาโรคและตำรับเวทมนต์ในถ้ำวัดในเขา นำเอาตำราทั้งหมดมาถวายท่านเอาไว้ เพราะเอาไว้ในบ้านแล้ว พบสิ่งอัศจรรย์มากมาย เอาไว้ไม่ได้จึงเอามาถวายท่าน ท่านได้ศึกษาตำรับตำราเหล่านั้นอยู่นานหลายปี จนมีความเข้าใจแจ่มแจ้ง
    ดังนั้น นอกจากวิชาที่ท่านได้เรียนมาจาก สำนักเขาอ้อ แล้ว วิชาบางส่วนท่านได้มาจากตำราที่ชาวบ้านพบในถ้ำแล้วเอามาถวายท่าน ด้วยใจที่สนใจไสยศาสตร์มาแต่เดิม จึงทำให้ท่านมุ่งมั่นฝึกฝนจนสามารถปฏิบัติได้จริง มีลูกศิษย์ของท่านหลายคนยืนยันว่า เคยเดินไปกับท่าน ฝนตกลงมา คนที่ร่วมเดินไปพร้อมกับท่านทุกคนเปียกฝนชุ่มโชก แต่ตัวท่านไม่มีฝนตกถูกจีวรเลยแม้แต่เม็ดเดียว สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เมื่อผู้เขียนถามท่านถึงเรื่องนี้ ท่านได้แต่หัวเราะ และเมื่อถามมากๆ ท่านก็ยอมรับว่า ท่านมีพุทธคุณปกป้องคุ้มครองอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน พ่อท่านแปลก ได้เล่าถึง คาถาอิติปิโส หลายบท และได้เน้นที่บท ฝนแสนห่า ท่านว่าใช้ทางแคล้วคลาด พร้อมทั้งเปรยว่า ฝนแสนห่า ตกลงมาไม่ถูกตัว ทำให้ผู้เขียนนึกถึง พระอาจารย์ศรีเงิน วัดดอนศาลา ศิษย์เขาอ้อ ซึ่งล่วงลับไปแล้ว ได้เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ตะกรุด ที่ท่านลงให้ในทางแคล้วคลาดนั้นชื่อ ตะกรุด ฝนแสนห่า ลงด้วยคาถา ฝนแสนห่า แบบฉบับของ สำนักเขาอ้อ ซึ่งมีเคล็ดพิธีกรรมอีกแบบหนึ่งไม่เหมือนใคร พุทธคุณของคาถา ฝนแสนห่า นั้น เปรียบประดุจ ฝนแสนห่า ตกลงมาไม่ถูกกาย ใช้ทางแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ผู้เขียนได้เน้นถาม พ่อท่านแปลก ในเรื่องนี้ปรากฏว่า วิชาที่ท่านเรียนมาเหมือนกับที่ อาจารย์ศรีเงิน ได้เล่าให้ฟัง เมื่อครั้งท่านมีชีวิตแสดงว่า พ่อท่านแปลก ได้สำเร็จวิชานี้ และสามารถทำได้ขลังมีผลให้เห็นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ท่านเล่าว่านอกจากจะได้วิชามาแล้ว หากไม่ฝึกปฏิบัติทางจิตจนเข้มแข็ง ก็ไม่สามารถทำได้ตามตำราที่เรียนมา
    พ่อท่านแปลก ไม่สรงน้ำมาหลายปี ในบรรดาผู้เคารพเลื่อมใส พ่อท่านแปลก จะทราบกันดีทุกคนว่า ท่านไม่สรงน้ำ ไม่เคยเห็นท่านสรงน้ำ ถามท่านว่า พ่อท่านไม่สรงน้ำมากี่ปีแล้ว
    พ่อท่านแปลก ตอบว่าจำไม่ได้ แต่แปลกที่ว่าเมื่อเข้าไปนั่งใกล้ท่าน กลับไม่มีกลิ่นกายแต่ประการใด วรรณะ ราศี ผิวพรรณ ของท่านกลับผ่องใสเปล่งปลั่งและดูสะอาดตามาก
    พ่อท่านแปลก อาบน้ำในกา ลูกศิษย์หลายคนของท่านเล่าว่า เคยเห็นท่านนั่งอยู่แต่ตัวเปียกน้ำ ทั้งๆ ที่วัดของท่านไม่มีห้องน้ำ และเมื่อสังเกตก็เห็นกาน้ำที่วางข้างตัวท่าน รอบๆ กามีน้ำเปียกอยู่โดยรอบ ฝากาเปิดอยู่ จึงถามท่านว่า พ่อท่านไปอาบน้ำที่ไหนมา ท่านหัวเราะแล้วหันไปมองที่กาน้ำ โดยไม่เอ่ยปากพูดอะไร ลูกศิษย์จึงเข้าใจว่าท่านคงอาบน้ำในกา เพราะหลายคนทราบดีว่า พ่อท่านมีวิชาสามารถย่นหนทางและย่อกายได้อย่างน่าอัศจรรย์
    ปืนยิงไม่ออก หลายปีมาแล้ว ชาวบ้านรอบๆ วัดปากปรน แอบเข้ามาเล่นการพนันในเขตวัด โดยใช้ศาลาเป็นสถานที่ เมื่อเล่นไปก็มีคนเสียเงินบ้าง คนได้เงินบ้าง คนที่เสียมากคนหนึ่งเป็นนักเลงในท้องถิ่นนั้น เมื่อไม่มีเงินจะเล่นต่อ จึงเข้าไปขอเงิน พ่อท่านแปลก ที่กุฏิ ท่านรำคาญจึงหยิบเงินส่งให้ไป ชายผู้นั้นหายไปพักหนึ่งก็กลับมาอีก คราวนี้มีอาการเมาเหล้า บอกว่าเงินพ่อท่านหมดแล้วขออีก ท่านจึงบอกว่าไม่มีให้ไปหมดแล้ว ชายผู้นั้นก็เซ้าซี้จะเอาเงินให้ได้ พ่อท่านไม่มีให้ จึงเกิดโมโห ชักปืนขนาด .38 ขึ้นขู่พ่อท่าน เพื่อจะเอาเงิน>>>
     
  8. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    ท่านก็ตอบว่าไม่มีเพราะให้ไปหมดแล้ว จึงลั่นไกปืนยิงท่าน นัดแรกเสียงดัง แช็ก นัดสอง นัดสาม ก็เป็นเช่นเดิม ลูกปืนไม่ลั่น พ่อท่านแปลก จึงบอกว่าให้ไปไกลๆ ไปยิงนอกวัดโน้น ชายผู้นั้นจึงเดินออกไปยิงที่หน้ากุฏิของท่านอีก 1 นัด ก็ไม่ออก จึงออกไปยิงขึ้นฟ้าที่หน้าวัด ปรากฏว่ายิงออกทุกนัด เรื่องนี้มีชาวบ้านร่วมเห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าให้ฟังตรงกัน (ชายผู้นี้ขอสงวนชื่อ ขณะนี้โดนจับคดียิงคนตายยังอยู่ในเรือนจำ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นานก็ไปยิงผู้อื่นตาย และถูกตำรวจจับได้)
    พ่อท่านแปลก พระเกจิอาจารย์ ผู้เข้มขลังและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านถือสันโดษและปฏิบัติธรรม ด้วยการพิจารณา อสุภะกรรมฐาน เป็นเนืองนิตย์ มีกระแสจิตแก่กล้า แต่มีความเมตตาเป็นเลิศ นับเป็น พระเกจิอาจารย์ อีกองค์หนึ่งของภาคใต้ ที่น่าเคารพและศรัทธายิ่ง

    วัตถุมงคล ที่ท่านได้ปลุกเสกไว้ โดยมีลูกศิษย์ได้ช่วยสร้างถวายให้ท่านปลุกเสก แล้วให้ทำบุญเอาไปสร้างถาวรวัตถุใน วัดปากปรน ผู้ที่ได้ไปต่างมีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์จำนวนมาก วัตถุมงคล ที่เหลืออยู่ และนำมาฝากท่านผู้อ่านให้ร่วมทำบุญกับท่าน มีดังนี้
    1. เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2538
    2. ล็อกเกตรูป พ่อท่านแปลก
    3. แหวนพิรอด สร้างจากแผ่นยันต์หล่อหลอมเทเป็นแหวน
    4. สายคาดเอว เป็นผ้ายันต์ม้วน แล้วถักด้วยเชือกใช้สำหรับคาดเอว ซึ่งผู้ที่นำไปใช้มีประสบการณ์มากมาย
    5. ผ้ายันต์ ปกป้องคุ้มครอง
    6. ผ้ายันต์ เมตตาค้าขาย
    7. รูปหล่อ เนื้อเซลลิก้าผสมผง
    8. รูปหล่อ เนื้อทองเหลือง


    มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นาง สำอางค์ หนูแก้ว ชาวบ้านตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ได้มานมัสการขอ ผ้ายันต์ ของพ่อท่าน เพื่อเอาไปผูกกับรถมอเตอร์ไซค์ เธอเล่าประสบการณ์กับ พ่อท่านแปลก ว่า เธอเคยป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้นานหลายปี มีคนพามาหา พ่อท่านแปลก ท่านต้มยาให้กินและช่วยรักษาเธอ จนทุกวันนี้เธอเดินได้เป็นปกติเหมือนเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ ต่อมาเธอได้แต่งงานกับหมออนามัย ตำบลโพรงจระเข้ จึงได้เอาผ้ายันต์และสายคาดเอวของ พ่อท่านแปลก ไปผูกไว้กับรถปิกอัพของสามี ให้ปกป้องคุ้มครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012
  9. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    สวยงามและดูขลังมากครับพี่โญ...^^
     
  10. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    แปลกสมชื่อท่านจริงๆครับพี่กูล....
    ไม่เคยรู้จักมาก่อน....ดีจังที่ได้นำเรื่องราวพ่อท่านแปลกมาให้อ่านกันครับ.. ^^
     
  11. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805
    เค้าโพสรูปกันยังไงอ่ะครับ ทำม่ายเป็นเริ่ม เบื่อละ โพสรูปไม่ได้
     
  12. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    อ่านจบทุกตัวอักษรแล้วรู้สึกศรัทธาพ่อท่านแปลกมากครับพี่กูล...
    พระสายใต้มักมีเรื่องอัศจรรย์มานักต่อนักเลยครับ...

    อนุโมทนามิ...
     
  13. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ฝากรูป ฝากรูปฟรี โหลดเร็ว ไม่มีล่ม คิดจะฝากรูปคิดถึงโอ้โหซ่าส์

    ลองเข้า link นี้นะ..
    แล้วเลือกโหลดรูป...พอรูปปรากฏแล้วก็ copy ทั้งหมดในช่อง BBCode [Full image] มาวางบนหน้าโพสนี้...ไม่ยากครับ ลองทำดู..
     
  14. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,805


    โอ้วววว เซ็งหนักกว่าเก่าอีก เครื่องที่ office บล็อกเว็บ....:':)'(
     
  15. Haarhus

    Haarhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +2,542
    ยังมีอีก2รูปคล้ายๆพ่อท่านแปลกนะเพื่อนนอร์ พ่อท่านมุ่ยวัดป่าระกำเหนือกับอาจารย์ทองเฒ่าวัดเขาอ้อ เงียบกริ๊บ น่าเกรงขาม ขลัง เห็นแล้วเข่าอ่อนอิอิ
     
  16. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735


    อ้าว...งั้นก็ต้องทำใจเลยครับ..แหะๆ...

    ว่าแต่ IT ที่นั่นเลือกบล๊อกบางเวปเหรอครับ...

    งั้นลองอีก link ครับ..ถ้าโดนบล๊อกอีกก็คงต้องรอกลับไปโหลดที่บ้านล่ะครับ..

    ฝากรูป
     
  17. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    โชคดีที่ได้รู้จักนักเก็บสะสมพระสายใต้อย่างเพื่อนซันและอีกหลายๆท่าน...
    เพราะความรู้พระสายใต้น้อยมากจริงๆ...ที่รู้จักดีสุดก็หลวงปู่ทวดเท่านั้น... ^_^
     
  18. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    หลวงพ่อเกษมองค์นี้ย่าผมให้ไว้แขวนเมื่อตอนอายุ 13 ขวบ...

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  19. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    พระทางใต้สายเขาอ้อเก่งๆทั้งนั้นเลยครับ
     
  20. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,508
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ในบรรดาลูกศิษย์ของสมเด็จลุน หลวงปู่สีทัตต์ถือเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการถ่ายทอดตำราวิทยาคมจากสมเด็จลุนจนหมดสิ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกไม้จะหล่นไกลต้น

    เมื่อสามเณรสุภาได้กราบนมัสการหลวงปู่สีทัตต์แล้วได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่สีทัตต์ได้รับสามเณรสุภาเป็นศิษย์ด้วยความยินดี นับว่าหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานองค์แรกของสามเณรสุภา

    สามเณรสุภาได้เริ่มฝึกกรรมฐานและออกธุดงค์กับหลวงปู่สีทัตต์ ซึ่งท่านได้พาสามเณรสุภาธุดงค์ข้ามไปฝั่งลาว หลวงปู่สีทัตต์ได้พาไปที่ถ้ำภูเขาควายเป็นถ้ำขนาดใหญ่มีความสวยงามน่าอยู่ ในถ้ำแห่งนี้มีพระสงฆ์ไปปฏิบัติธรรมรวมกันมาก ถ้ำภูเขาควายเปรียบเสมือนถ้ำสำนักตักศิลาที่มีพระสงฆ์ลาวและไทยไปจำพรรษาและแลกเปลี่ยนวิชาอาคม หนทางที่จะไปถ้ำภููเขาควายลำบากมาก เต็มไปด้วยสิ่งเร้นลับ พระธุดงค์ที่เดินทางไปถ้ำภูเขาควาย ถ้ามีวิชาอาคมไม่แก่กล้าพอ มักจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก

    สามเณรสุภาได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์ไปธุดงค์จนอายุครบอุปสมบทในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ หลวงปู่สีทัตต์จึงได้อุปสมบทให้สามเณรสุภาภายในถ้ำภูเขาควาย โดยมีหลวงปู่สีทัตต์เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเถระที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดถ้ำภูเขาควายเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “กนฺตสีโล”

    หลังจากอุปสมบทแล้ว หลวงปู่สุภาได้อยู่ปฏิบัติธรรมต่อไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นได้ติดตามหลวงปู่สีทัตต์กลับมาจำพรรษาที่วัดท่าอุเทนเพื่อดำเนินการก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทน เมื่อมีเวลาว่างท่านจะพาหลวงปู่สุภาและลูกศิษย์ออกธุดงค์แล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดท่าอุเทน จนกระทั่งสร้างพระธาตุท่าอุเทนเสร็จเรียบร้อย

    หลวงปู่สุภาได้อยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงปู่สีทัตต์เป็นเวลานานถึง ๘ ปี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 พฤศจิกายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...